[EXO] Separate วิปโยค [Chanbaek]

-

วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.03 น.

  6 chapter
  0 วิจารณ์
  15.02K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558 19.51 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว....."เสียงนุ่มลึกกล่าวขึ้น ในขณะที่ลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงนั้นกำลังนอนตาแป๋วตั้งใจฟังนิทานที่พ่อกำลังเล่า
"ทันใดนั้นเอง เจ้าชายก็เสียบดาบทะลุเข้าที่หัวใจของแม่มดร้าย"
"คุณพ่อครับ ทำไมเจ้าชายต้องทำอย่างนั้นด้วย??"เด็กน้อยขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย ผู้เป็นพ่อใช้ความคิดเพียงแค่ครู่เดียวก็สามารถจะคลายความสงสัยของลูกได้
"ก็เพราะว่าแม่มดเป็นคนไม่ดี และคนไม่ดีสมควรได้รับการลงโทษ"
เด็กน้อยพยักหน้ารับ ถึงแม้จะไม่เข้าใจมากนัก แต่เขาจำได้แม่นยำว่า


'คนไม่ดีสมควรได้รับการลงโทษ'


"และเจ้าชายกับเจ้าหญิงก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข...."
ผู้เป็นพ่อเมื่อเล่านิทานก่อนนอนจบ เด็กน้อยก็เอ่ยถามคำถามขึ้นมาอีกครั้ง

"ทำไมเจ้าชายถึงไม่ตายหล่ะครับ ทั้งๆที่เขาทำร้ายแม่มด แต่ทำไมถึงยังมีความสุขอยู่ได้..."
พ่ออึกอักที่จะคลายความสงสัยนี้ มันเป็นเรื่องที่เด็กในวัยนี้ถึงรู้ไปก็ยังไม่สามารถจะทำความเข้าใจกับมันได้ดีมากนัก


"เดี๋ยวพอลูกโตขึ้น ลูกจะเข้าใจมันเอง"

เด็กชายใช้ชีวิตเติบโตมาจนกระทั่งเติบโตขึ้นจนสามารถจะเข้าใจในหลายๆเรื่องได้

 


จนกระทั่ง วันที่เด็กชายไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

 

 

 


กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

 

 

 

 


สาวใช้แผดเสียงร้องลั่นไปทั่วคฤหาสน์หลังใหญ่ สร้างความแตกตื่นให้กับคนที่อาศัยอยู่ ทุกคนต่างรีบกรูเข้าไปยังต้นเสียงที่กรีดร้องหวาดผวาในห้องครัวหลังคฤหาสน์


"เกิดอะไรขึ้น!!!??"

"ค-คุณชายคะ คือ..คือว่า..."

 

เลือดสีสดสาดกระจายทั่วบนพื้นครัวสีขาวและบนผนังสีครีมมีร่องรอยของเลือดถูกขีดเขียนเป็นตัวอักษรพอจับใจความได้ว่า

 

 

 


S


A


T


A


N


W


A


S


H


E


R


E

 

เครื่องหมายไม้กางเขนกลับหัวถูกละเลงไว้ด้านล่างข้อความ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วทุกบริเวณ ซากเครื่องในสัตว์ถูกชำแหละละเอียดจนไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นชิ้นส่วนไหน อวัยวะใดบ้าง แต่เค้าโครงน่าจะมาจากสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณผู้หญิง


แมวขนสีขาวสะอาด

 

แต่บัดนี้กลับแปดเปื้อนไปด้วยเลือดสีสด


พวกผู้ใหญ่ในบ้านต่างปรึกษาหารือกับเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่ทันสังเกตเลยว่าเด็กชายได้เข้ามาร่วมเป็นผู้เห็นเหตุการณ์เรียบร้อยแล้ว


"ลูกเข้ามาทำไม!?"

"สมควร"

"อะไร ลูกพูดอะไร!?"

"...."

"ชานยอล ตอบพ่อมาสิ!!!"

"แมวนั้นสมควรตาย"


ผู้เป็นพ่อตกใจเมื่อได้ยินลูกชายเอ่ยคำนั้นมา ตัวของเขาด้านชาและไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายตัวเองถึงทำแบบนั้น


"ชานยอล ใครสั่งให้ลูกทำ!?"

"พี่ชายครับ"

"พี่ชาย? พี่ชายไหน!?"

"พี่ชายคนที่อยู่ในนิทานที่คุณพ่อเคยเล่าไงครับ เขาบอกว่า ถ้าคนทำผิด ก็สมควรได้รับการลงโทษ"

เด็กน้อยชานยอลตอบกลับไปอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับภาพตรงหน้า

"แมวนั้นฆ่าหนูมามาก แมวนั้นสมควรตาย พ่อก็เคยบอกหนิครับ ว่าคนไม่ดีสมควรได้รับการลงโทษ ไม่ใช่หรอครับ?"

พ่อทรุดตัวลงตรงหน้าของลูกชาย เขาพร่ำบ่นโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกชายมีพฤติกรรมก้าวร้าวและร้ายบริสุทธิ์ ชานยอลเข้าใจมาตลอดว่าเราควรลงโทษคนไม่ดี ชานยอลตอบคำถามเขาอย่างไม่รู้สึกระแคะระคายอะไรเลย เหมือนว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

"พ่อก็เห็นไม่ใช่หรอ ว่าทุกคนอยู่กันอย่างมีความสุข เพราะแมวตายแล้ว เห็นไหม? เห็นไหมครับ?? เห็นไหม???"
อีกฝ่ายคว้าตัวชานยอลมากอดไว้อย่ารวดเร็ว ฝ่ามือหนาหยาบลูบหลังของลูกชายเอาไว้อย่างทะนุถนอมแต่แฝงไปด้วยความกลัว หวาดกลัวในเรื่องบางอย่างที่อาจเกิดขึ้น ผู้เป็นพ่อคลายอ้อมกอดจากชานยอล สองมือจับเข้าที่แขนเล็กไว้แน่น ตาสีฟ้าหม่นของพ่อจ้องไปที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มอย่างเจ็บปวด


"ชานยอลฟังพ่อนะลูก สิ่งที่หนูทำมันผิด เราลงโทษคนชั่วได้ แต่มันต้องมีเหตุผลมากพอที่จะทำ--"

'ถูกแล้ว...'

เสียงเล็กของใครบางคนก้องอยู่ในหัวของชานยอล เสียงของมันคลายกับเสียงกรงเล็บของสัตว์ป่าที่ขูดเข้ากับกระดานดำ เสียงมันแหบแห้งคล้ายคนขาดน้ำ เสียงนั้นยังคงดังอยู่ในหัว มันคอยพูดขัดจังหวะทุกครั้งที่พ่อของเขาพยายามจะพูดบางสิ่งกับเขา

"ชานยอลห้ามทำแบบนี้กับคนอื่นรู้ไหม--"


'จะฟังไอแก่นั้นทำไม'


"ชานยอลฟังพ่ออยู่ไหม--"


'นายทำถูกแล้ว ทำถูกแล้ว ฟังที่ฉันพูดสิ'


ชานยอลกำมือแน่น กำปั้นเล็กของเขาสั่น เสียงของพ่อและเสียงในหัวตีกันไปมาเหมือนเสียงเวลาวิทยุเวลาไร้คลื่นสัญญาณ

"ชานยอล--"


'ถูกแล้ว... ถูกแล้ว...'


"ชานยอล--"


"ชานยอล--"


'ถูกแล้ว... ถูกแล้ว...'


"ชานยอล--"


'ถูกแล้ว... ถูกแล้ว...'


"ชานยอล--"


'ถูกแล้ว... ถูกแล้ว...'


"ชานยอล--"


'ถูกแล้ว... ถูกแล้ว...'


"ชานยอล--"


'ถูกแล้ว... ถูกแล้ว...'


"ชานยอล--"


'ถูกแล้ว... ถูกแล้ว...'


"ชานยอล--"


'ถูกแล้ว... ถูกแล้ว...'


"ชานยอล--"


'ถูกแล้ว... ถูกแล้ว...'

 

 


"ชานยอล ถูกแล้ว สิ่งที่นายทำ เลือดทุกหยดที่ไหลริน เสียงหวีดร้องอย่างทรมานที่อ้อนวอนร้องขอชีวิตกับนาย ถูกแล้ว..

ถูกแล้ว.."

 

เสียงของพ่อรวมเข้ากับอีกเสียงหนึ่งได้อย่างน่าประหลาด โทนเสียงเริ่มต่ำลง ต่ำลง ต่ำลง ต่ำจนผิดโน้ตดนตรีทั้งหมดบนโลก เป็นเสียงโทนต่ำที่ฟังแล้วมึนหัว และเสียงนั้นยิ่งทำให้ชานยอลรู้สึกโดนกดประสาทอย่างรุนแรง มันดังก้องในหัว ชานยอลแยกไม่ออกว่าเสียงนั้นเกิดขึ้นจากอะไร บ้าง มันเหมือนลมหายใจสลบกับเสียงคำรามน่าขนลุกที่พอจะจับใจความออกมาได้บ้างว่า

 


ฆ่า


ชานยอล

 

ฆ่าสิ

 

ทำเลย

 

อยากเป็นคนดีไม่ใช่หรอ

 

ฆ่าสิ

 

ฆ่าเลย!!!!

 

 

 

 

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

 

 

 

 

 

ได้โปรด

 


ให้ผมตื่นจากฝันร้ายเสียที...

 

 


ชานยอลสะดุ้งตื่นขึ้นจากความฝัน เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นทั่วใบหน้างาม ชานยอลหายใจหอบระรัว รอบดวงตาบวมช้ำเหมือนคนอดหลับอดนอนมานาน ทั้งที่จริงเขาก็นอนหลับเหมือนคนทั่วไป


เพียงแต่หลับไปก็พบเจอแต่ฝันร้าย

 

 

 

 

 

เหงื่อไหลท่วมกายของเขาเหมือนคนจมน้ำ ชานยอลถอดเสื้อออก ยิ่งทำให้เห็นร่องรอยบางอย่างที่อยู่ตรงหน้าอก มันมีลักษณะคล้ายฝ่ามือที่วางทาบอยู่ รอยฝ่ามือนี้มีมานานตั้งแต่เขาจำความได้ พ่อไม่ยอมพูดอะไรเมื่อชานยอลถามถึงสาเหตุของรอยนี้


ชานยอลลุกขึ้นจากเตียงที่เปียกชื้น เขาเดินไปหยิบเสื้อตัวใหม่จากตู้เสื้อผ้าส่วนตัวที่ข้างในมีเพียงแค่ชุดคนไข้สองสามชุดเท่านั้น อันที่จริงคนไข้ไม่มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนเสท้อผ้าได้ตามใจชอบ แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนไข้พิเศษ การที่จะมีสิทธิเหนือคนอื่นนั้นย่อมเป็นเรื่องธรรมดา

 

เขานั่งลงบนโซฟาสีแดงตัวโปรดอีกครั้ง ทบทวนเรื่องราวความฝันทั้งหมดที่เกิดขึ้น ชานยอลฝันถึงเรื่องในวัยเด็กแบบนี้ซ้ำไปมาหลายรอบแล้วตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ เหมือนมันพยายามจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา แต่ชานยอลก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันต้องการจะสื่อสารอะไรกับเขา


ยิ่งคิดก็เหมือนยิ่งเจอทางตัน


ชีวิตในโรงพยาบาลจิตเวชนับว่าค่อนข้างสงบสุข ได้หลีกหนีจากความวุ่นวายจากโลกภายนอก ไม่เจอกับผู้คน ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ยกเว้นแค่เรื่องเดียวที่สร้างความกังวลให้กับชานยอล

 


เรื่องของคุณแบคฮยอน

 

 

การพบกันครั้งแรกระหว่างเขากับคุณแบคฮยอนไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก เขาเผลอพูดจาทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายเข้าเต็มๆ อันที่จริงชานยอลไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาพูดมันออกไปตอนไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่ รู้ตัวอีกทีก็คือตื่นขึ้นมาเช้าวันใหม่พร้อมกับอาการปวดหัวอย่างรุนแรง และร่องรอยจากการถูกทำร้ายร่างกาย เมื่อถามคุณแบคฮยอนก็ได้บอกว่า มันไม่ใช่ความผิดของชานยอล มันเกิดขึ้นเพราะตัวตนอีกด้านหนึ่งเท่านั้น


ตอนที่ได้ยินแบบนั้น ตัวเขาแทบอยากจะปาดคอตัวเองให้ตายไปซะได้ก็ดี


ชานยอลสาบานได้ว่าตัวเขาพยายามควบคุมตัวตนโจ๊กเกอร์อย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ยิ่งมันได้เจอกับคุณแบคฮยอนมันเหมือนสัตว์ประหลาดน่ารังเกียจที่พยายามตะเกียกตะกายที่จะหลุดออกมาจากกรงขัง

 


ตัวเขาอาจจะเป็นปีศาจร้ายก็ได้

 

 

 

เวลาในตอนเช้าผ่านไปอย่างอ้อยอิ่ง ชานยอลใช้เวลากับตัวเองมากขึ้น การอยู่คนเดียวมันช่างสงบ สงบเหลือเกิน แต่กลับกลายเป็นว่าภายในร่างกายของเขาดลับร้อนรุ่มเหมือนไฟจากนรก มีบางสิ่งพยายามจะสื่อสารกับเขา ชานยอลพอจะเดาออกว่าคือใคร เขาข่มตาลงรวบรวมสมาธิสะกัดกั้นบางสิ่งไม่ให้ออกมา ดูเหมือนสิ่งนั้นรู้ว่าชานยอลพยายามขัดขืน มันจึงเริ่มสำแดงฤทธิ์ออกด้วยเหมือนกัน เพื่อที่ตัวเองจะได้โดนปลดปล่อยจากพันธนาการ


"เลิกยุ่งกับฉันซะที!!"


คิ้วเข้มขมวดแน่น เส้นเลือดเริ่มผุดขึ้นตามขมับ นิ้วมือจิกเข้ากับโซฟาแน่น ชานยอลหายใจหอบ ฟันในปากเสียดสีกันไปมาจนเกิดเสียง นิ้วเท้าเปลือยเปล่าจิกเกร็งจนสังเกตเห็นอาการสั่นได้ ดูเหมือนว่าสิ่งนั้นจะไม่ยอมอ่อนข้อตาม มันส่งเสียงหวีดร้องอยู่ในหัวของชานยอลเสียงดัง มันพยายามทำให้ชานยอลสติแตกและสูญเสียการควบคุม เสียงหวีดร้องดังขึ้นเรื่อยๆ จนมันแหบพร่า และดูเหมือนคนขาดอากาศหายใจ มันโหยหวนและชวนหดหู่ เม็ดเหงื่อไหลท่วมใบหน้าที่แดงก่ำ เสียงหายใจของเขาโรยรินและเริ่มอ่อนแรง ตัวเขาเริ่มคุมสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

 

 


จนสุดท้าย

 

 

 

 


เจ้าสิ่งนั้น

 

 

 

 

ก็พาชานยอล

 

 

ด่ำดิ่ง

 

 

ลึกลงไป

 

 

 

 


สู่ด้านมืดของจิตใจ

 

 

 

 

 

 

อาการเจ็บจี๊ดที่หัวใจปลุกให้ชานยอลตื่นขึ้นมาพบกับมันอีกครั้ง มันที่เรียกชื่อแทนตัวเองว่า


'โจ๊กเกอร์'

ชานยอลยันกายให้ลุกขึ้น เขากวาดสายตาเพื่อสำรวจรอบข้าง เขาไม่ได้อยู่ในความมืด ชานยอลมานั่งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดกลาง ผนังถูกชโลมด้วยสีแดงสด บนพื้นถูกปูด้วยกระเบื้องสีดำสลับสีแดงหม่น ภายในถูกตกแต่งด้วยผ้าม่านสภาพขาดไม่มีชิ้นดี เทียนหลายสิบเล่มถูกวางบนพื้นมีซากโครงกระดูกหลายชิ้นถูกกองไว้ที่มุมห้อง ข้างๆมีซากของสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่ชานยอลไม่รู้ว่าคือตัวอะไรกันแน่ เพราะมันโดนบดขยี้ไม่เหลือชิ้นดี ถึงแม้อย่างนั้นมันกลับไม่ส่งกลิ่นคาวของซากศพเลย กลับกลายเป็นว่ากลิ่นของมันช่างหอมหวนชวนดมเหลือเกิน

 

เสียงก้าวเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง ชานยอลเมื่อหันไปมองถึงกับรีบลุกขึ้นยืนถอยหนีด้วยความหวาดกลัว


"ก-แก!!...."

"โถ อย่าพูดจาเหมือนเราไม่สนิทกันสิ..."

บุคคลที่หน้าตาเหมือนชานยอลทุกประการแต่แตกต่างกันเพียงสีผมที่เป็นสีขาวที่เรียกตัวเองว่า'โจ๊กเกอร์'ปรากฏกายขึ้น มันมาในชุดสูทสีดำขลับกับเสื้อข้างในสีเลือด มันฉีกยิ้มกว้างจนถึงใบหู ทำให้เห็นเลือดข้นไหลทะลักออกมาตามรอยฉีกขาดของปาก ชานยอลจ้องภาพตรงหน้าอย่างตื่นตระหนก

"ต้องการอะไรอีก!! ล-เลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว"


"ก็ยกร่างกายและจิตใจของนายให้กับฉันสิ ฉันก็ต้องการแค่นี้แหละ..."

"ม-ไม่มีทาง!!"


"ทำอย่างกับตัวแกควบคุมฉันได้~ ฮึฮึ ถ้าแกไม่อยากให้คุณแบคฮยอนสุดที่รักของแกต้องตาย... ต้องทรมาน---"


"แกทำอะไรกับเขา!!!" ชานยอลพุ่งไปกระชากคอเสื้อโจ๊กเกอร์อย่างรวดเร็ว โจ๊กเกอร์หัวเราเค่นหัวเราะ ดวงตาสีเลือดฉายแววความชั่วร้ายออกมา มันเอาแต่หัวเราะอยู่อย่างนั้น จนอีกฝ่ายเริ่มเดือดดาล ชานยอลประเคนหมัดใส่ใบหน้าของโจ๊กเกอร์อย่างเต็มแรง

 

แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

 

ทันทีที่แรงหมัดปะทะเข้ากับใบหน้าของโจ๊กเกอร์ ชานยอลสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งบริเวณหน้า เหมือนมีกำปั้นหนักๆทุบลงตรงหน้าเขา ทั้งสองถึงกับเซจนล้มลงไป ชานยอลร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เขามึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เลือดหยดลงจากจมูกโด่งไม่ขาดสาย โจ๊กเกอร์เงยหน้าขึ้นก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เขากลับมาจ้องหน้าชานยอลที่ยังอยู่ในอาการตกใจ ใบหน้าหล่อเหลาของมันบิดเบี้ยวไม่เป็นชิ้นดี มันดินน้ำมันที่ถูกปั้นหยาบๆ

"ฮึฮึ ดูเหมือนว่าเราสองคนเริ่มจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วนะ..."

"ม-หมายความว่าไง!?..."

"ก็เราใกล้ที่จะรวมเป็นคนเดียวกันแล้วไง.. ชานยอล... มันใกล้เข้ามาแล้วหล่ะ.. ใกล้เข้ามาแล้ว... วันที่ฉันจะขึ้นไปยืนแทนที่นาย..." ดวงตาของโจ๊กเกอร์ลุกโตขึ้นมาจนน่ากลัว "เพราะว่าช่วงนี้ฉันออกไปหาคุณแบคฮยอนบ่อยครั้งขึ้น... และนานขึ้น... จิตใจของเราก็คงใกล้หลอมร่วมกันเป็นหนึ่งแล้ว.. ถ้าฉันเจ็บนายก็เจ็บ ถ้านายเจ็บฉันก็จะเจ็บด้วย ประสาทสัมผัส ความรู้สึกของเรามันเริ่มเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว เหลือเพียงแค่... ร่างกาย แค่ร่างกายเท่านั้น..." มันคลานเข้ามาใกล้ชานยอลที่ดูเหมือนยังไม่สามารถควบคุมสติตัวเองไว้ได้ น้ำตาของเขาค่อยๆไหลรินออกมา โจ๊กเกอร์ก็ร้องไห้ออกมาเหมือนกัน แต่น้ำตาของมันเป็นสีดำเหมือนยางมะตอย

"นี้พ่อคุณ จะบอกอะไรให้นะ ต่อให้แกนั่งร้องไห้หรือสวดมนต์ พระเจ้าก็ไม่มีทางช่วยแกได้หรอก..." มันจิกผมของชานยอลขึ้นมาเพื่อที่จะได้สบตากัน "และเลิกหวังได้เลยว่าตัวแกกับไอแบคฮยอนของแกจะรอดพ้นจากเรื่องนี้..."

 

"ท-ทำไม??... ท-ทำไมต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับชีวิตฉัน"

 


อีกฝ่ายยิ้มอย่างสมเพช ส่ายหัวเบาๆ
"อยากรู้ก็ถามแม่แกสิ... นังผู้หญิงบาปหนานั้นคงบอกแกได้.. ถ้าแกยังไม่เชื่อ ฉันขออนุญาตสาธิตให้ดูเป็นขวัญตา..."

โจ๊กเกอร์ยกมือข้างขวาขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนจะปรากฏเข็มเล่มโตขึ้นในมือของเขา
มันลงมือแทงปลายเข็มลงบนข้อมือสีขาวอย่างไม่สะทกสะท้าน


"อ๊ากกกกกกก!!!!!!!"
ทันทีที่ปลายเข็มได้แทงทะลุเนื้อของโจ๊กเกอร์ ชานยอลรับรู้ได้ถึงความแหลมคมของบางสิ่ง ที่กำลังเคลื่อนผ่านอยู่ใต้ผิวหนังของเขา ชานยอลเกร็งนิ้วจนหงิกงอด้วยความเจ็บปวด โจ๊กเกอร์ยังคงตั้งหน้าตั้งตาร้อยเข็มเข้ากับข้อมือต่อไป

 


ปลายเข็มทะลุผิวหนังฝั่งตรงข้ามขึ้นมา ชานยอลยังคงร้องแหกปากด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลทะลักออกมาจากรูเข็ม ด้ายที่ตอนแรกเป็นสีขาวตอนนี้กลับชุ่มไปด้วยเลือดสีสด บนข้อมือของชานยอลไม่มีเข็มอยู่ แต่ตัวเขาสัมผัสได้ถึงความแหลมคม การออกแรงแทงให้ทะลุผิวหนัง สัมผัสได้ถึงเส้นด้ายที่ฝังตัวอยู่ภายในเนื้อและบนผิวหนัง สัมผัสได้ถึงความเจ็บแสบทุกครั้งที่เส้นด้ายเสียดสีเข้ากับรูเข็มรูใหม่ที่ข้อมือ ชานยอลเห็นเส้นด้ายที่กำลังเลื้อยผ่านใต้ผิวหนังของเขา

 

มือซ้ายของชานยอลเกร็งหงิกงอ ชานยอลเริ่มสติแตก ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณแขน ชานยอลร้องครวญครางอ้อนวอนให้อีกฝ่ายหยุด แต่โจ๊กเกอร์ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำ เหมือนว่าตัวเองกำลังเย็บผ้าเช็ดหน้าอยู่เสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดีรวมเข้ากับเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด


เลือดไหลออกมาไม่ยอมหยุด เหมือนว่าเข็มจะไปโดนเข้ากับเส้นเลือดสักหลอดจนทำให้มันไหลราวกับเขื่อนแตกได้ขนาดนี้


อีกฝ่ายเก็บปลายด้ายอย่างชำนาญ มือข้างขวาเต็มไปด้วยคราบและกลิ่นคาวเลือด ชานยอลหายใจหอบเสียงดัง ปากของเขาสั่นระรัวและซีดเซียว หัวใจเต้นแรงจนสูบฉีดเลือดออกมามาก


"ถือว่าเป็นของขวัญระหว่างเรานะ..."
โจ๊กเกอร์แสยะยิ้มอย่างพอใจ มันวางมือบนไหล่ที่กำลังสั่นระริกเป็นเชิงปลอบประโลม ก่อนจะลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมา และเดินวนไปวนมารอบห้อง


ชานยอลยกข้อมือข้างซ้ายขึ้นมาดู ปรากฏข้อความบางอย่างที่ถูกเย็บขึ้นมา

 

 

'Come visit me in HELL'

 

 

ชานยอลยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน นี้มันเรื่องบ้าอะไร ตอนนี้ตัวเขาสับสนไปหมดแล้วทำไมถึงมีแม่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แล้วทำไมมันถึงพยายามที่จะขึ้นมาแทนที่เขา ความคิดภายในหัวตีกันไปหมดจนเจ้าของร่างกายเริ่มทรมาน สุดท้ายปากของเขาก็ขยับขึ้นมาเอง

 

 

 

"ต-ตกลง แกเป็นตัวอะไรกันแน่?"

มันหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินคำถามนั้น บัดนี้ทั้งคู่ไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากัน โจ๊กเกอร์ยืนหันหน้าไปทางอื่นให้ชานยอล

 

 

 


"ฉันก็คือตัวนาย"

 

 


"และนายก็คือตัวฉัน"

 

 

 


"เราคือคนๆเดียวกัน"

 

 

 


"เราจะรวมกันเป็นหนึ่ง"

 

 

 

 

 


"ตลอดไป..."

 

 

 

 

 

"แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยอะไรนายไม่ได้"

 

 

 

 

 

 


"ยินดีต้อนรับเข้าสู่นรกของเรา...."

 

 

 

 

 

 

คำตอบนั้นไม่ได้ช่วยให้ชานยอลหายสงสัยเลยสักนิด มันกลับยิ่งผูกปมปริศนาให้มากขึ้นกว่าเดิม ภายในห้องเริ่มสั่นสะเทือน พื้นห้องบางส่วนร่วงหายลงไปสู่ความมืด ชานยอลไร้เรี่ยวแรงที่จะตะเกียกตะกายเอาตัวรอด ตัวเขานั่งนิ่งบนพื้นที่สั่นไหว โจ๊กเกอร์ก้มมองนาฬิกาเรือนโตที่มือตัวเอง ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา

"เวลาของเราคงหมดลงแล้วสินะ.. แย่จัง"
อีกฝ่ายเดินมานั่งคุกเข่าข้างชานยอล ก่อนจะจับหัวของคนข้างๆ ทันทีที่ปลายนิ้วได้แตะเข้ากับหนังศีรษะ เหมือนมีไฟฟ้าหลายล้านโวลต์ช็อตเข้าในหัวของชานยอล ชานยอลดิ้นพล่านจากแรงไฟฟ้า ตอนนี้เขาแทบไม่ได้ยินสิ่งที่โจ๊กเกอร์พูด ร่างกายชักอย่างรุนแรง ตาเริ่มเหลือกขึ้นด้านบน

 


"แล้วเราจะได้พบกันอีก อีกไม่นาน..."

 

 

 

 

 


เหมือนร่างทั้งร่างถูกบดทับด้วยแท่งเหล็กหนาหลายพันแท่ง ชานยอลลืมตาโพลง เขากลับมาอยู่ในห้องเหมือนเดิมแล้ว เขาหายใจแทบไม่ออก ตามแขนและขามีอาการกระตุกเล็กน้อย ริมฝีปากแห้งผากและซีดเผือด เขารีบยกแขนขึ้นมาสำรวจอย่างรวดเร็ว กลับกลายเป็นว่าไม่มีรอยแผลและเส้นด้ายปรากฏอยู่ มีเพียงรอยสีแดงถูกขีดอยู่ตรงข้อมือ เขารีบลุกขึ้นไปส่องกระจกสำรวจร่องรอย แต่ไม่มีรอยฟกช้ำหรือคราบเลือดติดอยู่ที่ใบหน้าเลย นั้นยิ่งสร้างความตกใจและหวาดหวั่นให้กับชานยอลเป็นอย่างมาก

 

เขาเดินโซซัดโซเซไปที่เตียงนอน ชานยอลรู้สึกหมดแรง เขาเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ อยากจะหลับตาและหายไปจากโลกนี้เลยเสียด้วยซ้ำ...

 

 

 

 


เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบได้ว่าตัวเขาเผลอหลับไป น่าแปลกตรงที่ ปกติถ้าเขาหลับตาลงก็คงต้องเจอกับฝันร้าย แต่ครั้งนี้เขารู้สึกว่าตัวเองได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มที่สุดในชีวิต

 

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้ชานยอลต้องจำใจตื่นจากห้วงนิทรา คนข้างนอกเปิดประตูเข้ามาหาเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต


ผู้หญิงตัวสูงโปร่ง รูปร่างผอมบางจนเนื้อหนังแทบจะติดกระดูก ผมยาวสีดำถูกรวบมัดจุกเหนือหัว ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงถูกช่วยปกปิดริ้วรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลาบนใบหน้า ผู้หญิงคนนั้นมาในชุดเดรสแขนยาวสีดำกับรองเท้าส้นสูงสีขาว เธอเดินเขาในห้องด้วยท่าทีหยิ่งผยองแม้แต่กับคนในครอบครัวก็ตาม สายตาแหลมคมของเธอสำรวจสภาพของห้องและภาพลักษณ์ของลูกชายอย่างพินิจพิจารณา


"...." หล่อนตีหน้านิ่ง

"แม่มาทำอะไรที่นี้?"

ชานยอลไม่ได้ดีใจที่แม่มาหาเขาที่นี้ ไม่ใช่เพราะว่าไม่อยากให้มาเห็นตัวเขาในสภาพน่าสมเพชแบบนี้หรอก หากแต่เพราะว่าถ้าแม่มีเรื่องด่วนหรือธุระสำคัญที่เกี่ยวกับตัวเขาทีไรก็ต้องรีบบึ่งมาที่นี้ทันที ปกติแล้วเธอก็ไม่ได้มาสนใจใยดีเขาเลยด้วยซ้ำ

"ฉันมารับแกกลับบ้าน"

"ไม่กลับ..."

"แกต้องกลับ!!!"

"กลับไปแล้วสร้างปัญหาให้จะเอาหรอ!!?"

"ท่านผู้อำนวยการบอกว่าแกอาการดีขึ้น"

"นี้แม่เชื่อไอ่แก่นั้นด้วยงั้นหรอ!!!??"

"เปล่า.. ฉันไปถามคนที่รักษาแกมา"

"!!!!??"

อย่าบอกนะว่าแบคฮยอน!

"เขาบอกว่าแกอาการดีขึ้นพอที่จะกลับไปใช้ชีวิตปกติได้แล้ว--"

"ไม่กลับ"

"...."

"ยังไงก็ไม่กลับ"


"แกไม่ต้องทำตามคำขอร้องแม่ก็ได้ คิดซะว่ากลับไปช่วยกอบกู้กิจการของบริษัทที่พ่อแกอุตส่าห์สร้างมันขึ้นมาหน่อยเถอะ"


ถึงแม้จะยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่กลับไปแล้วก็ตาม แต่พอโยงเข้าเรื่องพ่อทีไร จิตใจของเขาเริ่มสั่นไหวทุกที

"แม่จะให้เวลาแก 3 วันที่จะคิดทบทวนเรื่องนี้ คิดซะว่าทำเพื่อพ่อก็ได้.." หล่อนเริ่มเสียงสั่นเครือ และแสร้งปาดน้ำตา ชานยอลรู้ดีว่าแม่แค่ต้องการจะกอบกู้หน้าตาและชื่อเสียงของตัวเองในสังคมไฮโซก็เท่านั้น


"แม่..."

"ว่าไงหรอชานยอล?" แม่เลิกแสร้งร้องไห้ทันที

"แม่รู้ไหมว่าทำไมผมถึงมีรอยมือที่หน้าอก"
คำถามนี้เป็นรอบที่หนึ่งพันที่ถูกเอ่ยออกไป หล่อนทำสีหน้าเครียดเหมือนทุกครั้งที่ชานยอลถามเรื่องนี้ แต่สายตาของนางกลับไปสะดุดกับข้อความบนข้อมือของลูกชาย


นางเดินมาคว้าข้อมือลูกชายขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเธอฉายแววความวิตกกังวลและความหวาดกลัว มือเหี่ยวของเธอกำข้อมือของชานยอลแน่นขึ้น

"แม่ทำอะไรเนี่ย! ปล่อยได้แล้ว!"

"แกไปได้ข้อความนี้มาจากไหน!!!!"

"ห๊ะ!?"

"แกไปได้ข้อความนี้มาจากไหน!!!!"

"แม่เป็นอะไรเนี่ย ปล่อ--"

"ฉันถามว่าแกไปได้ข้อความนี้มาจากไหน!!!!"

ใบหน้าของแม่บิดเบี้ยวเหมือนแม่มดใจร้ายในนิทานที่เขาเคยอ่านสมัยเด็ก หล่อนดูโกรธมาก ชานยอลไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมแม่ต้องโกรธด้วย เล็บสีสดของแม่จิกเข้าที่ข้อมือหนานั้นอย่างรุนแรง หล่อนเขย่าข้อมือของลูกชายอย่างแรง

"แกไปได้ข้อความนี้มาจากไหน!!!!"
"แกไปได้ข้อความนี้มาจากไหน!!!!"
"แกไปได้ข้อความนี้มาจากไหน!!!!"
"แกไปได้ข้อความนี้มาจากไหน!!!!"
"แกไปได้ข้อความนี้มาจากไหน!!!!"
"แกไปได้ข้อความนี้มาจากไหน!!!!"
"แกไปได้ข้อความนี้มาจากไหน!!!!"
"แกไปได้ข้อความนี้มาจากไหน!!!!"
"แกไปได้ข้อความนี้มาจากไหน!!!!"

 


"พอได้แล้วแม่!!!!!!!"
ชานยอลฉุดแขนตัวเองให้ออกจากมือของแม่ หล่อนยังคงสติแตกกับข้อความบนข้อมือของชานยอล
"แม่จะอยากรู้ไปทำไมว่าผมได้มาจากไหน!??"


"ก็เพราะว่า---"


"เพราะว่าอะไร?"
หล่อนหุบปากลงทันทีเหมือนรู้ว่าตัวเองเกือบเผลอหลุดพูดความลับอะไรบางอย่างออกไป

"แม่! เพราะว่าอะไร!!?"

"ช-ช่างมันเถอะ ย-ยังไงซะ อีก 3 วัน ฉันจะกลับมารับตัวแก" หล่อนไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้รั้งตัวไว้ กระแทกส้นรองเท้าอย่างแรงเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ชานยอลนั่ง อยู่บนเตียงด้วยความสับสน

 

 

 


แม่เป็นอะไร? ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น?

 


ผู้เป็นแม่เดินออกจากโรงพยาบาลด้วยความร้อนรน ใบหน้าของเธอเคร่งเครียดเผยให้เห็นรอยเหี่ยวย่น เมื่อมาถึงรถยนต์สีแดงคันหรูที่จอดอยู่ตรงลานจอดรถ หล่อนรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างในทันที เหงื่อกาฬไหลเต็มใบหน้าจนเครื่องสำอางเริ่มจาง แม่บีบพวงมาลัยแน่น ปากบ่นขมุบขมิบอยู่อย่างนั้น หัวของเธอสั่นเหมือนพยายามส่ายหน้าปฏิเสธอะไรบางอย่าง

 

"ต้องไม่ใช่มัน..."

 


"มันตายไปแล้ว.."

 


"ต้องไม่ใช่มัน..."

 


"พระผู้เป็นเจ้าช่วยบอกลูกทีว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง"

 

 

 

 


"ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน...ต้องไม่ใช่มัน..."

 

 

 

 

 

 

 

 ----------------------------------

ขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่ห่างหายกันไปนาน(มาก)ขนาดนี้ T_T

คือไม่ใช่ว่ายุ่งอะไรหรอกค่ะ(จริงๆเรื่องเรียนก็พาปวดหัว)

คือไม่สามารถบิ้วอารมณ์ตัวเองได้ค่ะ...

คือเราเป็นพวกแต่งตามอารมณ์ ต้องพยายามเข้าถึงตัวละคร

ถึงแต่งไปออกมาก็ต้องกร่อยอยู่ดี ก็เลยต้องพยายามบีบ

อารมณ์ เค้นความรู้สึกออกมาเพื่อที่คนอ่านจะได้รับรู้และเข้าใจถึง

สถาณการณ์ตอนนั้นจริงๆ ส่วนเรื่องวิปลาสนี้ ใกล้เสร็จ+จบแล้วหล่ะค่ะ

ก็จะมีเรื่องที่สามที่เกี่ยวข้องกับสองเรื่องนี้ตามมา

รอกันหน่อยนะคะ สัญญาว่าไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ 

ช่วยกันสกรีมแท๊ก #ฟิคชานยอลวิปโยค ด้วยนะคะ จะติ/ชมหรืออะไรก็ได้ค่ะ

ยินดีรับฟัง เข้ามาพูดคุยหรือทวงงานกันได้ที่ @Beam_Minami นะคะ

ขอบคุณมากค่า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา