Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
9.6
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
43 chapter
860 วิจารณ์
67.56K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
8) - Illogical - ( ไร้เหตุผล )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- Illogical -
(ไร้เหตุผล )
“อาการใบ้กำเริบอีกแล้วรึไง ฉันถามทำไมไม่ตอบ - -!”
แล้วทำไมต้องขึ้นเสียงหน่อยๆด้วยเนี่ยนี่มันหน้าห้องพยาบาลนะ! เกรงใจคนไข้ที่เขาหลับนอนหน่อยสิ แล้วถ้ามีคนมาเห็นฉันกับเขาอยู่ด้วยกันแล้วถ่ายรูปไปให้พิมพ์ดูฉันไม่ซวยอีกหรือไง นี่ขนาดฉันไม่เคยมีเรื่องอะไรกับพิมพ์ไม่เคยแม้แต่จะรู้จัก เธอยังทำรุนแรงขนาดนี้
แล้วถ้ามันเกิดขึ้นอีกล่ะ?! อ่า...ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าชีวิตที่แสนสงบสุขของฉันจะพังทลายลงเพราะว่ามีโทโมะมาอยู่ใกล้ๆชีวิตเนี่ย >O<!
ฉะนั้น! เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเองฉันจึงคิดว่าไม่ควรอยู่ใกล้เขา ถึงแม้จะชอบเขาอยู่ก็ตามทีเถ๊อะ!
“เราทำแผลเสร็จแล้ว ไม่งั้นคงไม่เดินออกมาแบบนี้หรอก”
ฉันพูดแต่ไม่รู้ว่าคำพูดของฉันมันไปกระตุกต่อมอะไรของโทโมะเขาจึงหรี่ตามองฉัน ( อีกแล้ว! ><! ) ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นเป็นเชิงแล้วเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มไปมาอย่างกวนๆ จนฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่แต่ไม่น่าจะเป็นเป็นเรื่องที่ดี
ทำไมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ! ></////
จะกวนประสาทกันรึไง!?
“แล้ว...นายมาทำอะไรตรงนี้ล่ะ”
ฉันถามกลบเกลื่อนความอายเมื่อโทโมะมองมาไม่หยุดแถมยังไม่พูดอะไรซักคำจนฉันอึด อัด และพอฉันถามไปเท่านั้นแหละ โทโมะก็เค้นหัวเราะออกมาทันที่!
“เห๊อะ! แถวนี้ห้องพยาบาลฉันคงมาเดินซื้อข้าวน่ะ”
“แต่นี่ไม่ใช่โรงอาหารนะ O_O?” ฉันพูดและมันทำให้โทโมะถึงกับสตั๊น “ถ้านายจะซื้อข้าวนายก็ต้องไปซื้อที่โรงอาหารสิแถวนี้ไม่มีขายหรอก”
ผ่าง!
“= =;;;;” โทโมะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เหมือนว่าฉันทำอะไรผิด
แล้วฉันทำอะไรผิดล่ะ? ฉันแค่พูดไปตามความจริงนี่นา แล้วทำไมเขาต้องทำเหมือนกับจะบอกฉันว่า ‘เธอเนี่ยน้า ><!!!!’ อะไรอย่างนี้ด้วยอ่ะ =[]=;;;;;
“หน้าอึนได้ใจจริงๆนะ”
“=[]=;;;”
“ไหน? ขอดูแผลหน่อย”
หมับ!
ไม่ พูดปล่าวแต่โทโมะสาวเท้าเข้ามาหาฉันก่อนจะดึงแขนฉันให้เข้าไปหาส่วนมืออีกข้าง ของเขาก็เอามาจับแก้มฉันให้หันไปมา เมื่อเขาสังเกตว่ามีแผลอยู่ที่มุมปากฉัน เขาก็ขมวดคิ้วเข้าหากันสายตาของเขายังคงอยู่ที่แผลของฉัน
แต่ทว่ามีบางอย่างที่มากกว่านั้นคือ...
เขาเริ่มโน้มตัวลงมาใกล้ๆกับใบหน้าของฉันพลางจ้องลึกลงมาที่แผลนั้น ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจงใจจะแกล้งฉันให้ใจสั่นเล่นหรือว่ายังไง เพราะตอนนี้ใบหน้าของเราใกล้กันมากจนถ้ามองไกลๆก็เหมือนคนกำลัง...อ่าช่าง เถอะ! >//////<!
หน้าโทโมะเข้ามาใกล้มากจนฉันเองก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก...
และเหมือนว่าโทโมะเริ่มรู้สึกตัวว่าใบหน้าของเราใกล้กัน เขามองมาที่ฉันเพียงนิดเดียวก่อนจะผละตัวออก แล้วเอามือบีบจมูกตัวเองนิดๆ ฉันไม่รู้ว่าอาการแบบนี้มันคืออะไรแต่ตัวเองก็อยากลองทำบ้าง ฉันจึงมองโทโมะทำแล้วทำตามพอโทโมะเห็นว่าฉันทำตามเท่านั้นแหละเขาก็รีบเอามือของ ตัวเองซุกลงกระเป๋ากางเกงทันที
“นายยังไม่ได้ตอบเราเลยนะว่ามาทำอะไรตรงนี้” ฉันทวงถามคำถามเดิม
“ฉันเดินผ่านมาแล้วดันมาเจอ‘คุณเพื่อนบ้าน’ พอดี ก็แค่นั้น?” โทโมะยักไหล่
“ถ้านายแค่เดินผ่านมาทำไมต้องถามเราด้วยว่า ‘ทำแผลเสร็จแล้วเหรอ?’ ” ฉันชิงถามอย่างตรงประเด็นจนวีเมิน หน้ามองไปทางอื่น
“อย่าถามคำถามที่ฉันตอบไปแล้ว”
นายตอบตอนไหน? =[]=?
โอเค๊! ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบก็แค่นั้น เพราะฉันก็ไม่อยากจะได้คำตอบที่ให้ความหวังตัวเองเหมือนกัน และขี้เกียจจะมานั่งคิดเยอะด้วย! เห๊อะ! สรุปว่านายเดินผ่านมาก็แค่นั้น แต่นายก็คงรู้มาแล้วว่าฉันโดนตบพอฉันเดินออกมาจากห้องพยาบาลแล้วนายบังเอิญเห็นเลยถามขึ้นงั้นสินะ?
แต่มันก็น่าจะจริงอย่างที่ฉันคิดรึปล่าวเพราะโทโมะนี่ก็ไม่มีท่าว่าจะสนใจ‘เพื่อนบ้าน’อย่างฉันซักเท่าไหร่อยู่แล้วนี่นาถึงได้เย็นชาใส่กันตลอด...
“งั้น...เราขอตัวนะ”
ฉันพูดขึ้นแล้วก็หมุนตัวจะเดินไปอาคาร 5 แต่อยู่ดีๆโทโมะก็สาวเท้าเดินตามมาอยู่ข้างๆฉัน พอฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเขางงๆเขาก็บอกว่า...
“อะไร ฉันก็เรียนอาคารเดียวกับเธอจะให้ฉันเดินไปทางไหนล่ะ - -?”
เมื่อ ได้คำตอบทั้งๆที่ยังๆไม่ได้ถาม ฉันกับโทโมะก็เดินไปด้วยกันเรื่อยๆแต่เราก็ทิ้งระยะห่างกันพอสมควร แต่ฉันสังเกตว่าตอนที่เดินกับเขาเมื่อเดินผ่านกลุ่มนักเรียนสาวที่นั่งอยู่ โทโมะจะเริ่มเดินเข้ามาชิดฉันตลอดไม่รู้เพราะอะไรแต่ก็ขอบใจมาก เพราะสาวๆพวกนั้นมองฉันอย่างกับจะกินฉันเข้าไปทั้งตัว T_T
ฉันอึดอัดจริงๆแต่จะทำยังไงได้จึงได้แต่เดินก้มหน้า ตามจริงมีโทโมะมาเดินอยู่เป็นเพื่อนก็ดีเหมือนกันนะเพราะถ้าเดินไปคนเดียวมี หวังถูกรุมแน่ๆ เพราะว่าเรื่องเมื่อตอนกลางวันน่ะมันคงดังกระฉ่อนไปถึงหูสาวๆในโรงเรียนกันหมดแล้วแน่ๆ บ้าจริง! ถ้ามีรุ่นน้องรุ่นพี่ที่ชอบโทโมะเข้ามาหาเรื่องฉัน ฉันจะทำยังไงเนี่ย ><?
ให้ตายสิ....ทำไมชีวิตที่แสนสงบสุขของฉันจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย
ยิ่งฉันอยู่ใกล้โทโมะฉันก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีอันตรายแล้วก็ปลอดภัยในเวลา เดียวกัน ฮือออออออ ฉันจะทำยังไงดีๆๆๆ เสียวโดนพวกกลุ่มโบว์ลิ่งเล่นงานอีกจริงๆ YOY
!!!
จักรยานก็ยังไม่ได้! แถมเย็นนี้ก็ต้องเดินกลับกับโทโมะอีก โธ่! พระเจ้า! >O<!
5 นาทีต่อมา...
“เย็นนี้เลิกเรียนเสร็จก็มารอฉันที่เดิม”
เมื่อ เดินขึ้นบันไดมาโทโมะก็พูดขึ้น ฉันหยุดก้าวขาขึ้นบันไดขั้นต่อไปแล้วหันไปมองโทโมะ ที่กำลังมองมาทีฉันอยู่เช่นกัน แต่เมื่อฉันกำลังจะอ้าปากพูดโทโมะก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน
“ฉันทำตามคำขอร้องของพ่อเธอและไม่อยากผิดคำของผู้ใหญ่”
“ตามจริงวันนี้เราเลิกก่อนนาย...”
“เลิกก่อนแล้วไง รอฉันไม่ได้? ทีเมื่อวานฉันยังยืนรอเธอได้เป็นชั่วโมง - -!”
โทโมะมั่ว! ไม่ถึงซักหน่อย เมื่อวานเขารอฉันแค่ 5 หรือ 10 นาทีเองนะ!
ฉัน บอกแล้วโทโมะนี่แปลกพอไม่พูดนี้ก็เงียบซะจนเดาทางไม่ถูก แต่พอพูดทีนี่มายาวเหยียดและออกแนวโมโห เคือง หงุดหงิด น้อยใจ เฮ้อ...อีกเยอะแยะซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขานี่เป็นคนยังไงกันแน่นะ เนี่ย สับสน! ><!
“...”
“ฉันไม่ใช่คนที่ชอบรอใคร ฉะนั้น ถ้าฉันรอได้ ถือว่าดีสำหรับเธอแค่ไหนแล้ว”
ให้ตายสิ! หมอนี่นิจะอะไรกับเรื่องรอเนี่ย บอกให้ฉันรอ ฉันก็รอได้ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำเลย เขากลัวฉันไม่รอกลับพร้อมเขารึไง?
จากที่ฉันเคยกลัวๆโทโมะตอนแรกๆ รู้สึกว่าตอนนี้เหมือนจะไม่ ( หน่อยๆ ) แล้วล่ะมั้ง เพราะโทโมะก็นิสัยเหมือนๆกับพิชชี่น้องชายฉันดีๆนี่เอง ท่าทางเอาแต่ใจชะมัดยาก! >O<!
“หรือเธอกลัวว่าจะมีคนถ่ายรูปเธอกับฉันไปให้พิมพ์ดู?” โทโมะพูดแล้วมองหน้าฉันตรงๆจนฉันต้องหันไปมองทางอื่น
ตาม จริงฉันอยากเดินกลับเองแต่...ก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าจะโดนดักเล่นงานตอนที่ เดินคนเดียวอีก เพราะดูท่าทางของพิมพ์แล้ว เธอคงจะไม่ยอมรามือและเลิกหาเรื่องฉันง่ายๆแน่เลย
เฮ้อ...ทำไมมันช่างซวยแบบนี้นะ! ทำไมๆๆๆๆๆ ><!
“เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่ ทำอย่างกับกลัวเราไม่เดินกลับกับนายอย่างงั้นแหละ”
ฉัน หันไปพูดกับโทโมะแล้วส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้อง ระหว่างนั้นฉันยังคงรู้สึกว่าสายตาโทโมะยังคงมองมาอยู่ และตอนนี้หัวใจฉันก็เต้นแรงขึ้นอีกแล้วจนฉันต้องเอามือขึ้นมาแตะที่อกของตัวเองดูฉันไม่อยากให้เกิดความรู้สึกนี้เลยเพราะฉันเคยเห็นจากหลายคนนะที่ว่า...
แอบรักเขาแต่ถ้าเขาไม่รักต่อให้ทำดีแค่ไหนเราเอง ต่างหากที่ต้องเสียใจ ฉันเพิ่งเคยมีความรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เจอโทโมะ และยอมรับตรงๆว่าฉันชอบเขาอยู่มากในใจลึกๆข้างใน
ฉันไม่อยากแสดงอกไปเพราะว่าใจตัวเองรู้ดีว่าไม่เข้มแข็งพอ เพราะฉันรู้ตัวว่าตัวเองอ่อนแอแค่ไหน ขนาดตัวเองยังปกป้องไม่ได้ แล้วถ้าเกิดเรื่องที่ทำให้ฉันต้องเสียใจฉันคง...ร้องไห้ตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยที่ไม่มีใครเห็นแน่ๆ
ตั้งแต่เล็กพ่อบอกว่าฉันไม่เคยร้องไห้เลย...แต่พ่อคงไม่รู้หรอกว่าฉัน ร้องไห้บ่อยแค่ไหน...ฉันไม่อยากให้พ่อรู้เลยเก็บความรู้ไว้คนเดียวและเลือก ที่จะไม่บอกใครเวลาเสียใจอะไรเพราะกลัวว่าพ่อจะเป็นห่วง
พ่อมีลูกสาวคนเดียวและถ้าท่านเป็นอะไรไปฉันต้องรับหน้าที่ดูและน้องแทนท่าน...
ฉันจึง...พยายามที่จะเข้มแข็งให้ได้มาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนเรื่องวันนี้เอาไว้เป็นบทเรียนเลยว่าการอยู่ใกล้โทโมะเป็นอะไรที่อันตราย
...และความรู้สึกที่ฉันชอบเขา...ฉันขอเก็บไว้ในใจแต่เพียงผู้เดียว...
[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
“ไหนวะขนมแก?”
“สงสัยอะไรกันจังวะ? ฉันกินแล้วจบมั้ย?”
ผม เดินเข้าห้องมายังไม่ทันได้นั่งที่ของตัวเอง ให้เพื่อนจอมกวนทั้ง 4 ก็พากันสงสัยพบอย่างกับนักข่าวชอบจับผิดดาราอย่างงั้นแหละ พวกมันจะอะไรนักหนาวะเนี่ย? ชอบชงผมกับยัยสาวจอมอึนข้างบ้านอย่างยัยแก้วนั่นจริงๆเลย > <!
“อ่ะๆๆ ไม่แซวแล้วก็ได้วะครับ ^^”
ถึงไอ้เคนตะที่นั่งอยู่โต๊ะข้างหน้าผมจะบอกว่า ‘ไม่แซว’ แล้ว แต่เชื่อม๊ะ? หน้าตามันก็ยังคง‘แซว’ ผมไม่หยุด เอาตรงๆนะผมไม่ชอบให้พวกมันมาแซวแบบนี้เท่าไหร่เพราะมันน่ารำคาญ แต่ช่างเหอะ! งานชง งานเกรียน งานจับคู่ พวกมันน่ะที่หนึ่งเลย
“แก้วออกจะน่ารัก พวกฉันชงให้ยังไม่ดีใจ เดี๋ยวก็จับชงคู่กับแป๊ะยิ้มซะหรอก ฮ่าๆๆๆ”
“- -!!!”
กึก!
“อูยยยย...สงสัยถ้าใครพูดว่า‘โทโมะชอบแป๊ะยิ้ม’ มีหวัง” ไอ้เขื่อนทำท่าเอานิ้วปาดคอตัวเองหลังจากที่ผมจ้องมองอย่างเอาเรื่อง
ที่ผมมองแบบนั้นเพราะว่าคนที่ชื่อ ‘แป๊ะยิ้ม’ เป็นกระเทยตัวอ้วนดำร่างใหญ่และแต่งสวยที่สุดในห้องนี้ (?) ยิ่งกว่าผู้หญิงจริงๆซะอีก หล่อนนั่งอยู่หน้าห้องและเสริมสวยตลอดเวลาแถมชอบติดโบว์ใหญ่ๆสีชมพูไว้ที่ หัวพองๆโตๆแบบมิกกี้เมาส์ = =;;;;
แป๊ะยิ้มชอบผมครับ ตามตื๊อผมไปทั่วจนวันหนึ่งผมทนไม่ไว้ต้องบอกไปตรงๆว่าผม‘ไม่ชอบ’อย่าทำแบบนี้ไม่งั้นผมจะไม่นับเพื่อนอีกจนแป๊ะยิ้มต้องยอมสยบการไล่ตามตื๊อแต่โดยดี
ตามจริงผมไม่ได้อยากใจร้ายใส่แป๊ะยิ้มขนาดนั้นแต่ว่าบางครั้ง‘การตามตื๊อ’มาก็ทำให้ชีวิตของคนที่คุณตามตื๊อวุ่นวายนะ หรือคุณว่าไม่?
“แล้วเย็นนี้แกจะไม่ไปเล่นสเก็ตบอร์ดกับพวกฉันไง๊?” จองเบถาม
“คงไม่ว่ะ ที่บ้านอยากให้ฉันไปกินข้าวเย็นด้วย” ผมตอบจองเบแล้วจองเบก็พยักหน้าเป็นเชิง
ทุกคนในห้องก็มานั่งตามที่ปกติเพราะอาจารย์ประจำวิชาเข้ามาเตรียมตัวสอนแล้ว ป๊อปปี้ที่นั่งข้างๆผมก็ละสายตาขึ้นจากไอแพดก่อนจะหยิบเอาหนังสือวิชานั้น ขึ้นมา หึ หมอนี่น่ะตั้งใจเรียนสุดแล้วๆ ตอนที่ย้ายเข้ามาใหม่ๆป๊อปปี้ไม่คุยกับใครเลยเอาแต่เงียบแล้วเรียนๆอย่าง เดียว
จนวันหนึ่งหมอนี่ถูกรุมแกล้งจากพวกผู้ชายต่างห้องพวกผมเห็นเลยเข้าไปช่วยไว้ ทัน จึงรับหมอนี่เข้ามาอยู่ในกลุ่มด้วย มันเป็นเหมือนพี่ชายที่ซื่อสัตย์เสมอแหละครับ พวกผมจึงคอยดูและมันเป็นอย่างดี
ตามจริงพวกเรากลุ่มเคโอติคนี่ก็ไม่ได้ วิเศษวิโสอะไร เป็นแค่กลุ่มเพื่อนธรรมดาๆกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง แต่พวกสาวๆในโรงเรียนก็เอาไปพูดกันซะจนเวอร์เลยทำให้เราถูกว่าเป็นพวก Bad Boy ในสายตาของทุกคนไปจนได้ จนบางคนก็ต่างพากันกลัวกันไปเลย ฮ่าๆๆ
พวกผมไม่เคยคิดที่จะอาสิ่งนี้ไปทำเป็นกร่างใส่ใครเลยนะถ้าไม่เคือง จริงๆ และบางครั้งจากคนที่เคยปล่อยให้อยู่เฉยๆ พวกผมกับต้องทำกร่างใส่ทั้งๆที่ไม่รู้สาเหตุอย่าง‘ไอ้มิณท์’ไม่รู้สินะ! ตั้งแต่วันที่เห็นมันทำท่าเหมือนจะจีบๆยัย‘เพื่อนบ้าน’ ผมก็ออกแนว
หมั่นไส้ๆมันหน่อยๆเลยถีบจักรยานให้ล้มเรียงกันเป็นแถวจนมันเองก็สะดุ้ง หึ! สะใจ!
แล้วส่วนเมื่อกลางวัน...ขวดน้ำที่ปาเฉียดหน้ามิณท์กับแก้ว ผมเป็นคนปาเองแหละ = =;;;
เมื่อกลางวัน
‘ ป๊อปขวดน้ำไม่เอาช้ะ?’ ผมถามป๊อปปี้เมื่อมันกินน้ำเสร็จผมก็ถามมันทันที
' ไม่' ป๊อปปี้ส่ายหน้า
เท่านั้นแหละ! ผม ก็รีบจัดการหยิบขวดน้ำปล่าวๆโดยไปอีกทิศทางหนึ่ง ซึ่งมีคนสองกำลังยืนคุยอะไรกันอยู่ ตรงถังขยะพอดี พวกเพื่อนหันมามองที่ผมก่อนจะมองไปยัง ‘เป้าหมาย’ ที่ผมโยนน้ำเข้าใส่
ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้นและผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนั้น แต่...เห็นไอ้มิณท์กับแก้วคุยกันแล้ว...มันขัดหูขัดตาว่ะ ไปคุยกันที่อื่นไม่ได้ไง๊> <!
แก้วมองมาที่กลุ่มพวกผมแต่เธอคงไม่รู้หรอกว่าใครทำ แต่สายตาเธอมันบ่งบอกเลยว่า ‘ไม่เข้าใจ’ กับการกระทำเมื่อกี๊ ช่างซิ! ใครสนกันเล่า! อยากคุยกันก็ไปยืนคุยที่อื่นสิ มายืนขวางหูขวางตากันทำไมล่ะ ( วะ ) ครับ?
พอแก้วกับมิณท์แยกย้ายกันไปนั่นแหละ! ผมถึงกับแอบยิ้มออกมานิดๆ จนไอ้เขื่อนออกปากถาม
' ยิ้มแบบนี้...แสดงว่าจงใจโยนปล่าววะ ^__^'
' ฉันจงใจโยนลงถังขยะต่างหาก - -+'
“คิดอะไรอยู่ไอ้โมะ อาจารย์สั่งงานแล้ว”
เสียง ของป๊อปปี้ที่นั่งอยู่ข้างๆผมปลุกให้ความคิดของผมกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ทันที ทั้งๆที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆเกี่ยวกับแก้วโดยที่ไม่รู้ว่าจะต้องคิดทำไม กันนะ แปลกใจตัวเองจริงๆ = =;;;
“จดไว้ดิเดี๋ยวเย็นนี้ฉันขอยืมกลับไปลอกที่บ้าน” ผมหันไปบอกป๊อปปี้ก่อนจะเอามือเท้าคางแล้วหันมองออกไปนอกหน้าต่าง
“อีกและไอ้นี่ =[]=;;;”
เมื่อ เสียงนั้นของป๊อปปี้จบลงเสียงอาจารย์เพื่อนๆที่คุยกันก็หายไปโดยอัตโนมัติ ทุกอย่างในห้องเงียบงันไปโดยสิ้นเชิงเพราะตอนนี้ผมกำลังอยู่โลก 4 มิติของตัวเองโดยไม่สนใจอะไร ใบไม้ที่ร่วงโรยลงจากที่ลมพัดไปมามันให้บรรยากาศหน้านอนเหลือเกิน...
ผมไม่รู้ว่าสมองตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ทุกครั้งที่ผมอยู่คนเดียวหรืออยู่กับ เพื่อนภาพของแก้วจะลอยมาอยู่ในตาผมตลอดซึ่งมันไม่ควรเลยซักนิดเพราะว่าผมมี คนที่ชอบอยากใช้ชีวิตด้วยอยู่แล้ว
แต่...เธอคนนั้นกลับไม่รับรักผมอย่างที่ควรเป็นทุกวันนี้ผมได้แต่มองเธอ ห่างๆอย่างห่วงๆเสมอ
ใช่แล้วครับ! เธอคือ...คลอรีน
ผู้หญิงที่เป็นรักครั้งแรกของผม...เป็นคนที่ผมอยากเป็นมากกว่าเพื่อน...แต่ ผมกลับหมดหวัง
ตามความจริงแล้วคนที่ผมควรจะคิดแล้วก็เห็นหน้าอยู่ในหัวคือคลอรีนแต่ทำไมกัน ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแก้วที่สวนสาธารณะทั้งๆที่ตอนนั้นผมไม่รู้จักเธอเลย ไม่รู้เลยว่าเธอเป็นลูกสาวเพื่อนพ่อที่พ่อบอกว่าจะย้ายเข้ามา
ยอมรับครับว่าแรกๆผมแทบจะไม่สนใจอะไรแก้วเลย แต่คงเป็นเพราะได้เห็นเธอทุกวันเลยทำให้ผมเก็บมาคิดล่ะมั้ง? คิด ตั้งแต่ตอนที่เดินผ่านหน้าร้านตุ๊กตาแล้วจู่ๆตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆนั่นหายไป ผมเดินเข้าไปในร้านเพื่อถามคุณยายว่ามีคนซื้อตุ๊กกตาตัวนั้นไปแล้วเหรอ เพราะมันขายไม่ออก และเมื่อปีที่แล้วผมก็ซื้อไปตัวนึง
คุณยายมองออกไปนอกร้านแล้วเห็นแก้วกำลังยืนหันข้างรอผมอยู่คุณยายก็บอกว่า ให้ตุ๊กตาอีกตัวกับแก้วไปแล้ว
'แม่หนูคนนั้นแหละที่ยายให้ตุ๊กตาไป ^^'
' ใช่ผู้หญิงคนนั้นเหรอครับ' ผมพูดแล้วหันไปทางแก้วที่กำลังยืนมองโน่นนี่อยู่ข้างนอกร้าน
' ใช่ ยายจำได้ แม่หนูคนนั้นเขามาจอดจักรยานที่หน้าร้าน ถามราคาตุ๊กตาตัวที่พ่อหนุ่มถามนั่นแหละ ยายเห็นว่าไม่มีใครซื้อแล้วเลยให้แม่หนูคนนั้นไป ^^'
' อย่างงั้นเหรอครับ...' สายตาของผมยังคงมองอยู่ที่แก้วที่ไม่รู้ตัวเลยว่าผมกำลังมองอยู่
อะไรกันนะที่ดลใจให้เธออยากซื้อตุ๊กตาที่ไม่มีใครอยากซื้อเหมือนกับผม....
[ จบบันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
ฟิ้ว...
ในขณะที่โทโมะมองออกไปนอกหน้าต่างสายลมพัดไปมาอย่างหวั่นไหว...ใบไม้ที่ร่วง หล่นบนต้นไม้ที่แห้งเกือบทั้งต้นแล้ว จู่ๆสายลมก็พัดพาใบไม้ใบหนึ่งเข้าผ่านหน้าต่างของโทโมะแล้วตกลงอย่างช้าๆบนโต๊ะ เรียนของเขา...โทโมะมองใบไม้นั่นอย่างงงๆ ก่อนที่เขาจะหยิบมันขึ้นมาดูแล้วคิดอะไรไปพลางๆเหมือนกับมีอะไรสักอย่างดลใจ ให้ลมพัดใบไม้แห้งใบหนึ่งเข้ามา...
ไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าหมายถึงอะไร...แต่มันคือการบ่งบอกว่า ‘ให้เริ่มต้นใหม่’กับคนที่
จะอยู่เป็นคู่ ‘ร่วมทุกข์ร่วมสุข’ด้วยกัน
แล้วคนที่จะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับโทโมะ...คือใครกันนะ...
_______________________________________
อัพแล้วเม้นโหวตกันด้วยน้า ^^
(ไร้เหตุผล )
“อาการใบ้กำเริบอีกแล้วรึไง ฉันถามทำไมไม่ตอบ - -!”
แล้วทำไมต้องขึ้นเสียงหน่อยๆด้วยเนี่ยนี่มันหน้าห้องพยาบาลนะ! เกรงใจคนไข้ที่เขาหลับนอนหน่อยสิ แล้วถ้ามีคนมาเห็นฉันกับเขาอยู่ด้วยกันแล้วถ่ายรูปไปให้พิมพ์ดูฉันไม่ซวยอีกหรือไง นี่ขนาดฉันไม่เคยมีเรื่องอะไรกับพิมพ์ไม่เคยแม้แต่จะรู้จัก เธอยังทำรุนแรงขนาดนี้
แล้วถ้ามันเกิดขึ้นอีกล่ะ?! อ่า...ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าชีวิตที่แสนสงบสุขของฉันจะพังทลายลงเพราะว่ามีโทโมะมาอยู่ใกล้ๆชีวิตเนี่ย >O<!
ฉะนั้น! เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเองฉันจึงคิดว่าไม่ควรอยู่ใกล้เขา ถึงแม้จะชอบเขาอยู่ก็ตามทีเถ๊อะ!
“เราทำแผลเสร็จแล้ว ไม่งั้นคงไม่เดินออกมาแบบนี้หรอก”
ฉันพูดแต่ไม่รู้ว่าคำพูดของฉันมันไปกระตุกต่อมอะไรของโทโมะเขาจึงหรี่ตามองฉัน ( อีกแล้ว! ><! ) ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นเป็นเชิงแล้วเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มไปมาอย่างกวนๆ จนฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่แต่ไม่น่าจะเป็นเป็นเรื่องที่ดี
ทำไมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ! ></////
จะกวนประสาทกันรึไง!?
“แล้ว...นายมาทำอะไรตรงนี้ล่ะ”
ฉันถามกลบเกลื่อนความอายเมื่อโทโมะมองมาไม่หยุดแถมยังไม่พูดอะไรซักคำจนฉันอึด อัด และพอฉันถามไปเท่านั้นแหละ โทโมะก็เค้นหัวเราะออกมาทันที่!
“เห๊อะ! แถวนี้ห้องพยาบาลฉันคงมาเดินซื้อข้าวน่ะ”
“แต่นี่ไม่ใช่โรงอาหารนะ O_O?” ฉันพูดและมันทำให้โทโมะถึงกับสตั๊น “ถ้านายจะซื้อข้าวนายก็ต้องไปซื้อที่โรงอาหารสิแถวนี้ไม่มีขายหรอก”
ผ่าง!
“= =;;;;” โทโมะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เหมือนว่าฉันทำอะไรผิด
แล้วฉันทำอะไรผิดล่ะ? ฉันแค่พูดไปตามความจริงนี่นา แล้วทำไมเขาต้องทำเหมือนกับจะบอกฉันว่า ‘เธอเนี่ยน้า ><!!!!’ อะไรอย่างนี้ด้วยอ่ะ =[]=;;;;;
“หน้าอึนได้ใจจริงๆนะ”
“=[]=;;;”
“ไหน? ขอดูแผลหน่อย”
หมับ!
ไม่ พูดปล่าวแต่โทโมะสาวเท้าเข้ามาหาฉันก่อนจะดึงแขนฉันให้เข้าไปหาส่วนมืออีกข้าง ของเขาก็เอามาจับแก้มฉันให้หันไปมา เมื่อเขาสังเกตว่ามีแผลอยู่ที่มุมปากฉัน เขาก็ขมวดคิ้วเข้าหากันสายตาของเขายังคงอยู่ที่แผลของฉัน
แต่ทว่ามีบางอย่างที่มากกว่านั้นคือ...
เขาเริ่มโน้มตัวลงมาใกล้ๆกับใบหน้าของฉันพลางจ้องลึกลงมาที่แผลนั้น ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจงใจจะแกล้งฉันให้ใจสั่นเล่นหรือว่ายังไง เพราะตอนนี้ใบหน้าของเราใกล้กันมากจนถ้ามองไกลๆก็เหมือนคนกำลัง...อ่าช่าง เถอะ! >//////<!
หน้าโทโมะเข้ามาใกล้มากจนฉันเองก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก...
และเหมือนว่าโทโมะเริ่มรู้สึกตัวว่าใบหน้าของเราใกล้กัน เขามองมาที่ฉันเพียงนิดเดียวก่อนจะผละตัวออก แล้วเอามือบีบจมูกตัวเองนิดๆ ฉันไม่รู้ว่าอาการแบบนี้มันคืออะไรแต่ตัวเองก็อยากลองทำบ้าง ฉันจึงมองโทโมะทำแล้วทำตามพอโทโมะเห็นว่าฉันทำตามเท่านั้นแหละเขาก็รีบเอามือของ ตัวเองซุกลงกระเป๋ากางเกงทันที
“นายยังไม่ได้ตอบเราเลยนะว่ามาทำอะไรตรงนี้” ฉันทวงถามคำถามเดิม
“ฉันเดินผ่านมาแล้วดันมาเจอ‘คุณเพื่อนบ้าน’ พอดี ก็แค่นั้น?” โทโมะยักไหล่
“ถ้านายแค่เดินผ่านมาทำไมต้องถามเราด้วยว่า ‘ทำแผลเสร็จแล้วเหรอ?’ ” ฉันชิงถามอย่างตรงประเด็นจนวีเมิน หน้ามองไปทางอื่น
“อย่าถามคำถามที่ฉันตอบไปแล้ว”
นายตอบตอนไหน? =[]=?
โอเค๊! ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบก็แค่นั้น เพราะฉันก็ไม่อยากจะได้คำตอบที่ให้ความหวังตัวเองเหมือนกัน และขี้เกียจจะมานั่งคิดเยอะด้วย! เห๊อะ! สรุปว่านายเดินผ่านมาก็แค่นั้น แต่นายก็คงรู้มาแล้วว่าฉันโดนตบพอฉันเดินออกมาจากห้องพยาบาลแล้วนายบังเอิญเห็นเลยถามขึ้นงั้นสินะ?
แต่มันก็น่าจะจริงอย่างที่ฉันคิดรึปล่าวเพราะโทโมะนี่ก็ไม่มีท่าว่าจะสนใจ‘เพื่อนบ้าน’อย่างฉันซักเท่าไหร่อยู่แล้วนี่นาถึงได้เย็นชาใส่กันตลอด...
“งั้น...เราขอตัวนะ”
ฉันพูดขึ้นแล้วก็หมุนตัวจะเดินไปอาคาร 5 แต่อยู่ดีๆโทโมะก็สาวเท้าเดินตามมาอยู่ข้างๆฉัน พอฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเขางงๆเขาก็บอกว่า...
“อะไร ฉันก็เรียนอาคารเดียวกับเธอจะให้ฉันเดินไปทางไหนล่ะ - -?”
เมื่อ ได้คำตอบทั้งๆที่ยังๆไม่ได้ถาม ฉันกับโทโมะก็เดินไปด้วยกันเรื่อยๆแต่เราก็ทิ้งระยะห่างกันพอสมควร แต่ฉันสังเกตว่าตอนที่เดินกับเขาเมื่อเดินผ่านกลุ่มนักเรียนสาวที่นั่งอยู่ โทโมะจะเริ่มเดินเข้ามาชิดฉันตลอดไม่รู้เพราะอะไรแต่ก็ขอบใจมาก เพราะสาวๆพวกนั้นมองฉันอย่างกับจะกินฉันเข้าไปทั้งตัว T_T
ฉันอึดอัดจริงๆแต่จะทำยังไงได้จึงได้แต่เดินก้มหน้า ตามจริงมีโทโมะมาเดินอยู่เป็นเพื่อนก็ดีเหมือนกันนะเพราะถ้าเดินไปคนเดียวมี หวังถูกรุมแน่ๆ เพราะว่าเรื่องเมื่อตอนกลางวันน่ะมันคงดังกระฉ่อนไปถึงหูสาวๆในโรงเรียนกันหมดแล้วแน่ๆ บ้าจริง! ถ้ามีรุ่นน้องรุ่นพี่ที่ชอบโทโมะเข้ามาหาเรื่องฉัน ฉันจะทำยังไงเนี่ย ><?
ให้ตายสิ....ทำไมชีวิตที่แสนสงบสุขของฉันจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย
ยิ่งฉันอยู่ใกล้โทโมะฉันก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีอันตรายแล้วก็ปลอดภัยในเวลา เดียวกัน ฮือออออออ ฉันจะทำยังไงดีๆๆๆ เสียวโดนพวกกลุ่มโบว์ลิ่งเล่นงานอีกจริงๆ YOY
!!!
จักรยานก็ยังไม่ได้! แถมเย็นนี้ก็ต้องเดินกลับกับโทโมะอีก โธ่! พระเจ้า! >O<!
5 นาทีต่อมา...
“เย็นนี้เลิกเรียนเสร็จก็มารอฉันที่เดิม”
เมื่อ เดินขึ้นบันไดมาโทโมะก็พูดขึ้น ฉันหยุดก้าวขาขึ้นบันไดขั้นต่อไปแล้วหันไปมองโทโมะ ที่กำลังมองมาทีฉันอยู่เช่นกัน แต่เมื่อฉันกำลังจะอ้าปากพูดโทโมะก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน
“ฉันทำตามคำขอร้องของพ่อเธอและไม่อยากผิดคำของผู้ใหญ่”
“ตามจริงวันนี้เราเลิกก่อนนาย...”
“เลิกก่อนแล้วไง รอฉันไม่ได้? ทีเมื่อวานฉันยังยืนรอเธอได้เป็นชั่วโมง - -!”
โทโมะมั่ว! ไม่ถึงซักหน่อย เมื่อวานเขารอฉันแค่ 5 หรือ 10 นาทีเองนะ!
ฉัน บอกแล้วโทโมะนี่แปลกพอไม่พูดนี้ก็เงียบซะจนเดาทางไม่ถูก แต่พอพูดทีนี่มายาวเหยียดและออกแนวโมโห เคือง หงุดหงิด น้อยใจ เฮ้อ...อีกเยอะแยะซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขานี่เป็นคนยังไงกันแน่นะ เนี่ย สับสน! ><!
“...”
“ฉันไม่ใช่คนที่ชอบรอใคร ฉะนั้น ถ้าฉันรอได้ ถือว่าดีสำหรับเธอแค่ไหนแล้ว”
ให้ตายสิ! หมอนี่นิจะอะไรกับเรื่องรอเนี่ย บอกให้ฉันรอ ฉันก็รอได้ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำเลย เขากลัวฉันไม่รอกลับพร้อมเขารึไง?
จากที่ฉันเคยกลัวๆโทโมะตอนแรกๆ รู้สึกว่าตอนนี้เหมือนจะไม่ ( หน่อยๆ ) แล้วล่ะมั้ง เพราะโทโมะก็นิสัยเหมือนๆกับพิชชี่น้องชายฉันดีๆนี่เอง ท่าทางเอาแต่ใจชะมัดยาก! >O<!
“หรือเธอกลัวว่าจะมีคนถ่ายรูปเธอกับฉันไปให้พิมพ์ดู?” โทโมะพูดแล้วมองหน้าฉันตรงๆจนฉันต้องหันไปมองทางอื่น
ตาม จริงฉันอยากเดินกลับเองแต่...ก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าจะโดนดักเล่นงานตอนที่ เดินคนเดียวอีก เพราะดูท่าทางของพิมพ์แล้ว เธอคงจะไม่ยอมรามือและเลิกหาเรื่องฉันง่ายๆแน่เลย
เฮ้อ...ทำไมมันช่างซวยแบบนี้นะ! ทำไมๆๆๆๆๆ ><!
“เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่ ทำอย่างกับกลัวเราไม่เดินกลับกับนายอย่างงั้นแหละ”
ฉัน หันไปพูดกับโทโมะแล้วส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้อง ระหว่างนั้นฉันยังคงรู้สึกว่าสายตาโทโมะยังคงมองมาอยู่ และตอนนี้หัวใจฉันก็เต้นแรงขึ้นอีกแล้วจนฉันต้องเอามือขึ้นมาแตะที่อกของตัวเองดูฉันไม่อยากให้เกิดความรู้สึกนี้เลยเพราะฉันเคยเห็นจากหลายคนนะที่ว่า...
แอบรักเขาแต่ถ้าเขาไม่รักต่อให้ทำดีแค่ไหนเราเอง ต่างหากที่ต้องเสียใจ ฉันเพิ่งเคยมีความรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เจอโทโมะ และยอมรับตรงๆว่าฉันชอบเขาอยู่มากในใจลึกๆข้างใน
ฉันไม่อยากแสดงอกไปเพราะว่าใจตัวเองรู้ดีว่าไม่เข้มแข็งพอ เพราะฉันรู้ตัวว่าตัวเองอ่อนแอแค่ไหน ขนาดตัวเองยังปกป้องไม่ได้ แล้วถ้าเกิดเรื่องที่ทำให้ฉันต้องเสียใจฉันคง...ร้องไห้ตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยที่ไม่มีใครเห็นแน่ๆ
ตั้งแต่เล็กพ่อบอกว่าฉันไม่เคยร้องไห้เลย...แต่พ่อคงไม่รู้หรอกว่าฉัน ร้องไห้บ่อยแค่ไหน...ฉันไม่อยากให้พ่อรู้เลยเก็บความรู้ไว้คนเดียวและเลือก ที่จะไม่บอกใครเวลาเสียใจอะไรเพราะกลัวว่าพ่อจะเป็นห่วง
พ่อมีลูกสาวคนเดียวและถ้าท่านเป็นอะไรไปฉันต้องรับหน้าที่ดูและน้องแทนท่าน...
ฉันจึง...พยายามที่จะเข้มแข็งให้ได้มาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนเรื่องวันนี้เอาไว้เป็นบทเรียนเลยว่าการอยู่ใกล้โทโมะเป็นอะไรที่อันตราย
...และความรู้สึกที่ฉันชอบเขา...ฉันขอเก็บไว้ในใจแต่เพียงผู้เดียว...
[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
“ไหนวะขนมแก?”
“สงสัยอะไรกันจังวะ? ฉันกินแล้วจบมั้ย?”
ผม เดินเข้าห้องมายังไม่ทันได้นั่งที่ของตัวเอง ให้เพื่อนจอมกวนทั้ง 4 ก็พากันสงสัยพบอย่างกับนักข่าวชอบจับผิดดาราอย่างงั้นแหละ พวกมันจะอะไรนักหนาวะเนี่ย? ชอบชงผมกับยัยสาวจอมอึนข้างบ้านอย่างยัยแก้วนั่นจริงๆเลย > <!
“อ่ะๆๆ ไม่แซวแล้วก็ได้วะครับ ^^”
ถึงไอ้เคนตะที่นั่งอยู่โต๊ะข้างหน้าผมจะบอกว่า ‘ไม่แซว’ แล้ว แต่เชื่อม๊ะ? หน้าตามันก็ยังคง‘แซว’ ผมไม่หยุด เอาตรงๆนะผมไม่ชอบให้พวกมันมาแซวแบบนี้เท่าไหร่เพราะมันน่ารำคาญ แต่ช่างเหอะ! งานชง งานเกรียน งานจับคู่ พวกมันน่ะที่หนึ่งเลย
“แก้วออกจะน่ารัก พวกฉันชงให้ยังไม่ดีใจ เดี๋ยวก็จับชงคู่กับแป๊ะยิ้มซะหรอก ฮ่าๆๆๆ”
“- -!!!”
กึก!
“อูยยยย...สงสัยถ้าใครพูดว่า‘โทโมะชอบแป๊ะยิ้ม’ มีหวัง” ไอ้เขื่อนทำท่าเอานิ้วปาดคอตัวเองหลังจากที่ผมจ้องมองอย่างเอาเรื่อง
ที่ผมมองแบบนั้นเพราะว่าคนที่ชื่อ ‘แป๊ะยิ้ม’ เป็นกระเทยตัวอ้วนดำร่างใหญ่และแต่งสวยที่สุดในห้องนี้ (?) ยิ่งกว่าผู้หญิงจริงๆซะอีก หล่อนนั่งอยู่หน้าห้องและเสริมสวยตลอดเวลาแถมชอบติดโบว์ใหญ่ๆสีชมพูไว้ที่ หัวพองๆโตๆแบบมิกกี้เมาส์ = =;;;;
แป๊ะยิ้มชอบผมครับ ตามตื๊อผมไปทั่วจนวันหนึ่งผมทนไม่ไว้ต้องบอกไปตรงๆว่าผม‘ไม่ชอบ’อย่าทำแบบนี้ไม่งั้นผมจะไม่นับเพื่อนอีกจนแป๊ะยิ้มต้องยอมสยบการไล่ตามตื๊อแต่โดยดี
ตามจริงผมไม่ได้อยากใจร้ายใส่แป๊ะยิ้มขนาดนั้นแต่ว่าบางครั้ง‘การตามตื๊อ’มาก็ทำให้ชีวิตของคนที่คุณตามตื๊อวุ่นวายนะ หรือคุณว่าไม่?
“แล้วเย็นนี้แกจะไม่ไปเล่นสเก็ตบอร์ดกับพวกฉันไง๊?” จองเบถาม
“คงไม่ว่ะ ที่บ้านอยากให้ฉันไปกินข้าวเย็นด้วย” ผมตอบจองเบแล้วจองเบก็พยักหน้าเป็นเชิง
ทุกคนในห้องก็มานั่งตามที่ปกติเพราะอาจารย์ประจำวิชาเข้ามาเตรียมตัวสอนแล้ว ป๊อปปี้ที่นั่งข้างๆผมก็ละสายตาขึ้นจากไอแพดก่อนจะหยิบเอาหนังสือวิชานั้น ขึ้นมา หึ หมอนี่น่ะตั้งใจเรียนสุดแล้วๆ ตอนที่ย้ายเข้ามาใหม่ๆป๊อปปี้ไม่คุยกับใครเลยเอาแต่เงียบแล้วเรียนๆอย่าง เดียว
จนวันหนึ่งหมอนี่ถูกรุมแกล้งจากพวกผู้ชายต่างห้องพวกผมเห็นเลยเข้าไปช่วยไว้ ทัน จึงรับหมอนี่เข้ามาอยู่ในกลุ่มด้วย มันเป็นเหมือนพี่ชายที่ซื่อสัตย์เสมอแหละครับ พวกผมจึงคอยดูและมันเป็นอย่างดี
ตามจริงพวกเรากลุ่มเคโอติคนี่ก็ไม่ได้ วิเศษวิโสอะไร เป็นแค่กลุ่มเพื่อนธรรมดาๆกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง แต่พวกสาวๆในโรงเรียนก็เอาไปพูดกันซะจนเวอร์เลยทำให้เราถูกว่าเป็นพวก Bad Boy ในสายตาของทุกคนไปจนได้ จนบางคนก็ต่างพากันกลัวกันไปเลย ฮ่าๆๆ
พวกผมไม่เคยคิดที่จะอาสิ่งนี้ไปทำเป็นกร่างใส่ใครเลยนะถ้าไม่เคือง จริงๆ และบางครั้งจากคนที่เคยปล่อยให้อยู่เฉยๆ พวกผมกับต้องทำกร่างใส่ทั้งๆที่ไม่รู้สาเหตุอย่าง‘ไอ้มิณท์’ไม่รู้สินะ! ตั้งแต่วันที่เห็นมันทำท่าเหมือนจะจีบๆยัย‘เพื่อนบ้าน’ ผมก็ออกแนว
หมั่นไส้ๆมันหน่อยๆเลยถีบจักรยานให้ล้มเรียงกันเป็นแถวจนมันเองก็สะดุ้ง หึ! สะใจ!
แล้วส่วนเมื่อกลางวัน...ขวดน้ำที่ปาเฉียดหน้ามิณท์กับแก้ว ผมเป็นคนปาเองแหละ = =;;;
เมื่อกลางวัน
‘ ป๊อปขวดน้ำไม่เอาช้ะ?’ ผมถามป๊อปปี้เมื่อมันกินน้ำเสร็จผมก็ถามมันทันที
' ไม่' ป๊อปปี้ส่ายหน้า
เท่านั้นแหละ! ผม ก็รีบจัดการหยิบขวดน้ำปล่าวๆโดยไปอีกทิศทางหนึ่ง ซึ่งมีคนสองกำลังยืนคุยอะไรกันอยู่ ตรงถังขยะพอดี พวกเพื่อนหันมามองที่ผมก่อนจะมองไปยัง ‘เป้าหมาย’ ที่ผมโยนน้ำเข้าใส่
ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้นและผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนั้น แต่...เห็นไอ้มิณท์กับแก้วคุยกันแล้ว...มันขัดหูขัดตาว่ะ ไปคุยกันที่อื่นไม่ได้ไง๊> <!
แก้วมองมาที่กลุ่มพวกผมแต่เธอคงไม่รู้หรอกว่าใครทำ แต่สายตาเธอมันบ่งบอกเลยว่า ‘ไม่เข้าใจ’ กับการกระทำเมื่อกี๊ ช่างซิ! ใครสนกันเล่า! อยากคุยกันก็ไปยืนคุยที่อื่นสิ มายืนขวางหูขวางตากันทำไมล่ะ ( วะ ) ครับ?
พอแก้วกับมิณท์แยกย้ายกันไปนั่นแหละ! ผมถึงกับแอบยิ้มออกมานิดๆ จนไอ้เขื่อนออกปากถาม
' ยิ้มแบบนี้...แสดงว่าจงใจโยนปล่าววะ ^__^'
' ฉันจงใจโยนลงถังขยะต่างหาก - -+'
“คิดอะไรอยู่ไอ้โมะ อาจารย์สั่งงานแล้ว”
เสียง ของป๊อปปี้ที่นั่งอยู่ข้างๆผมปลุกให้ความคิดของผมกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ทันที ทั้งๆที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆเกี่ยวกับแก้วโดยที่ไม่รู้ว่าจะต้องคิดทำไม กันนะ แปลกใจตัวเองจริงๆ = =;;;
“จดไว้ดิเดี๋ยวเย็นนี้ฉันขอยืมกลับไปลอกที่บ้าน” ผมหันไปบอกป๊อปปี้ก่อนจะเอามือเท้าคางแล้วหันมองออกไปนอกหน้าต่าง
“อีกและไอ้นี่ =[]=;;;”
เมื่อ เสียงนั้นของป๊อปปี้จบลงเสียงอาจารย์เพื่อนๆที่คุยกันก็หายไปโดยอัตโนมัติ ทุกอย่างในห้องเงียบงันไปโดยสิ้นเชิงเพราะตอนนี้ผมกำลังอยู่โลก 4 มิติของตัวเองโดยไม่สนใจอะไร ใบไม้ที่ร่วงโรยลงจากที่ลมพัดไปมามันให้บรรยากาศหน้านอนเหลือเกิน...
ผมไม่รู้ว่าสมองตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ทุกครั้งที่ผมอยู่คนเดียวหรืออยู่กับ เพื่อนภาพของแก้วจะลอยมาอยู่ในตาผมตลอดซึ่งมันไม่ควรเลยซักนิดเพราะว่าผมมี คนที่ชอบอยากใช้ชีวิตด้วยอยู่แล้ว
แต่...เธอคนนั้นกลับไม่รับรักผมอย่างที่ควรเป็นทุกวันนี้ผมได้แต่มองเธอ ห่างๆอย่างห่วงๆเสมอ
ใช่แล้วครับ! เธอคือ...คลอรีน
ผู้หญิงที่เป็นรักครั้งแรกของผม...เป็นคนที่ผมอยากเป็นมากกว่าเพื่อน...แต่ ผมกลับหมดหวัง
ตามความจริงแล้วคนที่ผมควรจะคิดแล้วก็เห็นหน้าอยู่ในหัวคือคลอรีนแต่ทำไมกัน ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแก้วที่สวนสาธารณะทั้งๆที่ตอนนั้นผมไม่รู้จักเธอเลย ไม่รู้เลยว่าเธอเป็นลูกสาวเพื่อนพ่อที่พ่อบอกว่าจะย้ายเข้ามา
ยอมรับครับว่าแรกๆผมแทบจะไม่สนใจอะไรแก้วเลย แต่คงเป็นเพราะได้เห็นเธอทุกวันเลยทำให้ผมเก็บมาคิดล่ะมั้ง? คิด ตั้งแต่ตอนที่เดินผ่านหน้าร้านตุ๊กตาแล้วจู่ๆตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆนั่นหายไป ผมเดินเข้าไปในร้านเพื่อถามคุณยายว่ามีคนซื้อตุ๊กกตาตัวนั้นไปแล้วเหรอ เพราะมันขายไม่ออก และเมื่อปีที่แล้วผมก็ซื้อไปตัวนึง
คุณยายมองออกไปนอกร้านแล้วเห็นแก้วกำลังยืนหันข้างรอผมอยู่คุณยายก็บอกว่า ให้ตุ๊กตาอีกตัวกับแก้วไปแล้ว
'แม่หนูคนนั้นแหละที่ยายให้ตุ๊กตาไป ^^'
' ใช่ผู้หญิงคนนั้นเหรอครับ' ผมพูดแล้วหันไปทางแก้วที่กำลังยืนมองโน่นนี่อยู่ข้างนอกร้าน
' ใช่ ยายจำได้ แม่หนูคนนั้นเขามาจอดจักรยานที่หน้าร้าน ถามราคาตุ๊กตาตัวที่พ่อหนุ่มถามนั่นแหละ ยายเห็นว่าไม่มีใครซื้อแล้วเลยให้แม่หนูคนนั้นไป ^^'
' อย่างงั้นเหรอครับ...' สายตาของผมยังคงมองอยู่ที่แก้วที่ไม่รู้ตัวเลยว่าผมกำลังมองอยู่
อะไรกันนะที่ดลใจให้เธออยากซื้อตุ๊กตาที่ไม่มีใครอยากซื้อเหมือนกับผม....
[ จบบันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
ฟิ้ว...
ในขณะที่โทโมะมองออกไปนอกหน้าต่างสายลมพัดไปมาอย่างหวั่นไหว...ใบไม้ที่ร่วง หล่นบนต้นไม้ที่แห้งเกือบทั้งต้นแล้ว จู่ๆสายลมก็พัดพาใบไม้ใบหนึ่งเข้าผ่านหน้าต่างของโทโมะแล้วตกลงอย่างช้าๆบนโต๊ะ เรียนของเขา...โทโมะมองใบไม้นั่นอย่างงงๆ ก่อนที่เขาจะหยิบมันขึ้นมาดูแล้วคิดอะไรไปพลางๆเหมือนกับมีอะไรสักอย่างดลใจ ให้ลมพัดใบไม้แห้งใบหนึ่งเข้ามา...
ไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าหมายถึงอะไร...แต่มันคือการบ่งบอกว่า ‘ให้เริ่มต้นใหม่’กับคนที่
จะอยู่เป็นคู่ ‘ร่วมทุกข์ร่วมสุข’ด้วยกัน
แล้วคนที่จะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับโทโมะ...คือใครกันนะ...
_______________________________________
อัพแล้วเม้นโหวตกันด้วยน้า ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ