[Yaoi] BEFORE U GO - ก่อนเธอจะไป
-
เขียนโดย ช็อกโก้พาย
วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.09 น.
15 ตอน
0 วิจารณ์
16.54K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 15.13 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
3
“ต้องเริ่มจากตรงไหน”
หลังจากอิ่มท้องก็ถึงเวลาเริ่มเรียนกันสักที ดินเป็นนักเรียนที่ดีฟังครูจำเป็นอย่างแบงค์อธิบายทุกขั้นตอนอย่างตั้งใจถึงแม้ว่าไม่เข้าใจซะส่วนใหญ่ก็เถอะ แบงค์พยายามปรับคำพูดที่เคยใช้ ศัพท์สถาปัตย์ต่างๆที่เข้าใจเฉพาะคนที่เรียนถูกปรับเป็นศัพท์ง่ายๆให้ดินได้เข้าใจด้วย
“ออกแบบก่อน”
“วาดรูปบ้านแบบมึงอ่ะเหรอ” ดินชะโงกหน้าไปมองงานของแบงค์ที่วางอยู่บนโซฟาข้างเจ้าของ ตอนนี้เขานั่งอยู่ที่พื้นรวบรวมอุปกรณ์สำหรับประดิษฐ์สื่อการเรียนการสอนมาวางไว้ตรงโต๊ะกระจกหน้าโซฟา พับแขนเสื้อขึ้นเตรียมปฏิบัติเต็มที่
“เออ แล้วมึงเอาอุปกรณ์พวกนี้มาวางเกะกะทำไม” แบงค์ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาด้านหลังดินมองหน่ายๆ
“อ่าว เอามาทำบ้านโมเดลไง มันต้องได้ใช้ไม่ใช่เหรอ?” ดินหันไปมองหน้าคนถาม แบงค์โน้มตัวเอื้อมมือมาหยิบอุปกรณ์งานประดิษฐ์ของดินยกขึ้นดูทีละชิ้น
“กระดาษสี?”
“อ่าฮะ สีสันสวยงามเด็กชอบจะตาย” กระดาษที่มีสีสันดึงดูดจะเร้าความสนใจของผู้เรียนได้มากกว่ากระดาษสีขาวธรรมดา ยิ่งเป็นเด็กอนุบาลหนังสือนิทานหรือสื่อที่มีไว้สำหรับเพิ่มพัฒนาการที่มีสีสันสดใสจะเป็นสิ่งแรกที่พวกเขาหยิบจับเมื่อพบเห็น
“ไม้ไอติม?”
“เออดิ เนี่ยสารพัดประโยชน์เลยนะเว่ย กูอุตส่าห์บอกให้เด็กเก็บไว้ มีเป็นถุงๆเลย”ดินพูดบอกสำหรับคนเป็นครูการประยุกต์สิ่งรอบกายให้เป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนถือว่าเป็นทักษะหนึ่งที่ต้องมี
“กาวตราช้าง?”
“ติดหนึบดั่งใจ” ดินบรรยายสรรพคุณของซูเปอร์กาวที่เขาชอบซื้อมาใช้
โป๊ก!
“โอ้ย! เขกหัวกูทำไม” มือบางยกขึ้นลูบหัวตัวเองป้อยๆเมื่อจู่ๆก็โดนคนที่นั่งบนโซฟาเขกหัวเข้าให้
“มึงคิดว่ามันจะได้ใช้ไหมของพวกนี้ กาวนี่ก็เหมือนกัน กูใช้กาวยู้ฮูกาวตราช้างน่ะมันติดแน่นเกินไปถ้าติดไม่ตรงก็ขยับยาก เข้าใจรึยัง” แบงค์อธิบายยาวเหยียด ดินค่อยๆพยักหน้าเข้าใจเมื่อใช้เวลาคิดตามสักพัก
“แล้วมีอะไรที่ต้องใช้บ้างเดี๋ยวกูออกไปซื้อ” ดินเตรียมกระดาษสำหรับจดชื่ออุปกรณ์
“ออกแบบก่อน มึงจะรีบซื้อไปไหนขนาดบ้านอะไรก็ยังไม่รู้ จะใช้เท่าไหร่จะรู้ได้ไง”
“เออว่ะ” ดินคิดตามคำพูดของครูจำเป็น “วาดรูปก่อนใช่ป่ะ?”
“เออ” แบงค์ตอบ ดินเดินไปเอากระดาษวาดเขียนที่โต๊ะทำงานพร้อมทั้งกล่องเครื่องเขียนกล่องใหญ่ออกมา ก่อนจะเดินมานั่งที่เดิม
“มึงมีของพวกนี้ด้วย? เป็นเด็กอนุบาลรึไง” แบงค์มองอุปกรณ์แต่ละอย่างที่ดินเอาออกมาด้วยความสงสัย ตั้งแต่ไม้ไอติมแล้ว
“กูยังไม่บอกมึงเหรอว่ากูเป็นครูสอนเด็กอนุบาล” ดินพูดขึ้นทำให้แบงค์เข้าใจทันทีว่าทำไมดินถึงมีของพวกนี้เยอะแยะ รวมถึงเค้กหลายถุงที่ ดินซื้อเมื่อเช้า
“น่าจะยัง แต่กูชักสงสารอนาคตของชาติที่มาเรียนกับมึง” แบงค์ยักคิ้วกวน
“สอนกูได้แล้ว” ดินเอาดินสอเคาะเข่าแบงค์ไปทีแล้วหันมาสนใจกับกระดาษวาดเขียนตรงหน้าต่อ
“กระดาษที่ใช้ต้องไม่บางเกินไป อยากได้บ้านแบบไหนก็วาดลงไป” ถ้าอธิบายเยอะแบงค์คิดว่าดินต้องไม่เข้าใจแน่ๆ ดูจากหน้าเอ๋อๆนั่นแล้วปล่อยให้ลองทำไปก่อนดีกว่า ค่อยว่ากันอีกที
“นี่คือสอนแล้วใช่ไหม?”ดินถามขึ้น
“เออ”แบงค์ตอบห้วนๆ
“งั้นขอเวลาแป๊บครับครู”ดินพูดทีเล่นทีจริงแล้วลงมือออกแบบบ้านในฝันของตัวเอง
เริ่มจากตีตารางก่อนวาดเหมือนตอนเขาทำงานส่งครูเมื่อเด็กๆมือบางวางไม้บรรทัดขนาดสามสิบเซนติเมตรบนกระดาษวาดเขียนชนิดถนอมสายตาแผ่นใหญ่ เท่าที่มีในห้องก็แค่นี้แหละ ดินค่อยๆวางไม้บรรทัดทาบกระดาษอย่างพิถีพิถันขีดเส้นช่องละหนึ่งเซนต์จนสิบนาทีต่อมากระดาษธรรมดาก็กลายเป็นกระดาษกราฟไปโดยปริยาย
“มึงทำอะไร?” เสียงเข้มของแบงค์ดังขึ้นถาม ดินหันกลับไปมองหน้า
“ออกแบบบ้านไง” ดินตอบในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำในลำดับต่อไป แบงค์ขมวดคิ้วทันที
“แล้วมึงตีตารางทำไม?” แบงค์ถามต่อ นั่นแหละคือสิ่งที่เขาสงสัยและต้องการคำตอบ
“กูกลัวบ้านกูไม่ตรง ถ้าวาดไปหลังคาเบี้ยวจะทำไง มึงไม่เคยตีเส้นวาดรูปแบบนี้เหรอ ตอนเด็กๆกูทำประจำ” ดินอธิบายถึงสาเหตุที่เขาต้องตีเส้นก่อนวาด
“แล้วมึงก็ต้องมานั่งลบตาราง รอยดินสอก็หาย ต้องมาวาดเส้นอีกรอบ กระดาษก็เปื้อน?” แบงค์พูดในสิ่งที่ดินไม่ทันคิด
“เออว่ะ จริงของมึง” ที่แบงค์พูดมันเป็นความจริงทุกอย่าง แล้วจะต้องทำไงล่ะทีนี้
“ได้ตีแล้วก็วาดๆไปเถอะ กูจะคอยดูว่ามันจะออกมาหน้าตายังไง กำหนดขนาดด้วยนะ” แบงค์บอก ดินจ้องกระดาษตัวเองพร้อมทั้งคิดหนัก
“กูว่ากูวาดให้มึงดูก่อนดีกว่า” แบงค์มองหน้าดินแล้วถอนหายใจ ตั้งแต่ฟังเริ่มแรกหน้าตาเหมือนเด็กหัดท่องกอไก่ยังไงตอนท้ายดินก็ยังหน้าตาอย่างนั้น แบงค์เลยตัดสินใจว่าจะวาดให้ดูก่อนเพื่อเป็นแนวทาง
“มึงจะออกแบบให้กูเหรอ” น้ำเสียงดีใจอย่างเห็นได้ชัด แบงค์จึงเขกหัวไปอีกที
“โอ้ยย! มึงเป็นเหี้ยไรกับหัวกูถามจริง กูโง่เพราะมึงนี่แหละ เขกแม่งทุกวัน” ดินบ่นไปลูบหัวตัวเองไป แบงค์ส่ายหน้าแล้วหยิบกระดาษดับเบิลเอขนาดเอสี่ขึ้นมาร่างแบบบ้านคร่าวๆเป็นตัวอย่างให้
ดินยังคงนั่งอยู่ที่พื้นเหมือนเดิม เท้าศอกข้างหนึ่งกับโต๊ะกระจกเอนหัวพิงฝ่ามือตัวเองหันมองทางคนที่ตั้งใจวาดรูปอยู่บนโซฟา
ดินไม่เคยเห็นแบงค์ในมุมนี้มาก่อน เวลาที่อีกฝ่ายจริงจังกับอะไรบางอย่าง ใบหน้าคมเรียบเฉยหากแต่ให้ความรู้สึกมั่นคงอย่างบอกไม่ถูก เป็นความรู้สึกที่ดินไม่เคยได้รับจากแบงค์เลยสักครั้งกับความสัมพันธ์ที่เคยดำเนินกันมา ไม่ว่าจะแปดเดือนก่อนหรือตอนไหน
ดินยิ้มมองภาพนั้น นึกหาเหตุผลที่ตัวเขาเคยหลงรักผู้ชายตรงหน้า แม้ว่าตอนนี้ความรู้สึกมันจะเปลี่ยนไปบ้างแล้วก็ตาม
ถ้าถามว่าดินชอบแบงค์เพราะอะไร คงจะเป็นเพราะคำพูดที่ไม่เข้าหูนั่น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น ท่าทางกวนๆ ความตรงไปตรงมาของอีกฝ่าย ถึงแม้บางทีจะตรงจนขัดใจผู้ฟังแต่คำทุกคำแบงค์ก็ไม่เคยโกหก ดินรู้สึกแบบนั้น นั่นล่ะมั้งคือสิ่งที่ทำให้ดินชอบแบงค์
แบงค์ไม่เคยโกหกว่าชอบดิน
แม้แต่ตอนที่พวกเขาจบความสัมพันธ์ แบงค์ก็ไม่ลังเลที่จะพูดความจริง
ความจริงที่ว่า...
โป๊ก!
สมุดวาดเขียนของดินถูกแบงค์ยกขึ้นตีหัวเจ้าของมัน ไม่แรงมากนักแต่ก็ทำให้ดินหลุดออกจากภวังค์กลับสู่ปัจจุบันได้
“ยิ้มโรคจิตเชียวนะมึง วางแผนข่มขืนกูอยู่รึไงหน้าตาชั่วร้ายมาก”
บอกแล้วแบงค์เป็นคนพูดตรง- -
“เสร็จแล้วเหรอ?” ดินถาม ยืดตัวขึ้นชะโงกหน้ามองกระดาษบนตักแบงค์
“เออ” แบงค์ตอบห้วนๆ ดินดึงกระดาษมาจากตักหนา พลิกหันมาด้านตัวเองเพื่อมองให้ถนัด
“ต้องละเอียดขนาดนี้เลยเหรอ” ดินไล่สายตามองทั่วกระดาษ แบบร่างบ้านคร่าวๆตามที่แบงค์บอกถูกลงรายละเอียดความกว้างความสูงทั้งด้านหน้าด้านหลังไว้ชัดเจน รวมทั้งมีประตู หลังคา ต้นไม้อีกหนึ่งต้นและกอหญ้าเล็กๆหน้าบ้าน แต่ที่ทำเอาดินเผลอยิ้มออกมาก็คือตัวหนังสือขนาดใหญ่ที่เขียนไว้ตรงกลางบ้านว่า...
สมมุติว่าบ้านมึง
“ถ้าไม่ระบุแบบนี้มึงจะรู้ได้ไงว่าต้องใช้วัสดุเท่าไหร่” แบงค์ให้เหตุผล ดินไม่เถียงอะไรต่อ
“โอเคๆ กูจะวาดล่ะนะ” ดินเอาสมุดวาดเขียนของตัวเองที่แบงค์หยิบมันไปปะทุร้ายเขาเมื่อครู่กลับมา ก่อนจะลงมือวาดจริงๆจังๆสักที
ในระหว่างที่รอดินออกแบบบ้าน แบงค์ก็หยิบหนังสือของดินที่วางอยู่บนโซฟาอีกตัวมาอ่านฆ่าเวลา
สองชั่วโมงผ่านไป
ในที่สุดบ้านในฝันของดินก็ปรากฏบนกระดาษวาดเขียนจากปลายดินสอด้วยฝีมือเจ้าตัวดินยิ้มกับผลงานการออกแบบบ้านจริงๆจังของตัวเองครั้งแรก ไม่รวมบ้านสมัยเด็กที่วาดภาพส่งครู ดินก้มลงเป่าเศษดินสอยางลบที่มันเลอะผลงาน จับสมุดวาดเขียนด้วยมือทั้งสองยื่นมันออกไปมองไกลๆ
“น่าจะใช้ได้นะ มึง..”บอกกับตัวเองก่อนจะหันไปถามความเห็นจากอีกคน แต่ดินยังไม่ทันเอ่ยถามคำถามใดๆออกไปก็พบว่าคุณครูจำเป็นนั้นหลับไปเสียแล้ว ร่างหนานอนเหยียดขายาวบนโซฟา ตรงหน้าท้องแกร่งมีหนังสือปกสีฟ้าขาววางอยู่ ดินจำได้ทันทีว่านั่นคือหนังสือที่เขาจะเอาไปอ่านให้เด็กนักเรียนฟังพรุ่งนี้ หนังสือที่ว่าด้วยเรื่องราวทูตน้อยจากดินนิวนแห่งหัวใจที่นำความสุขและความรักมายังโลกมนุษย์
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยให้ดูแล้วกัน” ดินค่อยๆเก็บอุปกรณ์ต่างๆเข้าที่ด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้คนที่หลับอยู่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เห็นคนตรงหน้าในยามหลับใหลแบบนี้ ตอบให้ตัวเองด้วยว่านานเท่าที่ดินรอการกลับมาเจอกันอีกครั้งของเขาทั้งสองคนนั่นแหละ
ดินเก็บสมุดวาดเขียนและหนังสือที่แบงค์อ่านเป็นชิ้นสุดท้ายไปไว้บนโต๊ะทำงานในห้องนอน พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับกระดาษโน้ตสีฟ้าที่ว่าง อยู่ใกล้กับโคมไฟ ดินเขียนข้อความลงไปแล้วฉีกมันติดมือมาพร้อมกับหอบผ้าห่มผืนใหญ่ออกมาด้วย เขาเดินไปในส่วนของห้องรับแขกอีกครั้ง แบงค์ยังคงหลับสนิท ดินแปะกระดาษโน้ตไว้ใกล้ๆกับโปรเจคงานของแบงค์ก่อนจะเลื่อนผ้าขึ้นห่มให้อย่างเบามือ
“ฝันร้ายไอ้ผัวเก่าหมาเน่า” บอกฝันร้ายคนที่หลับอยู่เบาๆแล้วเดินกลับเข้าห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำนอน
แบงค์ตื่นขึ้นมาในเวลาตีหนึ่ง รอบกายเขามืดสนิทมีเพียงไฟหลอดเล็กในส่วนเคาน์เตอร์ครัวเท่านั้นที่ยังเปิดอยู่ ร่างหนาเสยผมที่เริ่มยาวของตัวเองออกให้มันพ้นตาก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำดื่ม ในตู้เย็นของดินไม่มีของสดอยู่เลยแม้แต่น้อย มีเพียงน้ำเปล่าอยู่สามขวดและกาแฟยี่ห้อดังที่มีขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปอีกสองกระป๋อง ดีขึ้นมาหน่อยที่ยังมีไข่ถุงใหญ่ในซอกหลืบตู้เย็นไว้ใส่ต้มมาม่า
ดินก็เหมือนกับผู้ชายทั่วๆไป หาความเป็นระเบียบได้ยาก ถึงแม้ว่า ดินเหมาะจะเป็นเมียมากกว่าไปเป็นผัวชาวบ้านก็เถอะ แบงค์หยิบกาแฟในตู้เย็นออกมาเปิดดื่มครึ่งกระป๋องแล้วยัดมันกลับไว้ที่เดิม ถึงเวลาที่เขาต้องทำงานสักทีหลังจากอู้ตามอารมณ์ตัวเองมานาน ปกติเวลานี้เขาควรอยู่สตูดิโอแต่ตลอดทั้งวันที่นั่งจมกับมัน คิดยังไงก็คิดไม่ออก เลยว่าจะออกมาคลายเครียดสักหน่อย จวบเหมาะกับพี่เทคนัดมาคุยงานที่ร้านกาแฟ แล้วพอคุยงานเสร็จดินก็เดินผ่านมาหลังจากพี่เทคเขากลับไปได้ไม่นาน
แบงค์เดินกลับมาหยิบโปรเจ็กต์งานบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาเพราะจะเอาไปทำที่เคาน์เตอร์ครัวเพื่อจะได้ไม่ต้องเปิดไฟรบกวนคนในห้องนั่น พลันสายตาคมก็เหลือบไปเห็นกระดาษสีสดใสที่แปะอยู่ไม่ไกลจากงาน แบงค์อ่านตัวหนังสือหยิกๆงอๆเหมือนไก่เขี่ยแล้วส่ายหัวเบาๆ
ตื่นมาก็หัดอาบน้ำบ้าง ไอ้ซกมก กลิ่นลอยถึงห้องกู
แบงค์นั่งเก้าอี้ตัวยาวไร้ที่พิงซึ่งหมุนไปมาได้เหมือนเก้าอี้ในผับ วางกระดาษเขียนแบบพร้อมกับโปรเจ็กต์งานลงบนเคาน์เตอร์ แล้วเริ่มลงมือทำต่อ เป็นปกติของเด็กสถาปัตย์ที่ทำงานข้ามวันข้ามคืนแบบนี้ เวลาชีวิตแบงค์เปลี่ยนไปตั้งแต่เริ่มก้าวเข้ารั้วมหาวิทยาลัย กลางคืนกลางวันสลับกลับกันไปหมด ส่วนมากจะทำงานกลางคืนและนอนกลางวันมากกว่า นั่นคือเหตุผลที่เพื่อนร่วมรุ่นเขาหายไปเยอะจากตอนแรกที่เข้ามาพร้อมกัน ถ้าไม่รักไม่ชอบหรืออดทนเก่งพอก็ไปไม่รอด
เช้าวันต่อมา
ดินตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ ขยับตัวขึ้นนั่งบิดขี้เกียจสองสามทีเบาๆแล้วลุกออกจากห้อง มองหาอีกคนที่เมื่อคืนนอนอยู่บนโซฟาแต่ก็ไม่พบ
แบงค์ไม่ได้นอนอยู่ตรงนั้นแล้ว บนโซฟามีเพียงผ้าห่มผืนใหญ่กองอยู่ มองหารอบๆห้องก็ไม่เห็น
“สงสัยกลับแล้ว”
พูดไม่ทันขาดคำเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น แบงค์ในสภาพชุดนักศึกษาชุดเดิมเมื่อวานเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับถุงบางอย่าง ดินเลิกคิ้วมอง แบงค์ไม่สนใจคนที่ยืนงงอยู่ ร่างหนาเดินไปนั่งที่เก้าอี้หลังเคาน์เตอร์ หยิบน้ำเต้าหู้ถุงเล็กๆออกมาจากถุงหูหิ้วใสกัดปลายถุงแล้วดูดกินทันที
ดินขำก่อนจะเดินมาในส่วนเคาน์เตอร์ครัวเช่นเดียวกัน เปิดตู้เย็นสำรวจหาของกินในนั้นแล้วก็ทำหน้าเซ็ง เบื่อมาม่า เบื่อไข่ และเบื่อน้ำเปล่าเต็มทน ดินนั่งลงเก้าอี้ข้างๆแบงค์ มองน้ำเต้าหูอีกถุงในถุงพลาสติก
“อะไร?” แบงค์ถามเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาทางนี้ ดินกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ “มึงหิว?” ถามออกไปอีกครั้งและครั้งนี้ดินพยักหน้า
“คิดว่ากูจะอิ่มไหมถุงเดียว?” แบงค์พูด
“อิ่ม ขอบใจนะที่ซื้อมาเผื่อ^^” ดินยื่นมือไปหยิบน้ำเต้าหู้อีกถุงมากัดปลายดูดเหมือนแบงค์ โดยที่ไม่ฟังคำอนุญาตของคนที่ซื้อมาเลยสักนิด แบงค์ส่ายหน้า
“คิดว่ากลับไปแล้วซะอีก” ดินว่า พลางดูดน้ำเต้าหู้ไปมองแบงค์ทำงานไปด้วย
“เดี๋ยวสายๆจะเข้ามอ” แบงค์ตอบโดยไม่หันหน้ามามองคนข้างๆ
“นี่มึงยังไม่อาบน้ำอีกเหรอเนี่ย” นึกขึ้นได้ว่าแบงค์ยังใส่ชุดเดิมเลยพูดออกไปแบบนั้น น้ำเต้าหู้ถุงอ้วนหมดไปในเวลาไม่ถึงสามนาที
“เออ ค่อยไปอาบที่มอ”
“มีงี้ด้วย กล้าอาบได้ไงวะ” ดินนึกสงสัย ห้องน้ำสาธารณะไม่เป็นที่น่าพึงใจเท่าไหร่สำหรับดิน
“พวกกูก็ทำแบบนี้ อยู่รวมกันหลายคนบางทีอาบน้ำไม่ทันบ้าง น้ำไม่ไหลบ้าง ก็ไปอาบที่มอเอา บางทีกางเกงในกูเพื่อนยังเอาไปใส่”
“กล้าใช้ด้วยกันด้วยเหรอวะ มึงยิ่งซกมกอยู่.. โอ้ย!” พูดกัดเขายังไม่จบ ดินก็โดนเขกหัวทันที ร่างโปร่งมองคนข้างๆอย่างเคืองๆ หมุนเก้าอี้หันกลับหลังไปเสียบกระติกน้ำร้อน หย่อนไข่สี่ฟองลงไปข้างในนั้น แล้วรอเวลามันสุก“มึงอยู่กับเพื่อนเหรอ?” ดินถามแบงค์
“เออ” สั้นๆห้วนๆตามเคย
“อยู่กับเพื่อนเยอะๆก็ดี แต่กูชอบไปไหนมาไหนคนเดียวมากกว่า” ดินพูดบอก ปกติเขาชอบเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่ใช่ว่าไม่ชอบการที่มีเพื่อนเยอะๆ มันก็สนุกดีแต่บางทีเขาใช้เวลากับบางสิ่งบางอย่างนานเกินจะให้คนอื่นมารอ
“มึงโลกส่วนตัวสูงไง กูชอบไปกับเพื่อน ทำงานกับเพื่อนมันได้อะไรเยอะ มึงต้องพยายามเข้าใจ” แบงค์พูด มือหนาเสยผมยาวที่หล่นมาบังหน้าตัวเองอีกครั้ง และเริ่มรำคาญกับมันมากขึ้นไปอีก
“มึงพูดเหมือนกูใจแคบ” ดินไม่พูดต่อ รู้สึกแย่ขึ้นมาเมื่ออีกคนมองเขาแบบนั้น ดินไม่ชอบเวลาที่แบงค์พูดเหมือนเขาสองคนนิสัยแตกต่างกันเกินไปจนเข้ากันไม่ได้ เหมือนว่าระยะห่างระหว่างเรามันกว้างเหลือเกิน
ดินลุกจากเก้าอี้เดินไปเปิดตู้เย็น รินน้ำใส่ถ้วยก่อนจะถอดปลั๊กกระติกน้ำร้อนเปิดฝามันออกแล้วใช้ทัพพีตักไข่สี่ฟองแช่ในน้ำเย็น
“ทำไร?” แบงค์หันไปถาม จริงๆอยากดูอาการเมียเก่ามากกว่า ถ้าคิดไม่ผิดนี่คงเก็บเรื่องเมื่อกี้ไปคิดมากอีกตามเคย
“ต้มไข่” ดินตอบสั้นๆ เป็นอย่างที่คิด ปกติตอบเยอะจะตาย
คิดมากชัวร์
“พิสดารดีวิธีมึง” คนชอบแกล้งขำ ไม่ได้ขำวิธีพิสดารที่ว่าแต่ขำใบหน้าเครียดๆของอีกคน จะคิดอะไรมากนะ บางทีปล่อยๆไปไม่สนใจคำพูดเขาบ้างก็ได้
ดินปอกเปลือกไข่ออกทั้งหมดแล้วเอาใส่จาน หยิบมากินฟองนึงแล้ววางจานไข่ไว้ข้างแบงค์
“หิวก็กิน กูจะไปอาบน้ำเตรียมไปทำงานแล้ว” ดินบอก
“ครับเมียเก่า อย่าคิดมากล่ะ” รอยยิ้มธรรมดานอกเหนือจากเวลากวนตีนปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมของแบงค์ รอยยิ้มที่นานๆทีดินจะได้เห็นมัน ร่างโปร่งชะงักค้างชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆไล่ความคิดนั้นออกจากหัวแล้วหันหลังกลับเดินเข้าห้องไป
............................................
To Be Con.
3
“ต้องเริ่มจากตรงไหน”
หลังจากอิ่มท้องก็ถึงเวลาเริ่มเรียนกันสักที ดินเป็นนักเรียนที่ดีฟังครูจำเป็นอย่างแบงค์อธิบายทุกขั้นตอนอย่างตั้งใจถึงแม้ว่าไม่เข้าใจซะส่วนใหญ่ก็เถอะ แบงค์พยายามปรับคำพูดที่เคยใช้ ศัพท์สถาปัตย์ต่างๆที่เข้าใจเฉพาะคนที่เรียนถูกปรับเป็นศัพท์ง่ายๆให้ดินได้เข้าใจด้วย
“ออกแบบก่อน”
“วาดรูปบ้านแบบมึงอ่ะเหรอ” ดินชะโงกหน้าไปมองงานของแบงค์ที่วางอยู่บนโซฟาข้างเจ้าของ ตอนนี้เขานั่งอยู่ที่พื้นรวบรวมอุปกรณ์สำหรับประดิษฐ์สื่อการเรียนการสอนมาวางไว้ตรงโต๊ะกระจกหน้าโซฟา พับแขนเสื้อขึ้นเตรียมปฏิบัติเต็มที่
“เออ แล้วมึงเอาอุปกรณ์พวกนี้มาวางเกะกะทำไม” แบงค์ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาด้านหลังดินมองหน่ายๆ
“อ่าว เอามาทำบ้านโมเดลไง มันต้องได้ใช้ไม่ใช่เหรอ?” ดินหันไปมองหน้าคนถาม แบงค์โน้มตัวเอื้อมมือมาหยิบอุปกรณ์งานประดิษฐ์ของดินยกขึ้นดูทีละชิ้น
“กระดาษสี?”
“อ่าฮะ สีสันสวยงามเด็กชอบจะตาย” กระดาษที่มีสีสันดึงดูดจะเร้าความสนใจของผู้เรียนได้มากกว่ากระดาษสีขาวธรรมดา ยิ่งเป็นเด็กอนุบาลหนังสือนิทานหรือสื่อที่มีไว้สำหรับเพิ่มพัฒนาการที่มีสีสันสดใสจะเป็นสิ่งแรกที่พวกเขาหยิบจับเมื่อพบเห็น
“ไม้ไอติม?”
“เออดิ เนี่ยสารพัดประโยชน์เลยนะเว่ย กูอุตส่าห์บอกให้เด็กเก็บไว้ มีเป็นถุงๆเลย”ดินพูดบอกสำหรับคนเป็นครูการประยุกต์สิ่งรอบกายให้เป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนถือว่าเป็นทักษะหนึ่งที่ต้องมี
“กาวตราช้าง?”
“ติดหนึบดั่งใจ” ดินบรรยายสรรพคุณของซูเปอร์กาวที่เขาชอบซื้อมาใช้
โป๊ก!
“โอ้ย! เขกหัวกูทำไม” มือบางยกขึ้นลูบหัวตัวเองป้อยๆเมื่อจู่ๆก็โดนคนที่นั่งบนโซฟาเขกหัวเข้าให้
“มึงคิดว่ามันจะได้ใช้ไหมของพวกนี้ กาวนี่ก็เหมือนกัน กูใช้กาวยู้ฮูกาวตราช้างน่ะมันติดแน่นเกินไปถ้าติดไม่ตรงก็ขยับยาก เข้าใจรึยัง” แบงค์อธิบายยาวเหยียด ดินค่อยๆพยักหน้าเข้าใจเมื่อใช้เวลาคิดตามสักพัก
“แล้วมีอะไรที่ต้องใช้บ้างเดี๋ยวกูออกไปซื้อ” ดินเตรียมกระดาษสำหรับจดชื่ออุปกรณ์
“ออกแบบก่อน มึงจะรีบซื้อไปไหนขนาดบ้านอะไรก็ยังไม่รู้ จะใช้เท่าไหร่จะรู้ได้ไง”
“เออว่ะ” ดินคิดตามคำพูดของครูจำเป็น “วาดรูปก่อนใช่ป่ะ?”
“เออ” แบงค์ตอบ ดินเดินไปเอากระดาษวาดเขียนที่โต๊ะทำงานพร้อมทั้งกล่องเครื่องเขียนกล่องใหญ่ออกมา ก่อนจะเดินมานั่งที่เดิม
“มึงมีของพวกนี้ด้วย? เป็นเด็กอนุบาลรึไง” แบงค์มองอุปกรณ์แต่ละอย่างที่ดินเอาออกมาด้วยความสงสัย ตั้งแต่ไม้ไอติมแล้ว
“กูยังไม่บอกมึงเหรอว่ากูเป็นครูสอนเด็กอนุบาล” ดินพูดขึ้นทำให้แบงค์เข้าใจทันทีว่าทำไมดินถึงมีของพวกนี้เยอะแยะ รวมถึงเค้กหลายถุงที่ ดินซื้อเมื่อเช้า
“น่าจะยัง แต่กูชักสงสารอนาคตของชาติที่มาเรียนกับมึง” แบงค์ยักคิ้วกวน
“สอนกูได้แล้ว” ดินเอาดินสอเคาะเข่าแบงค์ไปทีแล้วหันมาสนใจกับกระดาษวาดเขียนตรงหน้าต่อ
“กระดาษที่ใช้ต้องไม่บางเกินไป อยากได้บ้านแบบไหนก็วาดลงไป” ถ้าอธิบายเยอะแบงค์คิดว่าดินต้องไม่เข้าใจแน่ๆ ดูจากหน้าเอ๋อๆนั่นแล้วปล่อยให้ลองทำไปก่อนดีกว่า ค่อยว่ากันอีกที
“นี่คือสอนแล้วใช่ไหม?”ดินถามขึ้น
“เออ”แบงค์ตอบห้วนๆ
“งั้นขอเวลาแป๊บครับครู”ดินพูดทีเล่นทีจริงแล้วลงมือออกแบบบ้านในฝันของตัวเอง
เริ่มจากตีตารางก่อนวาดเหมือนตอนเขาทำงานส่งครูเมื่อเด็กๆมือบางวางไม้บรรทัดขนาดสามสิบเซนติเมตรบนกระดาษวาดเขียนชนิดถนอมสายตาแผ่นใหญ่ เท่าที่มีในห้องก็แค่นี้แหละ ดินค่อยๆวางไม้บรรทัดทาบกระดาษอย่างพิถีพิถันขีดเส้นช่องละหนึ่งเซนต์จนสิบนาทีต่อมากระดาษธรรมดาก็กลายเป็นกระดาษกราฟไปโดยปริยาย
“มึงทำอะไร?” เสียงเข้มของแบงค์ดังขึ้นถาม ดินหันกลับไปมองหน้า
“ออกแบบบ้านไง” ดินตอบในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำในลำดับต่อไป แบงค์ขมวดคิ้วทันที
“แล้วมึงตีตารางทำไม?” แบงค์ถามต่อ นั่นแหละคือสิ่งที่เขาสงสัยและต้องการคำตอบ
“กูกลัวบ้านกูไม่ตรง ถ้าวาดไปหลังคาเบี้ยวจะทำไง มึงไม่เคยตีเส้นวาดรูปแบบนี้เหรอ ตอนเด็กๆกูทำประจำ” ดินอธิบายถึงสาเหตุที่เขาต้องตีเส้นก่อนวาด
“แล้วมึงก็ต้องมานั่งลบตาราง รอยดินสอก็หาย ต้องมาวาดเส้นอีกรอบ กระดาษก็เปื้อน?” แบงค์พูดในสิ่งที่ดินไม่ทันคิด
“เออว่ะ จริงของมึง” ที่แบงค์พูดมันเป็นความจริงทุกอย่าง แล้วจะต้องทำไงล่ะทีนี้
“ได้ตีแล้วก็วาดๆไปเถอะ กูจะคอยดูว่ามันจะออกมาหน้าตายังไง กำหนดขนาดด้วยนะ” แบงค์บอก ดินจ้องกระดาษตัวเองพร้อมทั้งคิดหนัก
“กูว่ากูวาดให้มึงดูก่อนดีกว่า” แบงค์มองหน้าดินแล้วถอนหายใจ ตั้งแต่ฟังเริ่มแรกหน้าตาเหมือนเด็กหัดท่องกอไก่ยังไงตอนท้ายดินก็ยังหน้าตาอย่างนั้น แบงค์เลยตัดสินใจว่าจะวาดให้ดูก่อนเพื่อเป็นแนวทาง
“มึงจะออกแบบให้กูเหรอ” น้ำเสียงดีใจอย่างเห็นได้ชัด แบงค์จึงเขกหัวไปอีกที
“โอ้ยย! มึงเป็นเหี้ยไรกับหัวกูถามจริง กูโง่เพราะมึงนี่แหละ เขกแม่งทุกวัน” ดินบ่นไปลูบหัวตัวเองไป แบงค์ส่ายหน้าแล้วหยิบกระดาษดับเบิลเอขนาดเอสี่ขึ้นมาร่างแบบบ้านคร่าวๆเป็นตัวอย่างให้
ดินยังคงนั่งอยู่ที่พื้นเหมือนเดิม เท้าศอกข้างหนึ่งกับโต๊ะกระจกเอนหัวพิงฝ่ามือตัวเองหันมองทางคนที่ตั้งใจวาดรูปอยู่บนโซฟา
ดินไม่เคยเห็นแบงค์ในมุมนี้มาก่อน เวลาที่อีกฝ่ายจริงจังกับอะไรบางอย่าง ใบหน้าคมเรียบเฉยหากแต่ให้ความรู้สึกมั่นคงอย่างบอกไม่ถูก เป็นความรู้สึกที่ดินไม่เคยได้รับจากแบงค์เลยสักครั้งกับความสัมพันธ์ที่เคยดำเนินกันมา ไม่ว่าจะแปดเดือนก่อนหรือตอนไหน
ดินยิ้มมองภาพนั้น นึกหาเหตุผลที่ตัวเขาเคยหลงรักผู้ชายตรงหน้า แม้ว่าตอนนี้ความรู้สึกมันจะเปลี่ยนไปบ้างแล้วก็ตาม
ถ้าถามว่าดินชอบแบงค์เพราะอะไร คงจะเป็นเพราะคำพูดที่ไม่เข้าหูนั่น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น ท่าทางกวนๆ ความตรงไปตรงมาของอีกฝ่าย ถึงแม้บางทีจะตรงจนขัดใจผู้ฟังแต่คำทุกคำแบงค์ก็ไม่เคยโกหก ดินรู้สึกแบบนั้น นั่นล่ะมั้งคือสิ่งที่ทำให้ดินชอบแบงค์
แบงค์ไม่เคยโกหกว่าชอบดิน
แม้แต่ตอนที่พวกเขาจบความสัมพันธ์ แบงค์ก็ไม่ลังเลที่จะพูดความจริง
ความจริงที่ว่า...
โป๊ก!
สมุดวาดเขียนของดินถูกแบงค์ยกขึ้นตีหัวเจ้าของมัน ไม่แรงมากนักแต่ก็ทำให้ดินหลุดออกจากภวังค์กลับสู่ปัจจุบันได้
“ยิ้มโรคจิตเชียวนะมึง วางแผนข่มขืนกูอยู่รึไงหน้าตาชั่วร้ายมาก”
บอกแล้วแบงค์เป็นคนพูดตรง- -
“เสร็จแล้วเหรอ?” ดินถาม ยืดตัวขึ้นชะโงกหน้ามองกระดาษบนตักแบงค์
“เออ” แบงค์ตอบห้วนๆ ดินดึงกระดาษมาจากตักหนา พลิกหันมาด้านตัวเองเพื่อมองให้ถนัด
“ต้องละเอียดขนาดนี้เลยเหรอ” ดินไล่สายตามองทั่วกระดาษ แบบร่างบ้านคร่าวๆตามที่แบงค์บอกถูกลงรายละเอียดความกว้างความสูงทั้งด้านหน้าด้านหลังไว้ชัดเจน รวมทั้งมีประตู หลังคา ต้นไม้อีกหนึ่งต้นและกอหญ้าเล็กๆหน้าบ้าน แต่ที่ทำเอาดินเผลอยิ้มออกมาก็คือตัวหนังสือขนาดใหญ่ที่เขียนไว้ตรงกลางบ้านว่า...
สมมุติว่าบ้านมึง
“ถ้าไม่ระบุแบบนี้มึงจะรู้ได้ไงว่าต้องใช้วัสดุเท่าไหร่” แบงค์ให้เหตุผล ดินไม่เถียงอะไรต่อ
“โอเคๆ กูจะวาดล่ะนะ” ดินเอาสมุดวาดเขียนของตัวเองที่แบงค์หยิบมันไปปะทุร้ายเขาเมื่อครู่กลับมา ก่อนจะลงมือวาดจริงๆจังๆสักที
ในระหว่างที่รอดินออกแบบบ้าน แบงค์ก็หยิบหนังสือของดินที่วางอยู่บนโซฟาอีกตัวมาอ่านฆ่าเวลา
สองชั่วโมงผ่านไป
ในที่สุดบ้านในฝันของดินก็ปรากฏบนกระดาษวาดเขียนจากปลายดินสอด้วยฝีมือเจ้าตัวดินยิ้มกับผลงานการออกแบบบ้านจริงๆจังของตัวเองครั้งแรก ไม่รวมบ้านสมัยเด็กที่วาดภาพส่งครู ดินก้มลงเป่าเศษดินสอยางลบที่มันเลอะผลงาน จับสมุดวาดเขียนด้วยมือทั้งสองยื่นมันออกไปมองไกลๆ
“น่าจะใช้ได้นะ มึง..”บอกกับตัวเองก่อนจะหันไปถามความเห็นจากอีกคน แต่ดินยังไม่ทันเอ่ยถามคำถามใดๆออกไปก็พบว่าคุณครูจำเป็นนั้นหลับไปเสียแล้ว ร่างหนานอนเหยียดขายาวบนโซฟา ตรงหน้าท้องแกร่งมีหนังสือปกสีฟ้าขาววางอยู่ ดินจำได้ทันทีว่านั่นคือหนังสือที่เขาจะเอาไปอ่านให้เด็กนักเรียนฟังพรุ่งนี้ หนังสือที่ว่าด้วยเรื่องราวทูตน้อยจากดินนิวนแห่งหัวใจที่นำความสุขและความรักมายังโลกมนุษย์
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยให้ดูแล้วกัน” ดินค่อยๆเก็บอุปกรณ์ต่างๆเข้าที่ด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้คนที่หลับอยู่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เห็นคนตรงหน้าในยามหลับใหลแบบนี้ ตอบให้ตัวเองด้วยว่านานเท่าที่ดินรอการกลับมาเจอกันอีกครั้งของเขาทั้งสองคนนั่นแหละ
ดินเก็บสมุดวาดเขียนและหนังสือที่แบงค์อ่านเป็นชิ้นสุดท้ายไปไว้บนโต๊ะทำงานในห้องนอน พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับกระดาษโน้ตสีฟ้าที่ว่าง อยู่ใกล้กับโคมไฟ ดินเขียนข้อความลงไปแล้วฉีกมันติดมือมาพร้อมกับหอบผ้าห่มผืนใหญ่ออกมาด้วย เขาเดินไปในส่วนของห้องรับแขกอีกครั้ง แบงค์ยังคงหลับสนิท ดินแปะกระดาษโน้ตไว้ใกล้ๆกับโปรเจคงานของแบงค์ก่อนจะเลื่อนผ้าขึ้นห่มให้อย่างเบามือ
“ฝันร้ายไอ้ผัวเก่าหมาเน่า” บอกฝันร้ายคนที่หลับอยู่เบาๆแล้วเดินกลับเข้าห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำนอน
แบงค์ตื่นขึ้นมาในเวลาตีหนึ่ง รอบกายเขามืดสนิทมีเพียงไฟหลอดเล็กในส่วนเคาน์เตอร์ครัวเท่านั้นที่ยังเปิดอยู่ ร่างหนาเสยผมที่เริ่มยาวของตัวเองออกให้มันพ้นตาก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำดื่ม ในตู้เย็นของดินไม่มีของสดอยู่เลยแม้แต่น้อย มีเพียงน้ำเปล่าอยู่สามขวดและกาแฟยี่ห้อดังที่มีขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปอีกสองกระป๋อง ดีขึ้นมาหน่อยที่ยังมีไข่ถุงใหญ่ในซอกหลืบตู้เย็นไว้ใส่ต้มมาม่า
ดินก็เหมือนกับผู้ชายทั่วๆไป หาความเป็นระเบียบได้ยาก ถึงแม้ว่า ดินเหมาะจะเป็นเมียมากกว่าไปเป็นผัวชาวบ้านก็เถอะ แบงค์หยิบกาแฟในตู้เย็นออกมาเปิดดื่มครึ่งกระป๋องแล้วยัดมันกลับไว้ที่เดิม ถึงเวลาที่เขาต้องทำงานสักทีหลังจากอู้ตามอารมณ์ตัวเองมานาน ปกติเวลานี้เขาควรอยู่สตูดิโอแต่ตลอดทั้งวันที่นั่งจมกับมัน คิดยังไงก็คิดไม่ออก เลยว่าจะออกมาคลายเครียดสักหน่อย จวบเหมาะกับพี่เทคนัดมาคุยงานที่ร้านกาแฟ แล้วพอคุยงานเสร็จดินก็เดินผ่านมาหลังจากพี่เทคเขากลับไปได้ไม่นาน
แบงค์เดินกลับมาหยิบโปรเจ็กต์งานบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาเพราะจะเอาไปทำที่เคาน์เตอร์ครัวเพื่อจะได้ไม่ต้องเปิดไฟรบกวนคนในห้องนั่น พลันสายตาคมก็เหลือบไปเห็นกระดาษสีสดใสที่แปะอยู่ไม่ไกลจากงาน แบงค์อ่านตัวหนังสือหยิกๆงอๆเหมือนไก่เขี่ยแล้วส่ายหัวเบาๆ
ตื่นมาก็หัดอาบน้ำบ้าง ไอ้ซกมก กลิ่นลอยถึงห้องกู
แบงค์นั่งเก้าอี้ตัวยาวไร้ที่พิงซึ่งหมุนไปมาได้เหมือนเก้าอี้ในผับ วางกระดาษเขียนแบบพร้อมกับโปรเจ็กต์งานลงบนเคาน์เตอร์ แล้วเริ่มลงมือทำต่อ เป็นปกติของเด็กสถาปัตย์ที่ทำงานข้ามวันข้ามคืนแบบนี้ เวลาชีวิตแบงค์เปลี่ยนไปตั้งแต่เริ่มก้าวเข้ารั้วมหาวิทยาลัย กลางคืนกลางวันสลับกลับกันไปหมด ส่วนมากจะทำงานกลางคืนและนอนกลางวันมากกว่า นั่นคือเหตุผลที่เพื่อนร่วมรุ่นเขาหายไปเยอะจากตอนแรกที่เข้ามาพร้อมกัน ถ้าไม่รักไม่ชอบหรืออดทนเก่งพอก็ไปไม่รอด
เช้าวันต่อมา
ดินตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ ขยับตัวขึ้นนั่งบิดขี้เกียจสองสามทีเบาๆแล้วลุกออกจากห้อง มองหาอีกคนที่เมื่อคืนนอนอยู่บนโซฟาแต่ก็ไม่พบ
แบงค์ไม่ได้นอนอยู่ตรงนั้นแล้ว บนโซฟามีเพียงผ้าห่มผืนใหญ่กองอยู่ มองหารอบๆห้องก็ไม่เห็น
“สงสัยกลับแล้ว”
พูดไม่ทันขาดคำเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น แบงค์ในสภาพชุดนักศึกษาชุดเดิมเมื่อวานเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับถุงบางอย่าง ดินเลิกคิ้วมอง แบงค์ไม่สนใจคนที่ยืนงงอยู่ ร่างหนาเดินไปนั่งที่เก้าอี้หลังเคาน์เตอร์ หยิบน้ำเต้าหู้ถุงเล็กๆออกมาจากถุงหูหิ้วใสกัดปลายถุงแล้วดูดกินทันที
ดินขำก่อนจะเดินมาในส่วนเคาน์เตอร์ครัวเช่นเดียวกัน เปิดตู้เย็นสำรวจหาของกินในนั้นแล้วก็ทำหน้าเซ็ง เบื่อมาม่า เบื่อไข่ และเบื่อน้ำเปล่าเต็มทน ดินนั่งลงเก้าอี้ข้างๆแบงค์ มองน้ำเต้าหูอีกถุงในถุงพลาสติก
“อะไร?” แบงค์ถามเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาทางนี้ ดินกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ “มึงหิว?” ถามออกไปอีกครั้งและครั้งนี้ดินพยักหน้า
“คิดว่ากูจะอิ่มไหมถุงเดียว?” แบงค์พูด
“อิ่ม ขอบใจนะที่ซื้อมาเผื่อ^^” ดินยื่นมือไปหยิบน้ำเต้าหู้อีกถุงมากัดปลายดูดเหมือนแบงค์ โดยที่ไม่ฟังคำอนุญาตของคนที่ซื้อมาเลยสักนิด แบงค์ส่ายหน้า
“คิดว่ากลับไปแล้วซะอีก” ดินว่า พลางดูดน้ำเต้าหู้ไปมองแบงค์ทำงานไปด้วย
“เดี๋ยวสายๆจะเข้ามอ” แบงค์ตอบโดยไม่หันหน้ามามองคนข้างๆ
“นี่มึงยังไม่อาบน้ำอีกเหรอเนี่ย” นึกขึ้นได้ว่าแบงค์ยังใส่ชุดเดิมเลยพูดออกไปแบบนั้น น้ำเต้าหู้ถุงอ้วนหมดไปในเวลาไม่ถึงสามนาที
“เออ ค่อยไปอาบที่มอ”
“มีงี้ด้วย กล้าอาบได้ไงวะ” ดินนึกสงสัย ห้องน้ำสาธารณะไม่เป็นที่น่าพึงใจเท่าไหร่สำหรับดิน
“พวกกูก็ทำแบบนี้ อยู่รวมกันหลายคนบางทีอาบน้ำไม่ทันบ้าง น้ำไม่ไหลบ้าง ก็ไปอาบที่มอเอา บางทีกางเกงในกูเพื่อนยังเอาไปใส่”
“กล้าใช้ด้วยกันด้วยเหรอวะ มึงยิ่งซกมกอยู่.. โอ้ย!” พูดกัดเขายังไม่จบ ดินก็โดนเขกหัวทันที ร่างโปร่งมองคนข้างๆอย่างเคืองๆ หมุนเก้าอี้หันกลับหลังไปเสียบกระติกน้ำร้อน หย่อนไข่สี่ฟองลงไปข้างในนั้น แล้วรอเวลามันสุก“มึงอยู่กับเพื่อนเหรอ?” ดินถามแบงค์
“เออ” สั้นๆห้วนๆตามเคย
“อยู่กับเพื่อนเยอะๆก็ดี แต่กูชอบไปไหนมาไหนคนเดียวมากกว่า” ดินพูดบอก ปกติเขาชอบเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่ใช่ว่าไม่ชอบการที่มีเพื่อนเยอะๆ มันก็สนุกดีแต่บางทีเขาใช้เวลากับบางสิ่งบางอย่างนานเกินจะให้คนอื่นมารอ
“มึงโลกส่วนตัวสูงไง กูชอบไปกับเพื่อน ทำงานกับเพื่อนมันได้อะไรเยอะ มึงต้องพยายามเข้าใจ” แบงค์พูด มือหนาเสยผมยาวที่หล่นมาบังหน้าตัวเองอีกครั้ง และเริ่มรำคาญกับมันมากขึ้นไปอีก
“มึงพูดเหมือนกูใจแคบ” ดินไม่พูดต่อ รู้สึกแย่ขึ้นมาเมื่ออีกคนมองเขาแบบนั้น ดินไม่ชอบเวลาที่แบงค์พูดเหมือนเขาสองคนนิสัยแตกต่างกันเกินไปจนเข้ากันไม่ได้ เหมือนว่าระยะห่างระหว่างเรามันกว้างเหลือเกิน
ดินลุกจากเก้าอี้เดินไปเปิดตู้เย็น รินน้ำใส่ถ้วยก่อนจะถอดปลั๊กกระติกน้ำร้อนเปิดฝามันออกแล้วใช้ทัพพีตักไข่สี่ฟองแช่ในน้ำเย็น
“ทำไร?” แบงค์หันไปถาม จริงๆอยากดูอาการเมียเก่ามากกว่า ถ้าคิดไม่ผิดนี่คงเก็บเรื่องเมื่อกี้ไปคิดมากอีกตามเคย
“ต้มไข่” ดินตอบสั้นๆ เป็นอย่างที่คิด ปกติตอบเยอะจะตาย
คิดมากชัวร์
“พิสดารดีวิธีมึง” คนชอบแกล้งขำ ไม่ได้ขำวิธีพิสดารที่ว่าแต่ขำใบหน้าเครียดๆของอีกคน จะคิดอะไรมากนะ บางทีปล่อยๆไปไม่สนใจคำพูดเขาบ้างก็ได้
ดินปอกเปลือกไข่ออกทั้งหมดแล้วเอาใส่จาน หยิบมากินฟองนึงแล้ววางจานไข่ไว้ข้างแบงค์
“หิวก็กิน กูจะไปอาบน้ำเตรียมไปทำงานแล้ว” ดินบอก
“ครับเมียเก่า อย่าคิดมากล่ะ” รอยยิ้มธรรมดานอกเหนือจากเวลากวนตีนปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมของแบงค์ รอยยิ้มที่นานๆทีดินจะได้เห็นมัน ร่างโปร่งชะงักค้างชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆไล่ความคิดนั้นออกจากหัวแล้วหันหลังกลับเดินเข้าห้องไป
............................................
To Be Con.
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ