Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
9.6
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
43 chapter
860 วิจารณ์
67.59K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
23) - Clear - ( กระจ่าง )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- Clear -
( กระจ่าง )
สวนสาธารณะ
4 ทุ่ม
ติ๊ด!
‘ฟาง...ถ้า ได้อ่านข้อความนี้ ฉันขอโทษนะที่ต้องรีบกลับก่อน เลยไม่ได้โทรบอกก่อน แต่มีธุระสำคัญที่บ้านน่ะ หวังว่าแกคงไม่โกรธนะ...พรุ่งนี้เจอกัน ^^’
“ฮืม...”
หลัง จากที่ฉันส่งข้อความไปหาฟางแล้วฉันก็เอาแต่นั่งเงียบแล้วถอนหายใจออกมาอยู่ คนเดียว ในใจก็พลางบอกว่าตัวเองบ้ามากที่มานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวในสวนสาธารณะที่ไม่ มีใครเลย มันเงียบสงัดราวกับความรู้สึกของฉันในตอนนี้ที่ไม่อยากแม้แต่จะพูดอะไรเพียง แค่อยากจะอยู่เงียบๆคนเดียว
ตามจริงฉันอยากจะโทรหาฟางนะแต่ถ้าเป็นแบบนั้นฟางต้องรู้แน่ๆว่าฉัน กำลังร้องไห้และฉันเป็นอะไรซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะบอกฟางยังไงดี
ใช่...น้ำตาของฉันมันยังไม่หมดไปและมันยังคงอยู่พร้อมกับไหลลงมา เงียบๆ และฉันรับรู้ได้เลยว่าตาของตัวเองกำลังบวม ตามจริงฉันก็พยายามแล้วที่จะควบคุมมัน และอยากจะให้เรื่องที่มันเกิดขึ้นเป็นแค่ความฝัน
อยากจะให้มันเป็นแค่ฝันร้าย...ไม่สิ!
เพราะ ฉันอยากให้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ตอนที่ย้ายเข้ามาที่นี่ในบ้านหลังนี้ ในโรงเรียนนี้ และเรื่องทั้งหมดเรื่องที่ฉันได้เจอโทโมะ...เป็นแค่ความฝัน อยากให้ตัวเองตื่นมาแล้วไม่เจอเขาอีก
แต่มันก็ทำไม่ได้...
“อึก” ยิ่งฉันคิดฉันยิ่งร้องไห้มากขึ้นจนต้องเอามือทั้งสองข้างยกขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง
ไม่เคยคิดเลยเน๊อะว่า ‘ความรัก’ มันจะทำให้เรา ‘เจ็บปวด’ ได้มากขนาดนี้ แต่โทโมะไม่ผิดหรอก...มันผิดที่ฉันเองที่ไปหลงชอบเขาทั้งๆที่รู้ว่าเขาไม่ไดคิดอะไรก็ยังจะ...
ฟิ้ว...
ลมหนาวๆที่พัดผ่านมาแบบเงียบๆทำให้ฉันต้องปาดน้ำตาของตัวเองเหมือนจะคอยปลอบ ว่าไม่เป็นไร...ไม่เป็นไรนะ...แต่สิ่งที่คอยย้ำเตือนในตอนนี้ว่าไม่สามารถลบ ทิ้งไปได้เลยคือ
สัมผัสนั้น...
คิดแล้วฉันก็ยกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเองอย่างแผ่วเบาก่อนจะเม้นริม ฝีปากเข้าหากันช้าๆ ‘จูบนั้น’ ของโทโมะคือ ‘จูบแรก’ ใน ชีวิตของฉันตั้งแต่เกิดมา แต่ช่างน่าเสียดาย...ที่มันไม่ได้มาจากหัวใจข้างในลึกๆของคนที่กระทำมันลง ไป คิดแล้วก็เจ็บจี๊ดๆขึ้นมาตรงหน้าอกข้างซ้าย
เพราะแม้แต่ในเวลาตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้คนที่ทำยังปล่อยให้ฉันอยู่ตัวคน เดียว แบกรับสิ่งนี้เอาไว้หน่วงใจคนเดียวโดยไม่มีแม้แต่คำ ‘ขอโทษ’
แต่จะไปหวังอะไรกับเขาล่ะ?
แม้ ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันที่โทโมะทำฉันตกใจที่เขากระโดนลงมาจากต้นไม้ต่อหน้าต่อ ตาฉัน เขายังไม่คิดที่จะขอโทษกันเลยสักคำ และฉันก็ไม่เคยคิดว่าโทโมะจะขอโทษใครเป็นด้วย คนแบบนั้นน่ะฉันไม่ควรที่จะไปใส่ใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่นา คนเย็นชาแบบนั้นคงจะพูดคำว่า ‘ขอโทษ’ ได้แต่กับ ‘คนที่เขารัก’ อย่างพ่อแม่หรือไม่ก็...คลอรีน
แต่มันก็ไม่แปลกหรอกที่คนอย่างคลอรีนจะมีคนหลงรัก ก็เพราะเธอสวยทั้งภายในและภายนอกจิตใจ แถมสมบูรณ์แบบทุกอย่างทุกประการ ฉันเองคงไปเทียบอะไรก็ไม่ได้หรอก
เพราะเราสองคนต่างกันริบหรี่...
“เมี๊ยว...เมี๊ยว...”
“หือ?” ขณะ ที่ภายในหัวกำลังคิดราวต่างๆอยูก็มีเสียงร้องของแมวดังขึ้นใกล้ๆนี้เมื่อได้ ยินเสียงแมวฉันจึงหันหน้าไปตามเสียงแต่ก็ไม่พบมันเลยพอฉันลองลุกขึ้นมองหา มันก็ไม่เจอ
แต่พอมองขึ้นไปบนต้นไม้ ‘ต้นนั้น’ ต้นไม้ที่วันแรกฉันได้พบเจอกับเขา...ความคิดของฉันก็ย้อนกลับไปในวันนั้น วันที่โทโมะกระโดดลงมาจากต้นไม้นั่น...ตรงหน้าฉัน
ตุบ!!
‘กรื๊ดดดดด’
และตอนนี้ฉันก็เห็นว่ามันมีแมวตัวเล็กๆอยู่ตัวนึงที่เหมือนว่าจะร้องขอความ ช่วยเหลือเพราะว่ามันคงจะลงมาจากต้นไม้ต้นนั้นไม่ได้ และด้วยสัญชาตญาณของตัวเอง ถึงแม้ว่าฉันจะกลัวความสูงอยู่หน่อยๆแต่ก็ต้องช่วยมันฉันเลยตัดสินใจถอด รองเท้าผ้าใบส้นสูงออกแล้ววางมันเอาไว้ก่อนจะเดินไปที่ต้นไม้ต้นนั้นก่อนจะ ค่อยๆปีนขึ้นไป
“รอแป๊ปนึงน้ะเจ้าเหมียว” ฉันพูดขณะที่ปีนขึ้นไปจนถึงตัวมัน
และพอมองลงไปข้างล่างมันก็สูงมากๆเลย...
“เมี๊ยว...”
“เฮ้อ...รู้ว่ามันสูงขึ้นมาแล้วลงไม่ได้แกก็ไม่ควรที่จะปีนป่ายขึ้นมาตั้งแต่แรกนะรู้มั้ย...” ฉันพูดแล้วจับเจ้าแมวนั่นมาลูบหัวเบาๆขณะที่ตัวเองนั่งห้อยขาอยู่บนต้นไม้เงียบๆ
แต่คำพูดของฉันมันแลดูเหมือนว่า ‘ตอกย้ำ’ ตัวเองยังไม่รู้สินะ...
และ พอสักพักฉันก็ลงมาจากต้นไม้ต้นนั้นแล้วก็ปล่อยเจ้าแมวตัวนั้นไปแล้วกลับมา ใส่รองเท้าตามเดิม และจังหวะนั้นนั่นเองที่ฉันตั้งสติพยายามจะปรับสภาพของตัวเองให้เป็นปกติ ก่อนจะเดินกลับบ้านสายตาก็ดันมองไปเจอใครบางคนตอนที่กำลังจะเดินออกจากสวน สาธารณะ
และใช่...เขาคนนั้นก็คือผู้ชายที่ทำในสิ่งที่ไม่คาดฝันกับฉันเอาไว้ยังไงล่ะ
“...”
ฉัน เงียบขณะที่สายตามองโทโมะที่กำลังเดินอยู่อีกฝั่ง และเขาไม่ได้เห็นเลยว่าฉันมองเขาอยู่ แต่โทโมะดูเหมือนว่าเขาไม่ยังค่อยหายจากอาการเมาไวน์สักเท่าไหร่นักเพราะท่าเดินของเขามันเซไปเซมาเหมือนว่าจะล้มได้ทุกเมื่อเลยก็ว่าได้ แต่ฉันก็คิดนะว่าตอนนั้นที่เขาเหมือนว่าได้สติหน่อยๆแล้วหลังจากที่เขา...
เฮ้อ...ฉันบอกความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ไม่ถูกเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี
“...”
และ ไม่รู้เพราะสาเหตุใดที่ทำให้ฉันแอบเดินตามโทโมะกลับบ้านแบบเงียบๆโดยที่เขาเอง ก็ไม่ได้รู้ตัวหรอก และพอเดินมาจนใกล้ถึงบ้าน ฉันก็หยุดเดินแบบกะทันหันเมื่อสายตาที่มองโทโมะเพราะคิดว่าเขาจะเดินเข้าบ้าน ตัวเองแต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด
เพราะโทโมะเดินเลยบ้านของเขาไปหยุดอยู่ที่...หน้าบ้านของฉัน...
ฉันเงียบและยืนมองเขาอยู่ห่างๆว่าโทโมะจะทำอะไร หรือว่าเขาเมาจนเดินไปผิดบ้าน แต่มันกลับไม่ใช่เมื่อโทโมะเงยหน้าขึ้นมองข้างบนบ้านชั้นสองของบ้านฉันที่เป็น ห้องนอนฉันเอง เขามองอยู่สักพักก่อนทำท่าเหมือนว่าจะกดอ็อดหน้าบ้านฉัน แต่มือที่กำลังจะกดลงไปกลับถูกเอาลงมาไว้ข้างตัวตามเดิม
โทโมะไม่กดมัน...
แต่เขากับเดินเข้าไปใกล้ประตูรั้วบ้านของฉันมากขึ้นแล้วเอามือทั้งสองยกขึ้น เกาะรั้วเอาไว้จากนั้นอาการตัดพ้อบางอย่างที่ทำให้โทโมะเอาหัวเคาะเข้ากับประตู รั้วบ้านของฉันแรงๆแล้วก็นิ่งค้างอยู่แบบนั้น
เขาเป็นบ้าอะไร...
“...”
“...”
และ ดูเหมือนว่าโทโมะจะไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างใดๆเลย เพราะเขาถอยออกมาจากรั้วบ้านฉันแล้วก็เดินก้มหน้ากลับมาที่บ้านของตัว เอง แม้แต่ฉันที่กำลังยืนมองเขาอยู่เขาก็ยังไม่เห็น
แต่ก็ดี...เพราะฉันก็ไม่อยากให้เขาเห็นฉันหรอก
เห็นแล้วได้อะไรขึ้นมาล่ะ?
ฉะนั้นอย่ามาเจอกันอีกเลยเถอะ และฉันจะพยายามลืม พยายามไม่คิดถึงเขาแล้วถึงแม้มันจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม เพราะว่าฉันไม่อยากเจ็บ ไม่อยากไปรักคนที่เขาไม่รักเรา...ไม่แม้แต่จะรู้สึกอะไร ฉะนั้นถ้าฉันไม่เจอเขาฉันก็คงไม่ต้องมาเจ็บแล้วก็รู้สึกอึดอัดเหมือนในตอน นี้
มันจะดีกว่าใช่มั้ย...
“พอ...พอที...” ฉันพูดแล้วส่ายหัวให้ตัวเองเบาๆก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่มันไหลลงมาอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อย่าร้องไห้สิแก้ว...เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวยังต้องเจออะไร อีกมากมายในชีวิต อย่าอ่อนแอสิให้ตายเถอะทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้นะ...
อีกฝั่ง...
แอ๊ด...
“อึก!”
เมื่อ ร่างสูงที่เดินเปิดประตูเข้ามาในบ้านด้วยอาการเซไปเซมา กับอาการสะอึกจากการดื่มไวน์มากเกินไปทำให้เขาเริ่มขาดสติเข้าไปใหญ่ แต่ว่าจากที่ดูแล้วโทโมะคงจะมีความรู้สึกขึ้นมาบ้างหลังจากที่เห็นแก้วร้องไห้ และเขาก็รับรู้ด้วยว่าเขาทำอะไรเอาไว้ พอแก้ววิ่งหนีไปเขาเองก็เสียใจที่ทำแบบนั้น
แต่แทนที่เขาจะตามเธอไปในตอนนั้นเขากลับเปิดขวดไวน์กินมันเข้าไปอีกขวดอย่าง ไม่เข้าใจตัวเอง...พอรู้ตัวอีกทีเขาก็เดินมาอยู่ที่หน้าบ้านของแก้วเสีย แล้ว
ตอนที่เขามองขึ้นไปบนห้องของเธอด้วยความรู้สึกผิดแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะพูด อะไรออกไปได้เพราะการกระทำของตัวเองมันสับสนเกินกว่าที่อธิบายให้ใครเข้าใจ ในความรู้สึกของตัวโทโมะเอง
ฟุ่บ!
ร่าง สูงของโทโมะเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนล้าและหมดแรงราวกับร่างของเขาอยากจะ สลายไปในตอนนั้นเสียเลย แต่เขาทำได้แค่เพียงลืมตามองเพดานห้องรับแขกเงียบๆด้วยแววตาที่ว่างปล่าวราว กับไม่รู้สึกอะไร แต่ทว่าภายในใจนั้นกลับรู้สึกเหมือนโดนจับถ่วงน้ำก็ไม่ปาน
โทโมะเขาเสียใจมากจนไม่สามารถที่จะพูดให้ใครฟังได้ว่าเขาโดน ‘เพื่อนสนิทหักหลัง’ แต่ความรู้สึกตอนนี้ไม่ใช่เสียใจที่โดนปฏิเสธ แต่เสียใจที่เพื่อนเราไว้ใจมากที่สุดไม่เคยบอกเรื่องที่มันสำคัญขนาดนี้กับเราเลย...
“อ้าว? โทโมะ? ลูกกลับมาแล้วเหรอเนี่ย แล้วทำไมมานอนอยู่ตรงนี้?”แม่ของโทโมะแลดูตกใจหน่อยๆเมื่อเดินลงมากินน้ำแล้วดันมาเห็นว่าลูกชายของตัวเองมีท่าทีเหนื่อยๆแบบนี้
“อื้ออออ” โทโมะร้องเสียงงัวเงียเมื่อแม่โทโมะเดินมาดู
“อื้อหือ ทำไมดื่มหนักขนาดนี้เนี่ยฮะ ถ้าพ่อรู้เราโดนแน่เลย ปกติเห็นไม่เคยดื่มแบบนี้นี่ลูก” แม่โทโมะดุหลังจากที่ได้กลิ่นไวน์จากตัวลูกชายตัวเองเต็มไปหมด “ป่ะขึ้นไปนอนบนห้องเลย”
“แม่อ่า” โทโมะพูดงัวเงียแล้วพยายามเอามือแม่ออกจากร่างของเขา
“ไม่ต้องมางัวเงีย ขึ้นไปนอนบนห้องเดี๋ยวนี้” และสุดท้ายแม่โทโมะก็ดึงวีขึ้นมาจากโซฟาจนได้
“อื้อฮือออ”
“เป็นอะไร”
แม่โทโมะ บ่นเบาๆแล้วส่ายหัวไปมาเมื่อเห็นว่าลูกชายของตัวเองค่อยๆก้าวขาขึ้นบันไดไป ยังห้องตัวเองด้วยท่าทางแปลกๆจากอาการเมาแล้วเสียงถอนหายใจดังๆนั้นมัน เหมือนกับว่าโทโมะเครียดอะไรสักอย่าง
ปึง...
“อึ๊ก!”เมื่อโทโมะเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนเขาก็สะอึกเสียงดังลั่นห้อง “อ๊า”น้ำเสียงสั้นๆที่ดูตัดพ้อถูกเอ่ยขึ้นก่อนที่โทโมะจะนั่งลงบนเตียงนอนของตัวเองก่อนจะนอนลงไป
‘ระ...เรา...เราขอโทษที่ทำให้นายสับสน...เราขอโทษ...ที่เข้ามาในชีวิตนาย...แต่เรา...อุ้บ!’
‘โทโมะเราบอกให้นายหยุดไงเล่า! ฮือ...พอได้แล้ว...’
‘อย่าเข้ามานะ...เราบอกว่าอย่าเข้ามา!’
ภาพ และเสียงของแก้วมันดังก้องอยู่ในหัวของโทโมะในตอนนี้และเสียงพวกเริ่มดังขึ้นๆ ภาพแก้วร้องไห้ก็เริ่มชัดเจนขึ้นบนหัวของเขา จนโทโมะต้องเอามือทั้งสองข้างยกขึ้นมาทุบศรีษะของตัวเองเพื่อให้ภาพเหล่านั้น หายไป แต่มันก็ไม่เป็นผลใดๆเลย เพราะยิ่งเขาทุบหัวของตัวเองภาพเหล่านั้นก็ชัดขึ้นราวกับจะย้ำเตือนชัดๆว่า
เขา...ทำอะไรกับแก้วจนเธอร้องไห้แบบนั้น...
“ฉันทำอะไรลงไป...”น้ำเสียงที่แผ่วเบาของโทโมะเอ่ยหลังจากที่เขามองเพดานอยู่นานนับนาที
และนั่นก็เป็นคำพูดสุดท้ายที่เขาเอ่ยก่อนที่โทโมะจะเผลอหลับตาลงจนหลับใหลไปในที่สุด...
และตอนนี้ห้องนอนของทั้งโทโมะและแก้วที่อยู่ตรงกันข้าม กับไฟห้องนอนของแก้วที่ถูกปิดลงเช่นเดียวกัน ความรู้สึกของเขาทั้งสองในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับร่มที่กำลังเปียกฝนเลย และก็ได้แต่รอเวลาที่ฝนจะหายตกลงมาและหลังจากนั้นฟ้าก็จะสว่าง ก้อนเมฆก็จะเปิดรับแสงสว่าง...
แต่สิ่งนี้ มันก็ขึ้นอยู่กับเขาสองคนเท่านั้นแหละ...
[ ช่วงของเคโอติค ]
วันต่อมา...
พักเที่ยง
“ไอ้โทโมะมันหายไปไหนวะ ตั้งแต่เมื่อคืนและโทรไปก็ไม่รับ” ป๊อปปี้ พูดขณะที่นั่งรวบกลุ่มกันอยู่ที่สนามบาสหลังจากที่เพิ่งเรียนเสร็จแต่พวกเขา ก็ยังไม่ได้ไปพักกินข้าวที่โรงอาหารเหมือนกับเพื่อนในห้องคนอื่นๆ
และตอนนี้ในสนามบาสก็มีกันแค่กลุ่มของพวกเขาเท่านั้น
“สงสัยเมื่อวานหึงแก้วหนักเลยงอนกลับไปบ้านเลยม้าง”เขื่อนพูดขณะที่กำลังก้มอ่านการ์ตูนไปพลางๆ
“ไหนโทโมะมันบอกไม่ได้ชอบแก้วไงวะเขื่อน = =;;;;” ป๊อปปี้ถาม
“เอ่อ...มันก็คงจะยอมรับให้เราฟังง่ายๆหรอกนะครับคุณ ‘ป๊อปปี้นี่’ ” เคนตะประชด
“ป๊อปปี้นี่พ่อง >O<!”
“อ้าวไมอ่ะ? เข้ากันดีออกกับ ‘ฟางแมน’ ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้เคนตะ!!”
ตอนนี้ดูเหมือนว่าป๊อปปี้อยากจะฆ่าเคนตะให้ตายคามือหลังจากที่พูดล้อเลียนป๊อปปี้แถมยังเอาไปคู่กับ ‘ฟางแมน’ ( คนที่คุณก็รู้ว่าใคร อิ อิ ) และแบบนี้จะไม่ให้ของขึ้นได้อย่างไรกันหนอ
“อืม จะว่าผมคิดไปเองรึปล่าวเพราะตอนที่โทโมะหายไปสักพัก แก้วก็หายไปด้วยนะ”
จึก!
ขวับ!
“ไงนะ?” เพื่อนที่เหลือยกเว้นจองเบ ( ที่นั่งเหม่อถึงอะไรอยู่เงียบๆ ) นั้นรีบหันมาหาเขื่อนทันที
“ก็สังเกตหลังจากที่โทโมะเดินออกไป พอแก้วเต้นกับผู้ชายคนนั้นเสร็จแล้วเธอก็หายไปเลย”
“เฮ้ย หรือว่าสองคนนั้นจะไปด้วยกันวะ?” ป๊อปปี้ถามอย่างขอความเห็นก่อนที่จะหันไปถามขอความเห็นจากจองเบ “แกคิดว่าไงวะจองเบ”
“ฮะ?” จองเบที่ถูกเรียกหันมาเค้นเสียงสงสัยเนื่องจากเมื่อกี้เขาไม่ได้สนใจฟังอะไรเพราะว่ามัวแต่นั่งเหม่อ
“ฉันถามว่าแกคิดว่าไง”
“เอ่อ...ไม่รู้ว่ะ” จองเบส่ายหน้า
“ไม่รู้หรือไม่ได้ฟังวะ แกนี่พักนี้เหม่อบ่อยนะเนี่ย เพ้อถึงสาวที่ไหนง๊ะ? หรือว่าคนที่ตบหน้าแก?”
กึก!
จองเบถึงกับลืมคิดคำโกหกตอนที่ว่าถ้าเพื่อนจะถามว่าปากไปโดนอะไรมาแล้วเขาจะ ตอบอย่างไร แต่เห็นไม่มีใครถามเขาซักคน เขาก็เลยคิดว่าไม่มีใครสนใจแผลที่มุมปากนั่นน่ะสิ
“ฉันไม่ได้โดนใครตบ จบนะ? และขอโทษทีที่ไม่ได้ฟัง”จองเบพูดแบบขำๆไปแบบเนียนๆแต่ในใจของเขาตอนนี้จะรู้สึกตามสีหน้ารึปล่าวก็ไม่รู้สินะ
“ฉันจะไปรู้ได้ไงวะก็เห็นแกมุมปากแตกอย่างกับคนโดนตบมา”
“ก็เมื่อวานตอนกลับจากกิจกรรมฉันก็แวะไปที่สนามแข่งแล้วก็มีปัญหานิดหน่อย” จองเบพยายามพูดให้เนียนที่สุด
“มีเรื่องทำไมไม่โทรบอกพวกฉันวะ” เขื่อนพูด แต่จองเบก็แค่หยักยิ้มที่มุมปากแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น
“เฮ้ยเรื่องไอ้โทโมะอ่ะฉันคิดว่านะ...”
“เฮ้ยไอ้โทโมะมาแล้ว” เขื่อนรีบสะกิดป๊อปปี้ที่กำลังจะพูดบางอย่างออกมาเมื่อเห็นโทโมะเดินเข้ามาในสนามบาสด้วยสีหน้านิ่งตามฉบับปกติ
แต่วันนี้ จะเป็นวันที่เพื่อนๆในกลุ่มไม่คาดคิดเลยล่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้น!
“ไอ้โทโมะแม่งทำหน้าอย่างกับคนอกหักว่ะ เห๋อๆ” เคนตะพูดหยอกขณะที่โทโมะเดินมาถึง
“เมื่อวานแกกลับบ้านไปตอนไหนวะ ฉันโทรไปก็ไม่รับ นึกว่าเมาจนเดินไปตกท่อที่ไหนแล้ว”
“...” โทโมะไม่ตอบแต่แค่หันไปพยักหน้าให้เคนตะเฉยๆจากนั้นเขาก็หันสายตาไปทางจองเบที่กำลังมองเขาอยู่
“เฮ้ยไอ้โทโมะมาแล้ว งั้นพวกเราไปกินข้าวกันป่ะ” เขื่อนเอ่ยเพื่อนๆก็เห็นด้วยเลยพากันสะพายเป้ของตัวเองแล้วทำท่าว่าจะเดินออกไปจากนอกสนามบาสเพื่อไปยังโรงอาหาร
แต่ทว่า...
ตึกๆๆๆ
ผัวะ!!
“เฮ้ย! อะไรวะ!?”
เมื่อ เหตุการณ์ไม่คาดฝันบังเกิดเพื่อนๆ ทุกคนต่างพากันตกอกตกใจเมื่อโทโมะเดินตรงเข้าไปหาจองเบแล้วต่อยเข้าที่ใบหน้าของ เขาอย่างแรงจนจองเบเซถอยหลังไปหายก้าว เขื่อนกับกับป๊อปปี้ก็รีบวิ่งตรงเข้าไปจับโทโมะเอาไว้เมื่อโทโมะทำท่าว่าจะเข้าไปต่อยจองเบอีกครั้งนึง
“เป็นไรวะเนี่ยไอ้โทโมะ! ต่อยไอ้จองเบทำไม!?”
“ปล่อย!” โทโมะพูดพร้อมกับสลัดแขนของตัวเองออกจากเขื่อนกับป๊อปปี้ก่อนจะเดินเข้าไปหาจองเบที่ตอนนี้ยืนมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจอยู่ตรงหน้า
“เป็นอะไรวะ” จองเบถามโทโมะพลางขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ปากแกไปโดนอะไรมา”โทโมะถามเสียงนิ่งแล้วมองจ้องจองเบอย่างจะฟังคำตอบว่าจองเบจะตอบว่าอะไร
“ก็โดนแกต่อยไง”
“หมายถึงก่อนหน้านี้!” โทโมะพูดเสียงดังและนั่นก็ทำให้เพื่อนๆยิ่งสงสัยกันเข้าไปใหญ่ว่าโทโมะโมโหอะไรจองเบ
ใช่! เพราะ หมัดที่เขาต่อยหน้าจองเบไปก็คือจุดเดียวกันกับที่คลอรีนตบจองเบนั่นเอง และตอนนี้เลือดมันก็ไหลลงมาที่มุมปากของจองเบอีกครั้ง เหมือนเมื่อคืน...
“ไอ้จองเบมันบอกว่ามันมีเรื่องที่สนามแข่งเมื่อคืนเว้ยไอ้โทโมะ ><!”
“แกแน่ใจเหรอ?” เมื่อป๊อปปี้พูดแบบนั้นโทโมะถึงกับหันไปถามเสียงเชิงประชดจนป๊อปปี้จำต้องเงียบ
“...”
“แกกับฉันมีเรื่องต้องคุยกันไอ้จองเบ...”
หลัง จากโทโมะพูดจบเขาก็เดินไปยังทางออกอีกทางที่จะเป็นตึกหลังโรงเรียนเงียบๆที่ไม่ มีใครในช่วงพักกลางวัน และเป็นเวลากับสถานที่ที่เหมาะกับการคุยอะไรลับๆกันด้วย ตอนนั้นจองเบก็ได้มองหน้าเพื่อนๆในกลุ่มก่อนที่เขาจะหันหลังแล้วเดินตามโทโมะออก ไป
และพอป๊อปปี้อยากจะตามไปดูเขื่อนก็ยั้งไว้เหมือนจะบอกว่า ‘ปล่อยให้มันคุยกันเอง’
แล้วตอนนี้จองเบเองก็เหมือนจะรู้เป็นลางๆแล้วว่าเรื่องที่โทโมะจะคุยคือเรื่องอะไรถึงต้องต่อยเขาแบบนี้
“มีอะไรว่ามา” จองเบถามทันทีที่เขาเดินมา แล้วเห็นว่าโทโฒะยืนหันหลังให้เขาอยู่
“แกมีอะไรที่ไม่ได้บอกฉันรึปล่าว”
“...”
“...”
“...มี”หลังจากที่จองเบถอนหายใจออกมาสักพักเขาก็พูด และเมื่อโทโมะได้ยินมันเขาก็หันมามองจองเบนิ่งๆ “แต่...ฉันคิดว่าแกคงจะรู้แล้ว”
“...ตั้งแต่เมื่อไรวะ...”
โทโมะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เข้าใจจองเบแบบตัดพ้อก่อนที่เขาจะเมินสายตาไปทางอื่น แล้วพยายามใจเย็นให้ได้มากที่สุด เพราะโทโมะไม่คิดว่าการคุยกันด้วยถ้อยคำโมโหใส่คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก และปกติโทโมะไม่ใช่คนแบบนี้ เขาออกจะเงียบเฉยชาเสียด้วยซ้ำ แต่วันนี้มันคงถึงคราวที่เขาต้องพูดและถามให้เคลียร์เรื่องที่ค้างคาใจบ้าง แล้ว
เพื่อที่ให้เรื่องที่มันเป็นปมอยู่ในใจได้คลายออกสักที
“ฉันขอโทษเว้ยเพื่อน แต่ฉันไม่รู้จะบอกพวกแกยังไง” จองเบพูดขณะที่เขานั่งลงยองๆอย่างเหนื่อยล้าโทโมะเองก็เช่นกัน
“...แกคบกับคลอรีนตอนไหนวะ” โทโม
“ฉันกับคลอรีนน่ะ...เราคบกันก่อนที่แกจะพูดบอกกับกลุ่มเราให้รู้ว่าแกชอบคลอรีนอยู่...”
“...”
“ตอน ม.1 ฉันแอบมองคลอรีนตั้งแต่วันแรกที่เจอ และพอมารู้ตัวอีกทีฉันก็แอบเดินตามไปส่งเธอขึ้นรถที่ทางบ้านส่งมารับเธอหน้า โรงเรียนซะแล้ว และคลอรีนเองก็ดูเหมือนว่าจะรู้สึกแปลกๆกับฉันเหมือนกัน พอเวลาว่างเราก็จะแอบไปนั่งคุยกันที่สวนหลังโรงเรียน จนมันเกิดความรู้สึกว่าเราชอบกัน”
“...”
“แต่ ด้วยเหตุที่ว่าฉันเห็นว่าคลอรีนถูกแต่งตั้งให้เป็นนักเรียนดีเด่นของระดับ ชั้น และไม่อยากให้เธอโดนปลดออกด้วยเหตุผลที่ว่ามีแฟนทั้งๆที่ยังอยู่ ม.1 ฉันกับคลอรีนเลยตกลงกันว่าเราจะเก็บความสัมพันธ์นี้ไว้เป็นความลับ ไม่บอกใคร แม้กระทั่งเพื่อนสนิท...และในช่วงนั้นฉันก็ต้องทำเป็นคบเล่นๆกับคนอื่นด้วย เพื่อที่จะได้ไม่มีใครมาสงสัยฉันกับคลอรีน”
“...”
“แต่ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจพวกแกนะเว้ยที่ไม่ยอมบอก แต่ฉันก็กะจะบอกตอนที่ถึงเวลา แต่ว่าแก...โทโมะ” จองเบพูดแล้วหันมามองหน้าโทโมะที่กำลังนั่งฟังเขาอยู่ “พอแกมาบอกให้พวกฉันฟัง ตอนเปิดเทอม ม.2 ว่าแกแอบชอบคลอรีนมาตั้งแต่ ม. 1 แล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าจะพูดบอกกับแกยังไงเลยว่ะ”
“แกกลัวฉันอึดอัดใช่มั้ยล่ะ” โทโมะถามอย่างเข้าใจเมื่อเขาได้รู้ความจริงแล้ว
“อืม”จองเบพยักหน้า “ฉัน กลัวว่าแกจะเสียใจ แต่ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเก็บเอาไว้ตามเดิม ตอนนั้นฉันยอมรับเลยว่าอยากจะบอกแกมากว่าฉันกำลังคบกับคลอรีนเพราะด้วยความ ที่ว่าฉันรักคลอรีนจนไม่อยากให้ใครมาชอบเธอเกินกว่าเพื่อน แต่แกเป็นเพื่อนสนิทฉัน ฉันจะพูดให้มันทำลายความรู้สึกของแกได้ยังไง เพราะคนอย่างแกถ้าไม่ชอบใครจริงคงไม่พูดออกมาหรอกว่าชอบใครอยู่”
“แล้ว...แกกับคลอรีน...”
“เราเลิกกันไปตั้งแต่ ม.4 แล้ว เลิกกันก่อนที่แกจะไปสารภาพรักกับเธอซะอีก” จองเบบอกแล้วยิ้มบางๆแต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้มีน้ำตาคลอเอ่อขึ้นมาที่บริเวณขอบตา
“ทำไมถึงเลิกวะ...แกกับคลอรีนน่าจะรักกันมากนิ”
“อืมมม ไม่รู้ดิ” และพอจองเบพูดแบบนั้นพลางถอนหายใจออกมาน้ำตาของเขาก็ไหลลงมา “แต่แกเชื่อมั้ย...ว่าตอนที่คลอรีนบอกเลิกฉันน่ะฉันโคตรเจ็บเลยว่ะ...”
“อืม ฉันเข้าใจแกแล้ว”โทโมะพูดอย่างเข้าใจจองเบเมื่อเห็นว่าจองเบร้องไห้ แต่จองเบก็รีบเอาหลังมือของเขาขึ้นมาปาดน้ำตาของตัวเอง
“ก็ไม่คิดเลยเน๊อะว่า...เมื่อวานเพิ่งยิ้มให้กัน บอกรักกัน แล้ววันต่อมาก็มาบอกเลิกด้วยถ้อยคำที่เย็นชากับท่าทางที่ต่างกันกับคนล่ะคนแบบนั้นน่ะ”ะถามตรงๆหลังจากที่เขานั่งมองจองเบอยู่พักใหญ่
“เขาไม่บอกเหรอว่าทำไมเลิก” โทโมะถามแต่จองเบก็เงียบไปจากนั้นก็ส่ายหน้าเป็นเชิงบอกแทน
“ฉันพยายามถามแต่คำตอบที่ได้กลับมาคือความเฉยชา ทุกครั้งอ่ะ ฉันก็ถามตัวเองนะว่า...ฉันทำอะไรผิดไปวะ?”
และจากนั้นโทโมะก็เข้าใจจองเบมากขึ้นพร้อมกับเข้าใจเหตุผลของคลอรีนว่าทำไม ถึงไม่รับรักเขา เพราะคงจะเป็นไปได้ว่าคลอรีนอาจจะยังรักจองเบอยู่เป็นได้ แต่แค่เธอต้องไม่แสดงออกให้ใครรู้ว่าเธอรู้สึกยังไงอยู่ เพราะเธอคงจะมีเหตุผลของเธอนั่นแหละ
แต่เป็นเหตุผลที่เธอบอกใครไม่ได้นั่นเอง...
“ไอ้จองเบ...” เมื่อโทโมะเรียกจองเบ จองเบก็หันมามองเขาพร้อมกับเลิกคิ้วให้ “ฉันขอโทษแกนะเว้ยที่...”
“แกไม่ต้องขอโทษหรอก เพราะแกไม่ได้ผิด คนที่ผิดคือฉันเองที่ไม่ยอมบอกอะไรพวกแกเลย และถ้าฉันเป็นแก...”จองเบพูดแล้วเอามือของเขามาตบไหล่โทโมะเบาๆ “...ฉันก็คงจะเสียความรู้สึกเหมือนกัน”
“อื้ม ขอบใจนะเว้ยที่บอกกันตรงๆ”
“ฉันบอกแกแล้ว...คราวนี้แกบอกฉันบ้างได้รึปล่าววะ”
“ถามมาดิ”
“ตอนนี้แกยังชอบคลอรีนอยู่รึปล่าววะ...ขอความจริง”
เมื่อจองเบตัดสินใจถามออกมาแล้ว คำตอบที่โทโมะจะตอบออกไปก็คือ ‘ความจริงเท่านั้น’ และครั้งนี้เขาไม่ได้โกหกใจตัวเองเหมือนๆที่ผ่านมาอีกแล้ว เพราะเรื่องเมื่อคืนมันทำให้เขารับรู้ได้ว่าใครกันที่ ‘รักเขา’ และใครกันที่ ‘เขาแคร์’ ถึงว่าโทโมะจะไม่อยากแสดงออก
แต่จากสิ่งหลายอย่างที่มันเป็นข้อเตือนหัวใจตัวเองนั้นทำให้เขารับรู้ มันสักที...
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงจะตอบว่าใช่...” โทโมะพูดแล้วมองจองเบตรงๆ
“แล้วตอนนี้อ่ะ”
“ตอนนี้...ฉัน...ฉันคิดว่าฉันรู้ใจตัวเองแล้วว่ะ”
เพียงจบคำพูดนั้นทุกอย่างก็กระจ่างแล้วว่าโทโมะรู้สึกยังไง และเขากับจองเบก็เคลียร์กันรู้เรื่องเพราะความ ‘เข้าใจกันและกัน’ นั่นเอง และต่อไปก็คงจะเป็นหน้าที่ของโทโมะแล้วที่ต้องทำการ ‘ขอโทษ’ ใครบางคนที่โทโมะทำให้เธอคนนั้นเสียใจ
และเธอคนนั้นก็คือแก้วใจนั่นเอง!
____________________________________________________
มาอัพแล้วนะ ในที่สุดโทโมะก็รู้ใจตัวเองสักที
#ขอโทษที่มาอัพช้า พอดีไรต์ไปเรียนมาคะ
( กระจ่าง )
สวนสาธารณะ
4 ทุ่ม
ติ๊ด!
‘ฟาง...ถ้า ได้อ่านข้อความนี้ ฉันขอโทษนะที่ต้องรีบกลับก่อน เลยไม่ได้โทรบอกก่อน แต่มีธุระสำคัญที่บ้านน่ะ หวังว่าแกคงไม่โกรธนะ...พรุ่งนี้เจอกัน ^^’
“ฮืม...”
หลัง จากที่ฉันส่งข้อความไปหาฟางแล้วฉันก็เอาแต่นั่งเงียบแล้วถอนหายใจออกมาอยู่ คนเดียว ในใจก็พลางบอกว่าตัวเองบ้ามากที่มานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวในสวนสาธารณะที่ไม่ มีใครเลย มันเงียบสงัดราวกับความรู้สึกของฉันในตอนนี้ที่ไม่อยากแม้แต่จะพูดอะไรเพียง แค่อยากจะอยู่เงียบๆคนเดียว
ตามจริงฉันอยากจะโทรหาฟางนะแต่ถ้าเป็นแบบนั้นฟางต้องรู้แน่ๆว่าฉัน กำลังร้องไห้และฉันเป็นอะไรซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะบอกฟางยังไงดี
ใช่...น้ำตาของฉันมันยังไม่หมดไปและมันยังคงอยู่พร้อมกับไหลลงมา เงียบๆ และฉันรับรู้ได้เลยว่าตาของตัวเองกำลังบวม ตามจริงฉันก็พยายามแล้วที่จะควบคุมมัน และอยากจะให้เรื่องที่มันเกิดขึ้นเป็นแค่ความฝัน
อยากจะให้มันเป็นแค่ฝันร้าย...ไม่สิ!
เพราะ ฉันอยากให้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ตอนที่ย้ายเข้ามาที่นี่ในบ้านหลังนี้ ในโรงเรียนนี้ และเรื่องทั้งหมดเรื่องที่ฉันได้เจอโทโมะ...เป็นแค่ความฝัน อยากให้ตัวเองตื่นมาแล้วไม่เจอเขาอีก
แต่มันก็ทำไม่ได้...
“อึก” ยิ่งฉันคิดฉันยิ่งร้องไห้มากขึ้นจนต้องเอามือทั้งสองข้างยกขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง
ไม่เคยคิดเลยเน๊อะว่า ‘ความรัก’ มันจะทำให้เรา ‘เจ็บปวด’ ได้มากขนาดนี้ แต่โทโมะไม่ผิดหรอก...มันผิดที่ฉันเองที่ไปหลงชอบเขาทั้งๆที่รู้ว่าเขาไม่ไดคิดอะไรก็ยังจะ...
ฟิ้ว...
ลมหนาวๆที่พัดผ่านมาแบบเงียบๆทำให้ฉันต้องปาดน้ำตาของตัวเองเหมือนจะคอยปลอบ ว่าไม่เป็นไร...ไม่เป็นไรนะ...แต่สิ่งที่คอยย้ำเตือนในตอนนี้ว่าไม่สามารถลบ ทิ้งไปได้เลยคือ
สัมผัสนั้น...
คิดแล้วฉันก็ยกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเองอย่างแผ่วเบาก่อนจะเม้นริม ฝีปากเข้าหากันช้าๆ ‘จูบนั้น’ ของโทโมะคือ ‘จูบแรก’ ใน ชีวิตของฉันตั้งแต่เกิดมา แต่ช่างน่าเสียดาย...ที่มันไม่ได้มาจากหัวใจข้างในลึกๆของคนที่กระทำมันลง ไป คิดแล้วก็เจ็บจี๊ดๆขึ้นมาตรงหน้าอกข้างซ้าย
เพราะแม้แต่ในเวลาตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้คนที่ทำยังปล่อยให้ฉันอยู่ตัวคน เดียว แบกรับสิ่งนี้เอาไว้หน่วงใจคนเดียวโดยไม่มีแม้แต่คำ ‘ขอโทษ’
แต่จะไปหวังอะไรกับเขาล่ะ?
แม้ ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันที่โทโมะทำฉันตกใจที่เขากระโดนลงมาจากต้นไม้ต่อหน้าต่อ ตาฉัน เขายังไม่คิดที่จะขอโทษกันเลยสักคำ และฉันก็ไม่เคยคิดว่าโทโมะจะขอโทษใครเป็นด้วย คนแบบนั้นน่ะฉันไม่ควรที่จะไปใส่ใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่นา คนเย็นชาแบบนั้นคงจะพูดคำว่า ‘ขอโทษ’ ได้แต่กับ ‘คนที่เขารัก’ อย่างพ่อแม่หรือไม่ก็...คลอรีน
แต่มันก็ไม่แปลกหรอกที่คนอย่างคลอรีนจะมีคนหลงรัก ก็เพราะเธอสวยทั้งภายในและภายนอกจิตใจ แถมสมบูรณ์แบบทุกอย่างทุกประการ ฉันเองคงไปเทียบอะไรก็ไม่ได้หรอก
เพราะเราสองคนต่างกันริบหรี่...
“เมี๊ยว...เมี๊ยว...”
“หือ?” ขณะ ที่ภายในหัวกำลังคิดราวต่างๆอยูก็มีเสียงร้องของแมวดังขึ้นใกล้ๆนี้เมื่อได้ ยินเสียงแมวฉันจึงหันหน้าไปตามเสียงแต่ก็ไม่พบมันเลยพอฉันลองลุกขึ้นมองหา มันก็ไม่เจอ
แต่พอมองขึ้นไปบนต้นไม้ ‘ต้นนั้น’ ต้นไม้ที่วันแรกฉันได้พบเจอกับเขา...ความคิดของฉันก็ย้อนกลับไปในวันนั้น วันที่โทโมะกระโดดลงมาจากต้นไม้นั่น...ตรงหน้าฉัน
ตุบ!!
‘กรื๊ดดดดด’
และตอนนี้ฉันก็เห็นว่ามันมีแมวตัวเล็กๆอยู่ตัวนึงที่เหมือนว่าจะร้องขอความ ช่วยเหลือเพราะว่ามันคงจะลงมาจากต้นไม้ต้นนั้นไม่ได้ และด้วยสัญชาตญาณของตัวเอง ถึงแม้ว่าฉันจะกลัวความสูงอยู่หน่อยๆแต่ก็ต้องช่วยมันฉันเลยตัดสินใจถอด รองเท้าผ้าใบส้นสูงออกแล้ววางมันเอาไว้ก่อนจะเดินไปที่ต้นไม้ต้นนั้นก่อนจะ ค่อยๆปีนขึ้นไป
“รอแป๊ปนึงน้ะเจ้าเหมียว” ฉันพูดขณะที่ปีนขึ้นไปจนถึงตัวมัน
และพอมองลงไปข้างล่างมันก็สูงมากๆเลย...
“เมี๊ยว...”
“เฮ้อ...รู้ว่ามันสูงขึ้นมาแล้วลงไม่ได้แกก็ไม่ควรที่จะปีนป่ายขึ้นมาตั้งแต่แรกนะรู้มั้ย...” ฉันพูดแล้วจับเจ้าแมวนั่นมาลูบหัวเบาๆขณะที่ตัวเองนั่งห้อยขาอยู่บนต้นไม้เงียบๆ
แต่คำพูดของฉันมันแลดูเหมือนว่า ‘ตอกย้ำ’ ตัวเองยังไม่รู้สินะ...
และ พอสักพักฉันก็ลงมาจากต้นไม้ต้นนั้นแล้วก็ปล่อยเจ้าแมวตัวนั้นไปแล้วกลับมา ใส่รองเท้าตามเดิม และจังหวะนั้นนั่นเองที่ฉันตั้งสติพยายามจะปรับสภาพของตัวเองให้เป็นปกติ ก่อนจะเดินกลับบ้านสายตาก็ดันมองไปเจอใครบางคนตอนที่กำลังจะเดินออกจากสวน สาธารณะ
และใช่...เขาคนนั้นก็คือผู้ชายที่ทำในสิ่งที่ไม่คาดฝันกับฉันเอาไว้ยังไงล่ะ
“...”
ฉัน เงียบขณะที่สายตามองโทโมะที่กำลังเดินอยู่อีกฝั่ง และเขาไม่ได้เห็นเลยว่าฉันมองเขาอยู่ แต่โทโมะดูเหมือนว่าเขาไม่ยังค่อยหายจากอาการเมาไวน์สักเท่าไหร่นักเพราะท่าเดินของเขามันเซไปเซมาเหมือนว่าจะล้มได้ทุกเมื่อเลยก็ว่าได้ แต่ฉันก็คิดนะว่าตอนนั้นที่เขาเหมือนว่าได้สติหน่อยๆแล้วหลังจากที่เขา...
เฮ้อ...ฉันบอกความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ไม่ถูกเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี
“...”
และ ไม่รู้เพราะสาเหตุใดที่ทำให้ฉันแอบเดินตามโทโมะกลับบ้านแบบเงียบๆโดยที่เขาเอง ก็ไม่ได้รู้ตัวหรอก และพอเดินมาจนใกล้ถึงบ้าน ฉันก็หยุดเดินแบบกะทันหันเมื่อสายตาที่มองโทโมะเพราะคิดว่าเขาจะเดินเข้าบ้าน ตัวเองแต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด
เพราะโทโมะเดินเลยบ้านของเขาไปหยุดอยู่ที่...หน้าบ้านของฉัน...
ฉันเงียบและยืนมองเขาอยู่ห่างๆว่าโทโมะจะทำอะไร หรือว่าเขาเมาจนเดินไปผิดบ้าน แต่มันกลับไม่ใช่เมื่อโทโมะเงยหน้าขึ้นมองข้างบนบ้านชั้นสองของบ้านฉันที่เป็น ห้องนอนฉันเอง เขามองอยู่สักพักก่อนทำท่าเหมือนว่าจะกดอ็อดหน้าบ้านฉัน แต่มือที่กำลังจะกดลงไปกลับถูกเอาลงมาไว้ข้างตัวตามเดิม
โทโมะไม่กดมัน...
แต่เขากับเดินเข้าไปใกล้ประตูรั้วบ้านของฉันมากขึ้นแล้วเอามือทั้งสองยกขึ้น เกาะรั้วเอาไว้จากนั้นอาการตัดพ้อบางอย่างที่ทำให้โทโมะเอาหัวเคาะเข้ากับประตู รั้วบ้านของฉันแรงๆแล้วก็นิ่งค้างอยู่แบบนั้น
เขาเป็นบ้าอะไร...
“...”
“...”
และ ดูเหมือนว่าโทโมะจะไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างใดๆเลย เพราะเขาถอยออกมาจากรั้วบ้านฉันแล้วก็เดินก้มหน้ากลับมาที่บ้านของตัว เอง แม้แต่ฉันที่กำลังยืนมองเขาอยู่เขาก็ยังไม่เห็น
แต่ก็ดี...เพราะฉันก็ไม่อยากให้เขาเห็นฉันหรอก
เห็นแล้วได้อะไรขึ้นมาล่ะ?
ฉะนั้นอย่ามาเจอกันอีกเลยเถอะ และฉันจะพยายามลืม พยายามไม่คิดถึงเขาแล้วถึงแม้มันจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม เพราะว่าฉันไม่อยากเจ็บ ไม่อยากไปรักคนที่เขาไม่รักเรา...ไม่แม้แต่จะรู้สึกอะไร ฉะนั้นถ้าฉันไม่เจอเขาฉันก็คงไม่ต้องมาเจ็บแล้วก็รู้สึกอึดอัดเหมือนในตอน นี้
มันจะดีกว่าใช่มั้ย...
“พอ...พอที...” ฉันพูดแล้วส่ายหัวให้ตัวเองเบาๆก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่มันไหลลงมาอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อย่าร้องไห้สิแก้ว...เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวยังต้องเจออะไร อีกมากมายในชีวิต อย่าอ่อนแอสิให้ตายเถอะทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้นะ...
อีกฝั่ง...
แอ๊ด...
“อึก!”
เมื่อ ร่างสูงที่เดินเปิดประตูเข้ามาในบ้านด้วยอาการเซไปเซมา กับอาการสะอึกจากการดื่มไวน์มากเกินไปทำให้เขาเริ่มขาดสติเข้าไปใหญ่ แต่ว่าจากที่ดูแล้วโทโมะคงจะมีความรู้สึกขึ้นมาบ้างหลังจากที่เห็นแก้วร้องไห้ และเขาก็รับรู้ด้วยว่าเขาทำอะไรเอาไว้ พอแก้ววิ่งหนีไปเขาเองก็เสียใจที่ทำแบบนั้น
แต่แทนที่เขาจะตามเธอไปในตอนนั้นเขากลับเปิดขวดไวน์กินมันเข้าไปอีกขวดอย่าง ไม่เข้าใจตัวเอง...พอรู้ตัวอีกทีเขาก็เดินมาอยู่ที่หน้าบ้านของแก้วเสีย แล้ว
ตอนที่เขามองขึ้นไปบนห้องของเธอด้วยความรู้สึกผิดแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะพูด อะไรออกไปได้เพราะการกระทำของตัวเองมันสับสนเกินกว่าที่อธิบายให้ใครเข้าใจ ในความรู้สึกของตัวโทโมะเอง
ฟุ่บ!
ร่าง สูงของโทโมะเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนล้าและหมดแรงราวกับร่างของเขาอยากจะ สลายไปในตอนนั้นเสียเลย แต่เขาทำได้แค่เพียงลืมตามองเพดานห้องรับแขกเงียบๆด้วยแววตาที่ว่างปล่าวราว กับไม่รู้สึกอะไร แต่ทว่าภายในใจนั้นกลับรู้สึกเหมือนโดนจับถ่วงน้ำก็ไม่ปาน
โทโมะเขาเสียใจมากจนไม่สามารถที่จะพูดให้ใครฟังได้ว่าเขาโดน ‘เพื่อนสนิทหักหลัง’ แต่ความรู้สึกตอนนี้ไม่ใช่เสียใจที่โดนปฏิเสธ แต่เสียใจที่เพื่อนเราไว้ใจมากที่สุดไม่เคยบอกเรื่องที่มันสำคัญขนาดนี้กับเราเลย...
“อ้าว? โทโมะ? ลูกกลับมาแล้วเหรอเนี่ย แล้วทำไมมานอนอยู่ตรงนี้?”แม่ของโทโมะแลดูตกใจหน่อยๆเมื่อเดินลงมากินน้ำแล้วดันมาเห็นว่าลูกชายของตัวเองมีท่าทีเหนื่อยๆแบบนี้
“อื้ออออ” โทโมะร้องเสียงงัวเงียเมื่อแม่โทโมะเดินมาดู
“อื้อหือ ทำไมดื่มหนักขนาดนี้เนี่ยฮะ ถ้าพ่อรู้เราโดนแน่เลย ปกติเห็นไม่เคยดื่มแบบนี้นี่ลูก” แม่โทโมะดุหลังจากที่ได้กลิ่นไวน์จากตัวลูกชายตัวเองเต็มไปหมด “ป่ะขึ้นไปนอนบนห้องเลย”
“แม่อ่า” โทโมะพูดงัวเงียแล้วพยายามเอามือแม่ออกจากร่างของเขา
“ไม่ต้องมางัวเงีย ขึ้นไปนอนบนห้องเดี๋ยวนี้” และสุดท้ายแม่โทโมะก็ดึงวีขึ้นมาจากโซฟาจนได้
“อื้อฮือออ”
“เป็นอะไร”
แม่โทโมะ บ่นเบาๆแล้วส่ายหัวไปมาเมื่อเห็นว่าลูกชายของตัวเองค่อยๆก้าวขาขึ้นบันไดไป ยังห้องตัวเองด้วยท่าทางแปลกๆจากอาการเมาแล้วเสียงถอนหายใจดังๆนั้นมัน เหมือนกับว่าโทโมะเครียดอะไรสักอย่าง
ปึง...
“อึ๊ก!”เมื่อโทโมะเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนเขาก็สะอึกเสียงดังลั่นห้อง “อ๊า”น้ำเสียงสั้นๆที่ดูตัดพ้อถูกเอ่ยขึ้นก่อนที่โทโมะจะนั่งลงบนเตียงนอนของตัวเองก่อนจะนอนลงไป
‘ระ...เรา...เราขอโทษที่ทำให้นายสับสน...เราขอโทษ...ที่เข้ามาในชีวิตนาย...แต่เรา...อุ้บ!’
‘โทโมะเราบอกให้นายหยุดไงเล่า! ฮือ...พอได้แล้ว...’
‘อย่าเข้ามานะ...เราบอกว่าอย่าเข้ามา!’
ภาพ และเสียงของแก้วมันดังก้องอยู่ในหัวของโทโมะในตอนนี้และเสียงพวกเริ่มดังขึ้นๆ ภาพแก้วร้องไห้ก็เริ่มชัดเจนขึ้นบนหัวของเขา จนโทโมะต้องเอามือทั้งสองข้างยกขึ้นมาทุบศรีษะของตัวเองเพื่อให้ภาพเหล่านั้น หายไป แต่มันก็ไม่เป็นผลใดๆเลย เพราะยิ่งเขาทุบหัวของตัวเองภาพเหล่านั้นก็ชัดขึ้นราวกับจะย้ำเตือนชัดๆว่า
เขา...ทำอะไรกับแก้วจนเธอร้องไห้แบบนั้น...
“ฉันทำอะไรลงไป...”น้ำเสียงที่แผ่วเบาของโทโมะเอ่ยหลังจากที่เขามองเพดานอยู่นานนับนาที
และนั่นก็เป็นคำพูดสุดท้ายที่เขาเอ่ยก่อนที่โทโมะจะเผลอหลับตาลงจนหลับใหลไปในที่สุด...
และตอนนี้ห้องนอนของทั้งโทโมะและแก้วที่อยู่ตรงกันข้าม กับไฟห้องนอนของแก้วที่ถูกปิดลงเช่นเดียวกัน ความรู้สึกของเขาทั้งสองในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับร่มที่กำลังเปียกฝนเลย และก็ได้แต่รอเวลาที่ฝนจะหายตกลงมาและหลังจากนั้นฟ้าก็จะสว่าง ก้อนเมฆก็จะเปิดรับแสงสว่าง...
แต่สิ่งนี้ มันก็ขึ้นอยู่กับเขาสองคนเท่านั้นแหละ...
[ ช่วงของเคโอติค ]
วันต่อมา...
พักเที่ยง
“ไอ้โทโมะมันหายไปไหนวะ ตั้งแต่เมื่อคืนและโทรไปก็ไม่รับ” ป๊อปปี้ พูดขณะที่นั่งรวบกลุ่มกันอยู่ที่สนามบาสหลังจากที่เพิ่งเรียนเสร็จแต่พวกเขา ก็ยังไม่ได้ไปพักกินข้าวที่โรงอาหารเหมือนกับเพื่อนในห้องคนอื่นๆ
และตอนนี้ในสนามบาสก็มีกันแค่กลุ่มของพวกเขาเท่านั้น
“สงสัยเมื่อวานหึงแก้วหนักเลยงอนกลับไปบ้านเลยม้าง”เขื่อนพูดขณะที่กำลังก้มอ่านการ์ตูนไปพลางๆ
“ไหนโทโมะมันบอกไม่ได้ชอบแก้วไงวะเขื่อน = =;;;;” ป๊อปปี้ถาม
“เอ่อ...มันก็คงจะยอมรับให้เราฟังง่ายๆหรอกนะครับคุณ ‘ป๊อปปี้นี่’ ” เคนตะประชด
“ป๊อปปี้นี่พ่อง >O<!”
“อ้าวไมอ่ะ? เข้ากันดีออกกับ ‘ฟางแมน’ ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้เคนตะ!!”
ตอนนี้ดูเหมือนว่าป๊อปปี้อยากจะฆ่าเคนตะให้ตายคามือหลังจากที่พูดล้อเลียนป๊อปปี้แถมยังเอาไปคู่กับ ‘ฟางแมน’ ( คนที่คุณก็รู้ว่าใคร อิ อิ ) และแบบนี้จะไม่ให้ของขึ้นได้อย่างไรกันหนอ
“อืม จะว่าผมคิดไปเองรึปล่าวเพราะตอนที่โทโมะหายไปสักพัก แก้วก็หายไปด้วยนะ”
จึก!
ขวับ!
“ไงนะ?” เพื่อนที่เหลือยกเว้นจองเบ ( ที่นั่งเหม่อถึงอะไรอยู่เงียบๆ ) นั้นรีบหันมาหาเขื่อนทันที
“ก็สังเกตหลังจากที่โทโมะเดินออกไป พอแก้วเต้นกับผู้ชายคนนั้นเสร็จแล้วเธอก็หายไปเลย”
“เฮ้ย หรือว่าสองคนนั้นจะไปด้วยกันวะ?” ป๊อปปี้ถามอย่างขอความเห็นก่อนที่จะหันไปถามขอความเห็นจากจองเบ “แกคิดว่าไงวะจองเบ”
“ฮะ?” จองเบที่ถูกเรียกหันมาเค้นเสียงสงสัยเนื่องจากเมื่อกี้เขาไม่ได้สนใจฟังอะไรเพราะว่ามัวแต่นั่งเหม่อ
“ฉันถามว่าแกคิดว่าไง”
“เอ่อ...ไม่รู้ว่ะ” จองเบส่ายหน้า
“ไม่รู้หรือไม่ได้ฟังวะ แกนี่พักนี้เหม่อบ่อยนะเนี่ย เพ้อถึงสาวที่ไหนง๊ะ? หรือว่าคนที่ตบหน้าแก?”
กึก!
จองเบถึงกับลืมคิดคำโกหกตอนที่ว่าถ้าเพื่อนจะถามว่าปากไปโดนอะไรมาแล้วเขาจะ ตอบอย่างไร แต่เห็นไม่มีใครถามเขาซักคน เขาก็เลยคิดว่าไม่มีใครสนใจแผลที่มุมปากนั่นน่ะสิ
“ฉันไม่ได้โดนใครตบ จบนะ? และขอโทษทีที่ไม่ได้ฟัง”จองเบพูดแบบขำๆไปแบบเนียนๆแต่ในใจของเขาตอนนี้จะรู้สึกตามสีหน้ารึปล่าวก็ไม่รู้สินะ
“ฉันจะไปรู้ได้ไงวะก็เห็นแกมุมปากแตกอย่างกับคนโดนตบมา”
“ก็เมื่อวานตอนกลับจากกิจกรรมฉันก็แวะไปที่สนามแข่งแล้วก็มีปัญหานิดหน่อย” จองเบพยายามพูดให้เนียนที่สุด
“มีเรื่องทำไมไม่โทรบอกพวกฉันวะ” เขื่อนพูด แต่จองเบก็แค่หยักยิ้มที่มุมปากแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น
“เฮ้ยเรื่องไอ้โทโมะอ่ะฉันคิดว่านะ...”
“เฮ้ยไอ้โทโมะมาแล้ว” เขื่อนรีบสะกิดป๊อปปี้ที่กำลังจะพูดบางอย่างออกมาเมื่อเห็นโทโมะเดินเข้ามาในสนามบาสด้วยสีหน้านิ่งตามฉบับปกติ
แต่วันนี้ จะเป็นวันที่เพื่อนๆในกลุ่มไม่คาดคิดเลยล่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้น!
“ไอ้โทโมะแม่งทำหน้าอย่างกับคนอกหักว่ะ เห๋อๆ” เคนตะพูดหยอกขณะที่โทโมะเดินมาถึง
“เมื่อวานแกกลับบ้านไปตอนไหนวะ ฉันโทรไปก็ไม่รับ นึกว่าเมาจนเดินไปตกท่อที่ไหนแล้ว”
“...” โทโมะไม่ตอบแต่แค่หันไปพยักหน้าให้เคนตะเฉยๆจากนั้นเขาก็หันสายตาไปทางจองเบที่กำลังมองเขาอยู่
“เฮ้ยไอ้โทโมะมาแล้ว งั้นพวกเราไปกินข้าวกันป่ะ” เขื่อนเอ่ยเพื่อนๆก็เห็นด้วยเลยพากันสะพายเป้ของตัวเองแล้วทำท่าว่าจะเดินออกไปจากนอกสนามบาสเพื่อไปยังโรงอาหาร
แต่ทว่า...
ตึกๆๆๆ
ผัวะ!!
“เฮ้ย! อะไรวะ!?”
เมื่อ เหตุการณ์ไม่คาดฝันบังเกิดเพื่อนๆ ทุกคนต่างพากันตกอกตกใจเมื่อโทโมะเดินตรงเข้าไปหาจองเบแล้วต่อยเข้าที่ใบหน้าของ เขาอย่างแรงจนจองเบเซถอยหลังไปหายก้าว เขื่อนกับกับป๊อปปี้ก็รีบวิ่งตรงเข้าไปจับโทโมะเอาไว้เมื่อโทโมะทำท่าว่าจะเข้าไปต่อยจองเบอีกครั้งนึง
“เป็นไรวะเนี่ยไอ้โทโมะ! ต่อยไอ้จองเบทำไม!?”
“ปล่อย!” โทโมะพูดพร้อมกับสลัดแขนของตัวเองออกจากเขื่อนกับป๊อปปี้ก่อนจะเดินเข้าไปหาจองเบที่ตอนนี้ยืนมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจอยู่ตรงหน้า
“เป็นอะไรวะ” จองเบถามโทโมะพลางขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ปากแกไปโดนอะไรมา”โทโมะถามเสียงนิ่งแล้วมองจ้องจองเบอย่างจะฟังคำตอบว่าจองเบจะตอบว่าอะไร
“ก็โดนแกต่อยไง”
“หมายถึงก่อนหน้านี้!” โทโมะพูดเสียงดังและนั่นก็ทำให้เพื่อนๆยิ่งสงสัยกันเข้าไปใหญ่ว่าโทโมะโมโหอะไรจองเบ
ใช่! เพราะ หมัดที่เขาต่อยหน้าจองเบไปก็คือจุดเดียวกันกับที่คลอรีนตบจองเบนั่นเอง และตอนนี้เลือดมันก็ไหลลงมาที่มุมปากของจองเบอีกครั้ง เหมือนเมื่อคืน...
“ไอ้จองเบมันบอกว่ามันมีเรื่องที่สนามแข่งเมื่อคืนเว้ยไอ้โทโมะ ><!”
“แกแน่ใจเหรอ?” เมื่อป๊อปปี้พูดแบบนั้นโทโมะถึงกับหันไปถามเสียงเชิงประชดจนป๊อปปี้จำต้องเงียบ
“...”
“แกกับฉันมีเรื่องต้องคุยกันไอ้จองเบ...”
หลัง จากโทโมะพูดจบเขาก็เดินไปยังทางออกอีกทางที่จะเป็นตึกหลังโรงเรียนเงียบๆที่ไม่ มีใครในช่วงพักกลางวัน และเป็นเวลากับสถานที่ที่เหมาะกับการคุยอะไรลับๆกันด้วย ตอนนั้นจองเบก็ได้มองหน้าเพื่อนๆในกลุ่มก่อนที่เขาจะหันหลังแล้วเดินตามโทโมะออก ไป
และพอป๊อปปี้อยากจะตามไปดูเขื่อนก็ยั้งไว้เหมือนจะบอกว่า ‘ปล่อยให้มันคุยกันเอง’
แล้วตอนนี้จองเบเองก็เหมือนจะรู้เป็นลางๆแล้วว่าเรื่องที่โทโมะจะคุยคือเรื่องอะไรถึงต้องต่อยเขาแบบนี้
“มีอะไรว่ามา” จองเบถามทันทีที่เขาเดินมา แล้วเห็นว่าโทโฒะยืนหันหลังให้เขาอยู่
“แกมีอะไรที่ไม่ได้บอกฉันรึปล่าว”
“...”
“...”
“...มี”หลังจากที่จองเบถอนหายใจออกมาสักพักเขาก็พูด และเมื่อโทโมะได้ยินมันเขาก็หันมามองจองเบนิ่งๆ “แต่...ฉันคิดว่าแกคงจะรู้แล้ว”
“...ตั้งแต่เมื่อไรวะ...”
โทโมะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เข้าใจจองเบแบบตัดพ้อก่อนที่เขาจะเมินสายตาไปทางอื่น แล้วพยายามใจเย็นให้ได้มากที่สุด เพราะโทโมะไม่คิดว่าการคุยกันด้วยถ้อยคำโมโหใส่คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก และปกติโทโมะไม่ใช่คนแบบนี้ เขาออกจะเงียบเฉยชาเสียด้วยซ้ำ แต่วันนี้มันคงถึงคราวที่เขาต้องพูดและถามให้เคลียร์เรื่องที่ค้างคาใจบ้าง แล้ว
เพื่อที่ให้เรื่องที่มันเป็นปมอยู่ในใจได้คลายออกสักที
“ฉันขอโทษเว้ยเพื่อน แต่ฉันไม่รู้จะบอกพวกแกยังไง” จองเบพูดขณะที่เขานั่งลงยองๆอย่างเหนื่อยล้าโทโมะเองก็เช่นกัน
“...แกคบกับคลอรีนตอนไหนวะ” โทโม
“ฉันกับคลอรีนน่ะ...เราคบกันก่อนที่แกจะพูดบอกกับกลุ่มเราให้รู้ว่าแกชอบคลอรีนอยู่...”
“...”
“ตอน ม.1 ฉันแอบมองคลอรีนตั้งแต่วันแรกที่เจอ และพอมารู้ตัวอีกทีฉันก็แอบเดินตามไปส่งเธอขึ้นรถที่ทางบ้านส่งมารับเธอหน้า โรงเรียนซะแล้ว และคลอรีนเองก็ดูเหมือนว่าจะรู้สึกแปลกๆกับฉันเหมือนกัน พอเวลาว่างเราก็จะแอบไปนั่งคุยกันที่สวนหลังโรงเรียน จนมันเกิดความรู้สึกว่าเราชอบกัน”
“...”
“แต่ ด้วยเหตุที่ว่าฉันเห็นว่าคลอรีนถูกแต่งตั้งให้เป็นนักเรียนดีเด่นของระดับ ชั้น และไม่อยากให้เธอโดนปลดออกด้วยเหตุผลที่ว่ามีแฟนทั้งๆที่ยังอยู่ ม.1 ฉันกับคลอรีนเลยตกลงกันว่าเราจะเก็บความสัมพันธ์นี้ไว้เป็นความลับ ไม่บอกใคร แม้กระทั่งเพื่อนสนิท...และในช่วงนั้นฉันก็ต้องทำเป็นคบเล่นๆกับคนอื่นด้วย เพื่อที่จะได้ไม่มีใครมาสงสัยฉันกับคลอรีน”
“...”
“แต่ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจพวกแกนะเว้ยที่ไม่ยอมบอก แต่ฉันก็กะจะบอกตอนที่ถึงเวลา แต่ว่าแก...โทโมะ” จองเบพูดแล้วหันมามองหน้าโทโมะที่กำลังนั่งฟังเขาอยู่ “พอแกมาบอกให้พวกฉันฟัง ตอนเปิดเทอม ม.2 ว่าแกแอบชอบคลอรีนมาตั้งแต่ ม. 1 แล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าจะพูดบอกกับแกยังไงเลยว่ะ”
“แกกลัวฉันอึดอัดใช่มั้ยล่ะ” โทโมะถามอย่างเข้าใจเมื่อเขาได้รู้ความจริงแล้ว
“อืม”จองเบพยักหน้า “ฉัน กลัวว่าแกจะเสียใจ แต่ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเก็บเอาไว้ตามเดิม ตอนนั้นฉันยอมรับเลยว่าอยากจะบอกแกมากว่าฉันกำลังคบกับคลอรีนเพราะด้วยความ ที่ว่าฉันรักคลอรีนจนไม่อยากให้ใครมาชอบเธอเกินกว่าเพื่อน แต่แกเป็นเพื่อนสนิทฉัน ฉันจะพูดให้มันทำลายความรู้สึกของแกได้ยังไง เพราะคนอย่างแกถ้าไม่ชอบใครจริงคงไม่พูดออกมาหรอกว่าชอบใครอยู่”
“แล้ว...แกกับคลอรีน...”
“เราเลิกกันไปตั้งแต่ ม.4 แล้ว เลิกกันก่อนที่แกจะไปสารภาพรักกับเธอซะอีก” จองเบบอกแล้วยิ้มบางๆแต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้มีน้ำตาคลอเอ่อขึ้นมาที่บริเวณขอบตา
“ทำไมถึงเลิกวะ...แกกับคลอรีนน่าจะรักกันมากนิ”
“อืมมม ไม่รู้ดิ” และพอจองเบพูดแบบนั้นพลางถอนหายใจออกมาน้ำตาของเขาก็ไหลลงมา “แต่แกเชื่อมั้ย...ว่าตอนที่คลอรีนบอกเลิกฉันน่ะฉันโคตรเจ็บเลยว่ะ...”
“อืม ฉันเข้าใจแกแล้ว”โทโมะพูดอย่างเข้าใจจองเบเมื่อเห็นว่าจองเบร้องไห้ แต่จองเบก็รีบเอาหลังมือของเขาขึ้นมาปาดน้ำตาของตัวเอง
“ก็ไม่คิดเลยเน๊อะว่า...เมื่อวานเพิ่งยิ้มให้กัน บอกรักกัน แล้ววันต่อมาก็มาบอกเลิกด้วยถ้อยคำที่เย็นชากับท่าทางที่ต่างกันกับคนล่ะคนแบบนั้นน่ะ”ะถามตรงๆหลังจากที่เขานั่งมองจองเบอยู่พักใหญ่
“เขาไม่บอกเหรอว่าทำไมเลิก” โทโมะถามแต่จองเบก็เงียบไปจากนั้นก็ส่ายหน้าเป็นเชิงบอกแทน
“ฉันพยายามถามแต่คำตอบที่ได้กลับมาคือความเฉยชา ทุกครั้งอ่ะ ฉันก็ถามตัวเองนะว่า...ฉันทำอะไรผิดไปวะ?”
และจากนั้นโทโมะก็เข้าใจจองเบมากขึ้นพร้อมกับเข้าใจเหตุผลของคลอรีนว่าทำไม ถึงไม่รับรักเขา เพราะคงจะเป็นไปได้ว่าคลอรีนอาจจะยังรักจองเบอยู่เป็นได้ แต่แค่เธอต้องไม่แสดงออกให้ใครรู้ว่าเธอรู้สึกยังไงอยู่ เพราะเธอคงจะมีเหตุผลของเธอนั่นแหละ
แต่เป็นเหตุผลที่เธอบอกใครไม่ได้นั่นเอง...
“ไอ้จองเบ...” เมื่อโทโมะเรียกจองเบ จองเบก็หันมามองเขาพร้อมกับเลิกคิ้วให้ “ฉันขอโทษแกนะเว้ยที่...”
“แกไม่ต้องขอโทษหรอก เพราะแกไม่ได้ผิด คนที่ผิดคือฉันเองที่ไม่ยอมบอกอะไรพวกแกเลย และถ้าฉันเป็นแก...”จองเบพูดแล้วเอามือของเขามาตบไหล่โทโมะเบาๆ “...ฉันก็คงจะเสียความรู้สึกเหมือนกัน”
“อื้ม ขอบใจนะเว้ยที่บอกกันตรงๆ”
“ฉันบอกแกแล้ว...คราวนี้แกบอกฉันบ้างได้รึปล่าววะ”
“ถามมาดิ”
“ตอนนี้แกยังชอบคลอรีนอยู่รึปล่าววะ...ขอความจริง”
เมื่อจองเบตัดสินใจถามออกมาแล้ว คำตอบที่โทโมะจะตอบออกไปก็คือ ‘ความจริงเท่านั้น’ และครั้งนี้เขาไม่ได้โกหกใจตัวเองเหมือนๆที่ผ่านมาอีกแล้ว เพราะเรื่องเมื่อคืนมันทำให้เขารับรู้ได้ว่าใครกันที่ ‘รักเขา’ และใครกันที่ ‘เขาแคร์’ ถึงว่าโทโมะจะไม่อยากแสดงออก
แต่จากสิ่งหลายอย่างที่มันเป็นข้อเตือนหัวใจตัวเองนั้นทำให้เขารับรู้ มันสักที...
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงจะตอบว่าใช่...” โทโมะพูดแล้วมองจองเบตรงๆ
“แล้วตอนนี้อ่ะ”
“ตอนนี้...ฉัน...ฉันคิดว่าฉันรู้ใจตัวเองแล้วว่ะ”
เพียงจบคำพูดนั้นทุกอย่างก็กระจ่างแล้วว่าโทโมะรู้สึกยังไง และเขากับจองเบก็เคลียร์กันรู้เรื่องเพราะความ ‘เข้าใจกันและกัน’ นั่นเอง และต่อไปก็คงจะเป็นหน้าที่ของโทโมะแล้วที่ต้องทำการ ‘ขอโทษ’ ใครบางคนที่โทโมะทำให้เธอคนนั้นเสียใจ
และเธอคนนั้นก็คือแก้วใจนั่นเอง!
____________________________________________________
มาอัพแล้วนะ ในที่สุดโทโมะก็รู้ใจตัวเองสักที
#ขอโทษที่มาอัพช้า พอดีไรต์ไปเรียนมาคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ