Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ

9.4

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.

  21 chapter
  861 วิจารณ์
  31.83K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

20) เลิกคิดถึงเขาเอาเท่าไหร่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 19 เลิกคิดถึงเขาเอาเท่าไหร่

 

Kaewjai talking

 

 

          “นาย/เธอ”

 

 

 

          “เธอ พูดก่อนสิ” โทโมะบอกด้วยเสียงนิ่งๆ พร้อมกับมองไปทางอื่นหลังจากที่เมื่อกี้เราสองคนบังเอิญหันมาสบตากันแล้ว กำลังจะพูดอะไรบางอย่างพร้อมกันพอดี

 

 

 

          “นาย นั่นแหละพูดก่อน” ฉันบอกขณะที่ในใจกำลังเต้นตึกตักไม่ต่างจากเหตุการณ์ชวนฝันเมื่อสักครู่นี้ เลย ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพี่ขนมเข่งไม่ออกมาจากห้องครัวเข้าเสียก่อนมันจะเกิด อะไรขึ้น -///-

 

 

 

          “ฉันบอกให้เธอพูดก่อนก็พูดไปสิ -*-”

 

 

 

          ทำไมต้องทำเสียงหงุดหงิดด้วยนะ!

 

 

 

          “เออๆ คือ…คืนนี้ถ้าฝนไม่หยุดตก นายนอนที่นี่ก็ได้นะ -///-”

 

 

 

          “จะบ้าเหรอ! นอนกับเธอเนี่ยนะ -_-^” ไปกันใหญ่แล้ว ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียดจริงๆ เลย เสียดายที่เกิดมาหล่อ -.,-

 

 

 

          “นายนั่นแหละจะบ้าเหรอ ฉันบอกว่านอนที่นี่ไม่ได้หมายความว่านอนกับฉันสักหน่อย ห้องพี่เข่งก็มี ไปนอนกับเขาก็ได้นี่ -3-”

 

 

 

          “ฉันกลับบ้านดีกว่า เกรงใจ”

 

 

 

          “แล้วถ้าฝนมันตกหนักอย่างนี้ทั้งคืนล่ะนายจะทำยังไง มันอันตรายนะถ้าจะกลับน่ะ”

 

 

 

          “เป็นห่วง?”

 

 

 

          “เออ!-0-” รู้ตัวแล้วก็ยังจะทำตัวให้เป็นห่วงนะ มันน่าต่อยให้คว่ำสักทีสองที

 

 

 

          “ตกลง ว่าเธอชอบฉันเหรอ ฮะ?”โทโมะหรี่ตาลงอย่างจับผิดพร้อมกับชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นแต่ก็น้อย ว่าตอนแรกล่ะน่ะ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ! เขาก็ทำให้ความร้อนที่ใบหน้าของฉันพุ่งขึ้นมาแบบกู่ไม่กลับอีกแล้ว -///-

 

 

 

          ฉันชอบเขาหรือเปล่านะ…

 

 

 

          ไม่หรอก คงไม่ใช่ ฉันแค่รู้สึกดีเฉยๆ ก็เท่านั้นแหละ U.U

 

 

 

          “พี่เข่งงง~ มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า >_<” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มบีบบังคับ ฉันจึงเบี่ยงเบนประเด็นโดยการเลิกคุยกับโทโมะแล้วลุกขึ้นเดินไปยังห้องครัวแทน

 

 

 

          ให้ตายเถอะ!  ถ้าฉันนั่งอยู่ตรงนั้นต่อมีหวังตัวฉันได้ระเบิดเพราะอุณหภูมิพุ่งสูงแน่ๆ(คนหรือปรอท?)T^T ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็แย่แน่เลย โทโมะนะโทโมะตอนแรกก็เศร้าๆ อยู่หรอก แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนอารมณ์เร็วนักนะ ฮึ่ย!

 

 

 

          วันต่อมา…

 

 

 

          และแล้วเมื่อคืนโทโมะก็ต้องค้างที่บ้านฉันจนได้เพราะฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก เลย รู้สึกมันจะซาๆ เม็ดลงก็เมื่อตอนเช้ามืดนี่เองล่ะมั้ง แล้วก็เป็นไปตามที่ฉันพูดตอนแรกนั่นก็คือเขาไปอาศัยห้องนอนพี่ชายที่รักของ ฉันเป็นที่ซุกหัวนอนชั่วคราวนั่นเอง -.,- แล้ว สุดหล่อของฉัน(?) ก็เพิ่งจะกลับบ้านไปตอนเช้าพร้อมๆ กับที่ฉันและพี่ชายออกจากบ้านเพื่อมามหาวิทยาลัย เห็นโทโมะคุยกับพี่ขนมเข่งว่าวันนี้เขาไม่มีเรียนเช้าล่ะมั้งก็เลยสบายหน่อย

 

 

 

           “วันนี้อากาศดีเหลือเกิน ฉันอยากจะเดินๆๆ~” เสียงฮัมเพลงแบบมั่วๆ ที่ฟางแต่งเองดังขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินทอดน่องเอ้อระเหยลอยชายอย่างสบายอุราไม่สนในเวร่ำ เวลาเลยสักนิดเดียว -_-^

 

 

 

          ความจริงแล้วคนที่ไม่สนใจเวลาตั้งแต่แรกมันคือฉันเองต่างหากล่ะ เพราะหลังจากที่ฉันแยกกับพี่ขนมเข่งแล้วก็มารวมตัวกับเพื่อนรักและเราสองคน ก็เพิ่งไปทำภารกิจสำคัญมาซึ่งอันนี้ต้องขออุบเอาไว้ก่อน(พูดแบบดารา) รับรองว่าภารกิจนี้เด็ดชัวร์!

 

 

 

          “แกก็เดินอยู่นั่นแหละ เลทแล้วเนี่ย รีบไปเร็วเข้า” ฉันบอกอย่างรีบร้อนพร้อมกับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นโดยไม่ลืมที่จะฉุดข้อมือ เพื่อนสาวให้ตามมาติดๆ เพราะกลัวจะไปเรียนสายกว่านี้ นี่มันเลยเวลาเข้าเรียนมาประมาณสิบห้านาทีได้แล้วนะ!

 

 

 

          “ก็เพราะใครล่ะ” ฟางเบ้ปากเล็กน้อยพร้อมกับตวัดตาคู่สวยด้วยมาสคาร่าที่กรีดแบบตาแมวมาทางฉันด้วยความหมั่นไส้

 

 

          “ฉันผิดเองแหละ เอาน่า! เดี๋ยวเลี้ยงขนมเป็นการขอบคุณ ^O^”

 

 

 

          “ขนงขนมอะไรกัน ช่วงนี้ฉัน Diet ย่ะ! ดูสิเนี่ย แกชวนฉันกินแต่ขนมจนน้ำหนักฉันขึ้นมาตั้งสองกิโล! -3-”

 

 

 

          “คิดว่าแกขึ้นคนเดียวหรือไง ช่วงนี้ฉันก็อ้วนไม่ต่างจากแกหรอก”

 

 

 

          “นี่ไอ้แก้ว…”

 

 

 

          แล้วเราสองคนก็เถียงกันเรื่องนี้จนกระทั่งเข้าคลาสนั่นแหละ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่เรื่องเล็กน้อยก็สามารถสร้างบทสนทนาอันยืดยาวน่าปวด หัวได้ เฮ้อ!

 

 

 

          ตอนบ่ายของวันเดียวกัน…

 

 

 

          หลังจากที่ฉันกับฟางกินข้าวกลางวันกันเสร็จแล้ว และตอนบ่ายของวันนี้อาจารย์ก็งดคลาสเพราะติดไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด แต่ก็ใช่ว่าฉันจะได้กลับบ้านตามที่ใจอยากหรอกนะสาเหตุก็เพราะเย็นนี้มีนัด ประชุมรุ่นซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางการกลับไปนอนตีพุงของฉัน TOT

 

 

 

          ช่างเถอะ…

 

 

 

          ตอนนี้มาภาคภูมิใจกับผลงานชิ้นเอกของฉันกันก่อนดีกว่า

 

 

 

          แถ่น แทน แท้น~

 

 

 

          “กรี๊ดดด! ฝีมือใคร!!!” เสียงแปดหลอดของพิมดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่แหวกฝูงชนออกมาจากหน้าบอร์ด ข่าวสารที่อยู่ใต้อาคารเรียนรวมซึ่งฉันกำลังเดินเข้ามาอย่างจงใจเพราะสายตา อันแหลมคมของฉันเห็นมาแต่ไกลว่ามีหญิงร้ายยืนอยู่ในนี้ >_<

 

 

 

          “เกิดอะไรขึ้นเหรอ ^O^” ฉันเสนอหน้าเข้าไปถามไถ่ยัยพม่าด้วยสีหน้าเยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบัง แต่ถามไปอย่างนั้นแหละ ที่จริงก็รู้อยู่เต็มอกว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไง

 

 

 

          “แก! ฝีมือแกใช่มั้ย!?” พิมหันขวับมาเห็นฉันก็เบิกตาโพลงพร้อมกับมือที่เอื้อมไปดึงรูปภาพที่ บอร์ดมาขยำแล้วปาใส่หน้าฉัน ดีนะแค่เฉียดๆ น่ะ ถ้ามาเต็มๆ ฉันต่อยหน้ายัยนี่แน่ -_-^

 

 

 

          “นี่อะไรเหรอ…ว้าว! อเมซิ่งมากๆ เลยนะเนี่ย คนในรูปหน้าคุ้นๆ นะว่ามั้ยฟาง>_<” ฉันก้มลงไปเก็บรูปนั้นขึ้นมาคลี่ออกพร้อมกับแสร้งทำหน้าตกใจแล้วยื่นให้ฟางดู เพื่อนสาวก็ไม่รีรอที่จะพยักหน้ารัวอย่างเห็นด้วย

 

 

           “หน้าเหมือนใครน้า~” ฟางลากเสียงยาวพลางเอานิ้วขึ้นมาจิ้มแก้มตัวเองอย่างครุ่นคิด

 

 

 

          “ใครหนอ~”

 

 

 

          “เมื่อวานแกถ่ายรูปฉันเอาไว้ รูปบ้านี่ต้องเป็นฝีมือแกแน่ๆ แก้วใจ!” พิมกรีดนิ้วเรียวของเธอชี้มายังหน้าของฉันพร้อมกับจ้องมองมาด้วยสายตาเคียดแค้น น้ำเสียงของหล่อนสั่นเล็กน้อยด้วยความโกรธ

 

 

 

          “ใช่! ฉันทำเอง อุตส่าห์รีบเอามาแปะไว้ตั้งแต่เช้า เพิ่งจะเห็นเหรอเนี่ย แย่จัง คิกๆ >O<” ฉันบอกยิ้มๆ อย่างไม่รู้สึกผิดอะไร

 

 

 

          อยากรู้ใช่มั้ยล่ะว่าความจริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ ฉันก็แค่เอารูปของยัยพม่าหน้าวอกกับไอ้ฌอนไชหัวบานเย็นที่ถ่ายเอาไว้ก่อน กลับออกมาจากห้องหอมีประวัติ(?)ของอดีตแฟนสุดที่รักของโทโมะส่งให้เพื่อน สนิทอย่างฟางตอนที่ฉันขึ้นห้องไปอาบน้ำเพื่อให้เพื่อนรักปรับแสงนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็พิมพ์ข้อความบรรยายใต้ภาพไปด้วยว่า

 

 

 

น่าเศร้า...แฟนสาวของหนุ่มหล่อแอบมีชู้ พาขึ้นหอกลางวันแสกๆ

แฟนหนุ่มจับได้ ชิงบอกเลิก!

รักหวานชื่นมีอันต้องกลายเป็นอดีต

 

 

 

          จากนั้นก็ฝากฟางเป็นธุระจัดการนำภาพไปอัดสี(ลงทุนสุดๆ)ตอนเช้าก่อนเข้า มหาวิทยาลัยรวมๆ แล้วฉันก็เสียเงินไปเกือบสองร้อย คิดดูละกันว่าอัดมาเยอะขนาดไหน -_-^ ต่อไปทุกคนคงเดาได้ไม่ยากหรอกเพราะฉันกับฟางก็นำรูปพวกนั้นไปติดตามบอร์ดต่างๆ ทั่วมหาวิทยาลัย!!!

 

 

 

แถวบ้านเรียก ประจาน อะนะ อุวะฮ่าๆๆๆ >O<

 

 

 

          “แกทำแบบนี้ทำไม!”

 

 

 

          “เพื่อความสะใจ >_<”

 

 

 

          “แก…”

 

 

          “ฉันก็แค่อยากให้เธอรับรู้ความรู้สึกอับอายและเสียหน้าเมื่อตัวเองถูกประจาน เหมือนที่เธอเคยทำไว้กับโทโมะยังไงล่ะ!” สิ่งที่ฉันพูดออกไปดูเหมือนจะได้รับความสนใจจากบรรดานักศึกษามุงรอบๆ บริเวณนี้มากพอสมควร เสียงฮือฮาดังขึ้นมาจนฉันถึงกับแสยะยิ้มชั่วร้าย

 

 

 

          “น่าสมเพชจริงๆ เลยนะ นอกจากจะทรยศหักหลังแฟนตัวเองแล้ว ยังจะมาโดนชิงบอกเลิกก่อน โถๆๆ”

 

 

 

          “เธอเองก็น่าสมเพชเหมือนกันนั่นแหละ ที่มาวิ่งไล่จับผู้ชายน่ะ!”

 

 

 

          “ฉันมันเป็นคนทำอะไรก็เปิดเผย ไม่ได้แอบๆ ซ่อนๆ เหมือนเธอ ยังไงก็ดีกว่าล่ะนะ หึหึ”

 

 

 

          “แก!”

 

 

 

          “แก้วระวัง!”

 

 

 

          เผียะ!!!

 

 

 

          ด้วยความที่มัวแต่เยาะเย้ยจนไม่ทันระวังตัวของฉันทำให้ตัวเองเกือบถูกตบด้วยฝ่า มือพิฆาตของยัยพม่าหน้าขาวโอโม่ ต้องขอบคุณฟางที่ร้องบอกฉันทำให้ฉันหลับตาปี๋…จริงๆ นะ ฉันแค่หลับตาแต่ไม่ได้หลบหรอก ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองรอดมาได้ยังไง…

 

 

          “โมะ!” พิมร้องเสียงหลงทำให้ฉันลืมตาขึ้นมามองโลกอันแสนวุ่นวายทันทีแล้วก็พอจะเดาเรื่องได้แล้วล่ะ

 

 

 

          “ตอนทำคนอื่นไม่เห็นสำนึก พอโดนทำบ้างจะมาโวยวายอะไรล่ะ”โทโมะเอ่ยด้วยเสียงนิ่งๆ อย่างไร้เยื่อใย ทั้งๆ ที่เมื่อวานนี้คนที่เขาพูดด้วยยังเป็นคนรักของเขาอยู่เลย

 

 

 

          “นายไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันนะ!” พิมโวยขึ้นด้วยความขัดใจ

 

 

 

          “จริงสินะ ฉันลืมไปว่าตัวเองเป็นแค่คนอื่นสำหรับเธอ…ถ้าอย่างนั้นก็ลาก่อน…” พูดจบโทโมะก็คว้าข้อมือฉันไปจับเอาไว้แน่นแล้วดึงออกมาจากตรงนั้นอย่างไม่รั้งรอจนฉันต้องจำใจโดนเขาลากมาอย่างช่วยไม่ได้

 

 

 

          “แกใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดโทโมะไปเลยนะ” ฟางรีบเดินตามมากระซิบบอกกับฉันก่อนจะเดินเลี้ยวไปอีกทาง ใกล้ช้งใกล้ชิดอะไรกันเล่า! ไอ้บ้านี่มันพาฉันไปฆ่าหั่นศพแล้วโยนทิ้งคลองน้ำเน่าหรือเปล่าก็ไม่รู้เนี่ย เพราะยัยพม่าทำให้หมอนี่โกรธแท้ๆ เลย

 

 

 

          “ไอ้ฟาง! มาช่วยฉันก่อน แกจะไปไหนวะ -*-”

 

 

 

          “โชคดีละกันแก เรื่องนี้ฟางจะไม่ยุ่ง >_<”

 

 

 

          “เฮ้ย!!!” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อไม่มีการช่วยเหลือใดๆ จากฟาง แล้วก็ดูเหมือนว่าโทโมะจะเดินเร็วมากๆ จนฉันแทบจะก้าวขาไม่ทัน “นายจะพาฉันไปไหน!”

 

 

           “เดี๋ยวก็รู้เอง…” สิ้นคำพูดนั้นฉันก็พบว่าบรรยากาศรอบๆ ตัวได้เปลี่ยนมาเป็นลานจอดรถของมหาวิทยาลัยแล้วเรียบร้อยเนื่องจากมันอยู่ ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุเมื่อกี้เท่าไหร่นัก

 

 

 

พลั่ก!

 

 

 

ปึง!

 

 

 

          จุดจบของแก้วใจวันนี้ก็คือที่รถของโทโมะนั่นเองเจ้าค่ะ U_U เขาจับฉันเหวี่ยงเข้ามานั่งในรถเต่าคันเดิมของเขาด้วยความโมโหแล้วก็ปิดประตูใส่หน้าฉันด้วยพละกำลังที่ไม่เรียกได้ว่าควายก็ฉุดไม่อยู่

 

 

 

ปึง!

 

 

 

          “เธอทำแบบนั้นทำไม” เจ้าของรถขึ้นมานั่งประจำที่คนขับด้วยความรวดเร็วก่อนจะปิดประตูรถฝั่งนั้น เสียงดังไม่ต่างจากเมื่อกี้แล้วก็หันใบหน้ายุ่งๆ มาจ้องฉันอย่างคาดคั้นพลางเอ่ยถามด้วยเสียงเย็นเยียบ

 

 

 

          เอ่อ…สงสัยเขาจะไม่ได้โกรธยัยพม่าหน้าปลวกกินกลูต้าอย่างที่ฉันคิดแล้วล่ะมั้ง ฮือออ~

 

 

 

          “ทำอะไรเหรอ” ฉันถามกลับพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ อย่างอินโนเซนต์ราวกับว่าไม่รู้จริงๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร

 

 

 

          “ก็รูปพิมกับไอ้ฌอนนั่นน่ะ เธอเอาไปแปะประกาศทำไม” เขาพยายามพูดเสียงนิ่งอย่างสะกดกลั้นอารมณ์โกรธ

 

 

 

          แล้วทำไมเขาต้องโกรธฉันด้วยล่ะ ฉันทำเพื่อเขานะ T^T เขาน่าจะดีใจไม่ใช่เหรอที่ยัยพม่าต้องอับอายและเสียหน้าเหมือนอย่างที่ยัยนั่นทำกับเขาน่ะ ทำไมเป็นแบบนี้ โฮกกกก~

 

 

 

          ไม่มีความยุติธรรมบนโลกใบนี้ให้แก้วใจเลย T^T

 

 

 

          “ที่ฉันทำก็เพราะ…”

 

 

 

          “พิม เป็นผู้หญิง ทำแบบนั้นเขาเสียหายนะ” ยังไม่ทันที่ฉันจะอธิบายเหตุผล โทโมะก็สวนขึ้นมาเสียก่อนจนฉันต้องกลืนคำพูดทุกอย่างลงคอไป อะไรของเขากันเนี่ย เมื่อกี้ยังว่ายัยนั่นอยู่เลย หรือแท้ที่จริงแล้วลึกๆ เขาไม่ได้อยากจะพูดแบบนั้น...

 

 

 

          เป็นห่วงกันมากใช่มั้ย!

 

 

 

          ใช่สิ! ฉันมันเป็นมือที่สาม ฉันมันเป็นคนมาทีหลังนี่ ทำอะไรก็ผิดไปหมดแหละ จะไปเทียบอะไรกับยัยพม่านั่นได้ล่ะ ต่อให้ทำผิดมากมายขนาดไหนก็ยังเป็นคนที่โทโมะเป็นใส่ใจตลอดว่ายัยนั่นจะ รู้สึกยังไงหรือจะเป็นตายร้ายดียังไง

 

 

 

          “นายแคร์ยัยนั่น…”

 

 

 

          “แคร์สิ ยังไงฉันกับพิมก็เคย…คบกัน”

 

 

 

          ถ่านไฟเก่าสินะ!

 

 

 

          “ถามจริงๆ เถอะ นายยังรักและคิดถึงยัยนั่นอยู่ใช่มั้ยโมะ” นี่ฉันพูดราวกับว่าตอนนี้ตัวเองเป็นแฟนใหม่ของเขาแล้วอย่างนั้นแหละเนอะ แต่ถึงไม่เป็นก็จะถามใครจะทำไม ยัยนั่นมันเป็นตัวมารความรักของฉันแท้ๆ เลย!

 

 

 

          เอ่อ…ฉันหมายถึงตัวขัดขวางการแก้ดวงของฉันน่ะ อย่าคิดเป็นอย่างอื่นนะ -///-

 

 

 

          “รักหรือเปล่าไม่รู้ แต่…ก็ คิดถึง คิดถึงวันเวลาดีๆ ตอนที่คบกันอยู่” ฉันถอนหายใจออกมาทันทีเมื่อเขาพูดจบก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ในเป้สะพายหลัง ออกมา โทโมะดูจะมีสีหน้างงๆ อยู่ไม่น้อย

 

 

 

          “-_-?”

 

 

 

          “บอกมาว่านายจะเอาเงินเท่าไหร่”

 

 

 

          “เงิน? ค่าอะไร”

 

 

 

          “ค่าที่นายจะเลิกคิดถึงพิมไง! ฉันต้องการให้นายเลิกรักเลิกคิดถึงยัยนั่นน่ะ นายจะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา แล้วที่ทำแบบนี้ก็เพราะฉันสวยและรวยมาก! -^-” พูดจบก็เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย แต่เปล่าหรอก ฉันก็พูดให้ตัวเองดูดีไปอย่างนั้นแหละ ทุกวันนี้ยังยืมเงินพี่ขนมเข่งอยู่เลย -.,-

 

 

 

          “ยัยบ้าเอ๊ย”

 

 

 

          “ไม่เอาหรือไงเงินน่ะ”

 

 

 

          “เอาเก็บไว้ซื้อยาระงับประสาทให้ตัวเองเถอะ -_-^”

 

 

 

          “นี่นาย!”

 

 

 

          “แล้ววันหลังก็อย่าเล่นอะไรบ้าๆ แบบวันนี้อีกนะ คนอื่นเขาเดือดร้อน”

 

 

 

          “ฉันแก้แค้นแทนนายนะ! ใจคอนายจะว่าฉันอย่างเดียวโดยที่ไม่ขอบคุณสักคำเลยหรือไง Y^Y”

 

 

 

          “แล้วถามฉันสักคำหรือยังว่าอยากให้แก้แค้นให้หรือเปล่า ทำแบบนี้เรื่องมันจะไม่จบนะ” นี่เขาไม่เห็นความหวังดีของฉันเลยสินะ คงไม่มีใครเข้าใจฉันได้เท่าพี่ชายฉันแล้วล่ะ ฮือๆๆ

 

 

 

          “ขอโทษ! ฉันผิดเองแหละที่ไปยุ่งเรื่องของนาย ต่อไปฉันจะไม่มายุ่งกับชีวิตนายอีก ฮึก!”  ไม่รู้ทำไมน้ำตาเจ้ากรรมต้องมาไหลเอาตอนนี้ด้วย T_T

 

 

 

          แค่โดนโทโมะโกรธเอง!

 

 

 

          แค่โดนเขาว่าเอง!!!

 

 

 

          แค่นี้ทำไมฉันต้องร้องไห้ด้วยนะ ฮือๆๆๆๆ

 

 

 

          “เธอ…ร้องไห้เหรอ -_-^” เขาเบิกตาโตขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ และสีหน้าที่ดูจะไม่ตกใจอะไรเท่าไหร่นัก

 

 

          “ไม่ร้องมั้งไอ้บ้า! ถามมาได้ นี่ฉันคงน้ำลายไหลหรอกมั้ง!!! ฮึก ฮือๆๆๆ” ฉันส่งเสียงดังลั่นรถพร้อมทั้งเอื้อมมือทั้งสองข้างไปผลักโทโมะด้วยความ โมโหก่อนจะเตรียมลงจากรถ แต่ทันทีที่มือของฉันสัมผัสกับที่จับเปิดประตูรถผู้ชายข้างๆ ก็ดึงฉันเข้าไปสวมกอดเอาไว้! O_O

 

 

 

          “ยัยโง่เอ๊ย! ฉันไม่อยากให้เธอมีปัญหากับคนพวกนั้นต่างหากล่ะ” ถึงแม้เสียงพูดของเขาจะฟังดูอู้อี้แต่ฉันก็พอจะได้ยินอยู่หรอกนะว่าเขาพูดว่าอะไร

 

 

 

          “ฮือๆๆ”

 

 

 

          “ถ้าสองคนนั้นมาหาเรื่องเธอตอนฉันหรือพี่หนมเข่งไม่อยู่ แล้วใครจะช่วยเธอล่ะ ฉันเป็น…” จู่ๆ เขาก็เงียบไป แต่ดูเหมือนว่าเขาจะพูดจบแล้วล่ะมั้ง เพราะฉันกำลังร้องไห้เลยฟังไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่นักแต่ก็พอจับใจความได้ ที่แท้เขาก็ไม่อยากให้ฉันไปยุ่งกับพวกนิสัยไม่ดีพวกนั้นนั่นเอง >_<

 

 

 

          “คิดว่าฉันกลัวพวกนั้นหรือไง ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันคือแก้วใจน้องพี่เข่ง!”

 

 

 

          “อย่าทำเป็นปากดีไปหน่อยเลย ถ้าไอ้ฌอนมันเอาจริงขึ้นมาตัวเล็กเท่ามดอย่างเธอจะไปสู้อะไรมันได้” เขาดันตัวฉันออกพร้อมกับทำสีหน้ายุ่งๆ คิ้วนี่แทบจะรวมเป็นเส้นเดียวกันอยู่แล้ว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย “เลิกร้องไห้สักทีสิ -0-”

 

 

 

          สาบานเถอะว่าประโยคนั้นเขาบอกเพราะอยากให้ฉันหยุดร้องจริงๆ น่ะ ไม่ได้จะทำให้ฉันร้องหนักกว่าเดิม ชิ!

 

 

 

          “สู้ได้ก็แล้วกัน ฮึก!” ไอ้ที่พูดไปก็ใช่ว่าฉันจะมั่นใจอะไรมากมายหรอกนะ T.T

 

 

 

          “บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ”

 

 

 

          “นายจะเถียงฉันทำไมฮะ!”

 

 

 

          “เธอนั่นแหละจะเถียงฉันทำไม -_-^” แถวบ้านฉันเรียกว่ายอกย้อนนะแบบนี้ มันน่าจับกดซะให้เข็ด! ในรถแบบนี้ด้วยแล้ว…หึหึ -.,-

 

 

 

          “จะชวนทะเลาะหรือไง”

 

 

 

          “เธอนี่มันงี่เง่าเอาแต่ใจดีนะ ฮ่าๆๆ” โทโมะพูดติดตลกพร้อมกับผลักหัวฉันเบาๆ ฉันจึงนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ เรื่องอะไรต้องมาว่าฉันแบบนั้นด้วยเล่า!“เลิกร้องไห้แล้วด้วย เก่งชะมัด ”

 

 

 

          จริงเหรอ? ฉันไม่เห็นรู้ตัวเลยแฮะ ฟึดดด! (สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด) แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้ต้องมาเคลียร์เรื่องที่เขาว่าฉันเมื่อกี้ก่อน

 

 

 

          “ก็ฉันเป็นแบบนี้แล้วนายจะทำไมฮะ คิดจะหาเรื่องใช่มั้ย”

 

 

 

          “เธอนั่นแหละกำลังหาเรื่องฉันอยู่รู้ตัวหรือเปล่า ไอ้ตัวยุ่ง!” ว่าพลางผลักหัวฉันเป็นรอบที่สอง

 

 

 

          ตัวยุ่ง? เขาว่าฉันอย่างนั้นเหรอ นี่ฉันวุ่นวายกับเขามากขนาดที่เขาต้องเรียกฉันแบบนี้เลยสินะ

 

 

 

          “T^T”

 

 

 

          “จะร้องอีกแล้วเหรอ -_-^”

 

 

 

แปะ!

 

 

 

          “ไอ้คนบ้า!” เมื่อเห็นใบหน้ากวนประสาทของเขาฉันกับอดไม่ได้ที่จะเอามือตีไหล่เขาไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ มันน่าตีๆๆๆๆ ตีให้ตายไปเลย! -3-

 

 

 

          “ฮ่าๆๆ ว่าแต่เย็นนี้ว่างหรือเปล่า” อะไรคือการที่เขาเปลี่ยนเรื่องแบบนี้? แล้วนี่จะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย ไม่น่าไว้ใจเลยแฮะผู้ชายคนนี้ =_=+

 

 

 

          “ทำไม”

 

 

 

          “จะพาไปนั่งรถเล่นชดเชยเมื่อคืน”

 

 

 

          “รู้หน้าที่ดีนี่เบ๊”

 

 

 

          “ตกลงว่าว่าง แล้วจะไป?” คนหน้าหล่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

 

 

 

          “ไม่รู้สิ พี่ชายหวง -.,-” ต้องเล่นตัวเสียหน่อย แบบนี้เขาจะได้รู้สึกตื่นเต้น(?) แบบว่าอะไรที่ได้มากยากๆ มันก็จะท้าทายใช่มั้ยล่ะ! >_<

 

 

 

          “ก็ดี จะได้ไม่เปลืองน้ำมันรถ”

 

 

 

          “ตอนนายไปแข่งรถนี่ใช้น้ำเปล่าหรือไง พาฉันไปนั่งรถเล่นถึงเรียกว่าเปลืองน่ะ”

 

 

 

          “นั่นมันความชอบ”

 

 

 

          “แล้วฉันล่ะ?”

 

 

 

          “เธอก็…”

 

 

 

          “ก็?”

 

 

 

          “ก็นั่นแหละ -///-” ทำไมใจฉันต้องเต้นแรงขึ้นมาเมื่อเห็นเขาหน้าแดงแบบนี้ด้วยนะ แล้วทำไมเขาต้องหน้าแดงด้วยล่ะ? สงสัยเป็นเพราะรถไม่ได้ติดเครื่องยนต์อากาศในนี้เลยร้อนล่ะมั้ง(ถามเองตอบ เองก็เป็น)

 

 

 

          “ก็อะไรก็พูดมาเซ่!”

 

 

 

          “เธอมันเป็นความซวย -_-^”

 

 

 

จึก!

 

 

 

          ราวกับธนูนับพันเล่มปักลงมาที่กึ่งกลางหัวใจ เจ็บจี๊ดๆ เจ็บลึกๆ แต่ยังไม่ถึงตายหรอกนะ!

 

 

 

          “ฝากไว้ก่อนเถอะ -0-”

 

 

 

          สิ พูดถึงเรื่องซวยๆ แล้วนึกขึ้นมาได้ว่าฉันยังไม่ได้บอกเรื่องแก้ดวงกับเขาเลย รู้สึกว่ายังไม่พร้อมบอกเลยแฮะ แต่ยังไงก็ปล่อยเอาไว้แบบนี้ก่อนน่าจะดีกว่า ฉันคงยังไม่บอกตอนนี้หรอก ถ้าพูดไปเขาต้องหาว่าฉันบ้างมงายแน่ๆ แต่ฉันรู้สึกได้จริงๆ นะว่าพักหลังมานี้ตั้งแต่ความสัมพันธ์ของฉันกับเขาดีขึ้นมาเรื่อยๆ ความซวยฉันก็ห่างหายไป เหมือนจะไม่เจอเลยด้วยซ้ำ >_<

 

 

 

          “ฝากเสร็จก็ลงไปได้แล้ว ฉันเองก็จะไปเรียนละ”

 

 

 

          ได้ทีก็ไล่เลยนะ!

 

 

 

          “อ้าว ไม่พาฉันไปนั่งรถเล่นแล้วเหรอ -_-?”

 

 

 

          “ฉันบอกว่าตอนเย็นยัยสมองเสื่อม” พูดดีๆ ก็ได้ทำไมต้องว่าด้วยเล่า คอยดูนะ! ฉันจะฟ้องพี่ขนมเข่ง เฮอะ!

 

 

 

          “ที่จริงฉันมีประชุมรุ่นตอนสี่โมงเย็น นายรอก่อนได้หรือเปล่า”

 

 

 

          “ไม่ได้ ฉันเลิกเรียนสามโมงครึ่ง เธอต้องโดดประชุม”

 

 

 

          “เอ่อ…” ให้ตายเถอะค่ะ อดีตเดือนมหาวิทยาลัยบอกให้ฉันโดดประชุมรุ่นบอกทีว่าฉันหูฝาดน่ะ

 

 

 

          “หรือจะไม่ไปกับฉันก็ได้นะ” เขาบอกพร้อมกับยักไหล่ขึ้นอย่างไม่ยี่หระ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฉันอยากไปกับเขามากกว่าเข้าประชุมรุ่นอันแสนน่าเบื่อหน่ายน่ะ โดดก็ได้วะ! แค่ประชุมรุ่นเรื่องงานกีฬาสีเฟรชชี่ของน้องปีหนึ่งเอง เอาไว้รุ่นพี่ปีสูงเรียกเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน เฮ้อ!

 

 

 

          “เออๆ เลิกเรียนแล้วโทรมานะ -3-”

 

 

 

          “ไม่สามโมงครึ่งมารอฉันที่รถนี่แหละ…ลงมาได้แล้ว” เขาพูดพร้อมกับเปิดประตูแล้วพาตัวเองลงไปจากรถ ก่อนจะโน้มตัวกลับเข้ามาแล้วเอียงคอบอกกับฉันจนในที่สุดฉันก็ต้องยอมลงมา ด้วยอารมณ์บูดๆ ให้โทรก็ไม่โทร ชิ! ถ้าเป็นแฟนเก่านายคงไม่ปฏิเสธสินะ 

 

 

 

          ฉันจะต้องทำให้นายยอมสยบฉันให้ได้เลยโทโมะ!

 

 

 

ช่วงนี้อัพช้าหน่อยเพราะไม่ค่อยว่างเลยๆ เม้นให้กำลังใจด้วยนะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา