The trap of the heart กับดักของหัวใจ
9.6
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 21.02 น.
9 chapter
416 วิจารณ์
15.92K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2559 11.41 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
7) AGENT
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความCHAPTER 06
- KAEWJAI SAY -
“ขอยืมชุดหน่อย”
ฉันชะเง้อหน้าออกมาจากห้องน้ำก่อนจะเอ่ยปากพูดคำแรกในรอบวันกับผู้ชายที่นั่งเล่นเกมส์เพลย์อยู่ตรงโซฟาโทโมะที่ได้ยินคำเอื้อยเอ่ยจากฉันเขาก็หันมาทำหน้าเหมือนกำลังกวนประสาทฉันอยู่โทโมะหันกลับไปเล่นเกมส์ต่อตามเดิมเขาไม่คิดจะเดินไปหาชุดหรืออะไรให้ฉันเลยสักนิดคนบนโซฟากระดกกระป๋องโค้กด้วยท่าทีสบายใจเฉิบไม่สนว่าฉันกำลังอยู่ในสภาพอะไร
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายดีนะที่ในห้องน้ำยังมีผ้าขนหนูแขวนอยู่ไม่งั้นฉันก็คงต้องขลุกอยู่แต่ในนี้จนเป็นปอดบวมนั่นแหละฉันค่อยๆเขย่งปลายเท้าออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่เปียกเกินจะเยียวยาก่อนจะมุ่งตรงไปที่ห้องของเขาอย่างน้อยเขาก็ต้องมีชุดที่ฉันใส่ได้มั้งล่ะ
“จะเข้าไปทำอะไร” โทโมะพูดดักทางฉันจนฉันต้องหยุดและหันไปมองเขาหยุดเล่นเกมส์แต่เลือกที่จะมองหน้าหาเรื่องฉันแทน
“ใส่แบบนั้นก็ดีแล้วนี่”
“จะบ้าหรือไงฉันไม่มีแม้กระทั้ง…”
ฉันหยุดพูดก่อนจะก้มมองตัวเองฉันมาตัวเปล่าสุดๆชุดชั้นในไม่มีสักตัวจะให้ฉันใส่อะไรเล่า
“ไม่ต้องใส่มานั่ง” โทโมะสั่งฉันหน้าตาเฉยและแน่นอนว่าฉันไม่ทำตามเขาหรอก
“เลิกแกล้งหรือยั่วโมโหฉันสักทีโทโมะฉันยอมใส่ชุดนายมันก็มากพอแล้วนะ”
“ก็ไม่ต้องใส่สิใครง้อกัน”
“โทโมะ” ฉันเรียกเขาพยายามข่มอารมณ์ให้นิ่งมากที่สุด
“ฉันไม่รู้ว่านายจะผีเข้าผีออกหรือสนุกอะไรกับการล้อเล่นในครั้งนี้แต่ขอร้องช่วยจริงจังกับเรื่องของฉันสักครั้งเถอะ”
“จริงจังสิ!” อยู่ๆโทโมะก็ตะโกนกลับมาในขณะที่ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องเขา
“…”
“ฉันพร้อมจริงจังกับเธอทุกเรื่องนั่นแหละแต่เธอไม่รับมันไปแค่นั้น”
“อย่านอกเรื่อง”
ปัง!
ฉันรีบดึงประตูห้องนอนเขาก่อนจะเข้าไปและปิดมันลงทันทีฉันพิงประตูด้วยความเหนื่อยซึ่งไม่สามารถอธิบายอะไรได้ฉันเหนื่อยข้างในเหนื่อยที่ใจสุดๆไม่ได้เหนื่อยที่กายเลยสักนิดทำไมเขาถึงมีอิทธิพลกับฉันไปซะทุกอย่างกดขี่ข่มเหงทรมานความรู้สึกอึดอัดและรู้สึกขัดใจจนฉันอยากจะฆ่าเขาให้รู้แล้วรู้รอดฉันไม่ได้ยอมแต่ฉันแพ้ถ้าฉันชนะเขาได้ทุกอย่างก็ต้องจบและเขาก็ต้องหยุดไปพร้อมเรื่องที่เขาทำเอาไว้
สิ่งสำคัญที่ฉันลากสังขารตัวเองมาที่นี่คือให้เขารับผิดชอบเรื่องน้องตัวเองไม่ใช่มาใจอ่อนและยอมแพ้ให้กับทุกอย่างมันไม่ใช่ฉัน
ฉันข่มตาและปัดความคิดทุกอย่างให้ออกไปก่อนในตอนนี้ฉันควรหาชุดมาใส่ซะไม่งั้นคืนนี้ฉันคงไม่ได้อยู่ดีอีกแน่ๆ
ฉันเลือกเปิดลิ้นชักในห้องเขาทุกล็อกแต่ก็ต้องหยุดที่ลิ้นชักล่างสุดมันมีชุดชั้นในผู้หญิงที่ไซด์เท่าๆฉันวางเอาไว้อยู่ประมาณสี่ห้าชุดฉันพ่นลมหายใจออกมาด้วยความสมเพชจริงสิเขาไม่ใช่ผู้ชายที่แสนดีจนไม่มีเรื่องพวกนี้อยู่ในห้องเขาสินะ
“ของเธอนั่นล่ะ”
อยู่ๆเสียงของโทโมะก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังฉันเขาเปิดประตูเข้ามาตอนไหนทำไมฉันไม่เห็นได้ยินเสียงเลยล่ะ -*- ฉันรีบชักมือออกจากชุดชั้นในในนั้นก่อนจะยืดตัวยืนตรงทำเหมือนว่าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
“อะไรของฉันฉันไม่มีชุดในห้องนายอย่ามามโน”
“ฉันสั่งแม่บ้านคอนโดไปซื้อมาตอนเช้าฉันไม่รู้ว่าเธอไซส์อะไรกะมาได้เท่านั้นล่ะจะเล็กกว่าใหญ่กว่าก็ใส่ไปเหอะ”
โทโมะพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยเสมือนว่ากำลังพูดว่าก๋วยเตี๋ยวนั่นเขาไปสั่งซื้อมาจะเค็มก็กินจะหวานก็กินอร่อยเหมือนกันกินๆไปเหอะอะไรทำนองนั้นแต่จริงๆชุดชั้นในทั้งหมดเมื่อกี้ก็ยังใหม่แถมมีป้ายยี่ห้อติดอยู่เลยนะเขาคงไม่อ้างหรอกสินะ
“ขอบคุณแต่ถ้าให้ดีปล่อยฉันกลับบ้านไปใส่ชุดตัวเองดีกว่านะ” ฉันยังคงไม่เลิกประชดเขาไม่รู้สิฉันอยากให้เขารำคาญฉันเร็วๆและให้ฉันกลับคอนโดเสียทีฉันไม่ได้อึดอัดแต่ฉันลำบากใจตัวเอง
“อย่านอกเรื่อง”
โทโมะพูดใส่ฉันด้วยประโยคที่คุ้นแปลกๆเหมือนว่าฉันเพิ่งพูดออกไปก่อนหน้านี้ไม่ถึงห้านาทีฉันจิ๊ปากใส่เขาเพราะความหงุดหงิดเขานี่ไม่เคยยอมอะไรใครง่ายๆเลยสินะ
“ออกไปจะแต่งตัว” ฉันปัดมือไล่เขาเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องยังคงยืนหน้าตาใสซื่อบ๊องแบ๊วไม่ยอมออกไป
“แต่งดิจะยืนดู”
และความหน้าด้านของเขาก็มีเยอะจนไม่สามารถเผื่อแผ่คนบนโลกได้หมด
“ไม่ตลกออกไปซะ” ฉันชี้ไปที่ประตูหน้าห้องด้วยสีหน้าที่ไม่เล่นกับเขาสักเท่าไร
“จะแต่งชุดของฉันอีกแล้วเหรอ”
“ก็ใช่ไงนายจะให้ฉันใส่ชุดชั้นในเดินทั่วคอนโดนายหรือไง”
“แบบนั้นก็ดีนะ” โทโมะลูบคางตัวเองเหมือนเห็นด้วยกับคำประชดฉันหมอนี่นี่มันคนยังไงนะ
“แต่ถ้าให้ดีใส่ชุดฉันจะดีกว่า”
“แน่นอนเพราะฉันไม่คิดจะเดินแก้ผ้าโจ่งแจ้งอยู่แล้ว”
“เพราะถ้าเธอใส่ชุดฉัน…” โทโมะมองมาที่ฉันก่อนจะไล่สายตาขึ้นลงอย่างมีเลห์นัย
“…”
“ฉันจะได้เกิดอารมณ์เหมือนเมื่อคืนไง”
“ตลก” ฉันพูดพร้อมกับค่อยๆดันตัวเขาออกไปแต่ร่างกายของผู้ชายตรงหน้ากลับไม่ขยับเลยสักนิดโทโมะมองมาที่ฉันเหมือนกำลังรอดูผลงานความพยายามของฉันครั้งนี้
“นายนี่ดื้อจริงๆ”
“ไม่ไป” โทโมะเล่นหน้าเล่นตายั่วประสาทฉันเฉย
“ทำไมนี่นายจะเข้าขั้นคำว่าโรคจิตเข้าไปเรื่อยๆแล้วนะ”
“ออกก็ได้แต่…” โทโมะมองไล่ตามร่างกายฉันก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาและวินาทีนั่นล่ะ…
“เห็นแล้วเกะกะเอาออก”
พรึ๊บ!
ผ้าขนหนูที่ปกคลุมร่างกายฉันอย่างมิดชิดมาตั้งแต่แรกบัดนี้กลับร่วงลงสู่พื้นเป็นที่เรียบร้อยความวูบทั่วร่างกายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วฉันอึ้งกับการกระทำของเขาไปเล็กน้อยโทโมะยิ้มให้ฉันหน้าตาเฉยก่อนจะหันหลังพลางผิวปากเดินออกไปเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น!!
ฉันรีบคว้าผ้าจนหนูที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมาห่อตัวอย่างเดิมอีกครั้งด้วยความอายจริงๆจะอายมากกว่านี้ถ้าบนตัวฉันมีชุดชั้นในใส่อยู่แต่นี่ไม่!
หงุดหงิดกับความลามกของเขาฉิบเมื่อไรจะหลุดพ้นบ่วงบ้าๆนี่เสียทีฉันรีบแต่งตัวและหาเสื้อผ้าที่ใส่ง่ายๆดีที่โทโมะเป็นคนเอวเล็กอย่างน้อยกางเกงวอร์มของเขาก็สามารถรูดเชือกให้แน่นขึ้นได้ในระดับนึงฉันแต่งตัวเรียบร้อยชุดชั้นในที่เขาซื้อมาให้ฉันกลับพอดีไซส์หน้าอกฉันอย่างน่าแปลกใจเขาเชี่ยวชาญทางด้านนี้สินะ -_-
ฉันที่กำลังจะเปิดประตูออกไปด้านนอกก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่ามีคีย์การ์ดคอนโดของเขาวางอยู่ที่หัวเตียงฉันไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหยิบก่อนจะเก็บมันไว้ที่เสื้อชั้นในเงียบๆเรื่องนี้เขาจะรู้ไม่ได้ไม่งั้นฉันก็ไม่ได้ออกไปสู่โลกกว้างด้านนอกน่ะสิพอฉันจัดการเรื่องขโมยคีย์การ์ดเสร็จก็รีบออกนอกห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
โทโมะมองมาที่ฉันในขณะที่ฉันกำลังเดินมานั่งโซฟาคู่ใจของเขาฉันหุบปากสนิทภายในห้องมีเพียงเสียงแอร์เบาๆกับเสียงโทรทัศน์ที่เขาเปิดเกี่ยวกับข่าวบันเทิง
“มองไร” ฉันถามเขาแต่ตาของฉันยังคงจ้องทีวีนิ่งฉันแอบเหลือบเห็นเขามองมาน่า
“มองแฟนไม่ได้หรือไง”
“ใครแฟนนายวะ” ฉันที่ได้ยินอะไรไม่ค่อยเข้าหูก็หันไปทางเขาเพื่อด่าทอกับความมโนล้ำแต่อยู่ๆเขาก็โน้มหน้ายื่นมาที่ฉันจนเกือบติดหน้าฉันแน่ะ
“อะอะไร!”
“เราเป็นแฟนกันแล้วเพราะว่าเรา…”
“ช่างมันไม่เกี่ยวฉันไม่นับ”
ฉันรีบปัดก่อนจะหันกลับไปดูทีวีที่ข่าวเกี่ยวกับศิลปินนักร้องชื่อดังกำลังคั่วนางแบบไปที่หัวหินฉันพยายามตั้งใจดูข่าวอย่างว่าแต่ในสมองอนนี้กลับโยงไปที่คำพูดมโนของเขาอย่างเดียวอย่าคิดๆไม่คิดๆ
“ถ้าฉันให้เธอโทรหาแฟนอีกครั้งเธอจะโทรมะ”
อยู่ๆโทโมะก็เอ่ยข้อเสนอที่ฉันสนใจอย่างจริงจังขึ้นมาเขาชูมือถือตัวเองเป็นเชิงยั่วกิเลสฉันฉันที่หัวหมอเล่นทีเผลอทำท่าจะคว้าโทรศัพท์ในมือโทโมะก็ต้องพลาดเพราะเขาดันเบี่ยงหลบได้ทัน
“โทรเอามาสิ” ฉันไม่ปฏิเสธสิ่งที่เขาเสนอเป็นใครใครก็ต้องเอาอะ
“ให้โทรแล้วห้ามเล่นตุกติกเหมือนครั้งที่แล้วอีกเข้าใจ๊?”
พูดดักอีก!
ฉันพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแต่ก็ยอมพยักหน้ารับปากไปโทโมะยิ้มอย่างมีเล่ห์ก่อนเขยิบมาใกล้ฉันจะทำอะไรอีก…
“เอามือถือมาสิจะขยับมาทำไม”
“แค่นี้รังเกียจเหรอ” โทโมะถามด้วยสีหน้าเหนือ
“เปล่า” ฉันรีบพูดตัดความคิดของเขา
“แค่ขยะแขยง”
“โอเคไม่ต้องโทร” โทโมะผละตัวออกจากฉันทันทีเขาเอาโทรศัพท์ใส่กระเป๋าอย่างไม่คิดอะไร
“เดี๋ยวสิงอนหรือไง” ฉันยื้อข้อเสนอต่ออย่างด่วนแค่พูดแทงใจนิดหน่อยทำเป็นรับไม่ได้
“พูดเพราะๆอ้อนวอนหนักๆฉันจะให้”
โทโมะเริ่มตีข้อเสนออันใหม่ขึ้นมางัดข้อกับฉันจะไม่อยากโทรหาต้าร์มันก็จะกังวลว่าฝ่ายนั้นกำลังทำอะไรเขามาหาฉันที่คอนโดหรือเปล่าหรือกำลังแจ้งตำรวจแทนพ่อแม่ฉันไปแล้ว
“โทโมะขอโทรศัพท์หน่อย…ค่ะ” ฉันยื่นมือไปพร้อมกับพูดเบาๆห้วนๆแต่ลงหางเสียงเป็นออปชั่นเสริมดูเหมือนว่าคนถูกอ้อนวอนจะทำตัวหูทวนลมไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันขอไปเมื่อกี้
“ฉันขอดีๆแล้วนะไอ้ปลาดิบ”
ฉันเริ่มเดือดควันออกหูหน้าร้อนผ่าวไปหมดล่ะจะเล่นตลกอะไรนักหนาน่ารำคาญ
“ไม่ต้องเอาปากดี” โทโมะพูดในขณะที่ตาก็มองโทรทัศน์ชิว
“โทโมะขา…” และสุดท้ายฉันก็แพ้เขาจนได้!
“เค้าขอโทรหาแฟนเค้าหน่อยน้าโทโมะคุง -3-“
ฉันกำมือทุบที่แขนเขาเบาๆเป็นโมเอะสไตล์แต่ดูแล้วคล้ายคนปัญญาอ่อนกำลังขอกินนมยังไงไม่รู้โทโมะปรายตามองมาที่ฉันนิ่งเขาดูเหมือนไม่มีอารมณ์ร่วมกับการแสดงของฉันสักนิด
“อยากโทรหามันมากถึงขนาดไม่ยอมถอดใจยอมแพ้เลยเหรอ”
“อือใครๆก็ต้องรักแฟนปะคิดถึงแฟนอยากโทรหาแฟนต่อให้มีอุปสรรคเราก็ต้องข้ามไปหาแฟนปะ” ฉันพูดอ้างข้อเท็จจริงของคนติดแฟนแบบฉันทันที
“ทั้งๆที่เธอไม่เคยมีอะไรกับมันแต่มีกับฉันเนี่ยนะ” โทโมะพูดเสียงแข็งดรอปลงอย่างเห็นได้ชัดฉันทำอะไรเถียงอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้ารับเขาไป
“ฉันกับนายแค่ความสัมพันธ์ชั่ววูบแต่สำหรับฉันกับต้าร์เราคบกันคุยกันมานานกว่าจะคบกันได้” อยู่ๆฉันก็เล่าเรื่องแฟนใส่หน้าโทโมะดื้อๆ
“ฉันกับเขาไม่เคยทะเลาะกันเขาไม่เคยขอมีอะไรกับฉันเขาทำทุกอย่างเพื่อฉัน”
“…”
“และที่สำคัญนะโทโมะ” ฉันจ้องหน้าโทโมะเมื่อเห็นเขาเงียบตั้งใจฟัง
“เขาไม่เคยทำร้ายความรู้สึกฉันแม้แต่นิดเดียว”
“อืม” คำสั้นๆเอ่อยออกจากปากโทโมะแค่นั้นเขาล้วงมือถือออกมาอีกครั้งแต่ก็ยังไม่ส่งให้ฉันอยู่ดี
“ให้เธอโทรหาแฟนเธอก็ได้”
โทโมะพูดรับปากจนฉันต้องเบิกตาเพราะความดีใจฉันที่จะยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์อีกครั้งเขาก็ยังไม่ให้ฉันอีกอยู่ดี
“เอามาสิลีลาทำไม”
“แต่มีข้อแม้...”
“อะไร” ฉันเริ่มใจคอไม่ดีเมื่ออยู่ๆเขาก็เริ่มเล่นตุกติกกับฉันแทน
“โทรไปบอกเลิกมันซะ”
มาอัพแล้วเม้นโหวตกันหน่อยน๊า
- KAEWJAI SAY -
“ขอยืมชุดหน่อย”
ฉันชะเง้อหน้าออกมาจากห้องน้ำก่อนจะเอ่ยปากพูดคำแรกในรอบวันกับผู้ชายที่นั่งเล่นเกมส์เพลย์อยู่ตรงโซฟาโทโมะที่ได้ยินคำเอื้อยเอ่ยจากฉันเขาก็หันมาทำหน้าเหมือนกำลังกวนประสาทฉันอยู่โทโมะหันกลับไปเล่นเกมส์ต่อตามเดิมเขาไม่คิดจะเดินไปหาชุดหรืออะไรให้ฉันเลยสักนิดคนบนโซฟากระดกกระป๋องโค้กด้วยท่าทีสบายใจเฉิบไม่สนว่าฉันกำลังอยู่ในสภาพอะไร
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายดีนะที่ในห้องน้ำยังมีผ้าขนหนูแขวนอยู่ไม่งั้นฉันก็คงต้องขลุกอยู่แต่ในนี้จนเป็นปอดบวมนั่นแหละฉันค่อยๆเขย่งปลายเท้าออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่เปียกเกินจะเยียวยาก่อนจะมุ่งตรงไปที่ห้องของเขาอย่างน้อยเขาก็ต้องมีชุดที่ฉันใส่ได้มั้งล่ะ
“จะเข้าไปทำอะไร” โทโมะพูดดักทางฉันจนฉันต้องหยุดและหันไปมองเขาหยุดเล่นเกมส์แต่เลือกที่จะมองหน้าหาเรื่องฉันแทน
“ใส่แบบนั้นก็ดีแล้วนี่”
“จะบ้าหรือไงฉันไม่มีแม้กระทั้ง…”
ฉันหยุดพูดก่อนจะก้มมองตัวเองฉันมาตัวเปล่าสุดๆชุดชั้นในไม่มีสักตัวจะให้ฉันใส่อะไรเล่า
“ไม่ต้องใส่มานั่ง” โทโมะสั่งฉันหน้าตาเฉยและแน่นอนว่าฉันไม่ทำตามเขาหรอก
“เลิกแกล้งหรือยั่วโมโหฉันสักทีโทโมะฉันยอมใส่ชุดนายมันก็มากพอแล้วนะ”
“ก็ไม่ต้องใส่สิใครง้อกัน”
“โทโมะ” ฉันเรียกเขาพยายามข่มอารมณ์ให้นิ่งมากที่สุด
“ฉันไม่รู้ว่านายจะผีเข้าผีออกหรือสนุกอะไรกับการล้อเล่นในครั้งนี้แต่ขอร้องช่วยจริงจังกับเรื่องของฉันสักครั้งเถอะ”
“จริงจังสิ!” อยู่ๆโทโมะก็ตะโกนกลับมาในขณะที่ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องเขา
“…”
“ฉันพร้อมจริงจังกับเธอทุกเรื่องนั่นแหละแต่เธอไม่รับมันไปแค่นั้น”
“อย่านอกเรื่อง”
ปัง!
ฉันรีบดึงประตูห้องนอนเขาก่อนจะเข้าไปและปิดมันลงทันทีฉันพิงประตูด้วยความเหนื่อยซึ่งไม่สามารถอธิบายอะไรได้ฉันเหนื่อยข้างในเหนื่อยที่ใจสุดๆไม่ได้เหนื่อยที่กายเลยสักนิดทำไมเขาถึงมีอิทธิพลกับฉันไปซะทุกอย่างกดขี่ข่มเหงทรมานความรู้สึกอึดอัดและรู้สึกขัดใจจนฉันอยากจะฆ่าเขาให้รู้แล้วรู้รอดฉันไม่ได้ยอมแต่ฉันแพ้ถ้าฉันชนะเขาได้ทุกอย่างก็ต้องจบและเขาก็ต้องหยุดไปพร้อมเรื่องที่เขาทำเอาไว้
สิ่งสำคัญที่ฉันลากสังขารตัวเองมาที่นี่คือให้เขารับผิดชอบเรื่องน้องตัวเองไม่ใช่มาใจอ่อนและยอมแพ้ให้กับทุกอย่างมันไม่ใช่ฉัน
ฉันข่มตาและปัดความคิดทุกอย่างให้ออกไปก่อนในตอนนี้ฉันควรหาชุดมาใส่ซะไม่งั้นคืนนี้ฉันคงไม่ได้อยู่ดีอีกแน่ๆ
ฉันเลือกเปิดลิ้นชักในห้องเขาทุกล็อกแต่ก็ต้องหยุดที่ลิ้นชักล่างสุดมันมีชุดชั้นในผู้หญิงที่ไซด์เท่าๆฉันวางเอาไว้อยู่ประมาณสี่ห้าชุดฉันพ่นลมหายใจออกมาด้วยความสมเพชจริงสิเขาไม่ใช่ผู้ชายที่แสนดีจนไม่มีเรื่องพวกนี้อยู่ในห้องเขาสินะ
“ของเธอนั่นล่ะ”
อยู่ๆเสียงของโทโมะก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังฉันเขาเปิดประตูเข้ามาตอนไหนทำไมฉันไม่เห็นได้ยินเสียงเลยล่ะ -*- ฉันรีบชักมือออกจากชุดชั้นในในนั้นก่อนจะยืดตัวยืนตรงทำเหมือนว่าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
“อะไรของฉันฉันไม่มีชุดในห้องนายอย่ามามโน”
“ฉันสั่งแม่บ้านคอนโดไปซื้อมาตอนเช้าฉันไม่รู้ว่าเธอไซส์อะไรกะมาได้เท่านั้นล่ะจะเล็กกว่าใหญ่กว่าก็ใส่ไปเหอะ”
โทโมะพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยเสมือนว่ากำลังพูดว่าก๋วยเตี๋ยวนั่นเขาไปสั่งซื้อมาจะเค็มก็กินจะหวานก็กินอร่อยเหมือนกันกินๆไปเหอะอะไรทำนองนั้นแต่จริงๆชุดชั้นในทั้งหมดเมื่อกี้ก็ยังใหม่แถมมีป้ายยี่ห้อติดอยู่เลยนะเขาคงไม่อ้างหรอกสินะ
“ขอบคุณแต่ถ้าให้ดีปล่อยฉันกลับบ้านไปใส่ชุดตัวเองดีกว่านะ” ฉันยังคงไม่เลิกประชดเขาไม่รู้สิฉันอยากให้เขารำคาญฉันเร็วๆและให้ฉันกลับคอนโดเสียทีฉันไม่ได้อึดอัดแต่ฉันลำบากใจตัวเอง
“อย่านอกเรื่อง”
โทโมะพูดใส่ฉันด้วยประโยคที่คุ้นแปลกๆเหมือนว่าฉันเพิ่งพูดออกไปก่อนหน้านี้ไม่ถึงห้านาทีฉันจิ๊ปากใส่เขาเพราะความหงุดหงิดเขานี่ไม่เคยยอมอะไรใครง่ายๆเลยสินะ
“ออกไปจะแต่งตัว” ฉันปัดมือไล่เขาเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องยังคงยืนหน้าตาใสซื่อบ๊องแบ๊วไม่ยอมออกไป
“แต่งดิจะยืนดู”
และความหน้าด้านของเขาก็มีเยอะจนไม่สามารถเผื่อแผ่คนบนโลกได้หมด
“ไม่ตลกออกไปซะ” ฉันชี้ไปที่ประตูหน้าห้องด้วยสีหน้าที่ไม่เล่นกับเขาสักเท่าไร
“จะแต่งชุดของฉันอีกแล้วเหรอ”
“ก็ใช่ไงนายจะให้ฉันใส่ชุดชั้นในเดินทั่วคอนโดนายหรือไง”
“แบบนั้นก็ดีนะ” โทโมะลูบคางตัวเองเหมือนเห็นด้วยกับคำประชดฉันหมอนี่นี่มันคนยังไงนะ
“แต่ถ้าให้ดีใส่ชุดฉันจะดีกว่า”
“แน่นอนเพราะฉันไม่คิดจะเดินแก้ผ้าโจ่งแจ้งอยู่แล้ว”
“เพราะถ้าเธอใส่ชุดฉัน…” โทโมะมองมาที่ฉันก่อนจะไล่สายตาขึ้นลงอย่างมีเลห์นัย
“…”
“ฉันจะได้เกิดอารมณ์เหมือนเมื่อคืนไง”
“ตลก” ฉันพูดพร้อมกับค่อยๆดันตัวเขาออกไปแต่ร่างกายของผู้ชายตรงหน้ากลับไม่ขยับเลยสักนิดโทโมะมองมาที่ฉันเหมือนกำลังรอดูผลงานความพยายามของฉันครั้งนี้
“นายนี่ดื้อจริงๆ”
“ไม่ไป” โทโมะเล่นหน้าเล่นตายั่วประสาทฉันเฉย
“ทำไมนี่นายจะเข้าขั้นคำว่าโรคจิตเข้าไปเรื่อยๆแล้วนะ”
“ออกก็ได้แต่…” โทโมะมองไล่ตามร่างกายฉันก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาและวินาทีนั่นล่ะ…
“เห็นแล้วเกะกะเอาออก”
พรึ๊บ!
ผ้าขนหนูที่ปกคลุมร่างกายฉันอย่างมิดชิดมาตั้งแต่แรกบัดนี้กลับร่วงลงสู่พื้นเป็นที่เรียบร้อยความวูบทั่วร่างกายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วฉันอึ้งกับการกระทำของเขาไปเล็กน้อยโทโมะยิ้มให้ฉันหน้าตาเฉยก่อนจะหันหลังพลางผิวปากเดินออกไปเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น!!
ฉันรีบคว้าผ้าจนหนูที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมาห่อตัวอย่างเดิมอีกครั้งด้วยความอายจริงๆจะอายมากกว่านี้ถ้าบนตัวฉันมีชุดชั้นในใส่อยู่แต่นี่ไม่!
หงุดหงิดกับความลามกของเขาฉิบเมื่อไรจะหลุดพ้นบ่วงบ้าๆนี่เสียทีฉันรีบแต่งตัวและหาเสื้อผ้าที่ใส่ง่ายๆดีที่โทโมะเป็นคนเอวเล็กอย่างน้อยกางเกงวอร์มของเขาก็สามารถรูดเชือกให้แน่นขึ้นได้ในระดับนึงฉันแต่งตัวเรียบร้อยชุดชั้นในที่เขาซื้อมาให้ฉันกลับพอดีไซส์หน้าอกฉันอย่างน่าแปลกใจเขาเชี่ยวชาญทางด้านนี้สินะ -_-
ฉันที่กำลังจะเปิดประตูออกไปด้านนอกก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่ามีคีย์การ์ดคอนโดของเขาวางอยู่ที่หัวเตียงฉันไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหยิบก่อนจะเก็บมันไว้ที่เสื้อชั้นในเงียบๆเรื่องนี้เขาจะรู้ไม่ได้ไม่งั้นฉันก็ไม่ได้ออกไปสู่โลกกว้างด้านนอกน่ะสิพอฉันจัดการเรื่องขโมยคีย์การ์ดเสร็จก็รีบออกนอกห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
โทโมะมองมาที่ฉันในขณะที่ฉันกำลังเดินมานั่งโซฟาคู่ใจของเขาฉันหุบปากสนิทภายในห้องมีเพียงเสียงแอร์เบาๆกับเสียงโทรทัศน์ที่เขาเปิดเกี่ยวกับข่าวบันเทิง
“มองไร” ฉันถามเขาแต่ตาของฉันยังคงจ้องทีวีนิ่งฉันแอบเหลือบเห็นเขามองมาน่า
“มองแฟนไม่ได้หรือไง”
“ใครแฟนนายวะ” ฉันที่ได้ยินอะไรไม่ค่อยเข้าหูก็หันไปทางเขาเพื่อด่าทอกับความมโนล้ำแต่อยู่ๆเขาก็โน้มหน้ายื่นมาที่ฉันจนเกือบติดหน้าฉันแน่ะ
“อะอะไร!”
“เราเป็นแฟนกันแล้วเพราะว่าเรา…”
“ช่างมันไม่เกี่ยวฉันไม่นับ”
ฉันรีบปัดก่อนจะหันกลับไปดูทีวีที่ข่าวเกี่ยวกับศิลปินนักร้องชื่อดังกำลังคั่วนางแบบไปที่หัวหินฉันพยายามตั้งใจดูข่าวอย่างว่าแต่ในสมองอนนี้กลับโยงไปที่คำพูดมโนของเขาอย่างเดียวอย่าคิดๆไม่คิดๆ
“ถ้าฉันให้เธอโทรหาแฟนอีกครั้งเธอจะโทรมะ”
อยู่ๆโทโมะก็เอ่ยข้อเสนอที่ฉันสนใจอย่างจริงจังขึ้นมาเขาชูมือถือตัวเองเป็นเชิงยั่วกิเลสฉันฉันที่หัวหมอเล่นทีเผลอทำท่าจะคว้าโทรศัพท์ในมือโทโมะก็ต้องพลาดเพราะเขาดันเบี่ยงหลบได้ทัน
“โทรเอามาสิ” ฉันไม่ปฏิเสธสิ่งที่เขาเสนอเป็นใครใครก็ต้องเอาอะ
“ให้โทรแล้วห้ามเล่นตุกติกเหมือนครั้งที่แล้วอีกเข้าใจ๊?”
พูดดักอีก!
ฉันพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแต่ก็ยอมพยักหน้ารับปากไปโทโมะยิ้มอย่างมีเล่ห์ก่อนเขยิบมาใกล้ฉันจะทำอะไรอีก…
“เอามือถือมาสิจะขยับมาทำไม”
“แค่นี้รังเกียจเหรอ” โทโมะถามด้วยสีหน้าเหนือ
“เปล่า” ฉันรีบพูดตัดความคิดของเขา
“แค่ขยะแขยง”
“โอเคไม่ต้องโทร” โทโมะผละตัวออกจากฉันทันทีเขาเอาโทรศัพท์ใส่กระเป๋าอย่างไม่คิดอะไร
“เดี๋ยวสิงอนหรือไง” ฉันยื้อข้อเสนอต่ออย่างด่วนแค่พูดแทงใจนิดหน่อยทำเป็นรับไม่ได้
“พูดเพราะๆอ้อนวอนหนักๆฉันจะให้”
โทโมะเริ่มตีข้อเสนออันใหม่ขึ้นมางัดข้อกับฉันจะไม่อยากโทรหาต้าร์มันก็จะกังวลว่าฝ่ายนั้นกำลังทำอะไรเขามาหาฉันที่คอนโดหรือเปล่าหรือกำลังแจ้งตำรวจแทนพ่อแม่ฉันไปแล้ว
“โทโมะขอโทรศัพท์หน่อย…ค่ะ” ฉันยื่นมือไปพร้อมกับพูดเบาๆห้วนๆแต่ลงหางเสียงเป็นออปชั่นเสริมดูเหมือนว่าคนถูกอ้อนวอนจะทำตัวหูทวนลมไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันขอไปเมื่อกี้
“ฉันขอดีๆแล้วนะไอ้ปลาดิบ”
ฉันเริ่มเดือดควันออกหูหน้าร้อนผ่าวไปหมดล่ะจะเล่นตลกอะไรนักหนาน่ารำคาญ
“ไม่ต้องเอาปากดี” โทโมะพูดในขณะที่ตาก็มองโทรทัศน์ชิว
“โทโมะขา…” และสุดท้ายฉันก็แพ้เขาจนได้!
“เค้าขอโทรหาแฟนเค้าหน่อยน้าโทโมะคุง -3-“
ฉันกำมือทุบที่แขนเขาเบาๆเป็นโมเอะสไตล์แต่ดูแล้วคล้ายคนปัญญาอ่อนกำลังขอกินนมยังไงไม่รู้โทโมะปรายตามองมาที่ฉันนิ่งเขาดูเหมือนไม่มีอารมณ์ร่วมกับการแสดงของฉันสักนิด
“อยากโทรหามันมากถึงขนาดไม่ยอมถอดใจยอมแพ้เลยเหรอ”
“อือใครๆก็ต้องรักแฟนปะคิดถึงแฟนอยากโทรหาแฟนต่อให้มีอุปสรรคเราก็ต้องข้ามไปหาแฟนปะ” ฉันพูดอ้างข้อเท็จจริงของคนติดแฟนแบบฉันทันที
“ทั้งๆที่เธอไม่เคยมีอะไรกับมันแต่มีกับฉันเนี่ยนะ” โทโมะพูดเสียงแข็งดรอปลงอย่างเห็นได้ชัดฉันทำอะไรเถียงอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้ารับเขาไป
“ฉันกับนายแค่ความสัมพันธ์ชั่ววูบแต่สำหรับฉันกับต้าร์เราคบกันคุยกันมานานกว่าจะคบกันได้” อยู่ๆฉันก็เล่าเรื่องแฟนใส่หน้าโทโมะดื้อๆ
“ฉันกับเขาไม่เคยทะเลาะกันเขาไม่เคยขอมีอะไรกับฉันเขาทำทุกอย่างเพื่อฉัน”
“…”
“และที่สำคัญนะโทโมะ” ฉันจ้องหน้าโทโมะเมื่อเห็นเขาเงียบตั้งใจฟัง
“เขาไม่เคยทำร้ายความรู้สึกฉันแม้แต่นิดเดียว”
“อืม” คำสั้นๆเอ่อยออกจากปากโทโมะแค่นั้นเขาล้วงมือถือออกมาอีกครั้งแต่ก็ยังไม่ส่งให้ฉันอยู่ดี
“ให้เธอโทรหาแฟนเธอก็ได้”
โทโมะพูดรับปากจนฉันต้องเบิกตาเพราะความดีใจฉันที่จะยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์อีกครั้งเขาก็ยังไม่ให้ฉันอีกอยู่ดี
“เอามาสิลีลาทำไม”
“แต่มีข้อแม้...”
“อะไร” ฉันเริ่มใจคอไม่ดีเมื่ออยู่ๆเขาก็เริ่มเล่นตุกติกกับฉันแทน
“โทรไปบอกเลิกมันซะ”
มาอัพแล้วเม้นโหวตกันหน่อยน๊า
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ