Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ

9.4

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.

  21 chapter
  861 วิจารณ์
  31.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

7) ซวยสนิท ซวยแบบกู้ไม่กลับ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 6 ซวยสนิท ซวยแบบกู้ไม่กลับ

 

 

 

            “ เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับฉันสักที” จู่ๆ โทโมะก็ถามประโยคนี้ขึ้นมาซึ่งๆ หน้าทำให้ฉันที่นั่งคิดแผนหนีออกไปอยู่ถึงกับทรุดทันที

 

 

 

            “ง่ายมาก…นายก็รีบเลิกกับแฟนนาย แล้วรีบมาเป็นแฟนฉันให้ไวเลย”‘ง่ายจริงๆ อย่างที่ฉันบอกใช่มั๊ยล่ะทุกคน ^O^

 

 

 

            “-_-” หมอนี่จะรู้ตัวรู้เปล่าว่าหน้าเขานิ่งมาก

 

 

 

            “>_<”

 

 

 

            “-_-” นิ่งได้อีกค่ะ

 

 

 

            “^O^”

 

 

 

            “-_-” ก็ยังนิ่ง…

 

 

 

            “=_=?”

 

 

 

            หรือหน้าฉันมีอะไรติดหว่า…

 

 

 

            ฉันรีบยกมือขึ้นมาลูบๆ คลำๆ ใบหน้าตัวเองทันทีเพราะไม่รู้ว่ามีอะไรแปลกปลอมติดอยู่หรือเปล่าโทโมะถึงได้จ้องไม่ยอมวางตา

 

 

 

            “-_-”

 

 

 

            “จ้องอะไรอยู่ได้ อยากเป็นแฟนฉันแล้วล่ะสิ =.,=” ฉันตัดสินใจถามออกไปในที่สุด นี่เขาคิดว่าตัวเองนั่งเล่นเกมจับผิดอยู่หรือไงนะ ดูสิเนี่ย จ้องจนฉันคิดไม่ออกแล้วว่าจะหนีเขาออกไปยังไงดี นี่ก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่าแล้วแต่ก็ยังไม่มีแม้แต่เงาของพี่ขนมเข่งที่จะกลับมาบ้านเลย T_T

 

 

 

            “ห้องน้ำอยู่ไหน”

 

 

 

            “ตรงไปโน่นเลี้ยวซ้าย รีบไปเลย” ฉันชี้นิ้วบอกทางเขาอย่างกระดี้กระด้าทันที พอเขาไปเข้าห้องน้ำ ฉันก็จะได้รีบวิ่งหนีออกจากบ้านทันที! ดีล่ะจะได้ไม่ต้องมานั่งคิดอุบายให้เสียเวลาและปวดสมองเล่น

 

 

 

            ยะฮู้!!! ^O^

 

 

 

            “หึ! คิดจะหนีไปริกกี้อยู่ล่ะสิ…” เขาหัวเราะหึในลำคอแล้วเอ่ยถามพร้อมกับส่งสายตามองมาที่ฉันอย่างคนรู้ทัน ฉันจึงหุบยิ้มทันที เกลียดสายตาแบบนั้นชะมัดเลย!

 

 

 

            ฉันย่นจมูกอย่างขัดใจพลางมองโทโมะที่กำลังหันซ้ายหันขวาเหมือนหาอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนที่สายตาอันคมกริบของเขาจะไปหยุดอยู่ที่โต๊ะวางของซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก แล้วเจ้าตัวก็ลุกไปหยิบอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น และมันก็คือ…

 

 

 

            เนกไท!

 

 

 

            ใช่แล้วล่ะ โทโมะเดินไปหยิบเนกไทสีน้ำเงินเข้มของพี่ขนมเข่งที่วางพาดอยู่บนโต๊ะมาถือ ไว้ในมือก่อนที่จะยิ้มกรุ้มกริ่มพลางแก้เนกไทออก

 

 

 

            “เวลานี้ยังจะมีหน้ามาอยากหล่อ…พี่เข่งกำลังออยู่ในอันตรายนะ!-0-” ฉันทำหน้าไม่สบอารมณ์ทันที หมอนี่มันเอาแต่ใจตัวเองชะมัดเลย

 

 

 

            “เปล่า…” เขาพูดแค่นั้นก่อนที่จะเดินตรงดิ่งมาที่ฉันแล้วทำสิ่งที่ฉันไม่คาดคิด…

 

 

 

            “เฮ้ย! O[]O” ฉันแหกปากโวยวายทันทีเมื่อโทโมะเอาเนกไทที่เขาผูกเป็นห่วงโดยใช้เงื่อนตามแบบลูกเสือแล้วนำมามัดข้อมือฉันกับเขาให้ติดกัน!

 

 

 

            “ทีนี้ก็ไปเข้าห้องน้ำกันเถอะ ” เขาเงยหน้าจากมือที่ผูกเนกไทจนเป็นปมซับซ้อนดูท่าทางแล้วจะแก้ออกลำบากขึ้นมายิ้มหวานให้ฉัน…หล่อชะมัดเลย -///-

 

 

 

            ไม่สิ!

 

 

 

            นี่ไม่ใช่เวลามาชมเขานะ ฉันต้องรีบแก้มัดเดี๋ยวนี้!!!

 

 

 

            “นายจะบ้าเหรอ ฉันไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำ!” พูดพลางมือก็พยายามดึงเนกไทที่พันอยู่รอบข้อมือออกไปแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะดูเหมือนยิ่งดึงมันก็จะยิ่งแน่นขึ้น บวกกับที่ปลายเนกไททั้งสองด้านไม่ได้ถูกผูกไว้ที่ข้อมือฉัน แต่ผูกไว้ที่ข้อมือของโทโมะต่างหาก TTvTT

 

 

 

            “ถ้าฉันไปเข้าคนเดียว เธอก็หนีออกไปสิ…ฉันไม่ได้โง่นะ” เขาพูดหน้าตายก่อนที่จะลากฉันให้เดินตามเขามาแล้วเราสองคนก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำจนได้

 

 

 

            “ที่อย่างนี้ล่ะฉลาดจริงๆ เลยนะ” ฉันบ่นอุบ พลางมือก็ยังพยายามทำให้ตัวเองเป็นอิสระ

 

 

 

            “ว่าไงนะ”

 

 

 

            “ฉันบอกว่า ที่อย่างนี้ล่ะฉลาดจังเลยนะ! เรื่องอื่นไม่เห็นฉลาดแบบนี้เลย!!! -0-” ฉันเงยหน้าขึ้นไปตะโกนใส่หน้าเขา แต่คนฟังก็ไม่ได้มีสีหน้าต่างไปจากเดิมเท่าไหร่ เพียงแต่หัวคิ้วสองข้างของเขาขยับมาใกล้กันมากกว่าเดิมนิดหน่อย

 

 

 

            “เรื่องอะไร”

 

 

 

            “ก็เรื่องแฟนนายไง ยัยนั่นน่ะ…”

 

 

 

            “หุบปากของเธอซะ…ถ้าจะว่าร้ายอะไรพิมล่ะก็ เสียใจด้วย…เธอไม่มีสิทธิ์นั้น” เขาพูดเสียงเย็น ก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินเข้าห้องน้ำ โดยไม่สนว่าข้อมือฉันกับเขาผูกติดกันอยู่!

 

 

 

            “นายจะทำอะไร!” ฉันเบิกตาโตทันทีเมื่อเขาทำท่าเหมือนจะรูดซิปกางเกง แล้วประเด็นก็คือ…มือของฉันมันถูกดึงไปด้วย!

 

 

 

            ยะ…อย่าทำอะไรบ้าๆ นะเว้ย -*-

 

 

 

            “ขัดดาบมั้ง…หึหึ”

 

 

 

            “TOT” ฉันรีบหันหลังชนกับเขาทันทีโดยมีมือที่ถูกมัดอยู่ไขว่ผ่านไปด้านหลังของฉันหรือด้านหน้าของโทโมะนั่นแหละ…กำลังนึกภาพตามกันอยู่ใช่มั๊ย ฉันแนะนำว่าหยุดคิดเลย! สงสารฉันเถอะ

 

 

 

           “ถ้ามือฉันเป็นอะไรไปนะ ฉันจะบีบคอนายให้ตายเลยคอยดู!>O<” ฉันหลับตาปี๋แล้วก็ตะโกนลั่นห้องน้ำ ถึงแม้ว่าจะหันหลังชนหลังโทโมะอยู่ก็เถอะ ฉันก็ไม่อยากจะรับรู้บรรยากาศในนี้สักเท่าไหร่…เกิดมาไม่เคยเข้าห้องน้ำกับผู้ชายคนอื่นเลยนอกจากพี่ชายตัวเอง แต่นั่นมันก็ตั้งแต่เด็กๆ ที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร โฮกกก~

 

 

 

           “มือเธอ?...คิดอะไรทะลึ่งอยู่สินะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก่อนที่เขาจะทำมือยุกยิกๆ อะไรก็ไม่รู้ แล้วฉันก็ได้ยินเสียง…เอ่อ ข้ามมันไปล่ะกัน เอาเป็นว่าสุดท้ายมือฉันก็ไม่ได้สัมผัสโดนอะไรที่ไม่พึงประสงค์ทั้งนั้น(?) นอกจากขอบกางเกงและหัวเข็มขัดของเขา…ฟู่ววว~

 

 

 

            แค่นั้นจริงๆ นะ ฉันสาบานได้เลย (_ _|||)

 

 

 

           “เสร็จหรือยังเนี่ย ฉันอยากออกไปจากที่นี่แล้ว!” ฉันถามคนข้างหลังในขณะที่ตัวเองเพิ่งจะลืมตาขึ้นมากลอกตามองเพดานห้องน้ำ

 

 

 

           “อืม” โทโมะตอบเบาๆ ก่อนที่จะหมุนตัวแล้วเดินมายืนอยู่ข้างฉันพร้อมกับทำหน้านิ่งตามปกติแล้ว เอ่ยถามบางอย่างออกมา…

 

 

 

            “เธออยากทำธุระบ้างหรือเปล่า”

 

 

 

           “ห๊ะ!? ไอ้ลามก!” ฉันวีนแตกแล้วใช้เข่ากระแทกไปที่ขาของเขาหนึ่งทีก่อนที่จะเดินจ้ำอ้าวออกมา จากห้องน้ำทันที โดยที่โทโมะก็ยอมเดินตามออกมาติดๆ ฉันจึงไม่เสียพลังงานในการลากเขา…ดูเหมือนมันจะสลับกันหรือเปล่า? ตอนแรกเขายังลากฉันอยู่เลย -_-^

 

 

 

           “ลามกบ้าบออะไรล่ะ ถ้าเธออยากเข้าฉันจะได้แก้มัดให้ แล้วเดี๋ยวจะยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำไง”

 

 

 

           “กลับไปยืนเฝ้าแฟนจอมลวงโลกของนายเถอะ!-0-”

 

 

 

            “…”

 

 

 

            ดูเหมือน…ฉันจะเผลอพูดอะไรไม่เข้าหูของเขาอีกแล้วล่ะนะ แย่แล้วยัยใจแก้ว เอ๊ย! ยัยแก้วใจ~ ฉันไม่เคยใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ จนเรียกชื่อตัวเองผิดแบบนี้เลยนะ! แต่ว่าหมอนี่มันเหมือนมีพลังงานอะไรบางอย่างก็ไม่รู้ที่ทำให้ฉันทำอะไรไม่ถูกเลย แถมตอนนี้ดูเหมือนเขาจะโกรธอยู่ด้วยล่ะ! ผู้ชายอะไรเปลี่ยนอามรณ์ได้เร็วขนาดนี้เนี่ย เมื่อกี้ยังแกล้งฉันอยู่เลย TTvTT

 

 

 

           “ว่าคนอื่นเขา…ตัวเองดีนักหรือไง”

 

 

 

           “ไม่ได้ว่า ฉันแค่พูดความจริง”

 

 

 

           “ไม่ใช่เพราะเธออยากได้ฉันเป็นแฟน จนต้องหาเรื่องมายุให้ฉันกับพิมเลิกกันเหรอ” ไอ้บ้านี่มันฉลาดไม่เข้าเรื่องจริงๆ เลย ฉันยอมรับว่าฉันเป็นแบบที่เขาพูดนะ แต่เรื่องที่ฉันพูดมันก็เป็นเรื่องจริงที่ฉันไม่ได้แต่งขึ้นมา!

 

 

 

            “นายหลงยัยนั่นจนโงหัวไม่ขึ้นรู้ตัวหรือเปล่า”

 

 

 

            “…”โทโมะมองหน้าฉันด้วยความไม่เข้าใจพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะแก้มัดเนกไทออกแล้วฉันก็ได้เป็นอิสระ แต่ดูเหมือนเขาเองก็จะเดินเข้าใกล้ฉันมากกว่าเดิมทุกทีๆ

 

 

 

           “นายจะเดินเข้ามาทำไม”

 

 

 

           “ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่อยากทำร้ายผู้หญิง...แต่ถ้าเธอทำอะไรพิม ฉันก็จะไม่สนอะไรทั้งนั้น…”

 

 

 

           “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แค่พูดเฉยๆ เอง =.,=” ฉันแค่พูดจริงๆ นะ ทุกคนก็รู้ใช่มั๊ย T^T

 

 

 

           “พูดก็เหมือนทำทางอ้อม” ลึกซึ้งเนอะ!  ฉันยังคิดไม่ถึงเลยบอกตรงๆ

 

 

 

           “โดนทำเสน่ห์ใส่มาเหรอ ทำไมถึงได้รักหัวปักหัวปำหัวคะมำทิ่มบ่อแบบนี้เนี่ย” มันน่าคิดนะว่าโทโมะจะโดนยัยพม่าหน้าตุ๊กตาจอมลวงโลกนั่นทำเสน่ห์ใส่มาหรือเปล่า รักกันปานจะกลืนกินซะขนาดนี้ ชิ! น่าหมั่นไส้ชะมัดเลย

 

 

 

            “แล้ว ทำไมเธอถึงชอบว่าร้ายให้คนอื่นนัก อิจฉาเขามากหรือไง” โทโมะมีสีหน้าขรึมขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า สายตาคู่สวยนั่นกำลังจ้องฉันอยากกับจะดูดฉันเข้าไปในเรตินา…เอ่อ พอเถอะ เอาเป็นว่าตาเขาน่ากลัวมาก ณ จุดนี้!

 

 

 

           “ถ้าพี่เข่งรู้ว่านายพูดกับฉันแบบนี้นะ…”

 

 

 

           “ทำไม! ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าดึงคนดีๆ อย่างพี่หนมเข่งเข้ามาเกี่ยวน่ะ!!!” จู่ๆ โทโมะก็ขึ้นเสียงพร้อมกับกระโจนเข้าใส่ฉันแล้วใช้มือยึดไหล่ทั้งสองข้างของฉันเอาไว้แน่น

 

 

 

เฮือก!!! ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้อารมณ์ร้ายแบบนี้นะ!

 

 

 

            “…”

 

 

 

           “เธอมันก็แค่ตัวอิจฉาที่เห็นคนอื่นเขารักกันไม่ได้เลยต้องยุแยงให้เขาเลิกกัน!” เขาพูดด้วยความโมโหพลางออกแรงบีบไหล่ฉันมากขึ้น ตอนนี้ฉันชาไปหมดทั้งร่างกายไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมฉันถึงไม่แกะมือของเขาออกไป ฉันรู้สึกเหมือนคนกำลังจะหมดแรงน่ะสิ!

 

 

 

           “จำคำพูดของนายเอาไว้เลย แล้วนายจะต้องเสียใจ!” ฉันพูดอย่างเคืองๆ พลันความอยากจะเอาชนะเขาก็เพิ่มมากขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัว

 

 

 

            “ฉันจะเสียใจแน่ถ้าต้องไปเป็นแฟนของผู้หญิงขี้อิจฉาอย่างเธอน่ะ ”

 

 

 

            นายจะดูถูกฉันเกินไปแล้วนะโทโมะ!

 

 

 

           “คำก็อิจฉา สองคำก็ผู้หญิงขี้อิจฉา…ฉันก็แค่…” ถ้าบอกกความจริงกับเขาไปว่าที่ฉันทำแบบนี้เพราะดวงตกยี่สิบปีเขาจะหัวเราะเยาะฉันมั๊ยน่ะ…เผลอๆ นอกจากคำว่าขี้อิจฉาแล้ว ฉันอาจจะได้คำว่าเห็นแก่ตัวเพิ่มมาด้วยก็ได้ ฮึ่ย!

 

 

 

            “ก็แค่เห็นแก่ตัว ทำอะไรไม่แคร์ว่าใครจะเจ็บปวดเพราะเธอบ้าง…” เขาใช้โอกาสที่ฉันเงียบไปกลางคันเอ่ยเสียงรอดไรฟันพลางจ้องหน้าฉันนิ่ง

 

 

 

            “…ไม่กลัวบาปกรรมเหรอ?”

 

 

 

            นี่ฉันทำผิดมากเลยใช่มั๊ย?

 

 

 

           “แฟนนายดีเลิศเลอกว่าฉันมากนักสิ! ฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญนะ ยัยนั่นน่ะ…อุ๊บ! OxO” คำพูดของฉันมีอันต้องติดขัดทันทีเมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าก็โน้มตัวลงมาใกล้แล้วจูบฉัน!

 

 

 

            “อื้อ อื้อ!” ฉันพยายามจะดันเขาออกไปแต่ก็ทำได้แต่ทุบตีที่ตามแผงอกของเขาเท่านั้นเพราะ ตอนนี้มือทั้งสองข้างของเขาเปลี่ยนมาล็อกหัวของฉันเอาไว้แทนไหล่แล้ว ฉันเบิกตาโตด้วยความตกใจรู้สึกว่าร่างกายจะไหววูบอย่างประหลาด! ยิ่งพยามขัดขืนก็ยิ่งหมดแรง สัมผัสที่รวดเร็วและรุนแรงจากปากของเขาที่จู่โจมมามันเหมือนสูบพลังงานของ ฉันออกไปจนเกือบหมด ฉันไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่รู้สึกเหมือนว่ามันนานมากจนฉันแทบจะล้มทั้งยืน และโทโมะเองก็ยังไม่ยอมปล่อยฉัน ตอนนี้สมองของฉันว่างเปล่าไปหมด ไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้เพราะอะไรแต่ฉันไม่ชอบเลย ความรู้สึกที่เหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจแล้วก็เจ็บไปพร้อมๆ กัน…

 

 

 

            แล้วก็เหมือหนังเก่ารีรัน เพราะจู่ๆ ภาพเมื่อตอนที่ฌอนลวนลามฉันก็แวบเข้ามาในสมอง ทำให้ฉันเริ่มกลัวคนตรงหน้ามากกว่าเดิม…กลัวว่าเขาจะทำอะไรเกินกว่านี้…ฉัน พยายามรวมรวมแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ทั้งหมดแล้วดิ้นให้มากขึ้นกว่าเดิมพลาง มือก็ยังคงทุบตีเขาไม่หยุดแล้วในที่สุดโทโมะก็ปล่อยฉันจนได้!

 

 

 

            เผี๊ยะ!!!

 

 

 

            “ฉัน เกลียด นาย…”

 

 

 

            ทันทีที่เป็นอิสระ มือของฉันก็เงื้อขึ้นไปตบหน้าเขาด้วยความรวดเร็วเหมือนระบบอัตโนมัติพร้อม กับน้ำตาของฉันที่ค่อยๆ ไหลออกมา คนถูกตบหน้ายกยิ้มมุมปากเล็กน้อยพร้อมกับจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันเองก็จ้องกลับด้วยความไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เกิดมาฉันยังไม่เคยมีแฟน…ยังไม่เคยจูบกับใคร…

 

 

 

            แล้วเขาเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้กับฉัน!!!

 

 

 

            จริงอยู่ที่ฉันอยากได้เขามาเป็นแฟน แต่นั่นมันก็เพราะฉันดวงตกแล้วต้องการแก้ดวงเท่านั้น ฉันไม่ได้มีใจหลงไหลได้ปลื้มกับคนตรงหน้าเลยสักนิด!

 

 

 

            “ฉันก็เกลียดเธอเหมือนกัน…หึ!”

 

 

 

           “เกลียดฉันแล้วนายทำแบบนี้ทำไม!”

 

 

 

           “ก็นึกว่าเธอจะชอบซะอีก…อยากเป็นแฟนฉันนักไม่ใช่เหรอ ไม่คิดว่าเธอจะเกลียดฉันนี่ ”

 

 

 

            หมับ!

 

 

 

            ทันทีที่โทโมะพ่นคำพูดดูถูกออกมาฉันก็เงื้อมือขึ้นหมายจะตบหน้าเขาอีกครั้ง แต่ด้วยความที่เขาไวกว่าจึงยกมือขึ้นมาล็อกข้อมือของเอาฉันไว้ได้ทันพร้อม กับออกแรงบีบจนฉันเกรงว่าตอนนี้เลือดอาจจะเดินไปไม่ถึงปลายนิ้วฉันก็เป็นได้

 

 

 

            “ทีไอ้ฌอนมันจูบมันไซร้ เธอไม่เห็นต่อต้านแบบนี้เลย หึ” ประโยคนี้ทำเอาความร้อนจากทุกส่วนของร่างกายพุ่งขึ้นมารวมกันอยู่ที่ใบหน้าของฉันทันที…ไม่ต่อต้านอย่างนั้นเหรอ ไปเอาที่ไหนมาพูด!

 

 

 

           “เขาไม่ได้…” ฉันชะงักไปกะทันหันเพราะพูดไปเขาก็คงไม่เชื่ออยู่ดี ถึงแม้ว่าไอ้บ้าฌอนจะทำเกินกว่านี้ก็เถอะแต่ใครจะเชื่อฉันล่ะว่าหมอนั่นไม่ได้ทำกับฉันแบบที่โทโมะทำเมื่อกี้น่ะ

 

 

 

            นี่ฉันโดนผู้ชายสองคนลวนลามติดๆ กันเลยเหรอ?

 

 

 

            น่าอายที่สุด…

 

 

 

            เหอะ! เธอมันน่าสมเพชชะมัดเลยแก้วใจ…คนนึงก็จะใช้เป็นเครื่องมือ อีกคนนึงก็ดูถูกเหยียดหยาม…

 

 

 

            นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับชีวิตฉันกันแน่!

 

 

 

            “ปกป้องมันเหรอ? ฉันชักจะสงสัยแล้วสิว่าฉันกับพี่หนมเข่งเข้าไปช่วยเธอ หรือขัดจังหวะเธอกันแน่”

 

 

 

           “ถ้านายยังไม่หยุดพูดจาดูถูกฉันล่ะก็ ฉันจะ…”

 

 

 

           “จะทำไมเหรอ ฟ้องพี่หนมเข่งอย่างนั้นสินะ…เธอไม่สงสารเขาเหรอ เขารักเธอ ปกป้องเธออย่างเต็มที่ แต่เธอดันชอบทำตัวไม่น่ารัก ทำแต่เรื่องน่าปวดหัวสร้างแต่ปัญหาให้เขาน่ะ นี่น่ะเหรอที่เธอตอบแทนให้เขา”

 

 

 

            ทำไมเขาต้องพูดเหมือนว่าฉันไม่ได้รักพี่ขนมเข่งแบบนั้นด้วย!

 

 

 

            ถ้าฉันไม่รักพี่ชายตัวเองแล้วฉันจะอยากออกไปช่วยเขาแบบนี้เหรอ หมอนี่ใช้อะไรคิดกันนะ แล้วฉันก็ไม่ได้ชอบสร้างปัญหาอย่างที่เขาว่าสักหน่อย ที่เขาพูดมันหมายความว่าฉันเป็น ตัวปัญหา ของพี่ขนมเข่งชัดๆ

 

 

 

            “นายไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันแบบนี้นะ!”

 

 

 

            “ทำไมล่ะ ในเมื่อฉันเคารพพี่ชายเธอเหมือนพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง แล้วฉันจะทำให้เขามีความสุขโดยการเตือนให้เธอหยุดก่อเรื่องไม่ได้หรือไง” พูดแบบนี้ทำไมไม่มาเกิดเป็นน้องแท้ๆ ของเขาเลยล่ะ! ฉันผิดมากใช่มั๊ย!? ฉันมันเป็นตัวปัญหาชอบก่อเรื่องในสายตานายมากขนาดนั้นเลยเหรอโทโมะ

 

 

 

            “เตือนตัวเองเถอะ…นายมันโง่อย่างที่ฌอนว่าไม่มีผิด”

 

 

 

            “หึ ติดใจอะไรมันเหรอถึงได้เข้าข้างกันนัก…ไม่ไปบอกมันให้เป็นแฟนเธอเลยล่ะ มาเสียเวลาแย่งแฟนชาวบ้านทำไม”

 

 

 

            “เรื่องของฉัน! ฉันจะทำให้นายเลิกกับแฟนจอมลวงโลกนั่นให้ได้ แล้วนายจะต้องขอบคุณฉัน”

 

 

 

            ฉันหวังว่านายจะเป็นคนที่แม่หมอบอกจริงๆนะโทโมะ เพราะคำว่า ผู้ชายคนนั้น ที่ออกมาจากปากของพิม มันทำให้ฉันมั่นใจว่ายัยนั่นไม่ได้รักคนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับฉันตอนนี้จริงๆ…กล้าพนันกับฉันมั๊ยล่ะ? ยัยนั่นต้องคบเพื่อหวังผลประโยชน์แน่ๆ อย่างน้อยก็ไม่อายใครเพราะมีแฟนหล่อ อย่างมากก็อาจจะหวังปอกลอก จริงสินะ…คบเพื่อนเงิน หึหึ ฉันจะต้องเปิดโปงยัยนั่นให้ได้เลย!

 

 

 

            “ไม่ต้องหวังดีกับฉัน…คนที่ฉันเลือกเขาดีมากจนฉันคงไม่เลิกกับเขาง่ายๆ แล้วมาคบกับคนอย่างเธอหรอก”

 

 

 

            รู้มั๊ยว่ายิ่งได้ยินโทโมะชมยัยพม่าหน้าตุ๊กตานั่นเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเกลียดยัยนั่นมากขึ้นทุกที หรือฉันอาจจะอิจฉาอย่างที่โดนว่าจริงๆ กันนะ เหอะ!

 

 

 

            “…” ฉันไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมฟังคนอื่นบ้าง อะไรจะรักจะหลงขนาดนั้น คอยดูเถอะ! แล้วนายจะรู้ว่าคนที่นายกำลังพยายามกันไม่ให้ฉันเข้าไปยุ่งนั้นไม่ได้ดีมากมายไปกว่าแก้วใจคนนี้เลย!

 

 

 

            ถ้าพูดกันตามตรงฉันก็อยากจะรามือจากเรื่องนี้ แล้วปล่อยให้โทโมะโง่อยู่กับผู้หญิงคนนั้นต่อไปนะ เพราะเขาเอาแต่พูดจาดูถูกฉัน ว่าฉันต่างๆ นานา จนฉันไม่อยากจะช่วยทำให้เขาตาสว่างเลย แต่มันก็ติดที่ว่าถ้าฉันไม่ช่วยเขา ฉันเองก็จะซวยอยู่อย่างนี้เหมือนกัน ไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันไม่มีวิธีแก้ดวงอันอื่นที่ดีและง่ายกว่านี้แล้วหรือไงนะ หรือเพราะดวงตกระยะยาวเลยต้องมาทำเรื่องอะไรบ้าๆ บอๆ ลำบากยากแค้นแบบนี้ ฮึ่ย!

 

 

 

            ฉันล้มเลิกความคิดที่จะหนีโทโมะกลับไปที่ริกกี้ เพราะดูท่าทางแล้วเขาคงไม่ปล่อยให้ฉันหนีออกไปง่ายๆ ฉันก็เลยเดินหนีขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ ในเมื่อเขาอยากอยู่คุมตัวฉันตามคำสั่งพี่ขนมเข่งนักก็เชิญอยู่เฝ้าข้างล่างไปเลย! ฉันขอพักผ่อนสมองก่อนก็แล้วกัน วันนี้มันแต่เรื่องแย่ๆ จนฉันลำดับไม่ถูกแล้วว่าเรื่องไหนมันแย่ที่สุด…

 

 

 

            “ขอให้พี่เข่งปลอดภัยด้วยเถอะค่ะ U.U”

 

 

 

            หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเรียบร้อย ฉันก็มานั่งที่เตียงนอนแล้วยกมือขึ้นมาพนมเพื่อขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง หลายให้ช่วยคุ้มครองพี่ชายของฉัน เขาต้องไม่เป็นอะไร เขาต้องปลอดภัยกลับมาหาน้องสาวคนนี้…เขาเป็นพี่ชายที่ดีและฉันก็ภูมิใจมากที่เป็นน้องสาวของเขา

 

 

 

            ฉันเอนหลังลงนอนบนเตียงในที่สุด แต่ฉันก็ไม่ได้หลับหรอก ไม่สบายใจแบบนี้คงยังหลับไม่ลง…นายมันบ้าที่สุดเลยโทโมะ! ไม่ คิดเลยว่าคนอย่างนายจะหลงมารยาหญิงจนหูหนวกตาบอดแล้วก็โงหัวไม่ขึ้นแบบนี้ แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือไงว่าแฟนตัวเองมันเสแสร้งแกล้งตีหน้าซื่อหน้าใสขนาดไหน…

 

 

 

            บรึ้นนน~ บรึ้นนน~ บรึ้นนน~  

 

 

 

            เอี๊ยด!

 

 

 

            ความคิดของฉันหยุดลงทันทีพร้อมกับหัวใจของฉันที่เต้นแรงขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่คุ้นหูมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

 

 

 

            “พี่เข่ง!” ฉันตะโกนชื่อของพี่ชายสุดที่รักคนเดียวออกมาพลางกระเด้งตัวให้ลุกขึ้นจาก เตียงแล้วรีบวิ่งลงมายังชั้นล่างด้วยความเร็วสูง แต่ก็ต้องเบรกอยู่ตรงหน้าประตูบ้านเพราะโทโมะเดินมาถึงตรงนี้พอดีเหมือนกัน ฉันมองเขาอย่างขัดใจก่อนที่จะรีบชิงเดินนำเขาออกมาจากบ้าน

 

 

 

            “พี่เข่ง!!! >O<” ฉันกระโดดกอดคนตัวสูงทันทีที่เขาลงมาจากรถ ให้ตายสิ! ฉันนึกว่าเขาจะไม่รอดกลับมาหาฉันซะแล้ว

 

 

 

            “โอยๆ ใจเย็นๆ” เสียงแปล่งของคนที่ฉันกอดอยู่ดังขึ้นก่อนที่จะยกมือขึ้นมากอดตอบแล้วลูบหลัง เบาๆ ฉันเอะใจเล็กน้อยกับน้ำเสียงของเขาและความอุ่นวาบจากมือนั้นที่รู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไหร่เพราะปกติพี่เข่งจะไม่ลูบหลังน่ะสิแต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรจน กระทั่ง…

 

 

 

            “ก็เหี้ยแล้ว!...ไอ้แก้วฉันอยู่ฝั่งนี้เว้ยเฮ้ย!” เสียงตะโกนดังลั่นที่คุ้นหูทำให้ฉันเบิกตาโตและรีบผลักคนที่เพิ่งกระโดดกอดเขาเมื่อกี้ออกทันที พร้อมกับหันไปตามเสียงเรียก

 

 

 

            “หวั่นไหวนะฮะ กอดมาแบบไม่ทันตั้งตัวเลยอะ” คนโดนผลักออกเซไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะแกล้งเอ่ยเสียงอายๆ แล้วยกมือขึ้นมาลูบท้ายทอยตัวเองแต่หน้าของเขาไม่ได้อายเหมือนเสียงเลย มันดูเจ้าเล่ห์น่ะสิ!

 

 

 

            “ไม่ใช่พี่เข่งทำไมไม่บอก เดี๋ยวปั๊ด! -0-” ฉันกัดฟันกรอดพร้อมกับยกมือขึ้นมากำหมัดขู่เขาทำให้เขื่อนอมยิ้มแบบกลั้น หัวเราะขึ้นมาทันที ผู้ชายหน้าทะเล้นคนนี้มันร้ายกาจชะมัดเลย TTvTT

 

 

 

            “พี่เข่ง โฮ~ ดีใจจังที่พี่ปลอดภัย TOT” ฉันรีบจ้ำอ้าวเดินไปอีกฝั่งของรถแล้วโผเข้ากอดพี่ชายตัวจริงของตัวเองทันที เขาเองก็ยกมือขึ้นมาลูบหัวฉันเหมือนอย่างที่เคยทำพร้อมกับส่ายตัวไปมาเบาๆ

 

 

 

            “โอ๋ๆ เด็กน้อย >_<”

 

 

 

            “แกไม่เป็นอะไรนะ” เสียงนิ่งๆ ของโทโมะเอ่ยถามเพื่อนสนิทพร้อมกับเจ้าตัวที่เดินมายืนข้างเขื่อน ฉันเหลือบตามองเขาเล็กน้อยแล้วก็เบ้ปากใส่เขา เมื่อเห็นว่าเขาเองก็กำลังหันมามองทางนี้เหมือนกัน

 

 

 

            “พี่หนมเข่งไม่เป็นอะไรมากนะครับ” เอ่อ…เขาอาจจะไม่ได้มองฉันก็ได้ เขาคงมองพี่ขนมเข่งมากกว่าสินะ -0-

 

 

 

            “จิ๊บๆ เบาๆ ไม่ค่อยเจ็บ ฮ่าๆๆ…เออ! แว่นฉันล่ะ >.<”

 

 

 

            “อยู่ในรถครับ แปบนึงนะ” โทโมะชี้นิ้วไปทางรถของเขาที่จอดอยู่ข้างๆ กัน ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูรถแล้วหยิบแว่นของพี่ชายฉันออกมา

 

 

 

            “ไปๆ เข้าไปนั่งคุยกันในบ้านก่อนดีกว่า” พี่ขนมเข่งดันฉันออกจากตัวก่อนที่จะเดินไปรับแว่นคืนมาจากโทโมะแล้วโบกไม้โบกมือไล่ทุกคนเข้าไปในบ้าน

 

 

 

            “พรุ่งนี้ค่อยคุยได้มั๊ยครับ ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า” โทโมะถามขึ้น

 

 

 

            “กลับหรือรีบไปหาใคร?” พี่ชายฉันทำหน้ารู้ทัน ฉันเองก็คิดเหมือนพี่ขนมเข่งนะ…โทโมะคงยังไม่กลับบ้านหรอก แต่น่าจะแวะไปปรับความเข้าใจกับยัยพม่าน่าไสหัวไปไกลๆ นั่นก่อน ชิ!

 

 

 

            “เอ่อ…ก็คงงั้นมั้งครับ” เขาตอบแล้วค้อมหัวลงเล็กน้อย

 

 

 

            “งั้นพรุ่งนี้เจอกันก็ได้ ขอบใจแกมากที่ช่วยดูน้องฉันให้ แกด้วยเขื่อนที่ตามคนมาช่วยแล้วก็อาสาเป็นสารถีให้ฉันเนี่ย”

 

 

 

            “ยินดีครับ! กลับก่อนล่ะ บ๊ายบายครับพี่หนมเข่ง แก้วใจ” เขื่อนทำท่าตะเบะเหมือนตำรวจก่อนที่จะโบกมือร่ำลาแล้วหันไปทำหน้าอ้อนใส่ เพื่อนของตัวเอง

 

 

 

            “ไปส่งฉันด้วยน้า~ >3<”

 

 

 

 

            “อืม” โทโมะพยักหน้าลงเล็กน้อยแล้วเดินนำไปขึ้นรถจากนั้นเขื่อนจึงรีบวิ่งไป นั่งยังที่นั่งข้างคนขับ ไม่นานรถคันที่ฉันนั่งกลับมาบ้านก็แล่นออกไปในที่สุด…รู้มั๊ยว่าโทโมะไม่แม้แต่จะหันมามองฉันเลยสักนิดตอนที่เขายังยืนอยู่เมื่อกี้เขาคงเกลียดฉันมากสินะ

 

 

 

            “เรามีเรื่องต้องคุยกันก่อนนอนนะไอ้น้อง” พี่ขนมเข่งพูดเป็นเชิงบังคับกลายๆ พร้อมกับกอดคอฉันแล้วพาเดินเข้ามาในบ้าน เราสองคนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาภายในห้องรับแขกบวกนั่งเล่น(ห้องเดิมและห้อง เดียว)

 

 

 

            “ไอ้บ้านั่นมันยังไม่ตายใช่มั๊ย”

 

 

 

            “แค่กระอัก ตำรวจมาซะก่อนวงก็เลยแตก…นี่ฉันยังกระทืบมันไม่สะใจเลย” พี่ขนมเข่งพูดพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่ยี่หระก่อนที่จะทำหน้าเสียดายเล็กน้อย

 

 

 

            “วงแตกก็ดีแล้ว ฉันไม่อยากไปเยี่ยมพี่ที่คุกหรอกนะ -0-” ฉันบ่นอุบพี่ชายฉันนี่ใช้ชีวิตเฉียดคุกเฉียดตารางมาหลาบรอบแล้ว แต่เขาก็เอาตัวรอดมาได้ตลอด

 

 

 

            “ก็ฉันมีน้องคนเดียวนี่หว่า ไอ้สารเลวนั่นมันดันสะเออะมาทำร้ายแกก่อนทำไม”

 

 

 

            “ถ้าอย่างนั้นพี่คงต้องจัดการโทโมะด้วยอีกคนเพราะหมอนั่น…” ฉันหยุดพูดกระทันหันเมื่อคิดได้ว่าสิ่งที่กำลังจะพูดออกไปมันอาจทำให้พี่ชายฉันไม่พอใจก็เป็นได้

 

 

 

            “ไอ้โมะมันทำอะไรเหรอ”

 

 

 

            “ก็..”

 

 

 

            “ก็อะไรวะ!” พี่ขนมเข่งขมวดคิ้วหนักขึ้นกว่าเดิมด้วยความสงสัย ฉันรู้สึกกระอึกกระอักอย่างบอกไม่ถูกถ้าต้องพูดออกไป

 

 

 

            “เขา…เขาจูบฉันน่ะ” ฉันก้มหน้าแล้วพูดออกไปในที่สุด

 

 

 

            “เออก็ดี…จะได้ลบๆ รอยปากสกปรกของไอ้ฌอนไปซะ =.,=” นี่เขาไม่โกรธโทโมะเลยอย่างนั้นเหรอ? แถมยังเหมือนจะสนับสนุนด้วย!? นี่มันอะไรกัน ฉันเป็นผู้ถูกกระทำแท้ๆ T^T

 

 

 

            “พี่เข่ง!”

 

 

 

             “ทำไมล่ะ”

 

 

 

            “ไอ้บ้าฌอนไม่ได้ทำแบบนั้นน่ะสิ…”

 

 

 

            “ห๊ะ…อ๋อ~ ฉันเข้าใจแล้ว ไอ้โมะขโมยเฟิร์สคิสสินะ ฮ่าๆๆๆๆ กร๊ากๆๆ ” พี่ขนมเข่งทำหน้าถึงบางอ้อพร้อมกับพยักหน้าก่อนที่จะหัวเราะร่วน

 

 

 

            “เงียบน่า! ฮึ่ย!”

 

 

 

            “แกจะฟึดฟัดทำไมว้า~ ไม่ดีเหรอ บางทีหลังจากนี้ไอ้โมะมันอาจจะติดใจแก แล้วเริ่มสนใจแกขึ้นมาบ้างก็ได้ =.,=”

 

 

 

            “ไม่มีทาง เขาเกลียดฉันแล้วฉันก็เกลียดเขาด้วย เขาทำไปเพราะดูถูกแล้วก็เหยียดหยามฉัน หมอนั่นมันนิสัยไม่ดี เขาไม่ต่างอะไรกับไอ้บ้าฌอนนั่นเลย” ฉันพูดอย่างเจ็บแค้น คิดว่าเป็นผู้ชายแล้วจะมารังแกผู้หญิงได้ง่ายๆ แบบนี้หรือไง ฉันแค้นฝังหุ่นนะจะบอกให้! =*=

 

 

 

            “เกลียดกันแบบนี้แล้วแกจะแก้ดวงตกยังไงวะเนี่ย มันคงเป็นแฟนแกได้หรอกแบบนี้”

 

 

 

            “ไม่รู้ เอาไว้ฉันจะปรึกษายัยฟางอีกที…ยังไงซะถ้าตอนนี้ยังทำให้เขายอมเป็นแฟนฉันไม่ได้ ก็ต้องทำให้เขาเลิกกัยยัยพม่าก่อน จริงสิ! พี่รู้มั๊ยว่าฉันเห็นธาตุแท้ของยัยนั่นแล้ว!” ฉันเบิกตาโตทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ถึงเหตุการณ์ก่อนที่ฌอนจะทำร้ายฉัน

 

 

 

            “ธาตุแท้อะไรเหรอ”

 

 

 

            “ยัยนั่นมันเสแสร้ง ลวงโลก แล้วก็ตอแหลที่สุด มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียน ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นให้เป็นคนผิด แล้วก็ทำตัวอ่อนแอน่าสงสาร เห็นแล้วมันน่าตบให้จมดินสักหลายล้านรอบ!” ฉันพูดเร็วและรัวจนแทบลืมหายใจ แต่ทำไงได้ ก็ยัยพม่านั่นมันเป็นแบบนั้นจริงๆ นี่ โทโมะก็เป็นผู้ชายที่โง่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย

 

 

 

            “อย่างนั้นเหรอ…”

 

 

 

            “พี่ไม่เชื่อฉันเหรอ T^T”

 

 

 

            “ไม่ใช่ไม่เชื่อแค่ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกัน แล้วแกไปทำอีท่าไหนเขาถึงร้ายใส่น่ะ”

 

 

 

            “ก็ไปร้ายใส่ก่อนไง…แต่ ว่านะ ยัยนั่นมันไม่ร้ายธรรมดา แต่มันร้ายสุดๆ ร้ายจนลืมไม่ลง” ฉันพูดแล้วก็นึกถึงสีหน้าเสแสร้งแกล้งบีบน้ำตาของยัยพม่าด้วยความหมั่นไส้

 

 

 

            “จริงๆ แล้วน้องฉันก็ร้ายไม่แพ้คนอื่นหรอกนะฉันว่า แล้วใครที่ไหนจะอยู่นิ่งถ้ารู้ว่าจะโดนแย่งแฟนน่ะ”

 

 

 

            “พี่เข่งพูดเหมือนไม่เชื่อฉันว่ายัยนั่นมันเป็นคนไม่ดี T^T”

 

 

 

            “ไอ้โมะมันชอบคนน่ารัก นิสัยดีๆ แฟนมันก็ต้องดีไม่ใช่เหรอ?”

 

 

 

            “ก็หมอนั่นมันโง่ไง!”

 

 

 

            “ถ้าพิมไม่ดีอย่างที่แกว่า พูดไปไอ้โมะก็ไม่เชื่อหรอก ต้องมีหลักฐาน…เอางี้ดิ วันหลังแกก็ถ่ายคลิปตอนพิมตบแก หรือไม่ก็อัดเสียงตอนเขาด่าแกมาสิ”

 

 

 

            “ตลกน่า! คิดว่าน้ำหน้าอย่างนั้นจะตบคนอย่างแก้วใจได้ง่ายๆ เหรอ…จะว่าไปยัยนั่นคงไม่ได้รักโทโมะจริงๆ หรอกพี่เข่งว่ามั๊ย”

 

 

 

            “ก็ดูรักดีนี่ ไม่งั้นเขาจะหวงจนแกบอกว่านิสัยไม่ดีเหรอ”

 

 

 

            “นี่สรุปพี่ไม่เชื่อฉันใช่มั๊ย? ใช่สิ! ฉันมันร้ายกาจ นิสัยไม่ดี ขี้อิจฉา ใส่ร้ายคนอื่น ยุแยงแย่งแฟนชาวบ้าน! T^T” ฉันเบ้ปากทันทีเมื่อเห็นว่าพี่ขนมเข่งเอาแต่พูดเหมือนว่าฉันใส่ร้ายยัยพิม พี่ชายฉันก็เหมือนโทโมะไม่มีผิด! พูดอะไรก็ไม่ฟัง

 

 

 

            “บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ก็แค่ให้หาหลักฐานเท่านั้น เรื่องอย่างนี้พูดมาลอยๆ ใครจะบ้าเชื่อวะ ไปพูดกับไอ้โมะมันยิ่งไม่เชื่อใหญ่เลย เผลอๆ จะกระโจนเข้ามาบีบคอแกด้วย”

 

 

 

            “ก็พูดไปแล้วไงถึงได้โดนจูบจนเจ็บปากอยู่นี่ แถมยังพูดจาต่อว่าดูถูกอีกสาระพัด ฮึ่ย!”

 

 

 

            “เอาล่ะๆ จบเรื่องนี้ก่อนดีกว่ามั๊ย ฉันว่าพิมร้ายขนาดไหนก็คงไม่เท่าไอ้ฌอนหรอก นี่ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรของมันกันแน่ถึงได้มาทำร้ายแก…”

 

 

 

            “ฉันรู้…หมอนั่นจะปั่นหัวพี่เข่งไง แล้วถ้าพี่มีเรื่องกับมันนะ โทโมะต้องอยู่ข้างพี่แล้วมีเรื่องไปด้วยแน่…ไอ้บ้านั่นมันคิดการใหญ่”

 

 

 

            “แล้วแกรู้ได้ไงวะ มันบอกเลยเหรอ?”

 

 

 

            “เออดิ…จุดประสงค์ชัดเจน นึกถึงสายตาที่มันมองฉันแล้วขนลุกว่ะ เหมือนจ้องจะข่มขืนฉันอะ”

 

 

 

            “มันไม่อยากปล้ำแกเลยมั้ง คากระโปรงรถขนาดนั้นน่ะ คิดจะเล่นท่ายากล่ะมั้งเนี่ย ไอ้ชั่วเอ๊ย -0-”

 

 

 

            “พี่เข่งหยุดพูดเลย! =*=” พูดจาล่อแหลมชะมัดเลยพี่ชายฉันเนี่ย ฮึ่ย! แล้วที่นี้ฉันจะทำยังไงล่ะ สมมติถ้าเดินๆ อยู่คนเดียวแล้วจะโดนฉุดไปทำไม่ดีไม่ร้ายหรือเปล่า TOT

 

 

 

            “แกเริ่มนะเว้ย”

 

 

 

            “จบเถอะตอนนี้…เพราะไปดูดวงกับยัยฟางแท้ๆ เลยดวงฉันถึงได้ตกเนี่ย นี่จิตฉันก็เริ่มจะตกตามไปติดๆ กันแล้วนะ”

 

 

 

            “จะว่าไป โดนไอ้ฌอนไล่ปล้ำนี่มันน่าจะเป็นเรื่องซวยจริงๆ แล้วล่ะ” พี่ขนมเข่งพูดติดตลก แต่ฉันตลกไม่ออกเลยสักนิด!

 

 

 

            “ชีวิตฉันมันมีซวยไม่จริงด้วยหรือไง”

 

 

 

            “ฉันหมายถึงซวยแบบกู้ไม่กลับอะ อย่างโดนหมาวิ่งไล่มันแค่ซอฟต์ๆ อะไรทำนองนั้นไง =.,=” พี่ชายตัวดีพยายามอธิบายให้ฉันเข้าใจ แต่สำหรับฉันไม่ว่าเรื่องไหนมันก็เรียกว่า ซวยสนิท ด้วยกันทั้งนั้น! 

 

 

 

            “เหอะ!”

 

 

 

 

 
------------------------------------------------------โปรดติดตามตอนต่อไป---------------------------------------------------------

 

 

นางเอกโดนทำร้ายตลอดเวลา =___=ผู้ชายเรื่องนี้มัน...เฮ้อ! แต่ละคน 555555

1 ตอน 1 คอมเม้นท์ = 1 กำลังใจดีๆ ที่ส่งให้กันนะคะ :)

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา