C H A N G E .
8.2
เขียนโดย Omoji
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 19.13 น.
25 ตอน
138 วิจารณ์
36.39K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 กันยายน พ.ศ. 2558 21.31 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
5) เช้งค์ห้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ต่อจากนี้…เธอไม่ต้องเข้ามาจุ้นจ้านที่บ้านฉันอีก!”
“……” ฟางนิ่งเงียบอย่างใจหาย…เหมือนป๊อปปี้กำลังจะไล่เธอออก
เหมือนหัวใจถูกมีดกรีดอย่างแรงจนมันปวดหนึบไปหมดทั้งเรื่องของคนตรงหน้าและเรื่องของใครอีกคน... ป๊อปปี้ค่อยๆปล่อยข้อมือของฟางออกอย่างช้าๆแล้วพยักหน้าลงอย่างหมดแรง
“..ไปซะ” ป๊อปปี้พูดเพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังกลับ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อแขนของเขาถูกคนด้านหลังดึงเอาไว้
“ฉะ..ฉันขอโทษนะป๊อ…”
“บอกให้ไปไงวะ!!” ป๊อปปี้แผดเสียงลั่นจนไหล่ของคนตัวเล็กสั่นเทาไปหมด ฟางปล่อยแขนป๊อปปี้ออกแล้วเดินออกจากห้องไปโดยดี
ทันทีที่ประตูถูกปิดลงฟางยังคงจับที่ลูกบิดประตูพร้อมกับปล่อยให้น้ำตาไหลลงอาบแก้มอย่างห้ามไม่ได้ ที่เธอทำไปก็เพราะป๊อปปี้..เธอผิดมากขนาดนั้นเลยหรอ ฟางยกมือขึ้นปาดน้ำตาของตัวเองแต่มันก็ไหลไม่หยุด คนตัวเล็กก้มหน้าลงอย่างผิดหวังและเจ็บปวด
“โง่จริงๆเลยฟาง..” ฟางได้แต่บอกกับตัวเองอย่างนั้น ก่อนจะปล่อยมือออกจากลูกบิดประตูแล้วเดินลงไปชั้นล่างเพื่อไปยังโต๊ะอาหาร
คนตัวเล็กมองดูอาหารบนโต๊ะที่เธอทำไว้ให้ป๊อปปี้ตอนนนี้มันก็คงเย็นจนไม่อร่อยซะแล้ว บางทีการที่เธอทำอะไรให้ป๊อปปี้นั้นมักจะเท่ากับศูนย์ตลอด ทำไปก็ไร้ประโยชน์..เมื่ออีกคนไม่เห็นค่า
“ฮึก บ้าชะมัด! ฮึก” ฟางแอ่นตัวลงกับเก้าอี้ก่อนจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะ รวมถึงเสียงสะอื้นที่ดังออกมาไม่ขาด..
หรือเธอไม่ควรจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป…
ป๊อปปี้หย่อนตัวลงบนที่นอนแล้วมองไปรอบๆห้อง ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด..มันไม่เหมือนเดิม เขามองภาพนั้นแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องเสียน้ำตาให้กับเรื่องเดิมและกี่ครั้งแล้วที่เขายังคงเหมือนเดิมและไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
“มายด์..เมื่อไหร่กัน..เมื่อไหร่เธอจะกลับมา...” ป๊อปปี้หยิบรูปบนหัวเตียงขึ้นมาดูแล้วค่อยๆกวาดนิ้วทั่วใบหน้าหญิงสาวในนั้น
แปะ แปะ
หยดน้ำตาไหลมากระทบกับกรอบรูปในมือ ป๊อปปี้ยิ้มน้อยๆก่อนจะหยิบมันเข้าไปกอดไว้กับอก..เขาไม่เคยลืมมายด์ และดูเหมือนจะไม่มีทางไหนเลยที่จะให้ป๊อปปี้หยุดรักมายด์ได้…
“ฮึก ฮืออ” เสียงสะอื้นของใครบางนที้ล็ดรอดเข้ามาในห้องของป๊อปปี้ทำให้เจ้าตัวเก็บกรอบรูปไว้ที่เดิม
ร่างสูงแง้มประตูห้องออกนิดนึงแล้วส่องมองดูตามเสียงร้องนั่น…เขามองเห็นฟางที่เก็บจานอาหารบนโต๊ะที่เกือบจะสิบอย่างแล้วเทมันลงถังขยะพร้อมใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาอาบสองแก้มนวล…
“….” ป๊อปปี้ได้แต่นิ่งเงียบมองดูภาพนั้นด้วยใจที่กระตุก นี่เขาทำเกินไปรึเปล่า…
“บ้าชะมัด” สุดท้ายร่างสูงก็ปิดประตูห้องลงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปในทันที
ป๊อปปี้หย่อนตัวลงบนอ่างอาบน้ำแล้วนอนลงพร้อมกับหลับตาเหมือนต้องการลบภาพบางอย่างให้ออกจากโสตประสาท…
เช้าในวันต่อมา..ร่างสูงของป๊อปปี้แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเมื่อลงมายังชั้นล่างสิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจอีกรอบคือการที่มีอาหารวางอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิม….พร้อมกับร่างของฟางที่กำลังวิ่งมาตรงนี้
“ป๊อป นายกินอะไรก่อนสิเดี๋ยวก็ต้องไปโรงเรียนช่วยบำรุงสมองที่น้อยโคตรของนาย^__^”
ป๊อปปี้มองหน้าฟางอย่างอึ้งๆ…เมื่อคืนยังร้องไห้อยู่เลยทำไมจู่ๆถึงร่าเริงขึ้นมาได้แบบเดิมซะได้…ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่เขาก็ไม่อยากสนใจมันเท่าไรนัก…
“ฉันไม่กิน” ร่างสูงทำท่าจะเดินออกไปแต่ก็ถูกดักหน้าไว้เสียก่อน
โป๊ก!
“ยัยนี่! ทำบ้าอะไรของเธอฮะ!” ป๊อปปี้ได้แต่ลูบหัวของตัวเองไปมาก็เพราะเมื่อครู่ดันโดนฟางเขกหัวเข้าให้
“เป็นเด็กเป็นเล็กมาขึ้นเสียงใส่ผู้ใหญ่แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกันป๊อปปี้” ฟางเหล่ตามองอีกคนอย่างดุๆพร้อมยกนิ้วขึ้นชี้ตรงหน้าร่างสูง
“เหอะ เธอกับฉันอายุห่างกันมากแค่ไหนกันเชียว”
“อย่างน้อยฉันก็อายุมากกว่านาย นายต้องเคารพฉัน” ฟางยืนกอดออกเหมือนชี้แจง
“ฉันจะเคารพเฉพาะคนที่…น่าเคารพ”
ฟางอ้าปากเหวอ…เธอพยายามกักเก็บอารมณ์ให้ได้มากที่สุด
“นี่! ป๊อปปี้! นายกำลังหาว่าฉันไม่น่าเคารพอย่างงั้นหรอ!” ฟางแทบอยากจะกระโดดขี่คอคนตรงหน้าซะตอนนี้
“…เธอพูดเองนะ” ป๊อปปี้กระตุกยิ้มเล็กๆ มีทีท่าวะจะเดินออกจากบ้านต้องชะงัก
“เดี๋ยวๆ” ถูกดักหน้าโดยฟางอย่างเคย
“…”
“แล้วอาหารเช้าของฉันล่ะ นายต้องกินมันนะป๊อป”
“ก็ฉันบอกว่าไม่กิน”
“กินอะไรสักหน่อยจะได้มีแรง…ฉันอุตส่าห์ตื่นเช้ามาทำข้าวต้มปลาให้นายเลยนะ”
“…” ป๊อปปี้เหลียวหลังกลับไปมองข้าวต้มบนโต๊ะแล้วกลับมามองหน้าฟางดังเดิม
“…” ร่างเล็กกระพริบตาปริบๆ เหมือนรอความหวัง
“..ฉันไม่ได้ขอนิ” ว่าจบป๊อปปี้ก็เบี่ยงตัวออกจากบ้านไป
ทิ้งไว้ก็แต่ฟางที่ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น...ร่างเล็กหันหลังกลับเจอป๊อปปี้ที่กำลังนั่งซ้อนรถทำท่าจะออกไปอยู่รอมร่อ…
“ไอบ้า! นายนี่มันโคตรงี่เง่าเลยป๊อปปี้!!!” ตะโกนออกไปแบบนั้นก็เผื่อว่าคนที่พึ่งขับรถออกไปจะได้ยินบ้างก็ยังดี
“หึ..ไร้ค่าเหมือนเดิมสินะ” ฟางยืนมองข้าวต้มอย่างนึกเสียดายและน้อยใจ
ตอนนี้ธอก็เริ่มจะไม่แน่ใจแล้วล่ะว่าจะสามารถปราบคนอย่างป๊อปปี้ให้อยู่หมัดแล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้..ก็ในเมื่อเป็นเขาต่างหากที่ไม่ยอมเปิดใจเสียที ฟางเองก็เหนื่อยที่ต้องมาคอยเอาอกเอาใจอยู่แบบนี้…
คนตัวเล็กนั่งแหมะลงบนเก้าอี้แล้วก้มหน้าลงอย่างหมดหวัง…ความร่าเริงที่เธอแค่ต้องการแสดงให้ป๊อปปี้เห็นว่าเธอเข้มแข็งกว่าที่คิด …ทั้งที่ข้างในมันเจ็บเจียนตายอยู่แล้ว..สมองมันก็บอกว่าจะไม่ทนแต่จะทำไงได้เพราะสุดท้ายหัวใจก็เลือกที่จะอยู่ต่อ…
ป๊อปปี้ขับรถเข้ามาในโรงเรียนด้วยความรู้สึกแปลกๆ…วันนี้เขารู้สึกดีพิกล..แต่ก็ไม่รู้หรอก ว่าสาเหตุมันจะมาจากคนที่พึ่งตะโกนเสียงดังลั่นออกจากบ้านหรือไม่…
…เมื่อป๊อปปี้ได้ยินมัน…และมันก็ทำให้เขา..
“ยิ้ม?…ไอเชี่ยป๊อป! นี่มึงยิ้มเป็นด้วยหรอวะ” โทโมะเดินเข้ามากระทบไหล่ป๊อปปี้อย่างนึกประหลาดใจ
“แฮ่ม! มึงจะบ้ารึไง ตาเป็นต้อหรอวะ” ป๊อปปี้พูดออกมาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะหยิบหูฟังขึ้นมาอย่างเดิม
“แต่กูว่ากูไม่ได้ตาฝาดนะเว้ย เมื่อกี้กูเห็นจริงๆ” โทโมะยังคงมั่นใจอย่างนั้น ร่างสูงโน้มหน้าเข้าใกล้เพื่อนสนิทแล้วพินิจพิจารณาอยู่ชั่วครู่
“โอ้ววววว!! หวัดดีพวก!” เป็นเขื่อนที่เพิ่งมาโรงเรียนเดินเข้ามาสมทบ
“มาได้สักทีนะมึง พวกกูรอตั้งนาน” ป๊อปปี้เอ่ยบอก
“แหม มึงครับ รอกูนิดรอกูหน่อยมันจะหนักหนาอะไรวะ”
“เออๆ จะไปกันได้ยัง”
ป๊อปปี้ว่าจบ เขื่อนทำท่าจะเดินไปแต่เขากลับหันมาเห็นโทโมะที่ยังทำหน้าสงสัยอยู่ที่เดิม
“มึงคิดไรอยู่วะ คิ้วผูกกันเป็นโบว์เชียว”
“ไอเขื่อน..กูว่าเมื่อกี้…กูเห็นไอป๊อปยิ้มว่ะ”
“ไอป๊อปยิ้ม?!!” คนฟังอย่างเขื่อนก็ตกใจไม่ต่างกัน คนผิดคล้ำมองดูเพื่อนสนิทอีกคนที่เพิ่งเดินออกไปก่อนจะรีบเข้ามาหาโทโมะเพื่อสอดรู้สอดเห็น
“เออดิวะ! กูว่ากูไม่ได้ตาฝาด” โทโมะยังยืนยันคำเดิม
โป๊ก!
“เชี่ยยย! นี่มึงตบหัวกูทำไมเนี่ยยย” เป็นโทโมะที่ร้องออกมาเมื่อเพื่อนรักอย่างเขื่อนตบหัวเข้าให้
“มึงอ่ะตาฝาด ไอป๊อปมันยิ้มเป็นซะที่ไหน มึงอ่ะบ้า!”
“เอ้า นี่ตกลงกูผิดหรอวะ?”
“เออดิ มึงอ่ะผิดเต็มๆเลยไอโมะ…กูว่าเรารีบๆไปกันเหอะ”
ว่าจบโทโมะและเขื่อนก็พากันเดินออกมาจากห้องทั้งๆที่ยังเถียงกันอยู่อย่างนั้น เมื่อโทโมะเห็นจริงๆว่าเพื่อนของเขามันยิ้ม..แต่เขื่อนที่เป็นเพื่อนกับป๊อปปี้มาเหมือนกับโทโมะ กลับไม่เชื่อ จะให้เชื่อได้ไงเมื่อรอยยิ้มนั่นเขาไม่เคยได้เห็นตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งป๊อปปี้ไป..
ป๊อปปี้เดินเข้ามาภายในห้องดนตรีทุกคนกำลังเตรียมพร้อมที่จะซ้อม..
“ซ้อมๆ! อย่าขี้เกียจ!” เขื่อนตะโกนบอกกับตัวเองแล้วทำหน้าเหี้ยมโหด
ป๊อปปี้ได้แต่มองดูบริเวณรอบห้องที่มันยังคงเหมือนเดิม อาจจะมีฝุ่นเกาะอยู่นิดหน่อย ถึงอย่างนั้นห้องดนตรีก็สกปรกมากกว่าเดิม ร่างสูงส่ายหน้าเมื่อก่อนห้องมันสะอาดกว่านี้เยอะ แต่นี่อะไร..
“เป็นไงล่ะมึง ห้องดนตรีเป็นเหมือนห้องเก็บของไปแล้ว แต่กูว่ามันก็ยังพอซ้อมได้อยู่” โทโมะเอ่ยขึ้นแล้วเดินไปหยิบไม้กลองของตัวเองขึ้นมาก่อนจะปัดฝุ่นออกเล็กน้อย
“…” ป๊อปปี้มองเพื่อนสนิทแล้วหันไปหาเบสของตัวเองบ้าง แน่นอนว่าเบสของเขาฝุ่นเกาะมากแค่ไหน ดูยังไงก็ไม่เหมาะที่จะซ้อมเลยสักนิด
“กูว่าเราควรเปลี่ยนที่ซ้อมกันนะ” โทโมะว่าบ้าง ก่อนจะส่งสายตาไปหาเขื่อนที่คิดแบบเดียวกับเขา
“บ้านมึงไงไอป๊อป!” สองเสียงประสานกัน เจ้าของชื่อมองเพื่อนสนิทแล้วเลิกคิ้วมอง แน่นอนว่าเขาไม่อยากให้ใครไปบ้านของเขา..
“ไม่ได้” เจ้าของบ้านห้าม
“ทำไมวะ”
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ พวกมึงฝันไปเถอะ” ป๊อปปี้แค่รู้สึกแปลกๆบางอย่าง…
“อะไรหว้า”
ป๊อปปี้นิ่งเงียบไม่ตอบโต้ใดๆ เขาคิดว่าบ้านเขาไม่ใช่ที่ที่ใครๆจะเข้าออกได้อย่างสบายแบบนั้นและที่สำคัญเขาก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าในบ้านนั้นมีเพียงแค่ป๊อปปี้กับเด็กผู้หญิงอีกคน..
ขืนไอเพื่อนสนิทสองคนนี้รู้เข้า..ซวยแหง่ๆ
ตกเย็นก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมเขาถึงต้องยอมให้ไอเพื่อนเวรทั้งสองคนมายืนทำหน้าโต้ลมอยู่หน้าบ้านแบบนี้ ป๊อปปี้มองเพื่อนทั้งสองแล้วส่ายหน้าเอือมๆ
“โหหหห บ้านมึงนี่ยังใหญ่เหมือนเดิมเลยว่ะ” โทโมะว่า
“อย่าพูดมาก จะได้เริ่มซ้อมเร็วๆ”
“โด่ไรวะ พวกกูก็ตั้งใจจะมาซ้อมนั่นแหละไม่ต้องเป็นห่วง!” เขื่อนพูดเสริม
ทั้งสามคนย่างก้าวเข้ามาในบ้านของป๊อปปี้และก็ได้พบกับอย่างเดิมคือการที่มีอาหารเต็มโต๊ะถูกเตรียมพร้อมไว้โดย…ฟาง
“ไอเชี่ยยยยยย อาหารน่ากินชิบหา_ ใครทำวะแม่ง” โทโมะมองอาหารอย่างอึ้งๆ ก็มากี่ทีไม่ได้มีอาหารเตรียมไว้พร้อมแบบนี้นี่
“พวกมึงจะมาซ้อมก็เลิกคิดเรื่องแดกก่อนดีกว่าวะ” ป๊อปปี้รู้ดีว่าเป็นฝีมือใครแต่เขาก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะไม่กิน
“โหยไรวะ อาหารอร่อยขนาดนี้จะไม่กินได้ยั…”
“ไอบ้า!...O__O”
จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเรียกสติของอีกสามคนที่โต๊ะอาหารให้หันไปดูเป็นตาเดียว..ฟางยืนอึ้งค้างเมื่อจู่ๆคนที่เขาคิดว่าจะเป็นป๊อปปี้มันไม่ใช่แบบนั้น..
“เห้ยไอป๊อป…ใครวะ น่ารักโคตร” โทโมะเดินเข้ามากระซิบร่างสูงที่มองดูฟางด้วยแววตาเรียบนิ่ง
“ลูกเพื่อนแม่”
“ลูกเพื่อนแม่?? แล้วเกี่ยวอะไรกับมึง…เห้ยนี่มึงอย่าบอกนะว่าเค้ามาอยู่กับมึงอ่ะO[]O”
“อือ”
“ส…สวัสดี พวกนาย…” ฟางหันมาหาป๊อปปี้เหมือนขอความช่วยเหลือ
ร่างสูงได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินขึ้นบนห้องไม่ใยดีฟางที่อยากจะบ้าตายในตอนนี้เลยสักนิด
“เอ่อ…”
“สวัสดีครับ!! ผมชื่อโทโมะ เป็นเพื่อนสนิทของไอเชี่ยป๊อ เอ้ย! ป๊อปปี้มันน่ะครับ ฮ่าฮ่า ” โทโมะแนะนำตัวต่อหน้าคนตัวเล็กที่ยังคงกระพริบตาปริบๆอยู่อย่างนั้น
“อ่อ..แล้ว…” ฟางหันไปมองทางเขื่อนที่ยืนส่งสายตาปิ๊งๆอยู่
“ผมชื่อ เขื่อน ครับ เป็นเพื่อนสนิทของไอป๊อปอีกคนนึง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณ…”
“ฉันชื่อฟางค่ะ”
“เอ่อ…วันนี้ผมรบกวนหน่อยแล้วกันนะครับ” โทโมะเริ่มเจียมตัวมากขึ้น
“รบกวน?”
“อ๋อ พวกเราจะขอซ้อมดนตรีข้างบนหน่อยพอดีที่โรงเรียนมันรกและสกปรกมากเราก็เลยไม่มีห้องซ้อมเลย” เขื่อนว่าพลางยู่หน้านอยๆ
“สกปรกหรอคะ?” ฟางเอียงคอสงสัย
“ใช่ครับ ไอป๊อปนี่ก็เครียดหนักมากเลยยิ่งถ้าที่โรงเรียนไม่มีที่ซ้อมมันก็จะยิ่งลำบากต่อวงดนตรีของเราเข้าไปอีก…”
“….”
“พวกมึงจะคุยกันอีกนานมั๊ย?!! กูรอนานแล้วนะเว้ย!” เสียงป๊อปปี้ตะโกนดังมาจากชั้นบน เขากำลังก้มมองอีกสามคนข้างล่างที่เงยหน้าขึ้นมาตามเสียง
“งั้นพวกผมไปก่อนนะครับ ฟาง” ว่าจบทั้งเขื่อนและโทโมะก็รีบวิ่งกรูขึ้นไปยังชั้นบนในทันที
ป๊อปปี้กับฟางเอาแต่จ้องตากันอย่างเคืองๆไม่แน่อาจจะเป็นป๊อปปี้คนเดียวก็ได้..
“มีของดีอยู่กับตัวก็ไม่ยอมบอกเพื่อนนะมึง” โทโมะแขวะเข้าให้
“ของดีอะไร” ป๊อปปี้ว่าพรางสำรวจเบสของตัวเองไปพราง
“ก็ฟางไงวะ…น่ารักชิบหาย" โทโมะเอ่ยอย่างมีเลสนัย
“มึงอย่าไปบ้ากับไอโมะล่ะ มันเห่อก็แค่ช่วงแรกๆ กูเห็นกี่คนๆปุ๊ปปั๊บแม่งก็เลิกหมด” เขือ่นบอกอย่างรู้ดี ก็เพื่อนรักของเขาอย่างโทโมะน่ะก็เห็นอะไรเล่นๆไปหมทุกอย่างนั่นแหละ
เขารู้ดีว่าโทโมะน่ะเป็นคนยังไง…หมอนี้น่ะจะชอบแบบชอบมากในช่วงแรกแต่พอนานๆเข้ามันก็เบื่อไปหมด ผู้หญิงต่างๆนาๆที่ผ่านเข้ามาก็ถูกฟันทิ้งทั้งหมด
“รีบๆซ้อมเหอะ พวกมึงจะได้รีบกลับ” ป๊อปปี้หยิบเบสของตัวเองขึ้นมาตั้งท่าพร้อม ตามด้วยเขื่อนที่เป็นมือกลองและสุดท้ายโทโมะป็นนักร้องนำ
ลู่หานไม่อยากอยู่เฉยอีกต่อไป คนตัวเล็กเมื่อคิดอะไรออกจึงเร่งฝีเท้าลงไปยังชั้นล่างและตรงไปยังห้องครัว เธอกะว่าจะทำน้ำส้มคั้นให้ได้กินกันหน่อย มาบ้านป๊อปปี้ทั้งที กลับไปเผื่อจะได้เอาไปโม้คนอื่นได้
ไม่นานน้ำส้มที่คั้นก็ได้ทั้งหมดสามแก้ว ฟางจัดวางใส่ถาดก่อนจะนำไปชั้นบนด้วยความระมัดระวัง แต่ทันทีที่อยู่หน้าห้องคนตัวเล็กเลยไม่มีมือที่จะเปิดประตูหรือเคาะประตู ฟางจึงตัดสินใจตะโกนเข้าไป
“ขอโทษนะ ฉันเอาน้ำส้มมาให้!!!!!” เสียงเล็กหรอจะสู้เสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มอย่างนี้ ฟางเลยถอนหายใจเบาๆ พวกเขาคงซ้อมกันอยู่เลยไม่อยากรบกวนเท่าไหร่ คนตัวเล็กเลยวางถาดน้ำส้มไว้หน้าห้อง ก่อนจะเคาะประตูแล้วพูดขึ้น
ก๊อกๆๆ
ก็หวังว่าคนข้างในจะได้ยินบ้าง..
“ฉันเอาน้ำส้มมาให้อย่าลืมกินล่ะ!!” แม้จะพูดเท่าไหร่เสียงดนตรีก็ยังคงดังอยู่วันยังค่ำ ฟางห่อไหล่ไว้กับตัว ก่อนจะเดินลงไปด้านล่างแล้วเอนตัวลงนอนบนโซฟาหน้าทีวี
เมื่อเอนตัวลงนอนก็พลันนึกอะไรออกขึ้นมา คำพูดของเขื่อนเพื่อนของป๊อปปี้ที่ลอยเข้ามาในหัว
“อ๋อ พวกเราจะขอซ้อมดนตรีข้างบนหน่อยพอดีที่โรงเรียนมันรกและสกปรกมากเราก็เลยไม่มีห้องซ้อมเลย”
“สกปรกหรอคะ?”
“ใช่ครับ ไอป๊อปนี่ก็เครียดหนักมากเลยยิ่งถ้าที่โรงเรียนไม่มีที่ซ้อมมันก็จะยิ่งลำบากต่อวงดนตรีของเราเข้าไปอีก…”
เมื่อนึกได้ฟางจึงยันตัวเองขึ้นจากโซฟาแล้วเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโซฟาขึ้นมา เลื่อนสไลค์ดูรายชื่อใครบางคนที่สามารถติดต่อได้ในตอนนี้
"แก้วไง!” ฟางเลื่อนไปมาจนเจอเบอร์แก้วลงเธอคิดว่าคงจะช่วยเธอเรื่องนี้ได้
[ฮัลโหลค พี่ฟางมีอะไรรึเปล่า] เสียงปลายสายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงงัวเงีย คงจะเพิ่งตื่นสิท่า
“ขอโทษนะแก้ว หลับอยู่หรอ ”
[ไม่เป็นไรหรอกพี่ฟาง ว่าแต่โทรมาแบบนี้มีอะไรอ่ะ]
“คือพี่มีเรื่องจะให้แก้วช่วยหน่อยน่ะ..”
[เรื่องอะไรหรอ แก้วช่วยได้หมดเลยนะ]
“ก็เรื่องป๊อปปี้อ่ะ…”
หายไปนานมากกก ยังมีคนติดตามกันอยู่รึเปล่า
ขอกำลังใจค้าบบบบ
รักเม้นนนนน ชอบโหวตตตตตตต ถูกใจไลค์
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ