Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  67.02K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

8) - Illogical - ( ไร้เหตุผล )

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- Illogical -

 (ไร้เหตุผล )

 

“อาการใบ้กำเริบอีกแล้วรึไง ฉันถามทำไมไม่ตอบ - -!”

 

 

      แล้วทำไมต้องขึ้นเสียงหน่อยๆด้วยเนี่ยนี่มันหน้าห้องพยาบาลนะ! เกรงใจคนไข้ที่เขาหลับนอนหน่อยสิ แล้วถ้ามีคนมาเห็นฉันกับเขาอยู่ด้วยกันแล้วถ่ายรูปไปให้พิมพ์ดูฉันไม่ซวยอีกหรือไง นี่ขนาดฉันไม่เคยมีเรื่องอะไรกับพิมพ์ไม่เคยแม้แต่จะรู้จัก เธอยังทำรุนแรงขนาดนี้

 

 

      แล้วถ้ามันเกิดขึ้นอีกล่ะ?! อ่า...ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าชีวิตที่แสนสงบสุขของฉันจะพังทลายลงเพราะว่ามีโทโมะมาอยู่ใกล้ๆชีวิตเนี่ย >O<!

 

 

     ฉะนั้น! เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเองฉันจึงคิดว่าไม่ควรอยู่ใกล้เขา ถึงแม้จะชอบเขาอยู่ก็ตามทีเถ๊อะ!

 

 

“เราทำแผลเสร็จแล้ว ไม่งั้นคงไม่เดินออกมาแบบนี้หรอก”

 

 

     ฉันพูดแต่ไม่รู้ว่าคำพูดของฉันมันไปกระตุกต่อมอะไรของโทโมะเขาจึงหรี่ตามองฉัน ( อีกแล้ว! ><! ) ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นเป็นเชิงแล้วเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มไปมาอย่างกวนๆ จนฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่แต่ไม่น่าจะเป็นเป็นเรื่องที่ดี

 

 

          ทำไมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ! ></////

 

 

          จะกวนประสาทกันรึไง!?

 

 

“แล้ว...นายมาทำอะไรตรงนี้ล่ะ”

 

 

          ฉันถามกลบเกลื่อนความอายเมื่อโทโมะมองมาไม่หยุดแถมยังไม่พูดอะไรซักคำจนฉันอึด อัด และพอฉันถามไปเท่านั้นแหละ โทโมะก็เค้นหัวเราะออกมาทันที่!

 

 

“เห๊อะ! แถวนี้ห้องพยาบาลฉันคงมาเดินซื้อข้าวน่ะ”

 

 

 

“แต่นี่ไม่ใช่โรงอาหารนะ O_O?” ฉันพูดและมันทำให้โทโมะถึงกับสตั๊น “ถ้านายจะซื้อข้าวนายก็ต้องไปซื้อที่โรงอาหารสิแถวนี้ไม่มีขายหรอก”

 

 

 

ผ่าง!

 

 

 

“= =;;;;” โทโมะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เหมือนว่าฉันทำอะไรผิด

 

 

 

         แล้วฉันทำอะไรผิดล่ะ? ฉันแค่พูดไปตามความจริงนี่นา แล้วทำไมเขาต้องทำเหมือนกับจะบอกฉันว่า ‘เธอเนี่ยน้า ><!!!!’ อะไรอย่างนี้ด้วยอ่ะ =[]=;;;;;

 

 

 

“หน้าอึนได้ใจจริงๆนะ”

 

 

 

“=[]=;;;”  

 

 

“ไหน? ขอดูแผลหน่อย”

 

 

 

หมับ! 

 

 

 

       ไม่ พูดปล่าวแต่โทโมะสาวเท้าเข้ามาหาฉันก่อนจะดึงแขนฉันให้เข้าไปหาส่วนมืออีกข้าง ของเขาก็เอามาจับแก้มฉันให้หันไปมา เมื่อเขาสังเกตว่ามีแผลอยู่ที่มุมปากฉัน เขาก็ขมวดคิ้วเข้าหากันสายตาของเขายังคงอยู่ที่แผลของฉัน

 

 

 

       แต่ทว่ามีบางอย่างที่มากกว่านั้นคือ...

 

 

 

       เขาเริ่มโน้มตัวลงมาใกล้ๆกับใบหน้าของฉันพลางจ้องลึกลงมาที่แผลนั้น ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจงใจจะแกล้งฉันให้ใจสั่นเล่นหรือว่ายังไง เพราะตอนนี้ใบหน้าของเราใกล้กันมากจนถ้ามองไกลๆก็เหมือนคนกำลัง...อ่าช่าง เถอะ! >//////<!

 

 

 

         หน้าโทโมะเข้ามาใกล้มากจนฉันเองก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก...

 

 

          และเหมือนว่าโทโมะเริ่มรู้สึกตัวว่าใบหน้าของเราใกล้กัน เขามองมาที่ฉันเพียงนิดเดียวก่อนจะผละตัวออก แล้วเอามือบีบจมูกตัวเองนิดๆ ฉันไม่รู้ว่าอาการแบบนี้มันคืออะไรแต่ตัวเองก็อยากลองทำบ้าง ฉันจึงมองโทโมะทำแล้วทำตามพอโทโมะเห็นว่าฉันทำตามเท่านั้นแหละเขาก็รีบเอามือของ ตัวเองซุกลงกระเป๋ากางเกงทันที

 

 

 

“นายยังไม่ได้ตอบเราเลยนะว่ามาทำอะไรตรงนี้” ฉันทวงถามคำถามเดิม

 

 

 

“ฉันเดินผ่านมาแล้วดันมาเจอ‘คุณเพื่อนบ้าน’ พอดี ก็แค่นั้น?” โทโมะยักไหล่

 

 

 

“ถ้านายแค่เดินผ่านมาทำไมต้องถามเราด้วยว่า ‘ทำแผลเสร็จแล้วเหรอ?’ ” ฉันชิงถามอย่างตรงประเด็นจนวีเมิน หน้ามองไปทางอื่น  

 

 

 

 “อย่าถามคำถามที่ฉันตอบไปแล้ว”

 

 

        นายตอบตอนไหน? =[]=?

 

 

 

            โอเค๊! ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบก็แค่นั้น เพราะฉันก็ไม่อยากจะได้คำตอบที่ให้ความหวังตัวเองเหมือนกัน และขี้เกียจจะมานั่งคิดเยอะด้วย! เห๊อะ! สรุปว่านายเดินผ่านมาก็แค่นั้น แต่นายก็คงรู้มาแล้วว่าฉันโดนตบพอฉันเดินออกมาจากห้องพยาบาลแล้วนายบังเอิญเห็นเลยถามขึ้นงั้นสินะ?

 

 

 

      แต่มันก็น่าจะจริงอย่างที่ฉันคิดรึปล่าวเพราะโทโมะนี่ก็ไม่มีท่าว่าจะสนใจ‘เพื่อนบ้าน’อย่างฉันซักเท่าไหร่อยู่แล้วนี่นาถึงได้เย็นชาใส่กันตลอด...

 

 

 

“งั้น...เราขอตัวนะ”

 

 

      ฉันพูดขึ้นแล้วก็หมุนตัวจะเดินไปอาคาร 5 แต่อยู่ดีๆโทโมะก็สาวเท้าเดินตามมาอยู่ข้างๆฉัน พอฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเขางงๆเขาก็บอกว่า...

 

 

 

“อะไร ฉันก็เรียนอาคารเดียวกับเธอจะให้ฉันเดินไปทางไหนล่ะ - -?”  

 

 

 

      เมื่อ ได้คำตอบทั้งๆที่ยังๆไม่ได้ถาม ฉันกับโทโมะก็เดินไปด้วยกันเรื่อยๆแต่เราก็ทิ้งระยะห่างกันพอสมควร แต่ฉันสังเกตว่าตอนที่เดินกับเขาเมื่อเดินผ่านกลุ่มนักเรียนสาวที่นั่งอยู่ โทโมะจะเริ่มเดินเข้ามาชิดฉันตลอดไม่รู้เพราะอะไรแต่ก็ขอบใจมาก เพราะสาวๆพวกนั้นมองฉันอย่างกับจะกินฉันเข้าไปทั้งตัว T_T  

 

 

 

      ฉันอึดอัดจริงๆแต่จะทำยังไงได้จึงได้แต่เดินก้มหน้า ตามจริงมีโทโมะมาเดินอยู่เป็นเพื่อนก็ดีเหมือนกันนะเพราะถ้าเดินไปคนเดียวมี หวังถูกรุมแน่ๆ เพราะว่าเรื่องเมื่อตอนกลางวันน่ะมันคงดังกระฉ่อนไปถึงหูสาวๆในโรงเรียนกันหมดแล้วแน่ๆ บ้าจริง! ถ้ามีรุ่นน้องรุ่นพี่ที่ชอบโทโมะเข้ามาหาเรื่องฉัน ฉันจะทำยังไงเนี่ย ><?

 

 

 

     ให้ตายสิ....ทำไมชีวิตที่แสนสงบสุขของฉันจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย

 

 

          ยิ่งฉันอยู่ใกล้โทโมะฉันก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีอันตรายแล้วก็ปลอดภัยในเวลา เดียวกัน ฮือออออออ ฉันจะทำยังไงดีๆๆๆ เสียวโดนพวกกลุ่มโบว์ลิ่งเล่นงานอีกจริงๆ YOY

 

 

!!!

 

     จักรยานก็ยังไม่ได้! แถมเย็นนี้ก็ต้องเดินกลับกับโทโมะอีก โธ่! พระเจ้า! >O<!

 

   

 

5 นาทีต่อมา...

 

 

 

“เย็นนี้เลิกเรียนเสร็จก็มารอฉันที่เดิม”

 

 

 

     เมื่อ เดินขึ้นบันไดมาโทโมะก็พูดขึ้น ฉันหยุดก้าวขาขึ้นบันไดขั้นต่อไปแล้วหันไปมองโทโมะ ที่กำลังมองมาทีฉันอยู่เช่นกัน แต่เมื่อฉันกำลังจะอ้าปากพูดโทโมะก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน

 

 

“ฉันทำตามคำขอร้องของพ่อเธอและไม่อยากผิดคำของผู้ใหญ่”

 

 

“ตามจริงวันนี้เราเลิกก่อนนาย...”

 

 

 

“เลิกก่อนแล้วไง รอฉันไม่ได้? ทีเมื่อวานฉันยังยืนรอเธอได้เป็นชั่วโมง - -!”

 

 

 

      โทโมะมั่ว! ไม่ถึงซักหน่อย เมื่อวานเขารอฉันแค่ 5 หรือ 10 นาทีเองนะ!

 

 

 

      ฉัน บอกแล้วโทโมะนี่แปลกพอไม่พูดนี้ก็เงียบซะจนเดาทางไม่ถูก แต่พอพูดทีนี่มายาวเหยียดและออกแนวโมโห เคือง หงุดหงิด น้อยใจ เฮ้อ...อีกเยอะแยะซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขานี่เป็นคนยังไงกันแน่นะ เนี่ย สับสน! ><!

 

 

 

“...”

 

 

“ฉันไม่ใช่คนที่ชอบรอใคร ฉะนั้น ถ้าฉันรอได้ ถือว่าดีสำหรับเธอแค่ไหนแล้ว”

 

 

 

      ให้ตายสิ! หมอนี่นิจะอะไรกับเรื่องรอเนี่ย บอกให้ฉันรอ ฉันก็รอได้ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำเลย เขากลัวฉันไม่รอกลับพร้อมเขารึไง?

 

 

 

      จากที่ฉันเคยกลัวๆโทโมะตอนแรกๆ รู้สึกว่าตอนนี้เหมือนจะไม่ ( หน่อยๆ ) แล้วล่ะมั้ง เพราะโทโมะก็นิสัยเหมือนๆกับพิชชี่น้องชายฉันดีๆนี่เอง ท่าทางเอาแต่ใจชะมัดยาก! >O<!

 

 

 

“หรือเธอกลัวว่าจะมีคนถ่ายรูปเธอกับฉันไปให้พิมพ์ดู?” โทโมะพูดแล้วมองหน้าฉันตรงๆจนฉันต้องหันไปมองทางอื่น

 

 

 

      ตาม จริงฉันอยากเดินกลับเองแต่...ก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าจะโดนดักเล่นงานตอนที่ เดินคนเดียวอีก เพราะดูท่าทางของพิมพ์แล้ว เธอคงจะไม่ยอมรามือและเลิกหาเรื่องฉันง่ายๆแน่เลย

 

 

        เฮ้อ...ทำไมมันช่างซวยแบบนี้นะ! ทำไมๆๆๆๆๆ ><!  

 

 

 

 

“เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่   ทำอย่างกับกลัวเราไม่เดินกลับกับนายอย่างงั้นแหละ”  

 

 

 

      ฉัน หันไปพูดกับโทโมะแล้วส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้อง ระหว่างนั้นฉันยังคงรู้สึกว่าสายตาโทโมะยังคงมองมาอยู่ และตอนนี้หัวใจฉันก็เต้นแรงขึ้นอีกแล้วจนฉันต้องเอามือขึ้นมาแตะที่อกของตัวเองดูฉันไม่อยากให้เกิดความรู้สึกนี้เลยเพราะฉันเคยเห็นจากหลายคนนะที่ว่า...

 

 

 

         แอบรักเขาแต่ถ้าเขาไม่รักต่อให้ทำดีแค่ไหนเราเอง ต่างหากที่ต้องเสียใจ ฉันเพิ่งเคยมีความรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เจอโทโมะ และยอมรับตรงๆว่าฉันชอบเขาอยู่มากในใจลึกๆข้างใน

 

 

 

         ฉันไม่อยากแสดงอกไปเพราะว่าใจตัวเองรู้ดีว่าไม่เข้มแข็งพอ เพราะฉันรู้ตัวว่าตัวเองอ่อนแอแค่ไหน ขนาดตัวเองยังปกป้องไม่ได้ แล้วถ้าเกิดเรื่องที่ทำให้ฉันต้องเสียใจฉันคง...ร้องไห้ตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยที่ไม่มีใครเห็นแน่ๆ

 

 

         ตั้งแต่เล็กพ่อบอกว่าฉันไม่เคยร้องไห้เลย...แต่พ่อคงไม่รู้หรอกว่าฉัน ร้องไห้บ่อยแค่ไหน...ฉันไม่อยากให้พ่อรู้เลยเก็บความรู้ไว้คนเดียวและเลือก ที่จะไม่บอกใครเวลาเสียใจอะไรเพราะกลัวว่าพ่อจะเป็นห่วง

 

 

 

          พ่อมีลูกสาวคนเดียวและถ้าท่านเป็นอะไรไปฉันต้องรับหน้าที่ดูและน้องแทนท่าน...

 

 

 

         ฉันจึง...พยายามที่จะเข้มแข็งให้ได้มาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนเรื่องวันนี้เอาไว้เป็นบทเรียนเลยว่าการอยู่ใกล้โทโมะเป็นอะไรที่อันตราย

 

 

 

     ...และความรู้สึกที่ฉันชอบเขา...ฉันขอเก็บไว้ในใจแต่เพียงผู้เดียว...

 

 

 

 

[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]

 

 

 

“ไหนวะขนมแก?”

 

 

 

“สงสัยอะไรกันจังวะ? ฉันกินแล้วจบมั้ย?”

 

 

       ผม เดินเข้าห้องมายังไม่ทันได้นั่งที่ของตัวเอง ให้เพื่อนจอมกวนทั้ง 4 ก็พากันสงสัยพบอย่างกับนักข่าวชอบจับผิดดาราอย่างงั้นแหละ  พวกมันจะอะไรนักหนาวะเนี่ย? ชอบชงผมกับยัยสาวจอมอึนข้างบ้านอย่างยัยแก้วนั่นจริงๆเลย > <!

 

 

 

 

“อ่ะๆๆ ไม่แซวแล้วก็ได้วะครับ ^^”

 

 

 

       ถึงไอ้เคนตะที่นั่งอยู่โต๊ะข้างหน้าผมจะบอกว่า ‘ไม่แซว’ แล้ว แต่เชื่อม๊ะ? หน้าตามันก็ยังคง‘แซว’ ผมไม่หยุด เอาตรงๆนะผมไม่ชอบให้พวกมันมาแซวแบบนี้เท่าไหร่เพราะมันน่ารำคาญ แต่ช่างเหอะ! งานชง งานเกรียน งานจับคู่ พวกมันน่ะที่หนึ่งเลย

 

 

 

“แก้วออกจะน่ารัก พวกฉันชงให้ยังไม่ดีใจ เดี๋ยวก็จับชงคู่กับแป๊ะยิ้มซะหรอก ฮ่าๆๆๆ”

 

 

 

“- -!!!”

 

 

 

กึก!  

 

 

“อูยยยย...สงสัยถ้าใครพูดว่า‘โทโมะชอบแป๊ะยิ้ม’ มีหวัง” ไอ้เขื่อนทำท่าเอานิ้วปาดคอตัวเองหลังจากที่ผมจ้องมองอย่างเอาเรื่อง

 

 

 

 

           ที่ผมมองแบบนั้นเพราะว่าคนที่ชื่อ ‘แป๊ะยิ้ม’ เป็นกระเทยตัวอ้วนดำร่างใหญ่และแต่งสวยที่สุดในห้องนี้ (?) ยิ่งกว่าผู้หญิงจริงๆซะอีก หล่อนนั่งอยู่หน้าห้องและเสริมสวยตลอดเวลาแถมชอบติดโบว์ใหญ่ๆสีชมพูไว้ที่ หัวพองๆโตๆแบบมิกกี้เมาส์  = =;;;;

 

 

 

          แป๊ะยิ้มชอบผมครับ ตามตื๊อผมไปทั่วจนวันหนึ่งผมทนไม่ไว้ต้องบอกไปตรงๆว่าผม‘ไม่ชอบ’อย่าทำแบบนี้ไม่งั้นผมจะไม่นับเพื่อนอีกจนแป๊ะยิ้มต้องยอมสยบการไล่ตามตื๊อแต่โดยดี

 

 

 

         ตามจริงผมไม่ได้อยากใจร้ายใส่แป๊ะยิ้มขนาดนั้นแต่ว่าบางครั้ง‘การตามตื๊อ’มาก็ทำให้ชีวิตของคนที่คุณตามตื๊อวุ่นวายนะ หรือคุณว่าไม่?

 

 

 

“แล้วเย็นนี้แกจะไม่ไปเล่นสเก็ตบอร์ดกับพวกฉันไง๊?” จองเบถาม

 

 

“คงไม่ว่ะ ที่บ้านอยากให้ฉันไปกินข้าวเย็นด้วย” ผมตอบจองเบแล้วจองเบก็พยักหน้าเป็นเชิง

 

 

 

           ทุกคนในห้องก็มานั่งตามที่ปกติเพราะอาจารย์ประจำวิชาเข้ามาเตรียมตัวสอนแล้ว ป๊อปปี้ที่นั่งข้างๆผมก็ละสายตาขึ้นจากไอแพดก่อนจะหยิบเอาหนังสือวิชานั้น ขึ้นมา หึ หมอนี่น่ะตั้งใจเรียนสุดแล้วๆ ตอนที่ย้ายเข้ามาใหม่ๆป๊อปปี้ไม่คุยกับใครเลยเอาแต่เงียบแล้วเรียนๆอย่าง เดียว

 

 

 

          จนวันหนึ่งหมอนี่ถูกรุมแกล้งจากพวกผู้ชายต่างห้องพวกผมเห็นเลยเข้าไปช่วยไว้ ทัน จึงรับหมอนี่เข้ามาอยู่ในกลุ่มด้วย มันเป็นเหมือนพี่ชายที่ซื่อสัตย์เสมอแหละครับ พวกผมจึงคอยดูและมันเป็นอย่างดี

 

 

 

         ตามจริงพวกเรากลุ่มเคโอติคนี่ก็ไม่ได้ วิเศษวิโสอะไร เป็นแค่กลุ่มเพื่อนธรรมดาๆกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง แต่พวกสาวๆในโรงเรียนก็เอาไปพูดกันซะจนเวอร์เลยทำให้เราถูกว่าเป็นพวก Bad Boy ในสายตาของทุกคนไปจนได้ จนบางคนก็ต่างพากันกลัวกันไปเลย ฮ่าๆๆ

 

 

        พวกผมไม่เคยคิดที่จะอาสิ่งนี้ไปทำเป็นกร่างใส่ใครเลยนะถ้าไม่เคือง จริงๆ และบางครั้งจากคนที่เคยปล่อยให้อยู่เฉยๆ พวกผมกับต้องทำกร่างใส่ทั้งๆที่ไม่รู้สาเหตุอย่าง‘ไอ้มิณท์’ไม่รู้สินะ! ตั้งแต่วันที่เห็นมันทำท่าเหมือนจะจีบๆยัย‘เพื่อนบ้าน’ ผมก็ออกแนว

 

 

หมั่นไส้ๆมันหน่อยๆเลยถีบจักรยานให้ล้มเรียงกันเป็นแถวจนมันเองก็สะดุ้ง หึ! สะใจ!

 

 

 

    แล้วส่วนเมื่อกลางวัน...ขวดน้ำที่ปาเฉียดหน้ามิณท์กับแก้ว ผมเป็นคนปาเองแหละ = =;;;

 

 

 

 

เมื่อกลางวัน

 

 

 

‘ ป๊อปขวดน้ำไม่เอาช้ะ?’ ผมถามป๊อปปี้เมื่อมันกินน้ำเสร็จผมก็ถามมันทันที

 

 

 

ไม่ป๊อปปี้ส่ายหน้า

 

 

 

          เท่านั้นแหละ! ผม ก็รีบจัดการหยิบขวดน้ำปล่าวๆโดยไปอีกทิศทางหนึ่ง ซึ่งมีคนสองกำลังยืนคุยอะไรกันอยู่ ตรงถังขยะพอดี พวกเพื่อนหันมามองที่ผมก่อนจะมองไปยัง เป้าหมายที่ผมโยนน้ำเข้าใส่

 

 

 

          ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้นและผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนั้น แต่...เห็นไอ้มิณท์กับแก้วคุยกันแล้ว...มันขัดหูขัดตาว่ะ ไปคุยกันที่อื่นไม่ได้ไง๊> <!  

 

 

         แก้วมองมาที่กลุ่มพวกผมแต่เธอคงไม่รู้หรอกว่าใครทำ แต่สายตาเธอมันบ่งบอกเลยว่า ‘ไม่เข้าใจ’ กับการกระทำเมื่อกี๊ ช่างซิ! ใครสนกันเล่า! อยากคุยกันก็ไปยืนคุยที่อื่นสิ มายืนขวางหูขวางตากันทำไมล่ะ ( วะ ) ครับ?

 

 

      พอแก้วกับมิณท์แยกย้ายกันไปนั่นแหละ! ผมถึงกับแอบยิ้มออกมานิดๆ จนไอ้เขื่อนออกปากถาม

 

 

 

ยิ้มแบบนี้...แสดงว่าจงใจโยนปล่าววะ ^__^'

 

 

 

ฉันจงใจโยนลงถังขยะต่างหาก - -+'

 

 

 

“คิดอะไรอยู่ไอ้โมะ อาจารย์สั่งงานแล้ว”

 

 

 

       เสียง ของป๊อปปี้ที่นั่งอยู่ข้างๆผมปลุกให้ความคิดของผมกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ทันที  ทั้งๆที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆเกี่ยวกับแก้วโดยที่ไม่รู้ว่าจะต้องคิดทำไม กันนะ แปลกใจตัวเองจริงๆ = =;;;

 

 

 

“จดไว้ดิเดี๋ยวเย็นนี้ฉันขอยืมกลับไปลอกที่บ้าน” ผมหันไปบอกป๊อปปี้ก่อนจะเอามือเท้าคางแล้วหันมองออกไปนอกหน้าต่าง

 

 

 

“อีกและไอ้นี่ =[]=;;;”

 

 

      เมื่อ เสียงนั้นของป๊อปปี้จบลงเสียงอาจารย์เพื่อนๆที่คุยกันก็หายไปโดยอัตโนมัติ ทุกอย่างในห้องเงียบงันไปโดยสิ้นเชิงเพราะตอนนี้ผมกำลังอยู่โลก 4 มิติของตัวเองโดยไม่สนใจอะไร ใบไม้ที่ร่วงโรยลงจากที่ลมพัดไปมามันให้บรรยากาศหน้านอนเหลือเกิน...

 

 

 

 

           ผมไม่รู้ว่าสมองตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ทุกครั้งที่ผมอยู่คนเดียวหรืออยู่กับ เพื่อนภาพของแก้วจะลอยมาอยู่ในตาผมตลอดซึ่งมันไม่ควรเลยซักนิดเพราะว่าผมมี คนที่ชอบอยากใช้ชีวิตด้วยอยู่แล้ว

 

 

 

         แต่...เธอคนนั้นกลับไม่รับรักผมอย่างที่ควรเป็นทุกวันนี้ผมได้แต่มองเธอ ห่างๆอย่างห่วงๆเสมอ

 

 

 

     ใช่แล้วครับ! เธอคือ...คลอรีน

 

 

 

          ผู้หญิงที่เป็นรักครั้งแรกของผม...เป็นคนที่ผมอยากเป็นมากกว่าเพื่อน...แต่ ผมกลับหมดหวัง

 

 

          ตามความจริงแล้วคนที่ผมควรจะคิดแล้วก็เห็นหน้าอยู่ในหัวคือคลอรีนแต่ทำไมกัน ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแก้วที่สวนสาธารณะทั้งๆที่ตอนนั้นผมไม่รู้จักเธอเลย ไม่รู้เลยว่าเธอเป็นลูกสาวเพื่อนพ่อที่พ่อบอกว่าจะย้ายเข้ามา

 

 

 

 

          ยอมรับครับว่าแรกๆผมแทบจะไม่สนใจอะไรแก้วเลย แต่คงเป็นเพราะได้เห็นเธอทุกวันเลยทำให้ผมเก็บมาคิดล่ะมั้ง? คิด ตั้งแต่ตอนที่เดินผ่านหน้าร้านตุ๊กตาแล้วจู่ๆตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆนั่นหายไป ผมเดินเข้าไปในร้านเพื่อถามคุณยายว่ามีคนซื้อตุ๊กกตาตัวนั้นไปแล้วเหรอ เพราะมันขายไม่ออก และเมื่อปีที่แล้วผมก็ซื้อไปตัวนึง

 

 

         คุณยายมองออกไปนอกร้านแล้วเห็นแก้วกำลังยืนหันข้างรอผมอยู่คุณยายก็บอกว่า ให้ตุ๊กตาอีกตัวกับแก้วไปแล้ว

 

 

      'แม่หนูคนนั้นแหละที่ยายให้ตุ๊กตาไป ^^'     

 

     ใช่ผู้หญิงคนนั้นเหรอครับผมพูดแล้วหันไปทางแก้วที่กำลังยืนมองโน่นนี่อยู่ข้างนอกร้าน

 

      ' ใช่ ยายจำได้ แม่หนูคนนั้นเขามาจอดจักรยานที่หน้าร้าน ถามราคาตุ๊กตาตัวที่พ่อหนุ่มถามนั่นแหละ ยายเห็นว่าไม่มีใครซื้อแล้วเลยให้แม่หนูคนนั้นไป ^^'

 

     อย่างงั้นเหรอครับ...สายตาของผมยังคงมองอยู่ที่แก้วที่ไม่รู้ตัวเลยว่าผมกำลังมองอยู่

 

 

        อะไรกันนะที่ดลใจให้เธออยากซื้อตุ๊กตาที่ไม่มีใครอยากซื้อเหมือนกับผม....

 

 

[ จบบันทึกพิเศษ : โทโมะ ]

 

 

 

ฟิ้ว...

 

 

 

           ในขณะที่โทโมะมองออกไปนอกหน้าต่างสายลมพัดไปมาอย่างหวั่นไหว...ใบไม้ที่ร่วง หล่นบนต้นไม้ที่แห้งเกือบทั้งต้นแล้ว จู่ๆสายลมก็พัดพาใบไม้ใบหนึ่งเข้าผ่านหน้าต่างของโทโมะแล้วตกลงอย่างช้าๆบนโต๊ะ เรียนของเขา...โทโมะมองใบไม้นั่นอย่างงงๆ ก่อนที่เขาจะหยิบมันขึ้นมาดูแล้วคิดอะไรไปพลางๆเหมือนกับมีอะไรสักอย่างดลใจ ให้ลมพัดใบไม้แห้งใบหนึ่งเข้ามา...

 

 

           ไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าหมายถึงอะไร...แต่มันคือการบ่งบอกว่า ‘ให้เริ่มต้นใหม่’กับคนที่

จะอยู่เป็นคู่ ‘ร่วมทุกข์ร่วมสุข’ด้วยกัน

 

 

 

แล้วคนที่จะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับโทโมะ...คือใครกันนะ...

 

 

_______________________________________

อัพแล้วเม้นโหวตกันด้วยน้า ^^

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา