Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
9.6
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
43 chapter
860 วิจารณ์
67.52K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
24) - Scandal,Violent,Tears - ( อื้อฉาว,รุนแรง,น้ำตา )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- Scandal,Violent,Tears -
( อื้อฉาว,รุนแรง,น้ำตา )
กลางวันของวันนั้น...
[ ไงแกกินข้าวยัง?]
“ฉันไปนั่งเล่นริมสนามฟุตบอลมาแต่ไม่ได้ไปกินข้าวว่ะ แฮะๆ ”
ตอนนี้ฉันกำลังคุยโทรศัพท์กับฟางขณะที่กำลังเดินผ่านจากสนามฟุตบอลไป กะว่าจะไปนั่งรอเรียนจากที่เมื่อกี้ได้พักกลางวันแต่ฉันก็ไม่ได้ไปโรงอาหาร หรอกเพราะไม่อยากไปนั่งกินข้าวคนเดียวด้วยเพราะว่าฟางไม่ได้มาโรงเรียนเพราะต้องอยู่ร้านให้พ่อเพราะพ่อเธอต้องไปบริษัทแถมพี่สาวก็มีเรียน
ฉันเลยอยู่คนเดียว...
[ อ้าว? ทำไมไม่กินอ่ะ เดี๋ยวก็หิวหรอก ><! ] ฟางทำเสียงดุๆ
“ก็แกไม่มาฉันไม่รู้จะกินกับใครนี่หว่า”
[ มิณท์ไง ^^ ]
“ก็ฉันอยากกินกับเพื่อนสาวอย่างฟางมากกว่านี่ ^^” ฉันพูดขณะเดินขึ้นบันไดไปด้วย
[ โหยยยยย พูดงี้เลยง๊ะ? ]
“อืมดิ”
[ เออแก้ว! เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะเว้ยมีลูกค้ามา ]
“อื้มๆ” เมื่อฉันตอบฟางก่อนจะกดตัดสายจากนั้นฉันก็เอามือถือของตัวเองยัดใส่เก็บไว้ในเสื้อสูท
และพอเดินขึ้นมาจนถึงชั้นสองก็เห็นว่ามีนักเรียนอยู่เต็มไปหมดเลยไม่รู้ว่า มันเกิดอะไรขึ้น และที่เขาทำท่าเหมือนว่ามุงดูอะไรสักอย่างอยู่นั้นมันก็คือหน้าห้องเรียนของ ฉันนี่เอง และฉันก็สังเกตด้วยว่ามีเพื่อนๆในห้องของตัวเองอยู่เสียด้วยสิ ด้วยความที่สงสัยอยู่ว่ามันมีอะไรกันฉันจึงเดินขึ้นไป
แต่พอปรากฏว่าฉันเดินขึ้นไปเท่านั้นแหละเหล่านักเรียนนับสิบก็หันมามองฉัน เป็นตาเดียว ยิ่งเหล่าบรรดาผู้หญิงนี่เรียกได้ว่ามองกันแบบอยากจะกินเลือดกินเนื้อกัน เลยเห๊อะ!
อะไรกันทำไมต้องมองกันแบบนั้นด้วยเนี่ย ><!?
“ตัวเด่นของเรื่องมาแล้วไง” เด็กผู้หญิงในกลุ่มๆหนึ่งเอ่ยขึ้นมาจนฉันชักจะใจไม่ดีซะแล้ว
“น่าอายจริงๆ”
และด้วยความที่ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและคนพวกนี้ทำไมถึงต้องมาพูดอะไรแบบ นี้ใส่กันฉันจึงเดินไปดูบางสิ่งที่อยู่หน้าห้องเรียนของตัวเองว่าที่มุงดู แล้วมาด่ากันเนี่ยคืออะไร
แต่พอได้เห็นมันแล้วฉันถึงกับเบิกตากว้างเพราะความตกใจแบบไม่คาดฝัน!
จึก!
น่ะ...นี่มัน...
“...!”
“ฉาวจุงเบย” นั่นคือเสียงของผู้หญิงที่กำลังยืนมองฉันอยู่จากทางด้านหลัง
แต่ตอนนี้สายตาของฉันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนอกจาสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็คือ ‘รูปภาพ’ ที่มันไม่ใช่รูปที่ดีเลย แต่ที่ไม่เข้าใจเลยคือใครเป็นคนทำและใครเป็นคนถ่ายมันเอาไว้ เพราะมันเป็นรูปภาพที่ฉันจูบกับโทโมะ! ที่เป็นรูปภาพที่ใหญ่ที่สุดที่ถูกแปะเอาไว้ตรงกำแพงหน้าห้องนี้
และ ไม่ได้มีแค่รูปเดียวแต่ยังรวมไปถึงรูปภาพที่ฉันกำลังยืนคุยกับเพื่อนผู้ชาย ในห้อง ทั้งๆที่มันไม่ได้มีอะไรเลยก็คุยกับเพื่อนตามปกติ แต่ภาพนี่มันหามุมส่อมาก! เหมือนว่าจงใจที่จะถ่ายมันให้ออกมาในแบบนั้น
และยังคงมีภาพอีกนับสิบซึ่งตอนนั้นฉันทำอะไรเลยนอกจากยืนมองมันและกำหมัดแน่น!
[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
โรงอาหาร
“แล้วแกจะเอายังไงต่อวะ” เขื่อนถามขณะที่พวกผมก็นั่งคุยกันอยู่ที่โรงอาหาร
“ไม่รู้ดิ” ผมส่ายหน้า
และตอนนี้พวกผมก็เข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ไอ้จองเบมันตัดสินใจเล่าทุกอย่างที่มันบอกผมให้เพื่อนๆฟังจนรับรู้กันแบบหมด เปลือกอย่างไม่ปิดบังกันอีกต่อไป และคราวนี้ก็คงถึงคราวของผมแล้วที่ต้องเคลียร์เรื่องของตัวเองให้มันจบก่อน ที่จะสายเกินไป
“แล้วแกไปทำอะไรแก้วอ่ะ ยัยนั่นถึงได้โกรธแกแบบนั้นอ่ะ” ป๊อปปี้ถาม
“เออไม่ต้องรู้หรอกน่า” ผมบอกปัดๆไปเพราะไม่อยากให้ไอ้พวกนั้นรู้ว่าผมทำอะไรแก้ว
แต่มันก็ยังรู้อีกนะ! >O<!
“ได้ไปจูบเขารึปล่าวอ่ะ?” เคนตะที่กำลังนั่งวิเคราะห์เอ่ยขึ้นมาจนผมไปต่อไม่ถูกเลย
“แกรู้ได้ไง - -!” ผมถามมันและในตอนนั้นแหละพี่พวกเพื่อนๆผมมันทำสายตาแบบไม่อยากเชื่อ!
“ฉันดูซีรี่ย์บ่อยอ่ะ =[]=;;;;”
“เฮ้ย? จริงอ้ะ OoO!!!!”
“Oh My God...I Don’t Believe” >>> ทั้งหมด
อะไรของพวกมันวะ! เออ! ยอมรับว่าแก้วเป็น ‘จูบแรก’ ของผมแต่ไม่เห็นจะต้องทำท่าทางตื่นตะลึงอะไรขนาดนั้นเลยก็ได้นี่หว่า เฮ้อ! ไอ้พวกนี้นี่จริงๆเลย - -!!!
“สะ..แสดงว่าแกจูบแก้ว O_o?????”
“อืม” เมื่อ ป๊อปปี้ถามผมจึงพยักหน้าให้มันแต่มันกำลังดูดกินน้ำสตออออเบอร์รี่ของมันอยู่ ไงแล้วพอผมพยักหน้าให้มันก็กัดหลอดเคี้ยวหงับๆ ( อะไรของมันวะ = =;;; )
“เฮ้ย! เวรแล้วไง”
ขวับ!
“อะไรวะ/อะไรวะ” พวกผมรีบหันหน้าไปหาไอ้จองเบที่กำลังนั่งเช็คอะไรในมือถือของมันอยู่แต่มันคงเหมือนไปเจออะไร ‘เด็ดๆ’ มาล่ะมั้งถึงได้ทำตาโตขนาดนั้น
“ดูดิ!”
เมื่อจองเบมันหันหน้าจอโทรศัพท์มันมาให้ผมดู ผมแทบจะหยุดหายใจไปในตอนนั้นก็เพราะมันเป็นรูปหน้า Facebook ที่ขึ้นหัวข้อเอาไว้ว่า ‘ฉาวหนักเด็กห้อง 2 อ่อยโทโมะเข้าแล้ว!’ และมันก็เป็นรูปที่แก้วกำลังยืนอยู่หน้าห้องของตัวเอง ส่วนรูปอีกด้านก็เป็นรูปที่เธอกับผมจูบกัน แต่เห็นแค่แบบไกลๆพอประมาณ
แต่ยังไงก็ดูออกแหละว่าเป็นผมกับแก้ว!
“เอาแล้วไง” >>> จองเบ
: คลับคนรักเคโอติค :
‘ฉาวหนักเด็กห้อง 2 อ่อยโทโมะเข้าแล้ว!’
ถูกใจ 889 คนแชร์ 192 คน
ความคิดเห็นที่ 1
(ส้ม เปรี้ยว หวาน เผ็ด ) ได้แสดงความเห็น
- แม่เจ้า!! โทโมะจูบกับใครเนี่ย ><????????
ความคิดเห็นที่ 2
( รักโทโมะเคโอติคมั๊กๆ ) ได้แสดงความเห็น
- ม่ายยยยยยยยยย YOY!!!!!!!!!
ความคิดเห็นที่ 3
( เชอรี่เด็กเรียนห้องแปด ) ได้แสดงความเห็น
- นังนั่นมันอ่อยโทโมะชัวปาบ! ได้ข่าวว่าเคยโดนกลุ่มโบว์ลิ่งตบมาแล้วด้วย สงสัยยังไม่เข็ด ><!
ความคิดเห็นที่ 4
( หวานหวาน รักเคโอติค ) ได้แสดงความเห็น
- @เชอรี่เด็กเรียนห้องแปด >>> เราว่านยัยนั่นอ่อยโทโมะแน่ๆอ่ะ ท่าทางจะแรดเงียบ (. . );;;
: ข้อความตอบกลับ :
( เชอรี่เด็กเรียนห้องแปด ) ได้แสดงความเห็น
- ฉันว่าร่านมากกว่า ^_^
และอีก 110 ความคิดเห็น
ปึง!
“แม่งเอ๊ย!” ผมทุบโต๊ะระบายอารมณ์โกรธที่เมื่อไล่อ่านคอมเม้นใต้ล่างรูปภาพพวกนั้นแล้ว มันรับไม่ได้จริงๆ เกลียดมากไอ้พวกที่ไม่รู้อะไรแล้วมาพูด
แก้วไม่ได้ผิด! ผมต่างหากที่ผิดเอง! เมื่อผมคิดว่าเรื่องนี้มันคงจะทำให้แก้วโดนเยาะเย้ยแน่ๆ เพราะจากรูปที่เธอยืนมองรูปพวกนั้นที่แปะอยู่บนผนังหน้าห้องเรียนแล้ว
ผมก็รีบลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วรีบวิ่งออกไปจากโรงอาหารท่ามกลางเหล่าบรรดานัก เรียนคนอื่นๆที่เหมือนกับจะรู้เรื่องแล้ว และกำลังมองมาที่ผม แต่คิดว่าผมจะสนเหรอวะ! เพราะตอนนี้เวลานี้ผมไม่ได้ห่วงภาพลักษณ์ตัวเองหรอกแต่ตอนนี้ในหัวของผมห่วงนั้นห่วงยัยตัวเล็กคนนั้นมากกว่าเป็นร้อยเท่า!
“เฮ้ยไอ้โทโมะ! รอด้วย!” เสียงของพวกเพื่อนๆที่สงสัยคงจะวิ่งตามผมมาเช่นกันเอ่ยอยู่ด้านหลัง
ตึกๆๆๆๆๆๆ
เสียงฝีเท้าที่รีบวิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของตึก 5 นี่ถ้ามันเป็นบันไดไม้ผมว่ามันคงหักไปแล้วจากแรงวิ่งขึ้นไปของผมน่ะ = =;;;;
“กรี๊ดดดด พี่โทโมะ” เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสองเสียงเหล่าบรรดานักเรียนหญิงก็กรี๊ดเมื่อเห็นว่าผมขึ้นมา
“พี่โทโมะจริงด้วย >///////<”
แต่สีหน้าของผมตอนนี้แทบอยากจะตะเบงเสียงใส่ไอ้คนที่มันทำแบบนี้ มากๆ ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมพร้อมกับเสียงซุบซิบต่างๆนา แต่ผมไม่ได้สนใจเพราะว่าผมกำลังมองหาแก้วอยู่จนเจอเธอจนได้ที่ยืนอยู่หน้า ผนังห้องเรียนที่มีรูปภาพต่างๆนาๆที่เกี่ยวกับเธอแปะอยู่เต็มไปหมด
และเธอกำลังยืนกำหมัดแน่นพร้อมกับมืออีกมือที่ดึงกระดาษนั่นให้หลุด ออกจากผนัง ผมมองแก้วที่เหมือนว่าแก้วคงจะโดนเยาะเย้ยพร้อมกับเสียงหัวเราะ โดยที่ไม่มีใครเข้ามาช่วย แล้วฟางก็ไม่อยู่ซะด้วยสิ
ตอนนั้นผมเห็นแก้วเป็นแบบนี้ไม่ได้ผมเลยเดินเข้าไปหาเธอใกล้ๆต่อหน้า ใครๆหลายๆคน แต่เธอกลับเงียบไม่ยอมพูดอะไรแม้แต่คำเดียว และไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผมเลยสักนิด แต่ผมรู้! ผมรู้ว่าเธอรู้ว่าเป็นผมแต่เธอแค่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองเท่านั้นเอง
แต่ทำไมผมเจ็บจังวะ...
“แก้ว” ผมเรียกเธอ แต่แก้วเอาแต่นิ่งแล้วแกะกระดาษรูปพวกนั้นต่อไป “แก้ว!”
“...”
เมื่อ ผมเรียกย้ำเธออีกครั้ง คนตัวเล็กก็หันมาแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมที่กำลังมองเธออยู่เช่นกัน แต่ ณ วินาทีนั้นที่ได้เห็นสีหน้าอันเฉยชาของเธอแล้ว ผมถึงกับพูดไม่ออกเลยเพราะว่าหน้าเธอนิ่งมาก แต่บริเวณขอบตาของแก้วแดงมากเหมือนว่าอยากจะร้องไห้แต่ก็ต้องกลั้นมันเอา ไว้
และตอนนี้ผมก็รับรู้ถึงความรู้สึกของแก้วได้เลยว่าเธอกำลังรู้สึกยังไง!
“ใครเป็นคนทำวะ!!!!”
กริบ!
OXO!!!
เสียง ซุบซิบนินทาต่างๆนาๆหายไปแบบขาดตอนในทันทีทันใดที่ผมตะโกนขึ้น ท่าทางทุกคนดูตกใจเอามากๆที่เห็นคนนิ่งๆที่ไม่เคยเหมือนรู้สึกอะไรกับ เหตุการณ์ต่างๆอย่างผมของขึ้นแบบนี้ ผมกวาดสายจ้องมองทุกคนเรียงรายจนคนพวกนั้นต้องพากันหลบสายตาลงต่ำอย่างไม่ กล้ามองหน้าผมเลยเพราะว่าคงกลัว
ยิ่งได้ขึ้นชื่อว่าอยู่ในกลุ่มเคโอติคกลุ่มที่มีอิทธิพลที่สุดใน โรงเรียนและไม่เคยมีใครมากล้าหยามอย่างผมคนนี้ และตอนนี้ผมเป็นแบบนี้ ใครมันจะกล้าสบตากันล่ะ!
หึ! ทีนี้ล่ะไม่กล้าสบตา! ไม่กล้าพูด! แล้วทีเอาเรื่องของคนอื่นไปเผยให้คนอื่นรู้นี่มันยังไงกัน!!
“อย่าให้รู้นะว่าใครทำ!” ผมพูดแล้วมองคนพวกนั้นอีกครั้งจนหันไปเห็นว่าเพื่อนๆของตัวเองก็ขึ้นมาถึงแล้วเช่นกันและจากนั้นผมก็หันกลับไปมองแก้วอีกครั้ง
“...”
“แก้ว...”
‘ประกาศ ขอเชิญนางสาวจริญญา ศิริมงคงสกุล ชั้นม.5/2 กับนายวิศวะ ไทยานนท์ชั้น ม.5/7 ที่ห้องปกครองในเวลานี้ด้วยค่ะ ’
เมื่อ เสียงประกาศของอาจารย์ฝ่ายปกครองดังขึ้น ผมกับแก้วก็มองหน้ากันนิ่งๆ โดยที่ ณ เวลานี้ ผมอ่านสายของแก้วไม่ออกเลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ มารู้ตัวอีกก็ตอนที่เธอเดินผ่านผมไปเงียบๆ เมื่อผมหันไปมองเธอ เธอก็เดินผ่านพวกเพื่อนๆของผมแล้วเดินลงบันไดไปเสียแล้ว
“ค่อยๆคุยกันนะเว้ย เดี๋ยวทางนี้พวกฉันจัดการเอง” จองเบบอกในตอนที่ผมกำลังจะเดินลงบันไดไป ผมก็หันไปพยักหน้าให้พวกมันก่อนที่จะรีบเดินลงไป
[ จบบันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
ณ ห้องปกครอง
“ครูได้ข่าวเรื่องซุบซิบพวกนั้นแล้วนะ”
“ค่ะ/ครับ”
ฉันกับโทโมะตอบรับอาจารย์สุชาดาหัวหน้าฝ่ายปกครองที่เรียกตัวฉันกับโทโมะมาที่นี่ และในตอนนี้เราสามคนก็กำลังคุยกันอยู่ในห้องเก็บเสียงห้องหนึ่งของห้อง ปกครองนี้
และหลังจากที่ฉันเดินเข้ามาที่นี่โทโมะก็เดินตามเข้าและเราก็ยังไม่ได้พูดอะไร กันเลยด้วยซ้ำ เพราะทั้งฉันทั้งเขาต่างก็เงียบๆกันไป อีกอย่าง...เพราะว่าฉันไม่มีอะไรพูดด้วยแหละ ความรู้สึกตอนนี้คือเหมือนเบื่อหน่ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นและก็เสียความรู้สึกมากที่มีคนเล่นอะไรแบบนี้
มันแรงสำหรับฉันไปมากจริงๆ
และฉันที่ต้องทนเห็นภาพพวกนั้นขณะที่ฟังเสียงเยาะเย้ยกับเสียงหัวเราะว่า ‘น่าไม่อาย’ ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดเดียว และตอนที่เห็นว่ามีเสียงกรี๊ดว่าโทโมะขึ้นมาฉันก็รู้ แต่ก็พยายามไม่มองไปเพราะไม่อยากพูดอะไรกับเขาเพราะว่าแค่นี้ตัวเองก็เจ็บมากพออยู่แล้ว
“ครูไม่ได้ห้ามนะถ้าเธอสองคนจะทำแบบนี้แพราะมันเป็นสิทธิ์ของพวกเธอ แต่ว่าสิ่งที่พวกเธอทำมันอยู่ในสถานที่ที่ไม่สมควรนะ” อาจารย์สุชาดาพูดด้วยความมีเหตุมีผลและใจเย็น
“ตามจริงจริญญาไม่ผิดหรอกครับ...คนที่ผิดคือผมเอง” เมื่อ โทโมะที่นั่งอยู่ข้างๆพูดขึ้นฉันจึงหันไปมองเขาแต่สายตาของโทโมะมองจ้องอยู่ที่อาจารย์เมื่อเขาทำท่าว่าเหมือนจะหันมามองฉันฉัน ฉันจึงหันหน้ากลับมาตามเดิม
“ใครผิดไม่ผิดครูไม่รู้แต่ว่าครูจะไม่ลงโทษพวกเธอเพราะว่าพวกเธอคงไม่ได้เอารูปของตัวเองมาแปะประกาศประจานตัวเองอะไรไว้เองหรอกใช่มั้ยล่ะ? ใครจะอยากให้คนอื่นรู้เรื่องส่วนตัวของเราล่ะจริงมั้ย?”
“...”
“...และวิศวะ”
“ครับ”
“เธอ น่ะ ถึงแม้จะแต่งตัวผิดระเบียบหรือทำผิดระเบียบบ้างอะไรบ้าง แต่ครูก็ดูออกนะว่าเธอไม่ใช่เด็กเกเร แต่แค่อยากฝากเอาไว้ว่าถ้าทำอะไรไว้ต้องแก้ด้วยวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำ ได้”
“ครับอาจารย์”
“แล้วถ้าจะจูบ ‘แฟน’ อีก...ขอร้อง อย่าทำในโรงเรียนนะ ครูไม่อยากให้รุ่นน้องเอาเป็นแบบอย่าง”
“เอ่อ...ครับผม”
รู้มั้ย...ว่าตอนนี้ฉันอยากจะบอกให้อาจารย์เข้าใจเสียเหลือเกินว่าฉัน ไม่ใช่แฟนโทโมะ! และเราไม่เป็นอะไรกันเลยด้วยซ้ำ! แต่ฉันก็ทำได้แค่นั่งเงียบเพราะไม่อยากจะพูดอะไร แล้วยิ่งโทโมะไม่ได้ตอบปฏิเสธอาจารย์ไปว่าฉัน ‘ไม่ใช่แฟน’ ฉันก็คิดเลยว่าเขาก็อาจจะแค่ตอบๆไปเพราะอยากให้เรื่องมันจบๆไวๆ
ใช่! เขาไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วนี่ เพราะเขาไม่ได้ชอบฉัน
เพราะแค่คำพูดที่ว่า ‘เข้ามาในชีวิตฉันทำไม’ ของโทโมะ ฉันก็รู้มันเลยไงว่าเขาไม่คิดที่จะหันมามองกันเลยสักนิดเดียวเพราะหัวใจของเขาคงมีแต่คลอรีน
...ผู้หญิงที่เขารัก...
“โอเค ครูมีเรื่องตักเตือนแค่นี้ เชิญพวกเธอไปได้”
“ขอบคุณค่ะ/ขอบคุณครับ”
ฉันกับโทโมะยกมือไหว้อาจารย์พร้อมกันก่อนที่เราสองคนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ วินาทีนั้นฉันไม่รีรออะไรแล้วนอกจากรีบเดินผ่านร่างสูงของโทโมะออกไปโดยไม่ได้ หันมองหรือสนใจเขาเลย ฉันเดินก้าวขาฉับๆเปิดประตูออกจากห้องปกครองมาไม่กี่ก้าวเท่านั้น เสียงฝีเท้าที่ก้าวตามมาติดๆมันทำให้ฉันต้องเร่งการเดินของตัวเอง
แต่ก็ไม่ทัน...
หมับ!
“เดี๋ยว...” โทโมะ รีบเดินมาคว้าข้อมือของฉันเอาไว้ให้ฉันหันกลับไปคุย แต่ฉันก็แค่หันกลับไปมองเขานิ่งๆด้วยสายตาที่พยายามทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร และใช่! มันได้ผลที่ทำให้โทโมะขมวดคิ้วเข้าหากัน “คุยกับฉันก่อน” โทโมะบอก
“...” ฉันเงียบแต่ก็มองหน้าโทโมะนิ่งและไม่ได้สะบัดมือของเขาออกไปเพราะไม่อยากให้เราทะเลาะกันทั้งๆที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องปกครองแบบนี้
“เธอโกรธฉันเหรอ” โทโมะ ถามด้วยสีหน้าแววตาที่จริงจังจนฉันเองก็แอบแปลกใจมิใช่น้อยเลยที่เขาทำท่า ทางเหมือนคนอ่อนไหวแบบนี้ทั้งๆที่ปกติเขาจะหน้านิ่งๆตลอดนี่นา
“...”
“เงียบ?” โทโมะพูดเสียงเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าฉันจะเงียบใส่เขาแบบนี้จริงๆ “เอางี้เลยเหรอ”
เมื่อโทโมะเค้นเสียงออกมาแล้วทำท่าเหมือนอยากจะหัวเราะ ตอนนั้นฉันจึงแน่ใจได้เลยว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดมันต่อไปนี้คงไม่ใช่คำที่ ฉันอยากจะฟังแน่ๆ และถ้าขืนฉันยังยืนอยู่ตรงนี้โดยไม่ยอมพูดกับเขา โทโมะคงจะพูดจากวนประสาทให้ฉันยอมพูดกับเขาจนได้นั่นแหละ
แต่ฉันล่ะอยากจะรู้เสียเหลือเกินว่าคนที่บอกว่าฉันเป็นคนทำให้เขาสับสน ทำให้เขาปวดสมอง จนทำเหมือนอยากจะให้ฉันออกไปไกลๆ ก็นี่ไง! ฉันพยายามที่จะไม่ยุ่งกับเขาแล้ว ชีวิตเขาจะเป็นยังไงก็เรื่องของเขาสิ พอฉันออกห่าง แล้วเขาตามมายุ่งกับฉันทำไมล่ะ
ไม่เข้าใจ...
ถ้าความรู้สึกของเขายังมีให้กับคลอรีนอยู่ทำไมจะต้องมายุ่งกับฉันด้วย?!
“...”
“แก้วใจ!”
“...” ถึงแม้ว่าฉันจะตกใจจนสะดุ้งเมื่อโทโมะพูดขึ้นเสียงอย่างสุดทนพร้อมทั้งกระชากข้อมือให้ฉันขยับเข้าไปใกล้ๆเขาอีกด้วย
“เธอคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ หลอกใจตัวเองอย่างงั้นเหรอ?”
เขาพูดแบบนี้หมายถึงอะไรน่ะ?
“...”
“ฉันรู้นะว่าเธอน่ะรู้สึกพิเศษกับฉันเกินคำว่า ‘เพื่อนบ้าน’ ”
“...!” ฉันเบิกตากว้างเมื่อโทโมะโน้มหน้าของเขาลงมาใกล้ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้หลบตาเขาหรอกแพราะฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าโทโมะจะพูดอะไรต่อจากนี้
“เธอน่ะ...ชอบฉันใช่มั้ย”
จึก!
“...!!!”
ผลั่ก!
ฉัน รีบสบัดข้อมือของตัวเองให้ออกจากมือของโทโมะจากนั้นก็จัดการผลักโทโมะออกห่างจาก ตัวจนได้เมื่อสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้เขาไม่ได้แค่พูด แต่เพราะเขาโน้มหน้าลงมาใกล้ริมฝีปากของฉันจนมันเฉียดไปเพียงนิดเดียวเท่า นั้น นี่เขาจะบ้ารึไงกัน! นี่ขนาดแถวๆห้องปกครองนะ
ไม่คิดบ้างเลยเหรอว่าถ้าใครมาเห็นเข้าจะเกิดอะไรขึ้นน่ะ!
อีกอย่าง ถ้าเขาทำแบบนี้เพราะอยากจะได้คำตอบจากปากของฉัน ให้ฉันยอมรับว่าชอบเขา แต่ถ้าฉันพูดไปความรู้สึกที่ฉันมีให้มันคงจะดูไร้ค่ามากๆสำหรับเขาใช่มั้ย ล่ะ? เพราะเขาไม่ได้ชอบฉันแล้วจะให้ฉันตอบความจริงไปเพื่ออะไรกัน
“นายไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำอะไรแบบนี้กับเรานะ...โทโมะ” ฉันพูดแล้วมองโทโมะตรงๆและเมื่อพูดจบฉันก็หันหลังแล้ววิ่งตรงไปยังห้องน้ำหญิงใต้อาคาร 5 เพราะคิดว่าจะอยู่ในนั้นก่อน
“แก้ว!”
นั่น! เสียง โทโมะที่เหมือนกับกำลังตามมาจริงๆด้วย เมื่อฉันได้ยินจึงเร่งฝีเท้าของตัวเองแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับความ ปวดร้าวที่มันเกาะอยู่ภายในใจตลอดนี้
ปึง!
กรึก!
“อึก...”
เมื่อฉันวิ่งเข้ามาในตัวห้องน้ำห้องใดห้องหนึ่ง ฉันจึงจัดการปิดล็อกประตูทันที วินาทีนั้นฉันพยายามที่จะเข้มแข็งไม่ร้องไห้ แต่พอเสียงโทโมะดังขึ้น ทำไมกันน้ำตามันถึงได้ร่วงผลอยลงมาตรงแก้มอย่างยากจะห้ามไหว
ปึง!
“แก้ว! ออกมาคุยกันก่อน”
เสียงของโทโมะที่กำลังเคาะประตูอยู่ด้านนอกห้องน้ำที่ฉันเข้ามามันทำให้ฉันตกใจมากเพราะ ไม่คิดเลยว่าเขาจะเข้ามาถึงในนี้นั่นเอง ฉันกัดริมฝีปากของตัวเองเพราะไม่อยากให้เสียงสะอื้นมาหลุดออกมาให้โทโมะได้ยิน จนตอนนั้นมันได้รับรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดอ่อนๆที่กำลังซึมออกมาตรงบริเวณ ฝีปากของตัวเอง
ปึงๆๆๆ
“แก้วออกมาหน่อยฉันอยากคุยกับเธอ”
“อึก...”
ไม่...ออกไป...ฉันไม่อยากได้ยินเสียงนาย!
เสียง คิดในหัวของฉันตอนนี้คือไม่อยากได้ยินเสียงของโทโมะที่ยืนอยู่ด้านนอกจึงยกเอา มือขึ้นมาปิดหูของตัวเองทั้งสองข้างพร้อมกับหลับตาลง แล้วคิดว่าก็แค่ปล่อยเวลาผ่านไปสักพักค่อยออกไปเพราะในใจของฉันตอนนี้ที่ไม่ มีใครคอยอยู่ข้างๆมันเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ณ สถานที่แห่งนี้
ฟางไม่อยู่แล้วฉันเหมือนคนหมดทางสู้ จะหาว่าฉันอ่อนแอก็ได้เอาเลย แต่ฉันไม่ชอบการสู้รบตบมือหรือมีเรื่องกับใครให้มันเกิดเรื่องขึ้นมา เพราะฉันไม่อยากมีศัตรู อยากจะเป็นมิตร แต่ถ้าคนพวกนั้นไม่มองฉันเป็นมิตรทั้งๆที่ฉันไม่ได้ไปทำอะไรให้พวกเขาเลย
ฉันก็ไม่ขอพูดอะไร เพราะถ้าพวกนั้นอยากจะคิดอะไรก็เชิญคิดกันไปเลย...
แต่ตอนนี้ฉันยอมรับจากใจเลยว่าอยากจะโทรหาฟางและร้องไห้ระบายความในใจ ให้ฟางฟังมากๆเพราะว่ามันอึดอัดมากที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้โดยไม่มีเพื่อน คอยปลอบว่า ‘ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่นี่’ และแม้กระทั่ง...
คนที่ฉันหวังว่าเขาจะพูดแบบนี้กับฉันบ้าง มันกลับไม่มีเลย ไม่มีเลยสักคำ
สักพักต่อมา...
“...”
เมื่อ เสียงของโทโมะเงียบหายไปนานนับนาที ฉันจึงคิดเลยว่าเขาคงจะไปแล้วล่ะ จึงลุกขึ้นแล้วเปิดแง้มประตูห้องน้ำดูก็พบว่าไม่มีใครแล้วจริงๆฉันจึงตัดสิน ใจเดินออกไปล้างหน้าที่อ่างล้างหน้าเพื่อปรับสภาพของตัวเองไม่ให้ดูเหมือน ว่าไปแอบร้องไห้มา
ซ่า...ซ่า...ซ่า...
“...แรดเน๊อะ!”
กึก!
และจากที่ตัวเองกำลังก้มล้างหน้าอยู่นั้นก็จำต้องหยุดชะงักในทันทีแล้วเงยหน้า ขึ้นมองต้นเสียงผ่านทางกระจกห้องน้ำ ก็พบว่ามีนักเรียนสามคนกำลังยืนกอดอกมองมาที่ฉันตรงๆ และดูจากเสื้อสูทที่เป็นคนละสีกันแล้วคงจะเป็นรุ่นน้อง ม.4 แน่ๆ แต่มาทำท่าทีกับคำพูดแบบนี้มันยังไงๆอยู่นะ
“...” ฉันหันกลับไปมองรุ่นน้องสามคนนั้นนิ่งๆก่อนที่ทำท่าว่าจะเดินออกไป
แต่ทว่ารุ่นน้องคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับประตูห้องน้ำดันมายืนขวางฉันเอาไว้ไม่ ให้ฉันเดินออกไป จนตอนนี้ฉันชักจะรู้สึกไม่ดีเข้าเสียแล้วสิ โธ่! พระเจ้า! จะกลั่นแกล้งลูกไปถึงไหนกันนะ ><!
“จะไปไหน?” รุ่นน้องคนนั้นถาม
“...”
ผลั่ก!
“เฮ้ย! ถามแล้วตอบดิ!”
รุ่น น้องผู้หญิงที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวโจกของกลุ่มผลักฉันให้เข้ามาในตัวห้องน้ำ อีกครั้ง และสิ่งที่ฉันกลัวก็เหมือนว่ากำลังจะเกิดขึ้นเมื่อไอ้รุ่นน้องคนที่เดินมา ขวางฉันไม่ให้ออกไปในทีแรกนั้นจัดการปิดประตูทางเข้ามาในตัวห้องน้ำแล้ว จัดการล็อกมัน
“...”
“ทำหน้าแอ๊บใสจริงๆนะอีแรด! คนเข้ารู้กันทั้งโรงเรียนแล้วเว้ยว่าแกอ่ะอ่อยผู้ชาย!”
โห...นี่กะไม่เคารพกันเลยใช่มั้ยนิ พูดแรงมาก!
“ดูมันดิ ยังนิ่งไม่พูดอะไรอีกนะ หน้าด้าน!”
รุ่งน้องอีกคนพูดแล้วชี้หน้าด่าฉัน จะบ้ากันไปใหญ่แล้วนะ!
มาด่ากันแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่!
“น้อง...”
“ใครน้องแก?” เมื่อฉันพยายามจะพูดด้วยดีๆ น้องผู้หญิงคนนั้นที่เป็นหัวโจกก็สวนขึ้นมาก่อน
“...!”
“คราวนั้นที่โดนรุ่นพี่กลุ่มโบว์ลิ่งจัดการยังไม่เข็ดช้ะ? ถึงได้ไปอ่อยพี่โทโมะกลุ่มเคโอติคอีกอ่ะ ฮะ!!!” น้องคนนั้นตะคอกใส่ฉันเสียงดังมากจนทำเอาฉันถึงกับสะดุ้ง
“เอาเลยป๊ะแก” น้องอีกคนถามน้องคนหัวโจก
“จัดมันเลยดิ”
เมื่อคนที่สามพูดเอ่ยอีกฉันถึงกับทนไม่ไหวแล้วกับพฤติกรรมของเด็กพวกนี้ อะไรอ่ะ? หาเวลาไปทำอย่างอื่นที่ดีๆ ดีกว่ามาหาเรื่องตบคนอื่นแบบนี้ดีกว่ามั้ย?
“น้อง พี่ว่าพวกน้องน่ะก็โตๆกันแล้วนะทำไมไม่คิดบ้างล่ะว่าสิ่งที่พวกน้องทำอยู่ตอนนี้มันไร้สาระมาก”ฉันพยายามพูดด้วยดีๆและภายในใจตอนนี้หัวใจก็เต้นแรงเพราะความกลัวด้วย
แต่ฉันก็ต้องขอพูดอะไรบ้างล่ะ! เผื่อจะทำให้เด็กพวกนี้คิดขึ้นมาได้บ้าง
“ไร้สาระห่าอะไร? แล้วแกคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาสั่งสอนพวกฉัน!”
แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ฉันพูดนั้นมันไม่ส่งผลอะไรใดๆเลยสักนิด นี่! ไม่มีหัวคิดกันเลยรึยังไงนะ! >O<!
“พี่ก็แค่บอกว่าสิ่งที่พวกน้องทำมันไม่สมควร...”
“ไม่สมควรยังไง?” น้องคนหัวโจกถามแล้วขึงตาใส่ฉันอย่างเอาเรื่อง
“ก็ พ่อแม่เขาทำงานหาเงินมาส่งเราเรียนนะ ไม่ใช่ให้มาหาผู้ชาย และถ้าน้องจะคิดอะไรก็เรื่องของน้อง เพราะพี่ไม่อยากมีเรื่องกับใครด้วยเหตุผลที่ว่ามีผู้ชายมาเป็นตัวกลางจนทำ ให้เกิดเรื่อง”
เพี๊ยะ!
“ปากมากนักนะมึง!!”
ใบหน้าของฉันหันไปอีกทางเมื่อโนเข้ากับฝ่ามือของรุ่นน้องคนนั้นอย่างเต็มแรง และสัมผัสได้เลยว่าเลือดออกที่บริเวณมุมปากของฉัน! และไม่นานที่ฉันพยายามตั้งตัวจะวิ่งออกไปจากตรงนี้รุ่นน้องอีกสองคนก็มาช่วยกันจับแขนทั้งสองข้างของฉันเอาไว้ไม่ให้ฉันหนี
“ปากดีไม่ใช่? จะรีบไปไหนเหรอ?”
ปึก!
“โอ๊ะ!!” ฉันร้องเสียงหลงออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อโดนหมัดของเด็กคนนั้นต่อยเข้าที่บริเวณท้องน้อยอย่างแรงจนตัวเองเข่าอ่อนลง จนยืนแทบไม่ไหว
“อวดเก่งนักนี่! อ่อยผู้ชายนักนี่! เฮ้ย! จับมันนอนลงดิ๊”
“อึก ปล่อย!”คราว นี้ฉันพยายามจะดิ้นสุดแรงแล้วแต่ทว่าร่างกายกลับถูกผลักลงพื้นอย่างแรงจนหัว เข่ากระแทกกับพื้นห้องน้ำเสียงดังและตอนนี้ฉันจุกไปหมดเลย
ในหัวก็คิดว่าจะทำยังไงดีถึงจะออกไปจากตรงนี้ได้!
“มานี่!” เด็ก คนนั้นให้เพื่อนจับกดฉันให้นอนลงแล้วมันก็มาคร่อมร่างของฉันเอาไว้ก่อนจะ กระชากคอเสื้อของฉันจนเสื้อนักเรียนหลุดออกนอกกระโปรงเสียแล้ว
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
“หมั่นไส้!”
ไม่ รอให้ฉันพูดอะไรฝ่ามือของเด็กคนนั้นที่อยู่เบื้องบนก็ตบเข้ามาที่แก้มของฉัน พอตบข้างซ้ายแล้วก็ไปตบเข้าที่แก้มข้างขวาแบบไม่ยั้งมือ ในตอนนี้แก้มและริมฝีปากของฉันระบมไปหมดจนสติของฉันแทบไม่เหลือแล้ว ให้ตายสิ!
“เออ! เอามันเลย! ตบมัน!”
“มันแรดนักก็ตบให้มันจำไปเลย!”
ใครกันแน่ที่แรด! คิดก่อนพูดบ้างได้มั้ยพวกเด็กนิสัยไม่ดี!
“จับมันไว้!” เด็กคนที่เป็นหัวโจกลุกขึ้นจากตัวของฉันแล้วเดินเข้าไปในตัวห้องน้ำใกล้ๆก่อนจะเดินกลับออกมาพร้อมกับบางอย่างที่เธอถืออยู่ในมือ
และมันก็คือที่ฉีดน้ำที่เอาไว้ใช้ในตอนที่เราทำธุระส่วนเสร็จยังไงล่ะ! และฉันก็รู้เลยล่ะว่านังเด็กคนนั้นคิดจะทำอะไร!
“ฉีดเลย!”
“จับมันไว้ๆๆๆ” เด็กคนนั้นบอกเมื่อเห็นว่าฉันพยายามจะดิ้นแล้วหันหน้าหนี
ซ่า!!!
“อื้อ!!”
แต่ ความพยายามของฉันกลับไม่ได้ผลอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะร่างกายถูกจับตรึงเอาไว้และน้ำที่ถูกกดฉีดก็โดนมาที่หน้าของฉันเต็มๆ และฉันเจ็บมากตอนที่มันโดนเข้าที่แผลตรงมุมปากที่ถูกตบ ตอนนี้ร่างกายของฉันเปียกไปหมดผมก็กระเทริงเพราะถูกดึง
ซ่า!!!
คง ยังไม่สาแก่ใจงั้นสินะถึงได้ฉีดน้ำนั้นเข้ามาอีก จนฉันดิ้นต่อไปไม่ไหวแล้ว ร่างกายตอนนี้บอบช้ำจากแรงบีบกดของเด็กผู้หญิงอีกสองคนที่แขน
“เฮ้ย พอแล้วปล่อยมัน”
เมื่อ เด็กคนนั้นหยุดฉีดน้ำจึงเอ่ยบอกเพื่อนของตัวเอง เด็กสองคนที่จับแขนของฉันอยู่ก็ปล่อยฉันแต่ก็ยังไม่วายเหวี่ยงข้อมือของฉัน ลงกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงก่อนจะพากันเดินออกไปจากห้องน้ำ ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในที่นี้และทิ้งให้ฉันนอนอยู่ที่พื้นพร้อม กับเลือดที่ค่อยๆไหลออกมาจากปากที่แตกและร่างกายที่เปียกน้ำนี้
“แฮ่กๆๆ อึก...โอ๊ย!” เมื่อ ฉันพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นก็ปรากฏว่ามือที่กำลังดันตัวเองนั้นลื่น พื้นที่เปียกน้ำ ส่งผลให้ฉันนอนลงกับพื้นอีกรอบพร้อมกับข้อศอกที่กระแทกกับพื้นห้องน้ำอีก
ทำไม! ทำไมฉันถึงได้ซวยแบบนี้นะ! ฉันไปทำอะไรให้ทำไมต้องทำกับฉันแบบนี้ด้วย
“ฮือ...อึก...หนูทำอะไรผิดเหรอ...ทำไมพวกเขาใจร้ายกับหนูแบบนี้...” ตอนนั้นฉันเหมือนนสติหลุดไปเลยเพราะว่าพูดคนเดียวพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างน่าสมเพชตัวเองสุดๆ
ตอนนี้ฉันเจ็บทั้งกายและเจ็บทั้งใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง
และวันนี้เป็นวันที่โหดร้ายที่สุดที่ฉันเคยเจอมาเลย!
“เฮ้ย...แกดูนั่นดิ”
“คนนั้นเด็กห้องสองนี่ เฮ้ยทำไมสภาพเป็นแบบนั้นอ่ะ”
“สงสัยโดนดักตบเพราะเรื่องจูบกับโทโมะแหละ”
“...”
เสียง ของนักเรียนคนอื่นๆที่นั่งอยู่บริเวณแถวๆทางเดินเอ่ยพูดซุบซิบเมื่อเห็นว่า มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่โชคชะตาได้เล่นตลกกับเธอให้เธอเจอเรื่องร้ายๆใน วันนี้โดยที่ไม่มีคนเคียงข้าง ณ ตอนนี้ เธอคนนั้นไม่มีกระจิตกระใจที่จะไปทำแผลที่ห้องพยาบาลแล้วกลับขึ้นไปเรียนต่อ หรือยิ้มให้ใครๆหรอกเพราะว่า...
ร่างกายกับหัวใจที่กำลังเจ็บปวดในเวลาเดียวกันนี้ ทำให้เธอทนอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวไม่ไหวแล้ว...
และเธอก็ไม่คิดที่จะเดินขึ้นไปหยิบกระเป๋า หรือสิ่งของที่อยู่บนห้องเรียนเลยด้วยซ้ำ เธอเดินผ่านพวกนักเรียนที่กำลังพากันมองสภาพของเธอในตอนนี้ไปแบบไม่ใส่ใจ เหมือนกับหุ่นไร้ชีวิต
ทั้งๆที่ภายในใจไม่อยากจะให้ใครมามองเลยด้วยซ้ำ...
“แก้ว? เธอไปโดนอะไรมาเนี่ย?”
เมื่อแก้วที่กำลังเดินเหม่อไปเรื่อยๆเหมือนคนไร้วิญญาณ เสียงของชายหนุ่มแว่นหน้าใสแสนดีอย่างมิณท์ที่เพิ่งจะมาเรียนในช่วงบ่าย เอ่ยขึ้นอย่างไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในตอนนี้ แต่ที่เขารู้คือผู้หญิงที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้านั้นท่าทางของเธอไม่โอเคเลย
“...” แก้วหยุดเดินและเงยหน้าขึ้นไปมองมิณท์ช้าๆ
“ใครทำอะไรเธอเนี่ยแก้ว?” มิณท์พูดอย่างเป็นห่วงแล้วเอามือของเขามาจับมือช้ำๆของแก้วดูและถึงแม้ว่าตอนนี้เสื้อสูทเปียกๆจะคลุมแขนของแก้ว
แต่มิณท์ก็คงจะรับรู้ได้ว่าแขนของแก้วคงจะช้ำไม่ต่างจากข้อมือแน่ๆ !
“ขอเราอยู่คนเดียวนะมิณท์...” แก้วบอกมิณท์ยิ้มๆทั้งๆที่เธอก็ฝืนยิ้มทั้งน้ำตาแบบนั้น
“แต่เธอ...”
“ขอร้อง...ขอเราอยู่คนเดียวเถอะ...”
เมื่อ แก้วพูดแบบนั้นมิณท์จึงยอมปล่อยมือของเขาออกจามือของแก้วแต่โดยดี จากนั้นแก้วก็เดินผ่านร่างสูงของเขาไป มิณท์ก็หันมองตามหลังของแก้วที่เดินผ่านนักเรียนคนอื่นๆก่อนที่เธอจะเดิน ออกจากนอกโรงเรียนไป
พร้อมกับ ‘ความเจ็บปวด’...
_________________________________________________
อัพแล้วนะ สงสารแก้วใจที่สุด เม้นโหวตเยอะๆนะ
( อื้อฉาว,รุนแรง,น้ำตา )
กลางวันของวันนั้น...
[ ไงแกกินข้าวยัง?]
“ฉันไปนั่งเล่นริมสนามฟุตบอลมาแต่ไม่ได้ไปกินข้าวว่ะ แฮะๆ ”
ตอนนี้ฉันกำลังคุยโทรศัพท์กับฟางขณะที่กำลังเดินผ่านจากสนามฟุตบอลไป กะว่าจะไปนั่งรอเรียนจากที่เมื่อกี้ได้พักกลางวันแต่ฉันก็ไม่ได้ไปโรงอาหาร หรอกเพราะไม่อยากไปนั่งกินข้าวคนเดียวด้วยเพราะว่าฟางไม่ได้มาโรงเรียนเพราะต้องอยู่ร้านให้พ่อเพราะพ่อเธอต้องไปบริษัทแถมพี่สาวก็มีเรียน
ฉันเลยอยู่คนเดียว...
[ อ้าว? ทำไมไม่กินอ่ะ เดี๋ยวก็หิวหรอก ><! ] ฟางทำเสียงดุๆ
“ก็แกไม่มาฉันไม่รู้จะกินกับใครนี่หว่า”
[ มิณท์ไง ^^ ]
“ก็ฉันอยากกินกับเพื่อนสาวอย่างฟางมากกว่านี่ ^^” ฉันพูดขณะเดินขึ้นบันไดไปด้วย
[ โหยยยยย พูดงี้เลยง๊ะ? ]
“อืมดิ”
[ เออแก้ว! เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะเว้ยมีลูกค้ามา ]
“อื้มๆ” เมื่อฉันตอบฟางก่อนจะกดตัดสายจากนั้นฉันก็เอามือถือของตัวเองยัดใส่เก็บไว้ในเสื้อสูท
และพอเดินขึ้นมาจนถึงชั้นสองก็เห็นว่ามีนักเรียนอยู่เต็มไปหมดเลยไม่รู้ว่า มันเกิดอะไรขึ้น และที่เขาทำท่าเหมือนว่ามุงดูอะไรสักอย่างอยู่นั้นมันก็คือหน้าห้องเรียนของ ฉันนี่เอง และฉันก็สังเกตด้วยว่ามีเพื่อนๆในห้องของตัวเองอยู่เสียด้วยสิ ด้วยความที่สงสัยอยู่ว่ามันมีอะไรกันฉันจึงเดินขึ้นไป
แต่พอปรากฏว่าฉันเดินขึ้นไปเท่านั้นแหละเหล่านักเรียนนับสิบก็หันมามองฉัน เป็นตาเดียว ยิ่งเหล่าบรรดาผู้หญิงนี่เรียกได้ว่ามองกันแบบอยากจะกินเลือดกินเนื้อกัน เลยเห๊อะ!
อะไรกันทำไมต้องมองกันแบบนั้นด้วยเนี่ย ><!?
“ตัวเด่นของเรื่องมาแล้วไง” เด็กผู้หญิงในกลุ่มๆหนึ่งเอ่ยขึ้นมาจนฉันชักจะใจไม่ดีซะแล้ว
“น่าอายจริงๆ”
และด้วยความที่ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและคนพวกนี้ทำไมถึงต้องมาพูดอะไรแบบ นี้ใส่กันฉันจึงเดินไปดูบางสิ่งที่อยู่หน้าห้องเรียนของตัวเองว่าที่มุงดู แล้วมาด่ากันเนี่ยคืออะไร
แต่พอได้เห็นมันแล้วฉันถึงกับเบิกตากว้างเพราะความตกใจแบบไม่คาดฝัน!
จึก!
น่ะ...นี่มัน...
“...!”
“ฉาวจุงเบย” นั่นคือเสียงของผู้หญิงที่กำลังยืนมองฉันอยู่จากทางด้านหลัง
แต่ตอนนี้สายตาของฉันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนอกจาสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็คือ ‘รูปภาพ’ ที่มันไม่ใช่รูปที่ดีเลย แต่ที่ไม่เข้าใจเลยคือใครเป็นคนทำและใครเป็นคนถ่ายมันเอาไว้ เพราะมันเป็นรูปภาพที่ฉันจูบกับโทโมะ! ที่เป็นรูปภาพที่ใหญ่ที่สุดที่ถูกแปะเอาไว้ตรงกำแพงหน้าห้องนี้
และ ไม่ได้มีแค่รูปเดียวแต่ยังรวมไปถึงรูปภาพที่ฉันกำลังยืนคุยกับเพื่อนผู้ชาย ในห้อง ทั้งๆที่มันไม่ได้มีอะไรเลยก็คุยกับเพื่อนตามปกติ แต่ภาพนี่มันหามุมส่อมาก! เหมือนว่าจงใจที่จะถ่ายมันให้ออกมาในแบบนั้น
และยังคงมีภาพอีกนับสิบซึ่งตอนนั้นฉันทำอะไรเลยนอกจากยืนมองมันและกำหมัดแน่น!
[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
โรงอาหาร
“แล้วแกจะเอายังไงต่อวะ” เขื่อนถามขณะที่พวกผมก็นั่งคุยกันอยู่ที่โรงอาหาร
“ไม่รู้ดิ” ผมส่ายหน้า
และตอนนี้พวกผมก็เข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ไอ้จองเบมันตัดสินใจเล่าทุกอย่างที่มันบอกผมให้เพื่อนๆฟังจนรับรู้กันแบบหมด เปลือกอย่างไม่ปิดบังกันอีกต่อไป และคราวนี้ก็คงถึงคราวของผมแล้วที่ต้องเคลียร์เรื่องของตัวเองให้มันจบก่อน ที่จะสายเกินไป
“แล้วแกไปทำอะไรแก้วอ่ะ ยัยนั่นถึงได้โกรธแกแบบนั้นอ่ะ” ป๊อปปี้ถาม
“เออไม่ต้องรู้หรอกน่า” ผมบอกปัดๆไปเพราะไม่อยากให้ไอ้พวกนั้นรู้ว่าผมทำอะไรแก้ว
แต่มันก็ยังรู้อีกนะ! >O<!
“ได้ไปจูบเขารึปล่าวอ่ะ?” เคนตะที่กำลังนั่งวิเคราะห์เอ่ยขึ้นมาจนผมไปต่อไม่ถูกเลย
“แกรู้ได้ไง - -!” ผมถามมันและในตอนนั้นแหละพี่พวกเพื่อนๆผมมันทำสายตาแบบไม่อยากเชื่อ!
“ฉันดูซีรี่ย์บ่อยอ่ะ =[]=;;;;”
“เฮ้ย? จริงอ้ะ OoO!!!!”
“Oh My God...I Don’t Believe” >>> ทั้งหมด
อะไรของพวกมันวะ! เออ! ยอมรับว่าแก้วเป็น ‘จูบแรก’ ของผมแต่ไม่เห็นจะต้องทำท่าทางตื่นตะลึงอะไรขนาดนั้นเลยก็ได้นี่หว่า เฮ้อ! ไอ้พวกนี้นี่จริงๆเลย - -!!!
“สะ..แสดงว่าแกจูบแก้ว O_o?????”
“อืม” เมื่อ ป๊อปปี้ถามผมจึงพยักหน้าให้มันแต่มันกำลังดูดกินน้ำสตออออเบอร์รี่ของมันอยู่ ไงแล้วพอผมพยักหน้าให้มันก็กัดหลอดเคี้ยวหงับๆ ( อะไรของมันวะ = =;;; )
“เฮ้ย! เวรแล้วไง”
ขวับ!
“อะไรวะ/อะไรวะ” พวกผมรีบหันหน้าไปหาไอ้จองเบที่กำลังนั่งเช็คอะไรในมือถือของมันอยู่แต่มันคงเหมือนไปเจออะไร ‘เด็ดๆ’ มาล่ะมั้งถึงได้ทำตาโตขนาดนั้น
“ดูดิ!”
เมื่อจองเบมันหันหน้าจอโทรศัพท์มันมาให้ผมดู ผมแทบจะหยุดหายใจไปในตอนนั้นก็เพราะมันเป็นรูปหน้า Facebook ที่ขึ้นหัวข้อเอาไว้ว่า ‘ฉาวหนักเด็กห้อง 2 อ่อยโทโมะเข้าแล้ว!’ และมันก็เป็นรูปที่แก้วกำลังยืนอยู่หน้าห้องของตัวเอง ส่วนรูปอีกด้านก็เป็นรูปที่เธอกับผมจูบกัน แต่เห็นแค่แบบไกลๆพอประมาณ
แต่ยังไงก็ดูออกแหละว่าเป็นผมกับแก้ว!
“เอาแล้วไง” >>> จองเบ
: คลับคนรักเคโอติค :
‘ฉาวหนักเด็กห้อง 2 อ่อยโทโมะเข้าแล้ว!’
ถูกใจ 889 คนแชร์ 192 คน
ความคิดเห็นที่ 1
(ส้ม เปรี้ยว หวาน เผ็ด ) ได้แสดงความเห็น
- แม่เจ้า!! โทโมะจูบกับใครเนี่ย ><????????
ความคิดเห็นที่ 2
( รักโทโมะเคโอติคมั๊กๆ ) ได้แสดงความเห็น
- ม่ายยยยยยยยยย YOY!!!!!!!!!
ความคิดเห็นที่ 3
( เชอรี่เด็กเรียนห้องแปด ) ได้แสดงความเห็น
- นังนั่นมันอ่อยโทโมะชัวปาบ! ได้ข่าวว่าเคยโดนกลุ่มโบว์ลิ่งตบมาแล้วด้วย สงสัยยังไม่เข็ด ><!
ความคิดเห็นที่ 4
( หวานหวาน รักเคโอติค ) ได้แสดงความเห็น
- @เชอรี่เด็กเรียนห้องแปด >>> เราว่านยัยนั่นอ่อยโทโมะแน่ๆอ่ะ ท่าทางจะแรดเงียบ (. . );;;
: ข้อความตอบกลับ :
( เชอรี่เด็กเรียนห้องแปด ) ได้แสดงความเห็น
- ฉันว่าร่านมากกว่า ^_^
และอีก 110 ความคิดเห็น
ปึง!
“แม่งเอ๊ย!” ผมทุบโต๊ะระบายอารมณ์โกรธที่เมื่อไล่อ่านคอมเม้นใต้ล่างรูปภาพพวกนั้นแล้ว มันรับไม่ได้จริงๆ เกลียดมากไอ้พวกที่ไม่รู้อะไรแล้วมาพูด
แก้วไม่ได้ผิด! ผมต่างหากที่ผิดเอง! เมื่อผมคิดว่าเรื่องนี้มันคงจะทำให้แก้วโดนเยาะเย้ยแน่ๆ เพราะจากรูปที่เธอยืนมองรูปพวกนั้นที่แปะอยู่บนผนังหน้าห้องเรียนแล้ว
ผมก็รีบลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วรีบวิ่งออกไปจากโรงอาหารท่ามกลางเหล่าบรรดานัก เรียนคนอื่นๆที่เหมือนกับจะรู้เรื่องแล้ว และกำลังมองมาที่ผม แต่คิดว่าผมจะสนเหรอวะ! เพราะตอนนี้เวลานี้ผมไม่ได้ห่วงภาพลักษณ์ตัวเองหรอกแต่ตอนนี้ในหัวของผมห่วงนั้นห่วงยัยตัวเล็กคนนั้นมากกว่าเป็นร้อยเท่า!
“เฮ้ยไอ้โทโมะ! รอด้วย!” เสียงของพวกเพื่อนๆที่สงสัยคงจะวิ่งตามผมมาเช่นกันเอ่ยอยู่ด้านหลัง
ตึกๆๆๆๆๆๆ
เสียงฝีเท้าที่รีบวิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของตึก 5 นี่ถ้ามันเป็นบันไดไม้ผมว่ามันคงหักไปแล้วจากแรงวิ่งขึ้นไปของผมน่ะ = =;;;;
“กรี๊ดดดด พี่โทโมะ” เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสองเสียงเหล่าบรรดานักเรียนหญิงก็กรี๊ดเมื่อเห็นว่าผมขึ้นมา
“พี่โทโมะจริงด้วย >///////<”
แต่สีหน้าของผมตอนนี้แทบอยากจะตะเบงเสียงใส่ไอ้คนที่มันทำแบบนี้ มากๆ ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมพร้อมกับเสียงซุบซิบต่างๆนา แต่ผมไม่ได้สนใจเพราะว่าผมกำลังมองหาแก้วอยู่จนเจอเธอจนได้ที่ยืนอยู่หน้า ผนังห้องเรียนที่มีรูปภาพต่างๆนาๆที่เกี่ยวกับเธอแปะอยู่เต็มไปหมด
และเธอกำลังยืนกำหมัดแน่นพร้อมกับมืออีกมือที่ดึงกระดาษนั่นให้หลุด ออกจากผนัง ผมมองแก้วที่เหมือนว่าแก้วคงจะโดนเยาะเย้ยพร้อมกับเสียงหัวเราะ โดยที่ไม่มีใครเข้ามาช่วย แล้วฟางก็ไม่อยู่ซะด้วยสิ
ตอนนั้นผมเห็นแก้วเป็นแบบนี้ไม่ได้ผมเลยเดินเข้าไปหาเธอใกล้ๆต่อหน้า ใครๆหลายๆคน แต่เธอกลับเงียบไม่ยอมพูดอะไรแม้แต่คำเดียว และไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผมเลยสักนิด แต่ผมรู้! ผมรู้ว่าเธอรู้ว่าเป็นผมแต่เธอแค่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองเท่านั้นเอง
แต่ทำไมผมเจ็บจังวะ...
“แก้ว” ผมเรียกเธอ แต่แก้วเอาแต่นิ่งแล้วแกะกระดาษรูปพวกนั้นต่อไป “แก้ว!”
“...”
เมื่อ ผมเรียกย้ำเธออีกครั้ง คนตัวเล็กก็หันมาแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมที่กำลังมองเธออยู่เช่นกัน แต่ ณ วินาทีนั้นที่ได้เห็นสีหน้าอันเฉยชาของเธอแล้ว ผมถึงกับพูดไม่ออกเลยเพราะว่าหน้าเธอนิ่งมาก แต่บริเวณขอบตาของแก้วแดงมากเหมือนว่าอยากจะร้องไห้แต่ก็ต้องกลั้นมันเอา ไว้
และตอนนี้ผมก็รับรู้ถึงความรู้สึกของแก้วได้เลยว่าเธอกำลังรู้สึกยังไง!
“ใครเป็นคนทำวะ!!!!”
กริบ!
OXO!!!
เสียง ซุบซิบนินทาต่างๆนาๆหายไปแบบขาดตอนในทันทีทันใดที่ผมตะโกนขึ้น ท่าทางทุกคนดูตกใจเอามากๆที่เห็นคนนิ่งๆที่ไม่เคยเหมือนรู้สึกอะไรกับ เหตุการณ์ต่างๆอย่างผมของขึ้นแบบนี้ ผมกวาดสายจ้องมองทุกคนเรียงรายจนคนพวกนั้นต้องพากันหลบสายตาลงต่ำอย่างไม่ กล้ามองหน้าผมเลยเพราะว่าคงกลัว
ยิ่งได้ขึ้นชื่อว่าอยู่ในกลุ่มเคโอติคกลุ่มที่มีอิทธิพลที่สุดใน โรงเรียนและไม่เคยมีใครมากล้าหยามอย่างผมคนนี้ และตอนนี้ผมเป็นแบบนี้ ใครมันจะกล้าสบตากันล่ะ!
หึ! ทีนี้ล่ะไม่กล้าสบตา! ไม่กล้าพูด! แล้วทีเอาเรื่องของคนอื่นไปเผยให้คนอื่นรู้นี่มันยังไงกัน!!
“อย่าให้รู้นะว่าใครทำ!” ผมพูดแล้วมองคนพวกนั้นอีกครั้งจนหันไปเห็นว่าเพื่อนๆของตัวเองก็ขึ้นมาถึงแล้วเช่นกันและจากนั้นผมก็หันกลับไปมองแก้วอีกครั้ง
“...”
“แก้ว...”
‘ประกาศ ขอเชิญนางสาวจริญญา ศิริมงคงสกุล ชั้นม.5/2 กับนายวิศวะ ไทยานนท์ชั้น ม.5/7 ที่ห้องปกครองในเวลานี้ด้วยค่ะ ’
เมื่อ เสียงประกาศของอาจารย์ฝ่ายปกครองดังขึ้น ผมกับแก้วก็มองหน้ากันนิ่งๆ โดยที่ ณ เวลานี้ ผมอ่านสายของแก้วไม่ออกเลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ มารู้ตัวอีกก็ตอนที่เธอเดินผ่านผมไปเงียบๆ เมื่อผมหันไปมองเธอ เธอก็เดินผ่านพวกเพื่อนๆของผมแล้วเดินลงบันไดไปเสียแล้ว
“ค่อยๆคุยกันนะเว้ย เดี๋ยวทางนี้พวกฉันจัดการเอง” จองเบบอกในตอนที่ผมกำลังจะเดินลงบันไดไป ผมก็หันไปพยักหน้าให้พวกมันก่อนที่จะรีบเดินลงไป
[ จบบันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
ณ ห้องปกครอง
“ครูได้ข่าวเรื่องซุบซิบพวกนั้นแล้วนะ”
“ค่ะ/ครับ”
ฉันกับโทโมะตอบรับอาจารย์สุชาดาหัวหน้าฝ่ายปกครองที่เรียกตัวฉันกับโทโมะมาที่นี่ และในตอนนี้เราสามคนก็กำลังคุยกันอยู่ในห้องเก็บเสียงห้องหนึ่งของห้อง ปกครองนี้
และหลังจากที่ฉันเดินเข้ามาที่นี่โทโมะก็เดินตามเข้าและเราก็ยังไม่ได้พูดอะไร กันเลยด้วยซ้ำ เพราะทั้งฉันทั้งเขาต่างก็เงียบๆกันไป อีกอย่าง...เพราะว่าฉันไม่มีอะไรพูดด้วยแหละ ความรู้สึกตอนนี้คือเหมือนเบื่อหน่ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นและก็เสียความรู้สึกมากที่มีคนเล่นอะไรแบบนี้
มันแรงสำหรับฉันไปมากจริงๆ
และฉันที่ต้องทนเห็นภาพพวกนั้นขณะที่ฟังเสียงเยาะเย้ยกับเสียงหัวเราะว่า ‘น่าไม่อาย’ ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดเดียว และตอนที่เห็นว่ามีเสียงกรี๊ดว่าโทโมะขึ้นมาฉันก็รู้ แต่ก็พยายามไม่มองไปเพราะไม่อยากพูดอะไรกับเขาเพราะว่าแค่นี้ตัวเองก็เจ็บมากพออยู่แล้ว
“ครูไม่ได้ห้ามนะถ้าเธอสองคนจะทำแบบนี้แพราะมันเป็นสิทธิ์ของพวกเธอ แต่ว่าสิ่งที่พวกเธอทำมันอยู่ในสถานที่ที่ไม่สมควรนะ” อาจารย์สุชาดาพูดด้วยความมีเหตุมีผลและใจเย็น
“ตามจริงจริญญาไม่ผิดหรอกครับ...คนที่ผิดคือผมเอง” เมื่อ โทโมะที่นั่งอยู่ข้างๆพูดขึ้นฉันจึงหันไปมองเขาแต่สายตาของโทโมะมองจ้องอยู่ที่อาจารย์เมื่อเขาทำท่าว่าเหมือนจะหันมามองฉันฉัน ฉันจึงหันหน้ากลับมาตามเดิม
“ใครผิดไม่ผิดครูไม่รู้แต่ว่าครูจะไม่ลงโทษพวกเธอเพราะว่าพวกเธอคงไม่ได้เอารูปของตัวเองมาแปะประกาศประจานตัวเองอะไรไว้เองหรอกใช่มั้ยล่ะ? ใครจะอยากให้คนอื่นรู้เรื่องส่วนตัวของเราล่ะจริงมั้ย?”
“...”
“...และวิศวะ”
“ครับ”
“เธอ น่ะ ถึงแม้จะแต่งตัวผิดระเบียบหรือทำผิดระเบียบบ้างอะไรบ้าง แต่ครูก็ดูออกนะว่าเธอไม่ใช่เด็กเกเร แต่แค่อยากฝากเอาไว้ว่าถ้าทำอะไรไว้ต้องแก้ด้วยวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำ ได้”
“ครับอาจารย์”
“แล้วถ้าจะจูบ ‘แฟน’ อีก...ขอร้อง อย่าทำในโรงเรียนนะ ครูไม่อยากให้รุ่นน้องเอาเป็นแบบอย่าง”
“เอ่อ...ครับผม”
รู้มั้ย...ว่าตอนนี้ฉันอยากจะบอกให้อาจารย์เข้าใจเสียเหลือเกินว่าฉัน ไม่ใช่แฟนโทโมะ! และเราไม่เป็นอะไรกันเลยด้วยซ้ำ! แต่ฉันก็ทำได้แค่นั่งเงียบเพราะไม่อยากจะพูดอะไร แล้วยิ่งโทโมะไม่ได้ตอบปฏิเสธอาจารย์ไปว่าฉัน ‘ไม่ใช่แฟน’ ฉันก็คิดเลยว่าเขาก็อาจจะแค่ตอบๆไปเพราะอยากให้เรื่องมันจบๆไวๆ
ใช่! เขาไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วนี่ เพราะเขาไม่ได้ชอบฉัน
เพราะแค่คำพูดที่ว่า ‘เข้ามาในชีวิตฉันทำไม’ ของโทโมะ ฉันก็รู้มันเลยไงว่าเขาไม่คิดที่จะหันมามองกันเลยสักนิดเดียวเพราะหัวใจของเขาคงมีแต่คลอรีน
...ผู้หญิงที่เขารัก...
“โอเค ครูมีเรื่องตักเตือนแค่นี้ เชิญพวกเธอไปได้”
“ขอบคุณค่ะ/ขอบคุณครับ”
ฉันกับโทโมะยกมือไหว้อาจารย์พร้อมกันก่อนที่เราสองคนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ วินาทีนั้นฉันไม่รีรออะไรแล้วนอกจากรีบเดินผ่านร่างสูงของโทโมะออกไปโดยไม่ได้ หันมองหรือสนใจเขาเลย ฉันเดินก้าวขาฉับๆเปิดประตูออกจากห้องปกครองมาไม่กี่ก้าวเท่านั้น เสียงฝีเท้าที่ก้าวตามมาติดๆมันทำให้ฉันต้องเร่งการเดินของตัวเอง
แต่ก็ไม่ทัน...
หมับ!
“เดี๋ยว...” โทโมะ รีบเดินมาคว้าข้อมือของฉันเอาไว้ให้ฉันหันกลับไปคุย แต่ฉันก็แค่หันกลับไปมองเขานิ่งๆด้วยสายตาที่พยายามทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร และใช่! มันได้ผลที่ทำให้โทโมะขมวดคิ้วเข้าหากัน “คุยกับฉันก่อน” โทโมะบอก
“...” ฉันเงียบแต่ก็มองหน้าโทโมะนิ่งและไม่ได้สะบัดมือของเขาออกไปเพราะไม่อยากให้เราทะเลาะกันทั้งๆที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องปกครองแบบนี้
“เธอโกรธฉันเหรอ” โทโมะ ถามด้วยสีหน้าแววตาที่จริงจังจนฉันเองก็แอบแปลกใจมิใช่น้อยเลยที่เขาทำท่า ทางเหมือนคนอ่อนไหวแบบนี้ทั้งๆที่ปกติเขาจะหน้านิ่งๆตลอดนี่นา
“...”
“เงียบ?” โทโมะพูดเสียงเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าฉันจะเงียบใส่เขาแบบนี้จริงๆ “เอางี้เลยเหรอ”
เมื่อโทโมะเค้นเสียงออกมาแล้วทำท่าเหมือนอยากจะหัวเราะ ตอนนั้นฉันจึงแน่ใจได้เลยว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดมันต่อไปนี้คงไม่ใช่คำที่ ฉันอยากจะฟังแน่ๆ และถ้าขืนฉันยังยืนอยู่ตรงนี้โดยไม่ยอมพูดกับเขา โทโมะคงจะพูดจากวนประสาทให้ฉันยอมพูดกับเขาจนได้นั่นแหละ
แต่ฉันล่ะอยากจะรู้เสียเหลือเกินว่าคนที่บอกว่าฉันเป็นคนทำให้เขาสับสน ทำให้เขาปวดสมอง จนทำเหมือนอยากจะให้ฉันออกไปไกลๆ ก็นี่ไง! ฉันพยายามที่จะไม่ยุ่งกับเขาแล้ว ชีวิตเขาจะเป็นยังไงก็เรื่องของเขาสิ พอฉันออกห่าง แล้วเขาตามมายุ่งกับฉันทำไมล่ะ
ไม่เข้าใจ...
ถ้าความรู้สึกของเขายังมีให้กับคลอรีนอยู่ทำไมจะต้องมายุ่งกับฉันด้วย?!
“...”
“แก้วใจ!”
“...” ถึงแม้ว่าฉันจะตกใจจนสะดุ้งเมื่อโทโมะพูดขึ้นเสียงอย่างสุดทนพร้อมทั้งกระชากข้อมือให้ฉันขยับเข้าไปใกล้ๆเขาอีกด้วย
“เธอคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ หลอกใจตัวเองอย่างงั้นเหรอ?”
เขาพูดแบบนี้หมายถึงอะไรน่ะ?
“...”
“ฉันรู้นะว่าเธอน่ะรู้สึกพิเศษกับฉันเกินคำว่า ‘เพื่อนบ้าน’ ”
“...!” ฉันเบิกตากว้างเมื่อโทโมะโน้มหน้าของเขาลงมาใกล้ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้หลบตาเขาหรอกแพราะฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าโทโมะจะพูดอะไรต่อจากนี้
“เธอน่ะ...ชอบฉันใช่มั้ย”
จึก!
“...!!!”
ผลั่ก!
ฉัน รีบสบัดข้อมือของตัวเองให้ออกจากมือของโทโมะจากนั้นก็จัดการผลักโทโมะออกห่างจาก ตัวจนได้เมื่อสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้เขาไม่ได้แค่พูด แต่เพราะเขาโน้มหน้าลงมาใกล้ริมฝีปากของฉันจนมันเฉียดไปเพียงนิดเดียวเท่า นั้น นี่เขาจะบ้ารึไงกัน! นี่ขนาดแถวๆห้องปกครองนะ
ไม่คิดบ้างเลยเหรอว่าถ้าใครมาเห็นเข้าจะเกิดอะไรขึ้นน่ะ!
อีกอย่าง ถ้าเขาทำแบบนี้เพราะอยากจะได้คำตอบจากปากของฉัน ให้ฉันยอมรับว่าชอบเขา แต่ถ้าฉันพูดไปความรู้สึกที่ฉันมีให้มันคงจะดูไร้ค่ามากๆสำหรับเขาใช่มั้ย ล่ะ? เพราะเขาไม่ได้ชอบฉันแล้วจะให้ฉันตอบความจริงไปเพื่ออะไรกัน
“นายไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำอะไรแบบนี้กับเรานะ...โทโมะ” ฉันพูดแล้วมองโทโมะตรงๆและเมื่อพูดจบฉันก็หันหลังแล้ววิ่งตรงไปยังห้องน้ำหญิงใต้อาคาร 5 เพราะคิดว่าจะอยู่ในนั้นก่อน
“แก้ว!”
นั่น! เสียง โทโมะที่เหมือนกับกำลังตามมาจริงๆด้วย เมื่อฉันได้ยินจึงเร่งฝีเท้าของตัวเองแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับความ ปวดร้าวที่มันเกาะอยู่ภายในใจตลอดนี้
ปึง!
กรึก!
“อึก...”
เมื่อฉันวิ่งเข้ามาในตัวห้องน้ำห้องใดห้องหนึ่ง ฉันจึงจัดการปิดล็อกประตูทันที วินาทีนั้นฉันพยายามที่จะเข้มแข็งไม่ร้องไห้ แต่พอเสียงโทโมะดังขึ้น ทำไมกันน้ำตามันถึงได้ร่วงผลอยลงมาตรงแก้มอย่างยากจะห้ามไหว
ปึง!
“แก้ว! ออกมาคุยกันก่อน”
เสียงของโทโมะที่กำลังเคาะประตูอยู่ด้านนอกห้องน้ำที่ฉันเข้ามามันทำให้ฉันตกใจมากเพราะ ไม่คิดเลยว่าเขาจะเข้ามาถึงในนี้นั่นเอง ฉันกัดริมฝีปากของตัวเองเพราะไม่อยากให้เสียงสะอื้นมาหลุดออกมาให้โทโมะได้ยิน จนตอนนั้นมันได้รับรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดอ่อนๆที่กำลังซึมออกมาตรงบริเวณ ฝีปากของตัวเอง
ปึงๆๆๆ
“แก้วออกมาหน่อยฉันอยากคุยกับเธอ”
“อึก...”
ไม่...ออกไป...ฉันไม่อยากได้ยินเสียงนาย!
เสียง คิดในหัวของฉันตอนนี้คือไม่อยากได้ยินเสียงของโทโมะที่ยืนอยู่ด้านนอกจึงยกเอา มือขึ้นมาปิดหูของตัวเองทั้งสองข้างพร้อมกับหลับตาลง แล้วคิดว่าก็แค่ปล่อยเวลาผ่านไปสักพักค่อยออกไปเพราะในใจของฉันตอนนี้ที่ไม่ มีใครคอยอยู่ข้างๆมันเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ณ สถานที่แห่งนี้
ฟางไม่อยู่แล้วฉันเหมือนคนหมดทางสู้ จะหาว่าฉันอ่อนแอก็ได้เอาเลย แต่ฉันไม่ชอบการสู้รบตบมือหรือมีเรื่องกับใครให้มันเกิดเรื่องขึ้นมา เพราะฉันไม่อยากมีศัตรู อยากจะเป็นมิตร แต่ถ้าคนพวกนั้นไม่มองฉันเป็นมิตรทั้งๆที่ฉันไม่ได้ไปทำอะไรให้พวกเขาเลย
ฉันก็ไม่ขอพูดอะไร เพราะถ้าพวกนั้นอยากจะคิดอะไรก็เชิญคิดกันไปเลย...
แต่ตอนนี้ฉันยอมรับจากใจเลยว่าอยากจะโทรหาฟางและร้องไห้ระบายความในใจ ให้ฟางฟังมากๆเพราะว่ามันอึดอัดมากที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้โดยไม่มีเพื่อน คอยปลอบว่า ‘ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่นี่’ และแม้กระทั่ง...
คนที่ฉันหวังว่าเขาจะพูดแบบนี้กับฉันบ้าง มันกลับไม่มีเลย ไม่มีเลยสักคำ
สักพักต่อมา...
“...”
เมื่อ เสียงของโทโมะเงียบหายไปนานนับนาที ฉันจึงคิดเลยว่าเขาคงจะไปแล้วล่ะ จึงลุกขึ้นแล้วเปิดแง้มประตูห้องน้ำดูก็พบว่าไม่มีใครแล้วจริงๆฉันจึงตัดสิน ใจเดินออกไปล้างหน้าที่อ่างล้างหน้าเพื่อปรับสภาพของตัวเองไม่ให้ดูเหมือน ว่าไปแอบร้องไห้มา
ซ่า...ซ่า...ซ่า...
“...แรดเน๊อะ!”
กึก!
และจากที่ตัวเองกำลังก้มล้างหน้าอยู่นั้นก็จำต้องหยุดชะงักในทันทีแล้วเงยหน้า ขึ้นมองต้นเสียงผ่านทางกระจกห้องน้ำ ก็พบว่ามีนักเรียนสามคนกำลังยืนกอดอกมองมาที่ฉันตรงๆ และดูจากเสื้อสูทที่เป็นคนละสีกันแล้วคงจะเป็นรุ่นน้อง ม.4 แน่ๆ แต่มาทำท่าทีกับคำพูดแบบนี้มันยังไงๆอยู่นะ
“...” ฉันหันกลับไปมองรุ่นน้องสามคนนั้นนิ่งๆก่อนที่ทำท่าว่าจะเดินออกไป
แต่ทว่ารุ่นน้องคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับประตูห้องน้ำดันมายืนขวางฉันเอาไว้ไม่ ให้ฉันเดินออกไป จนตอนนี้ฉันชักจะรู้สึกไม่ดีเข้าเสียแล้วสิ โธ่! พระเจ้า! จะกลั่นแกล้งลูกไปถึงไหนกันนะ ><!
“จะไปไหน?” รุ่นน้องคนนั้นถาม
“...”
ผลั่ก!
“เฮ้ย! ถามแล้วตอบดิ!”
รุ่น น้องผู้หญิงที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวโจกของกลุ่มผลักฉันให้เข้ามาในตัวห้องน้ำ อีกครั้ง และสิ่งที่ฉันกลัวก็เหมือนว่ากำลังจะเกิดขึ้นเมื่อไอ้รุ่นน้องคนที่เดินมา ขวางฉันไม่ให้ออกไปในทีแรกนั้นจัดการปิดประตูทางเข้ามาในตัวห้องน้ำแล้ว จัดการล็อกมัน
“...”
“ทำหน้าแอ๊บใสจริงๆนะอีแรด! คนเข้ารู้กันทั้งโรงเรียนแล้วเว้ยว่าแกอ่ะอ่อยผู้ชาย!”
โห...นี่กะไม่เคารพกันเลยใช่มั้ยนิ พูดแรงมาก!
“ดูมันดิ ยังนิ่งไม่พูดอะไรอีกนะ หน้าด้าน!”
รุ่งน้องอีกคนพูดแล้วชี้หน้าด่าฉัน จะบ้ากันไปใหญ่แล้วนะ!
มาด่ากันแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่!
“น้อง...”
“ใครน้องแก?” เมื่อฉันพยายามจะพูดด้วยดีๆ น้องผู้หญิงคนนั้นที่เป็นหัวโจกก็สวนขึ้นมาก่อน
“...!”
“คราวนั้นที่โดนรุ่นพี่กลุ่มโบว์ลิ่งจัดการยังไม่เข็ดช้ะ? ถึงได้ไปอ่อยพี่โทโมะกลุ่มเคโอติคอีกอ่ะ ฮะ!!!” น้องคนนั้นตะคอกใส่ฉันเสียงดังมากจนทำเอาฉันถึงกับสะดุ้ง
“เอาเลยป๊ะแก” น้องอีกคนถามน้องคนหัวโจก
“จัดมันเลยดิ”
เมื่อคนที่สามพูดเอ่ยอีกฉันถึงกับทนไม่ไหวแล้วกับพฤติกรรมของเด็กพวกนี้ อะไรอ่ะ? หาเวลาไปทำอย่างอื่นที่ดีๆ ดีกว่ามาหาเรื่องตบคนอื่นแบบนี้ดีกว่ามั้ย?
“น้อง พี่ว่าพวกน้องน่ะก็โตๆกันแล้วนะทำไมไม่คิดบ้างล่ะว่าสิ่งที่พวกน้องทำอยู่ตอนนี้มันไร้สาระมาก”ฉันพยายามพูดด้วยดีๆและภายในใจตอนนี้หัวใจก็เต้นแรงเพราะความกลัวด้วย
แต่ฉันก็ต้องขอพูดอะไรบ้างล่ะ! เผื่อจะทำให้เด็กพวกนี้คิดขึ้นมาได้บ้าง
“ไร้สาระห่าอะไร? แล้วแกคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาสั่งสอนพวกฉัน!”
แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ฉันพูดนั้นมันไม่ส่งผลอะไรใดๆเลยสักนิด นี่! ไม่มีหัวคิดกันเลยรึยังไงนะ! >O<!
“พี่ก็แค่บอกว่าสิ่งที่พวกน้องทำมันไม่สมควร...”
“ไม่สมควรยังไง?” น้องคนหัวโจกถามแล้วขึงตาใส่ฉันอย่างเอาเรื่อง
“ก็ พ่อแม่เขาทำงานหาเงินมาส่งเราเรียนนะ ไม่ใช่ให้มาหาผู้ชาย และถ้าน้องจะคิดอะไรก็เรื่องของน้อง เพราะพี่ไม่อยากมีเรื่องกับใครด้วยเหตุผลที่ว่ามีผู้ชายมาเป็นตัวกลางจนทำ ให้เกิดเรื่อง”
เพี๊ยะ!
“ปากมากนักนะมึง!!”
ใบหน้าของฉันหันไปอีกทางเมื่อโนเข้ากับฝ่ามือของรุ่นน้องคนนั้นอย่างเต็มแรง และสัมผัสได้เลยว่าเลือดออกที่บริเวณมุมปากของฉัน! และไม่นานที่ฉันพยายามตั้งตัวจะวิ่งออกไปจากตรงนี้รุ่นน้องอีกสองคนก็มาช่วยกันจับแขนทั้งสองข้างของฉันเอาไว้ไม่ให้ฉันหนี
“ปากดีไม่ใช่? จะรีบไปไหนเหรอ?”
ปึก!
“โอ๊ะ!!” ฉันร้องเสียงหลงออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อโดนหมัดของเด็กคนนั้นต่อยเข้าที่บริเวณท้องน้อยอย่างแรงจนตัวเองเข่าอ่อนลง จนยืนแทบไม่ไหว
“อวดเก่งนักนี่! อ่อยผู้ชายนักนี่! เฮ้ย! จับมันนอนลงดิ๊”
“อึก ปล่อย!”คราว นี้ฉันพยายามจะดิ้นสุดแรงแล้วแต่ทว่าร่างกายกลับถูกผลักลงพื้นอย่างแรงจนหัว เข่ากระแทกกับพื้นห้องน้ำเสียงดังและตอนนี้ฉันจุกไปหมดเลย
ในหัวก็คิดว่าจะทำยังไงดีถึงจะออกไปจากตรงนี้ได้!
“มานี่!” เด็ก คนนั้นให้เพื่อนจับกดฉันให้นอนลงแล้วมันก็มาคร่อมร่างของฉันเอาไว้ก่อนจะ กระชากคอเสื้อของฉันจนเสื้อนักเรียนหลุดออกนอกกระโปรงเสียแล้ว
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
“หมั่นไส้!”
ไม่ รอให้ฉันพูดอะไรฝ่ามือของเด็กคนนั้นที่อยู่เบื้องบนก็ตบเข้ามาที่แก้มของฉัน พอตบข้างซ้ายแล้วก็ไปตบเข้าที่แก้มข้างขวาแบบไม่ยั้งมือ ในตอนนี้แก้มและริมฝีปากของฉันระบมไปหมดจนสติของฉันแทบไม่เหลือแล้ว ให้ตายสิ!
“เออ! เอามันเลย! ตบมัน!”
“มันแรดนักก็ตบให้มันจำไปเลย!”
ใครกันแน่ที่แรด! คิดก่อนพูดบ้างได้มั้ยพวกเด็กนิสัยไม่ดี!
“จับมันไว้!” เด็กคนที่เป็นหัวโจกลุกขึ้นจากตัวของฉันแล้วเดินเข้าไปในตัวห้องน้ำใกล้ๆก่อนจะเดินกลับออกมาพร้อมกับบางอย่างที่เธอถืออยู่ในมือ
และมันก็คือที่ฉีดน้ำที่เอาไว้ใช้ในตอนที่เราทำธุระส่วนเสร็จยังไงล่ะ! และฉันก็รู้เลยล่ะว่านังเด็กคนนั้นคิดจะทำอะไร!
“ฉีดเลย!”
“จับมันไว้ๆๆๆ” เด็กคนนั้นบอกเมื่อเห็นว่าฉันพยายามจะดิ้นแล้วหันหน้าหนี
ซ่า!!!
“อื้อ!!”
แต่ ความพยายามของฉันกลับไม่ได้ผลอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะร่างกายถูกจับตรึงเอาไว้และน้ำที่ถูกกดฉีดก็โดนมาที่หน้าของฉันเต็มๆ และฉันเจ็บมากตอนที่มันโดนเข้าที่แผลตรงมุมปากที่ถูกตบ ตอนนี้ร่างกายของฉันเปียกไปหมดผมก็กระเทริงเพราะถูกดึง
ซ่า!!!
คง ยังไม่สาแก่ใจงั้นสินะถึงได้ฉีดน้ำนั้นเข้ามาอีก จนฉันดิ้นต่อไปไม่ไหวแล้ว ร่างกายตอนนี้บอบช้ำจากแรงบีบกดของเด็กผู้หญิงอีกสองคนที่แขน
“เฮ้ย พอแล้วปล่อยมัน”
เมื่อ เด็กคนนั้นหยุดฉีดน้ำจึงเอ่ยบอกเพื่อนของตัวเอง เด็กสองคนที่จับแขนของฉันอยู่ก็ปล่อยฉันแต่ก็ยังไม่วายเหวี่ยงข้อมือของฉัน ลงกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงก่อนจะพากันเดินออกไปจากห้องน้ำ ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในที่นี้และทิ้งให้ฉันนอนอยู่ที่พื้นพร้อม กับเลือดที่ค่อยๆไหลออกมาจากปากที่แตกและร่างกายที่เปียกน้ำนี้
“แฮ่กๆๆ อึก...โอ๊ย!” เมื่อ ฉันพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นก็ปรากฏว่ามือที่กำลังดันตัวเองนั้นลื่น พื้นที่เปียกน้ำ ส่งผลให้ฉันนอนลงกับพื้นอีกรอบพร้อมกับข้อศอกที่กระแทกกับพื้นห้องน้ำอีก
ทำไม! ทำไมฉันถึงได้ซวยแบบนี้นะ! ฉันไปทำอะไรให้ทำไมต้องทำกับฉันแบบนี้ด้วย
“ฮือ...อึก...หนูทำอะไรผิดเหรอ...ทำไมพวกเขาใจร้ายกับหนูแบบนี้...” ตอนนั้นฉันเหมือนนสติหลุดไปเลยเพราะว่าพูดคนเดียวพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างน่าสมเพชตัวเองสุดๆ
ตอนนี้ฉันเจ็บทั้งกายและเจ็บทั้งใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง
และวันนี้เป็นวันที่โหดร้ายที่สุดที่ฉันเคยเจอมาเลย!
“เฮ้ย...แกดูนั่นดิ”
“คนนั้นเด็กห้องสองนี่ เฮ้ยทำไมสภาพเป็นแบบนั้นอ่ะ”
“สงสัยโดนดักตบเพราะเรื่องจูบกับโทโมะแหละ”
“...”
เสียง ของนักเรียนคนอื่นๆที่นั่งอยู่บริเวณแถวๆทางเดินเอ่ยพูดซุบซิบเมื่อเห็นว่า มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่โชคชะตาได้เล่นตลกกับเธอให้เธอเจอเรื่องร้ายๆใน วันนี้โดยที่ไม่มีคนเคียงข้าง ณ ตอนนี้ เธอคนนั้นไม่มีกระจิตกระใจที่จะไปทำแผลที่ห้องพยาบาลแล้วกลับขึ้นไปเรียนต่อ หรือยิ้มให้ใครๆหรอกเพราะว่า...
ร่างกายกับหัวใจที่กำลังเจ็บปวดในเวลาเดียวกันนี้ ทำให้เธอทนอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวไม่ไหวแล้ว...
และเธอก็ไม่คิดที่จะเดินขึ้นไปหยิบกระเป๋า หรือสิ่งของที่อยู่บนห้องเรียนเลยด้วยซ้ำ เธอเดินผ่านพวกนักเรียนที่กำลังพากันมองสภาพของเธอในตอนนี้ไปแบบไม่ใส่ใจ เหมือนกับหุ่นไร้ชีวิต
ทั้งๆที่ภายในใจไม่อยากจะให้ใครมามองเลยด้วยซ้ำ...
“แก้ว? เธอไปโดนอะไรมาเนี่ย?”
เมื่อแก้วที่กำลังเดินเหม่อไปเรื่อยๆเหมือนคนไร้วิญญาณ เสียงของชายหนุ่มแว่นหน้าใสแสนดีอย่างมิณท์ที่เพิ่งจะมาเรียนในช่วงบ่าย เอ่ยขึ้นอย่างไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในตอนนี้ แต่ที่เขารู้คือผู้หญิงที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้านั้นท่าทางของเธอไม่โอเคเลย
“...” แก้วหยุดเดินและเงยหน้าขึ้นไปมองมิณท์ช้าๆ
“ใครทำอะไรเธอเนี่ยแก้ว?” มิณท์พูดอย่างเป็นห่วงแล้วเอามือของเขามาจับมือช้ำๆของแก้วดูและถึงแม้ว่าตอนนี้เสื้อสูทเปียกๆจะคลุมแขนของแก้ว
แต่มิณท์ก็คงจะรับรู้ได้ว่าแขนของแก้วคงจะช้ำไม่ต่างจากข้อมือแน่ๆ !
“ขอเราอยู่คนเดียวนะมิณท์...” แก้วบอกมิณท์ยิ้มๆทั้งๆที่เธอก็ฝืนยิ้มทั้งน้ำตาแบบนั้น
“แต่เธอ...”
“ขอร้อง...ขอเราอยู่คนเดียวเถอะ...”
เมื่อ แก้วพูดแบบนั้นมิณท์จึงยอมปล่อยมือของเขาออกจามือของแก้วแต่โดยดี จากนั้นแก้วก็เดินผ่านร่างสูงของเขาไป มิณท์ก็หันมองตามหลังของแก้วที่เดินผ่านนักเรียนคนอื่นๆก่อนที่เธอจะเดิน ออกจากนอกโรงเรียนไป
พร้อมกับ ‘ความเจ็บปวด’...
_________________________________________________
อัพแล้วนะ สงสารแก้วใจที่สุด เม้นโหวตเยอะๆนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ