Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
18) เขาไม่ใช่ผู้ชายคนอื่น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter 17 เขาไม่ใช่ผู้ชายคนอื่น
“นึกว่านายจะมาไม่ถูกซะแล้ว ปล่อยให้ฉันรอตั้งนาน! -0-” ฉันโวยวายทันทีที่เห็นกระจกประตูด้านข้างคนขับของโฟล์คเต่าสีเหลืองละมุนที่กำลังค่อยๆ เลื่อนลงเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของโทโมะ
เฮอะ! แล้วทำมาเป็นบอกว่ารู้จัก นี่ปล่อยให้ฉันยืนรอเป็นครึ่งชั่วโมงเลย ฉันว่าเขาต้องเสียเวลาไปกับการหลงทางแน่ๆ
“ฉันบอกว่ารู้จัก ก็ต้องมาถูกสิ นี่มันหอที่พิมพักอยู่นะ…”
หอยัยพม่าอย่างนั้นเหรอ? เป็นอย่างที่ฉันสงสัยไม่มีผิด ก็หญิงร้ายชายชั่วมีกันอยู่สองคนหอนี้ก็ต้องเป็นที่ซุกหัวนอนของใครสักคน นั่นแหละ!>_<
“แล้วทำไมถึงนานแบบนี้ล่ะ ฉันบอกไปแล้วว่าง่วงนอน แทนที่นายจะรีบๆ มา Y^Y” ฉันแกล้งทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด ทั้งๆ ที่ความจริงในหัวกำลังคิดประโยคที่จะพูดกับเขาเกี่ยวกับความจริงอันเลวร้าย
“ไหนว่าหิวข้าวไง -_-^” ตายล่ะ! ลืมไปสนิทเลยว่าโกหกอะไรเอาไว้
“ก็นั่นแหละ! ตอนแรกก็หิวข้าว พอต้องมารอนานๆ ก็เลยง่วงนอนไง” แถไปอีกจนได้สิน่า หวังว่าเขาคงไม่เซ้าซี้อะไรมากนะ ฉันขี้เกียจจะโกหก เฮ้อ
“ถ้าอย่างนั้นรีบขึ้นรถมาเร็วๆ เข้า” โทโมะนิ่วหน้าเล็กน้อย ฉันเห็นว่าเขาแอบถอนหายใจด้วยล่ะ!
“นายไม่คิดจะเปิดประตูให้ฉันหน่อยเหรอ”
“ปลดล็อกให้แล้วไง ขึ้นมาสิ -_-^” นี่เขาแกล้งกวนประสาทฉันหรือว่าไม่เข้าใจความหมายของคำว่า เปิดประตู กันแน่ ให้ตายเถอะ! ฉันล่ะเพลียจริงๆ เลย
“^_^”
ปั้ง!
ฉันแสร้งยิ้มหวานก่อนจะจำใจเปิดประตูรถออกแล้วพาตัวเองเข้ามานั่งด้านในประจำ ที่นั่งข้างคนขับก่อนจะปิดประตูอย่างแรงโดยไม่เกรงใจเจ้าของรถที่นั่งอยู่ ข้างๆ แม้แต่น้อย
“ไม่ทำให้พังไปเลยล่ะ” นั่นคือคำประชดของโทโมะค่ะ
“ถ้านายต้องการก็ได้นะ…” ฉันทำหน้ามึนๆ แล้วทำท่าจะเปิดประตูเพื่อจะได้ปิดอีกครั้ง แต่ก็ต้องชะงักมือเพราะโทโมะเอี้ยวตัวผ่านหน้าฉันไปแล้วกระชากมือของฉัน ออกจากที่จับประตูรถได้อย่างทันท่วงที
“หึๆ”โทโมะหัวเราะอย่างเป็นต่อก่อนที่เขาจะค่อยๆ หันหน้ามาเยาะเย้ยฉันที่ทำลายทรัพย์สินของเขาไม่สำเร็จ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาเสียดายอะไรหรอกเพราะตอนนี้ใบหน้าของเราสองคนอยู่ ใกล้กันมาก!
ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
หัวใจของฉันเต้นแรงและเร็วผิดปกติจนน่าตกใจ ร่างกายดูเหมือนจะแข็งทื่อชั่วขณะเพียงเพราะสบตากับผู้ชายตรงหน้า
แม่เจ้า! ดวงตาคมกริบของเขามีเสน่ห์เหลือเกิน! O_O
“มอง อะไร” ริมฝีปากหยักลึกเอ่ยน้ำเสียงแข็งๆ ออกมาทำให้ฉันกลืนน้ำลายลงคอทันทีก่อนจะกระพริบตาปริบๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา แล้วก็ดูเหมือนว่าโทโมะจะรู้ตัวแล้วนะว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ “เอ่อ…โทษที”
โทโมะเอ่ยเสียงเบาก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้พร้อมกับชักมือของตัวเองที่จับมือฉันอยู่กลับไปแล้วนั่งตัวตรงบนที่นั่งของตัวเองตามเดิม
“-///-”
“อยากกินอะไรล่ะ” คนข้างๆ ถามขึ้นทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขาอย่างพิจารณาถึงเหตุการณ์ชวนตื่นเต้นใจสั่น เมื่อกี้จนเกือบจะทำให้ฉันลืมประเด็นสำคัญของวันนี้ไป…
“ฉัน…อยากให้นายเลี้ยวรถเข้าไปในนั้น!” ฉันหลับหูหลับตาบอกพร้อมกับชี้นิ้วเข้าไปด้านในหอ แล้วนั่นก็ทำให้คนฟังหัวเราะพรืดออกมาทันที
“ฮ่าๆๆ จะบ้าเหรอ นี่อย่าบอกนะว่าเธอแอบมาเช่าห้องไว้ แล้วจะล่อลวงฉันไปข่มขืนนะ”
โอ้ย! ใช่ที่ไหนเล่า! ใช้อะไรคิดเนี่ย นี่มันเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนะเฮ้ย -0-
“ฉันไม่คิดอัปมงคลอย่างนั้นหรอกน่า…นายต้องเข้าไปข้างในนั้นเพื่อรับรู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับ…” ฉันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก ก่อนจะสูดหายใจลึกๆ เข้าเต็มปอดแล้วเอ่ยคีย์เวิร์ดสำคัญออกมาในที่สุด “แฟนนาย”
“…” ใบหน้าเปื้อนยิ้มปรับเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันทีที่ฉันพูดจบ บอกได้เลยว่าตอนนี้ฉันแอบกลัวว่าเขาจะไม่ยอมฟังที่ฉันพูดอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ต้องยอมรับความจริงหลังจากนี้!
เพราะครั้งนี้ฉันมีหลักฐาน >_<
“ความจริงอะไร” เขาถามเสียงเครียด แล้วฉันก็ไม่รอช้าที่จะพูดในสิ่งที่เห็นออกไป
“แฟนนายแอบคบกับผู้ชายคนอื่น แล้ววันนี้ยัยนั่นก็พาผู้ชายคนนั้นมาที่นี่…” ฉันพูดด้วยเสียงหนักแน่น ก่อนจะเงียบไปเพราะเห็นแววตาสั่นไหวของคนฟัง
“จะบอกว่าที่จริงแล้วเธอตั้งใจมาที่นี่เพราะตามพิมมาอย่างนั้นเหรอ”
น้ำตาจะไหล นายฉลาดมากเลยโทโมะTT_TT
“ก็ทำนองนั้น” ฉันยักไหล่ขึ้นก่อนจะเหลือบสายตาไปยังหอพักแล้วหันกลับมาหาโทโมะอีกครั้ง “นี่ ฟังนะ…”
“ฉันผิดหวังในตัวเธอจริงๆ เลย เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวแบบนี้สักทีฮะ?” โทโมะขมวดคิ้วแน่น
“ผิดหวังอะไร นายควรจะต้องดีใจนะที่ฉันเปิดโปงแฟนนายได้น่ะ!”
“เปิดโปงอย่างนั้นเหรอ? บ้านฉันเรียกว่าการใส่ร้ายนะ เพราะเธอได้ยินที่ฉันบอกว่าพิมพักอยู่ที่นี่เมื่อกี้ เธอก็เลยกุเรื่องขึ้นมาอย่างนั้นสินะ คิดว่าฉันจะโง่หรือไง”
เออ! นายมันโง่ โง่มาก -_-^
“ตอนแรกฉันก็คิดว่านายจะฉลาดขึ้นมานะ แต่ฉันรู้แล้วว่าตัวเองคิดผิดถนัด! นายมันก็โง่จริงๆ นั่นแหละ ไอ้บ้าเอ๊ย!” อารมณ์เสียจริงๆ เลย นี่ฉันช่วยทำให้เขาฉลาดขึ้นนะ แต่ทำไมเขามองฉันแบบนั้นเล่า! ไม่สิ เขาไม่เคยมองฉันในแง่ดีเลยต่างหาก ที่ผ่านมาเขาก็มองฉันไม่ดีมาตลอด -*-
“ถ้าว่าฉันแล้วเธอมีความสุขนักก็ว่าไป แต่ฉันไม่มีทางเชื่อเธอหรอกรู้ไว้ซะด้วย”
“โทโมะ…นี่ฉันจริงจังนะ ฉันไม่ได้โกหกนาย ไม่ได้อยากจะว่านาย แต่นายต้องยอมรับความจริง!”
“ฉันไม่…”
“ฌอน! ชู้รักของแฟนนายก็คือฌอนยังไงล่ะ!”
“พูดบ้าอะไรของเธอ” เขาทำหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันไหว้ก็ได้เอ้า! เชื่อฉันสักครั้งเถอะนะ เข้าไปข้างในนั้น ไปพิสูจน์ว่าจริงๆ แล้วฉันพูดจริงหรือเปล่า” ฉันยกมือขึ้นไหว้คนตรงหน้าอย่างช่วยไม่ได้
ขอร้องล่ะ ได้โปรดเชื่อฉันเถอะ ฉันหวังดีกับนายจริงๆ นะไอ้บ้า! โฮกกก
“…”โทโมะไม่ตอบอะไรเพียงแต่ส่ายหน้าไปมาเท่านั้นราวกับสติของเขาได้หลุดลอยออกไปแล้วอย่างนั้นแหละ
“เธอเอาอะไรมาพูด มันจะเป็นไปได้ยังไง ไอ้ฌอนกับพิมจะแอบคบกันได้ยังไง!”
“ฉัน จะรู้เหรอว่ามันไปคบกันได้ยังไง รู้แต่ว่าสองคนนั้นสวมเขาให้นายอยู่ก็แล้วกัน แล้วฉันก็ทนไม่ได้ที่เห็นนายต้องมาโดนหลอกอยู่แบบนี้!”
“…”
“เหอะ! นาย เองก็ไม่ได้ไว้ใจแฟนตัวเองร้อยเปอร์เซ็นหรอกจริงมั้ย นายสงสัยอยู่ไม่ใช่เหรอว่ายัยนั่นกับป๊อปปี้อาจจะมีอะไรปิดบังอยู่ ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วจะไม่ใช่ป๊อปปี้เพื่อนสนิทนาย แต่ยัยบ้านั่นก็หลอกนายอยู่จริงๆ ไม่ใช่หรือไง!”
ฉันชักจะหมดความอดทนกับความโง่เง่าเต่าตุ่นของไอ้บ้านี่แล้วนะ คนเขาบอกเพราะเป็นห่วงกลัวว่าจะเสียใจมากกว่านี้ถ้ามารู้ทีหลัง ก็ดันหาว่าฉันมาใส่ร้ายเสียได้
ฉลาดสักทีสิโว้ยยยย!
“…” แล้วบรรยากาศในรถก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจหอบของฉันเท่านั้นเนื่องจากใช้พลังในการพูดเยอะไปหน่อย -.,- ก็มันน่าให้ขึ้นเสียงมั้ยล่ะ พูดอะไรไม่ฟังกันบ้างเลย เอะอะก็โกหก เอะอะก็ใส่ร้าย เกิดเป็นฉันนี่มันซวยจริงๆ โดนมองว่าไม่ดีมาตั้งแต่ต้น!
ลืมไปสนิท…ก็ฉันมันซวยตั้งแต่ต้นเรื่องนี่นา YOY
ฉันมองโทโมะด้วยสายตาขุ่นเคืองแล้วก็เห็นว่าเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไปหาใครบางคน แล้วไม่นานฉันก็รู้ว่าเป็นใคร…
“นึกว่าจะไม่รับโทรศัพท์ผมซะแล้ว พิมอยู่ไหนครับ…ไม่มีอะไรครับ ผมแค่คิดถึง…โอ เคครับ ผมวางสายก็ได้”โทโมะวางสายไปก่อนจะหันมามองหน้าฉันที่กำลังทำปากพูดเลียนแบบเขาเมื่อกี้ ก่อนจะทำท่าพะอืดพะอม เล่นเอาฉันรีบปรับสีหน้าเป็นจริงจังเหมือนเดิมแทบไม่ทัน
“เขาไปเที่ยวกับเพื่อน” โทโมะเอ่ยเสียงเรียบ
“นายเชื่ออย่างนั้นเหรอ”
“ไม่รู้ แต่ถ้าเธอโกหก ฉันไม่ให้อภัยเธอแน่ๆ”โทโมะพูดก่อนจะออกรถแล้วเลี้ยวเข้ามาจอดในลานจอดรถของหอแล้วมันก็บังเอิญเป็นที่ว่างข้างๆ รถของคู่กรณี
รถของฌอน!
ไม่ผิดแน่ รถคันนี้ที่ฉันตามมา…
“นั่นมันรถของไอ้หัวชมพูใช่หรือเปล่าน้า~” ฉันพูดขึ้นลอยๆ เมื่อเห็นว่าโทโมะหันไปเพ่งเล็งรถคันข้างๆ อย่างสนใจ
ตุ้บ!
“บ้าชิบ!” เขากำหมัดแล้วทุบไปที่พวงมาลัยรถด้วยอาการฉุนเฉียวก่อนที่จะรีบเปิดประตู แล้วลงไปจากรถทันทีจนฉันที่นั่งชูคออยู่ถึงกับต้องรีบกุลีกุจรตามลงมาแล้วก็ เห็นว่าโทโมะกำลังโทรศัพท์ไปหาใครบางคนอีกครั้งพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ที่ หน้าประตูกระจกบานใสของหอที่ต้องใช้คีย์การ์ดในการผ่านเข้าไป
“แกอยู่หอหรือเปล่า…ดีเลย พี่อยู่ข้างล่าง ลงมารับพี่หน่อย”โทโมะตัดสายไปแล้วกำโทรศัพท์ในมือแน่นก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋ากางเกงไป เขาตวัดสายตาคมกริบมาที่ฉันแวบหนึ่งแล้วยกมือขึ้นมาขยี้หัวตัวเองอย่างไม่สบ อารมณ์นัก
“เชื่อฉันแต่แรกก็จบ”
ขวับ!
“-_-+” สายตาพิฆาตของเขาถูกส่งมาที่ฉันอีกครั้ง แต่ฉันก็ไม่ได้กลัวเลย เพราะตอนนี้ฉันกำลังหัวเราะเยาะเย้ยยัยพิมอยู่ในใจต่างหากล่ะ! ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ผู้หญิงเน่าๆ อย่างเธอต้องไปจากชีวิตของโทโมะสักทีสินะ โฮะๆๆ
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนองนะคะ ฮ่าๆๆ >O<
“ทำไมช้าจังวะ!”
“นายใจร้อนเองต่างหาก ว่าแต่คนที่นายให้ลงมารับเป็นใครเหรอ”
“รุ่นน้องที่คณะ” เขาตอบโดยไม่มองหน้าฉันแล้วไม่นานคนที่เขารอก็เดินออกมาเปิดประตูให้เราสองคนจนได้ เขาดูจะมีสีหน้ามึนๆ งงๆ เล็กน้อย แล้วก็ตาปรือเหมือนเพิ่งตื่นนอนด้วย
“พี่โมะมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ” ชายร่างบางอย่างกับผู้หญิงถามขึ้นพลางเอามือลูบท้ายทอยด้วยความฉงน
“ขอโทษที พี่ไม่ได้มีกับแกว่ะ ขอบใจที่ลงมาเปิดประตูให้นะ แล้วเจอกัน…” โทโมะพูดจบก็รีบก้าวขายาวๆ ของเขาเข้าไปด้านในตัวตึกทันทีอย่างไม่รอช้า
“เรื่องมันยาว พรุ่งนี้เช้าก็เล่าไม่จบ ^O^” ฉันพูดทิ้งท้ายเอาไว้ให้รุ่นน้องของโทโมะงุนงงเข้าไป ใหญ่ก่อนจะขยิบตาให้เขาข้างหนึ่งแล้วรีบเดินตามคนใจร้อนไปยังลิฟต์ทันทีแล้วก็เกือบจะขึ้นไม่ทันเพราะประตูกำลังจะปิด
ใจคอจะทิ้งฉันเอาไว้ข้างล่างใช่มั้ยฮะ! ไอ้หน้าหล่อใจร้าย -0-
“นายนี่ใจร้อนกว่าที่ฉันคิดเอาไว้อีกนะ” ฉันพูดขึ้นลอยๆ ขณะที่สายตากำลังจับจ้องไปยังจอเล็กๆ เหนือประตูลิฟต์ที่ตัวเลขของชั้นกำลังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ หอพักนี้มีหลายชั้นน่าดู และดูจากสภาพแวดล้อมด้านนอกและด้านในแล้วน่าจะแพงหูฉี่ นี่ถ้าไม่ติดที่ว่ามีป้ายชื่อติดอยู่ข้างหน้าว่าเป็นหอพักล่ะก็นะ ฉันจะเข้าใจว่ามันเป็นคอนโดเลยล่ะ
“…” ไร้การตอบรับใดๆ ทั้งสิ้นจากผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉัน เมื่อเห็นว่าเขาไม่อยากพูดฉันก็เลยเงียบบ้าง ทำให้บรรยากาศเริ่มมาคุกว่าเดิม
หวังว่าวันนี้คงไม่มีใครตายนะ -_-^
ติ๊ด!
ในที่สุดลิฟต์ก็เคลื่อนตัวมายังชั้นที่หกและก่อนที่ประตูจะเปิดออกจนสุด โทโมะก็รีบพุ่งตัวออกไปอย่างไม่รอช้า
ให้ตายเถอะ! จะรีบไปไล่ควายหรือไง?
ฉันรีบเดินตามโทโมะมาแล้วก็เห็นว่าเขาหยุดลงตรงหน้าห้อง 609 ณ จุดๆ นี้ คงจะเป็นห้องใครไปไม่ได้นอกจากของยัยพม่าหน้าวอกนั่น โทโมะทำท่าเหมือนจะเคาะประตูเรียก แต่แล้วเขาก็ต้องชักมือกลับไปกำหมัดหลวมๆ อยู่ข้างลำตัว เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมทำอะไรสักทีฉันก็เริ่มใจร้อนขึ้นมาบ้าง และแล้วแผนบางอย่างก็ผุดขึ้นมาให้หัวราวกับฟ้าเป็นใจ!
ก๊อกๆๆ!
“ใครคะ!” เสียงยัยพม่า!
“แม่บ้านค่ะ! มีจดหมายมาที่ห้องนี้ค่ะ” ฉันดัดเสียงหน่อยๆ แต่ก็ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก เจ้าของห้องเงียบไป แต่แล้วสักพักฉันก็ได้ยินเสียงแกร๊กของลูกบิดประตูดังขึ้นเบาๆ เป็นสัญญาณว่ามีคนมาเปิดประตูแล้ว! โชคดีที่ประตูห้องไม่มีตาแมวเลยไม่ต้องกลัวว่าคนในห้องจะเห็นว่าใครมากันแน่
แอดดด~
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ทั้งคนเปิดและคนที่อยู่หน้าห้องก็มีสีหน้าไม่ต่างกันเท่าไหร่ ฉันเองไม่ได้ตกใจอะไรมาก แต่โทโมะนี่ตาแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว ไอ้หัวชมพูที่เป็นคนมาเปิดประตูเองก็เหมือนกัน!
สภาพของเขาตอนนี้มันทำให้ฉันต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะเสื้อเชิ้ตของเขาไม่ ได้ติดกระดุมเลยสักเม็ดเดียวเผยให้เห็นแผงอกแล้วก็กล้ามหน้าท้องของเขาที่ดู ดูราวกับนายแบบ! แถมเสื้อยังยับยู่ยี่อีกด้วยนะ เอ๊ะ แล้วฉันจะมานั่งบรรยายสรรพคุณของไอ้บ้าฌอนทำไมเนี่ย
เอาล่ะ! ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนในห้องกำลังเล่นผีผ้าห่มกันอยู่ -.,-
“ไอ้ชั่ว!!!”
ผลัวะ!!!
โทโมะเป็นฝ่ายที่ตั้งสติได้ก่อนจึงรีบปล่อยหมัดหนักๆ เข้าไปยังใบหน้าที่หล่อไม่แพ้ตัวเองสักเท่าไหร่นัก คนหัวสีชมพูถึงกับเซถลากลับเข้าไปด้านในห้องแล้วคนเริ่มก่อนก็รีบตามเข้าไป อย่างไม่รอคำเชิญ
“กรี๊ดดด!!!” พิมร้องลั่นห้องทันทีเมื่อเห็นคนที่ไม่ควรจะได้เจอตอนนี้ ฉันที่เดินตามเข้าไปในห้องอย่างสบายอารมณ์ซึ่งไม่เข้ากับสถานการณ์เลยยกยิ้ม มุมปากขึ้นอย่างผู้ชนะ ยัยพม่านั่งอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่ไม่ต่างจากฌอนเท่าไหร่นักแล้วหล่อนก็รีบ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้เมื่อเห็นว่าฉันเลื่อนสายตาลงไปจ้องที่ร่างเล็กใต้ร่มผ้าอย่างจงใจ
หึ! จะมาอายตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะมั้ง
“ไอ้โมะ!!!”
ผลัวะ!!!
ดูเหมือนว่าผู้ชายสองคนที่ชกต่อยกันอยู่จะไม่มีทีท่าว่าจะเลิกง่ายๆ เลย เสียงฌอนเอ่ยชื่อโทโมะ ด้วยความโกรธทำให้ฉันหันขวับไปแล้วก็เห็นว่าโทโมะโดนต่อยกลับเข้าไปเต็มๆ ถึงแม้ฌอนจะดูเพลี่ยงพล้ำอยู่มากแต่หมอนั่นก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน ผลจากการปล่อยหมัดใส่กันทำให้ใบหน้าของทั้งสองคนมีเลือดไหลซิบๆ ออกมาจากมุมปากและบริเวณอื่นๆ บนใบหน้า ทำยังไงดีนะ ถ้าฉันเข้าไปห้ามจะโดนเหวี่ยงออกมา หรือโดนลูกหลงหรือเปล่าเนี่ย
ยังไงฉันก็เป็นผู้หญิงสิน่า TT_TT
“กรี๊ดดด! ฌอน!” พิมส่งเสียงร้องอีกครั้งเมื่อฌอนถูกโทโมะจับโยนไปข้างเตียง และในตอนนี้เองที่ฉันได้เห็นน้ำตาของโทโมะอีกครั้ง เขากำลังโกรธจัดและก็กำลังเสียใจมากเช่นกัน ฉันไม่รู้ว่าเขาร้องไห้ตอนไหน แต่เขาหันไปมองแฟนสาวของตัวเองด้วยแววตาตัดพ้อ
ทำไมกันนะ…ยิ่งฉันเห็นว่าเขาเสียใจกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเสียใจมากตามไปด้วยเท่านั้น…
มันเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของฉันกันล่ะเนี่ย Y_Y
ผลัวะ!!!
ขณะ ที่โทโมะกำลังใช้หลังมือปาดเลือดจากหางคิ้วที่กำลังจะไหลเข้าตาอยู่นั้น ฌอนก็ถือโอกาสนี้ปล่อยหมัดเข้าไปที่ใบหน้าของโทโมะซ้ำรอยเก่า ฉันจึงรีบตัดสินใจเข้าไปห้ามทัพทันที
“อย่าเข้ามานะโว้ย!!!>O<” ฉันใช้ตัวเองบังโทโมะเอาไว้พร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างออกอย่างคนที่พร้อมจะปกป้องเขา
เอ่อ เดี๋ยวก่อนนะ…ปกป้องเขาอย่างนั้นเหรอ? ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ถ้าไอ้บ้าฌอนมันไม่เลวขนาดที่กล้าต่อยผู้หญิงอย่างฉันได้น่ะ! แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่แน่หรอก เพราะขนาดตอนที่เขาจะข่มขืนฉันเขายังเหวี่ยงฉันไปชนรถไม่กลัวว่าหลังฉันจะหักเลย TOT
“หลบไปยัยบ้า!” โทโมะตวาดเสียงดังพร้อมกับเอื้อมมือมาที่หัวของฉันพร้อมกับออกแรงผลัก แต่ฉันก็ทำคอแข็ง หัวแข็ง แล้วก็ตัวแข็งเอาไว้ ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะ ฉันเองก็สไลด์ออกไปด้านข้างตามแรงของโทโมะอยู่เหมือนกัน TOT
“ฌอน! นายไม่เป็นอะไรนะ” พิมที่อาศัยช่วงชุลมุนติดกระดุมจนเสร็จเรียบร้อยแล้วรีบก้าวลงจากเตียงเพื่อมาดูอาการของฌอนด้วยความเป็นห่วง
เป็นห่วงอย่างนั้นเหรอ? คำนี้มันต้องใช้กับโทโมะไม่ใช่หรือไง!
“เป็นห่วงกันจังเลยนะ หึ!” โทโมะพูดเสียงลอดไรฟันแล้วเค้นหัวเราะออกมา
“ก็แน่ล่ะ…ฉันเคยบอกแกแล้วไม่ใช่เหรอวะ ว่าแกน่ะมันโง่!” ฌอนพูดเยาะเย้ยแล้วยกยิ้มอย่างเป็นต่อ
“ใช่ ฉันมันโง่ โง่เองที่หลงไว้ใจผู้หญิงคนนี้!...ถ้าเธอรักมันทำไมเธอไม่เลิกกับฉันไปซะ!” โทโมะพูดด้วยท่าทีเกรี้ยวกราดใส่ฌอนก่อนที่จะหันไปถามผู้หญิงแพศยาหน้าขาวที่ยืนประคองอยู่ข้างๆ
“ฉันก็กำลังจะบอกกับนายอยู่เหมือนกันนั่นแหละ ว่าเรา…”
“เลิกกัน! เรา เลิก กัน” โทโมะเป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นก่อน ฉันถึงกับหลุดยิ้มออกมาทันทีที่ยัยพม่าหน้าเสียไปกับคำพูดนั่น “ฉันรู้ว่าฉันมันโง่ แต่ก็เสียใจด้วยนะที่ฉันเป็นฝ่ายบอกเลิกเธอก่อน ”
กรี๊ดดด! ฉันล่ะสะใจจริงเลย ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกดีใจและตื้นตันออกมาเป็นคำพูดยังไง ฉันเองยังนึกไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าเขาจะเป็นคนบอกเลิกก่อนแบบนี้ เวลานายตาสว่างขึ้นมา แล้วดูหล่อขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียวเชียว! ^O^
“คิดว่านายเป็นคนบอกเลิก แล้วฉันจะเสียใจหรือไง” พิมเชิดหน้าถาม
“ไม่คิด คนอย่างเธอคงไม่มีความคิด ความรู้สึกหรือสำนึกอะไรอีกแล้ว ตั้งแต่ที่เธอแอบคบกับผู้ชายคนอื่น!” เจ็บไปดิ! นายนี่มันปากร้ายได้ใจฉันจริงๆ เลยนะโทโมะ นึกว่าจะร้ายเป็นแต่กับฉันซะแล้ว -0-
“นายคิดผิดแล้วล่ะ! ฌอนน่ะ เขาไม่ใช่ผู้ชายคนอื่น แต่เป็นนายต่างหาก!”
“ว่าไงนะ?” ฉันกับโทโมะร้องเสียงหลงออกมาพร้อมกับกับเรื่องที่ไม่น่าเชื่อแบบนี้
“แกมันโง่จริงๆ เลยว่ะไอ้โมะ ฮ่าๆๆๆ!” ฌอนหัวเราะอย่างสะใจ ก่อนที่พิมจะเริ่มพูดต่อจากสิ่งที่เจ้าตัวเปิดประเด็นชวนสงสัยทิ้งเอาไว้
“ความจริงแล้วแฟนตัวจริงของฉันก็คือฌอนยังไงล่ะ! เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ฉันรักมาตลอด ไม่ใช่นาย ส่วนนายมันก็แค่ของเล่นชั่วคราวที่แฟนของฉันหามาให้ก็แค่นั้น ” บ้าที่สุด! นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย
“ไม่จริง…” โทโมะส่ายหน้าไปมาช้าๆ
“มันคือเรื่องจริง! ฌอน แค่ให้ฉันเข้าไปทำให้ชีวิตนายมีสีสันขึ้นกว่าเดิม แล้วสุดท้ายก็ทำให้นายต้องขมขื่นกับสีสันจอมปลอมที่ฉันสร้างขึ้น ทีนี้เข้าใจหรือยังว่านายเป็นคนอื่นของฉันยังไง!”
“…” คนโดนหลอกถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก ไม่แปลกหรอก ฉันไม่ได้โดนเองยังอึ้งไม่แพ้เขาเลย
“การทำให้นายรักแล้วก็หักอกที่มันง่ายกว่าที่ฉันคิดนะ แล้วแน่นอนว่าฉันทำมันสำเร็จ” พิมพูดอย่างโอ้อวดตัวเอง แต่ฉันกลับมองว่ามันน่าสมเพชมากกว่า! เลวกว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่มีอีกแล้ว
“เป็นยังไงล่ะ แผนการของฉันมันเยี่ยมไปเลยใช่มั้ยวะเพื่อน ^_^” ฌอนแสร้งยิ้มหวานและมันก็ทำให้ผู้ชายตัวสูงข้างๆ ฉันเริ่มกำหมัดแน่นเตรียมที่จะปล่อยมันออกไปใส่หน้าคนหัวสีชมพูอีกครั้ง
“พอเถอะโมะ! อย่า เอาตัวเองลงไปเกลือกกลั้ว กับคนจิตใจสกปรกอีกเลย” ฉันรั้งแขนของโทโมะเอาไว้ และนี่ก็ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกด้วยที่ฉันเรียกชื่อเล่นแบบย่อของเขา ว่า โมะ
“อืม” คำตอบสั้นๆ ถูกเอ่ยออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อฟังฉันง่ายกว่าที่คิด! นี่ฉันหูฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย o.O
“อย่างเธอก็ดีแต่ว่าคนอื่น! ไม่ดูตัวเองเลยนะว่าจิตใจก็สกปรกไม่ต่างกับพวกฉันสักเท่าไหร่ เหอะ!” พิมโวยวาย แต่คิดเหรอว่าฉันจะหลงโมโหง่ายๆ น่ะ ฝันไปเถอะย่ะ!
มีสติไว้ลูก แก้วใจ ^O^
“อ๋อเหรอคะ นี่แสดงว่ายอมรับสินะว่าจิตใจตัวเองสกปรกน่ะ แต่ขอโทษทีนะ บังเอิญว่าฉันทำไปเพราะอยากให้คนที่จิตใจสกปรกกว่า มาก! มันพ่ายแพ้ไป ”
“เธอทำเพราะเธอเป็นคนดีต่างหากล่ะ ฉันน่าจะเชื่อเธอตั้งแต่แรก” โทโมะพูดขึ้นลอยๆ
เมื่อกี้เขาชมฉันใช่มั้ย?
เขาบอกว่าฉันเป็นคนดีอย่างนั้นเหรอ?
โอ้ยๆๆ ทำไมความร้อนที่หน้ามันถึงได้พุ่งขึ้นแรงอย่างนี้ล่ะเนี่ย แล้วอะไรคือการที่หัวใจฉันต้องมาเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะแบบนี้! -///-
“จริงสิ…ขอโทษด้วยนะที่ผมไม่ได้เสียใจมากอย่างที่พิมคิด ผมสงสัยมาตลอดนั่นแหละว่ามี่คบกับผู้ชายคนอื่นอยู่ แต่แค่สงสัยผิดคนไปนิดหน่อย…หวัง ว่าเราคงไม่เจอกันอีกนะครับ”โทโมะพูดเสียงหวานกับพิมอย่างที่เคยพูดก่อนจะยิ้มกว้างเป็นครั้งสุด ท้ายให้คนชั่วสองคนแล้วเดินออกจากห้องนี้ไป เมื่อฉันนึกอะไรขึ้นมาได้ก่อนจะตามเขากลับออกไปก็รีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาทันที
“รูปนี้ฉันขอนะ จะเอาไปเป็นที่ระทึก!>_<”
“กรี๊ดดด!!!” เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ฉันก็รีบก้าวฉับๆ ตามคนร่างสูงที่เดินนำออกมาก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงแปดหลอดของยัยพม่าหน้าขาวดังตามออกมา บรึ๋ย~ เสียงยัยนี่มันทำให้ขี้หูตื่นตัวจริงๆ นะไม่ใช่เล่นๆ
ตอนนี้ฉันกับโทโมะเข้ามาอยู่ในรถแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่เจ้าของรถก็ยังคงนั่งเอามือจับพวงมาลัยรถนิ่งไม่ยอมสตาร์ทรถ เขาทำเพียงแค่ให้น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาช้าๆ อาบแก้ม
ใช่แล้ว! เขาร้องไห้
“นาย โอเคนะ” ฉันเอ่ยถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองขึ้นมาแล้วเอื้อมมือไปซับน้ำตาให้เขา รวมทั้งเลือดที่มุมปากแล้วก็หางคิ้วที่ไหลเยอะกว่าบริเวณอื่นด้วย
“อืม…ขอบ ใจนะ เดี๋ยวผ้านี่จะเอาไปซักให้” เขาดึงผ้าออกจากมือฉันไปจัดการเช็ดด้วยตัวเองโดยไม่หันมามองหน้าฉันสักนิด ก่อนจะเก็บผ้าใส่ยัดใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเองเอาไว้
“อืมได้ยังไง ก็เห็นกันอยู่ว่านายร้องไห้ -0-” ให้ตายเหอะ ฉันไม่อยากเห็นเขาอ่อนแอแบบนี้เลย
“เห็นแล้วถามทำไม”
“ก็ฉันเป็นห่วงนายนี่ นายจะไปเสียน้ำตาให้คนพวกนั้นทำไม”
“มันก็ต้องมีเสียใจกันบ้าง โชคดีที่ฉันทำใจไว้อยู่แล้ว…ช่างเถอะ! ว่าแต่เธอเมื่อกี้เธอว่าไงนะ” เขาปาดน้ำตาอย่างลวกๆ ก่อนจะหันหน้ามาแล้วเอียงคอถาม ฉันหันไปสบตากับเขาพร้อมกับพยายามคิดว่าเมื่อกี้ตัวเองเผลอพูดอะไรไม่ดีออก ไปหรือเปล่า
“ก็บอกว่านายจะไปเสียน้ำตาให้คนพวกนั้นทำไม”
“ก่อนหน้านั้นล่ะ”
“บอกว่าฉันเป็น…เอ่อ รีบไปกันเถอะ! ฉันเริ่มหิวข้าวจริงๆ ขึ้นมาแล้วล่ะ -///-” ฉันรีบหันหน้าหนีไปมองบรรยากาศนอกตัวรถทันที เมื่อกี้ฉันเห็นนะว่าโทโมะอมยิ้มด้วย!
“อยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวเบ๊เลี้ยงเอง” เขาพูดติดตลกจนฉันต้องหันขวับกลับไปอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง พูดทีเล่นทีจริงแบบนี้ดูไม่ค่อยน่าเชื่อเลยแฮะ
“นายพูดจริงๆ น่ะเหรอ o.O”
“อืม” ให้ตายเหอะ ฉันเคยบอกหรือยังว่าโคตรเกลียดคำว่า อืม ของเขาเลย
“เมื่อไหร่นายจะเลิกพูด อืม สักที ฉันไม่ชอบเลยอะ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็มันดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะคุยสักเท่าไหร่ หรือไม่ก็รำคาญ” ฉันบ่นอุบก่อนจะทำหน้ามู่แก้มป่องจนโทโมะส่ายหน้าไปมา
“คิดได้ไงเนี่ย อืม สำหรับฉันมันแปลว่า เข้าใจแล้ว หรือ ใช่ อะไรทำนองนั้น”
“แต่…”
“ตกลงว่าอยากกินอะไร”
“ก่อนจะกิน นายไปให้หมอทำแผลก่อนดีกว่ามั้ย”
“ไม่เป็นไร กินเสร็จค่อยไปให้เธอทำให้ก็ได้ โทษฐานที่พาฉันมาเจ็บตัว ^^”
“วะ ว่าไงนะ -_-^”
“คิดได้หรือยังว่าจะกินอะไร หืม?” เปลี่ยนเรื่องจนได้ ชิ!
“แล้วนายแน่ใจเหรอว่าจะเลี้ยงเห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ฉันกินเก่งนะ จะเลี้ยงฉันไหวเหรอ”
“มีเธออีกสิบคนก็เลี้ยงไหว”
“จะบ้าหรือไง! จะมีฉันอีกสิบคนได้ยังไง มีหวังฉันตบยัยพวกก็อปปี้นั่นตายคามือแน่ๆ เรื่องอะไรจะยอมให้มาโคลนนิ่งเหมือนฉันล่ะฮะ!-0-”
“ฉันแค่พูดเฉยๆ ขี้โวยวายจริงๆ เลยยัยบ้า -_-^ ตกลงจะกินอะไรฮะ! ฉันถามเธอหลายรอบแล้วนะ” ตกลงว่าฉันหิวหรือเขาหิวกันแน่เนี่ย เริ่มจะงงๆ แล้วแฮะ
“ฉันอยากกินบุพเฟ่ต์สุกี้ >O<”
“อืม” เขาตอบรับสั้นๆ พร้อมกับพยักหน้าลง ให้ตายเถอะ สุดท้ายก็ยังตอบอืมเหมือนเดิม -_-^
ไม่นานนักรถเต่าสีเหลืองนมก็เคลื่อนตัวออกมาจากหอพักชื่นใจสบายอุราที่มันไม่ ได้ทำให้ชื่นใจเหมือนชื่อสักเท่าไหร่ แต่ในเรื่องไม่ดีก็มีเรื่องดีอยู่ล่ะนะ แล้วมันก็ดีมากๆ ด้วยที่โทโมะรู้ความจริงสักที ^O^ ระหว่างทางถึงเราสองคนจะไม่ได้พูดอะไรกัน แต่ฉันก็เหลือบมองคนข้างๆ เป็นระยะๆ แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาเริ่มเข้าสู่โหมดดราม่าอีกแล้ว หน้าตาไม่สดชื่นเหมือนคนกำลังจะตายแบบนั้นมันอะไรกัน TOT
ฉันไม่ชอบให้เขาเป็นแบบนี้เลยแฮะ
ภารกิจมือที่สามเสร็จสิ้น ต่อไปก็เหลือแค่ทำให้โทโมะเลิกเศร้าแล้วยอมมาเป็นแฟนฉันให้ได้!
ฮึ่ม! เดี๋ยวรู้เลย!
อัพแล้วน๊าเม้นโหวตกันหน่อยเนาะ เม้นเยอะอัพไว
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ