Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ

9.4

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.

  21 chapter
  861 วิจารณ์
  31.12K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

18) เขาไม่ใช่ผู้ชายคนอื่น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 17 เขาไม่ใช่ผู้ชายคนอื่น

 

 

 

            “นึกว่านายจะมาไม่ถูกซะแล้ว ปล่อยให้ฉันรอตั้งนาน! -0-” ฉันโวยวายทันทีที่เห็นกระจกประตูด้านข้างคนขับของโฟล์คเต่าสีเหลืองละมุนที่กำลังค่อยๆ เลื่อนลงเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของโทโมะ

 

 

 

            เฮอะ! แล้วทำมาเป็นบอกว่ารู้จัก นี่ปล่อยให้ฉันยืนรอเป็นครึ่งชั่วโมงเลย ฉันว่าเขาต้องเสียเวลาไปกับการหลงทางแน่ๆ

 

 

 

            “ฉันบอกว่ารู้จัก ก็ต้องมาถูกสิ นี่มันหอที่พิมพักอยู่นะ…”

 

 

 

            หอยัยพม่าอย่างนั้นเหรอ? เป็นอย่างที่ฉันสงสัยไม่มีผิด ก็หญิงร้ายชายชั่วมีกันอยู่สองคนหอนี้ก็ต้องเป็นที่ซุกหัวนอนของใครสักคน นั่นแหละ!>_<

 

 

 

            “แล้วทำไมถึงนานแบบนี้ล่ะ ฉันบอกไปแล้วว่าง่วงนอน แทนที่นายจะรีบๆ มา Y^Y” ฉันแกล้งทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด ทั้งๆ ที่ความจริงในหัวกำลังคิดประโยคที่จะพูดกับเขาเกี่ยวกับความจริงอันเลวร้าย

 

 

 

            “ไหนว่าหิวข้าวไง -_-^” ตายล่ะ! ลืมไปสนิทเลยว่าโกหกอะไรเอาไว้

 

 

 

            “ก็นั่นแหละ! ตอนแรกก็หิวข้าว พอต้องมารอนานๆ ก็เลยง่วงนอนไง” แถไปอีกจนได้สิน่า หวังว่าเขาคงไม่เซ้าซี้อะไรมากนะ ฉันขี้เกียจจะโกหก เฮ้อ

 

 

 

            “ถ้าอย่างนั้นรีบขึ้นรถมาเร็วๆ เข้า” โทโมะนิ่วหน้าเล็กน้อย ฉันเห็นว่าเขาแอบถอนหายใจด้วยล่ะ!

 

 

 

            “นายไม่คิดจะเปิดประตูให้ฉันหน่อยเหรอ”

 

 

 

            “ปลดล็อกให้แล้วไง ขึ้นมาสิ -_-^” นี่เขาแกล้งกวนประสาทฉันหรือว่าไม่เข้าใจความหมายของคำว่า เปิดประตู กันแน่ ให้ตายเถอะ! ฉันล่ะเพลียจริงๆ เลย

 

 

 

            “^_^”

 

 

 

            ปั้ง!

 

 

 

            ฉันแสร้งยิ้มหวานก่อนจะจำใจเปิดประตูรถออกแล้วพาตัวเองเข้ามานั่งด้านในประจำ ที่นั่งข้างคนขับก่อนจะปิดประตูอย่างแรงโดยไม่เกรงใจเจ้าของรถที่นั่งอยู่ ข้างๆ แม้แต่น้อย

 

 

 

            “ไม่ทำให้พังไปเลยล่ะ” นั่นคือคำประชดของโทโมะค่ะ

 

 

 

            “ถ้านายต้องการก็ได้นะ…” ฉันทำหน้ามึนๆ แล้วทำท่าจะเปิดประตูเพื่อจะได้ปิดอีกครั้ง แต่ก็ต้องชะงักมือเพราะโทโมะเอี้ยวตัวผ่านหน้าฉันไปแล้วกระชากมือของฉัน ออกจากที่จับประตูรถได้อย่างทันท่วงที

 

 

 

            “หึๆ”โทโมะหัวเราะอย่างเป็นต่อก่อนที่เขาจะค่อยๆ หันหน้ามาเยาะเย้ยฉันที่ทำลายทรัพย์สินของเขาไม่สำเร็จ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาเสียดายอะไรหรอกเพราะตอนนี้ใบหน้าของเราสองคนอยู่ ใกล้กันมาก!

 

 

 

            ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!

 

 

 

            หัวใจของฉันเต้นแรงและเร็วผิดปกติจนน่าตกใจ ร่างกายดูเหมือนจะแข็งทื่อชั่วขณะเพียงเพราะสบตากับผู้ชายตรงหน้า

 

 

 

            แม่เจ้า! ดวงตาคมกริบของเขามีเสน่ห์เหลือเกิน! O_O

 

 

 

            “มอง อะไร” ริมฝีปากหยักลึกเอ่ยน้ำเสียงแข็งๆ ออกมาทำให้ฉันกลืนน้ำลายลงคอทันทีก่อนจะกระพริบตาปริบๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา แล้วก็ดูเหมือนว่าโทโมะจะรู้ตัวแล้วนะว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ “เอ่อ…โทษที”

 

 

 

            โทโมะเอ่ยเสียงเบาก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้พร้อมกับชักมือของตัวเองที่จับมือฉันอยู่กลับไปแล้วนั่งตัวตรงบนที่นั่งของตัวเองตามเดิม

 

 

 

            “-///-”

 

 

 

            “อยากกินอะไรล่ะ” คนข้างๆ ถามขึ้นทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขาอย่างพิจารณาถึงเหตุการณ์ชวนตื่นเต้นใจสั่น เมื่อกี้จนเกือบจะทำให้ฉันลืมประเด็นสำคัญของวันนี้ไป…

 

 

 

            “ฉัน…อยากให้นายเลี้ยวรถเข้าไปในนั้น!” ฉันหลับหูหลับตาบอกพร้อมกับชี้นิ้วเข้าไปด้านในหอ แล้วนั่นก็ทำให้คนฟังหัวเราะพรืดออกมาทันที

 

 

 

            “ฮ่าๆๆ จะบ้าเหรอ นี่อย่าบอกนะว่าเธอแอบมาเช่าห้องไว้ แล้วจะล่อลวงฉันไปข่มขืนนะ”

 

 

 

            โอ้ย! ใช่ที่ไหนเล่า! ใช้อะไรคิดเนี่ย นี่มันเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนะเฮ้ย -0-

 

 

 

            “ฉันไม่คิดอัปมงคลอย่างนั้นหรอกน่า…นายต้องเข้าไปข้างในนั้นเพื่อรับรู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับ…” ฉันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก ก่อนจะสูดหายใจลึกๆ เข้าเต็มปอดแล้วเอ่ยคีย์เวิร์ดสำคัญออกมาในที่สุด “แฟนนาย”

 

 

 

            “…” ใบหน้าเปื้อนยิ้มปรับเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันทีที่ฉันพูดจบ บอกได้เลยว่าตอนนี้ฉันแอบกลัวว่าเขาจะไม่ยอมฟังที่ฉันพูดอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ต้องยอมรับความจริงหลังจากนี้!

 

 

 

            เพราะครั้งนี้ฉันมีหลักฐาน >_<

 

 

 

            “ความจริงอะไร” เขาถามเสียงเครียด แล้วฉันก็ไม่รอช้าที่จะพูดในสิ่งที่เห็นออกไป

 

 

 

            “แฟนนายแอบคบกับผู้ชายคนอื่น แล้ววันนี้ยัยนั่นก็พาผู้ชายคนนั้นมาที่นี่…” ฉันพูดด้วยเสียงหนักแน่น ก่อนจะเงียบไปเพราะเห็นแววตาสั่นไหวของคนฟัง

 

 

 

            “จะบอกว่าที่จริงแล้วเธอตั้งใจมาที่นี่เพราะตามพิมมาอย่างนั้นเหรอ”

 

 

 

            น้ำตาจะไหล นายฉลาดมากเลยโทโมะTT_TT

 

 

 

            “ก็ทำนองนั้น” ฉันยักไหล่ขึ้นก่อนจะเหลือบสายตาไปยังหอพักแล้วหันกลับมาหาโทโมะอีกครั้ง “นี่ ฟังนะ…”

 

 

 

            “ฉันผิดหวังในตัวเธอจริงๆ เลย เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวแบบนี้สักทีฮะ?” โทโมะขมวดคิ้วแน่น

 

 

 

            “ผิดหวังอะไร นายควรจะต้องดีใจนะที่ฉันเปิดโปงแฟนนายได้น่ะ!”

 

 

 

            “เปิดโปงอย่างนั้นเหรอ? บ้านฉันเรียกว่าการใส่ร้ายนะ เพราะเธอได้ยินที่ฉันบอกว่าพิมพักอยู่ที่นี่เมื่อกี้ เธอก็เลยกุเรื่องขึ้นมาอย่างนั้นสินะ คิดว่าฉันจะโง่หรือไง”

 

 

 

            เออ! นายมันโง่ โง่มาก -_-^

 

 

 

            “ตอนแรกฉันก็คิดว่านายจะฉลาดขึ้นมานะ แต่ฉันรู้แล้วว่าตัวเองคิดผิดถนัด! นายมันก็โง่จริงๆ นั่นแหละ ไอ้บ้าเอ๊ย!” อารมณ์เสียจริงๆ เลย นี่ฉันช่วยทำให้เขาฉลาดขึ้นนะ แต่ทำไมเขามองฉันแบบนั้นเล่า! ไม่สิ เขาไม่เคยมองฉันในแง่ดีเลยต่างหาก ที่ผ่านมาเขาก็มองฉันไม่ดีมาตลอด -*-

 

 

 

            “ถ้าว่าฉันแล้วเธอมีความสุขนักก็ว่าไป แต่ฉันไม่มีทางเชื่อเธอหรอกรู้ไว้ซะด้วย”

 

 

 

            “โทโมะ…นี่ฉันจริงจังนะ ฉันไม่ได้โกหกนาย ไม่ได้อยากจะว่านาย แต่นายต้องยอมรับความจริง!”

 

 

 

            “ฉันไม่…”

 

 

 

            “ฌอน! ชู้รักของแฟนนายก็คือฌอนยังไงล่ะ!”

 

 

 

            “พูดบ้าอะไรของเธอ” เขาทำหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

 

 

            “ฉันไหว้ก็ได้เอ้า! เชื่อฉันสักครั้งเถอะนะ เข้าไปข้างในนั้น ไปพิสูจน์ว่าจริงๆ แล้วฉันพูดจริงหรือเปล่า” ฉันยกมือขึ้นไหว้คนตรงหน้าอย่างช่วยไม่ได้

 

 

 

            ขอร้องล่ะ ได้โปรดเชื่อฉันเถอะ ฉันหวังดีกับนายจริงๆ นะไอ้บ้า! โฮกกก

 

 

 

            “…”โทโมะไม่ตอบอะไรเพียงแต่ส่ายหน้าไปมาเท่านั้นราวกับสติของเขาได้หลุดลอยออกไปแล้วอย่างนั้นแหละ

 

 

 

            “เธอเอาอะไรมาพูด มันจะเป็นไปได้ยังไง ไอ้ฌอนกับพิมจะแอบคบกันได้ยังไง!”

 

 

 

            “ฉัน จะรู้เหรอว่ามันไปคบกันได้ยังไง รู้แต่ว่าสองคนนั้นสวมเขาให้นายอยู่ก็แล้วกัน แล้วฉันก็ทนไม่ได้ที่เห็นนายต้องมาโดนหลอกอยู่แบบนี้!”

 

 

 

            “…”

 

 

 

            “เหอะ! นาย เองก็ไม่ได้ไว้ใจแฟนตัวเองร้อยเปอร์เซ็นหรอกจริงมั้ย นายสงสัยอยู่ไม่ใช่เหรอว่ายัยนั่นกับป๊อปปี้อาจจะมีอะไรปิดบังอยู่ ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วจะไม่ใช่ป๊อปปี้เพื่อนสนิทนาย แต่ยัยบ้านั่นก็หลอกนายอยู่จริงๆ ไม่ใช่หรือไง!”

 

 

 

            ฉันชักจะหมดความอดทนกับความโง่เง่าเต่าตุ่นของไอ้บ้านี่แล้วนะ คนเขาบอกเพราะเป็นห่วงกลัวว่าจะเสียใจมากกว่านี้ถ้ามารู้ทีหลัง ก็ดันหาว่าฉันมาใส่ร้ายเสียได้

 

 

 

            ฉลาดสักทีสิโว้ยยยย!

 

 

 

            “…” แล้วบรรยากาศในรถก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจหอบของฉันเท่านั้นเนื่องจากใช้พลังในการพูดเยอะไปหน่อย -.,- ก็มันน่าให้ขึ้นเสียงมั้ยล่ะ พูดอะไรไม่ฟังกันบ้างเลย เอะอะก็โกหก เอะอะก็ใส่ร้าย เกิดเป็นฉันนี่มันซวยจริงๆ  โดนมองว่าไม่ดีมาตั้งแต่ต้น!

 

 

 

            ลืมไปสนิท…ก็ฉันมันซวยตั้งแต่ต้นเรื่องนี่นา YOY

 

 

 

            ฉันมองโทโมะด้วยสายตาขุ่นเคืองแล้วก็เห็นว่าเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไปหาใครบางคน แล้วไม่นานฉันก็รู้ว่าเป็นใคร…

 

 

 

            “นึกว่าจะไม่รับโทรศัพท์ผมซะแล้ว พิมอยู่ไหนครับ…ไม่มีอะไรครับ ผมแค่คิดถึง…โอ เคครับ ผมวางสายก็ได้”โทโมะวางสายไปก่อนจะหันมามองหน้าฉันที่กำลังทำปากพูดเลียนแบบเขาเมื่อกี้ ก่อนจะทำท่าพะอืดพะอม เล่นเอาฉันรีบปรับสีหน้าเป็นจริงจังเหมือนเดิมแทบไม่ทัน

 

 

 

            “เขาไปเที่ยวกับเพื่อน” โทโมะเอ่ยเสียงเรียบ

 

 

 

            “นายเชื่ออย่างนั้นเหรอ”

 

 

 

            “ไม่รู้ แต่ถ้าเธอโกหก ฉันไม่ให้อภัยเธอแน่ๆ”โทโมะพูดก่อนจะออกรถแล้วเลี้ยวเข้ามาจอดในลานจอดรถของหอแล้วมันก็บังเอิญเป็นที่ว่างข้างๆ รถของคู่กรณี

 

 

 

 

            รถของฌอน!

 

 

 

 

            ไม่ผิดแน่ รถคันนี้ที่ฉันตามมา…

 

 

 

            “นั่นมันรถของไอ้หัวชมพูใช่หรือเปล่าน้า~” ฉันพูดขึ้นลอยๆ เมื่อเห็นว่าโทโมะหันไปเพ่งเล็งรถคันข้างๆ อย่างสนใจ

 

 

 

            ตุ้บ!

 

 

 

            “บ้าชิบ!” เขากำหมัดแล้วทุบไปที่พวงมาลัยรถด้วยอาการฉุนเฉียวก่อนที่จะรีบเปิดประตู แล้วลงไปจากรถทันทีจนฉันที่นั่งชูคออยู่ถึงกับต้องรีบกุลีกุจรตามลงมาแล้วก็ เห็นว่าโทโมะกำลังโทรศัพท์ไปหาใครบางคนอีกครั้งพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ที่ หน้าประตูกระจกบานใสของหอที่ต้องใช้คีย์การ์ดในการผ่านเข้าไป

 

 

 

            “แกอยู่หอหรือเปล่า…ดีเลย พี่อยู่ข้างล่าง ลงมารับพี่หน่อย”โทโมะตัดสายไปแล้วกำโทรศัพท์ในมือแน่นก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋ากางเกงไป เขาตวัดสายตาคมกริบมาที่ฉันแวบหนึ่งแล้วยกมือขึ้นมาขยี้หัวตัวเองอย่างไม่สบ อารมณ์นัก

 

 

 

            “เชื่อฉันแต่แรกก็จบ”

 

 

 

            ขวับ!

 

 

 

            “-_-+” สายตาพิฆาตของเขาถูกส่งมาที่ฉันอีกครั้ง แต่ฉันก็ไม่ได้กลัวเลย เพราะตอนนี้ฉันกำลังหัวเราะเยาะเย้ยยัยพิมอยู่ในใจต่างหากล่ะ! ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ผู้หญิงเน่าๆ อย่างเธอต้องไปจากชีวิตของโทโมะสักทีสินะ โฮะๆๆ

 

 

 

            กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนองนะคะ ฮ่าๆๆ >O<

 

 

 

            “ทำไมช้าจังวะ!”

 

 

 

           “นายใจร้อนเองต่างหาก ว่าแต่คนที่นายให้ลงมารับเป็นใครเหรอ”

 

 

 

           “รุ่นน้องที่คณะ” เขาตอบโดยไม่มองหน้าฉันแล้วไม่นานคนที่เขารอก็เดินออกมาเปิดประตูให้เราสองคนจนได้ เขาดูจะมีสีหน้ามึนๆ งงๆ เล็กน้อย แล้วก็ตาปรือเหมือนเพิ่งตื่นนอนด้วย

 

 

 

           “พี่โมะมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ” ชายร่างบางอย่างกับผู้หญิงถามขึ้นพลางเอามือลูบท้ายทอยด้วยความฉงน

 

 

 

           “ขอโทษที พี่ไม่ได้มีกับแกว่ะ ขอบใจที่ลงมาเปิดประตูให้นะ แล้วเจอกัน…” โทโมะพูดจบก็รีบก้าวขายาวๆ ของเขาเข้าไปด้านในตัวตึกทันทีอย่างไม่รอช้า

 

 

 

           “เรื่องมันยาว พรุ่งนี้เช้าก็เล่าไม่จบ ^O^” ฉันพูดทิ้งท้ายเอาไว้ให้รุ่นน้องของโทโมะงุนงงเข้าไป ใหญ่ก่อนจะขยิบตาให้เขาข้างหนึ่งแล้วรีบเดินตามคนใจร้อนไปยังลิฟต์ทันทีแล้วก็เกือบจะขึ้นไม่ทันเพราะประตูกำลังจะปิด

 

 

 

            ใจคอจะทิ้งฉันเอาไว้ข้างล่างใช่มั้ยฮะ! ไอ้หน้าหล่อใจร้าย -0-

 

 

 

            “นายนี่ใจร้อนกว่าที่ฉันคิดเอาไว้อีกนะ” ฉันพูดขึ้นลอยๆ ขณะที่สายตากำลังจับจ้องไปยังจอเล็กๆ เหนือประตูลิฟต์ที่ตัวเลขของชั้นกำลังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ หอพักนี้มีหลายชั้นน่าดู และดูจากสภาพแวดล้อมด้านนอกและด้านในแล้วน่าจะแพงหูฉี่ นี่ถ้าไม่ติดที่ว่ามีป้ายชื่อติดอยู่ข้างหน้าว่าเป็นหอพักล่ะก็นะ ฉันจะเข้าใจว่ามันเป็นคอนโดเลยล่ะ

 

 

 

            “…” ไร้การตอบรับใดๆ ทั้งสิ้นจากผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉัน เมื่อเห็นว่าเขาไม่อยากพูดฉันก็เลยเงียบบ้าง ทำให้บรรยากาศเริ่มมาคุกว่าเดิม

 

 

 

            หวังว่าวันนี้คงไม่มีใครตายนะ -_-^

 

 

 

            ติ๊ด!

 

 

 

            ในที่สุดลิฟต์ก็เคลื่อนตัวมายังชั้นที่หกและก่อนที่ประตูจะเปิดออกจนสุด โทโมะก็รีบพุ่งตัวออกไปอย่างไม่รอช้า

 

 

 

            ให้ตายเถอะ! จะรีบไปไล่ควายหรือไง?

 

 

 

            ฉันรีบเดินตามโทโมะมาแล้วก็เห็นว่าเขาหยุดลงตรงหน้าห้อง 609 ณ จุดๆ นี้ คงจะเป็นห้องใครไปไม่ได้นอกจากของยัยพม่าหน้าวอกนั่น โทโมะทำท่าเหมือนจะเคาะประตูเรียก แต่แล้วเขาก็ต้องชักมือกลับไปกำหมัดหลวมๆ อยู่ข้างลำตัว เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมทำอะไรสักทีฉันก็เริ่มใจร้อนขึ้นมาบ้าง และแล้วแผนบางอย่างก็ผุดขึ้นมาให้หัวราวกับฟ้าเป็นใจ!

 

 

 

            ก๊อกๆๆ!

 

 

 

            “ใครคะ!” เสียงยัยพม่า!

 

 

 

            “แม่บ้านค่ะ! มีจดหมายมาที่ห้องนี้ค่ะ” ฉันดัดเสียงหน่อยๆ แต่ก็ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก เจ้าของห้องเงียบไป แต่แล้วสักพักฉันก็ได้ยินเสียงแกร๊กของลูกบิดประตูดังขึ้นเบาๆ เป็นสัญญาณว่ามีคนมาเปิดประตูแล้ว! โชคดีที่ประตูห้องไม่มีตาแมวเลยไม่ต้องกลัวว่าคนในห้องจะเห็นว่าใครมากันแน่

 

 

 

            แอดดด~

 

 

 

            ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ทั้งคนเปิดและคนที่อยู่หน้าห้องก็มีสีหน้าไม่ต่างกันเท่าไหร่ ฉันเองไม่ได้ตกใจอะไรมาก แต่โทโมะนี่ตาแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว ไอ้หัวชมพูที่เป็นคนมาเปิดประตูเองก็เหมือนกัน!

 

 

 

            สภาพของเขาตอนนี้มันทำให้ฉันต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะเสื้อเชิ้ตของเขาไม่ ได้ติดกระดุมเลยสักเม็ดเดียวเผยให้เห็นแผงอกแล้วก็กล้ามหน้าท้องของเขาที่ดู ดูราวกับนายแบบ! แถมเสื้อยังยับยู่ยี่อีกด้วยนะ เอ๊ะ แล้วฉันจะมานั่งบรรยายสรรพคุณของไอ้บ้าฌอนทำไมเนี่ย

 

 

 

            เอาล่ะ! ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนในห้องกำลังเล่นผีผ้าห่มกันอยู่ -.,-

 

 

 

            “ไอ้ชั่ว!!!”

 

 

 

            ผลัวะ!!!

 

 

 

 

            โทโมะเป็นฝ่ายที่ตั้งสติได้ก่อนจึงรีบปล่อยหมัดหนักๆ เข้าไปยังใบหน้าที่หล่อไม่แพ้ตัวเองสักเท่าไหร่นัก คนหัวสีชมพูถึงกับเซถลากลับเข้าไปด้านในห้องแล้วคนเริ่มก่อนก็รีบตามเข้าไป อย่างไม่รอคำเชิญ

 

 

 

            “กรี๊ดดด!!!” พิมร้องลั่นห้องทันทีเมื่อเห็นคนที่ไม่ควรจะได้เจอตอนนี้ ฉันที่เดินตามเข้าไปในห้องอย่างสบายอารมณ์ซึ่งไม่เข้ากับสถานการณ์เลยยกยิ้ม มุมปากขึ้นอย่างผู้ชนะ ยัยพม่านั่งอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่ไม่ต่างจากฌอนเท่าไหร่นักแล้วหล่อนก็รีบ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้เมื่อเห็นว่าฉันเลื่อนสายตาลงไปจ้องที่ร่างเล็กใต้ร่มผ้าอย่างจงใจ

 

 

 

            หึ! จะมาอายตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะมั้ง

 

 

 

 

            “ไอ้โมะ!!!”

 

 

 

            ผลัวะ!!!

 

 

 

            ดูเหมือนว่าผู้ชายสองคนที่ชกต่อยกันอยู่จะไม่มีทีท่าว่าจะเลิกง่ายๆ เลย เสียงฌอนเอ่ยชื่อโทโมะ ด้วยความโกรธทำให้ฉันหันขวับไปแล้วก็เห็นว่าโทโมะโดนต่อยกลับเข้าไปเต็มๆ ถึงแม้ฌอนจะดูเพลี่ยงพล้ำอยู่มากแต่หมอนั่นก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน ผลจากการปล่อยหมัดใส่กันทำให้ใบหน้าของทั้งสองคนมีเลือดไหลซิบๆ ออกมาจากมุมปากและบริเวณอื่นๆ บนใบหน้า ทำยังไงดีนะ ถ้าฉันเข้าไปห้ามจะโดนเหวี่ยงออกมา หรือโดนลูกหลงหรือเปล่าเนี่ย

 

 

 

            ยังไงฉันก็เป็นผู้หญิงสิน่า TT_TT

 

 

 

            “กรี๊ดดด! ฌอน!” พิมส่งเสียงร้องอีกครั้งเมื่อฌอนถูกโทโมะจับโยนไปข้างเตียง และในตอนนี้เองที่ฉันได้เห็นน้ำตาของโทโมะอีกครั้ง เขากำลังโกรธจัดและก็กำลังเสียใจมากเช่นกัน ฉันไม่รู้ว่าเขาร้องไห้ตอนไหน แต่เขาหันไปมองแฟนสาวของตัวเองด้วยแววตาตัดพ้อ

 

 

 

            ทำไมกันนะ…ยิ่งฉันเห็นว่าเขาเสียใจกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเสียใจมากตามไปด้วยเท่านั้น…

 

 

 

            มันเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของฉันกันล่ะเนี่ย Y_Y

 

 

 

            ผลัวะ!!!

 

 

 

            ขณะ ที่โทโมะกำลังใช้หลังมือปาดเลือดจากหางคิ้วที่กำลังจะไหลเข้าตาอยู่นั้น ฌอนก็ถือโอกาสนี้ปล่อยหมัดเข้าไปที่ใบหน้าของโทโมะซ้ำรอยเก่า ฉันจึงรีบตัดสินใจเข้าไปห้ามทัพทันที

 

 

 

            “อย่าเข้ามานะโว้ย!!!>O<” ฉันใช้ตัวเองบังโทโมะเอาไว้พร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างออกอย่างคนที่พร้อมจะปกป้องเขา

 

 

 

            เอ่อ เดี๋ยวก่อนนะ…ปกป้องเขาอย่างนั้นเหรอ? ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ถ้าไอ้บ้าฌอนมันไม่เลวขนาดที่กล้าต่อยผู้หญิงอย่างฉันได้น่ะ! แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่แน่หรอก เพราะขนาดตอนที่เขาจะข่มขืนฉันเขายังเหวี่ยงฉันไปชนรถไม่กลัวว่าหลังฉันจะหักเลย TOT

 

 

 

            “หลบไปยัยบ้า!” โทโมะตวาดเสียงดังพร้อมกับเอื้อมมือมาที่หัวของฉันพร้อมกับออกแรงผลัก แต่ฉันก็ทำคอแข็ง หัวแข็ง แล้วก็ตัวแข็งเอาไว้ ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะ ฉันเองก็สไลด์ออกไปด้านข้างตามแรงของโทโมะอยู่เหมือนกัน TOT

 

 

 

            “ฌอน! นายไม่เป็นอะไรนะ” พิมที่อาศัยช่วงชุลมุนติดกระดุมจนเสร็จเรียบร้อยแล้วรีบก้าวลงจากเตียงเพื่อมาดูอาการของฌอนด้วยความเป็นห่วง

 

 

 

            เป็นห่วงอย่างนั้นเหรอ? คำนี้มันต้องใช้กับโทโมะไม่ใช่หรือไง!

 

 

 

            “เป็นห่วงกันจังเลยนะ หึ!” โทโมะพูดเสียงลอดไรฟันแล้วเค้นหัวเราะออกมา

 

 

 

            “ก็แน่ล่ะ…ฉันเคยบอกแกแล้วไม่ใช่เหรอวะ ว่าแกน่ะมันโง่!” ฌอนพูดเยาะเย้ยแล้วยกยิ้มอย่างเป็นต่อ

 

 

 

            “ใช่ ฉันมันโง่ โง่เองที่หลงไว้ใจผู้หญิงคนนี้!...ถ้าเธอรักมันทำไมเธอไม่เลิกกับฉันไปซะ!” โทโมะพูดด้วยท่าทีเกรี้ยวกราดใส่ฌอนก่อนที่จะหันไปถามผู้หญิงแพศยาหน้าขาวที่ยืนประคองอยู่ข้างๆ

 

 

 

            “ฉันก็กำลังจะบอกกับนายอยู่เหมือนกันนั่นแหละ ว่าเรา…”

 

 

 

            “เลิกกัน! เรา เลิก กัน” โทโมะเป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นก่อน ฉันถึงกับหลุดยิ้มออกมาทันทีที่ยัยพม่าหน้าเสียไปกับคำพูดนั่น “ฉันรู้ว่าฉันมันโง่ แต่ก็เสียใจด้วยนะที่ฉันเป็นฝ่ายบอกเลิกเธอก่อน ”

 

 

 

            กรี๊ดดด! ฉันล่ะสะใจจริงเลย ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกดีใจและตื้นตันออกมาเป็นคำพูดยังไง ฉันเองยังนึกไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าเขาจะเป็นคนบอกเลิกก่อนแบบนี้ เวลานายตาสว่างขึ้นมา แล้วดูหล่อขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียวเชียว! ^O^

 

 

 

            “คิดว่านายเป็นคนบอกเลิก แล้วฉันจะเสียใจหรือไง” พิมเชิดหน้าถาม

 

 

 

            “ไม่คิด คนอย่างเธอคงไม่มีความคิด ความรู้สึกหรือสำนึกอะไรอีกแล้ว ตั้งแต่ที่เธอแอบคบกับผู้ชายคนอื่น!” เจ็บไปดิ! นายนี่มันปากร้ายได้ใจฉันจริงๆ เลยนะโทโมะ นึกว่าจะร้ายเป็นแต่กับฉันซะแล้ว -0-

 

 

 

            “นายคิดผิดแล้วล่ะ! ฌอนน่ะ เขาไม่ใช่ผู้ชายคนอื่น แต่เป็นนายต่างหาก!”

 

 

 

            “ว่าไงนะ?” ฉันกับโทโมะร้องเสียงหลงออกมาพร้อมกับกับเรื่องที่ไม่น่าเชื่อแบบนี้

 

 

 

            “แกมันโง่จริงๆ เลยว่ะไอ้โมะ ฮ่าๆๆๆ!” ฌอนหัวเราะอย่างสะใจ ก่อนที่พิมจะเริ่มพูดต่อจากสิ่งที่เจ้าตัวเปิดประเด็นชวนสงสัยทิ้งเอาไว้

 

 

 

            “ความจริงแล้วแฟนตัวจริงของฉันก็คือฌอนยังไงล่ะ! เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ฉันรักมาตลอด ไม่ใช่นาย ส่วนนายมันก็แค่ของเล่นชั่วคราวที่แฟนของฉันหามาให้ก็แค่นั้น ” บ้าที่สุด! นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย

 

 

 

            “ไม่จริง…” โทโมะส่ายหน้าไปมาช้าๆ

 

 

 

            “มันคือเรื่องจริง! ฌอน แค่ให้ฉันเข้าไปทำให้ชีวิตนายมีสีสันขึ้นกว่าเดิม แล้วสุดท้ายก็ทำให้นายต้องขมขื่นกับสีสันจอมปลอมที่ฉันสร้างขึ้น ทีนี้เข้าใจหรือยังว่านายเป็นคนอื่นของฉันยังไง!”

 

 

 

            “…” คนโดนหลอกถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก ไม่แปลกหรอก ฉันไม่ได้โดนเองยังอึ้งไม่แพ้เขาเลย

 

 

 

            “การทำให้นายรักแล้วก็หักอกที่มันง่ายกว่าที่ฉันคิดนะ แล้วแน่นอนว่าฉันทำมันสำเร็จ” พิมพูดอย่างโอ้อวดตัวเอง แต่ฉันกลับมองว่ามันน่าสมเพชมากกว่า! เลวกว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่มีอีกแล้ว

 

 

 

            “เป็นยังไงล่ะ แผนการของฉันมันเยี่ยมไปเลยใช่มั้ยวะเพื่อน ^_^” ฌอนแสร้งยิ้มหวานและมันก็ทำให้ผู้ชายตัวสูงข้างๆ ฉันเริ่มกำหมัดแน่นเตรียมที่จะปล่อยมันออกไปใส่หน้าคนหัวสีชมพูอีกครั้ง

 

 

 

            “พอเถอะโมะ! อย่า เอาตัวเองลงไปเกลือกกลั้ว กับคนจิตใจสกปรกอีกเลย” ฉันรั้งแขนของโทโมะเอาไว้ และนี่ก็ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกด้วยที่ฉันเรียกชื่อเล่นแบบย่อของเขา ว่า โมะ

 

 

 

            “อืม” คำตอบสั้นๆ ถูกเอ่ยออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อฟังฉันง่ายกว่าที่คิด! นี่ฉันหูฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย o.O

 

 

 

            “อย่างเธอก็ดีแต่ว่าคนอื่น! ไม่ดูตัวเองเลยนะว่าจิตใจก็สกปรกไม่ต่างกับพวกฉันสักเท่าไหร่ เหอะ!” พิมโวยวาย แต่คิดเหรอว่าฉันจะหลงโมโหง่ายๆ น่ะ ฝันไปเถอะย่ะ!

 

 

 

            มีสติไว้ลูก แก้วใจ ^O^

 

 

 

            “อ๋อเหรอคะ นี่แสดงว่ายอมรับสินะว่าจิตใจตัวเองสกปรกน่ะ แต่ขอโทษทีนะ บังเอิญว่าฉันทำไปเพราะอยากให้คนที่จิตใจสกปรกกว่า มาก! มันพ่ายแพ้ไป ”

 

 

 

            “เธอทำเพราะเธอเป็นคนดีต่างหากล่ะ ฉันน่าจะเชื่อเธอตั้งแต่แรก” โทโมะพูดขึ้นลอยๆ

 

 

 

            เมื่อกี้เขาชมฉันใช่มั้ย?

 

 

 

            เขาบอกว่าฉันเป็นคนดีอย่างนั้นเหรอ?

 

 

 

            โอ้ยๆๆ ทำไมความร้อนที่หน้ามันถึงได้พุ่งขึ้นแรงอย่างนี้ล่ะเนี่ย แล้วอะไรคือการที่หัวใจฉันต้องมาเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะแบบนี้! -///-

 

 

 

            “จริงสิ…ขอโทษด้วยนะที่ผมไม่ได้เสียใจมากอย่างที่พิมคิด ผมสงสัยมาตลอดนั่นแหละว่ามี่คบกับผู้ชายคนอื่นอยู่ แต่แค่สงสัยผิดคนไปนิดหน่อย…หวัง ว่าเราคงไม่เจอกันอีกนะครับ”โทโมะพูดเสียงหวานกับพิมอย่างที่เคยพูดก่อนจะยิ้มกว้างเป็นครั้งสุด ท้ายให้คนชั่วสองคนแล้วเดินออกจากห้องนี้ไป เมื่อฉันนึกอะไรขึ้นมาได้ก่อนจะตามเขากลับออกไปก็รีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาทันที

 

 

 

            “รูปนี้ฉันขอนะ จะเอาไปเป็นที่ระทึก!>_<”

 

 

 

            “กรี๊ดดด!!!” เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ฉันก็รีบก้าวฉับๆ ตามคนร่างสูงที่เดินนำออกมาก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงแปดหลอดของยัยพม่าหน้าขาวดังตามออกมา บรึ๋ย~ เสียงยัยนี่มันทำให้ขี้หูตื่นตัวจริงๆ นะไม่ใช่เล่นๆ

 

 

 

            ตอนนี้ฉันกับโทโมะเข้ามาอยู่ในรถแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่เจ้าของรถก็ยังคงนั่งเอามือจับพวงมาลัยรถนิ่งไม่ยอมสตาร์ทรถ เขาทำเพียงแค่ให้น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาช้าๆ อาบแก้ม

 

 

 

            ใช่แล้ว! เขาร้องไห้

 

 

 

            “นาย โอเคนะ” ฉันเอ่ยถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองขึ้นมาแล้วเอื้อมมือไปซับน้ำตาให้เขา รวมทั้งเลือดที่มุมปากแล้วก็หางคิ้วที่ไหลเยอะกว่าบริเวณอื่นด้วย

 

 

 

            “อืม…ขอบ ใจนะ เดี๋ยวผ้านี่จะเอาไปซักให้” เขาดึงผ้าออกจากมือฉันไปจัดการเช็ดด้วยตัวเองโดยไม่หันมามองหน้าฉันสักนิด ก่อนจะเก็บผ้าใส่ยัดใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเองเอาไว้

 

 

 

            “อืมได้ยังไง ก็เห็นกันอยู่ว่านายร้องไห้ -0-” ให้ตายเหอะ ฉันไม่อยากเห็นเขาอ่อนแอแบบนี้เลย

 

 

 

            “เห็นแล้วถามทำไม”

 

 

 

            “ก็ฉันเป็นห่วงนายนี่ นายจะไปเสียน้ำตาให้คนพวกนั้นทำไม”

 

 

 

            “มันก็ต้องมีเสียใจกันบ้าง โชคดีที่ฉันทำใจไว้อยู่แล้ว…ช่างเถอะ! ว่าแต่เธอเมื่อกี้เธอว่าไงนะ” เขาปาดน้ำตาอย่างลวกๆ ก่อนจะหันหน้ามาแล้วเอียงคอถาม ฉันหันไปสบตากับเขาพร้อมกับพยายามคิดว่าเมื่อกี้ตัวเองเผลอพูดอะไรไม่ดีออก ไปหรือเปล่า

 

 

 

            “ก็บอกว่านายจะไปเสียน้ำตาให้คนพวกนั้นทำไม”

 

 

 

            “ก่อนหน้านั้นล่ะ”

 

 

 

            “บอกว่าฉันเป็น…เอ่อ รีบไปกันเถอะ! ฉันเริ่มหิวข้าวจริงๆ ขึ้นมาแล้วล่ะ -///-” ฉันรีบหันหน้าหนีไปมองบรรยากาศนอกตัวรถทันที เมื่อกี้ฉันเห็นนะว่าโทโมะอมยิ้มด้วย!

 

 

 

            “อยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวเบ๊เลี้ยงเอง” เขาพูดติดตลกจนฉันต้องหันขวับกลับไปอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง พูดทีเล่นทีจริงแบบนี้ดูไม่ค่อยน่าเชื่อเลยแฮะ

 

 

 

            “นายพูดจริงๆ น่ะเหรอ o.O”

 

 

 

            “อืม” ให้ตายเหอะ ฉันเคยบอกหรือยังว่าโคตรเกลียดคำว่า อืม ของเขาเลย

 

 

 

            “เมื่อไหร่นายจะเลิกพูด อืม สักที ฉันไม่ชอบเลยอะ”

 

 

 

            “ทำไมล่ะ”

 

 

 

            “ก็มันดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะคุยสักเท่าไหร่ หรือไม่ก็รำคาญ” ฉันบ่นอุบก่อนจะทำหน้ามู่แก้มป่องจนโทโมะส่ายหน้าไปมา

 

 

 

            “คิดได้ไงเนี่ย อืม สำหรับฉันมันแปลว่า เข้าใจแล้ว หรือ ใช่ อะไรทำนองนั้น”

 

 

 

            “แต่…”

 

 

 

            “ตกลงว่าอยากกินอะไร”

 

 

 

            “ก่อนจะกิน นายไปให้หมอทำแผลก่อนดีกว่ามั้ย”

 

 

 

            “ไม่เป็นไร กินเสร็จค่อยไปให้เธอทำให้ก็ได้ โทษฐานที่พาฉันมาเจ็บตัว ^^”

 

 

 

            “วะ ว่าไงนะ -_-^”

 

 

 

            “คิดได้หรือยังว่าจะกินอะไร หืม?” เปลี่ยนเรื่องจนได้ ชิ!

 

 

 

            “แล้วนายแน่ใจเหรอว่าจะเลี้ยงเห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ฉันกินเก่งนะ จะเลี้ยงฉันไหวเหรอ”

 

 

 

            “มีเธออีกสิบคนก็เลี้ยงไหว”

 

 

 

            “จะบ้าหรือไง! จะมีฉันอีกสิบคนได้ยังไง มีหวังฉันตบยัยพวกก็อปปี้นั่นตายคามือแน่ๆ เรื่องอะไรจะยอมให้มาโคลนนิ่งเหมือนฉันล่ะฮะ!-0-”

 

 

 

            “ฉันแค่พูดเฉยๆ ขี้โวยวายจริงๆ เลยยัยบ้า -_-^ ตกลงจะกินอะไรฮะ! ฉันถามเธอหลายรอบแล้วนะ” ตกลงว่าฉันหิวหรือเขาหิวกันแน่เนี่ย เริ่มจะงงๆ แล้วแฮะ

 

 

 

            “ฉันอยากกินบุพเฟ่ต์สุกี้ >O<”

 

 

 

            “อืม” เขาตอบรับสั้นๆ พร้อมกับพยักหน้าลง ให้ตายเถอะ สุดท้ายก็ยังตอบอืมเหมือนเดิม -_-^

 

 

 

            ไม่นานนักรถเต่าสีเหลืองนมก็เคลื่อนตัวออกมาจากหอพักชื่นใจสบายอุราที่มันไม่ ได้ทำให้ชื่นใจเหมือนชื่อสักเท่าไหร่ แต่ในเรื่องไม่ดีก็มีเรื่องดีอยู่ล่ะนะ แล้วมันก็ดีมากๆ ด้วยที่โทโมะรู้ความจริงสักที ^O^ ระหว่างทางถึงเราสองคนจะไม่ได้พูดอะไรกัน แต่ฉันก็เหลือบมองคนข้างๆ เป็นระยะๆ แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาเริ่มเข้าสู่โหมดดราม่าอีกแล้ว หน้าตาไม่สดชื่นเหมือนคนกำลังจะตายแบบนั้นมันอะไรกัน TOT

 

 

 

            ฉันไม่ชอบให้เขาเป็นแบบนี้เลยแฮะ

 

 

 

            ภารกิจมือที่สามเสร็จสิ้น ต่อไปก็เหลือแค่ทำให้โทโมะเลิกเศร้าแล้วยอมมาเป็นแฟนฉันให้ได้!

 

 

 

            ฮึ่ม! เดี๋ยวรู้เลย! 

 

 

อัพแล้วน๊าเม้นโหวตกันหน่อยเนาะ เม้นเยอะอัพไว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา