Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
25) - I Worry You & Where Are You -
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- I Worry You & Where Are You -
( ผมเป็นห่วงคุณและคุณอยู่ที่ไหน )
“เป็นไง”
สาวเรือนผมสีแดงผู้สวยเจิดจรัสที่สุดในกลุ่มโบว์ลิ่งอย่าง ‘พิมพ์’ เอ่ย ขึ้นทันทีเมื่อแก็งเด็กรุ่นน้อง ม.4 สามคนเดินมาถึงสถานที่ลับๆหลังโรงเรียนหรือเรียกได้ว่าส่วนตัวที่สุดสำหรับ กลุ่มโบว์ลิ่งและไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาแล้ว
“เรียบร้อย” น้องเด็ก ‘หัวโจก’ ทำท่าปัดๆมือตัวเองแล้วเหยียดยิ้มให้ทั้งพิมพ์ เฟื้องฟ้า และจินนี่แก็งสามสาวรุ่นพี่
“ง่ายขนาดนั้นเลย?” พิมพ์เค้นเสียงถาม
“เห๊อะ! ยัยนั่นอ่อนขนาดนั้น จัดการไม่ยากหรอก”
“ก็ดี” พิมพ์กอดอกแล้วแบมือข้างหนึ่งไปที่จินนี่
และจินนี่ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘เบ๊’ ที่ สุดของกลุ่มก็คงจะที่รู้หน้าที่ของเธอว่าเธอต้องทำอะไร เธอจึงรีบหยิบซองสีน้ำตาลในกระเป๋าของพิมพ์ที่ให้เธอถือเอาไว้ที่คาดเดาไม่ ยากเลยว่าในซองนั้นมันคือเงินก้อนโตที่คนอย่างพิมพ์ยอมจ่ายเท่าไหร่ก็ได้ เพื่อให้มีคนทำในสิ่งที่เธอต้องการ
จนกว่าเธอจะสะใจ!
“ก็บอกแล้วว่าแผนนี้เด็ด” คนคิดแผนทั้งหมดอย่างเฟื้องฟ้าเอ่ยขึ้นบ้าง
ใช่! เรื่อง ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นแผนของพวกกลุ่มโบว์ลิ่งที่จะทำให้มีคนแอนตี้แก้ว เยอะๆด้วยเรื่องโทโมะยังไงล่ะ พวกเธอทำเป็นปล่อยแก้วไปทั้งๆที่สั่งให้มีคนแอบตามถ่ายรูปของแก้วเวลาคุย กับผู้ชายในมุมที่ส่อเหมือนว่า ‘อ่อย’ ให้ได้มากที่สุดโดยจ่ายไม่อั้น
เมื่อได้ช็อตเด็ดที่ ‘ไม่คาดฝัน’ ของแก้วกับโทโมะ ถึงแม้พิมพ์จะโกรธและหัวเสียเอามากๆ แต่สิ่งที่เธอทำในตอนนี้มันก็ทำให้เธอสะใจสุดๆแล้ว!
เพราะ ว่าช่วงพักกลางวันของวันนี้นั้นเธอสั่งให้เจ้ารุ่นน้องสามคนนี้เอาภาพพวก นั้นมันตัดแปะที่หน้าห้อง 5/2 ของแก้วโดยที่ไม่มีใครเห็นเพราะลงไปพักกลางวันกันหมดแล้ว จนมันเกิดเรื่องขึ้นยังไงล่ะ! แต่ความสะใจของพิมพ์ก็อยู่ที่แก้วที่มีแต่คนซ้ำเติมและแอนตี้กันไปต่างๆนาๆนั่นเอง
จนแก้วโดนด่าว่าแบบไปในทางไม่ดีเอาเสียเลย
จนล่าสุดนี้ ที่เป็นภารกิจสุดสะใจของพิมพ์ก็คือ...ให้รุ่นน้องพวกนี้ไปจัดการกับแก้วเอา ให้แบบไม่กล้าเสนอหน้าอยู่ที่นี่ในตอนนี้ได้อีกต่อไป!
“อ่ะนี่ สำหรับผลงานที่ยอดเยี่ยม” พิมพ์เหยียดยิ้มให้รุ่นน้องพวกนั้นก่อนจะส่งเงินให้คนที่เป็นหัวโจกของกลุ่ม
“ของหมูๆพี่ ตามจริงอ่ะนะอยากจะทำมากกว่าตบด้วยซ้ำ” เด็กคนที่เป็นหัวโจกเหยียดยิ้มออกมาหลังจากที่พูดจบและรอยยิ้มนั้นฟื้องฟ้าที่ซึ่งรู้จักกับเด็กคนนี้พอตัวจึงรู้เลยว่า
เด็กผู้หญิง ม.4 คนนี้อยากจะ ‘ทำอะไร’...
“อย่าน่า ยัยนั่นมันไม่สนุกหรอก” เฟื้องฟ้าบอก
“ก็หน้าตาดีนะ แถมหุ่นก็ ‘น่าลอง’”
หลังจากคำนั้นเอ่ยขึ้นพิมพ์กับจินนี่ถึงกับอ้าปากหวอเมื่อได้รับรู้ว่าเด็กคนนี้ออกท่าทางเป็น ‘เลสเบี้ยนแบบจิตๆ’ ซึ่งคนแบบนี้น่ากลัว แต่มีน้อยคนนักที่จะมองออก อ่าห้ะ! เด็ก คนที่เป็นหัวโจกนั้นเป็นเลสแต่ว่าที่ต้องทำเป็นด่าว่าเหมือนว่าเป็นเด็ก ผู้หญิงแอบปลื้มรุ่นพี่กลุ่มเคโอติคจนโมโหต้องตามไปตบกับผู้หญิงที่เป็นข่าวนั้น
...มันเป็นเพียงแค่การแสดงละครของเด็กหัวโจกคนนี้เท่านั้นแหละ!
“นะ...นี่เป็นเลสเหรอ?” จินนี่ถามอย่างไม่เชื่อ
“ก็ได้ทั้งชายทั้งหญิงอ่ะพี่ แต่ตอนที่เห็นเลือดที่มันออกตรงมุมปากยัยนั่นอ่ะ โคตรอยากจะซับเลือดให้เลยว่ะ”เมื่อพูดจบเด็กคนนั้นก็หันไปหัวเราะกับเพื่อนๆอีกสองคน “งั้นไปแล้วพี่ ไว้งานหน้าอยากเรียกมาใหม่ก็ไม่ว่านะ >_O”
“เออ”
เมื่อพิมพ์บอกเด็กคนนั้นก็ยิ้มที่มุมปากก่อนจะขยับหัวเป็นเชิงบอกเพื่อนอีกสองคนของเธอว่า ‘ไปได้แล้ว’ อะไรทำนองนี้เลย เธอเดินเอามือตบถุงซองเงินก้อนโตที่อยู่ในมือก่อนที่จะเดินออกไปจากตรงนี้ด้วยท่าทางสบายอารมณ์สุดๆ
“ยัยเด็กคนนั้นน่ากลัวจัง เฟื้องฟ้า Y^Y” จินนี่เอ่ยแล้วเดินมาเกาะที่แขนของเฟื้องฟ้า พิมพ์ที่เห็นเช่นนั้นก็กลอลตาขึ้นลงเหมือนรำคาญหน่อยๆว่า
จะน่ากลัวอะไรนักหนา!?
“เฉยๆอ่ะ” พิมพ์เค้นเสียงพูดแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะอย่างสบายอกสบายใจโดยที่เธอไม่สนสักนิดเลยว่าคนที่เธอกลั่นแกล้งด้วยความรุนแรงแบบนั้น
ณ ตอนนี้จะเป็นยังไง เพราะพิมพ์หล่อนรู้แค่ว่า...‘ฉันสะใจเป็นพอ! หึ!’
[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
“ฮะ? แก้ววิ่งหนีแกเข้าห้องน้ำ??”
“เออดิ ฉันตามเข้าไปขอจะคุยด้วย แต่แก้วไม่ยอมออกมา”
หลัง จากที่ผมนัดมาเจอกับพวกเพื่อนๆตรงหลังโรงเรียนที่นั่งประจำของพวกเราเพื่อ ที่จะได้ไม่มีใครมาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของผมอีก และหลังจากที่เล่าๆไปว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้างและผมไปทำอะไรให้แก้ววิ่งเข้า ห้องน้ำไปหลบผมแบบนั้นไอ้พวกเพื่อนๆก็พากันยกมือกุมขมับ
เหมือนเป็นเชิงจะบอกว่า ‘แกเนี่ยนะ! ><!’ อะไรทำนองนี้เลย
อะไรวะ! แล้วจะให้ผมทำยังไงอ่ะ =[]=;;;;
ก็ผมพยายามจะหาทางคุยกับแก้วแล้วให้เธอยอมพูดกับผม แต่เธอมาเงียบแล้วก็ทำท่าทางเย็นชาใส่ผมแบบนั้นผมก็อดที่จะอารมณ์เสียไม่ได้น่ะสิ ><!
ใช่! ผมรู้ว่าผมเป็นคนที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้เอง แต่ขอแค่พูดกับผมหน่อยจะได้มั้ย? แบบเป็นคำพูดที่ไม่ใช่การผลักไสไม่ใช่เฉยชาใส่ ผมรู้ว่าผมสมควรโดนแบบนั้น แต่...ผมอยากได้ยินเสียงแก้วในแบบเมื่อก่อนจริงๆนะ อยากเห็นเธอทำหน้าอึนๆมึนๆใส่ผมจนต้องโดนผมดุ
‘นายไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำอะไรแบบนี้กับเรานะ...โทโมะ’
‘ไม่มีสิทธิ์’ เจอคำนี้ไปผมเจ็บว่ะ...
“ก็แกไปพูดแบบนั้นทำไมว๊า >O<!” ป๊อปปี้พูดแล้วเอามือเกาๆหัวตัวเองจนยุ่งเหมือนกับจะบอกว่าผมนี้มัน ‘ใช้ไม่ได้!’
“ก็ฉันไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้นี่หว่า” ผมบอกเสียงยานคางเหมือนเบื่อเต็มทน >^<!
ให้ตายเหอะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมจะมีอาการแบบนี้ในรอบหลายปี เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้น! ผมไม่เคยมีท่าทีตัดพ้อแบบนี้เลยนะครับ จนกระทั่งวันนี้แหละ...ที่ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไปเพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่มีนามว่า ‘แก้วใจ’ แต่บอกตรงนี้เลยว่า
ถึงแม้จะต้องเสียฟอร์มให้ใครๆเห็นว่าผมต้องการแก้วมากแค่ไหน ผมยอม...
ยอม...เพื่อที่จะได้แก้วคนเดิมกลับคืนมา...
“ดูจากอาการ ‘พูดมาก’ ขึ้นก็น่าจะรู้แล้วน่ะ” ไอ้จองเบมองผมอย่างล้อๆ เออ ยอมรับว่า ‘พูดมาก’ ขึ้นเพราะเรื่องแก้วนี่แหละวะ >O<!
“แกอ่ะ ไม่ควรที่จะไปพูดแบบนั้น” ป๊อปปี้พูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง “เพราะผู้หญิงอ่ะ เขาจะคิดว่าเราแค่อยากเอาชนะเพื่อให้เธอตอบในสิ่งที่เราต้องการ”
“อ้าว? แล้วแกจะให้ไอ้โทโมะมันพูดยังไงวะ” เขื่อนเอ่ย
“ก็แค่...พูดออกมาจากใจอ่ะ แต่ตอนนี้ฉันว่าคำพวกนั้นคงไม่มีความหมายหรอก ถ้าแก้วทำเมินแกแบบนี้ ถึงแกพูดไปเขาก็เมินแกอยู่ดีนั่นแหละ = =;;;”
“อ้าว =[]=;;;”
“ทางที่ดีตอนนี้แกก็ควรจะจับตามองแก้วอยู่ห่างๆก่อนนะ”
“ไม่! ฉันจะไม่ยอมให้ยัยนั่นอยู่ห่างจากฉันหรอก” ผมเถียงขึ้นมาอย่างทันควันแต่พอผมพูดขึ้นแบบนั้นแล้วไอ้ป๊อปปี้ก็หันไปยิ้มแล้วยักคิ้วให้กับบรรดาเพื่อนๆที่เหลือจนผมรู้แล้ว่าพวกมัน
“เอ๊ะนี่พวกแก...”
“กะแล้วววววว” >>> เขื่อน
“ชัว” >>> เคนตะ
“รักมากย่อมหวงมาก พอหวงมากย่อมหึงมาก และพอหึงมากก็อยากอยู่ใกล้ๆมากกกกก กิ้วๆๆๆๆ”
ผมถึงกับยืนกอดอกแล้วเหมือนว่าจะกัดปากยิ้มหน่อยๆ เมื่อพวกมันมาแอบวาง ‘แผนลองใจ’ แกล้ง ผมแบบนี้ ก็แน่แหละครับพวกมันคงอยากจะให้ผมเชื่อใจตัวเองว่าชอบแก้วจริงๆถึงได้ทำแบบ นี้ให้ผมมั่นใจมากขึ้นว่าผมต้องการแก้วเพียงคน...คนเดียวจริงๆ
ถึงแม้ว่าผมจะสร้างปมในใจไว้ให้ตัวเองมากมายจนยากที่จะถอน แต่พอได้ปล่อยให้มันลอยไปในอย่างที่มันจะเป็น ผมก็รู้แล้วว่าตอนนี้ผม ‘รักใคร’...
“แล้วตอนนี้แกรู้รึยังล่ะว่าควรจะทำอะไร” เคนตะถามแล้วมองหน้าผม ผมก็พยักหน้าตอบกลับไป
“ป่านนี้แก้วคงเดินขึ้นไปบนห้องแล้วมั้ง”
เมื่อ ไอ้จองเบเอ่ย ผมยืนนิ่งอยู่แค่แป๊บเดียวเท่านั้นก่อนที่จะเดินปลีกตัวออกมาจากตรงนั้นท่าม กลางสายของเพื่อนตัวเอง ซึ่งพวกมันก็คงรู้แหละว่าผมจะไปไหน และตอนนี้ผมกำลังเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองเพื่อไปหายัยตัวเล็กนั่นอีก ครั้ง ตอนแรกน่ะผมกะจะรอแก้วจนกว่าเธอจะยอมออกมาคุย
แต่มาคิดอีกที...ไม่ดีกว่า เพราะเธอคงไม่อยากเจอผมในตอนนั้น แถมผมยังพูดจากวนประสาทเธอไว้อีกและนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอโมโหจนวิ่งหนี ผมไป
“เอาวะ” ตอนที่ผมเดินขึ้นมาจนถึงชั้นสอง ผมก็พูดบอกให้กำลังใจตัวเองว่าจะต้องง้อแก้วให้ได้
แต่ทว่าพอเดินขึ้นมาจนถึงหน้าห้อง 5/2 ที่ตอนนี้ไม่มีรูปพวกนั้นแปะติดอยู่แล้ว ( สงสัยพวกเพื่อนผมมันคงจัดการให้หมดแล้วแหละ ) จังหวะนั้นที่ผมเดินขึ้นมา พวกนักเรียนห้องของแก้วก็มองมาที่ผมกันใหญ่เหมือนสงสัยว่าผมขึ้นมาทำไมกัน แต่ผมไม่สนหรอกว่าพวกนั้นจะมองยัง ที่ผมสนคือยัยตัวเล็กนั่นคนเดียว
ผมชะเง้อคอมองหาต้นสนแต่ทว่าภายในห้องกลับไม่มีเธอเลย...
เธอไปไหนนะ? ยังไม่ขึ้นมาเหรอ? หรือว่ายังอยู่ที่ห้องน้ำ?
“โทโมะมาหาใครหรอ?” ผู้หญิงที่อยู่ห้องเดียวกันกับแก้วเอ่ยถามเมื่อเธอกำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะหลังห้อง
“แก้วน่ะ รู้มั้ยว่าเขาอยู่ไหน” ผมถาม
“อ้าวไม่ได้อยู่กับโทโมะหรอกหรอ”
“ปล่าว” ผมส่ายหน้า
“อืม ก็ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่เห็นขึ้นมาเลยนะ” เธอบอกด้วยสีหน้าจริงจัง ( แบบหลอกๆ )
แต่ผมรับรู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นคนดีจริงใจอย่างที่เห็นๆกันหรอก มองผมด้วยสายตาแวววาวขนาดนั้น พูดหวานเสียงใสออกแอ๊บขนาดนี้น่ะ เฟค! ผม น่ะเจอมาหมดแล้วไอ้พวกพูดดีทำดีหวังผลทั้งๆที่ในใจนั้นคิดแต่เรื่องไม่ดี ผมรู้ ว่ามีหลายคนเลยในห้องนี้ที่ไม่ชอบแก้วเพราะว่ามีเรื่องแบบนั้นกับผม
และตอนนี้ผมก็เป็นห่วงยัยนั่นมากด้วย
“อ้อ” ผม พูดแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้อง 5/2 มาและระหว่างที่ผมกำลังเดินลงบันไดมานั้นผมก็ได้ยินเสียงคนคุยกันจนทำให้ผม หยุดเดินก้าวขาลงเดินบันไดทันที
ก็คงจะไม่เป็นอะไรหรอกนะถ้าหัวข้อสนทนาของเสียงสองเสียงนั้นไม่มีชื่อของแก้วเอ่ยอยู่ด้วย!
“สภาพนี่แบบ ตอนเดินออกไปนอกโรงเรียนอ่ะ โหยเลือดเต็มมุมปากอ่ะ”
“สงสารนะ แต่ก็สะใจว่ะ เห๊อะ! โดนซะบ้าง แรดเงียบแบบนั้นอ่ะสมควร”
“อืมดิ น่าสมเพชว่ะ ฮ่าๆๆๆ”
“เออใช่ และฉันว่านะพี่โทโมะอ่ะ...!!”
เมื่อ ยัยผู้หญิงคนที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับผมเงยหน้าขึ้นมาเจอผม เห็นว่าผมยืนอยู่ตรงขั้นบันไดและกำลังมองไปที่เธอกับเพื่อนนิ่งๆ ยัยนั่นจึงตกใจจนพูดไม่ออกพร้อมกับดึงยื้อเพื่อนตัวเองที่ยังไม่ได้มองมาเอา ไว้เหมือนกะว่าจะให้หยุดเดิน แต่ว่า เห๊อะ! คำพูดของพวกเธอเมื่อกี้น่ะ
ฉันได้ยินหมดแล้ว!
“พี่โทโมะทำไมว๊า>O<!” ผู้หญิงเพื่อนของยัยคนที่ตกใจมองผมอยู่ถาม และเมื่อเธอมมองสายตาของยัยคนเพื่อนขึ้นมาเจอผม ก็จึงกับตกใจไปตามๆกัน “เฮือก! OoO!!! ”
“( - - )!!!”
“พะ...พี่โทโมะ”
เอื๊อก...
ตกใจเลยสิ หึ! ฉันได้ยินเสียงกลืนน้ำลายเพราะความกลัวของพวกเธอนะ!
“ว่ามั้ย?” ผมเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนจะเค้นเสียงพูดแล้วเดินลงไปหายัยพวกนั้นช้าๆ ส่วนยัยพวกนั้นก็รีบพากันถอยหลังกรูดไปจนติดกำแพงอีกฝั่ง “ว่า...การที่เอาคนอื่นมาพูดในทางไม่ดีน่ะมันไม่สมควร”
หลัง จากที่ผมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกและเรียบนิ่งแล้วกราดสายตามองยัยผู้หญิง สองคนนั้นที่ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าของตัวเองขึ้นมามองสบสายตากับผมเลยด้วย ซ้ำ เพราะว่าคงกลัวด้วยน่ะสิ แต่ผมไม่ได้จะทำอะไรหร๊อก! ก็แค่จะสั่งสอนด้วยคำพูดสักนิดนึง
ก็แค่นั้นเอ๊ง!
“อะ...เอ่อ...คือว่า...”
“ไม่เคยมีใครเคยบอกเหรอ? ว่าถ้าไม่รู้จักใครดีพอแล้วเอาเขามานินทาแบบนี้...มันเสียมารยาท” คำพูดเชือดนิ่มๆของผมยิ่งทำให้คนสองคนตรงหน้ารู้สึกผิดไปตามๆกันเลยทีเดียวจึงเอาแต่เงียบแล้วก้มหน้ากันอย่างเดียวเลย
และหยดเหงื่อก็ค่อยๆผุดซึมขึ้นมาบนหน้าผากของยัยสองนี้แล้ว!
“(Y_Y);;;;”
“และก่อนที่จะเอาใครมานินทาก็ช่วยย้อนกลับมามองตัวเองซะบ้างนะว่าเราดีเกินไปกว่าเขารึปล่าว ...เพราะถ้าไม่!”
ปึก!
“เย้ย/เย้ย”
ยัย เด็กสองคนนั้นสะดุ้งเฮือกขึ้นมาเมื่อผมใส่อารมณ์กว่าเก่าโดยการเอามือทุบ กำแพง และมือที่ทุบลงไปนั้นมันเฉียดใบหูของยัยคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆตัวผมไปเพียงนิด เดียวเอง อ่าห้ะ! ใช่! ผมขู่! และจะไม่ทำแบบนี้ด้วยท่าไม่โมโหใครจริงๆน่ะ แต่คนประเภทนี้มันต้องเจอซะบ้าง!
นินทาใครไม่นินทา มานินทาคนที่แทบจะไม่รู้โลกอย่างแก้วเนี่ยนะ?
“แล้วคำพูดที่ว่า ‘แรด’ คำนี้มันสมควรออกมาจากปากของพวกเธอมั้ย?” ผมพูดเสียงดังขึ้นกว่าเก่า “นี่ถ้าเธอสองคนเป็นผู้ชายฉันคงต่อยปากแตกไปนานแล้ว!”
“แล้วทำไมพี่ต้องโมโหใส่พวกฉันแบบนี้ด้วยล่ะคะ Y^Y” ในที่สุดก็ยอมเปิดปากพูดออกมาได้!
‘ทำไมต้องโมโห?’ ถามมาได้เน๊อะ! ผมเองก็คงจะไม่ทำแบบนี้อยู่หรอกนะ ถ้าแก้วเป็นอย่างที่พวกนั้นพูดจริงๆ แต่นี่! ที่พูดมาเนี่ยมันไม่ใช่แก้วสักนิดเลยไงผมถึงต้องไม่พอใจแบบนี้ และจะมาว่ากันไม่ได้หรอกนะ ไม่แคร์!
“แล้วทำไมพวกเธอจะต้องมานินทา ‘คนของฉัน’ ด้วย! ฮึ?” ผมเค้นเสียงถาม
และคำพูดนั้นก็ทำให้ยัยสองคนนั้นเบิกตากว้างพร้อมกับอ้าปากหวอ
“คะ...คนของพี่?”
“ยัยนั่น...! เอ่อ แก้วเป็น ฟะ...แฟนพี่เหรอคะ???”
“แล้วพวกเธอคิดว่า...” ผมแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆยัยสองคนนั้นแล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาของพวกเธอก่อนจะพูดต่อคำหลังให้ “คนที่ ‘จูบ’ กันน่ะ เขาควรจะเรียกว่าเป็นอะไรกันล่ะ...”
จึก!
“ฟะ...แฟนค่ะ Y^Y”
“เออ! ง่ายๆแค่นี้ทำไมต้องให้บอก” ผมพูดก่อนจะผละตัวออกมาแล้วกระชากคอเสื้อของยัยผู้หญิงคนใกล้ๆตัวเข้ามาหาตัวเอง จนยัยนั่นตกใจจนหน้าเหวอตาโตกันเลยทีเดียว “แล้วที่พวกเธอคุยกันน่ะ แก้วเป็นอะไร!”
เมื่อ ผมนึกขึ้นมาได้ว่าที่เมื่อกี้ได้ยินยัยสองคนนี้พูดคุยกันในเรื่องทำนอง เหมือนว่าแก้วโดนอะไรบางอย่างจนเลือดออกอะไรนี่แหละ ผมจึงเค้นคอถามขึ้นทันที
“มะ...เหมือนจะโดนตบมาคร่า YOY!!!”
โดนตบ?!
“ใครทำ!” ตอนนั้นผมกระชากคอเสื้อยัยนั่นแรงขึ้นอีกจนเพื่อนอีกคนได้แต่ยืนสั่นไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามาช่วย
“มะ...ไม่รู้ค่ะ ตะ...แต่ว่า...ที่เห็น...เห็น...”
“เห็นอะไร!!”
“อ๊า! อย่าต่อย!” เด็กคนนั้นรีบสะบัดมือผลันวันเมื่อเห็นว่าผมทำท่าง้างหมัด ( แค่ขู่ครับอย่าคิดมาก! )
“ไม่อยากให้ต่อยก็บอกมาเร็วๆ!”
“คือที่เห็นด้วยตาแก้วเดินตัวเปียกออกนอกโรงเรียนไปแล้วค่ะ พร้อมกับ...บาดแผล Y^Y”
“ออกไปนานรึยัง...”
“เอ่อ คะ?”
“ฉันถามว่าแก้วออกไปนานรึยัง!”
“สะ...สักพักแล้วค่า YOY!!!”
“Shit!”
ตอน ที่ยัยคนนั้นพูดจบผมก็รีบปล่อยเธอออกแล้วรีบวิ่งลงบันไดไปทันทีทันใด และไม่รู้ว่าตอนนี้หัวใจของผมมันวิ่งนำหน้าไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้สิ ที่รู้ๆในหัวตอนนี้คือ...แก้วไปไหน? แถมเดินออกไปสภาพแบบที่พวกนั้นว่าผมชักจะห่วงเธอมากกว่าเดิมซะแล้ว นี่แก้วกำลังคิดอะไรอยู่วะ?
ทำไมเธอถึง...
ตึกๆๆๆๆ
กึก!
“เฮ้อ...เฮ้อ...” ผมถึงกับหอบออกมาเพราะว่าวิ่งออกนอกโรงเรียนมาแล้วกลับไม่เจอแก้วอยู่ตรงบริเวณทางเดินออกไปที่มันจะเป็นซอยทางเข้ามาโรงเรียนเลย “ไปไหนวะ”
ผมคิดแล้วหลังจากนั้นก็เหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นได้จึงรีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเลื่อนๆดูเบอร์ลุงวิชัย ( พ่อแก้ว ) จากนั้นผมก็กดโทรทันที
ตื๊ด...ตื๊ด...
และระหว่างที่รอสายของลุงวิชัยผมก็เดินๆแล้วกวาดสายตาหาแก้วไปด้วย เผื่อว่าเธอจะอยู่แถวๆนี้ แต่ปรากฏว่าไม่มีเลย มันว่างปล่าวไปหมด ตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ริมทางเดินตรงรั้วโรงเรียนก็ไม่มี
[ ฮัลโหลว่าไงโทโมะ ^^ ]
“ฮัลโหลครับลุงวิชัย”
[ ว่าไงลูก มีอะไรจะคุยกับลุงเหรอ ]
“เอ่อ คือ...วันนี้ผมลืมเอาหนังสือคณิตมาน่ะครับกะว่าจะขอยืมแก้วหน่อย แต่หาเธอไม่เจอ ยังไงผมขอเบอร์แก้วหน่อยได้มั้ยครับ?” ผมพูดไปแบบเนียนๆเพื่อไม่อยากให้ลุงวิชัยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
และแก้วเป็นแบบนั้นผมว่าเธอคงไม่มีทางเดินกลับบ้านแบบนั้นแน่ๆ เพราะแก้วห่วงความรู้สึกของพ่อเธอจะตาย ถ้าลุงวิชัยรู้เรื่องว่าเธอโดนทำร้ายร่างกายขึ้นมา ท่านคงจะห่วงแก้วมากกว่าเดิม และผมก็คิดนะว่า...แก้วน่ะ เป็นผู้หญิงที่พยายามจะทำตัวเข้มแข็งเสมอ
แต่เธอกลับเป็นคนที่อ่อนแอและอ่อนไหวเมื่ออยู่ลับหลังลุงวิชัยกับน้องชายของ เธอเอง...
[ จบบันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
กรึก...ปึง...
ฉันเดินหอบร่างอันอ่อนล้าของตัวเองมาจนถึงตู้โทรศัพท์สาธารณะแห่ง หนึ่งใกล้ๆกับโรงเรียนหลังจากที่มือถือของตัวเองนั้นเปียกน้ำจนใช้ไม่ ได้ ระหว่างทางที่เดินมาฉันเอาแต่ก้มหน้าเวลาเดินผ่านใครต่อใคร จนมาถึงที่นี่ที่เป็นจุดที่เงียบพอสมควรและไม่ค่อยมีผู้คนพลุ้งพล่านสักเท่า ไหร่
กรึก...กรึก...กรึก...
ฉันยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วใช้อีกมือหยอดเหรียญบาทใส่ลงไปก่อนจะกดเบอร์โทรหาฟาง
ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...
“...”
ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...
“ได้โปรดรับหน่อย...” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคนหมดแรงเมื่อฟางไม่รับสายสักที
ตื๊ด...กรึก
[ ฮัลโหลค่า ^O^// ]
“ฟาง” ฉันเรียกเมื่อปลายสายกดรับ
[ อ้าวเฮ้ย? แก้วหรอ? อ้าวทำไมแกเอาเบอร์ตู้โทรมาอ่ะ O_O?]
“ฉัน...” และไม่รู้ทำไมน้ำตาของฉันจากที่ได้หายไปได้ไม่นานมันกลับเอ่อล้นขึ้นมาอีกรอบ
[ แก้ว...เป็นอะไรรึปล่าว? ]
คำถามนั้นของฟางนั้นทำเอาฉันถึงกับน้ำตาไหลลงมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เพราะตอนนี้มันเจ็บปวดเหลือเกินฉันเจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจ และอยากจะระบายให้ใครสักคนฟังเพราะการที่เก็บเรื่องแบบนี้เอาไว้เพียงผู้ เดียวมันยากเกินที่ฉันจะรับไหวจริงๆ
มันเจ็บ...
“อึก...ฟาง...ฮืออือ...”และสุดท้ายเสียงสะอื้นของฉันมันก็หลุดออกมาจนได้
[ แก้ว...! ] น้ำเสียงฟางตอนนี้บ่งบอกเลยว่าเธอตกใจที่ได้ยินเสียงฉันเหมือนร้องไห้แบบนั้น
[ แก้วแกอยู่ไหน? ]
“ฉะ...ฉันไม่รู้...ไม่รู้ ฮือ...”
ความ อัดอั้นทั้งหมดที่ฉันมีมันถูกปล่อยโฮออกมาภายในตู้โทรศัพท์นี้ จนมือฉันอ่อนลงแล้วเผลอปล่อยโทรศัพท์ตกลงสายห้อยต่อแต่งขณะที่ร่างของตัวเองก็ค่อยๆเข่าอ่อนแล้วนั่งลงพิงกับกระจกของตู้โทรศัพท์ช้าๆอย่างยากจะควบคุมเอาไว้ไหว และตอนนี้ฉันเหนื่อยจริงๆ
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเรื่อง จริง...ฉันอยากให้มันเป็นเพียง ‘ฝันร้าย’ ที่ตื่นขึ้นมาแล้วชีวิตฉันจะปกติดีเพราะมันก็เป็นแค่ฝัน
...ขอให้มันเป็นแค่ฝันร้ายได้รึปล่าว....
‘บางที...การที่เราแบกรับเรื่องร้ายๆเอาไว้ในใจแต่เพียงผู้เดียว
มันก็สามารถทำให้ใจของเราเจ็บปวดได้ ถึงแม้เราพยายามที่จะเข้มแข็งให้ใครสักคนเห็นก็ตาม
...แต่เรื่องพวกนี้...การระบายให้คนที่เราไว้ใจฟังบ้าง มันก็คงจะดีนะ...’
______________________________________________
มาอัพอีกตอนแล้วนะคะ เม้นกันหน่อยนะ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ