ตำนานมหาเทพตงหัว (The Legend of DongHua Dijun)

-

เขียนโดย ตัวหงส์

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.33 น.

  7 chapter
  0 วิจารณ์
  16.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560 20.30 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

3) ความลับของบิดาแห่งเวลา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 3: ความลับของบิดาแห่งเวลา

     แม้นเป็นถึงบิดาแห่งเวลา และประมุขสวรรค์ แต่ก็ไม่อาจจะหนีจากกฎแห่งอายุขัยได้ เมื่อบิดาแห่งเวลาได้กำหนดอายุขัยให้กับทุกสิ่งในจักรวาลแล้ว งานของท่านสำเร็จลุล่วง จึงถึงคราที่จักต้องเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน หากแต่ในช่วงเวลาที่บิดาแห่งเวลากำลังจะดับขันธ์นั้น ได้เรียกดวงตาแห่งธรรม และมหาเทพตงหัว มาเข้าเฝ้า

     “น้องสี่ ตงหัว... ครานี้ถึงเวลาดับขันธ์ของพี่แล้ว  ขอพวกเจ้าจงทำหน้าที่ของตนให้อย่างเต็มที่.... น้องสี่ เจ้าคือดวงตาแหงธรรม เปรียบได้ดั่งแสงประทีปส่องทางของเหล่ามนุษย์ และสรรพชีวิตทั้งมวลไปสู่นิพพาน ขอจงทำหน้าที่ของเจ้าให้อยากเต็มที่” บิดาแห่งเวลาพูด เสียงอ่อนล้าเต็มที พร้อมไอหนักๆ ออกมาสองสามครั้ง

     “...ขอพี่สามอย่าเป็นกังวล ข้าจะเป็นดั่งตะเกียงที่ลุกโชติช่วงคอยส่องนำหนทางสู่นิพพานให้แก่ชาวโลก ขอท่านพี่โปรดวางใจเถิด” ดวงตาแห่งธรรมตอบรับหนักแน่น

     ยามนั้นบิดาเแห่งเวลา ทราบดีว่าเวลาของตนนั้นเหลือน้อยเต็มที แต่ยังมีเรื่องสำคัญบางประการที่ต้องบอกกล่าวเสียก่อน คิดได้จึงยกมือเรียกเทพจุติศิลาที่ห้าตงหัวให้เข้าไปใกล้ๆ

     “ตงหัว ตงหัว นับแต่เจ้าจุติมา ภาระของเจ้าหนักหนาที่สุด ยากเย็นเข็ญใจที่สุด แต่เจ้าก็สามารถรับมือได้ดีเยี่ยมยิ่ง หากแต่ครานี้ถึงเวลาที่พี่ต้องบอกเรื่องราวแก่เจ้า...” บิดาแห่งเวลากล่าวต่อ อาการคล้ายเพ้อพก หากแต่ยังคงขยับมือไปมาเพื่อจะสาธยายเรื่องราว

     “........” ตงหัวจ้องร่างที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้บิดาแห่งเวลามากขึ้น 

     “ตงหัว... หากแม้นตัวพี่นี้ได้ชื่อว่าเป็นเทพแห่งกาลเวลาแต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง นั่นคือพี่ไม่อาจควบคุมอายุขัยของตัวเองได้ อีกทั้ง... อีกทั้ง...”

     “ขอท่านพี่กล่าวต่อเถิด...” ตงหัวกล่าว

บิดาแห่งเวลากระแอมไอีกหลายครั้ง ก่อนจะหันหน้าไปทางเทพจุติศิลาที่สี่ดวงตาแห่งธรรมแล้วกล่าวว่า 

     “ดวงตาแห่งธรรม...เจ้าออกไปก่อนเถิด เรื่องราวครั้งนี้เห็นสมควรจะต้องบอกแก่ตงหัวเป็นการส่วนตัว”

     “ขอรับ” ดวงตาแห่งธรรมกล่าว พร้อมค้อมศีรษะ และถวายบังคมลาแก่บิดาแห่งเวลา เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินอย่างสงบเงียบจากไป

     “ตงหัว เอ๋ย... ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง มี เกิด แก่ เจ็บ และตายจากไป เหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นกฎของเวลา หากแต่ในบางครั้งเพื่อรักษาสมดุลนั้น จำเป็นต้องมีตัวต้านสมดุลอยู่บ้าง เพื่อให้คงไว้ซึ่งความสมดุลนั้น...”

     “ที่ท่านพี่จะกล่าวคือ...” ตงหัวมองใบหน้าของพี่สามที่สงบนิ่งราวภูผา เขานึกสงสัยในใจ ใยพี่สามจึงไม่หวั่นเกรงต่อการดับขันธ์แม้แต่น้อย พี่สามในยามนี้ไม่ต่างอะไรกับพี่สามในยามปกติ เหมือนประหนึ่งว่านี้เป็นแค่การนอนกลางวันธรรมดาๆ เท่านั้น

บิดาแห่งเวลานิ่งเงียบอยู่ครู่หนึง ก่อนจะถอนหายใจยาว และกล่าวต่อว่า

     “ตงหัว... เจ้าคือตัวต้านสมดุลนั้น... เจ้าเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ไม่มีอายุขัย เจ้าจุติ และจะตั้งอยู่ตลอดไป...”

     ความพิสดารนี้ตัวบิดาแห่งกาลเวลาเองก็เพิ่งจะกระจ่างทราบแน่ชัดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ทำการชำระบัญชีอายุขัยของทุกสรรพชีวิตในจักวาลแล้ว เห็นว่าไม่ว่าจะทำวิธีใดก็ไม่สามารถจะหาอายุขัยของเทพจุติศิลาห้าได้  จึงจำเป็นต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้เจ้าตัวทราบก่อน

     ตงหัวเหมือนจะชะงักไปครู่หนึ่ง หากแต่สีหน้ายังคงไม่แสดงอารมณ์ใดใดเช่นเดิม ครู่หนึ่งจึงกล่าวตอบไปว่า

     “อ่าห์— เช่นนั้น... ข้าคงต้องน้อมรับชะตานี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

     ตงหัว ทอดสายตาไกล ในหัวยังคงก้องประโยค เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ตลอดกาล... หมายความว่าเขาจะเป็น "อมตะเทพ"? ไม่มีวันสิ้นอายุขัย... นี้ควรเป็นเรื่องน่ายินดีหรือไม่? แล้วเหตุใดภายในใจตงหัวจึงรู้สึกว่างเปล่า ใจหาย เช่นนี้...

     “ได้ยินดังนี้พี่ก็สบายใจ ไปเถอะตงหัว ถึงวาระของพี่แล้ว...” บิดาแห่งเวลากล่าวเสียงแผ่วเบา และนั่นเป็นประโยคสุท้ายก่อนที่ร่างศักดิ์สิทธิ์ของท่านจะสลายหายไปคงเหลือไว้แต่เพียงก้อนหินธรรมดาๆ หนึ่งก้อนเท่านั้น

     ตงหัวคุกเข่าอยู่เช่นนั้นไม่ทราบนานเท่าไหร่ ไม่ร้องไห้ ไม่เสียใจ ไม่ขยับร่างแม้แต่น้อย สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ศิลาธรรมดาๆ บนแท่นประทับนั้น ศิลาที่ครั้งหนึ่งเคยจุติเป็นเทพแห่งกาลเวลา ไม่ทราบเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ดวงตาแห่งธรรมเดินกลับเข้ามา ก่อนจะเดินไปหยิบศิลาศักดิ์สิทธิ์บนเตียงมาถือไว้ในมือด้วยความทะนุถนอม

     “ตงหัว หักห้ามใจเถิดนะ ข้าเข้าใจดีว่าเจ้านั้นผูกพันกับพี่สามมากเพียงใด ตอนนี้เทพจุติศิลาอาวุโสทั้งสามล้วนดับขันธ์ปรินิพพาน อีกคงไม่นานคงถึงคราของข้า แล้วก็เจ้า เมื่อนั้นเจ้าก็จะหลุดพ้นเช่นกัน”

     “อืม” ตงหัวยังคงนั่งนิ่ง รับคำพียง อืม แม้ในใจจะเพิ่งรู้ความจริงที่ว่าเขาไร้ซึ่งอายุขัย และไม่มีทางที่จะดับขันธ์ปรินิพพานแบบพวกเทพจุติศิลาองค์อื่นๆ ได้

     "ตงหัว ข้าเองก็มีสิ่งที่ต้องไปสะสางในโลกมนุษย์ คงอยู่ปลอบใจเจ้าได้เพียงแต่เท่านี้ อีกทั้งคงไม่อาจทันอยู่ร่วมงานสถาปนาเจ้าขึ้นเป็นประมุขสวรรค์อีกด้วย เฮ้อ...ไม่รู้อีกกี่หมื่น กี่แสนปี จึงจะมีโอกาสมาพบพานเจ้าอีกคราในสภาพร่างเทพจุติศิลานี้อีก..."

     เทพจุติศิลาสี่ดวงตาแห่งธรรมกล่าวพร้อมเผยยิ้มน้อยๆ เพื่อปลอบใจตงหัว

     “หนนี้ ท่านไปนานขนาดนั้นเชียวหรือ... เช่นนั้นแล้วข้า...”

     "เจ้าจะเป็น ประมุขสวรรค์ ที่ดี ข้าเชื่อเช่นนั้น"

     "............" ตงหัวขยับปากเหมือนจะกล่าวกระไร แต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา

     "ตงหัว ศิลาศักดิ์สิทธิ์ชิ้นที่สามนี้ ข้าขอมอบให้เจ้า จงนำไปเก็บไว้ในตำหนักอัสนีบาทเถิด... ตงหัวเอ๋ย จงเข้มแข็ง และเป็นผู้ปกครองที่ดีเถิดน้องพี่ จนกว่าจะพบกันอีกครา..."

     ดวงตาแห่งธรรมกล่าวจบ จึงยื่นศิลาศักดิ์สิทธิ์ให้มหาเทพตงหัว ก่อนจะสลายร่างเหลือเพียงดวงไฟสีส้มสุกสกาวลอยละล่องลงสู่เบื้องล่างพื้นพิภพมนุษย์ และเข้าจุติเป็นมหาเถระถังซัมจั๋ง ผู้อัญเชิญพระไตรปิฎกยังชมพูทวีป

     มหาเทพตงหัวถือศิลาศักดิ์สิทธิ์ไว้ในมือ สายตาเหม่อลอยไปไกล 

     มหาเทพสูดหายใจเข้าหนึ่งลม ก่อนจะหันกายเดินจากไป

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา