Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  67.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

9) - Begins To Change - ( เริ่มเปลี่ยนแปลง )

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- Begins To Change -

( เริ่มเปลี่ยนแปลง )

 

 

หกโมงครึ่ง

 

 

บ้านโทโมะ

 

 

“แก้ว พ่อว่าจะถามตั้งแต่เรากลับบ้านและ ปากเรากับขาไปโดนอะไรมา”

 

 

กึก!

 

 

      หลัง จากที่ฉันกำลังก้มหน้าก้มตาทานข้าวอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับโทโมะ พ่อจากที่คุยๆอยู่กับลุงอากิโอะกับน้ามาซากิก็ถามขึ้นมาจนฉันไม่ทันตั้งตัวแต่ก็เงยหน้าขึ้นไปมองพ่อที่นั่งอยู่ข้างๆ

 

 

       โอยตายยยยยย ถามแบบกะทันหันแบบนี้จะตอบว่าอะไรดีเนี่ย >_<?!

 

 

“คือ...”

 

 

       ตอน นี้ฉันเริ่มกดดันหน่อยๆเพราะทุกคนละสายตาจานอาหารมาสนใจที่ฉันกันหมด โทโมะเองก็เช่นกัน เขามองฉันนิ่งๆเหมือนกับว่าเขาคงอยากจะรู้ล่ะมั้งว่าฉันจะตอบพ่อยังไงกันแน่ เพราะเขารู้เรื่องนี่นาว่าฉันโดนอะไรมา

 

 

        อ่า...ให้ตาย Y_Y

 

 

“นั่นสิหนูแก้ว ไปทำอะไรมาปากถึงได้แตกแบบนั้น” น้ามาซากิถามอย่างเป็นห่วง

 

 

“คือ...วันนี้แก้วเดินสะดุดล้มน่ะค่ะ ปากกระแทกหัวเข่าถลอก แต่ก็ไปทำแผลที่ห้องพยาบาลเรียบร้อยแล้วตอนนี้ก็ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่แล้วค่ะ ^^” ฉันตอบไปแบบเนียนๆเพื่อไม่ให้ดูผิดสังเกต

 

 

“วันหลังก็เดินระวังๆหน่อยนะลูก ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมากไปกว่านี้”

 

 

“พี่แก้วซุ่มซ่ามอ่ะ ฮ่าๆๆ ^O^”

 

 

“พิชชี่ = =!” ฉันหันไปดุพิชชี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ และพยายามไม่สบตากับโทโมะที่กำลังมองมา

 

 

             ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่แต่...สิ่งที่ฉันพูดไป ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหก แต่ไม่อยากให้พ่อเป็นห่วงเพราะว่ามันไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับฉันมาก่อน เลยจนกระทั่งวันนี้ บอกตรงๆนะว่าฉันไม่สบายใจเลยที่จะอยู่ใกล้ๆโทโมะ เพราะว่าฉันไม่อยากมีเรื่องกับพิมพ์อีก

 

 

             แต่อย่างว่า...ก็เราเป็นเพื่อนบ้านกัน การเจอกันบ่อยๆคงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร

 

 

            แล้วก็เมื่อเย็นนี้...ฉันกับโทโมะไม่ได้พูดอะไรกันเลยแม้แต่คำเดียว มันเกิดความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูกเหมือนกัน และโทโมะก็ไม่มีท่าทีว่าจะพูดกับฉันเหมือนเมื่อตอนกลางวันพอกลับมาถึงบ้านลุงอากิโอะก็ชวนมาทานข้าวด้วยกัน ฉันไม่ได้พูดอะไรกับโทโมะบนโต๊ะอาหารถึงแม้พ่อกับลุงอากิโอะจะพยายามชงเราต่างๆนาๆ ก็ตาม = =;;;;

 

 

            เราต่างคนต่างเงียบ...ซึ่งฉันว่ามันแปลกๆยังไงไม่รู้แต่ก็ช่างเหอะ! คนอย่างโทโมะน่ะไม่มีทางเดาความรู้สึกออกอยู่แล้วนี่อย่างทีฟางเคยบอกกับฉันว่าเขา‘ลึกลับเดาใจยาก’

 

 

“จะว่าไปแล้วลุงก็มีเรื่องอยากจะถามหนูนะแก้ว ^^”

 

 

“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองลุงอากิโอะที่กำลังมองมายิ้มๆ

 

 

“ลุงถามพ่อหนู พ่อหนูบอกว่าหนูไม่เคยมีแฟนเลยเหรอลูก?”

 

 

“อ่อ...ไม่เคยค่ะ =//////=” ฉันตอบเสียงอายๆพลางก้มหน้าลงนิดๆ

 

 

              ลุงอากิโอะนึกยังถึงถามแบบนี้นะเนี่ย ><//////

 

 

“จริงป๊าวววว”

 

 

“จริงสิวะ ลูกฉันเกิดมายังไม่เคยพูดถึงผู้ชายสักคน ><” พ่อฉันพูด

 

 

“แก้ว โทโมะยังก็โสดนะลูก ^^”

 

 

“แน่ะ! พ่อก็แซวโทโมะกับแก้วจริงๆเลยนะ”

 

 

       น้ามาซากิตีไหล่ลุงอากิโอะไปทีนึงที่ลุงอากิโอะพูดชงฉันกับโทโมะอีกแล้ว แล้วบรรยากาศของฉันกับโทโมะเริ่มแปลกๆขึ้นมาฉันเลยขอตัวเอาจานไปล้างก่อนจะเดิน ออกไปนั่งเล่นข้างนอกบ้านที่มีเก้าอี้ไม้หินอ่อนไว้ให้นั่งชมพระจันทร์ซึ่ง มันอยู่ตรงหน้าบ้านโทโมะพอดีเลย แถมยังเต็มดวงซะด้วย

 

 

              พอนั่งไปสักพักหนึ่งเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นมาพอฉัน หยิบออกมาดูเบอร์ก็พบว่าเป็น...

 

 

+ Fang +

 

 

“ฮัลโหลว่าไงฟาง” ฉันกดรับก่อนจะพูดทักไปยังปลายสาย

 

 

 

[ แก้วพรุ่งนี้วันเสาร์ว่างป่าว O_O?] ฟางถาม

 

 

 

“ว่างๆไม่ได้ไปไหน ปกติฉันก็อยู่บ้าน”

 

 

 

[ ถ้าว่างไปโรงเรียนเป็นเพื่อนฉันหน่อยจิ ]

 

 

 

“ไปทำอะไรอ่ะ”

 

 

 

[ อ๋อ จะเอารายงานเข้าแถวไปส่งอาจารย์ที่ห้องพักครูอ่ะดิปังปอร์นมันกลับบ้านต่างจังหวัดเสาร์ – อาทิตย์แล้วมันดั๋นนนนน ลืมเอาส่งให้อาจารย์เมื่อวาน เลยวานให้ฉันเอาไปส่งให้อ่ะดิ =[]=;;;]

 

 

 

“เออจริงสิ! พรุ่งนี้ฉันต้องเอาชุดนักเรียนไปคืนคลอรีนด้วยนิ คลอรีนบอกว่าพรุ่งนี้คลอรีนอยู่โรงเรียน”

 

 

 

      ฉัน พูดขึ้นมาเพราะนึกขึ้นได้พอดีว่าคลอรีนบอกว่าค่อยเอาชุดมาคืนเธอพรุ่งนี้ และเธอคงจำเป็นต้องใส่ ฉันเองก็เกรงใจเธอนะที่ให้ฉันยืมใส่ ฉะนั้นใส่เสร็จก็รีบเอาไปคืนเลยดีกว่าจะได้ไม่ลืม ( คือฉันเป็นคนขี้ลืมกระปิดกระปอยน่ะ = =;;; )

 

 

 

[ งั้นดีเลยยยยยย พรุ่งนี้แกไปกับฉัน แล้วเดี๋ยวฉันพาเอาชุดไปคืน เค๊?]

 

 

 

“อื้ม แล้วใส่ชุดอะไรไปอ่ะ ต้องนักเรียนป๊ะ?”

 

 

 

[ ไม่ต้องหรอก โรงเรียนเราไม่เคร่งครัดขนาดนั้น ฮ่าๆๆ เออ! พรุ่งนี้เตรียมตังไปด้วยนะ เดี๋ยวแวะไปเที่ยวไปดูหนังกัน ^O^// ]

 

 

 

“เรื่อง?”

 

 

 

[ ไม่รู้อ่ะ ค่อยไปเลือกเอาทีหลัง ]

 

 

 

“อื้ม โอเค เจอกัน ^^” ฉันพูดแล้วยิ้มๆก่อนจะถามฟางอีกรอบ “แล้วนี่ รู้บ้านฉันมั้ยเนี่ย?”

 

 

 

[ โหย ยยยย ฉันเนี่ยฟางนะเว้ยยยยย มีที่ไหนไม่รู้บ้านเพื่อน ฉันเตรียมแผนที่ไว้เรียบร้อยเดี๋ยวประมาณ 10 โมงไปรับหน้าบ้าน รับรองตรงเวลาไม่มีขาดไม่มีเกิน ฮ่าๆๆๆ ]

 

 

 

“อ่ะจ้า ^O^”

 

 

 

[ บายๆๆๆ ]

 

 

 

“บาย...”

 

 

 

ติ๊ด!

 

 

“อะฮึ่ม”

 

 

 

 

กึก!

 

 

 

ขวับ!

 

 

 

      ฉัน หันไปมองเสียงกระแอมเบาๆที่ดังมาจากด้านหลังก็พบว่าโทโมะกำลังถือกล่องนมจืด อยู่สองกล่องแล้วมองมาทางนี้ เขามองฉันขณะที่เดินมาเงียบๆแล้วมานั่งลงข้างๆ เอิ่มมมมม เก้าอี้ไม้หินอ่อนตัวนี้มันไม่ได้ยาวเลยนะ เพราะว่าโทโมะนั่งลงข้างๆฉันมันก็เกือบเต็มแล้ว

 

 

 

      หรือสรุปง่ายๆเลยคือ...เรานั่งใกล้จนไหล่ติดกันแล้ววววววววว >//////////<

 

 

 

“อ่ะ” โทโมะพูดแล้วยื่นกล่องนมจืดมาให้ฉันกล่องหนึ่ง ฉันมองหน้าเขากลับกล่องนมสลับกันจนโทโมะต้องพูดต่อ “นมจืดไม่ใช่ยาพิษ เธอกลัวอะไร = =!”

 

 

 

“เราไม่ได้ว่าอะไรสักคำ...แต่ก็...ขอบคุณนะ” ฉันรับกล่องนมจืดมา โทโมะก็หันไปเขย่าๆกล่องนมของตัวเองก่อนจะเจาะหลอดดูด ฉันเองก็ทำเหมือนกัน

 

 

 

“ไปขอบคุณแม่ฉันดีกว่า เพราะแม่บอกว่าให้เอามาเผื่อเธอด้วย”

 

 

 

       โธ่! ฉันก็ไม่ได้คิดว่านายจะตั้งใจเอามาให้ฉันเองหรอกนะ  ชิ! - ^ -!

 

 

 

       ว่าแต่...โทโมะเขาออกมายืนอยู่ตรงหน้าบ้านนานเท่าไหร่แล้วนะ แล้วเขาได้ยินที่ฉันคุยกับฟางเมื่อกี้รึปล่าว? เพราะ ฉันสังเกตจากกล่องนมจืดว่าเหมือนมันถูกเอาออกจากตู้เย็นมาสักพักแล้วนะ เพราะน้ำตรงกล่องมันละลายไหลลงมา ติ๊งๆๆถ้าโทโมะมายืนอยู่นานแล้ว เขาก็คงจะได้ยินแหละ

 

 

            แต่ก็ช่าง! เพราะโทโมะคงไม่ได้สนใจหรอกว่าฉันจะคุยกับใครนี่นา...

 

 

 

 “ทำไมไม่บอกความจริงกับพ่อเธอไปว่าเธอไปโดนอะไรมา”

 

 

 

      คำ ถามนั้นทำเอาฉันเงียบไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆเพราะมันเหมือนกับว่า ความอึดอัดมันเริ่มก่อตัวอยู่ข้างในกับคำถามนั้น แต่แล้วฉันก็พูดบอกกับโทโมะไปตรงๆว่าเพราะอะไรฉันถึงไม่บอกความจริงกับพ่อไป

 

 

 

“เราไม่อยากให้พ่อรู้เพราะไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง” ฉันพูดโดยไม่ได้มองโทโมะ

 

 

 

“...”

 

 

 

“ตั้งแต่เกิดมาเราก็เพิ่งเคยเจอเรื่องแบบนี้เองกับตัว  ถ้าพ่อรู้ท่านต้องเป็นห่วงเราจนเครียดแน่ๆ...”

 

 

 

“...”

 

 

 

“...”

 

 

 

“ได้จักรยานรึยัง” โทโมะเริ่มพูดก่อนหลังจากที่เราเงียบกันไปสักพัก

 

 

 

“ยังเลย พรุ่งนี้คงได้”

 

 

 

      น่าแปลกที่โทโมะถามแบบนั้น ฉันไม่รู้ทำไม เพราะฉันสามารถพูดได้แบบปกติไม่ค่อยเกรงเหมือนแรกๆเท่าไหร่แล้ว คงอาจเป็นเพราะว่าโทโมะเริ่มบทสนทนาเพื่อคลายความอึดอัดก่อนล่ะมั้ง เพราะฉันเองก็ไม่ค่อยเก่งเรื่องชวนคุยก่อนส่วนใหญ่จะชอบให้มีคนถามอะไรก่อน หรือชวนคุยก่อนมากกว่า

 

 

 

      หลัง จบคำพูดนั้นฉันกับวีนั่งกินนมจืดเงียบๆกันอยู่สองคนส่วนในบ้านพวกผู้ใหญ่เขา ก็กำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน เพราะฟังได้จากเสียงเฮฮา

 

 

 

           ฉันไม่รู้ว่าที่เรานั่งเงียบกันแบบนี้เพราะไม่มีจะอะไรที่จะต้องพูดกันหรือ ว่ามันมีแต่ไม่อยากจะพูดกันแน่นะ

 

 

 

         ได้จักรยานรึยัง

 

 

 

      แค่ คำถามธรรมดาคำถามเดียวทำไมฉันจะต้องรู้สึกแปลกๆกับมันด้วยนะ หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะว่าหลังจากวันจันทร์หน้าฉันคงไม่ได้เดินกลับกับโทโมะ เหมือนสองวันที่ผ่านมาแล้วล่ะมั้ง?

 

 

      ที่น่าดีใจสำหรับฉันคือได้ลูกรักจักรยานคันโปรดกลับคืนสู่บ้านแล้ว ฮิ้ววววววว แต่ไม่รู้สิมันก็แอบเสียใจนิดๆนะที่จะไม่ได้เดินกลับบ้านพร้อมโทโมะ แต่...ก็ดีแล้วนี่ ใช่มั้ย? ฉันจะได้ไม่ต้องไปใกล้ชิดกับเขาจนหวั่นไหวไปมากกว่านี้แถมยังปลอดภัยสำหรับหัวใจตัวเองอีกด้วย

 

 

แต่ถึงแม้พยายามจะคิดแบบนั้นในใจฉันก็ยังคงเหวงๆอยู่ดี...

 

   

 

 

 

ประมาณสี่ทุ่มกว่าๆ

 

 

 

“...”

 

 

 

“...”

 

 

 

“ปกตินายนอนดึกแบบนี้ทุกคืนเลยเหรอ?”

 

 

 

      ฉันถามขึ้นมาขณะที่กำลังนั่งดูหนังอยู่กับโทโมะแล้วก็พิชชี่ที่บ้านของเขา ตอนที่โทโมะออกมานั่งข้างนอกสักพักพิชชี่ก็วิ่งออกมาบอกโทโมะว่าเลือกหนังที่อยากจะดูได้แล้วโทโมะเลยไปเปิดให้พิชชี่ดูในห้องรับแขกแล้วก็ให้ฉันนั่งดูด้วยกันจนตอน นี้หนังก็ใกล้จะจบแล้ว เพราะเรานั่งดูกันมาตั้งแต่สองทุ่มกว่าๆ

 

 

 

     ส่วนพ่อก็กลับบ้านไปตั้งแต่ตอนนั้นแหละ ลุงอากิโอะก็บอกว่าให้ดูให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับบ้านก็ได้เพราะพิชชี่ก็ทำท่า ง้องแง้งอยากจะอยู่กับโทโมะ โทโมะเห็นเย็นชาๆแบบนี้น่ะเล่นกับพิชชี่อย่างกับเป็นพี่น้องกันแท้ๆเลยนะจะบอก ให้

 

 

 

“ฉันไม่ค่อยชอบนอน ถึงนอนก็กึ่งหลับกึ่งตื่น”

 

 

 

      พอโทโมะพูดจบหนังก็จบพอดีเลย ฉันเห็นจึงหันไปจะสะกิดพิชชี่ว่าให้กลับบ้านกันแต่...

 

 

 

“ZzzZzz...”

 

 

 

“พิชชี่ พิชชี่...” ฉันเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นสงสัยคงจะหลับจริงๆสิน่า = =;;;

 

 

 

“หลับแล้วเหรอ”

 

 

 

      โทโมะ ที่เพิ่งลุกไปปิดทีวีหันมาถามฉันขณะที่เดินมาดูว่าพิชชี่หลับครอกไปแล้ว  ฉันพยักหน้าแล้วก็จับพิชชี่อุ้มขึ้นมากอดไว้ในอ้อมแขนพลางลูบหัวพิชชี่ไปด้วย เพราะกลัวว่าพิชชี่จะตื่นขึ้นมา

 

 

 

“เรากลับก่อนนะ” ฉันพูดแล้วยิ้มให้โทโมะนิดๆแล้วทำท่าจะเดินออกมา แต่โทโมะเรียกไว้เสียก่อน

 

 

 

“เดี๋ยว”

 

 

 

“??? อะไรเหรอ?” ฉันถามเมื่อโทโมะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า

 

 

 

“เดี๋ยวฉันไปเปิดรั้วบ้านให้ เธอเดินไปแบบนี้คงเปิดเองลำบาก”

 

 

 

       โทโมะ พูดแล้วเดินนำออกไปพิชชี่ที่กำลังหลับปุ๋ยก็เขยิบหัวมาซบที่ไหล่ของฉันเบาๆ ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนแม่อุ้มลูกเลยยังไงก็ไม่รู้สิ ฮ่าๆๆ  ( แล้วใครเป็นพ่อล่ะแก้ว >///////< )

 

 

 

“หลับง่ายจริงๆเลยนะน้องเธอเนี่ย”

 

 

 

“พิชชี่ก็เป็นแบบนี้แหละ ^^” โทโมะเปิดประตูรั้วเสร็จก็หันมาพูดกับฉัน ฉันก็พูดแล้วขำออกมานิดๆ  ก่อนจะเดินผ่านเขาไปแต่ก็ยังคงไม่ลืมที่จะหันไปขอบคุณ “ขอบคุณนะ”

 

 

 

“เรื่อง?”

 

 

 

“ก็...ทุกเรื่อง”

 

 

 

“...อืม เข้าบ้านแล้วก็ล็อคบ้านให้ดีตอนจะนอน...” ดูเหมือนว่าคำหลังโทโมะกำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็ชะงักไว้

 

 

 

“...”

 

 

 

“...ก็...ห่มผ้าให้น้องชายเธอด้วย จะได้อุ่นๆ”

 

 

“อื้ม”

 

 

      ฉันพยักหน้า แต่วินาทีนั้นตอนที่หันหลังเดินไปเข้าบ้านตัวเอง ฉันรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนๆอุ่นๆยังไงก็ไม่รู้สิ ‘...ก็...ห่มผ้าให้น้องชายเธอด้วย จะได้อุ่นๆ’ไม่รู้ทำไมคำพูดนั้นของโทโมะทำให้ฉันเผลอยิ้มออกมาเฉยเลย

 

 

 

      เฮ้ๆๆๆๆ เขาบอกให้ฉันห่มผ้าให้พิชชี่ไม่ได้บอกให้ตัวฉันเองสักหน่อยจะเขินทำไมเนี่ยยยยยย  >//////< เฮ้อ...รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเลยจริงๆ

 

 

 

 

 

อีกฝั่ง

 

 

 

ปึง...

 

 

 

      โทโมะ ปิดประตูบ้านของเขาเข้ามาก่อนจะจัดการล็อคแล้วก็กดปิดไฟหน้าบ้าน แล้วก็ทำท่าว่าจะเดินขึ้นห้องไป แต่ระหว่างที่เขากำลังสังเกตของในบ้านไปด้วยว่าเก็บอะไรเรียบร้อยแล้วรึยัง สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือของใครก็ไม่รู้วางอยู่บนโซฟาหน้าทีวี

 

 

 

           ‘ โทรศัพท์พ่อเหรอ?’

 

 

 

      แต่ ถึงแม้โทโมะจะคิดแบบนั้นแต่...เขาจำได้ว่านั่นไม่น่าจะใช่โทรศัพท์ของพ่อเขา แน่ๆ เลยเดินไปหยิบมาดูแล้วกดเลื่อนเปิดหน้าจอจนพบว่าโทรศัพท์นั้นไม่ใช่ของพ่อ จริงๆ

 

 

 

       แต่เป็นของ...แก้ว!

 

 

 

       ที่โทโมะรู้ว่าเป็นของเธอเพราะว่ารู้หน้าจอเป็นรู้ที่เธอถ่ายกับฟางสองคนแล้วยิ้มกันอย่างมีความสุข...

 

 

 

“ยัยนั่นลืมไว้เหรอเนี่ย” โทโมะ พูดกับตัวแล้วทำท่านึกแต่ก็ทำท่าว่าจะเดินไปเปิดประตูแล้วเอาโทรศัพท์ไปคืน แก้วแต่ทว่า...โทโมะก้มลงมองโทรศัพท์นั้นอีกครั้งเหมือนกับคิดอะไรซักอย่าง “...ค่อยคืนพรุ่งนี้ดีกว่า”

 

 

 

      พูด จบโทโมะก็เดินขึ้นบันไดไปยังห้องของตัวเอง แต่ก็เอาโทรศัพท์ของแก้วไปด้วยกะว่าพรุ่งนี้ค่อยเอาไปคืน เขาเดินขึ้นมาจนถึงห้องของตัวเองแล้ววางโทรศัพท์ของแก้วไว้บนโต๊ะคอม

 

 

 

ฟิ้ว...

 

 

 

       ลมหนาวที่พัดเข้ามาทางผ้าม่านของประตูที่เปิดออกไปก็จะเป็นระเบียงไว้ให้คุย กับคนอีกฝั่งได้อย่างสบายๆ เช่นว่า ปีนข้ามฟากไปหากันก็ยังได้เลย  เห๋อ เห๋อ

 

 

       โทโมะกะว่าจะเดินไปปิดประตูกระจกใสที่ถูกเปิดค้างไว้ให้ลมมันเข้ามาแต่พอเดินไป ผ้าม่านที่ถูกลมพัดเข้ามามันก็ทำให้วีเห็นว่า‘คนอีกฝั่ง’ยังไม่นอน อ่าห้ะ! แก้วเพิ่งจะเดินเปิดประตูเข้าห้องมาแล้วก็เปิดไฟจนเห็นได้ชัดเจนเลยทีเดียวว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่

 

 

    

 

    โทโมะ ซึ่งไม่อยากให้แก้วเห็นว่าเขากำลังแอบมองเธออยู่เขาเลยดึงผ้าม่านมาบังตัว ไว้เล็กน้อย แก้วที่มัวแต่เอามือตบปากหาวๆก็ไม่ได้สังเกตว่ามีคนกำลังแอบมองอยู่

 

 

 

“สงสัยจะมีการบ้าน”

 

 

 

      โทโมะ พูดแล้วหัวเราะอยู่ในลำคอ ตอนที่เขาแอบมองแก้วที่กำลังเลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงโต๊ะทำงานของตัวเองแล้ว หยิบกองหนังสือขึ้นมาท่าทางจะเป็นการบ้านที่เยอะเอาการเลยนะนั่นน่ะ

 

 

 

“ขยันเกิ๊น!...อุบ!”

 

 

 

      ดู ท่าทางว่าโทโมะจะลืมตัวว่ากำลังแอบมองแก้วอยู่จึงเผลอพูดเสียงดังออกไป และด้วยความที่เพิ่งนึกได้จึงรีบเอามือปิดปากตัวเองไว้ได้ทัน และดูเหมือนว่าคำพูดของโทโมะเมื่อกี้จะทำให้แก้วได้ยินแว๊บๆหรืออย่างไรเธอจึง หันขวับมาทางนี้แต่คงไม่เห็นโทโมะหรอก

 

 

 

      แก้วทำหน้างงๆจนโทโมะแน่ใจได้เลยว่าเธอคิดว่าตัวเองหูฝาดไปแน่ๆ แต่สุดท้ายคงจะคิดว่าเสียงนั้นเป็นเสียง ‘บางอย่างลี้ลับ’ = =;;;; แก้วเลยเดินออกมานอกระเบียงแล้วจัดการปิดประตูกระจกใสอย่างกล้าๆกลัวเพราะนี่ มันดึกมากแล้วจากนั้นเธอก็รูดผ้าม่านปิดจนโทโมะไม่สามารถมองเห็นเธอได้อีก

 

 

 

“เสียงฉันเหมือนเสียงผีขนาดนั้นเลยเหรอวะ เห๊อะ! ยัยทึ่มเอ๋ยยยย” โทโมะพูดพลางหัวเราะแล้วส่ายหัวหน่อยๆ

 

 

 

       เขาเดินมาหยิบโทรศัพท์ของแก้วบนโต๊ะคอมก่อนจะนั่งลงบนเตียงของตัวเองจาก นั้นเขาก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูแล้วล้มตัวลงนอนกดเลื่อนดูโน่นนี่แบบสบายๆ มันอาจจะเสียมารยาทแต่...ถ้าเขาไม่บอกใครจะรู้ล่ะว่าเขาแอบดู? (  อีโทโมะร้ายยยยย ><!! )

 

 

 

“ถ่ายอะไรนักหนาเนี่ย”

 

 

 

      โทโมะเขาจะรู้ตัวมั้ยนะว่าตัวเองเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นรูปแก้วที่ดูเหมือนว่า ฟางจะเอาโทรศัพท์แก้วไปเล่นแล้วแอบถ่ายรูปของแก้วไว้ตอนทีเผลอละมั้งเพราะ แต่ละรูปและดูว่าแก้วนั้นจะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองโดน‘แอบถ่าย’

 

 

 

     แต่ว่าแต่ละรูปนั้นไม่ใช้รูปภาพทุเรศๆฮาๆนะ อย่าได้คิดเช่นนั้น ไม่เอาๆ ฮ่าๆๆๆๆ^O^//

 

 

 

“หือ?”

 

 

 

           โทโมะงงนิดๆเมื่อเลื่อนดูๆรูปไปเพลินๆก็พบว่ามีรูปตัวเองอยู่ในโทรศัพท์ของแก้วด้วย เขาขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงงๆว่าแก้วมีรูปเขาได้ยังไงกัน มันเป็นรูปภาพตอนที่เขากำลังเดินกลับบ้านพร้อมเธอในตอนเย็นแล้วแก้วเดินตาม หลัง ถึงแม้ว่าจะเป็นรูปที่โทโมะกำลังเดินหันหลังให้แก้วอยู่

 

 

      มันก็ทำให้โทโมะเริ่มรู้สึก‘แปลกๆ’ว่าแก้วถ่ายเก็บว่าทำไมกัน...ใช่! บางทีเธออาจจะถ่ายรูปเรื่อยเปื่อย แต่ว่าภาพนี้มันเจาะจงถ่ายโทโมะชัดๆเลย

 

 

 

 

     โทโมะ ไม่อยากจะคิดอะไรมากไปกว่านี้เลยเอาโทรศัพท์ของแก้วไว้ใต้หมอนอีกใบหนึ่ง ที่อยู่ข้างๆแล้วพยายามข่มตาหลับ แต่มันก็ไม่หลับเพราะว่าเรื่องรูปถ่ายนั่น โทโมะนอนพลิกตัวตะแคงไปอีกทางแล้วก็หันไปเห็นเจ้าตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆนั่นเขาจึง หยิบมันมาดู

 

 

 

      ความคิดของเขาวกวนว่า ‘ทำไมแก้วอยากจะซื้อตุ๊กตาอีกตัวที่เป็นคู่กับตุ๊กตาตัวนี้?’และ ‘คุณยายถูกชะตาอะไรกับเธอถึงได้ให้ตุ๊กตาตัวนั้นกับแก้ว’สุดท้ายก็เรื่อง ‘รูปภาพโทโมะ’

 

 

 

      ให้ตายเถอะ...มันคงเป็นเรื่องบังเอิญใช่มั้ย?  

 

 

 

    ' เฮ้ย...ผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตอ่ะ บางคนเราอยู่เฉยๆเขาก็มาเองแบบจงใจ บางคนเราก็เข้าไปหาเขาเองโดยไม่มีเหตุผล หรือไม่! บางคนที่เข้ามาในชีวิตของเราโดยบังเอิญก็อาจจะเป็นพรหมลิขิตส่งมาก็ได้

 

 

 

    คำพูดนั้นของป๊อปปี้ดันวนเข้ามาอยู่ในหัวโทโมะจนโทโมะต้องสั่นหัวของตัวเองเบาๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่นะ?

 

 

มันคง...เป็นแค่เรื่องบังเอิญ...

 

_______________________________________________

อัพแล้วนะเม้นโหวตให้ไรต์หน่อยนะค่าา ว่าแต่แก้วถ่ายรูปโทโมะไว้ทำไมกัน?

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา