(Inuyasha Fanfiction) Forever Love Sesshomaru&Rin
เขียนโดย MomijiNI
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.38 น.
แก้ไขเมื่อ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2560 00.18 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
13) ปม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความยามเช้าอันแสนสงบ สามีภรรยาคู่หนึ่ง ณ ปราสาทของจอมอสูรผู้ยิ่งใหญ่ก็ลืมตาตื่นจากห้วงนิทรา รินรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ที่บ่าวรับใช้ในปราสาท ต่างก้มหน้าก้มตาทำความเคารพเธอกันยกใหญ่ในทุกเส้นทางที่เธอได้ย่ำผ่าน จุดมุ่งหมายของรินในตอนนี้คือโรงครัวของปราสาทแห่งนี้ เพราะถึงสามีจะบอกให้เธออยู่เป็นภรรยาให้เขาเฉยๆ โดยไม่ต้องทำอะไรก็ตาม แต่เธอก็มาอาศัยเขาอยู่ จะให้นั่งนิ่งดูดายไม่ลุกขึ้นตอบแทนบุญคุณ หรือให้บ่าวมาคอยรับใช้นั่นก็ไม่ใช่นิสัยของเธอเสียด้วย ไม่นานรินก็เดินมาถึง แค่เพียงย่ำก้าวเข้าไปเท่านั้น บ่าวรับใช้ก็กรูกันเข้ามาหาเธอ ราวกับว่าจะโดนนายเหนือหัวฆ่า หากไม่ดูแลรับใช้เธอให้ดี
“องค์หญิงหิวรึเจ้าคะ?” บ่าวคนที่หนึ่งเอ่ย
“คือข้า…”
“สนใจอาหารของอสูรไหมเจ้าคะ? หรืออยากรับเป็นอาหารของมนุษย์ดีเจ้าคะ?” บ่าวคนที่สองเอ่ย
“เอ่อ…”
“องค์หญิงอยากรับอะไรเจ้าคะ? ข้าจะทำให้สุดฝีมือเลยเจ้าค่ะ” บ่าวคนที่สามเอ่ย แต่ก่อนที่บ่าวคนอื่นจะเริ่มเอ่ยอะไรกับริน เสียงอันเยียบเย็น ที่มองการกระทำที่เยอะเกินไปของพวกบ่าวรับใช้ที่ทำกับรินได้ซักพัก ก็ดังขึ้น
“พวกเจ้า หยุดได้แล้ว!”
“องค์ชาย!” บ่าวทุกคนสะดุ้งตัวโยน พลางนั่งก้มหน้าเคารพนายเหนือหัวอย่างตกใจ สายตาของสามีที่จ้องมองราวกับจะฆ่าแกงบ่าวพวกนั้น ทำให้รินพูดเอ่ยกับบรรดาบ่าวรับใช้ด้วยน้ำเสียงที่ตรงข้ามกับสามี
“พวกท่านไปทำอย่างอื่นเถอะค่ะ ทางนี้ข้าจะจัดการเอง”
คำพูดของรินทำให้บ่าวรับใช้ทุกคนอึ้ง ทั้งน้ำเสียงที่อ่อนโยน รวมไปถึงคำพูดที่พวกเธอเองก็ไม่เคยได้รับจากใคร แต่หากได้รับจากบุคคลซึ่งเป็นมนุษย์ตรงหน้า บ่าวทุกคนมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย หากแต่มองตาก็รู้ว่าเข้าใจตรงกัน พวกเธอรับรู้ได้เลยว่า เหตุใดจอมอสูรผู้ยิ่งใหญ่จึงใจง่ายพ่ายแพ้ให้แก่สตรีชาวมนุษย์ผู้นี้ เพราะขนาดพวกเธอเองที่เพิ่งจะเคยพบเป็นครั้งแรกนั้น ยังสัมผัสได้เลยว่าเธอผู้นี้ทั้งงดงามและมีจิตใจดีแค่ไหน
“อย่าเรียกพวกข้าว่าท่านเลยนะเจ้าคะ องค์หญิง”
“พวกข้าเป็นแค่…”
“ไม่เป็นไรค่ะ ข้าไม่ถือ” รินพูดพลางยิ้มให้
“เจ้าค่ะ” บ่าวทุกคนพูดพลางยิ้มให้รินเช่นกัน ก่อนจะก้มลงเคารพอย่างน้อบน้อม แล้วทยอยเดินกันออกไป
“วันนี้ท่านเส็ตโชมารูอยากทานอะไรคะ?”
“ถ้าเป็นเจ้า...ทำอะไรให้ ข้าก็กินได้หมด”
พูดจบเขาก็ยืนรอภรรยาจัดแจงเตรียมสำรับอาหาร ตอนนี้เส็ตโชมารูไม่ไว้ใจให้ใครทำอาหารให้นอกจากริน เขารู้ว่าตัวเขาเองมีศัตรูอยู่มากมาย แต่ก็ไม่รู้ว่าอสูรสาวที่ปลอมตัวเข้ามาเป็นบ่าวคนที่ยกน้ำชากับขนมมาให้เขาวันนั้นเป็นใคร? แล้วทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร? จริงๆ เขาควรที่จะตามไปจัดการหล่อนตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง แต่ใจนั้นนึกห่วงรินมากกว่า จึงคิดว่าไว้จัดการทีหลัง ขอแค่ไม่มาทำร้ายริน เขาก็พอจะเบาใจไปบ้าง
ไม่นานนักสองสามีภรรยาก็ทานอาหาาเสร็จ รินที่ตั้งใจว่าจะไปที่ถ้ำจอมเวทจึงต้องแห้ว เมื่อเส็ตโชมารูขอร้องให้เธออยู่ช่วยงานเขาที่ปราสาท เนื่องจากตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่ได้กลับมาสะสาง จนมันจะล้นออกมาจากห้องทำงานเสียแล้ว รินจึงต้องจำใจให้อุเมะภูติรับใช้ของเธอ ไปส่งสาส์นบอกคนที่ถ้ำว่าจะไม่ไปที่นั่นซักสองสามวัน พร้อมเหตุผลอันเลี่ยงไม่ได้
เส็ตโชมารูและรินเดินมาตามระเบียงทางเดิน เขาพาเธอเดินไปมารอบปราสาทอยู่ซักพัก เพื่อให้เธอได้ชื่นชมบรรยากาศของที่นี่ พร้อมทั้งพาไปสวนเล็กๆ ในปราสาท ที่คิดแปบเดียวก็รู้ว่าเธอจะต้องชอบ ไม่นานนักทั้งคู่ก็เดินมาตามทางที่จะไปยังห้องทำงาน เมื่อเส็ตโชมารูเปิดประตูห้องทำงานออก รินเองก็ต้องแทบผงะ เมื่อเห็นกองสาส์นมหึมาละลานตาไปหมด ซึ่งตรงข้ามกับเส็ตโชมารูที่ดูจะไม่สะทกสะท้านกับกองสาส์นนั้นซักเท่าไหร่
“โห!..ทำไมสาส์นมันเยอะแบบนี้ล่ะค่ะ?”
“ก็เยอะแบบนี้ทุกวัน”
รินเดินก้าวเข้าห้องพลางวางดอกสึบากิสีสวย ที่เด็ดมาจากสวนดอกไม้เล็กๆ นั้น ลงบนโต๊ะทำงาน ที่มีกองสาส์นวางระเนระนาดอยู่ ขณะที่เส็ตโชมารูเดินไปนั่งลงบนเบาะรองนั่งข้างโต๊ะเล็กที่อยู่ไม่ไกลจากโต๊ะทำงาน
“แล้วจะให้รินช่วยอะไรคะ?”
“มานั่งนี่สิ ข้าจะบอก” เขาพูดพลางตบมือแกร่งลงบนตักของตนเบาๆ รินเดินมานั่งลงอย่างว่าง่าย ตัวของรินเล็กและบอบบาง เมื่อเธอนั่งลงบนตักของเขา กลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วเรือนผมสีนิลนั้น เรียกความปรารถนาของอสูรหนุ่มได้เป็นอย่างดี เขาซุกหน้าลงบนเรือนผมของรินอย่างโหยหา เนิ่นนานจนคนที่นั่งอยู่บนตักต้องเอ่ยถาม เพราะเงียบเกินไป
“เอ่อ..นั่งแล้วก็บอกรินสิคะ?”
“...ข้าหิว...” เขาพูดโดยก้มซุกเรือนผมอยู่แบบนั้น คำตอบของเขายิ่งทำให้รินแปลกใจ
“เอ๊ะ? แต่ท่านเพิ่งทานข้าวไปนะคะ ท่านไม่อิ่มหรอคะ?”
“เปล่า..แต่..มันหอม..ข้าก็เลยหิว”
“หอม?..อะไรคะ รินไม่ได้กลิ่นอะไรเลย” สิ้นประโยคของริน เส็ตโชมารูก็จับรินนอนลงไปกับพื้นเสื่อทาทามิอย่างเบามือ นัยน์ตาสีอำพันนั้นเต็มไปด้วยแรงปรารถนา จนรินสามารถรับรู้ได้ ก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกรินด้วยเสียงแหบพล่า
“ก็..ตัวเจ้าไง…”
พูดจบร่างสูงก็ปลดเปลื้องทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งบนเรือนร่างของตน และร่างบาง ก่อนจะเริ่มบรรเลงบทเพลงรักที่แสนโหยหาร่วมกับภรรยาอย่างนุ่มนวล
จาเค็นเดินมาตามทางระเบียง เพื่อจะไปหานายเหนือหัวของปราสาท ที่สั่งให้มันมารับกองงานไปช่วยทำช่วงบ่าย แต่เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานก็พบว่า...
“ท่านเส็ตโชมารูขอรับบบ ข้า..อึ้ย!!”
“...”
จาเค็นผงะเมื่อเห็นเจ้านายของมันแต่งกายไม่เรียบร้อย กิโมโนชั้นในสีขาวกำลังถูกสวมใส่ กิโมโนชั้นนอกลายดอกไม้ที่เจ้านายของมันสวมใส่ประจำ ถูกคลุมอยู่บนตัวของรินที่นอนอยู่บนพื้น นั่นทำให้มันรู้ทันทีว่า มันเข้ามาผิดจังหวะเอามากๆ
“คือ..ข้า..คงต้องขอตัว…”
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
“เจ้าเอากองนี้ไปทำก็แล้วกัน ที่เหลือข้าจัดการเอง”
“ขอรับ!” จาเค็นเดินออกจากห้องไปพร้อมกับกองสาส์นจำนวนหนึ่ง และก้อนเนื้อที่บวมเป่ง เพราะถูกลงทัณฑ์จากเจ้านาย
เมื่อเห็นว่าลูกน้องคนสนิทออกจากห้องไปแล้ว เส็ตโชมารูก็กลับมาสนใจสาวน้อย ที่นอนหลับเพราะความเพลียอีกครั้ง พลางเหลือบไปเห็นดอกสึบากิที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของตน รินเก็บดอกไม้มาให้เขาอีกแล้ว.. ทั้งที่แท้จริงเขาไม่เคยชอบดอกไม้ กลิ่นของมันหวานหอมจนน่าเวียนหัว แต่เพราะเป็นรินที่เก็บมาให้ เขาจึงรับไว้โดยไม่เคยปฏิเสธ ไม่ใช่เพราะเริ่มชอบดอกไม้ แต่เป็นเพราะริน กลิ่นของรินเหมือนกับกลิ่นของดอกไม้ ทั้งหอม และยังอบอุ่น…
จมูกโด่งได้รูป ก้มลงลูบไล้สัมผัสแก้มอมชมพูนั้นอย่างอ่อนโยน สูดดมกลิ่นที่โหยหานั้น ก่อนจะค่อยๆ ผละออก พลางคิดในใจ
ข้าจะไม่ลืมอีก
กลิ่นของเจ้า
ข้าจะจำให้ลึกซึ้งกว่านี้
จะไม่ลืมอีก จะไม่จำผิดอีก
ข้าสัญญา...
-------------------------------------------------
ณ ปราสาทของอาณาจักรสุนัขอสูรจิ้งจอกขาว
ร่างสุนัขจิ้งจอกสีขาวเพศเมียตัวใหญ่ ที่มีหางสวยงามถึงเก้าหาง ทะยานจากฟากฟ้าลงมายังหน้าปราสาท ก่อนจะกลายร่างให้อยู่ในรูปของมนุษย์ แล้วเดินมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวปราสาท
คาโอริเดินเข้ามาพลางกำหมัดแน่นด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางกลับมาเป็นปกติ เมื่อเดินมาถึงหน้าบัลลังก์สีทองอร่าม ที่มีผู้เป็นบิดานั่งอยู่ ก่อนจะนั่งลงและก้มหน้าทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“ข้านึกว่าจะเห็นเจ้าเส็ตโชมารูกลับมาด้วยซะอีกนะ คาโอริ” ผู้เป็นบิดาพูดพลางลุกออกจากบัลลังก์ แล้วเดินมาหาคาโอริ
“คือ...ข้า…”
“ยื่นมือมาซิ”
คาโอริสบตาบิดา พร้อมกับยื่นมือขวาให้ บิดาของเธอสามารถรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างเธอกับเส็ตโชมารูได้ทันทีที่สัมผัสมือของคาโอริ
“ข้า...พยายามแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ”
“ขนาดมนตร์ของเจ้า ที่ได้ชื่อว่ารุนแรงกว่าพี่น้องทุกคน ยังทำอะไรมันไม่ได้ หึ! เป็นไปได้ยังไง! หรือเพราะมนุษย์ที่เป็นเมียมัน”
“ข้าว่า..ท่านพ่อน่าจะเปลี่ยนเป้าหม...”
“ข้าไม่เปลี่ยน! ยังไงก็ต้องเป็นมัน! เพราะมันมีทุกอย่างที่อาณาจักรเราต้องการ ทั้งกำลังรบ ทั้งผู้นำที่แข็งแกร่ง ทั้งอาณาจักรที่อยู่ใต้อาณัติของมัน หากได้ดองกันแล้ว เจ้าคิดดูสิคาโอริ ว่าอาณาจักรเราจะกลับมารุ่งเรืองแค่ไหน”
“แต่..ข้ารู้สึกเหมือนจะมีใครมาคอยช่วยมัน แล้วก็คอยขัดขวางข้าตลอดเวลา ข้าก็ไม่รู้ว่า ถ้ารอบนี้กลับไปอีก มันจะพังไม่เป็นท่าอีกรึเปล่าเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร คาโอริ ทางนั้นเขายังไม่รู้จักเจ้า เจ้างดงามเช่นนี้ มิรึใครจะกล้าปฏิเสธ บุตรสาวแห่งอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ทางตะวันออก อีกอย่างข้ามีแผนสำรอง หากทางอ้อมไม่ได้ ข้าก็คงต้องใช้ทางตรง คนที่แสวงหาแต่อำนาจให้ตัวเองยิ่งใหญ่อย่างมัน คงไม่กล้าปฏิเสธข้อเสนอของเราเป็นแน่ เพราะคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับมันแน่นอน”
-------------------------------------------------
ณ ปราสาทของอาณาจักรสุนัขอสูรจิ้งจอกเงิน
สองสามวันที่ผ่านมา ตั้งแต่เช้าจนค่ำ รินและเส็ตโชมารูก็กำลังช่วยกันสะสางงานต่างๆ ภายในอาณาจักร ที่เส็ตโชมารูละเลยตอนเกิดเรื่อง ให้เสร็จทันก่อนที่นายหญิงของปราสาทจะกลับมาโวยวายจนหูชา ค่ำคืนนี้ก็เช่นกัน แต่นั่นก็คงจะสายไปเสียแล้ว เมื่อกลิ่นอันคุ้นเคยสำหรับลูกชาย กำลังย่างใกล้เข้ามายังห้องทำงาน บ่งบอกว่านายหญิงของปราสาทกลับมาแล้ว ดีที่รินออกไปยกน้ำชาที่โรงครัวมาให้เขาก่อนหน้านี้ ทั้งคู่จึงคลาดกันอย่างหวุดหวิด ไม่นานผู้เป็นมารดาก็เดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับสาส์นฉบับหนึ่งในมือ
“ที่เขาว่าลูกชายข้าผีเข้า เพราะบ่าวสาวคนหนึ่ง เห็นจะจริงอย่างว่า” อสูรสาวสูงวัยพูดพลางปรายตามองกองสาส์นที่ยังไม่เรียบร้อย บอกได้ว่าผู้เป็นลูกชายคงละเลยมันไปนานพอสมควร
“...”
“แบบนี้เมียเจ้าไม่อกแตกตายรึไง?”
“งานของท่านเรียบร้อยแล้ว ข้าจะให้บ่าวยกไปให้ที่ห้อง” เส็ตโชมารูเปลี่ยนเรื่อง ก่อนที่มารดาจะซักไซ้เรื่องบ่าวสาวกับตนมากไปกว่านี้ โดยยังสนใจกับกองสาส์นตรงหน้า
“คิดว่าข้ามาเรื่องนั้นรึ?”
“...”
“ข้าได้กลิ่นมนุษย์ เมียเจ้าไปไหนซะล่ะ?”
“รินไปโรงครัว”
“งั้นก็ดี เราคงมีเรื่องต้องคุยกันซักหน่อย เส็ตโชมารู” ผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้น อสูรหนุ่มปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปสนใจสาส์นตรงหน้าตามเดิม แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ
“เรื่องอะไร?”
“มีสาส์นมาจากอาณาจักรจิ้งจอกขาวทางตะวันออก อยากให้บุตรสาวของเขาแต่งงาน” เส็ตโชมารูฟังอย่างไม่รู้สึกอะไร ในขณะที่รินเดินกลับมาจากโรงครัว ก็ทันได้ยินพอดี จึงยืนนิ่งแอบฟังอยู่ข้างห้อง โดยไม่เข้าไปขัดการสนทนาระหว่างแม่ลูก
“มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า” อสูรหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก
“เขาเขียนมาว่าอยากให้แต่งกับเจ้า นางมาจากแผ่นดินใหญ่ งดงามมากเชียวล่ะ”
“หึ! ข้าแต่งงานแล้ว ท่านลืมรึยังไง”
“แต่เจ้ามีอนุภรรยา มีสนมได้อีกหลายคน บ่าวสาวคนนั้นก็เป็นสนมเจ้าไม่ใช่รึ?”
“ข้าไม่เคยมีอะไรกับนาง!”
“เจ้ามั่นใจแค่ไหน ว่าไม่!”
“...” เส็ตโชมารูชะงัก เรื่องที่เกิดขึ้น เขาเองก็จำได้แค่เลือนลางเท่านั้น ถึงจะพอนึกได้ว่าตนไม่ได้ทำอะไรไปถึงขั้นเลยเถิด เพราะทุกครั้งจะนึกได้ถึงใบหน้าของริน ราวกับเป็นการเตือนสติตน แต่ก็ไม่มั่นใจซะทีเดียวว่า..จะไม่ถึงขั้นนั้นจริงๆ
“ถ้าเจ้าอยากยิ่งใหญ่ นี่แหละเป็นโอกาสทองของเจ้าแล้ว เส็ตโชมารู อาณาจักรทางนั้นยิ่งใหญ่มาก อาณาจักรที่อยู่ใต้อาณัตินั้นก็มากโข ถึงจะโทรมลงไปบ้าง แต่เราก็เอามาฟื้นฟูได้ ถ้าเจ้าตกลงแต่งงาน เจ้าจะได้ทั้งเมีย ได้ทั้งบุตรสืบตระกูล ได้ทั้งอำนาจ ได้ทั้งการขยายอาณาจักรไกลไปจนถึงทางตะวันออกเชียวนะ อาณาจักรของเราก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก” อสูรสาวสูงวัยเอ่ยอย่างเชิญชวน
"ข้ามีรินเป็นชายาของข้าคนเดียวเท่านั้น ข้าไม่ต้องการใครอีก แม้แต่อนุหรือสนม!!" เขาพูดเสียงดังอย่างไม่พอใจ พลางหันมาสบตามารดา
"แล้วนางให้ทายาทสายเลือดอสูรที่จะสืบทอดตระกูลของเราได้รึเปล่าล่ะ?"
“...”
“นางมีอะไรให้เจ้าบ้าง นอกจากความรักของนาง มีอะไรที่ช่วยอาณาจักรของเราได้บ้าง บอกข้าสิ! เส็ตโชมารู!”
"..."
"ถ้าไม่! เจ้าก็ควรรับคำตามสาส์นนี่ไปซะ!!"
“...”
พูดจบ ผู้เป็นมารดาก็วางสาส์นที่ว่านั้นลงบนโต๊ะทำงานของลูกชาย และหันหลังเดินออกไปจากห้อง พลางปรายตามองไปข้างๆ ห้องทำงานของลูกชาย แล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างพึงใจ พร้อมกับคิดในใจ ก่อนจะเดินจากไป
มันก็แค่บททดสอบ
ที่ข้าไม่ได้ตั้งใจสร้างมันขึ้นมา
แต่ข้าก็อยากจะรู้คำตอบของเจ้า
ทุกอย่างมันอยู่ที่เจ้าจะตัดสินใจ
เส็ตโชมารู...
เส็ตโชมารูชะงักกับคำพูดของมารดาไปหลายครั้ง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประโยคที่เขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้ ความยิ่งใหญ่งั้นรึ? ทายาทงั้นรึ? ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่คิดไม่ตกทั้งนั้น สิ่งเหล่านั้น เขาก็ต้องการมัน แต่..เขาจะทำยังไง เขาควรจะเลือกอะไรดี เขานั่งครุ่นคิดซักพัก ก่อนที่รินจะเดินเข้ามา พร้อมกับถาดน้ำชาในมือ
“น้ำชาค่ะ ท่านเส็ตโชมารู” รินยื่นถ้วยน้ำชาให้ มือน้อยนั้นสั่น ถึงจะแค่เบาๆ แต่อสูรหนุ่มที่มองเธออยู่ก็รับรู้ได้ เส็ตโชมารูรู้ว่ารินแอบฟังเขาคุยกับมารดาของตน แน่นอนว่ามารดาของเขาก็รู้เช่นกัน เขารับถ้วยน้ำชาของเธอ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน
“..ริน เจ้า..เป็นอะไรรึเปล่า?”
“รินสบายดีค่ะ” รินยิ้มให้
“งั้นรึ?”
“ค่ะ”
เมื่อรินไม่บอกอะไร เขาจึงไม่คาดคั้น เพราะสิ่งที่รินได้ยิน ไม่ใช่แค่รินเท่านั้นที่จะเป็นกังวล ตัวเขาเองก็เป็นกังวลเช่นกัน เขาจิบชาที่รินทำให้ ชาอุ่นๆ กลิ่นหอมๆ ที่คุ้นเคยดี ทำให้เขาผ่อนคลายลงไปได้บ้าง พลางจ้องมองรินที่บัดนี้นั่งนิ่วหน้าเป็นกังวล ก่อนจะเอ่ยบางอย่างกับเธอ
“ข้ามีอะไรจะให้เจ้า มาใกล้ๆ ข้าหน่อยสิ” เขาเอ่ยก่อนจะหยิบบางอย่างออกจากอกเสื้อกิโมโนของเขา ในขณะที่รินเองขยับเข้าไปหาอสูรหนุ่มใกล้ๆ
มันคือผ้าผูกผมที่มีกระดิ่งลูกเล็กๆ ห้อยติด เสียงกรุ๊งกริ๊งของมัน สำหรับรินแล้วมันช่างรัญจวนใจยิ่งนัก เส็ตโชมารูค่อยๆ บรรจงผูกมันเข้ากับเรือนผมสีนิลอย่างนุ่มนวล เสียงกรุ๊งกริ๊งดังเบาๆ ไปตามการขยับศีรษะของสาวน้อย รินค่อยๆ เอื้อมจับผ้านั้นเบาๆ หลังจากอสูรหนุ่มผูกผ้าให้เธอเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สดใสไม่แพ้เสียงของกระดิ่งบนศีรษะ
“สวยจังเลยค่ะ ท่านไปได้มาจากไหนคะ?”
“ข้าซื้อมานานแล้ว ตั้งแต่ไปงานหมู่บ้านกับเจ้า แค่ยังไม่มีโอกาสได้ให้”
“ขอบคุณนะคะ” รินยิ้มให้อย่างมีความสุข ยิ้มที่ทำให้อสูรหนุ่มอย่างเส็ตโชมารูหวั่นไหว เขามองยิ้มนั้นอย่างพึงใจ ก่อนจะกลับไปห่อเหี่ยวหัวใจตามเดิม เพราะคนตรงหน้าจะหนีเขาไปเสียแล้ว
“นี่ก็ค่ำมากแล้ว รินขอตัวไปนอนก่อนนะคะ” รินพูดพลางลุกขึ้นยืน แต่ทว่ามือแกร่งคว้าแขนเล็กเอาไว้เสียก่อน
“ริน”
“คะ?”
“มานอนใกล้ๆ ข้า อยู่ข้างๆ ข้า จะได้ไหม..” เขาพูดพลางโอบร่างสาวน้อยมานั่งบนตักของตนอย่างเบามือ
“ค่ะ” รินยิ้มบางๆ ก่อนจะ ปิดเปลือกตาเข้าสู่ห้วงนิทราไป
เมื่อเห็นว่ารินหลับดีแล้ว เส็ตโชมารูจึงหยิบสาส์น ที่ผู้เป็นมารดานำมาให้อ่าน เนื้อความภายในเป็นดังที่มารดาของตนบอกทุกประการ
เขาเคยได้ยินมาบ้างว่าอาณาจักรทางตะวันออกนั้นยิ่งใหญ่ ไม่ต่างจากอาณาจักรของเขา แต่ก็รู้อีกว่าอาณาจักรนั้นเสื่อมโทรมลงไปพอดู เนื่องจากปัญหาภายใน ถ้าแต่งงานกับบุตรสาวของอาณาจักรนั้น แน่นอนว่าเขาจะได้ทุกอย่างตามที่มารดาบอกกับเขา อาณาจักรที่ทรุดโทรมเช่นนั้นเข้าควบคุมได้ง่ายดายยิ่งนัก แต่...จะง่ายแบบนั้นรึ?
เพราะความเจ้าเล่ห์เพทุบายของอาณาจักรจิ้งจอกขาว เขาเองก็ได้ยินข่าวลือมาหนาหูไม่น้อยเช่นกัน การใช้บุตรสาวมาหลอกล่อ เพื่อหวังจะขยายอาณาจักรของตน ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีซะที่ไหน บางอาณาจักรก็ทำจนมันเป็นเรื่องปกติ อีกอย่างเขาเองก็ไม่ได้รู้จักอาณาจักรจิ้งจอกขาวอย่างลึกซึ้ง ถึงขั้นจะมาให้แต่งงานกัน ถ้าไม่คิดว่าฝั่งนั้นมีแผน จะให้คิดว่าอะไรได้อีกเล่า
เส็ตโชมารูครุ่นคิด เขาอยากได้ความยิ่งใหญ่ เขาต้องการอำนาจ นั่นคือเรื่องจริงที่เขาแสวงหามาร่วมหลายร้อยปี เขาต้องทำให้ได้ และต้องทำด้วยตัวเขาเอง ไม่ใช่เพราะทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้ ใช่! เขาต้องทำด้วยตัวของเขาเอง เมื่อคิดได้ เขาก็เอาสาส์นฉบับใหม่มาบรรจงเขียน เพื่อตอบสาส์นของอาณาจักรทางตะวันออก ไม่นานก็เขียนเสร็จสิ้น เขาวางพู่กัน พลางมองใบหน้าที่หลับตาพริ้มของภรรยา ที่ซบแนบกับอกแกร่งอย่างน่าเอ็นดูราวกับเด็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ ราวกับเสียงกระซิบ
“ริน..เจ้าคือทุกอย่างสำหรับข้า ข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้า เพียงเพราะเรื่องบ้าๆ แบบนี้เป็นอันขาด”
รุ่งขึ้นรินก็ขอตัวกลับไปปราสาทอะจิไซทันทีที่รู้ว่าปราสาทนั้นทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เพื่อจะได้กลับฝึกวิชาต่อที่ถ้ำจอมเวทตามที่สัญญาไว้กับทุกคนไว้ เมื่อรินออกจากปราสาทใหญ่ไป เส็ตโชมารูเองก็เดินหามารดาของตน เพื่อนำสาส์นฉบับที่ตอบแล้วไปให้
“เรียบร้อยแล้วรึ? คิดได้ไวดีนี่ลูกชายข้า”
“เรื่องไร้สาระแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องคิดนานหรอก” เขาพูดพลางวางสาส์นลงบนโต๊ะเล็กในห้องของมารดาทันที แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
อสูรสาวสูงวัยมองตามหลังลูกชาย ก่อนจะยื่นมือไปหยิบสาส์นนั้นมาอ่านอย่างใคร่รู้ในคำตอบ เมื่ออ่านจบก็แสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจในคำตอบของลูกชายที่เขียนลงในสาส์นนั้น ก่อนจะส่งสาส์นนั้นให้บ่าวรับใช้ แล้วสั่งให้เอามันไปส่งให้อาณาจักรทางตะวันออกโดยด่วน
แท้จริงแล้วมันเป็นแผนที่เธอเองไม่ได้ตั้งใจสร้าง สาส์นนี้เธอจะเป็นคนตอบเองก็ได้ แต่เธออยากทดสอบความคิดของลูกชายดูว่าเติบโตมากแค่ไหน แต่พอเห็นคำตอบในสาส์นแล้วก็พอใจ ถึงจะมีบางประโยคที่ดูจะหาเรื่องทางฝั่งนั้นอยู่ไม่น้อย แต่ก็หาได้ใส่ใจไม่ ช่างปะไร ในเมื่อเธอห่วงความสุขของลูกชายของตนมากกว่า แต่ก็คงต้องเตรียมรับกับบางสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพราะเธอเองรู้สึกได้ว่าเรื่องทุกอย่าง มันจะยังไม่จบเพียงเท่านี้แน่นอน
-------------------------------------------------
ณ ปราสาทของอาณาจักรสุนัขอสูรจิ้งจอกขาว
นายทหารคนหนึ่งกำลังวิ่งกระวีกระวาดถือสาส์นฉบับหนึ่งเข้ามายังห้องโถงใหญ่ ที่มีบัลลังก์สีทองพร้อมกับนายเหนือหัวของปราสาทที่กำลังนั่งคุยกับลูกสาวคนสุดท้องของตระกูลอยู่อย่างอารมณ์ดี
“มีสาส์นมาขอรับนายท่าน”
“จากไหน?” นายเหนือหัวของปราสาทถาม
“อาณาจักรทางตะวันตกขอรับ” นายเหนือหัวของปราสาทกระตุกยิ้มเบาๆ
“หึ! มาเร็วดีเหมือนกันหนิ” เขารับสาส์นมาอ่านอย่างคิดคำตอบของทางฝั่งโน้นไว้เสร็จสรรพในสมอง แต่ทว่า...
“ถึง อาณาจักรสุนัขอสูรจิ้งจอกขาว
ข้าเส็ตโชมารู ได้รับสาส์นของเจ้าแล้ว แต่ข้าต้องขอปฏิเสธความต้องการของเจ้า ข้านั้นมีชายาอยู่แล้ว และไม่ต้องการรับอนุภรรยา หรือนางสนม ไม่ว่าสตรีผู้นั้นจะเป็นบุตรสาวของตระกูลที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน ข้อเสนอของเจ้าน่าสนใจยิ่งนัก แต่ข้าแนะนำว่าควรจะมองเหยื่อเป็นอสูรตนอื่นจะดีกว่า และกรุณาอย่าส่งสาส์นเช่นนี้มาที่อาณาจักรของข้าอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะถือว่าข่าวที่เขาลือกันว่าเจ้าตั้งใจจะขยายอำนาจโดยใช้บุตรสาวเป็นเรื่องจริง”
“มันกล้าดียังไง มันกล้าดียังไง!” เขาสบถอย่างโมโห ก่อนจะปาสาส์นลงพื้นอย่างไม่ใยดี จนบ่าวหลายๆ คน และคาโอริเองก็สะดุ้งจนตัวโยน สิ่งที่ทำให้โมโหนั้นมาจากคำปฏิเสธด้วยส่วนหนึ่ง แต่ที่โมโหถึงที่สุดคือคำดูถูกตระกูลเขาต่างหาก ดูถูกลูกสาวของเขาให้เป็นแค่อนุภรรยาหรือนางสนม และยังดูถูกตัวเขาอีก มันน่าฆ่าให้ตายนัก!
“ท่านพ่อเจ้าคะ รึว่า…” คาโอริเอ่ยขึ้นโดยที่ก็พอรู้ในใจบ้างแล้วว่าคำตอบเป็นยังไง
“มันปฏิเสธเรา!”
“...แล้ว..ท่านพ่อจะทำยังไงเจ้าคะ?”
“ก็ถ้าขอกันดีๆ ไม่ได้ ก็ต้องสงเคราะห์กันซักหน่อย มันกล้าดูถูกข้า ข้าจะให้มันได้รู้สำนึก!!” เขาพูดเอาจริง ร่างกายที่อ่อนแรงเพราะความชรากลับฮึดขึ้นมาเสียเฉยๆ เขากำมือแน่น นัยน์ตาสีทองฉายแววความโกรธ และไม่มีวันให้อภัยเป็นอันขาด
-------------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ