Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  67.52K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

24) - Scandal,Violent,Tears - ( อื้อฉาว,รุนแรง,น้ำตา )

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
- Scandal,Violent,Tears -
( อื้อฉาว,รุนแรง,น้ำตา )
 

กลางวันของวันนั้น...
 
 
[ ไงแกกินข้าวยัง?]
 
 
“ฉันไปนั่งเล่นริมสนามฟุตบอลมาแต่ไม่ได้ไปกินข้าวว่ะ แฮะๆ ”
 
 
         ตอนนี้ฉันกำลังคุยโทรศัพท์กับฟางขณะที่กำลังเดินผ่านจากสนามฟุตบอลไป กะว่าจะไปนั่งรอเรียนจากที่เมื่อกี้ได้พักกลางวันแต่ฉันก็ไม่ได้ไปโรงอาหาร หรอกเพราะไม่อยากไปนั่งกินข้าวคนเดียวด้วยเพราะว่าฟางไม่ได้มาโรงเรียนเพราะต้องอยู่ร้านให้พ่อเพราะพ่อเธอต้องไปบริษัทแถมพี่สาวก็มีเรียน
 
 
        ฉันเลยอยู่คนเดียว...
 
 
[ อ้าว? ทำไมไม่กินอ่ะ เดี๋ยวก็หิวหรอก ><! ] ฟางทำเสียงดุๆ
 
 
“ก็แกไม่มาฉันไม่รู้จะกินกับใครนี่หว่า”
 
 
[ มิณท์ไง ^^ ]
 
 
“ก็ฉันอยากกินกับเพื่อนสาวอย่างฟางมากกว่านี่ ^^” ฉันพูดขณะเดินขึ้นบันไดไปด้วย  
 
 
 
[ โหยยยยย พูดงี้เลยง๊ะ? ]
 
 
“อืมดิ”
 
 
[ เออแก้ว! เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะเว้ยมีลูกค้ามา ]
 
 
 
“อื้มๆ” เมื่อฉันตอบฟางก่อนจะกดตัดสายจากนั้นฉันก็เอามือถือของตัวเองยัดใส่เก็บไว้ในเสื้อสูท
 
 
 
            และพอเดินขึ้นมาจนถึงชั้นสองก็เห็นว่ามีนักเรียนอยู่เต็มไปหมดเลยไม่รู้ว่า มันเกิดอะไรขึ้น และที่เขาทำท่าเหมือนว่ามุงดูอะไรสักอย่างอยู่นั้นมันก็คือหน้าห้องเรียนของ ฉันนี่เอง และฉันก็สังเกตด้วยว่ามีเพื่อนๆในห้องของตัวเองอยู่เสียด้วยสิ  ด้วยความที่สงสัยอยู่ว่ามันมีอะไรกันฉันจึงเดินขึ้นไป
 
 
 
            แต่พอปรากฏว่าฉันเดินขึ้นไปเท่านั้นแหละเหล่านักเรียนนับสิบก็หันมามองฉัน เป็นตาเดียว ยิ่งเหล่าบรรดาผู้หญิงนี่เรียกได้ว่ามองกันแบบอยากจะกินเลือดกินเนื้อกัน เลยเห๊อะ!
 
 
 
        อะไรกันทำไมต้องมองกันแบบนั้นด้วยเนี่ย ><!?
 
 
 
“ตัวเด่นของเรื่องมาแล้วไง” เด็กผู้หญิงในกลุ่มๆหนึ่งเอ่ยขึ้นมาจนฉันชักจะใจไม่ดีซะแล้ว
 
 
 
“น่าอายจริงๆ”  
 
 
 
        และด้วยความที่ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและคนพวกนี้ทำไมถึงต้องมาพูดอะไรแบบ นี้ใส่กันฉันจึงเดินไปดูบางสิ่งที่อยู่หน้าห้องเรียนของตัวเองว่าที่มุงดู แล้วมาด่ากันเนี่ยคืออะไร
 
 
 
        แต่พอได้เห็นมันแล้วฉันถึงกับเบิกตากว้างเพราะความตกใจแบบไม่คาดฝัน!
 
 
 
จึก!
 
 
 
        น่ะ...นี่มัน...
 
 
 
“...!”
 
 
 
“ฉาวจุงเบย” นั่นคือเสียงของผู้หญิงที่กำลังยืนมองฉันอยู่จากทางด้านหลัง
 
 
 
       แต่ตอนนี้สายตาของฉันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนอกจาสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็คือ ‘รูปภาพ’ ที่มันไม่ใช่รูปที่ดีเลย แต่ที่ไม่เข้าใจเลยคือใครเป็นคนทำและใครเป็นคนถ่ายมันเอาไว้ เพราะมันเป็นรูปภาพที่ฉันจูบกับโทโมะ! ที่เป็นรูปภาพที่ใหญ่ที่สุดที่ถูกแปะเอาไว้ตรงกำแพงหน้าห้องนี้
 
 
 
       และ ไม่ได้มีแค่รูปเดียวแต่ยังรวมไปถึงรูปภาพที่ฉันกำลังยืนคุยกับเพื่อนผู้ชาย ในห้อง ทั้งๆที่มันไม่ได้มีอะไรเลยก็คุยกับเพื่อนตามปกติ แต่ภาพนี่มันหามุมส่อมาก! เหมือนว่าจงใจที่จะถ่ายมันให้ออกมาในแบบนั้น
 
 
 
       และยังคงมีภาพอีกนับสิบซึ่งตอนนั้นฉันทำอะไรเลยนอกจากยืนมองมันและกำหมัดแน่น!
 
 
 
 
 
[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
 
 
 
 
โรงอาหาร
 
 
 
“แล้วแกจะเอายังไงต่อวะ” เขื่อนถามขณะที่พวกผมก็นั่งคุยกันอยู่ที่โรงอาหาร
 
 
 
“ไม่รู้ดิ” ผมส่ายหน้า
 
 
 
             และตอนนี้พวกผมก็เข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ไอ้จองเบมันตัดสินใจเล่าทุกอย่างที่มันบอกผมให้เพื่อนๆฟังจนรับรู้กันแบบหมด เปลือกอย่างไม่ปิดบังกันอีกต่อไป  และคราวนี้ก็คงถึงคราวของผมแล้วที่ต้องเคลียร์เรื่องของตัวเองให้มันจบก่อน ที่จะสายเกินไป
 
 
 
“แล้วแกไปทำอะไรแก้วอ่ะ ยัยนั่นถึงได้โกรธแกแบบนั้นอ่ะ” ป๊อปปี้ถาม
 
 
 
“เออไม่ต้องรู้หรอกน่า” ผมบอกปัดๆไปเพราะไม่อยากให้ไอ้พวกนั้นรู้ว่าผมทำอะไรแก้ว
 
 
 
            แต่มันก็ยังรู้อีกนะ! >O<!
 
 
 
“ได้ไปจูบเขารึปล่าวอ่ะ?” เคนตะที่กำลังนั่งวิเคราะห์เอ่ยขึ้นมาจนผมไปต่อไม่ถูกเลย  
 
 
 
“แกรู้ได้ไง - -!” ผมถามมันและในตอนนั้นแหละพี่พวกเพื่อนๆผมมันทำสายตาแบบไม่อยากเชื่อ!
 
 
 
“ฉันดูซีรี่ย์บ่อยอ่ะ =[]=;;;;”
 
 
 
“เฮ้ย? จริงอ้ะ OoO!!!!”  
 
 
“Oh My God...I Don’t Believe” >>> ทั้งหมด
 
 
 
อะไรของพวกมันวะ!  เออ! ยอมรับว่าแก้วเป็น ‘จูบแรก’ ของผมแต่ไม่เห็นจะต้องทำท่าทางตื่นตะลึงอะไรขนาดนั้นเลยก็ได้นี่หว่า เฮ้อ! ไอ้พวกนี้นี่จริงๆเลย - -!!!
 
 
 
“สะ..แสดงว่าแกจูบแก้ว O_o?????”
 
 
 
“อืม” เมื่อ ป๊อปปี้ถามผมจึงพยักหน้าให้มันแต่มันกำลังดูดกินน้ำสตออออเบอร์รี่ของมันอยู่ ไงแล้วพอผมพยักหน้าให้มันก็กัดหลอดเคี้ยวหงับๆ ( อะไรของมันวะ = =;;; )
 
 
 
“เฮ้ย! เวรแล้วไง”
 
 
 
ขวับ!
 
 
 
“อะไรวะ/อะไรวะ” พวกผมรีบหันหน้าไปหาไอ้จองเบที่กำลังนั่งเช็คอะไรในมือถือของมันอยู่แต่มันคงเหมือนไปเจออะไร ‘เด็ดๆ’ มาล่ะมั้งถึงได้ทำตาโตขนาดนั้น
 
 
 
“ดูดิ!”
 
 
             เมื่อจองเบมันหันหน้าจอโทรศัพท์มันมาให้ผมดู ผมแทบจะหยุดหายใจไปในตอนนั้นก็เพราะมันเป็นรูปหน้า Facebook ที่ขึ้นหัวข้อเอาไว้ว่า ‘ฉาวหนักเด็กห้อง 2 อ่อยโทโมะเข้าแล้ว!’ และมันก็เป็นรูปที่แก้วกำลังยืนอยู่หน้าห้องของตัวเอง ส่วนรูปอีกด้านก็เป็นรูปที่เธอกับผมจูบกัน แต่เห็นแค่แบบไกลๆพอประมาณ
 
 
 
               แต่ยังไงก็ดูออกแหละว่าเป็นผมกับแก้ว!
 
 
 
“เอาแล้วไง” >>> จองเบ
 
 
 
     
          : คลับคนรักเคโอติค :
 
 
‘ฉาวหนักเด็กห้อง 2 อ่อยโทโมะเข้าแล้ว!’  
 
 
          ถูกใจ  889  คนแชร์ 192 คน  
 
 
          ความคิดเห็นที่ 1
 
 
          (ส้ม เปรี้ยว หวาน เผ็ด )   ได้แสดงความเห็น
 
 
-  แม่เจ้า!! โทโมะจูบกับใครเนี่ย ><????????
 
 
          ความคิดเห็นที่ 2
 
 
          ( รักโทโมะเคโอติคมั๊กๆ )   ได้แสดงความเห็น
 
 
-  ม่ายยยยยยยยยย YOY!!!!!!!!!
 
 
   ความคิดเห็นที่ 3   
 
 
         ( เชอรี่เด็กเรียนห้องแปด )   ได้แสดงความเห็น
 
 
-  นังนั่นมันอ่อยโทโมะชัวปาบ! ได้ข่าวว่าเคยโดนกลุ่มโบว์ลิ่งตบมาแล้วด้วย สงสัยยังไม่เข็ด ><!
 
 
   ความคิดเห็นที่ 4
 
 
    ( หวานหวาน รักเคโอติค )     ได้แสดงความเห็น
 
 
-  @เชอรี่เด็กเรียนห้องแปด >>> เราว่านยัยนั่นอ่อยโทโมะแน่ๆอ่ะ ท่าทางจะแรดเงียบ (. . );;;
 
 
: ข้อความตอบกลับ :
 
 
         ( เชอรี่เด็กเรียนห้องแปด )   ได้แสดงความเห็น
 
 
-     ฉันว่าร่านมากกว่า ^_^
 
  และอีก 110 ความคิดเห็น
 
 
 
ปึง!
 
 
 
“แม่งเอ๊ย!”  ผมทุบโต๊ะระบายอารมณ์โกรธที่เมื่อไล่อ่านคอมเม้นใต้ล่างรูปภาพพวกนั้นแล้ว มันรับไม่ได้จริงๆ เกลียดมากไอ้พวกที่ไม่รู้อะไรแล้วมาพูด
 
 
 
           แก้วไม่ได้ผิด! ผมต่างหากที่ผิดเอง! เมื่อผมคิดว่าเรื่องนี้มันคงจะทำให้แก้วโดนเยาะเย้ยแน่ๆ เพราะจากรูปที่เธอยืนมองรูปพวกนั้นที่แปะอยู่บนผนังหน้าห้องเรียนแล้ว
 
 
 
            ผมก็รีบลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วรีบวิ่งออกไปจากโรงอาหารท่ามกลางเหล่าบรรดานัก เรียนคนอื่นๆที่เหมือนกับจะรู้เรื่องแล้ว และกำลังมองมาที่ผม แต่คิดว่าผมจะสนเหรอวะ! เพราะตอนนี้เวลานี้ผมไม่ได้ห่วงภาพลักษณ์ตัวเองหรอกแต่ตอนนี้ในหัวของผมห่วงนั้นห่วงยัยตัวเล็กคนนั้นมากกว่าเป็นร้อยเท่า!
 
 
 
“เฮ้ยไอ้โทโมะ! รอด้วย!” เสียงของพวกเพื่อนๆที่สงสัยคงจะวิ่งตามผมมาเช่นกันเอ่ยอยู่ด้านหลัง
 
 
 
ตึกๆๆๆๆๆๆ
 
 
 
       เสียงฝีเท้าที่รีบวิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของตึก 5 นี่ถ้ามันเป็นบันไดไม้ผมว่ามันคงหักไปแล้วจากแรงวิ่งขึ้นไปของผมน่ะ = =;;;;
 
 
 
“กรี๊ดดดด พี่โทโมะ” เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสองเสียงเหล่าบรรดานักเรียนหญิงก็กรี๊ดเมื่อเห็นว่าผมขึ้นมา
 
 
 
“พี่โทโมะจริงด้วย >///////<”
 
 
 
       แต่สีหน้าของผมตอนนี้แทบอยากจะตะเบงเสียงใส่ไอ้คนที่มันทำแบบนี้ มากๆ  ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมพร้อมกับเสียงซุบซิบต่างๆนา แต่ผมไม่ได้สนใจเพราะว่าผมกำลังมองหาแก้วอยู่จนเจอเธอจนได้ที่ยืนอยู่หน้า ผนังห้องเรียนที่มีรูปภาพต่างๆนาๆที่เกี่ยวกับเธอแปะอยู่เต็มไปหมด       
 
 
       และเธอกำลังยืนกำหมัดแน่นพร้อมกับมืออีกมือที่ดึงกระดาษนั่นให้หลุด ออกจากผนัง ผมมองแก้วที่เหมือนว่าแก้วคงจะโดนเยาะเย้ยพร้อมกับเสียงหัวเราะ โดยที่ไม่มีใครเข้ามาช่วย แล้วฟางก็ไม่อยู่ซะด้วยสิ  
 
 
 
       ตอนนั้นผมเห็นแก้วเป็นแบบนี้ไม่ได้ผมเลยเดินเข้าไปหาเธอใกล้ๆต่อหน้า ใครๆหลายๆคน แต่เธอกลับเงียบไม่ยอมพูดอะไรแม้แต่คำเดียว และไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผมเลยสักนิด แต่ผมรู้! ผมรู้ว่าเธอรู้ว่าเป็นผมแต่เธอแค่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองเท่านั้นเอง
 
 
 
        แต่ทำไมผมเจ็บจังวะ...
 
 
 
“แก้ว” ผมเรียกเธอ แต่แก้วเอาแต่นิ่งแล้วแกะกระดาษรูปพวกนั้นต่อไป “แก้ว!”
 
 
 
“...”
 
 
 
        เมื่อ ผมเรียกย้ำเธออีกครั้ง คนตัวเล็กก็หันมาแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมที่กำลังมองเธออยู่เช่นกัน แต่ ณ วินาทีนั้นที่ได้เห็นสีหน้าอันเฉยชาของเธอแล้ว ผมถึงกับพูดไม่ออกเลยเพราะว่าหน้าเธอนิ่งมาก แต่บริเวณขอบตาของแก้วแดงมากเหมือนว่าอยากจะร้องไห้แต่ก็ต้องกลั้นมันเอา ไว้
 
 
 
       และตอนนี้ผมก็รับรู้ถึงความรู้สึกของแก้วได้เลยว่าเธอกำลังรู้สึกยังไง!
 
 
 
“ใครเป็นคนทำวะ!!!!”
 
 
 
กริบ!
 
 
 
OXO!!!
 
 
 
       เสียง ซุบซิบนินทาต่างๆนาๆหายไปแบบขาดตอนในทันทีทันใดที่ผมตะโกนขึ้น  ท่าทางทุกคนดูตกใจเอามากๆที่เห็นคนนิ่งๆที่ไม่เคยเหมือนรู้สึกอะไรกับ เหตุการณ์ต่างๆอย่างผมของขึ้นแบบนี้  ผมกวาดสายจ้องมองทุกคนเรียงรายจนคนพวกนั้นต้องพากันหลบสายตาลงต่ำอย่างไม่ กล้ามองหน้าผมเลยเพราะว่าคงกลัว
 
 
 
       ยิ่งได้ขึ้นชื่อว่าอยู่ในกลุ่มเคโอติคกลุ่มที่มีอิทธิพลที่สุดใน โรงเรียนและไม่เคยมีใครมากล้าหยามอย่างผมคนนี้ และตอนนี้ผมเป็นแบบนี้ ใครมันจะกล้าสบตากันล่ะ!
 
 
 
       หึ! ทีนี้ล่ะไม่กล้าสบตา! ไม่กล้าพูด! แล้วทีเอาเรื่องของคนอื่นไปเผยให้คนอื่นรู้นี่มันยังไงกัน!!
 
 
“อย่าให้รู้นะว่าใครทำ!” ผมพูดแล้วมองคนพวกนั้นอีกครั้งจนหันไปเห็นว่าเพื่อนๆของตัวเองก็ขึ้นมาถึงแล้วเช่นกันและจากนั้นผมก็หันกลับไปมองแก้วอีกครั้ง
 
 
“...”
 
 
 
“แก้ว...”
 
 
 
 
        ‘ประกาศ ขอเชิญนางสาวจริญญา ศิริมงคงสกุล ชั้นม.5/2 กับนายวิศวะ ไทยานนท์ชั้น ม.5/7 ที่ห้องปกครองในเวลานี้ด้วยค่ะ ’
 
 
 
        เมื่อ เสียงประกาศของอาจารย์ฝ่ายปกครองดังขึ้น  ผมกับแก้วก็มองหน้ากันนิ่งๆ  โดยที่ ณ เวลานี้ ผมอ่านสายของแก้วไม่ออกเลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ มารู้ตัวอีกก็ตอนที่เธอเดินผ่านผมไปเงียบๆ เมื่อผมหันไปมองเธอ เธอก็เดินผ่านพวกเพื่อนๆของผมแล้วเดินลงบันไดไปเสียแล้ว  
 
 
 
“ค่อยๆคุยกันนะเว้ย เดี๋ยวทางนี้พวกฉันจัดการเอง” จองเบบอกในตอนที่ผมกำลังจะเดินลงบันไดไป ผมก็หันไปพยักหน้าให้พวกมันก่อนที่จะรีบเดินลงไป
 
 
 
[ จบบันทึกพิเศษ : โทโมะ ]         
 
 
ณ ห้องปกครอง
 
 
“ครูได้ข่าวเรื่องซุบซิบพวกนั้นแล้วนะ”
 
 
“ค่ะ/ครับ”
 
 
       ฉันกับโทโมะตอบรับอาจารย์สุชาดาหัวหน้าฝ่ายปกครองที่เรียกตัวฉันกับโทโมะมาที่นี่ และในตอนนี้เราสามคนก็กำลังคุยกันอยู่ในห้องเก็บเสียงห้องหนึ่งของห้อง ปกครองนี้ 
 
 
        และหลังจากที่ฉันเดินเข้ามาที่นี่โทโมะก็เดินตามเข้าและเราก็ยังไม่ได้พูดอะไร กันเลยด้วยซ้ำ เพราะทั้งฉันทั้งเขาต่างก็เงียบๆกันไป อีกอย่าง...เพราะว่าฉันไม่มีอะไรพูดด้วยแหละ ความรู้สึกตอนนี้คือเหมือนเบื่อหน่ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นและก็เสียความรู้สึกมากที่มีคนเล่นอะไรแบบนี้
 
 
        มันแรงสำหรับฉันไปมากจริงๆ
 
 
        และฉันที่ต้องทนเห็นภาพพวกนั้นขณะที่ฟังเสียงเยาะเย้ยกับเสียงหัวเราะว่า ‘น่าไม่อาย’ ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดเดียว  และตอนที่เห็นว่ามีเสียงกรี๊ดว่าโทโมะขึ้นมาฉันก็รู้ แต่ก็พยายามไม่มองไปเพราะไม่อยากพูดอะไรกับเขาเพราะว่าแค่นี้ตัวเองก็เจ็บมากพออยู่แล้ว
 
 
“ครูไม่ได้ห้ามนะถ้าเธอสองคนจะทำแบบนี้แพราะมันเป็นสิทธิ์ของพวกเธอ แต่ว่าสิ่งที่พวกเธอทำมันอยู่ในสถานที่ที่ไม่สมควรนะ” อาจารย์สุชาดาพูดด้วยความมีเหตุมีผลและใจเย็น
 
 
“ตามจริงจริญญาไม่ผิดหรอกครับ...คนที่ผิดคือผมเอง” เมื่อ โทโมะที่นั่งอยู่ข้างๆพูดขึ้นฉันจึงหันไปมองเขาแต่สายตาของโทโมะมองจ้องอยู่ที่อาจารย์เมื่อเขาทำท่าว่าเหมือนจะหันมามองฉันฉัน ฉันจึงหันหน้ากลับมาตามเดิม
 
 
“ใครผิดไม่ผิดครูไม่รู้แต่ว่าครูจะไม่ลงโทษพวกเธอเพราะว่าพวกเธอคงไม่ได้เอารูปของตัวเองมาแปะประกาศประจานตัวเองอะไรไว้เองหรอกใช่มั้ยล่ะ? ใครจะอยากให้คนอื่นรู้เรื่องส่วนตัวของเราล่ะจริงมั้ย?”
 
 
“...”
 
 
“...และวิศวะ”
 
 
“ครับ”
 
 
“เธอ น่ะ ถึงแม้จะแต่งตัวผิดระเบียบหรือทำผิดระเบียบบ้างอะไรบ้าง แต่ครูก็ดูออกนะว่าเธอไม่ใช่เด็กเกเร แต่แค่อยากฝากเอาไว้ว่าถ้าทำอะไรไว้ต้องแก้ด้วยวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำ ได้”
 
 
“ครับอาจารย์”
 
 
“แล้วถ้าจะจูบ ‘แฟน’ อีก...ขอร้อง อย่าทำในโรงเรียนนะ ครูไม่อยากให้รุ่นน้องเอาเป็นแบบอย่าง”
 
 
“เอ่อ...ครับผม”  
 
 
       รู้มั้ย...ว่าตอนนี้ฉันอยากจะบอกให้อาจารย์เข้าใจเสียเหลือเกินว่าฉัน ไม่ใช่แฟนโทโมะ!  และเราไม่เป็นอะไรกันเลยด้วยซ้ำ! แต่ฉันก็ทำได้แค่นั่งเงียบเพราะไม่อยากจะพูดอะไร  แล้วยิ่งโทโมะไม่ได้ตอบปฏิเสธอาจารย์ไปว่าฉัน ‘ไม่ใช่แฟน’ ฉันก็คิดเลยว่าเขาก็อาจจะแค่ตอบๆไปเพราะอยากให้เรื่องมันจบๆไวๆ
 
 
       ใช่! เขาไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วนี่ เพราะเขาไม่ได้ชอบฉัน
 
 
            เพราะแค่คำพูดที่ว่า ‘เข้ามาในชีวิตฉันทำไม’ ของโทโมะ ฉันก็รู้มันเลยไงว่าเขาไม่คิดที่จะหันมามองกันเลยสักนิดเดียวเพราะหัวใจของเขาคงมีแต่คลอรีน
 
 
           ...ผู้หญิงที่เขารัก...
 
 
“โอเค ครูมีเรื่องตักเตือนแค่นี้ เชิญพวกเธอไปได้”
 
 
“ขอบคุณค่ะ/ขอบคุณครับ”
 
 
       ฉันกับโทโมะยกมือไหว้อาจารย์พร้อมกันก่อนที่เราสองคนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ วินาทีนั้นฉันไม่รีรออะไรแล้วนอกจากรีบเดินผ่านร่างสูงของโทโมะออกไปโดยไม่ได้ หันมองหรือสนใจเขาเลย  ฉันเดินก้าวขาฉับๆเปิดประตูออกจากห้องปกครองมาไม่กี่ก้าวเท่านั้น เสียงฝีเท้าที่ก้าวตามมาติดๆมันทำให้ฉันต้องเร่งการเดินของตัวเอง
 
 
       แต่ก็ไม่ทัน...
 
 
หมับ!
 
 
“เดี๋ยว...” โทโมะ รีบเดินมาคว้าข้อมือของฉันเอาไว้ให้ฉันหันกลับไปคุย แต่ฉันก็แค่หันกลับไปมองเขานิ่งๆด้วยสายตาที่พยายามทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร และใช่! มันได้ผลที่ทำให้โทโมะขมวดคิ้วเข้าหากัน “คุยกับฉันก่อน” โทโมะบอก
 
 
“...” ฉันเงียบแต่ก็มองหน้าโทโมะนิ่งและไม่ได้สะบัดมือของเขาออกไปเพราะไม่อยากให้เราทะเลาะกันทั้งๆที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องปกครองแบบนี้
 
 
“เธอโกรธฉันเหรอ” โทโมะ ถามด้วยสีหน้าแววตาที่จริงจังจนฉันเองก็แอบแปลกใจมิใช่น้อยเลยที่เขาทำท่า ทางเหมือนคนอ่อนไหวแบบนี้ทั้งๆที่ปกติเขาจะหน้านิ่งๆตลอดนี่นา
 
 
“...”
 
 
“เงียบ?” โทโมะพูดเสียงเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าฉันจะเงียบใส่เขาแบบนี้จริงๆ “เอางี้เลยเหรอ”
 
 
        เมื่อโทโมะเค้นเสียงออกมาแล้วทำท่าเหมือนอยากจะหัวเราะ ตอนนั้นฉันจึงแน่ใจได้เลยว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดมันต่อไปนี้คงไม่ใช่คำที่ ฉันอยากจะฟังแน่ๆ และถ้าขืนฉันยังยืนอยู่ตรงนี้โดยไม่ยอมพูดกับเขา โทโมะคงจะพูดจากวนประสาทให้ฉันยอมพูดกับเขาจนได้นั่นแหละ
 
 
        แต่ฉันล่ะอยากจะรู้เสียเหลือเกินว่าคนที่บอกว่าฉันเป็นคนทำให้เขาสับสน ทำให้เขาปวดสมอง จนทำเหมือนอยากจะให้ฉันออกไปไกลๆ ก็นี่ไง! ฉันพยายามที่จะไม่ยุ่งกับเขาแล้ว ชีวิตเขาจะเป็นยังไงก็เรื่องของเขาสิ พอฉันออกห่าง แล้วเขาตามมายุ่งกับฉันทำไมล่ะ
 
 
        ไม่เข้าใจ...
 
 
        ถ้าความรู้สึกของเขายังมีให้กับคลอรีนอยู่ทำไมจะต้องมายุ่งกับฉันด้วย?!  
 
 
“...”
 
 
“แก้วใจ!”
 
 
“...” ถึงแม้ว่าฉันจะตกใจจนสะดุ้งเมื่อโทโมะพูดขึ้นเสียงอย่างสุดทนพร้อมทั้งกระชากข้อมือให้ฉันขยับเข้าไปใกล้ๆเขาอีกด้วย
 
 
“เธอคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ หลอกใจตัวเองอย่างงั้นเหรอ?”
 
 
         เขาพูดแบบนี้หมายถึงอะไรน่ะ?
 
 
“...”
 
 
“ฉันรู้นะว่าเธอน่ะรู้สึกพิเศษกับฉันเกินคำว่า ‘เพื่อนบ้าน’ ”
 
 
“...!” ฉันเบิกตากว้างเมื่อโทโมะโน้มหน้าของเขาลงมาใกล้ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้หลบตาเขาหรอกแพราะฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าโทโมะจะพูดอะไรต่อจากนี้
 
 
“เธอน่ะ...ชอบฉันใช่มั้ย”
 
 
จึก!
 
 
“...!!!”
 
 
ผลั่ก!
 
 
       ฉัน รีบสบัดข้อมือของตัวเองให้ออกจากมือของโทโมะจากนั้นก็จัดการผลักโทโมะออกห่างจาก ตัวจนได้เมื่อสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้เขาไม่ได้แค่พูด แต่เพราะเขาโน้มหน้าลงมาใกล้ริมฝีปากของฉันจนมันเฉียดไปเพียงนิดเดียวเท่า นั้น  นี่เขาจะบ้ารึไงกัน! นี่ขนาดแถวๆห้องปกครองนะ
 
 
        ไม่คิดบ้างเลยเหรอว่าถ้าใครมาเห็นเข้าจะเกิดอะไรขึ้นน่ะ!
 
 
       อีกอย่าง ถ้าเขาทำแบบนี้เพราะอยากจะได้คำตอบจากปากของฉัน ให้ฉันยอมรับว่าชอบเขา  แต่ถ้าฉันพูดไปความรู้สึกที่ฉันมีให้มันคงจะดูไร้ค่ามากๆสำหรับเขาใช่มั้ย ล่ะ? เพราะเขาไม่ได้ชอบฉันแล้วจะให้ฉันตอบความจริงไปเพื่ออะไรกัน
 
 
“นายไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำอะไรแบบนี้กับเรานะ...โทโมะ” ฉันพูดแล้วมองโทโมะตรงๆและเมื่อพูดจบฉันก็หันหลังแล้ววิ่งตรงไปยังห้องน้ำหญิงใต้อาคาร 5 เพราะคิดว่าจะอยู่ในนั้นก่อน
 
 
“แก้ว!”
 
 
       นั่น! เสียง โทโมะที่เหมือนกับกำลังตามมาจริงๆด้วย เมื่อฉันได้ยินจึงเร่งฝีเท้าของตัวเองแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับความ ปวดร้าวที่มันเกาะอยู่ภายในใจตลอดนี้
 
 
ปึง!
 
 
กรึก!
 
 
“อึก...”   
 
 
       เมื่อฉันวิ่งเข้ามาในตัวห้องน้ำห้องใดห้องหนึ่ง ฉันจึงจัดการปิดล็อกประตูทันที  วินาทีนั้นฉันพยายามที่จะเข้มแข็งไม่ร้องไห้ แต่พอเสียงโทโมะดังขึ้น ทำไมกันน้ำตามันถึงได้ร่วงผลอยลงมาตรงแก้มอย่างยากจะห้ามไหว
 
 
ปึง!
 
 
“แก้ว! ออกมาคุยกันก่อน”
 
 
        เสียงของโทโมะที่กำลังเคาะประตูอยู่ด้านนอกห้องน้ำที่ฉันเข้ามามันทำให้ฉันตกใจมากเพราะ ไม่คิดเลยว่าเขาจะเข้ามาถึงในนี้นั่นเอง  ฉันกัดริมฝีปากของตัวเองเพราะไม่อยากให้เสียงสะอื้นมาหลุดออกมาให้โทโมะได้ยิน จนตอนนั้นมันได้รับรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดอ่อนๆที่กำลังซึมออกมาตรงบริเวณ ฝีปากของตัวเอง
 
 
ปึงๆๆๆ
 
 
“แก้วออกมาหน่อยฉันอยากคุยกับเธอ”
 
 
“อึก...”
 
 
       ไม่...ออกไป...ฉันไม่อยากได้ยินเสียงนาย!
 
 
       เสียง คิดในหัวของฉันตอนนี้คือไม่อยากได้ยินเสียงของโทโมะที่ยืนอยู่ด้านนอกจึงยกเอา มือขึ้นมาปิดหูของตัวเองทั้งสองข้างพร้อมกับหลับตาลง  แล้วคิดว่าก็แค่ปล่อยเวลาผ่านไปสักพักค่อยออกไปเพราะในใจของฉันตอนนี้ที่ไม่ มีใครคอยอยู่ข้างๆมันเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ณ สถานที่แห่งนี้
 
 
        ฟางไม่อยู่แล้วฉันเหมือนคนหมดทางสู้ จะหาว่าฉันอ่อนแอก็ได้เอาเลย แต่ฉันไม่ชอบการสู้รบตบมือหรือมีเรื่องกับใครให้มันเกิดเรื่องขึ้นมา เพราะฉันไม่อยากมีศัตรู  อยากจะเป็นมิตร แต่ถ้าคนพวกนั้นไม่มองฉันเป็นมิตรทั้งๆที่ฉันไม่ได้ไปทำอะไรให้พวกเขาเลย
 
 
       ฉันก็ไม่ขอพูดอะไร เพราะถ้าพวกนั้นอยากจะคิดอะไรก็เชิญคิดกันไปเลย...
 
 
       แต่ตอนนี้ฉันยอมรับจากใจเลยว่าอยากจะโทรหาฟางและร้องไห้ระบายความในใจ ให้ฟางฟังมากๆเพราะว่ามันอึดอัดมากที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้โดยไม่มีเพื่อน คอยปลอบว่า ‘ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่นี่’ และแม้กระทั่ง...
 
 
       คนที่ฉันหวังว่าเขาจะพูดแบบนี้กับฉันบ้าง มันกลับไม่มีเลย ไม่มีเลยสักคำ
 
 
 
สักพักต่อมา...
 
 
“...”
 
 
        เมื่อ เสียงของโทโมะเงียบหายไปนานนับนาที ฉันจึงคิดเลยว่าเขาคงจะไปแล้วล่ะ จึงลุกขึ้นแล้วเปิดแง้มประตูห้องน้ำดูก็พบว่าไม่มีใครแล้วจริงๆฉันจึงตัดสิน ใจเดินออกไปล้างหน้าที่อ่างล้างหน้าเพื่อปรับสภาพของตัวเองไม่ให้ดูเหมือน ว่าไปแอบร้องไห้มา
 
 
ซ่า...ซ่า...ซ่า...  
 
 
“...แรดเน๊อะ!”  
 
 
กึก!
 
 
       และจากที่ตัวเองกำลังก้มล้างหน้าอยู่นั้นก็จำต้องหยุดชะงักในทันทีแล้วเงยหน้า ขึ้นมองต้นเสียงผ่านทางกระจกห้องน้ำ ก็พบว่ามีนักเรียนสามคนกำลังยืนกอดอกมองมาที่ฉันตรงๆ และดูจากเสื้อสูทที่เป็นคนละสีกันแล้วคงจะเป็นรุ่นน้อง ม.4 แน่ๆ  แต่มาทำท่าทีกับคำพูดแบบนี้มันยังไงๆอยู่นะ
 
 
“...” ฉันหันกลับไปมองรุ่นน้องสามคนนั้นนิ่งๆก่อนที่ทำท่าว่าจะเดินออกไป
 
 
       แต่ทว่ารุ่นน้องคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับประตูห้องน้ำดันมายืนขวางฉันเอาไว้ไม่ ให้ฉันเดินออกไป จนตอนนี้ฉันชักจะรู้สึกไม่ดีเข้าเสียแล้วสิ โธ่! พระเจ้า! จะกลั่นแกล้งลูกไปถึงไหนกันนะ ><!
 
 
“จะไปไหน?” รุ่นน้องคนนั้นถาม
 
 
“...”
 
 
ผลั่ก!
 
 
“เฮ้ย! ถามแล้วตอบดิ!”
 
 
        รุ่น น้องผู้หญิงที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวโจกของกลุ่มผลักฉันให้เข้ามาในตัวห้องน้ำ อีกครั้ง และสิ่งที่ฉันกลัวก็เหมือนว่ากำลังจะเกิดขึ้นเมื่อไอ้รุ่นน้องคนที่เดินมา ขวางฉันไม่ให้ออกไปในทีแรกนั้นจัดการปิดประตูทางเข้ามาในตัวห้องน้ำแล้ว จัดการล็อกมัน
 
 
“...”
 
 
“ทำหน้าแอ๊บใสจริงๆนะอีแรด! คนเข้ารู้กันทั้งโรงเรียนแล้วเว้ยว่าแกอ่ะอ่อยผู้ชาย!”
 
 
        โห...นี่กะไม่เคารพกันเลยใช่มั้ยนิ พูดแรงมาก!
 
 
“ดูมันดิ ยังนิ่งไม่พูดอะไรอีกนะ หน้าด้าน!”
 
 
         รุ่งน้องอีกคนพูดแล้วชี้หน้าด่าฉัน จะบ้ากันไปใหญ่แล้วนะ!
 
 
 
         มาด่ากันแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่!
 
 
“น้อง...”
 
 
“ใครน้องแก?” เมื่อฉันพยายามจะพูดด้วยดีๆ น้องผู้หญิงคนนั้นที่เป็นหัวโจกก็สวนขึ้นมาก่อน
 
 
“...!”
 
 
“คราวนั้นที่โดนรุ่นพี่กลุ่มโบว์ลิ่งจัดการยังไม่เข็ดช้ะ? ถึงได้ไปอ่อยพี่โทโมะกลุ่มเคโอติคอีกอ่ะ ฮะ!!!” น้องคนนั้นตะคอกใส่ฉันเสียงดังมากจนทำเอาฉันถึงกับสะดุ้ง
 
 
“เอาเลยป๊ะแก” น้องอีกคนถามน้องคนหัวโจก
 
 
“จัดมันเลยดิ”  
 
 
       เมื่อคนที่สามพูดเอ่ยอีกฉันถึงกับทนไม่ไหวแล้วกับพฤติกรรมของเด็กพวกนี้ อะไรอ่ะ? หาเวลาไปทำอย่างอื่นที่ดีๆ ดีกว่ามาหาเรื่องตบคนอื่นแบบนี้ดีกว่ามั้ย?  
 
 
“น้อง พี่ว่าพวกน้องน่ะก็โตๆกันแล้วนะทำไมไม่คิดบ้างล่ะว่าสิ่งที่พวกน้องทำอยู่ตอนนี้มันไร้สาระมาก”ฉันพยายามพูดด้วยดีๆและภายในใจตอนนี้หัวใจก็เต้นแรงเพราะความกลัวด้วย
 
 
       แต่ฉันก็ต้องขอพูดอะไรบ้างล่ะ! เผื่อจะทำให้เด็กพวกนี้คิดขึ้นมาได้บ้าง
 
 
“ไร้สาระห่าอะไร? แล้วแกคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาสั่งสอนพวกฉัน!”
 
 
       แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ฉันพูดนั้นมันไม่ส่งผลอะไรใดๆเลยสักนิด นี่! ไม่มีหัวคิดกันเลยรึยังไงนะ! >O<!
 
 
“พี่ก็แค่บอกว่าสิ่งที่พวกน้องทำมันไม่สมควร...”
 
 
“ไม่สมควรยังไง?” น้องคนหัวโจกถามแล้วขึงตาใส่ฉันอย่างเอาเรื่อง
 
 
“ก็ พ่อแม่เขาทำงานหาเงินมาส่งเราเรียนนะ ไม่ใช่ให้มาหาผู้ชาย และถ้าน้องจะคิดอะไรก็เรื่องของน้อง เพราะพี่ไม่อยากมีเรื่องกับใครด้วยเหตุผลที่ว่ามีผู้ชายมาเป็นตัวกลางจนทำ ให้เกิดเรื่อง”
 
 
เพี๊ยะ!
 
 
“ปากมากนักนะมึง!!”
 
 
        ใบหน้าของฉันหันไปอีกทางเมื่อโนเข้ากับฝ่ามือของรุ่นน้องคนนั้นอย่างเต็มแรง และสัมผัสได้เลยว่าเลือดออกที่บริเวณมุมปากของฉัน! และไม่นานที่ฉันพยายามตั้งตัวจะวิ่งออกไปจากตรงนี้รุ่นน้องอีกสองคนก็มาช่วยกันจับแขนทั้งสองข้างของฉันเอาไว้ไม่ให้ฉันหนี
 
 
“ปากดีไม่ใช่? จะรีบไปไหนเหรอ?”
 
 
ปึก!
 
 
“โอ๊ะ!!” ฉันร้องเสียงหลงออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อโดนหมัดของเด็กคนนั้นต่อยเข้าที่บริเวณท้องน้อยอย่างแรงจนตัวเองเข่าอ่อนลง จนยืนแทบไม่ไหว
 
 
“อวดเก่งนักนี่! อ่อยผู้ชายนักนี่! เฮ้ย! จับมันนอนลงดิ๊”
 
 
“อึก ปล่อย!”คราว นี้ฉันพยายามจะดิ้นสุดแรงแล้วแต่ทว่าร่างกายกลับถูกผลักลงพื้นอย่างแรงจนหัว เข่ากระแทกกับพื้นห้องน้ำเสียงดังและตอนนี้ฉันจุกไปหมดเลย
 
 
        ในหัวก็คิดว่าจะทำยังไงดีถึงจะออกไปจากตรงนี้ได้!
 
 
“มานี่!” เด็ก คนนั้นให้เพื่อนจับกดฉันให้นอนลงแล้วมันก็มาคร่อมร่างของฉันเอาไว้ก่อนจะ กระชากคอเสื้อของฉันจนเสื้อนักเรียนหลุดออกนอกกระโปรงเสียแล้ว
 
 
เพี๊ยะ!
 
 
เพี๊ยะ!
 
 
“หมั่นไส้!”
 
 
        ไม่ รอให้ฉันพูดอะไรฝ่ามือของเด็กคนนั้นที่อยู่เบื้องบนก็ตบเข้ามาที่แก้มของฉัน พอตบข้างซ้ายแล้วก็ไปตบเข้าที่แก้มข้างขวาแบบไม่ยั้งมือ  ในตอนนี้แก้มและริมฝีปากของฉันระบมไปหมดจนสติของฉันแทบไม่เหลือแล้ว ให้ตายสิ!  
 
 
“เออ! เอามันเลย! ตบมัน!”
 
 
“มันแรดนักก็ตบให้มันจำไปเลย!”
 
 
         ใครกันแน่ที่แรด! คิดก่อนพูดบ้างได้มั้ยพวกเด็กนิสัยไม่ดี!
 
 
“จับมันไว้!” เด็กคนที่เป็นหัวโจกลุกขึ้นจากตัวของฉันแล้วเดินเข้าไปในตัวห้องน้ำใกล้ๆก่อนจะเดินกลับออกมาพร้อมกับบางอย่างที่เธอถืออยู่ในมือ
 
 
        และมันก็คือที่ฉีดน้ำที่เอาไว้ใช้ในตอนที่เราทำธุระส่วนเสร็จยังไงล่ะ! และฉันก็รู้เลยล่ะว่านังเด็กคนนั้นคิดจะทำอะไร!
 
 
“ฉีดเลย!”
 
 
“จับมันไว้ๆๆๆ” เด็กคนนั้นบอกเมื่อเห็นว่าฉันพยายามจะดิ้นแล้วหันหน้าหนี
 
 
ซ่า!!!
 
 
“อื้อ!!”
 
 
        แต่ ความพยายามของฉันกลับไม่ได้ผลอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะร่างกายถูกจับตรึงเอาไว้และน้ำที่ถูกกดฉีดก็โดนมาที่หน้าของฉันเต็มๆ และฉันเจ็บมากตอนที่มันโดนเข้าที่แผลตรงมุมปากที่ถูกตบ ตอนนี้ร่างกายของฉันเปียกไปหมดผมก็กระเทริงเพราะถูกดึง
 
 
ซ่า!!!
 
 
        คง ยังไม่สาแก่ใจงั้นสินะถึงได้ฉีดน้ำนั้นเข้ามาอีก จนฉันดิ้นต่อไปไม่ไหวแล้ว  ร่างกายตอนนี้บอบช้ำจากแรงบีบกดของเด็กผู้หญิงอีกสองคนที่แขน
 
 
“เฮ้ย พอแล้วปล่อยมัน”
 
 
        เมื่อ เด็กคนนั้นหยุดฉีดน้ำจึงเอ่ยบอกเพื่อนของตัวเอง เด็กสองคนที่จับแขนของฉันอยู่ก็ปล่อยฉันแต่ก็ยังไม่วายเหวี่ยงข้อมือของฉัน ลงกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงก่อนจะพากันเดินออกไปจากห้องน้ำ ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในที่นี้และทิ้งให้ฉันนอนอยู่ที่พื้นพร้อม กับเลือดที่ค่อยๆไหลออกมาจากปากที่แตกและร่างกายที่เปียกน้ำนี้
 
 
“แฮ่กๆๆ อึก...โอ๊ย!” เมื่อ ฉันพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นก็ปรากฏว่ามือที่กำลังดันตัวเองนั้นลื่น พื้นที่เปียกน้ำ ส่งผลให้ฉันนอนลงกับพื้นอีกรอบพร้อมกับข้อศอกที่กระแทกกับพื้นห้องน้ำอีก
 
 
       ทำไม! ทำไมฉันถึงได้ซวยแบบนี้นะ! ฉันไปทำอะไรให้ทำไมต้องทำกับฉันแบบนี้ด้วย
 
 
“ฮือ...อึก...หนูทำอะไรผิดเหรอ...ทำไมพวกเขาใจร้ายกับหนูแบบนี้...” ตอนนั้นฉันเหมือนนสติหลุดไปเลยเพราะว่าพูดคนเดียวพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างน่าสมเพชตัวเองสุดๆ
 
 
       ตอนนี้ฉันเจ็บทั้งกายและเจ็บทั้งใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง 
 
 
       และวันนี้เป็นวันที่โหดร้ายที่สุดที่ฉันเคยเจอมาเลย!
 
 
 “เฮ้ย...แกดูนั่นดิ”  
 
 
“คนนั้นเด็กห้องสองนี่ เฮ้ยทำไมสภาพเป็นแบบนั้นอ่ะ”
 
 
“สงสัยโดนดักตบเพราะเรื่องจูบกับโทโมะแหละ”
 
 
“...”
 
 
        เสียง ของนักเรียนคนอื่นๆที่นั่งอยู่บริเวณแถวๆทางเดินเอ่ยพูดซุบซิบเมื่อเห็นว่า มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่โชคชะตาได้เล่นตลกกับเธอให้เธอเจอเรื่องร้ายๆใน วันนี้โดยที่ไม่มีคนเคียงข้าง ณ ตอนนี้ เธอคนนั้นไม่มีกระจิตกระใจที่จะไปทำแผลที่ห้องพยาบาลแล้วกลับขึ้นไปเรียนต่อ หรือยิ้มให้ใครๆหรอกเพราะว่า...
 
 
       ร่างกายกับหัวใจที่กำลังเจ็บปวดในเวลาเดียวกันนี้ ทำให้เธอทนอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวไม่ไหวแล้ว...
 
 
       และเธอก็ไม่คิดที่จะเดินขึ้นไปหยิบกระเป๋า หรือสิ่งของที่อยู่บนห้องเรียนเลยด้วยซ้ำ เธอเดินผ่านพวกนักเรียนที่กำลังพากันมองสภาพของเธอในตอนนี้ไปแบบไม่ใส่ใจ เหมือนกับหุ่นไร้ชีวิต
 
 
           ทั้งๆที่ภายในใจไม่อยากจะให้ใครมามองเลยด้วยซ้ำ...
 
 
“แก้ว? เธอไปโดนอะไรมาเนี่ย?”
 
 
        เมื่อแก้วที่กำลังเดินเหม่อไปเรื่อยๆเหมือนคนไร้วิญญาณ เสียงของชายหนุ่มแว่นหน้าใสแสนดีอย่างมิณท์ที่เพิ่งจะมาเรียนในช่วงบ่าย เอ่ยขึ้นอย่างไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในตอนนี้ แต่ที่เขารู้คือผู้หญิงที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้านั้นท่าทางของเธอไม่โอเคเลย
 
 
“...” แก้วหยุดเดินและเงยหน้าขึ้นไปมองมิณท์ช้าๆ 
 
 
“ใครทำอะไรเธอเนี่ยแก้ว?” มิณท์พูดอย่างเป็นห่วงแล้วเอามือของเขามาจับมือช้ำๆของแก้วดูและถึงแม้ว่าตอนนี้เสื้อสูทเปียกๆจะคลุมแขนของแก้ว
 
 
       แต่มิณท์ก็คงจะรับรู้ได้ว่าแขนของแก้วคงจะช้ำไม่ต่างจากข้อมือแน่ๆ !
 
 
“ขอเราอยู่คนเดียวนะมิณท์...” แก้วบอกมิณท์ยิ้มๆทั้งๆที่เธอก็ฝืนยิ้มทั้งน้ำตาแบบนั้น
 
 
“แต่เธอ...”
 
 
“ขอร้อง...ขอเราอยู่คนเดียวเถอะ...”
 
 
        เมื่อ แก้วพูดแบบนั้นมิณท์จึงยอมปล่อยมือของเขาออกจามือของแก้วแต่โดยดี  จากนั้นแก้วก็เดินผ่านร่างสูงของเขาไป  มิณท์ก็หันมองตามหลังของแก้วที่เดินผ่านนักเรียนคนอื่นๆก่อนที่เธอจะเดิน ออกจากนอกโรงเรียนไป
 
 
        พร้อมกับ ‘ความเจ็บปวด’...
_________________________________________________
อัพแล้วนะ สงสารแก้วใจที่สุด เม้นโหวตเยอะๆนะ
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา