Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
19) ท่วงทำนองของความเศร้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter 18 ท่วงทำนองของความเศร้า
โทโมะใช้เวลาไม่นานมากนักในการพาฉันมายังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ ใกล้มหาวิทยาลัยของเราที่สุด ไม่อยากจะเชื่อเลยแฮะว่าเขาจะเลี้ยงฉันจริงๆ น่ะ >_<แต่เมื่อโอกาสมาถึงมือแล้วมีเหรอที่แก้วใจคนนี้จะไม่คว้าเอาไว้(พี่สอนมาดี) ฉันเลือกบุฟเฟ่ต์ชาบูร้านประจำที่มีสาขาอยู่ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป ฉันกับพี่ขนมเข่งชอบกินชาบูของที่นี่มากไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่เราก็มักจะมา ฝากท้องไว้กับร้านนี้เสมอ
“พอบอกว่าจะเลี้ยง ก็เล่นซะคุ้มเลยนะ”โทโมะบ่นอุบหลังจากที่เห็นฉันเดินไปตักโน่นตักนี่มาวางเต็มโต๊ะเพื่อ เตรียมเอาลงหม้อ
“ที่ต้องเอาให้คุ้มเพราะมันเป็นบุฟเฟ่ต์ต่างหากล่ะ ว่าแต่นายเถอะ ไม่คิดจะช่วยกันตักอะไรเลยหรือไง หรือไม่ก็ช่วยเอาของใส่หม้อก็ได้ มัวแต่นั่งมึนอยู่นั่นแหละ”
“ฉันบอกเธอตอนไหนว่าฉันจะกินด้วย”
“อ้าว! แล้วนายจะมานั่งเสียเงินค่าหัวฟรีๆ โดยไม่แตะอะไรเลยเนี่ยนะ รวยหนักหรือไง -*-” หมอนี่มันอกหักจนประสาทเสียไปแล้วหรือยังไงเนี่ย มีอย่างที่ไหนเข้ามานั่งให้เสียตังค์เล่นฟรีๆ
“รวยไม่รวย มื้อนี้ฉันเลี้ยงเธอได้ก็แล้วกัน -_-^”
จ้า~ ไอ้หล่อ ไอ้รวย ชิ!
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอสั่งให้นายกินเป็นเพื่อนฉัน ไหนๆ นายก็เป็นเบ๊ฉันแล้ว”
“อยากตื่นมาพรุ่งนี้แล้วพบว่าผ่านไปแล้วสามเดือนจริงๆ เลย”โทโมะบ่นงึมงำพลางเริ่มหยิบจานที่ใส่เนื้อสัตว์ต่างๆ เทลงหม้อซุป นี่เขาคงคิดว่าฉันไม่ได้ยินที่เขาพูดสินะ ผิดถนัด! ฉันได้ยินและได้ยินชัดมากด้วย TOTv
“เธอชอบกินกุ้งเหรอ” โทโมะถามหลังจากที่นั่งกินอย่างเงียบๆ มานาน ส่วนฉันเองก็ตั้งหน้าตั้งตากินเหมือนกัน
“แอบมองฉันอยู่ล่ะสิ ถึงได้ถามแบบนี้”
“เปล่า ตามันเห็นเอง -_-^”
“-0-”
“อ้ะ! กินๆ เข้าไป” โทโมะบอกพร้อมกับใช้ตะเกียบคีบกุ้งที่ยังไม่ได้กินในจานของตัวเองมาใส่จานฉัน
“ขอบคุณนะ ของโปรดฉันเลยล่ะ >_<”
“อือ พิมก็ชอบกินมันมากเหมือนกัน”
“เกลียดกุ้งว่ะ!” เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉันก็ถึงกับชะงักมือที่กำลัง คีบกุ้งตัวเมื่อกี้ไปจิ้มน้ำจิ้มทันทีก่อนจะนำมันกลับไปใส่จานโทโมะเหมือน เดิม
“เมื่อกี้ยังชอบอยู่เลย”
“ก็ตอนนี้จะเกลียดอะทำไม ไม่อยากซ้ำกับใคร โดยเฉพาะยัยปีศาจหน้าขาวแฟนเก่านาย!-0-”
“…”
“เอ่อ…” ปากไวอีกแล้วแก้วใจ T^T ฉันไม่น่าพูดคำว่า แฟนเก่า ออกไปเลย จากที่โทโมะยิ้มๆ อยู่ก็ถึงกับหน้าเจื่อนลงไปทันทีก่อนที่เขาจะวางตะเกียบกับช้อนในมือลงกับถ้วยตรงหน้า
“ฉันอิ่มแล้วล่ะ” น้ำเสียงแผ่วเบาถูกเอ่ยออกมาพร้อมๆ กับที่คนพูดหันหน้าหนีไปมองทางอื่น แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็เห็นว่าตาเขาเริ่มเป็นสีแดงระเรื่ออีกครั้ง
“ฉะ ฉันขอโทษ”
“เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“แต่สีหน้านายมันบอกว่าฉันผิด T^T”
“คิดไปเองน่า” แน่ะ! ยัง จะมาบอกว่าฉันคิดไปอีกเหรอ ถึงฉันจะเป็นพวกชอบมโนก็เถอะ แต่ครั้งนี้ฉันพูดออกมาจากสิ่งที่เห็นเลยนะ สีหน้าของเขาย่ำแย่มากเลยล่ะตอนนี้
เขาเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ววว~
อ้าก! ทำยังไงดี YOY
“เอ่อ ฉันก็อิ่มแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราไปนั่งรถเล่นกันเถอะนะ >_<”
ฉันลุกขึ้นเดินมาฝั่งโทโมะแล้วฉุดแขนของเขาขึ้นมาเพื่อให้เขาลุกตาม ฉันไม่ได้แกล้งอิ่มหรอกนะแต่มันอิ่มจริงๆ นั่นแหละ คนตัวสูงถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะยอมลุกขึ้นโดยไม่ลืมหยิบบิลค่าอาหารที่ วางอยู่บนโต๊ะมาด้วย และหลังจากที่จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็กลับมาที่เจ้าเต่าเหลืองของ โทโมะตอนแรกเขาบอกให้ฉันเดินเล่นข้างในห้างก่อนก็ได้ แต่ฉันบอกเขาไปว่าตัวเองเป็นพวกไม่ค่อยชอบเดินเล่นช็อปปิ้งในห้างสักเท่าไหร่
“ฉันว่าต้องกลับบ้านอย่างเดียวแล้วล่ะ คงนั่งรถเล่นชิวๆ ไม่ได้แล้ว -_-^” โทโมะพูดขึ้นหลังจากที่เลี้ยวรถออกมาจากทางออกของห้างสรรพสินค้าแล้วเรียบร้อย และปรากฏว่าระหว่างที่เรานั่งกินบุฟเฟ่ต์อย่างสบายใจอยู่นั้น ข้างนอกก็มีฝนตกลงมาอย่างหนักจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย
“แย่จัง กลับบ้านก็ได้ นายจะได้ไปทำแผลด้วย เดี๋ยวเชื้อโรคเข้าไปแล้วหน้าจะเน่าไม่รู้ตัว” ฉันแกล้งแหย่คนตัวสูงจนเขานิ่วหน้าแล้วเหล่มาที่ฉันเล็กน้อยอย่างขำๆ
“ถ้าหน้าฉันเน่า ฉันจะโทษเธอคนแรกเลย”
“เฮ้ย! ไหงงั้นอะ!”
“อย่าลืมสิว่าฉันเจ็บตัวก็เพราะเธอเป็นคนยุให้ฉันไปที่นั่น”
“แต่ฉันไม่ได้บอกให้นายไปต่อยกับไอ้บ้าฌอนสักหน่อย” บ้าที่สุดเลย ทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาปแท้ๆ -_-^ เพราะดวงตกฉันเลยทำบุญกับคนไม่ขึ้นเลยใช่มั้ยเนี่ย ความดีกลายเป็นความผิดซะงั้นอะ เฮ้อ! แล้วแก้วน้อยผู้น่าสงสารคนนี้จะไปหาความยุติธรรมได้จากที่ใดเล่า
น่าอนาถจิตดีแท้ Y.Y
ในที่สุดโทโมะก็พาฉันมาส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัยไร้กังวลจนได้ เฮ้! ตอน นี้เป็นเวลาประมาณทุ่มกว่าๆ ได้แล้ว ไฟที่รั้วและในบ้านเปิดสว่างแสดงว่าพี่ขนมเข่งอยู่บ้านสินะ แต่ก็แน่ล่ะ ฝนตกหนักแบบนี้พี่แกคงไม่ถ่อไปริกกี้หรอก
“Hello~ โอ๊ะโอ…พี่เข่ง ทำบ้าอะไรอีกแล้วน่ะ -_-^” ทันทีที่เดินเขามาในบ้านฉันก็ต้องพบกับผู้ชายผมแดงแรงฤทธิ์ซึ่งเป็นพี่ชาย ของฉันเองและตอนนี้เขาก็กลายร่างเป็นตัวประหลาด ความจริงก็ไม่เชิงหรอก เพราะที่หน้าของเขามีแผ่นมาร์คหน้าสีขาวแปะอยู่น่ะสิ มองดูแล้วเหมือนเอเลี่ยนมากสำหรับฉัน รู้มั้ยว่าฉันไม่เคยมานั่งทำอะไรแบบนี้เลย นี่ขนาดฉันเป็นผู้หญิงแท้ๆ นะเนี่ย
“ก็บำรุงผิวหน้าไง หน้าจะได้ใสๆ เด้งๆ >.,<”
แปะๆๆ
พี่ขนมเข่งตอบพร้อมกับปล่อยช้อนที่กำลังตักอะไรบางอย่างกินอยู่แล้วยกมือขึ้นมา ตบแก้มทั้งสองข้างของตัวเองเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มหวานมาให้ฉัน
“แรดจริงๆ พี่ใครวะ -0-” ฉันบ่นอุบก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เขามากขึ้นจนสังเกตเห็นว่าสิ่งที่เขากำลังกิน อยู่มันคือสลัดผักนั่นเอง “กินสลัดอีกต่างหาก ครบสูตรเลยนะ -_-^”
“สลัดผักเพื่อสุขภาพ นี่ฉันทำเองเลยนะเว้ย!”
“ทำยากตรงไหนเนี่ย แค่เอาสารพัดผักมาใส่ถ้วยแล้วตักน้ำสลัดจากกระปุกที่ซื้อมาราดใส่ แค่เนี้ยเอง”
“นั่นแหละ! -0-”
“ว่าแต่แกนั่งแท็กซี่เข้ามาเหรอ ทำไมไม่เปียกอะ”
“คือว่า…”
“สวัสดีครับพี่หนมเข่ง ^_^” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบโทโมะที่เพิ่งจะเดินตามเข้ามาก็เอ่ยทักทายคนแก่สุดด้วยใบหน้าฝืนยิ้ม แน่ล่ะ! เขาก็ฝืนยิ้มมาตลอดนั่นแหละตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อตอนเย็น
“เออดีๆ…อ๋อ ที่แท้ก็มีผู้ชายมาส่ง หึหึ” พี่ขนมเข่งตอบรับผู้มาใหม่ก่อนจะหันมาหรี่ตาแล้วแกล้งแซวฉันจนฉันต้องรีบเดินไปตรงอื่นแก้เก้อทันที
“ฉันไปเอาอุปกรณ์ทำแผลก่อนนะ”
“ใครเป็นอะไรวะ…เฮ้ย! ไอ้โมะ ทำไมหน้ายับแบบนั้นวะเฮ้ย” พี่เข่งถามซะดังลั่นหลังจากที่ได้คำตอบของสิ่งที่สงสัยแล้ว โทโมะเดินไปนั่งลงข้างคนถามก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
“เอ่อ คือว่า…” เขาเล่าแบบย่อๆ แต่รวบรวมใจความสำคัญของเรื่องไว้ทั้งหมด ฉันที่ได้กล่องอุปกรณ์ทำแผลแล้วก็เดินกลับมานั่งฟังเขาด้วยความรู้สึกหดหู่ ก็ตอนที่เขาเล่าน่ะ สีหน้าดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก
“ถือว่าหมดเคราะห์กรรมไปก็แล้วกัน ดีกว่าแกโดนยัยพิมหลอกต่อไปเรื่อยๆ” พี่ขนมเข่งพูดพร้อมกับตบไหล่โทโมะเบาๆ เป็นการปลอบ
“ครับ”
“เอาล่ะ ต่อไปแกก็ลืมเรื่องเลวร้ายพวกนั้นซะ ถือว่าเป็นบทเรียน การที่แกมีความเชื่อใจมันก็ดี แต่ก็ต้องมีขอบเขตบ้าง การเชื่อทุกอย่างน่ะมันก็ไม่ต่างอะไรจากคนโง่หรอก” พี่ขนมเข่งบอกด้วยใบหน้าจริงจังแต่ฉันก็ยังมองว่าหน้าของเขามันแอบตลกอยู่ ไม่น้อยเพราะมีที่มาร์คหน้าปิดอยู่ ฮ่าๆๆ >O<
ส่วน โทโมะน่ะ รายนั้นก็ได้แต่หลุบตามองพื้นอย่างเศร้าๆ ฉันเองที่นั่งฟังอยู่ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ชายตัวเองพูด เมื่อกี้นี้นะ เวลาผู้ชายผมสีแดงคนนี้อบรมสั่งสอนอย่างจริงจังขึ้นมาน่ะ เขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิมมากเลยล่ะ เพราะแบบนี้ฉันเลยรักเขามากไง >_<
“…”
“ฉัน อยากให้แกจำเอาไว้อย่างหนึ่งว่า จงมองโลกในแง่ของความเป็นจริงที่มันเป็น เพราะทุกวันนี้ไอ้ที่ว่าจงมองโลกในแง่ดีอย่ามองโลกในแง่ร้ายมันใช้ไม่ค่อย ได้แล้วล่ะ คนมันทำให้โลกอยู่ยากขึ้นทุกวัน แค่มองตามความเป็นจริงแล้วยอมรับมันนี่สิถึงจะมีความสุข ”
“ครับ”
“บ่นมาซะยาวเลย ฉันไปล้างถ้วยล้างจานก่อนก็แล้วกัน แกให้ไอ้แก้วใจทำแผลไปก่อนนะ” พูดจบเจ้าตัวก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะหยิบถ้วยสลัดของตัวเองที่กินหมดไป ระหว่างที่ฟังใจแก้วเล่าเรื่องอยู่ขึ้นมาแล้วเดินหายเข้าไปในครัว เมื่อกี้เขาเรียกชื่อฉันผิดอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย U_U
“ฉันทำแผลไม่เก่งนะ แต่ก็เป็นคนทำให้พี่เข่งตลอด” ฉันรีบออกตัวพร้อมกับย้ายตัวเองไปนั่งข้างๆ โทโมะตรงที่เดียวกับที่พี่ขนมเข่งนั่งอยู่เมื่อกี้
“อืม ไม่ทำให้มันแย่กว่าเดิมก็โอเคแล้วล่ะ -_-^”
ระหว่างการทำแผล รู้มั้ยว่าบรรยากาศมันโคตรอึดอัดเลยล่ะ ฉันก็เขินๆ เวลาที่ต้องมานั่งจ้องหน้าคนหล่อใกล้ๆ แบบนี้จึงไม่กล้าพูดอะไร ส่วนโทโมะเองก็ดูเหมือนจะเหม่อลอยอยู่ตลอดเวลา สายตาของเขาดูเศร้าหมองและจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งข้างนอกมีเม็ดฝนกำลัง โปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสายอีกทั้งยังตกหนักกว่าตอนที่ฉันกลับมาถึงด้วย มิหนำซ้ำ…
ครืนนน~! ครืนนน~! ครืนนน~!
“อึ๋ย! ทำไมต้องมีฟ้าร้องด้วยเนี่ย น่ากลัวชะมัด T^T” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำแผลใส่กล่องให้เรียบร้อยเหมือนเดิม เพราะทำแผลให้โทโมะเสร็จพอดี โทโมะที่หลุดออกจากภวังค์เพราะเสียงของฟ้าหรือเสียงของฉันก็ไม่แน่ใจค่อยๆ หันมามองฉันแล้วขมวดคิ้วเป็นปม
“ขอบคุณนะ…ว่าแต่เธอกลัวฟ้าร้องเหรอ”
“ก็นิดหน่อยน่ะ” ฉันตอบด้วยสีหน้ายุ่งๆ
ครืนนน~!!!
“โอยยย~ หยุดร้องเถอะ TOT” ฉันโอดครวญพร้อมกับเอากล่องอุปกรณ์ทำแผลไปวางไว้ที่โต๊ะกระจกตรงหน้าแล้วนั่งทำตัวสั่นพร้อมใบหน้า
“ทำไมต้องทำหน้าอุบาทว์แบบนี้ด้วยเนี่ย -_-^”
“ก็ฉันไม่ชอบเสียงฟ้าร้องนี่! -0-”
“ฮ่าๆ”
“ไอ้โมะ ฉันว่าแกอย่าเพิ่งกลับเลยว่ะ มีหวังขับรถออกไปตอนนี้ไม่ถึงบ้านแน่ ฉันดูข่าวเมื่อเย็นเขาบอกว่าบ้านเราได้รับอิทธิพลพายุก๋องแก๊งอะไรไม่รู้ว่ะ ดูท่าแล้วฝนจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เนี่ย ฉันออกไปดูหลังบ้านเมื่อกี้ ข้างนอกลมโคตรแรงเลย TT_TT” พี่ขนมเข่งเดินกลับมาหาเราสองคนแล้วบอกโทโมะด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“จะดีเหรอครับพี่”
“แกอยู่บ้านฉันก่อนดีกว่ากลับไปตอนนี้แน่นอน เชื่อฉันเถอะ -_-^”
“เอางั้นก็ได้ครับ…”
Tomo talking
ครืนนน~! ครืนนน~!
เสียง ฟ้าคำรามยังคงดังมาเป็นระยะๆ พร้อมกับสายฝนที่ตกหนักและลมพัดแรงซึ่งดูเหมือนจะไม่หยุดในเร็วๆ นี้เลย ผมนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างคนหมดหวัง น่าตลกมั้ยล่ะครับที่คนอย่าง โทโมะโดน ผู้หญิงหลอกน่ะ แถมผู้หญิงที่ผมเข้าใจว่าเธอเป็นแฟนของผมมาตลอดกลับเป็นแฟนของเพื่อน(เก่า) อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว และทั้งสองคนก็รวมหัวกันปั่นหัวผมเล่นกับความรู้สึกของผม เหอะ!
จะว่าโกรธก็โกรธมาก จะว่าเสียใจก็เสียใจมากเหมือนกัน ผมรักพิมจริงๆ นะ ถึงแม้จะเป็นก่อนหน้านี้ก็เถอะ อ่า…ไม่ ต้องสงสัยครับ ผมไม่ได้พูดผิดหรอก ที่บอกว่าก่อนหน้านี้ก็เพราะตอนนี้ผมไม่ได้รักเธอเหมือนเดิมแล้วไงครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องเสียใจบ้างล่ะนะ
อยากรู้ใช่มั้ยล่ะครับว่าผมรักเธอน้อยลงตั้งแต่เมื่อไหร่?
ผมเองก็ไม่รู้หรอกครับ รู้แต่ว่ามันไม่เหมือนเดิมเท่านั้นเอง ในขณะที่ผมรู้สึกว่าเธอไม่เหมือนเดิมผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเหมือน กัน ตั้งแต่…
“นี่นาย! จะนั่งทำหน้าอยากตายอีกนานมั้ยฮะ! -0-” ตั้งแต่รู้จักกับผู้หญิงคนนี้ล่ะมั้งครับ ฮ่าๆ เธอชื่อ แก้วใจ น่ะ เรารู้จักกันโดยบังเอิญ เป็นความบังเอิญแบบแปลกๆ ด้วยครับ เพราะเธอเข้ามาขอผมเป็นแฟน -///- (ความจริงก็ไม่ได้ขอหรอก บังคับซะมากกว่า) แล้วตอนนี้ผมก็ติดฝนอยู่ที่บ้านของเธอนี่แหละ
“ไม่รู้สิ” ผมตอบอย่างเนือยๆ ก่อนจะละสายตาจากฝนด้านนอกมายังคนตัวเล็กที่เดินกลับลงมาจากด้านบนหลังจาก ที่เธอขอตัวไปอาบน้ำ
“คิดซะว่ายัยนั่นตายไปจากโลกนี้แล้วก็ได้ นายจะได้สบายใจขึ้น -0-” แก้วใจบอกพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ กับผม
“เป็นเธอ…ถ้าคนรักตาย เธอจะสบายใจอย่างนั้นเหรอ” ผมถามกลับไปด้วยความไม่เข้าใจ จริงๆ นะครับ ผมไม่เคยเข้าใจผู้หญิงคนนี้เลย ให้ตายสิ -_-^
“เอ่อ…พี่เข่งไปไหนแล้วล่ะ” เมื่อไปต่อไม่ถูกและเห็นสีหน้ายุ่งๆ ของผมเธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
แหม…เป็นแบบนี้ตลอดเลยสิน่า
“เห็นว่าจะไปทำเมนูรอบดึกสำหรับวันนี้ในครัวน่ะ” ผมตอบพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปทางห้องครัวซึ่งคนถามก็มองตามไปแล้วพยักหน้าลง อย่างเข้าใจ
“คิดไว้แล้วเชียวว่าเดี๋ยวต้องไม่อิ่ม ไอ้สลัดผักนั่นน่ะเห็นกินทีไรเป็นต้องหาอะไรใส่ท้องอีกรอบทุกทีนั่นแหละ”แก้วเบะปากเล็กน้อยใส่คนในครัวก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าผมเหมือนคิดอะไร บางอย่าง “นาย…เล่นกีต้าร์เป็นมั้ย”
“เป็น…ทำไมล่ะ”
“ดีเลย! ถ้าอย่างนั้นเล่นให้ฉันฟังหน่อยนะ ร้องเพลงด้วย >_<” เธอเบิกตาโตพร้อมกับทำท่าทางตื่นเต้นก่อนจะลุกไปหยิบกีต้าร์ที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนักมายื่นให้ผม
“ของเธอเหรอ” ผมถามแต่ยังไม่ยอมรับมา
“ของพี่เข่งน่ะ เอ้า! รับไปสิ นายเป็นเบ๊ฉันนะ -0-” คำก็เบ๊สองคำก็เบ๊ แค่เข้าใจผิดนิดหน่อยไม่คิดเลยว่าผมต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้ เฮ้อ!
“ทำไมฉันต้องเล่นให้เธอฟังด้วยล่ะ ฉันไม่ได้จีบเธอสักหน่อย เธอจีบฉันอยู่เธอก็เล่นให้ฉันฟังสิ”
“จะบ้าเหรอ! ใครจีบนายอะไรกัน ไม่มีเลย เฮอะ!” แก้วใจรีบโวยวายแต่ใบหน้าของเธอกับเป็นสีแดงระเรื่อคล้ายมะเขือเทศใกล้จะสุก
“แล้วที่มาตามตื้อให้ฉันไปเป็นแฟนนั่นไม่เรียกว่าจีบเหรอ”
“เออ! เปล่า -3-” ปากแข็งจริงๆ เลยยัยบ้านี่ แต่แปลกนะครับที่ผมอยู่กับเธอทีไรผมมักจะเผลอแอบยิ้มในใจทุกทีเลย อยากรู้ล่ะสิทำไมผมไม่ยิ้มออกมาให้เธอเห็น
เพราะผมกลัวเธอจะได้ใจน่ะ
ครืนนน!!!
“กรี๊ด!>_<” เพราะครั้งนี้ฟ้าร้องเสียงดังกว่าทุกครั้ง คนตัวเล็กข้างๆ ผมจึงต้องยกมือขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้างเอาไว้พร้อมกับก้มหน้างุดแล้วร้องออก มาเสียงดังแข่งกับฟ้าฝน
“แก้ว!!! ไอ้แก้ว!!! แกเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น! O[]O” พี่ขนมเข่งที่ได้ยินเสียงกรี๊ดของน้องสาวตัวเองก็รีบวิ่งตาลีตาเหลือกออกมาจากห้องครัวด้วยความตกใจ
“ไม่มีอะไรครับพี่หนมเข่ง ยัยนี่ตกใจเสียงฟ้าร้องน่ะ”
“อ๋อ ฝากแกดูแก้วน้อยของฉันหน่อยนะ มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ” พี่ขนมเข่งกำชับด้วยสีหน้าเป็นกังวลก่อนจะหายเข้าไปในครัวอีกครั้งหลังจาก ที่ผมพยักหน้ารับแล้ว
“เดี๋ยวฉันร้องเพลงให้เธอฟังก็ได้ จะได้ไม่ต้องฟังเสียงฟ้าข้างนอกนั่น” ผมบอกคนข้างๆ ด้วยเสียงอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง เธอเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยดวงตาเป็นประกายเหมือนกับเด็กน้อยที่ได้ของเล่น ตามที่ต้องการแล้ว
“จริงเหรอ! เอาเพลงให้เข้ากับบรรยากาศตอนนี้หน่อยนะ >_<” เธอบอกแล้วทำสีหน้าตั้งใจรอฟัง ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยเพื่อนึกเพลงอย่างที่เธอว่า
บรรยากาศตอนนี้อย่างนั้นเหรอ?
ฝนตกฟ้าร้องคงมีแต่ท่วงทำนองเศร้าๆ เท่านั้นแหละมั้งที่เหมาะสมที่สุด…
น้ำตาฟ้า…เพลงของคนอกหัก
“เธอรู้มั้ยว่าทำไมฝนถึงตก”
“ได้รับอิทธิพลพายุไง ก็พี่เข่งบอกเมื่อกี้ -_-^”
“เปล่าหรอก ความจริงแล้ว ฟ้าทำลังร้องไห้ต่างหากล่ะ…”
“นี่อย่ามาดราม่านะ เพลงที่เข้ากับบรรยากาศของฉันหมายถึงเพลงซึ้งๆ โรแมนติกต่างหากล่ะ -0-”
“อืม” ผมแปลความหมายต่างไปจากเธอ แล้วผมก็เข้าใจที่เธอพูดนะ เพียงแต่ตอนนี้ผมนึกเพลงซึ้งๆ ไม่ออกจริงๆ
ปลาย นิ้วของผมเริ่มกดคอร์ดที่นึกขึ้นได้ในหัวพร้อมกับอีกมือที่ดีดสายกีต้าร์ออก มาเป็นท่วงทำนองเศร้าๆ ก่อนจะเริ่มร้องเพลงเข้ากับจังหวะออกมา
เขาบอกว่าฟ้า ร้องไห้ออกมาเป็นน้ำฝน
อยากรู้นักฟ้าที่เบื้องบน ต้องมาร้องไห้เพราะใคร
หรือฟ้าสงสาร คนอย่างฉันถูกหลอกเรื่อยไป
ถูกเขาลวงเขาล้วงหัวใจ เอาไปต้มยำทำแกง
ฝนฟ้ากระหน่ำ เสียงฟ้าคำรามดูน่ากลัว
น้ำตาฟ้าหลั่งมารดตัว รดหัวใจฉันจนชา
ฉันคนผิดหวัง มีเคราะห์กรรมไร้วาสนา
เขาเลยไม่รักไม่ยอมพูดจา หลอกลวงให้ฉันต้องตรม
“นี่นาย…” แก้วใจทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่แล้วเมื่อผมหันไปสบตากับเธอ คนตัวเล็กดูจะอึ้งๆ ไปเล็กน้อยแล้วก็เงียบไปในที่สุด
ที่หน้าผมมีอะไรติดอย่างนั้นเหรอ?
ช่างเถอะ…
ฉันมันคนซื่อ ไม่เคยฝึกปรือ ในเรื่องความรัก
เพิ่งเคยได้รู้ เพิ่งเคยได้ลอง เพิ่งเคยรู้จัก
สุดท้ายต้องมาอกหัก ไม่รู้จะดามยังไง
เขาบอกว่าฟ้า ร้องไห้ออกมาให้ฉัน
ฟ้าสงสารและคงผิดหวัง ที่ชักนำให้ฉันพบเธอ
น้ำตาที่ไหล จากความตั้งใจไม่ได้พลั้งเผลอ
ชาตินี้เข็ดแล้วนะเออ ไม่อยากเจอหน้าเธออีกเลย…
ผม ดีดท่วงทำนองเศร้าๆ ไปเรื่อยๆ พลางหันไปสบตากับแก้วอยู่เป็นระยะๆ เธอมองผมด้วยสีหน้าและสายตาดูเป็นกังวลยังไงชอบกล และหลังจากที่เพลงจบลงผมจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามข้อสงสัยออกไป
“ทำไมมองหน้าฉันแบบนั้นล่ะ”
“ก็นาย…” แก้วใจกลืนคำพูดลงคอไปก่อนจะตอบผมด้วยภาษากายแทน เธอใช้มือเล็กเอื้อมมาปาดน้ำตาที่อาบแก้มทั้งสองข้างของผมอย่างแผ่วเบา ราวกลับกลัวว่าผมจะเจ็บ
ผมกำลังเสียใจเรื่องของพิม…
ใช่ผมเสียใจ และผมก็ดีใจที่ยังมีผู้หญิงอีกคนซึ่งไม่ทิ้งผมไปไหน เธอคือคนที่นั่งอยู่ข้างๆ และกำลังเช็ดน้ำตาให้กับผม ถ้าผมคบกับเธอตอนนี้ ผมคงจะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวน่าดูเพราะผมยังรู้สึกดีกับแฟนเก่าอยู่ ดังนั้น…
รอฉันก่อนนะแก้วใจ
“สัญญากับฉันสิว่านายจะร้องไห้วันนี้เป็นวันสุดท้าย ฉันบอกแล้วไงว่าคนพวกนั้นไม่มีค่าพอที่นายจะต้องเสียน้ำตาให้” เธอบอกพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างล็อกใบหน้าของผมเอาไว้ให้สบตากับเธอ
“อืม” ผมตอบรับสั้นๆ ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาจับมือเล็กเอาไว้หลวมๆแล้วดึงออกให้พ้นจากหน้าของตัวเองก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น
มากขึ้นเรื่อยๆ…
มากขึ้น…
มากจนปลายจมูกของเราแตะกันเบาๆ แก้วใจถึงกับตัวแข็งทื่อแล้วเบิกตาโต ผมเอียงหน้าเล็กน้อยเพราะอยากจะสัมผัสเธอให้มากกว่านี้ คนตัวเล็กก็หลับตาพริ้มเหมือนรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
“เฮ้ย! เด็กๆ มากิน…เอ่อ ผิดคิวอีกแล้วว่ะกู เดี๋ยวออกมาใหม่ละกัน -0-” พี่ขนมเข่งที่เดินถือถาดใส่จานอาหารออกมาจากในครัวพร้อมกับเรียกผมและแก้วใจ ถึงกับชะงักไปก่อนจะกลับเข้าไปยังที่เดิมที่เพิ่งเดินออกมาได้ไม่กี่วินาที
ไม่ใช่แค่พี่ขนมเข่งหรอกนะที่ชะงักไป เพราะสติของผมก็กลับมาเหมือนกัน ผมรีบปล่อยมือแก้วใจแล้วผละตัวเองออกห่างจากเธอเล็กน้อยอย่างเก้อๆ เธอเองก็หันหน้าหนีผมไปอีกทางด้วยท่าทีเขินอาย
“ขอโทษ” ผมเอ่ยออกไปโดยพยายามทำน้ำเสียงให้นิ่งเป็นปกติที่สุดเพราะกลัวเธอจะจับได้ ว่าผมกำลังตื่นเต้นเพราะเรื่องเมื่อกี้
“อื้อ...” เธอตอบเสียงแผ่วแต่ว่าผมก็ได้ยินล่ะนะ เฮ้อ! เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ผมไม่ควรปล่อยตัวเองให้เคลิ้มไปกับบรรยากาศเลยแฮะ U_U
อัพแล้วน๊าอัพช้าหน่อยช่วงนี้ไรต์สอบบ่อยมากการบ้านก็เยอะ ช่วยเม้นให้กันด้วยน๊า
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ