[EXO] Separate วิปโยค [Chanbaek]
-
เขียนโดย หนูมาลีมีหนุ่มหล่อๆ
วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.03 น.
6 chapter
0 วิจารณ์
14.89K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558 19.51 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
4)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความมนุษย์ทุกคนมีความฝัน ฝันดีและฝันร้ายเป็นสิ่งที่อยู่ร่วมกันมานาน พวกมันคอยทำงานร่วมกัน ฝันดีทำให้เรามีกำลังใจในการดำเนินชีวิตและฝันร้ายจะทำให้เราเข็มแข็งขึ้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน แต่ทุกคนเกลียดฝันร้าย ทำให้มีแต่ฝันดีเท่านั้นที่ทำหน้าที่ของมันอยู่ ฝันร้ายเฝ้ารอคอยว่าสักวันหนึ่งมันจะกลับมาเอาคืนทุกสิ่ง
ชานยอลตื่นจากฝันร้ายอีกครั้ง แน่นอนเขาไม่เคยได้สัมผัสฝันดีเหมือนคนอื่นๆ ทุกค่ำคืนยามหลับตา หากไม่ฝันถึงโจ๊กเกอร์ก็จะไม่รู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่พอตื่นขึ้นมาอาจจะมาอยู่ที่อื่นแล้วก็ได้
นั้นเป็นเพราะโจ๊กเกอร์กำลังควบคุมร่างกายชานยอลอยู่
ชานยอลรู้ตัวดีเสมอว่ากำลังทำอะไร หรือโรคที่เขาป่วยคืออะไร เขาก็ไม่เคยปล่อยให้เวลาหรือทุกอย่างผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ทุกวันหลังจากตื่นนอนและทำกิจธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว เขาจะมานั่งอ่านหนังสือบนโซฟาตัวโปรด
อย่างน้อย ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นอะไรก็ยังดีกว่านั่งเฉยๆไม่ทำอะไรเลย
เขายังคงเปิดหนังสือเล่มเดิมที่อ่านค้างไว้ เขาใช่เวลาตลอดทั้งวันเพื่อนั่งอ่านมันและอีกหลายๆเล่มที่ยังต้องอ่าน
จากกรณีศึกษาเรื่องบุคลิกภาพที่แปรปรวน เขาเจอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่น่าสนใจ แม้มันจะเป็นเพียงแค่นวนิยาย แต่ก็มีประโยชน์มากสำหรับชานยอล
นิยายเรื่องนี้คือDr. Jekyll and Mr. Hyde ของ Robert Louis Stevens เป็นเรื่องราวที่นำเสนอเกี่ยวกับ Dr. Jekyllj นักวิทยาศาสตร์และหมอหนุ่ม เขาคือมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบในทุกๆด้าน Dr. Jekyllj มีแนวความคิดว่า มนุษย์ทุกคนมีด้านดีและด้านไม่ดีอยู่ในคนเดียวกัน ทั้งสองด้านอยู่เกี่ยวพันกันอย่างเหนียวแน่น เขาเชื่อว่าหากทำให้ด้านดีแยกออกมาจากอีกด้านหนึ่งได้ ความดีจะเป็นอิสระและความชั่วอีกด้านจะไม่สามารถทำอะไรเราได้ Dr.Jekyllj จึงคิดค้นยาชนิดพิเศษขึ้นมา แต่มันกลับผิดพลาด เพราะยานี้กลับทำให้ด้านไม่ดีของเขาถูกปลุกขึ้นมา มันเรียกตัวเองว่า Mr. Hyde
คือศูนย์รวมของความชั่วช้าทุกรูปแบบ มันเป็นจิตใต้สำนึกของ Dr.Jekyllj เมื่อมันออกมา ความเลวร้ายจะบังเกิดขึ้น ทุกอย่างจะอยู่เหนือการควบคุม เมื่อกลับมาอยู่ในร่างเดิม เขาจำอะไรไม่ได้ Dr.Jekyllj พยายามที่จะหยุดเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่มันจะบานปลาย
แต่นี้มันก็แค่นิยายที่นำเสนอทฤษฎีด้านจิตวิทยาเท่านั้น แต่เรื่องแบบนี้กลับเกิดขึ้นกับชานยอล เขาคิดว่าอาการป่วยของเขาคล้ายๆกับDr.Jekyllj เพียงแต่มันไม่ได้ถูกปลุกจากฤทธิ์ยา แต่มันถูกปลุกเพราะการลงมือฆ่าที่ดึงจิตใจด้านมืดของเขาออกมา
ชานยอลจึงคิดว่า การได้อยู่เงียบๆตัวคนเดียว ในที่ๆปราศจากผู้คน สิ่งยั่วยุ อาจทำให้สิ่งชั่วร้ายนั้นไม่ปรากฏออกมา แต่แน่นอนตั้งแต่คุณแบคฮยอนเข้ามาทำการรักษาเขา มันเหมือนมีแรงกระตุ้นบางอย่างจากตัวของอีกฝ่าย เหมือนโจ๊กเกอร์จะถูกใจในตัวคุณแบคฮยอนเป็นอย่างมาก มันพยายามหาทางที่จะได้มาปรากฏกายอยู่บ่อยๆ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย การอยู่ให้ห่างจึงน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
.
.
แบคฮยอนนอนกุมท้องตัวเองบนเตียงในห้องพัก เขาร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดและทรมาน เหมือนเครื่องในของเขาแทบแหลกเหลว แบคฮยอนเอาแต่อาเจียนออกมาหลายครั้ง
"เจ็บ.. เจ็บเหลือเกิน.."
ตัวเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ตั้งแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แบคฮยอนแทบควบคุมสติเอาไว้ไม่อยู่ เรื่องที่โดนต่อยไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องโดนโจ๊กเกอร์กระทำกานหยาบโลนกับร่างกายเขานี้มัน...
ถึงจะรู้ว่ามันไม่ใช่ชานยอล แต่ก็นึกโกรธขึ้นมาไม่ได้
แบคฮยอนรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ ลุกจากเตียง ถอดเสื้อออก เผยให้เห็นรอยช้ำสีแดงอมม่วงตรงบริเวณหน้าท้อง เขาพยายามไม่สนใจที่จะมองมัน รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนเดินออกจากห้องไป
"คยองซู.. อยู่ไหม.."
แบคฮยอนหยุดยืนเรียกอยู่หน้าห้อง คยองซูเปิดประตูออกมารับด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
"มีอะไร?"
"มีเรื่องอยากจะให้ช่วยหน่อย.."
คยองซูรีบปิดประตูทันที แต่อีกฝ่ายดันประตูเอาไว้ เขาทำสีหน้าเว้าวอน คยองซูถอนหายใจและเปิดประตูรับอีกฝ่ายเข้ามาด้วยความไม่เต็มใจ
“มีอะไร..”
“ มีเคสรักษาอยู่ที่อยากให้นายช่วยวินิจฉัยอาการให้หน่อย” คยองซูนั่งนิ่ง เขาเอื้อมมือไปหยิบสมุดจดกับปากกามาจากหัวเตียง รวบรวมสมาธิเพื่อตั้งใจฟังในสิ่งที่แบคฮยอนกำลังจะพูด
“คือ..นี้เป็นเคสของชานยอลนะ จากอาการเท่าที่ฉันสังเกตดูก็ดูเหมือนคนปกติดีนะ เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่สมบูรณ์แบบในทุกๆด้าน ถึงแม้ตอนอยู่ในโรงพยาบาลแต่เขาก็ยังเป็นสุภาพบุรุษ แต่ชานยอลกลับบอกว่าตัวเขามีอีกด้านหนึ่งทีเป็นด้านชั่วร้าย มันเรียกแทนตัวเองว่าโจ๊กเกอร์ ชานยอลบอกว่าเขาสามารถควบคุมมันได้ ถ้าหากไม่มีสิ่งมากระตุ้น แต่บางครั้งเขาก็ไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรลงไป ชานยอลเล่าว่าที่ตัวเองเป็นแบบนี้เพราะว่าเผลอฆ่าน้องชายตัวเอง ทำให้เหมือนไปปลุกสัญชาติญาณอีกด้านหนึ่งออกมา.. ”
“แล้วนายได้เจอบุคลิกอีกด้านของชานยอลรึยัง??”
“เจอแล้ว.. ตอนเจอกันมันชอบพูดจาหยาบคายไม่เข้าหู หัวเราะเสียงเล็กแหลมแสบแก้วหู แถมยังชอบใช้กำลังด้วย..” แบคฮยอนเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องที่ตัวเองโดนโจ๊กเกอร์ทำร้ายร่างกายให้คยองซูฟัง อีกฝ่ายนั่งนิ่งอยู่นาน นิ้วควงปากกาที่อยู่ในมืออยู่นาน
“มันเหมือนนิยายที่ฉันเคยอ่านเลย เรื่องDr. Jekyll and Mr. Hyde เลย..”
“เหมือนยังไงหรอ??..”
“อาการเหมือนกันจนน่าแปลกใจ แต่มันเป็นนิยายที่ยกเอาทฤษฎีSplit Personality จิตเภทหรือจิตแตกแยกในเรื่องพูดถึงหมอหนุ่มคนหนึ่งที่เพรียบพร้อมในทุกๆด้าน เขาสนใจในเรื่องของการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับจิตวิญญาณของมนุษย์ เขามีความเชื่อว่ามนุษย์นั้นไม่ได้มีเพียงร่างเดียว แต่มีสองร่างนั้นก็คือร่างด้านดีและร่างด้านเลว ซึ่งร่างทั้งสองด้านนี้สามารถแยกออกจากกันได้ทุกเมื่อ มันก็คือตัวตนที่ถูกเปิดเผยกับตัวตนที่ถูกซ่อนเร้นเอาไว้นั่นเอง จนในที่สุดวันหนึ่งเขาจึงได้ทดลองน้ำยาอันตรายที่สามารถเปลี่ยนบุคลิกจิตใจของมนุษย์ได้ Dr. Jekyll ยอมเป็นหนูทดลองดื่มยาอันตราย โดยไม่รู้ว่ายานั้นมันจะเปลี่ยนชีวิตเขาไป และสร้างบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวที่มันแอบซ่อนเร้นหลับใหลอยู่ในจิตใจคือ Mr. Hyde..”
“เหมือนของชานยอลเลย.. แต่แค่เขาไม่ได้ดื่มยา งั้นมันก็น่าจะต้องมีวิธีรักษา”
“นายคิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรอ...”
“ท-ทำไมหล่ะ???”
“บทสรุปของนิยายเรื่องนี้คือ Dr.Jekyll ต้องตาย เพราะมันสามารถควบคุมมันไว้ได้ แล้วนายคิดว่าแค่ให้ยา รักษาตามอาการมันจะช่วยได้งั้นหรอ??”
“...”
“นายรู้จักเซฮุนใช่ไหม ถ้านายคิดว่าอาการของเซฮุนน่ากลัวแล้ว ชานยอลก็นับได้ว่าเป็นคู่มวยที่สูสีกับเซฮุนพอตัวเลย จากที่ได้ฟังนายเล่ามา ชานยอลคิดว่าสามารถควบคุมตัวเองได้ แต่เปล่าเลย.... บุคลิกด้านไม่ดีของเขาพร้อมที่จะออกมาเพ่นพ่านข้างนอกได้ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าโจ๊กเกอร์ขาดความยับยั้งชั่งใจในหลายๆเรื่องโดยเฉพาะเรื่องการฆ่าคนนี้แหละ ที่มันสามารถทำได้โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยฟังฉันนะแบคฮยอน.. ที่ชานยอลไม่มีหมอคนไหนมารักษาสักที อาจเป็นเพราะคงกลัวจะโดนชายอลฆ่าหล่ะมั้ง... แต่แปลกมากที่นายอยู่รอดมาได้ ฮ่ะๆๆ ” คยองซูหัวเราะกับมุขฝืดของตัวเอง แบคฮยอนคิดว่ามันไม่ตลกเลยสักนิดที่ตัวเองต้องมาเจออะไรแบบนี้
“แล้วไม่มีวิธีรักษาบ้างเลยหรอ??”
“ก็คงต้องฆ่าทิ้งอย่างเดียว.. ก็อย่างที่รู้ๆว่ามันควบคุมไม่ได้ วันดีคืนดีอาจจะลุกขึ้นมาไล่ฆ่าคนในโรงพยาบาลเป็นผักปลาก็ได้ หรือถ้าอยากช่วยขนาดนั้นก็อยู่เฉยๆ จะได้ปลอดภัยทั้งสองฝ่าย”
แบคฮยอนถอนหายใจทิ้ง ใจหนึ่งก็อยากจะช่วยให้ชานยอลหายจากอาการประหลาดนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวเช่นกัน
ตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากเอาชีวิตไปทิ้งหรอกนะ
“นายลองให้ลิเที่ยม*กับชานยอลก็ได้ ฉันคิดว่ามันคงช่วยได้บ้าง..” คยองซูให้คำแนะนำ แบคฮยอนได้แต่พยักหน้ารับช้าๆ เขากังวลกับการจัดยาให้กับชานยอลพอสมควร กลัวว่ามันจะเข้าไปกระตุ้นมากกว่าที่จะช่วยบรรเทา
แบคฮยอนเดินถือถาดยาตรงไปยังห้องคนไข้ชานยอล เขาเคาะประตูเป็นเชิงเรียก ชานยอลเป็นฝ่ายเปิดประตูออกมารับแบคฮยอนด้วยตัวของเขาเอง เขาดูมีท่าทีตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าของชานยอล แบคฮยอนเอาแต่จ้องหน้าของอีกฝ่ายและยืนตัวแข็งเป็นหินอยู่หน้าห้อง
“คุณแบคฮยอนครับ... คุณแบคฮยอนครับ..”
“ห๊ะ...ครับ??!!”
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ??”
แบคฮยอนสั่นหัว “ม-ไม่.. เอ่อ...คือผมเอายามาให้นะครับ” แบคฮยอนยื่นถาดให้ชานยอลรับไว้อย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณมากครับ.. จะเข้ามาในห้องไหมครับ??” แบคฮยอนคิดหนัก กลัวว่าถ้าเข้าไปแล้วจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับตัวเอง
“ข-เข้าครับ..” แบคฮยอนแทรกกายผ่านตัวชานยอลเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว แบคฮยอนพยายามมองหาเก้าอี้ ชานยอลวางถาดยาลงบนโต๊ะหัวเตียง เขาลากเก้าอี้มาให้อีกฝ่ายอย่างเงียบๆ
“อันนี้คือยาอะไรหรอครับ??”
“ลิเที่ยมครับ ผมจะให้ในครั้งละ900มิลลิกรัมต่อวัน อาจจะมีสลับกับยาตัวอื่นบ้างตามความเหมะสม”
“ขอบคุณมากนะครับ คุณแบคฮยอน ถ้าไม่ได้คุณผมคงต้องนั่งเฉยๆในห้องไปตลอด ยังดีที่มียาที่จะพอช่วยรักษาผมได้”
“...”
แบคฮยอนอดที่จะสงสารไม่ได้ มันไม่มีหรอกยาที่จะช่วยรักษาอาการของชานยอลได้ ลิเที่ยมแค่ช่วยประคองอาการของชานยอลเอาไว้เท่านั้น ทั้งที่จริงการรักษาคือการใช้จิตบำบัดหรือการสะกดจิต แต่แบคฮยอนไม่มีความรู้มากพอ ขืนทำไปอาจทำให้อาการยิ่งแย่ไปกว่าเดิมก็ได้
“เอ่อ..คือ.. เมื่อวานชานยอลได้ออกไปไหนรึเปล่า??”
“ก็ไม่นะครับ... อย่าบอกนะว่า...” ชานยอลหน้าซีดเผือด “ช่วยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้หน่อยสิครับ” ชานยอลสีหน้าเคร่งเครียด แบคฮยอนนั่งนิ่งอยู่นานจนสุดท้ายก็ตัดสินใจพูดออกมา
“เมื่อวานตอนกลางคืน ผมไปที่ดาดฟ้าของตึกหมอกับบุรุษพยาบาล ผมเห็นคุณยืนอยู่ที่รั้วกั้น.. ผมเข้าไปทักว่าทำไมถึงมายืนอยู่ตรงนี้ แต่แล้ว.. มันกลับไม่ใช่คุณ มันกลับเป็นโจ๊กเกอร์… ”
“มันทำอะไรคุณแบฮยอนไว้บ้างครับ??!!”
“ม-ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ก็แค่โดนต่อยท้อง--”
“ขอผมดูหน่อย!”
“ไม่ต้องถึงกับขนาดนั้นหรอกครับ.. มันไม่ได้เป็นอะไรมาก--”
ชานยอลไม่ฟังคำห้ามของอีกฝ่าย เขาคุกเข่านั่งลงยื่นมือไปค่อยๆปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด ทำให้เห็นถึงรอยช้ำที่เกิดจากการโดนต่อย มันเริ่มบวมคล้ำและเป็นสีม่วงน่าเกลียดกว่าเมื่อเช้า ชานยอลตกใจมาก มือที่ใช้ลูบรอยแผลนั้นสั่นเทา
“ผม..ผมขอโทษ”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกครับ อีกอย่างคุณก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าทำอะไรลงไป” แบคฮยอนพยายามยิ้มให้อีกฝ่ายไม่คิดมาก แต่เมื่อชานยอลเงยหน้าขึ้นมาสบตากับแบคฮยอน น้ำตาที่แทบเอ่อล้นออกมาของแบคฮยอน นั้นทำให้ชานยอลกังวลมากยิ่งกว่าเก่า
“ไม่ต้องห่วงครับ อีกเดี๋ยวก็หายดีแล้ว”
“ผมขอโทษจริงๆครับ ทั้งที่ผมบอกไปแล้วว่าจะควบคุมมันให้ดี แต่ผมกลับปล่อยให้มันทำร้ายคุณได้มากขนาดนี้”
“อย่าโทษตัวเองแบบนั้นสิครับ คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก” แบคฮยอนติดกระดุมเสื้อกลับเข้าที่เดิม ชานยอลลุกขึ้นไปหยิบยามาทานอย่างรวดเร็ว
“ช-ชานยอล ทำอะไร!!??”
“ผมจะรีบกินยาให้เร็วที่สุด มันจะได้รีบหาย จะได้ไม่ต้องทำร้ายคุณอีก”
“แต่ถ้ากินติดกันแบบนั้น มันจะมีผลข้างเคียงนะรีบคายออกมา!!”
“ไม่ครับ คุณแบคฮยอนครับ.. ได้โปรดอยู่ให้ห่างจากตัวผม..ผมไม่อยากให้คุณต้องมาเจ็บตัวอีก”
ชานยอลหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาทำท่าว่าจะแทงมันเข้าไป แบคฮยอนรีบเดินเข้าไปยื้อแย่งมาจากมือ
“อันนี้ห้ามฉีดด้วยตัวเองเด็ดขาดนะ ยานอนหลับตัวนี้มันแรงมาก ถ้าเกิดใช้มากเกินขนาดนายจะเป็นอันตรายนะ!! ”
“ฉีดแล้วผมจะได้ไม่ต้องตื่นขึ้นมาทำร้ายคนรอบข้างอีกไงครับ”
แบคฮยอนปล่อยมือออกทันที “งั้นก็อยู่เฉยๆ... ผมจะทำให้เอง” ชานยอลเลิกโวยวาย เขายอมให้อีกฝ่ายฉีดยานอนหลับให้แต่โดยดี
แบคฮยอนนั่งเฝ้าชานอยลอยู่ข้างเตียงจนอีกฝ่ายหลับไป แบคฮยอนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเหนื่อยอ่อน เขานึกสงสารชานยอลขึ้นมาที่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้
ทำไมคนดีๆแบบนี้ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ?
ขณะที่แบคฮยอนกำลังจะลุกออกไปนั้น มือแกร่งของชานยอลคว้าข้อมือเล็กของอีกฝ่ายไว้ ชานยอลลืมตาตื่นขึ้นมา แววตาจ้องเขม็งมาที่แบคฮยอน
“ม-มีอะไรอีกรึเปล่า..” แบคฮยอนพยายามสะบัดข้อมือออก ชานยอลบีบมือแน่นขึ้นเรื่อยจนอีกฝ่ายต้องออกแรงกระชาก
“ชานยอล!! ปล่อย!”
“ปากมากจังนะ.. บอกไอชานยอลมันทำไม!!”
“นายพูดอะไรของนาย--”
ชานยอลตบเข้าที่หน้าของแบคอยอนอย่างแรงจนหน้าหัน แบคฮยอนพยายามจะเอาคืนอีกฝ่าย แต่เล็บของชานยอลจิกเข้าที่ผิวหนังขาวนวลอย่างแรง จนแบคฮยอนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ว่าแกทำอะไรลงไปบ้าง..”
“แล้วนายจะทำอะไรได้ นายโดนยานอนหลับไปแล้ว!!”
“ต่อจะให้ยามากขนาดไหน ฉันก็ไม่มีทางหลับหรอก ยานั้นก็แค่มีผลต่อชานยอลเท่านั้นแหละ.. ”
แบคฮยอนพยายามสะบัดข้อมือออก โจ๊กเกอร์จับหัวอีกฝ่ายให้ก้มลงแนบกับช่วงล่างของเขา มือไม้เหวี่ยงไปรอบตัวพยายามยันตัวขึ้น เหมือนมันมีอะไรบางอย่างดันตัวขึ้นมาชนเข้ากับใบหน้าของเขาอย่างจัง
อย่าบอกนะว่ามันคือ...
“อู้ฮู้ว... ดูเหมือนว่าไอน้องชายของผมมันจะชักตื่นเต้นขึ้นมาแล้วสิ ฮึฮึ”
“ทั้งๆที่ทำแบบนี้อยู่ ยังจะมามีอารมณ์งั้นหรอ!!!”
“มันเป็นเหตุสุดวิสัยนี้ครับ จะให้ห้ามมันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกนะ งั้นช่วยทำให้มันหายหน่อยสิ”
โจ๊กเกอร์ใช้มือข้างที่ว่างอยู่ ดึงกางเกงลงแท่งเอ็นดันตัวขึ้นมาปะทะเข้ากับริมฝีปากที่ขนาบอยู่ด้านข้างพอดิบพอดี
“ว้าว องศาเป๊ะชะมัด”
แบคฮยอนพยายามเบือนหน้าหนี แต่แรงกำมือของโจ๊กเกอร์มันแรงมากจนเหมือนผมของเขาแทบจะหลุดออกมา
“ทำดีๆหน่อยสิ ถ้ายอมง่ายๆฉันจะไม่ทำให้ร่างกายของนายต้องเจ็บมากนัก เหมือนที่ชานยอลมันขอร้องเอาไว้ไง..”
“ใครจะไปบ้าอมให้หว่ะ!! อ๊าก!!!” โจ๊กเกอร์จิกหัวแรงขึ้น “อย่าต่อต้านมากนักจะได้ไหม...”น้ำเสียงของเขาเริ่มแข็งกร้าว แบคฮยอนเริ่มหมดหนทางที่จะเอาตัวรอด
“หน่านะ.. นี้ก็ช่วยรักษาได้เหมือนกัน”
แบคฮยอนกลืนน้ำลาย ก่อนจะค่อยอ้าปากเล็กน้อยประกบเข้าที่ด้านข้างแท่งร้อน โจ๊กเกอร์ในร่างชานยอลบังคับหัวของอีกฝ่ายเหมือนกำลังเล่นตู้เกม เขาย้ายให้ปากที่ขนาบอยู่ด้านข้างขึ้นไปอมอยู่บนหัวของมัน รูดริมฝีปากขึ้นลง ทุกการเคลื่นไหวเป็นไปตามการควบคุมจากชานยอล ช้าบ้าง เร็วบ้าง ชานยอลหายใจอ่อนระทวยทุกส่วนของร่างกายเริ่มแข็งเกร็ง ฟันคู่หน้าของแบคฮยอนขูดเข้าที่ผิว ชานยอลร้องครางเสียงกระเส่าด้วยความเสียวซ่าน ปากสีหวานดูดกลืนองคชาติเข้าไปจนสุดลำ อีกฝ่ายดูไม่ค่อยอภิรมย์กับมันเท่าไหร่ เขาพยายามใช้ฟันกดทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด แต่เปล่าเลยมันยิ่งกระตุ้นให้ชานยอลมีอารมณ์มากกว่าเก่า มือแกร่งจับหัวของแบคฮยอนโยกขึ้นลงเร็วขึ้น ส่วนท่อนล่างเริ่มอุณหภูมิสูงขึ้นและมีการขยายขนาด ไม่นานนักชานยอลทนความเสียวกระสันนั้นไม่ไหวส่งผลให้น้ำขาวขุ่นพุ่งปะทะเข้ากับทุกส่วนในปากของแบคฮยอนจนเต็ม
ชานยอลหายใจหอบ เขาดึงหัวของอีกฝ่ายขึ้นมา น้ำกามยังคงอยู่เต็มจนไหลเยิ้มออกมาที่มุมปาก แบคฮยอนเบะปาก เขาแทบอยากจะบ้วนน้ำสกปรกนั้นออกมา
“กลืน...”
“…”
“ฉัน บอก ให้ กลืน..”
แบคฮยอนฝืนใจตัวเอง เขาค่อยๆกลืนน้ำอสุจิของชานยอลลงคอไป ถึงรู้ว่าน้ำย่อยในกระเพาะอาหารสามารถจะย่อยมันได้ แต่มันยังทิ้งคราบสีขาวแสนโสโครกเอาไว้เต็มปาก แบคฮยอนใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำกามที่มุมปาก
“เก่งมาก...” ชานยอลลูบหัวด้วยความเอ็นดูเหมือนเด็กๆ แต่แบคฮยอนกลับใช้สายตาจ้องด้วยความโกรธ
“ฉันไปได้รึยัง!?”
“อยู่คุยกันก่อนสิ” อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้าง แบคฮยอนแทบอยากจะหนีออกไปให้ไกลจากคนแบบนี้
“...”
“อย่าเยอะให้มาก คิดหรอว่าจะทำตัวแบบนี้กับฉันได้”
“ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับทุกคน” แบคฮยอนทำท่าจะเดินหนี แต่ชานยอลคว้าข้อมือเขาไว้ได้ ครั้งนี้แบคฮยอนไม่ยอมอ่อนข้อตามอีก เขากระชากแขนสุดแรง แต่เหมือนทำให้ข้อมือของเขาบาดเจ็บ
“อ้าก!!!!!!”
เหมือนกระดูกของแบคฮยอนแทบแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มันเจ็บร้าวเข้าไปถึงกล้ามเนื้อชานยอลลุกขึ้นจากเตียง เขาจัดการกระชากแขนของอีกฝ่ายให้เดินตามตัวเองไป เขาผลักให้แบคฮยอนกระแทกเข้ากับผนังห้องจนอีกฝ่ายร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด อีกฝ่ายเปิดลิ้นชักตรงโต๊ะหัวเตียงหยิบมีดสั้นคมวาวขึ้นมา ก่อนจะเดินตรงมาหาแบคฮยอนที่นั่งพิงผนังห้อง
“ถ้าเกิดแกเอาเรื่องนี้ไปบอกชานยอล...” ปลายมีดลูบไล้อยู่ที่ใบหน้า ชานยอลออกแรงกรีดมันเล็กน้อยจนเป็นรอยแผลลึกลงไป
“ฉันจะทรมานแกให้สาสม ทำเหมือนแกเป็นของเล่นจะไม่มีคำว่าปราณีไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม..”
โจ๊กเกอร์ในร่างของชานยอลแสยะยิ้ม “แล้วถ้าแกยังมีความกล้าพอที่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น..”
“เครียมตัวเห็นคนในโรงพยาบาลตายไปทีละคนได้เลย...” ปากของโจ๊กเกอร์สั้นระริก มันฝืนยิ้ม และหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง มือไม้เกร็งหงิกงอ แบคฮยอนเขยิบกายถอยห่างด้วยความหวาดกลัว ชานยอลยื่นจมูกไปสูดกลิ่นกายอย่างเสน่หา เขาจัดการยกแขนที่ไร้เรี่ยวแรงของแบคฮยอนให้สูงเหนือหัว
มือที่ชานยอลเริ่มอยู่ไม่สุข มันล่วงเข้าไปในกางเกงสีฟ้าอ่อนของอีกฝ่าย ฝ่ามือที่หยาบกร้านสัมผัสเข้าที่น้องชายของแบคฮยอน มันหยอกล้อกับแท่งร้อนของแบคฮยอนอย่างสนุกสนาน แบคฮยอนสกัดกั้นอารมณ์ไม่ให้ไหลไปตามการสัมผัสของชานยอล เขาครางในลำคอและเผลอกดริมฝีปากของตัวเองจนบวมแดง
“ชอบก็ครางออกมาสิ..”
“ม-ไม่.. อ-อ๊า..”
แบคฮยอนฝืนตัวเองไม่ให้มีอารมณ์ร่วมตาม บัดนี้กางเกงของแบคฮยอนเริ่มเปียกด้วยคราบน้ำข้นเหนียวบางอย่าง แก้มนวลของเขาเริ่มเป็นสีแดงระเรื่อ ลมหายใจของเขาเริ่มร้อนผ่าว ชานยอลชักมือที่เต็มไปด้วยน้ำเมือกออกมาจากกางเกง
เขาเลียมันเหมือนลูกแมวที่กำลังเลียมือของตัวเอง ชานยอลสอดหัวตัวเองให้เข้าไปในเสื้อแบคฮยอน ใช้ฟันขบเข้าที่ยอดอกสีชมพูที่กำลังบวมเป่ง แบคฮยอนห้ามอารมณ์และความต้องการของร่างกายตัวเองไม่ไหว ปล่อยให้ร่างกายเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ชานยอลอยากจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบถึงแม้ลิ้นของอีกฝ่ายจะสากและก็สร้างความเสียวให้แก่แบคอยอนได้ไม่น้อย
“ช-ชาน... ชานยอล..อ๊ะ อ๊ะ...” แบคฮยอนหลับตาพริ้มด้วยความสุขสม ตอนนี้เขาเผลอสนุกไปกับมันแล้วสิ....ชานยอลถอดเสื้อของอีกฝ่ายออกได้อย่างง่ายดาย เขาดูดยอดอกที่ชูชันเปรียบดั่งดูดน้ำนมออกจากอกแม่
“คราง... ครางออกมา…”
“ม-ไม่… อ๊ะ... อ๊ะ.. อ่า.. อื้ม.. ”
แม้ปากของตัวเองจะพูดคำว่าไม่เป็นร้อยๆครั้ง แต่ร่างกายกลับโหยหาแต่ไอนั้นของชานยอลมากกว่าสิ่งอื่นใด อีกฝ่ายดึงกางเกงของแบคฮยอนออก ดันตัวของอีกฝ่ายให้สูงขึ้น จับเรียวขาบางขนาบข้างส่วนลำตัวของเขา จูบปากอวบอิ่มอย่างโหยหา ลิ้นร้อนของทั้งสองพันกันอย่างเหนียวแน่นแทบประสานเป็นหนึ่งเดียว แบคฮยอนแทบคลั่ง ลีลาการจูบของชานยอลมันทำให้ตัวเขาแทบจะสติแตก แบคฮยอนโอบรัดบ่าของอีกฝ่ายไว้ ชานยอลผละริมฝีปากออก เขาเลียไปทั่วใบหน้าของอีกฝ่าย ดูเหมือนชานยอลจะชอบตรงส่วนคอของแบคฮยอนเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่ลมหายใจร้อนๆปล่อยให้รดลำคอ แบคฮยอนรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลไปตามร่างกาย มันเสียวกระสันจนแทบทนไม่ไหว มือหยาบประคองสะโพกสวยของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะค่อยดันแท่งร้อนของตัวเองให้เข้าไปเล่นสนุกในช่องทางสีหวาน
นิ้วเท้าของแบคฮยอนเกร็งจัดและหงิกงอ ชานยอลใส่มันมาแค่ครึ่งลำ นั้นทำให้แบคฮยอนแทบคลั่ง เขาอยากได้มันมากกว่านี้
“ถ-ถ้าจะใส่ก็ใส่มาสิ... ย-อย่าแกล้งกันแบบนี้... อ๊ะ...”
แบคฮยอนแพ้ให้กับการเล่นหยอกล้อความเสียวของอีกฝ่าย ตัวเขาซึ่งมีความอดทนต่ำอยู่แล้วจึงทนไม่ไหวเมื่อต้องมาเจออะไรครึ่งๆกลางๆแบบนี้
“บอกว่ารักฉัน... บอกว่าต้องการฉันสิ...”
“รัก..รัก... แต่ตอนนี้.. ได้โปรดอย่าแกล้งกันแบบนี้”
ชานยอลไม่รอช้าดันแท่งร้อนให้เข้าไปจนมิด แบคฮยอนร้องครางออกมาร่างกายกระตุกทุกครั้งที่ชานยอลออกแรงกระแทก ในหัวของเขามันขาวโพลน
ชานยอลจิกเขาที่สะโพกขาวของแบคฮยอนด้วยความเสียว ทุกครั้งที่มันเสียดสีเข้ากับโพรงสีหวานของแบคฮยอน มันจะตอดรัดกันอย่างรุนแรง
“อ๊ะ.. อืออ บ-แบค... ดีจังเลยนะ...อ-อื้มม..”
ยิ่งชานยอลเรียกชื่อของเขามากเท่าใด แบคฮยอนยิ่งตอดรัดและปรนเปรอความสุขให้อีกฝ่ายมากเท่านั้น
เหมือนหัวมนของแท่งร้อนจะไปเจอเข้ากับตำแหน่งจุดเสียวของแบคฮยอนเข้าพอดี เมื่อมันเข้าไปสัมผัสกันยิ่งเพิ่มความใคร่ของทั้งสองให้มากขึ้น
“บ-แบค... แบค..ฮยอน... ฮ่ะๆ...”
องคชาติของชานยอลเริ่มพองตัวขึ้นจนแบคอยอนสัมผัสถึงการขยายขนาดของมันได้ แบคฮยอรครางเสียงหวานออกมาไร้ซึ่งยางอาย เสียงหวานๆยิ่งปลุกความเป็นชายของอีกฝ่ายมากขึ้น มากขึ้น
น้ำสีขาวถูกอัดฉีดเข้าไปทั่วโพรงสีหวาน ชานยอลร่างกายกระตุก อีกฝ่ายสวมกอดชานยอลเอาไว้อย่างแนบชิด เขาลืมไปแล้วว่าผู้ชายตรงหน้าคือโจ๊กเกอร์ คนที่เป็นทั้งฆาตกร เป็นทั้งโรคจิต
และยังเป็นเจ้าของร่างกายของแบคฮยอนด้วย
ชานยอลอุ้มแบคฮยอนไปวางบนเตียงนอน อีกฝ่ายเหลืบตามองชานยอลที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดทำได้ง่ายๆ ในเมื่อเรื่องมันดำเนินมาจนถึงขนาดนี้ จะให้ถอยหลังกลับไปตั้งหลักใหม่ก็คงไม่ได้แล้ว
“อยากจะทำอะไรก็ทำเลย..”
-----------------------------
อยากหวีดติดแท๊ก #ฟิคชานยอลวิปโยค หวีดกันในทวิตนะคะ
แวะเข้ามาพูดคุยกันหรือเข้ามาทวงฟิคได้ที่ @Beam_Minami นะคะ
ชานยอลตื่นจากฝันร้ายอีกครั้ง แน่นอนเขาไม่เคยได้สัมผัสฝันดีเหมือนคนอื่นๆ ทุกค่ำคืนยามหลับตา หากไม่ฝันถึงโจ๊กเกอร์ก็จะไม่รู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่พอตื่นขึ้นมาอาจจะมาอยู่ที่อื่นแล้วก็ได้
นั้นเป็นเพราะโจ๊กเกอร์กำลังควบคุมร่างกายชานยอลอยู่
ชานยอลรู้ตัวดีเสมอว่ากำลังทำอะไร หรือโรคที่เขาป่วยคืออะไร เขาก็ไม่เคยปล่อยให้เวลาหรือทุกอย่างผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ทุกวันหลังจากตื่นนอนและทำกิจธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว เขาจะมานั่งอ่านหนังสือบนโซฟาตัวโปรด
อย่างน้อย ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นอะไรก็ยังดีกว่านั่งเฉยๆไม่ทำอะไรเลย
เขายังคงเปิดหนังสือเล่มเดิมที่อ่านค้างไว้ เขาใช่เวลาตลอดทั้งวันเพื่อนั่งอ่านมันและอีกหลายๆเล่มที่ยังต้องอ่าน
จากกรณีศึกษาเรื่องบุคลิกภาพที่แปรปรวน เขาเจอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่น่าสนใจ แม้มันจะเป็นเพียงแค่นวนิยาย แต่ก็มีประโยชน์มากสำหรับชานยอล
นิยายเรื่องนี้คือDr. Jekyll and Mr. Hyde ของ Robert Louis Stevens เป็นเรื่องราวที่นำเสนอเกี่ยวกับ Dr. Jekyllj นักวิทยาศาสตร์และหมอหนุ่ม เขาคือมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบในทุกๆด้าน Dr. Jekyllj มีแนวความคิดว่า มนุษย์ทุกคนมีด้านดีและด้านไม่ดีอยู่ในคนเดียวกัน ทั้งสองด้านอยู่เกี่ยวพันกันอย่างเหนียวแน่น เขาเชื่อว่าหากทำให้ด้านดีแยกออกมาจากอีกด้านหนึ่งได้ ความดีจะเป็นอิสระและความชั่วอีกด้านจะไม่สามารถทำอะไรเราได้ Dr.Jekyllj จึงคิดค้นยาชนิดพิเศษขึ้นมา แต่มันกลับผิดพลาด เพราะยานี้กลับทำให้ด้านไม่ดีของเขาถูกปลุกขึ้นมา มันเรียกตัวเองว่า Mr. Hyde
คือศูนย์รวมของความชั่วช้าทุกรูปแบบ มันเป็นจิตใต้สำนึกของ Dr.Jekyllj เมื่อมันออกมา ความเลวร้ายจะบังเกิดขึ้น ทุกอย่างจะอยู่เหนือการควบคุม เมื่อกลับมาอยู่ในร่างเดิม เขาจำอะไรไม่ได้ Dr.Jekyllj พยายามที่จะหยุดเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่มันจะบานปลาย
แต่นี้มันก็แค่นิยายที่นำเสนอทฤษฎีด้านจิตวิทยาเท่านั้น แต่เรื่องแบบนี้กลับเกิดขึ้นกับชานยอล เขาคิดว่าอาการป่วยของเขาคล้ายๆกับDr.Jekyllj เพียงแต่มันไม่ได้ถูกปลุกจากฤทธิ์ยา แต่มันถูกปลุกเพราะการลงมือฆ่าที่ดึงจิตใจด้านมืดของเขาออกมา
ชานยอลจึงคิดว่า การได้อยู่เงียบๆตัวคนเดียว ในที่ๆปราศจากผู้คน สิ่งยั่วยุ อาจทำให้สิ่งชั่วร้ายนั้นไม่ปรากฏออกมา แต่แน่นอนตั้งแต่คุณแบคฮยอนเข้ามาทำการรักษาเขา มันเหมือนมีแรงกระตุ้นบางอย่างจากตัวของอีกฝ่าย เหมือนโจ๊กเกอร์จะถูกใจในตัวคุณแบคฮยอนเป็นอย่างมาก มันพยายามหาทางที่จะได้มาปรากฏกายอยู่บ่อยๆ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย การอยู่ให้ห่างจึงน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
.
.
แบคฮยอนนอนกุมท้องตัวเองบนเตียงในห้องพัก เขาร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดและทรมาน เหมือนเครื่องในของเขาแทบแหลกเหลว แบคฮยอนเอาแต่อาเจียนออกมาหลายครั้ง
"เจ็บ.. เจ็บเหลือเกิน.."
ตัวเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ตั้งแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แบคฮยอนแทบควบคุมสติเอาไว้ไม่อยู่ เรื่องที่โดนต่อยไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องโดนโจ๊กเกอร์กระทำกานหยาบโลนกับร่างกายเขานี้มัน...
ถึงจะรู้ว่ามันไม่ใช่ชานยอล แต่ก็นึกโกรธขึ้นมาไม่ได้
แบคฮยอนรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ ลุกจากเตียง ถอดเสื้อออก เผยให้เห็นรอยช้ำสีแดงอมม่วงตรงบริเวณหน้าท้อง เขาพยายามไม่สนใจที่จะมองมัน รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนเดินออกจากห้องไป
"คยองซู.. อยู่ไหม.."
แบคฮยอนหยุดยืนเรียกอยู่หน้าห้อง คยองซูเปิดประตูออกมารับด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
"มีอะไร?"
"มีเรื่องอยากจะให้ช่วยหน่อย.."
คยองซูรีบปิดประตูทันที แต่อีกฝ่ายดันประตูเอาไว้ เขาทำสีหน้าเว้าวอน คยองซูถอนหายใจและเปิดประตูรับอีกฝ่ายเข้ามาด้วยความไม่เต็มใจ
“มีอะไร..”
“ มีเคสรักษาอยู่ที่อยากให้นายช่วยวินิจฉัยอาการให้หน่อย” คยองซูนั่งนิ่ง เขาเอื้อมมือไปหยิบสมุดจดกับปากกามาจากหัวเตียง รวบรวมสมาธิเพื่อตั้งใจฟังในสิ่งที่แบคฮยอนกำลังจะพูด
“คือ..นี้เป็นเคสของชานยอลนะ จากอาการเท่าที่ฉันสังเกตดูก็ดูเหมือนคนปกติดีนะ เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่สมบูรณ์แบบในทุกๆด้าน ถึงแม้ตอนอยู่ในโรงพยาบาลแต่เขาก็ยังเป็นสุภาพบุรุษ แต่ชานยอลกลับบอกว่าตัวเขามีอีกด้านหนึ่งทีเป็นด้านชั่วร้าย มันเรียกแทนตัวเองว่าโจ๊กเกอร์ ชานยอลบอกว่าเขาสามารถควบคุมมันได้ ถ้าหากไม่มีสิ่งมากระตุ้น แต่บางครั้งเขาก็ไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรลงไป ชานยอลเล่าว่าที่ตัวเองเป็นแบบนี้เพราะว่าเผลอฆ่าน้องชายตัวเอง ทำให้เหมือนไปปลุกสัญชาติญาณอีกด้านหนึ่งออกมา.. ”
“แล้วนายได้เจอบุคลิกอีกด้านของชานยอลรึยัง??”
“เจอแล้ว.. ตอนเจอกันมันชอบพูดจาหยาบคายไม่เข้าหู หัวเราะเสียงเล็กแหลมแสบแก้วหู แถมยังชอบใช้กำลังด้วย..” แบคฮยอนเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องที่ตัวเองโดนโจ๊กเกอร์ทำร้ายร่างกายให้คยองซูฟัง อีกฝ่ายนั่งนิ่งอยู่นาน นิ้วควงปากกาที่อยู่ในมืออยู่นาน
“มันเหมือนนิยายที่ฉันเคยอ่านเลย เรื่องDr. Jekyll and Mr. Hyde เลย..”
“เหมือนยังไงหรอ??..”
“อาการเหมือนกันจนน่าแปลกใจ แต่มันเป็นนิยายที่ยกเอาทฤษฎีSplit Personality จิตเภทหรือจิตแตกแยกในเรื่องพูดถึงหมอหนุ่มคนหนึ่งที่เพรียบพร้อมในทุกๆด้าน เขาสนใจในเรื่องของการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับจิตวิญญาณของมนุษย์ เขามีความเชื่อว่ามนุษย์นั้นไม่ได้มีเพียงร่างเดียว แต่มีสองร่างนั้นก็คือร่างด้านดีและร่างด้านเลว ซึ่งร่างทั้งสองด้านนี้สามารถแยกออกจากกันได้ทุกเมื่อ มันก็คือตัวตนที่ถูกเปิดเผยกับตัวตนที่ถูกซ่อนเร้นเอาไว้นั่นเอง จนในที่สุดวันหนึ่งเขาจึงได้ทดลองน้ำยาอันตรายที่สามารถเปลี่ยนบุคลิกจิตใจของมนุษย์ได้ Dr. Jekyll ยอมเป็นหนูทดลองดื่มยาอันตราย โดยไม่รู้ว่ายานั้นมันจะเปลี่ยนชีวิตเขาไป และสร้างบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวที่มันแอบซ่อนเร้นหลับใหลอยู่ในจิตใจคือ Mr. Hyde..”
“เหมือนของชานยอลเลย.. แต่แค่เขาไม่ได้ดื่มยา งั้นมันก็น่าจะต้องมีวิธีรักษา”
“นายคิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรอ...”
“ท-ทำไมหล่ะ???”
“บทสรุปของนิยายเรื่องนี้คือ Dr.Jekyll ต้องตาย เพราะมันสามารถควบคุมมันไว้ได้ แล้วนายคิดว่าแค่ให้ยา รักษาตามอาการมันจะช่วยได้งั้นหรอ??”
“...”
“นายรู้จักเซฮุนใช่ไหม ถ้านายคิดว่าอาการของเซฮุนน่ากลัวแล้ว ชานยอลก็นับได้ว่าเป็นคู่มวยที่สูสีกับเซฮุนพอตัวเลย จากที่ได้ฟังนายเล่ามา ชานยอลคิดว่าสามารถควบคุมตัวเองได้ แต่เปล่าเลย.... บุคลิกด้านไม่ดีของเขาพร้อมที่จะออกมาเพ่นพ่านข้างนอกได้ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าโจ๊กเกอร์ขาดความยับยั้งชั่งใจในหลายๆเรื่องโดยเฉพาะเรื่องการฆ่าคนนี้แหละ ที่มันสามารถทำได้โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยฟังฉันนะแบคฮยอน.. ที่ชานยอลไม่มีหมอคนไหนมารักษาสักที อาจเป็นเพราะคงกลัวจะโดนชายอลฆ่าหล่ะมั้ง... แต่แปลกมากที่นายอยู่รอดมาได้ ฮ่ะๆๆ ” คยองซูหัวเราะกับมุขฝืดของตัวเอง แบคฮยอนคิดว่ามันไม่ตลกเลยสักนิดที่ตัวเองต้องมาเจออะไรแบบนี้
“แล้วไม่มีวิธีรักษาบ้างเลยหรอ??”
“ก็คงต้องฆ่าทิ้งอย่างเดียว.. ก็อย่างที่รู้ๆว่ามันควบคุมไม่ได้ วันดีคืนดีอาจจะลุกขึ้นมาไล่ฆ่าคนในโรงพยาบาลเป็นผักปลาก็ได้ หรือถ้าอยากช่วยขนาดนั้นก็อยู่เฉยๆ จะได้ปลอดภัยทั้งสองฝ่าย”
แบคฮยอนถอนหายใจทิ้ง ใจหนึ่งก็อยากจะช่วยให้ชานยอลหายจากอาการประหลาดนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวเช่นกัน
ตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากเอาชีวิตไปทิ้งหรอกนะ
“นายลองให้ลิเที่ยม*กับชานยอลก็ได้ ฉันคิดว่ามันคงช่วยได้บ้าง..” คยองซูให้คำแนะนำ แบคฮยอนได้แต่พยักหน้ารับช้าๆ เขากังวลกับการจัดยาให้กับชานยอลพอสมควร กลัวว่ามันจะเข้าไปกระตุ้นมากกว่าที่จะช่วยบรรเทา
แบคฮยอนเดินถือถาดยาตรงไปยังห้องคนไข้ชานยอล เขาเคาะประตูเป็นเชิงเรียก ชานยอลเป็นฝ่ายเปิดประตูออกมารับแบคฮยอนด้วยตัวของเขาเอง เขาดูมีท่าทีตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าของชานยอล แบคฮยอนเอาแต่จ้องหน้าของอีกฝ่ายและยืนตัวแข็งเป็นหินอยู่หน้าห้อง
“คุณแบคฮยอนครับ... คุณแบคฮยอนครับ..”
“ห๊ะ...ครับ??!!”
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ??”
แบคฮยอนสั่นหัว “ม-ไม่.. เอ่อ...คือผมเอายามาให้นะครับ” แบคฮยอนยื่นถาดให้ชานยอลรับไว้อย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณมากครับ.. จะเข้ามาในห้องไหมครับ??” แบคฮยอนคิดหนัก กลัวว่าถ้าเข้าไปแล้วจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับตัวเอง
“ข-เข้าครับ..” แบคฮยอนแทรกกายผ่านตัวชานยอลเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว แบคฮยอนพยายามมองหาเก้าอี้ ชานยอลวางถาดยาลงบนโต๊ะหัวเตียง เขาลากเก้าอี้มาให้อีกฝ่ายอย่างเงียบๆ
“อันนี้คือยาอะไรหรอครับ??”
“ลิเที่ยมครับ ผมจะให้ในครั้งละ900มิลลิกรัมต่อวัน อาจจะมีสลับกับยาตัวอื่นบ้างตามความเหมะสม”
“ขอบคุณมากนะครับ คุณแบคฮยอน ถ้าไม่ได้คุณผมคงต้องนั่งเฉยๆในห้องไปตลอด ยังดีที่มียาที่จะพอช่วยรักษาผมได้”
“...”
แบคฮยอนอดที่จะสงสารไม่ได้ มันไม่มีหรอกยาที่จะช่วยรักษาอาการของชานยอลได้ ลิเที่ยมแค่ช่วยประคองอาการของชานยอลเอาไว้เท่านั้น ทั้งที่จริงการรักษาคือการใช้จิตบำบัดหรือการสะกดจิต แต่แบคฮยอนไม่มีความรู้มากพอ ขืนทำไปอาจทำให้อาการยิ่งแย่ไปกว่าเดิมก็ได้
“เอ่อ..คือ.. เมื่อวานชานยอลได้ออกไปไหนรึเปล่า??”
“ก็ไม่นะครับ... อย่าบอกนะว่า...” ชานยอลหน้าซีดเผือด “ช่วยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้หน่อยสิครับ” ชานยอลสีหน้าเคร่งเครียด แบคฮยอนนั่งนิ่งอยู่นานจนสุดท้ายก็ตัดสินใจพูดออกมา
“เมื่อวานตอนกลางคืน ผมไปที่ดาดฟ้าของตึกหมอกับบุรุษพยาบาล ผมเห็นคุณยืนอยู่ที่รั้วกั้น.. ผมเข้าไปทักว่าทำไมถึงมายืนอยู่ตรงนี้ แต่แล้ว.. มันกลับไม่ใช่คุณ มันกลับเป็นโจ๊กเกอร์… ”
“มันทำอะไรคุณแบฮยอนไว้บ้างครับ??!!”
“ม-ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ก็แค่โดนต่อยท้อง--”
“ขอผมดูหน่อย!”
“ไม่ต้องถึงกับขนาดนั้นหรอกครับ.. มันไม่ได้เป็นอะไรมาก--”
ชานยอลไม่ฟังคำห้ามของอีกฝ่าย เขาคุกเข่านั่งลงยื่นมือไปค่อยๆปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด ทำให้เห็นถึงรอยช้ำที่เกิดจากการโดนต่อย มันเริ่มบวมคล้ำและเป็นสีม่วงน่าเกลียดกว่าเมื่อเช้า ชานยอลตกใจมาก มือที่ใช้ลูบรอยแผลนั้นสั่นเทา
“ผม..ผมขอโทษ”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกครับ อีกอย่างคุณก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าทำอะไรลงไป” แบคฮยอนพยายามยิ้มให้อีกฝ่ายไม่คิดมาก แต่เมื่อชานยอลเงยหน้าขึ้นมาสบตากับแบคฮยอน น้ำตาที่แทบเอ่อล้นออกมาของแบคฮยอน นั้นทำให้ชานยอลกังวลมากยิ่งกว่าเก่า
“ไม่ต้องห่วงครับ อีกเดี๋ยวก็หายดีแล้ว”
“ผมขอโทษจริงๆครับ ทั้งที่ผมบอกไปแล้วว่าจะควบคุมมันให้ดี แต่ผมกลับปล่อยให้มันทำร้ายคุณได้มากขนาดนี้”
“อย่าโทษตัวเองแบบนั้นสิครับ คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก” แบคฮยอนติดกระดุมเสื้อกลับเข้าที่เดิม ชานยอลลุกขึ้นไปหยิบยามาทานอย่างรวดเร็ว
“ช-ชานยอล ทำอะไร!!??”
“ผมจะรีบกินยาให้เร็วที่สุด มันจะได้รีบหาย จะได้ไม่ต้องทำร้ายคุณอีก”
“แต่ถ้ากินติดกันแบบนั้น มันจะมีผลข้างเคียงนะรีบคายออกมา!!”
“ไม่ครับ คุณแบคฮยอนครับ.. ได้โปรดอยู่ให้ห่างจากตัวผม..ผมไม่อยากให้คุณต้องมาเจ็บตัวอีก”
ชานยอลหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาทำท่าว่าจะแทงมันเข้าไป แบคฮยอนรีบเดินเข้าไปยื้อแย่งมาจากมือ
“อันนี้ห้ามฉีดด้วยตัวเองเด็ดขาดนะ ยานอนหลับตัวนี้มันแรงมาก ถ้าเกิดใช้มากเกินขนาดนายจะเป็นอันตรายนะ!! ”
“ฉีดแล้วผมจะได้ไม่ต้องตื่นขึ้นมาทำร้ายคนรอบข้างอีกไงครับ”
แบคฮยอนปล่อยมือออกทันที “งั้นก็อยู่เฉยๆ... ผมจะทำให้เอง” ชานยอลเลิกโวยวาย เขายอมให้อีกฝ่ายฉีดยานอนหลับให้แต่โดยดี
แบคฮยอนนั่งเฝ้าชานอยลอยู่ข้างเตียงจนอีกฝ่ายหลับไป แบคฮยอนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเหนื่อยอ่อน เขานึกสงสารชานยอลขึ้นมาที่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้
ทำไมคนดีๆแบบนี้ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ?
ขณะที่แบคฮยอนกำลังจะลุกออกไปนั้น มือแกร่งของชานยอลคว้าข้อมือเล็กของอีกฝ่ายไว้ ชานยอลลืมตาตื่นขึ้นมา แววตาจ้องเขม็งมาที่แบคฮยอน
“ม-มีอะไรอีกรึเปล่า..” แบคฮยอนพยายามสะบัดข้อมือออก ชานยอลบีบมือแน่นขึ้นเรื่อยจนอีกฝ่ายต้องออกแรงกระชาก
“ชานยอล!! ปล่อย!”
“ปากมากจังนะ.. บอกไอชานยอลมันทำไม!!”
“นายพูดอะไรของนาย--”
ชานยอลตบเข้าที่หน้าของแบคอยอนอย่างแรงจนหน้าหัน แบคฮยอนพยายามจะเอาคืนอีกฝ่าย แต่เล็บของชานยอลจิกเข้าที่ผิวหนังขาวนวลอย่างแรง จนแบคฮยอนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ว่าแกทำอะไรลงไปบ้าง..”
“แล้วนายจะทำอะไรได้ นายโดนยานอนหลับไปแล้ว!!”
“ต่อจะให้ยามากขนาดไหน ฉันก็ไม่มีทางหลับหรอก ยานั้นก็แค่มีผลต่อชานยอลเท่านั้นแหละ.. ”
แบคฮยอนพยายามสะบัดข้อมือออก โจ๊กเกอร์จับหัวอีกฝ่ายให้ก้มลงแนบกับช่วงล่างของเขา มือไม้เหวี่ยงไปรอบตัวพยายามยันตัวขึ้น เหมือนมันมีอะไรบางอย่างดันตัวขึ้นมาชนเข้ากับใบหน้าของเขาอย่างจัง
อย่าบอกนะว่ามันคือ...
“อู้ฮู้ว... ดูเหมือนว่าไอน้องชายของผมมันจะชักตื่นเต้นขึ้นมาแล้วสิ ฮึฮึ”
“ทั้งๆที่ทำแบบนี้อยู่ ยังจะมามีอารมณ์งั้นหรอ!!!”
“มันเป็นเหตุสุดวิสัยนี้ครับ จะให้ห้ามมันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกนะ งั้นช่วยทำให้มันหายหน่อยสิ”
โจ๊กเกอร์ใช้มือข้างที่ว่างอยู่ ดึงกางเกงลงแท่งเอ็นดันตัวขึ้นมาปะทะเข้ากับริมฝีปากที่ขนาบอยู่ด้านข้างพอดิบพอดี
“ว้าว องศาเป๊ะชะมัด”
แบคฮยอนพยายามเบือนหน้าหนี แต่แรงกำมือของโจ๊กเกอร์มันแรงมากจนเหมือนผมของเขาแทบจะหลุดออกมา
“ทำดีๆหน่อยสิ ถ้ายอมง่ายๆฉันจะไม่ทำให้ร่างกายของนายต้องเจ็บมากนัก เหมือนที่ชานยอลมันขอร้องเอาไว้ไง..”
“ใครจะไปบ้าอมให้หว่ะ!! อ๊าก!!!” โจ๊กเกอร์จิกหัวแรงขึ้น “อย่าต่อต้านมากนักจะได้ไหม...”น้ำเสียงของเขาเริ่มแข็งกร้าว แบคฮยอนเริ่มหมดหนทางที่จะเอาตัวรอด
“หน่านะ.. นี้ก็ช่วยรักษาได้เหมือนกัน”
แบคฮยอนกลืนน้ำลาย ก่อนจะค่อยอ้าปากเล็กน้อยประกบเข้าที่ด้านข้างแท่งร้อน โจ๊กเกอร์ในร่างชานยอลบังคับหัวของอีกฝ่ายเหมือนกำลังเล่นตู้เกม เขาย้ายให้ปากที่ขนาบอยู่ด้านข้างขึ้นไปอมอยู่บนหัวของมัน รูดริมฝีปากขึ้นลง ทุกการเคลื่นไหวเป็นไปตามการควบคุมจากชานยอล ช้าบ้าง เร็วบ้าง ชานยอลหายใจอ่อนระทวยทุกส่วนของร่างกายเริ่มแข็งเกร็ง ฟันคู่หน้าของแบคฮยอนขูดเข้าที่ผิว ชานยอลร้องครางเสียงกระเส่าด้วยความเสียวซ่าน ปากสีหวานดูดกลืนองคชาติเข้าไปจนสุดลำ อีกฝ่ายดูไม่ค่อยอภิรมย์กับมันเท่าไหร่ เขาพยายามใช้ฟันกดทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด แต่เปล่าเลยมันยิ่งกระตุ้นให้ชานยอลมีอารมณ์มากกว่าเก่า มือแกร่งจับหัวของแบคฮยอนโยกขึ้นลงเร็วขึ้น ส่วนท่อนล่างเริ่มอุณหภูมิสูงขึ้นและมีการขยายขนาด ไม่นานนักชานยอลทนความเสียวกระสันนั้นไม่ไหวส่งผลให้น้ำขาวขุ่นพุ่งปะทะเข้ากับทุกส่วนในปากของแบคฮยอนจนเต็ม
ชานยอลหายใจหอบ เขาดึงหัวของอีกฝ่ายขึ้นมา น้ำกามยังคงอยู่เต็มจนไหลเยิ้มออกมาที่มุมปาก แบคฮยอนเบะปาก เขาแทบอยากจะบ้วนน้ำสกปรกนั้นออกมา
“กลืน...”
“…”
“ฉัน บอก ให้ กลืน..”
แบคฮยอนฝืนใจตัวเอง เขาค่อยๆกลืนน้ำอสุจิของชานยอลลงคอไป ถึงรู้ว่าน้ำย่อยในกระเพาะอาหารสามารถจะย่อยมันได้ แต่มันยังทิ้งคราบสีขาวแสนโสโครกเอาไว้เต็มปาก แบคฮยอนใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำกามที่มุมปาก
“เก่งมาก...” ชานยอลลูบหัวด้วยความเอ็นดูเหมือนเด็กๆ แต่แบคฮยอนกลับใช้สายตาจ้องด้วยความโกรธ
“ฉันไปได้รึยัง!?”
“อยู่คุยกันก่อนสิ” อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้าง แบคฮยอนแทบอยากจะหนีออกไปให้ไกลจากคนแบบนี้
“...”
“อย่าเยอะให้มาก คิดหรอว่าจะทำตัวแบบนี้กับฉันได้”
“ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับทุกคน” แบคฮยอนทำท่าจะเดินหนี แต่ชานยอลคว้าข้อมือเขาไว้ได้ ครั้งนี้แบคฮยอนไม่ยอมอ่อนข้อตามอีก เขากระชากแขนสุดแรง แต่เหมือนทำให้ข้อมือของเขาบาดเจ็บ
“อ้าก!!!!!!”
เหมือนกระดูกของแบคฮยอนแทบแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มันเจ็บร้าวเข้าไปถึงกล้ามเนื้อชานยอลลุกขึ้นจากเตียง เขาจัดการกระชากแขนของอีกฝ่ายให้เดินตามตัวเองไป เขาผลักให้แบคฮยอนกระแทกเข้ากับผนังห้องจนอีกฝ่ายร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด อีกฝ่ายเปิดลิ้นชักตรงโต๊ะหัวเตียงหยิบมีดสั้นคมวาวขึ้นมา ก่อนจะเดินตรงมาหาแบคฮยอนที่นั่งพิงผนังห้อง
“ถ้าเกิดแกเอาเรื่องนี้ไปบอกชานยอล...” ปลายมีดลูบไล้อยู่ที่ใบหน้า ชานยอลออกแรงกรีดมันเล็กน้อยจนเป็นรอยแผลลึกลงไป
“ฉันจะทรมานแกให้สาสม ทำเหมือนแกเป็นของเล่นจะไม่มีคำว่าปราณีไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม..”
โจ๊กเกอร์ในร่างของชานยอลแสยะยิ้ม “แล้วถ้าแกยังมีความกล้าพอที่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น..”
“เครียมตัวเห็นคนในโรงพยาบาลตายไปทีละคนได้เลย...” ปากของโจ๊กเกอร์สั้นระริก มันฝืนยิ้ม และหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง มือไม้เกร็งหงิกงอ แบคฮยอนเขยิบกายถอยห่างด้วยความหวาดกลัว ชานยอลยื่นจมูกไปสูดกลิ่นกายอย่างเสน่หา เขาจัดการยกแขนที่ไร้เรี่ยวแรงของแบคฮยอนให้สูงเหนือหัว
มือที่ชานยอลเริ่มอยู่ไม่สุข มันล่วงเข้าไปในกางเกงสีฟ้าอ่อนของอีกฝ่าย ฝ่ามือที่หยาบกร้านสัมผัสเข้าที่น้องชายของแบคฮยอน มันหยอกล้อกับแท่งร้อนของแบคฮยอนอย่างสนุกสนาน แบคฮยอนสกัดกั้นอารมณ์ไม่ให้ไหลไปตามการสัมผัสของชานยอล เขาครางในลำคอและเผลอกดริมฝีปากของตัวเองจนบวมแดง
“ชอบก็ครางออกมาสิ..”
“ม-ไม่.. อ-อ๊า..”
แบคฮยอนฝืนตัวเองไม่ให้มีอารมณ์ร่วมตาม บัดนี้กางเกงของแบคฮยอนเริ่มเปียกด้วยคราบน้ำข้นเหนียวบางอย่าง แก้มนวลของเขาเริ่มเป็นสีแดงระเรื่อ ลมหายใจของเขาเริ่มร้อนผ่าว ชานยอลชักมือที่เต็มไปด้วยน้ำเมือกออกมาจากกางเกง
เขาเลียมันเหมือนลูกแมวที่กำลังเลียมือของตัวเอง ชานยอลสอดหัวตัวเองให้เข้าไปในเสื้อแบคฮยอน ใช้ฟันขบเข้าที่ยอดอกสีชมพูที่กำลังบวมเป่ง แบคฮยอนห้ามอารมณ์และความต้องการของร่างกายตัวเองไม่ไหว ปล่อยให้ร่างกายเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ชานยอลอยากจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบถึงแม้ลิ้นของอีกฝ่ายจะสากและก็สร้างความเสียวให้แก่แบคอยอนได้ไม่น้อย
“ช-ชาน... ชานยอล..อ๊ะ อ๊ะ...” แบคฮยอนหลับตาพริ้มด้วยความสุขสม ตอนนี้เขาเผลอสนุกไปกับมันแล้วสิ....ชานยอลถอดเสื้อของอีกฝ่ายออกได้อย่างง่ายดาย เขาดูดยอดอกที่ชูชันเปรียบดั่งดูดน้ำนมออกจากอกแม่
“คราง... ครางออกมา…”
“ม-ไม่… อ๊ะ... อ๊ะ.. อ่า.. อื้ม.. ”
แม้ปากของตัวเองจะพูดคำว่าไม่เป็นร้อยๆครั้ง แต่ร่างกายกลับโหยหาแต่ไอนั้นของชานยอลมากกว่าสิ่งอื่นใด อีกฝ่ายดึงกางเกงของแบคฮยอนออก ดันตัวของอีกฝ่ายให้สูงขึ้น จับเรียวขาบางขนาบข้างส่วนลำตัวของเขา จูบปากอวบอิ่มอย่างโหยหา ลิ้นร้อนของทั้งสองพันกันอย่างเหนียวแน่นแทบประสานเป็นหนึ่งเดียว แบคฮยอนแทบคลั่ง ลีลาการจูบของชานยอลมันทำให้ตัวเขาแทบจะสติแตก แบคฮยอนโอบรัดบ่าของอีกฝ่ายไว้ ชานยอลผละริมฝีปากออก เขาเลียไปทั่วใบหน้าของอีกฝ่าย ดูเหมือนชานยอลจะชอบตรงส่วนคอของแบคฮยอนเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่ลมหายใจร้อนๆปล่อยให้รดลำคอ แบคฮยอนรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลไปตามร่างกาย มันเสียวกระสันจนแทบทนไม่ไหว มือหยาบประคองสะโพกสวยของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะค่อยดันแท่งร้อนของตัวเองให้เข้าไปเล่นสนุกในช่องทางสีหวาน
นิ้วเท้าของแบคฮยอนเกร็งจัดและหงิกงอ ชานยอลใส่มันมาแค่ครึ่งลำ นั้นทำให้แบคฮยอนแทบคลั่ง เขาอยากได้มันมากกว่านี้
“ถ-ถ้าจะใส่ก็ใส่มาสิ... ย-อย่าแกล้งกันแบบนี้... อ๊ะ...”
แบคฮยอนแพ้ให้กับการเล่นหยอกล้อความเสียวของอีกฝ่าย ตัวเขาซึ่งมีความอดทนต่ำอยู่แล้วจึงทนไม่ไหวเมื่อต้องมาเจออะไรครึ่งๆกลางๆแบบนี้
“บอกว่ารักฉัน... บอกว่าต้องการฉันสิ...”
“รัก..รัก... แต่ตอนนี้.. ได้โปรดอย่าแกล้งกันแบบนี้”
ชานยอลไม่รอช้าดันแท่งร้อนให้เข้าไปจนมิด แบคฮยอนร้องครางออกมาร่างกายกระตุกทุกครั้งที่ชานยอลออกแรงกระแทก ในหัวของเขามันขาวโพลน
ชานยอลจิกเขาที่สะโพกขาวของแบคฮยอนด้วยความเสียว ทุกครั้งที่มันเสียดสีเข้ากับโพรงสีหวานของแบคฮยอน มันจะตอดรัดกันอย่างรุนแรง
“อ๊ะ.. อืออ บ-แบค... ดีจังเลยนะ...อ-อื้มม..”
ยิ่งชานยอลเรียกชื่อของเขามากเท่าใด แบคฮยอนยิ่งตอดรัดและปรนเปรอความสุขให้อีกฝ่ายมากเท่านั้น
เหมือนหัวมนของแท่งร้อนจะไปเจอเข้ากับตำแหน่งจุดเสียวของแบคฮยอนเข้าพอดี เมื่อมันเข้าไปสัมผัสกันยิ่งเพิ่มความใคร่ของทั้งสองให้มากขึ้น
“บ-แบค... แบค..ฮยอน... ฮ่ะๆ...”
องคชาติของชานยอลเริ่มพองตัวขึ้นจนแบคอยอนสัมผัสถึงการขยายขนาดของมันได้ แบคฮยอรครางเสียงหวานออกมาไร้ซึ่งยางอาย เสียงหวานๆยิ่งปลุกความเป็นชายของอีกฝ่ายมากขึ้น มากขึ้น
น้ำสีขาวถูกอัดฉีดเข้าไปทั่วโพรงสีหวาน ชานยอลร่างกายกระตุก อีกฝ่ายสวมกอดชานยอลเอาไว้อย่างแนบชิด เขาลืมไปแล้วว่าผู้ชายตรงหน้าคือโจ๊กเกอร์ คนที่เป็นทั้งฆาตกร เป็นทั้งโรคจิต
และยังเป็นเจ้าของร่างกายของแบคฮยอนด้วย
ชานยอลอุ้มแบคฮยอนไปวางบนเตียงนอน อีกฝ่ายเหลืบตามองชานยอลที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดทำได้ง่ายๆ ในเมื่อเรื่องมันดำเนินมาจนถึงขนาดนี้ จะให้ถอยหลังกลับไปตั้งหลักใหม่ก็คงไม่ได้แล้ว
“อยากจะทำอะไรก็ทำเลย..”
-----------------------------
อยากหวีดติดแท๊ก #ฟิคชานยอลวิปโยค หวีดกันในทวิตนะคะ
แวะเข้ามาพูดคุยกันหรือเข้ามาทวงฟิคได้ที่ @Beam_Minami นะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ