Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
22) - Unexpected - ( เรื่องไม่คาดฝัน! )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- Unexpected -
( เรื่องไม่คาดฝัน! )
เย็นวันพฤหัส
6 โมง
บ้านฉัน
“โอ๊ะ! ให้ตาย ไม่อยากเชื่อเลยว่าแกจะใส่ชุดพี่สาวฉันได้เป๊ะแบบนี้เนี่ยแก้ว ><////” ฟางบอกหลังจากที่ฉันเปิดประตูห้องน้ำออกมา
“ชมเกินไปป่าว” ฉันพูดขึ้นก้าวเท้าของมาจากห้องน้ำที่เมื่อกี้เพิ่งเอาชุดของพี่สาวฟางที่เขาให้ยืมไปเปลี่ยนมา
ก็เมื่อเย็นกลับจากโรงเรียนฟางก็ตามที่บ้านตอนประมาณ 4 โมงกว่าๆ เธอเอาชุดมาเปลี่ยนที่บ้านฉันและไม่ลืมที่จะเอาชุดมาเผื่อฉันด้วย งานเริ่มตอน 1 ทุ่ม นี่ก็ 6 โมงเย็นเข้าไปแล้ว
เฮ้อ...ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีถ้าไปที่นั่นในตอนที่ใส่ชุดแบบนี้น่ะสิ คงเกร็งน่าดู แต่ก็จะพยายามทำให้ตัวเองดูสบายๆที่สุดล่ะกัน ^^
“ใครว่าชมเกินไป ก็เห็นอยู่ว่าแกใส่ชุดนี้แล้วน่ารักดีออก เข้ากับแกมากอ่ะ” ฟางบอกแล้วลุกขึ้นจากเตียงฉันก่อนเดินมาหาแล้วจับตัวฉันให้หันไปทางโน้นทางนี้เพื่อดูชุด
ชุดที่ของพี่สาวฟาง ที่ฟางเอามาให้ยืมเป็นชุดเดรสสีขาวแบบผ้าแก้วปักดอกไม้ ปักหมุด ปักคริสตัลสีขาวที่ช่วงคอเล็ก เพื่อให้ดูออกแนวหวานน่ารัก สุภาพออ่อนโยนไปในตัวชุด และตัวกระโปรงซึ่งเป็นกระโปงทรงบานสั้นเลยเช่าขึ้นมาหน่อยๆเท่านั้น เพราะจะทำให้เดินได้สะดวก
ส่วนเรื่องที่ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยคือ...
ฟางเป็นคนจัดการให้ฉันหมดทั้งชุดทั้งแต่งหน้าทั้งทรงผม คือ ไม่คิดเลยว่าเพื่อนคนนี้จะทำอะไรแบบนี้เป็น เห็นห้าวๆแบบนี้จะทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย และที่สำคัญ! ฟาง แต่งหน้าเก่งมาก จากหน้าปกติให้กลายเป็นสวยน่ารักทันทีเลย ก่อนที่ฉันจะเข้าไปเปลี่ยนชุด ฟางก็แต่งหน้าให้ตัวเองก่อน แล้วค่อยมาแต่งนู่นนี่ให้ฉันจากนั้นก็ให้ฉันไปเปลี่ยนชุด
แต่ที่ฉันชอบมาที่สุดเลยคือทรงผมเปียที่ฟางถักให้เนี่ยแหละ
มันเป็นทรงถักเปียแบบคาดผม ซึ่งฉันอยากทำมานานแล้วแต่ก็ไม่ได้ทำสักทีหนึ่ง ^O^//
“เออ จะว่าไปแล้วฉันล่ะอยากเห็นพวกเคโอคิตใส่เสื้อสูทสีดำกันจังเลย คงเท่ห์กันน่าดูเน๊อะ
^O^//”
“สะ...ใส่สูทเหรอ?”
“อื้อ ก็ผู้หญิงใส่เดรสขาว ชายใส่สูทดำไง เฮ้อ เหมือนงานพรอมเลยอ่ะ ที่ควงคู่มาเต้นรำกัน คงจะฟินน่าดู”
“ก็...คงงั้น...”
ฉันพูดแบบติดๆขัดๆเพราะว่าสายตาของตัวเองมองผ่านหน้าต่างห้องนอนของตัวเองไปมองยังห้องนอนของ ‘เขา’ ที่ ฉันเห็นแต่เงาของโทโมะเหมือนว่าเขากำลังแต่งตัวอยู่หลังผ้าม่านของห้องนอนเขา ที่ถูกปิดอยู่นั่นเอง และเงานั่นโทโมะก็กำลังใส่เสื้ออยู่นั่นเอง
เอ...ฉันล่ะอยากเห็นตอนที่เขากับเพื่อนๆใส่ชุดสูทจริงๆนะ
มันคงจะ...เอ่อ...หล่อน่าดู
“มองไรวะ?” ฟางเบิกตาโตถามก่อนจะหันมองตามสายตาของฉันไป
แต่มันโชคดีเอามากๆที่เงาของโทโมะได้หายไปแล้วยังไงล่ะ
“ก็มองอะไรเรื่อยเปื่อยนั่นแหละน่า” ฉันพูดแล้วเดินไปนั่งบนเตียงของตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เออ ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อวานละ”
“เรื่องไรเหรอ?” ฉัน เงยหน้าขึ้นไปมองฟางอย่างสงสัย ฟางก็ทำปากจู๋เหมือนว่าจะพูดออกมาดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ยอมพูดถามออกมา และคำถามนั้นก็ทำเอาฉันกับบอกไม่ถูกไปไม่เป็นเลย
“วันที่เกิดอุบัติเหตุอ่ะ โทโมะ...เป็นคนมาช่วยแกไว้ช้ะ?”
“...อ้อ...อือ” ฉันพยักหน้า
“แปลกแฮะ โทโมะที่ไม่เคยสนใจใครเนี่ยนะวิ่งมาช่วยแก แกสองคนมีอะไรๆกันรึปล่าวเนี่ย ^^?”
‘มีอะไรๆกัน ’ ที่ไหนเล่า! >O<//////
“บ้า ไม่มีไรหรอก แกคงคิดมากไปเองแหละ”
“แต่ความรู้สึกฉันมันบอกอ่ะดิว่า ‘มี’ ”
“ฟาง = =;;;;”
“อ่ะจ้า ไม่มีก็ไม่มี”
[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
“ป๊าดดดด ลูกใครวะนั่นหล่อแท้”เมื่อผมเดินลงมาจากห้องนอนตัวเองพ่อที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หน้าทีวีหน้ามันเห็นผมท่านก็เอ่ยพูดขึ้นทันที
“ลูกพ่อไง” ผมบอกแล้วเดินไปหาแม่ที่กำลังนั่งดูสมุดรูปเสื้อผ้าอยู่ในครัว ( แม่ผมเป็นช่างเย็บผ้าน่ะ )
“อ้าวโทโมะ แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอลูก”
“ครับ”
ผม ตอบแล้วก้มมองดูชุดสูทสีดำสนิทของตัวเอง ที่เป็นสูทของพ่อนั่นเอง แม่ผมท่านจัดเตรียมเอาไว้ให้ ผมแต่งแบบเสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่างเลย ยกเว้นเนคไทเนี่ยแหละที่ผมยังไม่ได้ใส่เพราะกลัวทำเละอ่ะดิ ส่วนกางเกงพ่อมันตัวใหญ่ไปเพราะพ่อผมออกตัวอ้วนๆ ( พ่อผมไม่ได้ว่าพ่อนะ = =;;; ) ผมจึงต้องหากางเกงสีดำที่เข้ากับสูทมาใส่
แต่น่าเสียดายที่มันยาวไม่ถึงตาตุ่มผมน่ะสิ...นั่นก็แปลว่าผมใส่กางเกงยาวขา ลอยอ่ะดิ
“เนี่ย แม่ย้อมผมลูกให้กลับมาดำแล้วหล่อไปอีกแบบเลยนะแม่ว่า”
อ้อ! ลืม บอก ผมย้อมผมแล้วนะครับจากผมสีส้มมาเป็นสีดำแบบตั้งๆเพราะแม่จัดทรงให้บอกว่า อยากเห็นผมแบบนี้ของลูกชายบ้าง เพราะเห็นแต่ผมสีส้มมาเป็นปีๆแล้ว แม่เอาสีออกให้เมื่อวานนั่นแหละ ตอนแรกผมก็จะเข้านอนแล้ว แต่ก็เดินลงมาคุยกับแม่ข้างล้างอีกที
เราคุยกันเรื่อง...เอ่อ ช่างมันเถอะนะ =////=
“แม่นึกไงย้อมผมดำให้ผมเนี่ยถามจริงๆ” ผมถามขณะที่แม่ก็เอาเนคไทมาผูกให้ผม และเพราะว่าผมตัวสูงกว่าแม่มากๆผมจึงก้มตัวลงย่อๆให้แม่ผูกเนคไทได้ถนัดๆหน่อย
“แม่ เบื่อผมสีส้มของลูก อีกอย่างแม่คิดว่างานใส่สูทแบบนี้ แม่อยากให้มันดูเข้ากันหน่อย ชุดดำผมส้ม อันนั้นมันดูหล่อเลวไป แม่อยากให้ผมดำชุดดำ แม่ว่าเท่ห์ดีออกนะ ^^”
“อ่าครับ”
“แล้วนี่ลูกจะไปยังไงล่ะ เพื่อนมารับ?”
“ผมจะเดินไปเจอไอ้พวกนั้นที่สวนก่อนแล้วค่อยไปพร้อมกัน” เมื่อผมตอบแม่ก็พยักหน้า“งั้นผมไปแล้วนะแม่ พ่อไปแล้วครับ” ผมไหว้พ่อไหว้แม่ก่อนจะเดินเปิดประตูแล้วไปหยิบรองเท้าผ้าไปสีดำขึ้นมาสวมใส่
พอผมใส่เสร็จผมก็เงยขึ้นไปมองที่หน้าต่างของห้องนอนใครบางคนที่ตอนนี้ผมเห็น แค่เงาของเธอเท่านั้น สงสัยคงจะเตรียมตัวไปงานกิจกรรมแล้วมั้งเลยปิดประตูกระจกกับผ้าม่านเอาไว้ แล้ว
เฮ้อ...ผมล่ะอยากเห็นตอนที่ ‘คนมึนๆอึนๆ’ แบบแก้วแต่งชุดออกงานบ้างจัง
เฮ้! ก็ ปกติผมได้เห็นที่ไหนล่ะ ยัยนั่นแทบไม่แต่งหน้าแต่งตาอะไรเลยเหมือนๆกับยัยฟางจอมแสบของไอ้ป๊อปปี้มัน นั่นแหละ แต่ผมก็ว่า...ถ้าเธอแต่งแล้วอาจจะ...สวยก็ได้นะ
โว๊ะ! ผมนี่คิดอะไร ไปดีกว่า ขืนไปช้าไอ้พวกนั้นก็หาเรื่องแซวผมอีกจนได้
[ จบบันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
โรงยิมกิจกรรม
ประมาณหนึ่งทุ่มกว่าๆ
“จัดสวยกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย”
ฟางบอกเมื่อเราเดินเข้ามาในโรงยิมกิจกรรมที่ตอนนี้มีเหล่านักเรียนชั้น ม.5 มารวมตัวกันอยู่มากกมาย บางคนก็เริ่มหาคู่เต้นรำกันแล้ว แต่ว่าบนเวทีตอนนี้ก็กำลังมีการโชว์รำไทยกันอยู่แล้วก็มีนักเรียนที่จะคอย เป็นช่างภาพถ่ายรูปกิจกรรมเอาไว้แต่ละที่ ซึ่งสังเกตแล้วจะมีประมาณ 3 ถึง 4 คน
แน่ล่ะ! ของแบบนี้มันต้องช่วยกันเพื่อให้ผลงานมันออกมาดูดีในสายตาของคณะครู
“นี่ดีนะที่ฉันมีผ้าใบส้นสูงอยู่ ไม่งั้นคงไม่มีรองเท้าใส่มาแน่ๆ” ฉันพูดเมื่อนึกขึ้นได้
เพราะฉันไม่มีรองเท้าส้นสูงที่จะใส่มาให้เข้าชุด แต่พอค้นดูแล้วมันมีผ้าใบส้นสูงอยู่คู่หนึ่งที่ก่อนจะย้ายมาที่นี่เพื่อนของ ฉันให้เอาไว้เป็นของขวัญซึ่งฉันยังไม่เคยเอามันมาใส่เลย วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันหยิบมันขึ้นมาสวมใส่และมันก็จำเป็นซะด้วยสิ
แต่ก็ดีนะ! เพราะว่าถ้าฉันใส่ส้นสูงมามีหวังเดินหกล้มแน่ๆเพราะคนเยอะเหลือเกิน และยิ่งตัวเองเป็นซุ่มซ่ามอยู่ด้วยอ่ะดิ Y^Y
“เฮ้ยๆๆๆๆ พวกเราเคโอติคมาแล้ว!!”
“ไหนๆๆๆ”
“ว๊ากกกกก พวกเขามาแล้ว >O<!!!”
บึก!
ร่างของฉันถูกชนเข้าเมื่อสาวๆต่างรีบพากันกรูออกไปนอกโรงยิมแล้วชะเง้อมองกุล่มเคโอติคที่คาดว่าน่าจะกำลังเดินขึ้นมาบนโรงยิม
“เฮ้ย ไปดูกันป่ะ” ฉันยังไม่ทันได้พุดอะไรฟางก็รีบจับมือฉันให้เดินตามไปที่ตรงระเบียงของโรงยิม
“กรื๊ดดดดดดดดดดดดดดด” สาเหตุ ที่ทำให้เกิดเสียงกรื๊ดดังๆนั้นคือกลุ่มเคโอติคกำลังพากันเดินขึ้นมาบนโรง ยิมอย่างกับพวกดาราชายที่กำลังเดินแบบแล้วมีสาวๆมาตามไล่กรี๊ดก็ไม่ ปาน แต่ในตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองไม่ได้สนใจอะไรรอบข้างเลยนอกจากจะ มองจ้องไปที่ ‘เขา’ ที่กำลังเดินตามหลังเพื่อนๆขึ้นมา
“ว๊ายยยยย โทโมะย้อมผมดำแล้วอ่ะแก๊ อ๊ากกก ละลาย!!!”
จริงสิ! ฉันลืมสังเกตไปได้ยังไงนะ ><!
เพราะตอนนี้โทโมะย้อมผมเป็นสีดำเลยทำให้ใบหน้าของเขาดูคมขึ้นกว่าเดิม แถมยิ่งโทโมะออกแนวพูดน้อยอยู่แล้ว ( มั้ง?) เลยทำให้สีผมนี้มันดูเข้ากับเขามากจริงๆ ยิ่งเขาเปิดเหม่งเพราะว่าทำผมทรงตั้งๆนี่ยิ่งดูดีขึ้นอีกเป็นกอง แต่ถ้าให้บอกเลยคือในกลุ่มเคโอติคทั้งกลุ่มดูดีหมด!
แถมใส่ชุดสูทแบบเดียวกันทุกคนยิ่งทำให้ดูกลืนและเป็นกลุ่มเดียวกันมาก ขึ้น แต่ที่ฉันคิดว่าเรียกเสียงกรี๊ดใน ‘ความน่ารัก’ ได้มากที่สุดในกลุ่ม เห็นทีจะเป็นเขื่อนที่เดินไปแล้วยิ้มไปหันไปยิ้มแล้วโบกมือให้คนโน้นคนนี้
ฉันว่ามันน่ารักมากๆเลยแหละ ^___^
ชิงค์
จึก!
“...!”
“...”
ฉัน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่โทโมะกำลังมองมาเพราะว่าตัวเองกำลังเหม่ออยู่แต่พอกลับมา ได้สติก็เห็นว่าโทโมะกำลังมองตรงมาซะอย่างนั้น เขาไม่ได้หยุดเดินแต่ก็มองมาที่ฉันนิ่งๆ ฉันเองก็ไม่ได้ละสายตาไปไหนเช่นกันแต่พอคิดว่าหัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะฉัน เลยรีบปลีกตัวออกมาจากตรงนั้นทันที
“อ้าว ออกมาไม่ยอมบอกนะ >O<!” ฟางที่คงเห็นฉันปลีกตัวออกมาล่ะมั้งเลยเดินตามออกมาด้วย
“ฉันเบื่อเสียงกรี๊ดน่ะ ขอโทษที”
ฉันบอกฟางทั้งๆที่ความรู้สึกข้างในหัวใจมันไม่ใช่แบบนั้นเลย...
มันแปลก...ทำไมโทโมะถึงมองมาแบบนั้นกันนะ และอันนี้ฉันไม่ได้คิดไปเองแน่ว่าเขากำลังมองคนอื่น แต่สายตามันตรงมาที่ฉันเต็มๆเลยนะ
เขากำลังคิดอะไรอยู่?
“หวัดดีสองสาว ^^”
ขวับ!
O_O
“อ้าวมิณท์ / อ้าวมิณท์” ฉันกับฟางพุดพร้อมกันเมื่อหันไปเจอมิณท์ที่ยืนยิ้มให้อยู่ข้างหลัง
“แหมวันนี้แต่งซะหล่อเชียว” ฟางแซว
“ฮ่าๆ ขอบใจนะ พวกเธอเองก็สวยใช่ย่อยนะเนี่ย ^^” มิณท์เกาคอแก้เขินแล้วยิ้มให้ฟางก่อนจะหันมามองที่ฉันยิ้มๆฉันก็ยิ้มตอบ
จะว่าไปแล้ววันนี้มิณท์หล่อมากเลยนะเมื่อเขาใส่สูทน่ะ และที่สำคัญเขาไม่ได้ใส่แว่นมาเสียด้วยสิ แต่น่าจะใส่คอนเทคเลนส์มาแทนและที่ตรงประเป๋าเสื้อสูทของมิณท์ก็มีดอก กุหลาบสีแดงเล็กเสียบอยู่ด้วย
และ ขนาดที่พวกเรากำลังคุยๆกันอยู่ๆกลุ่มเคโอติคก็เดินขึ้นมาข้างบนโรงยิมกิจกรรม พอดี ฉันกับฟางและมิณท์จึงพากันเดินยืนอยู่แถวๆพวกโซนเครื่องดื่มแทน
สักพักต่อมา...
แปะ...แปะ...แปะ
“ขอบคุณค่า ^O^//”
ผู้หญิง นางรำที่เมื่อกี้โชว์ได้จบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วพูดประกาศขอบคุณทางไมค์ เมื่อได้รับเสียงปรบมือที่ดังกระหึ่มไปทั้งโรงยิมเพราะประทับใจในโชว์ของพวก เธอ ซึ่งฉันก็เป็นหนึ่งในเสียงปรบมือนั้นด้วย
“ค่ะ ขอขอบคุณทุกๆคนที่แสดงความประทับใจให้กับเหล่าบรรดานางรำของชั้น ม.5 เมื่อสักครู่นี้มากนะคะ ^^”
คนที่พูดไมค์ในตอนทีเหล่านางรำพากันเดินลงไปจากเวทีแล้วไม่ใช่ใครที่ไหนเลยและเธอคนนั้นก็คือคลอรีนนั่นเอง ^^
เธอ กำลังยืนอยู่บนเวทีและทำหน้าที่เป็นพิธีกรหลักในงานนี้โดยที่มีช่างภาพคอยตามเก็บรูปอยู่ด้านล่างเวที คลอรีนอยู่ในชุดเดรสสีขาวที่มีเนื้อผ้ายาวปิดขาของเธอ บนหัวของเธอสวมมงกุฎดอกไม้ที่เป็นดอกกุหลาบขาวทั้งหมด และเมื่อยืนเป็นจุดเด่นอยู่ท่ามกลางใครหลาๆคนแล้ว
เธอดูเหมือนนางฟ้าเลย...เพราะเธอสวยจริงๆ
“คลอรีนสวยเน๊อะ”
“อื้ม”
น่ะ...ขนาดฟางยังกระซิบบอกฉันเลย ^^
“ต่อ ไปก็ถึงช่วงสุดท้ายของค่ำคืนนี้แล้วนะคะทุกคน ขอให้ทุกคนเต้นรำกับคู่ของตัวเองและปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนานแต่อยู่ในความ สงบนะคะ และทางตัวแทนกิจกรรมจะคอยตามเก็บภาพในแต่ละจุด ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือกับทางเราด้วยนะคะ และขอขอบคุณมากที่มาที่นี่ในวันนี้ค่ะขอบคุณค่ะ”
แปะ...แปะ...แปะ
เมื่อ คลอรีนพูดจบเสียงปรบมือก็ดังขึ้น คลอรีนเดินลงมาจากเวที และทันใดนั้นเองที่ฉันสังเกตเห็นว่าเธอเดินออกไปทางนอกในขณะที่ทุกก็ต่างหา คู่เต้นบ้าง บางคนก็ไม่มีคู่ก็ไปหาอะไรกินบ้าง
และตอนนี้เสียงเพลงแดนซ์ก็ดังขึ้น!
“แก้วไปเต้นกันเถอะ! ><//”
“ฉันเต้นไม่เป็น แกไปเหอะ”
“งั้นแกไปเต้นกับมิณท์ละกัน ฉันไปเต้นกับต่องต๋องดีกว่า” ฟางพูดจบก็เดินไปเต้นไปท่ามกลางคนที่มารวมตัวเต้นกัน
ส่วน ‘ต่องต๋อง’ คือเพื่อนผู้ชายที่เอ๋อที่สุดในห้องน่ะ แต่เรียนเก่งมาก!
“อ่ะฮึ่ม”
“???” ฉันหันไปมองมิณท์ด้วยความสงสัยเมื่อเขากระแอมออกมาหน่อยๆ
“ขอเต้นรำด้วยได้ไหมครับ” มิณท์พูดยิ้มๆ
“เราเต้นไม่เป็นหรอก” ฉันยิ้มๆแล้วส่ายหน้า
ให้ตาย...ฉันเต้นไม่เป็นจริงๆนะไม่ได้โกหก แล้วขืนถ้าไปเต้นมั่วๆ แล้วเต้นไปเต้นมาดันหกล้มไปชนใครทำไง ยิ่งตัวเองเอ๋อๆอยู่ด้วย ( ว่าตัวเองทำไม Y^Y )
“เหอะน่า เดี๋ยวเราสอน ^^”
กึก!
O//////O
ตอน นั้นฉันตกใจจนทำตัวไม่ถูกเมื่อมิณท์เดินเขยิบเข้ามาใกล้ๆแล้วเอื้อมมือมา จับมือของฉันให้สางพาดไปบนหัวไหล่ของเขาข้างหนึ่ง ฉันตกใจหน่อยๆและทำตัวไม่ถูกสายตาก็ลอกแลกหันไปมองคู่อื่นๆที่ก็กำลังทำแบบ เดียวกัน และพอฉันหันกลับมามองมิณท์อีกครั้งมืออีกข้างของฉันก็ไปอยู่บนหัวไหล่อีก ข้างของเขาเสียแล้ว
“ไม่ต้องเกร็งนะ มันก็แค่เต้นรำ ^_^”
“ตะ...แต่”
“ทำไมเหรอ...หรือว่า...กลัวโทโมะหึง?”
“ปะ...ปล่าว (_/////_);;;”
นี่มิณท์เขาคิดจะทำอะไรของเขาเนี่ย?
“เอาน่าแก้ว เราอยากรู้อะไรบางอย่าง” มิณท์พูดให้ฉันกับเขาได้ยินกันแค่สองคนจากนั้นเขาก็เอื้อมมือของตัวเองมาจับที่เอวของฉัน
“ระ...รู้อะไร” ฉันเงยหน้าขึ้นไปถามมิณท์แต่มิณท์ก็แค่ยิ้มๆให้ก่อนจะตอบในสิ่งที่ฉันถาม
“เราแค่อยากให้ใครบาง ‘แสดงหัวใจของตัวเอง’ ออกมาน่ะ”
“มะ...หมายความว่าไง”
คราว นี้มิณท์ไม่ตอบ แต่เขาแค่เลื่อนตัวไปตามจังหวะเพลงช้าๆ ซึ่งฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม และสิ่งที่มิณท์พูดคืออะไรกัน...
‘แสดงหัวใจของตัวเอง’
คำพูดนี้มิณท์กำลังหมายถึงใครกันแน่!
[ บันทึกพิเศษ : โทโมะ]
‘สวีทกันเข้าไปสิวะ!’
ผมคิดอย่างหมั่นไส้ขณะที่สายตาตัวเองกำลังมอง ‘คนสองคน’ กำลัง เต้นรำด้วยกัน และตอนนี้ผมกับเพื่อนๆก็กำลังนั่งจิบอะไรเล่นๆอยู่ตรงอีกฝั่งของลานเต้นรำ ด้วย ซึ่งมันทำให้มองเห็นสถานการณ์หรืออะไรได้ชัดเจน และเมื่อกี้นี้ไอ้จองเบมันก็ขอปลีกตัวไปห้องน้ำแป๊ปนึง
มันบอกว่าเดี๋ยวมันมา
“อั๊ยยยย่ะ! ไอ้แว่นนั่นมันคิดจะรุกแก้วจริงๆเหรอวะเนี่ย? บ๊ะๆๆๆๆ” >> เขื่อนแซว
“ถ้าจะว่าคงจะใช่นะ ” >> เคนตะ
“แก้วสวยซะขนาดนั้นเป็นฉัน ๆก็รุกวะ” >> ป๊อปปี้
เออ...เห็นด้วยกันเข้าไปสิ! น่ารำคาญ พูดถึงไอ้แว่นนั่นอยู่ได้! ผมล่ะไม่อยากจะได้ยินชื่อมันเลยจริงๆ ยิ่งเห็นแล้วยิ่งหมั่นไส้ทุกที แล้ววันนี้ยัยนั่นก็แต่งสวยเป็นพิเศษด้วยอย่างงั้นสินะ เห๊อะ!
ให้ตาย...นี่ผมกำลังเป็นอะไรเนี่ย? ประสาทจะกินโว้ย!!!
ทำไมทุกครั้งที่ผมพยายามจะไม่อารมณ์เสียแล้วเวลาที่เห็นแก้วอยู่กับไอ้หมอนั่นแล้วทำไม ผมถึงทำไม่ได้ทุกครั้งเลยวะ? ยิ่งนานวันจากที่ผมเป็นพวกความอดทนสูงและก็เก็บอารมณ์ได้ดี แล้วทำไมตอนนี้มันถึงเป็นแบบนี้ มันเป็นเพราะอะไรกันแน่
“มีกอดเอวด้วยยยย” ป๊อปปี้พูดแล้วพลางลากเสียงแหลมๆของมันมาทางผมเหมือนจงใจ
“หน้าใกล้กันไปแล้วนะนั่นน่ะ”
“ช่างแม่งดิ!”
ปึก!
“เย้ย! / เย้ย!”
ดู เหมือนว่าเพื่อนในกลุ่มของผมจะดูตกใจไม่น้อยเลยที่ผมพูดขึ้นมาแบบนั้นพร้อม กระแทกขวดไวน์องุ่นลงบนโต๊ะอย่างแรงแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินออก มาจากตรงนั้น แล้วผมก็เดินออกไปนอกโรงยิมกิจกรรมทันทีโดยไม่ได้ลืมที่จะถือขวดไวน์มาด้วย ตอนนี้ทุกคนก็อยู่ในโรงยิมกันหมดผมเลยมานั่งเงียบๆคนเดียวที่ขั้นบันได
บ้าจริง! ทำไมผมถึงไม่อยากเห็นภาพที่ไอ้ห่าแว่นนั่นโอบรอบเอวยัยอึนนั่นด้วยวะ!
ผม ไม่ได้เป็นอะไรกับยัยนั่นสักหน่อยทำไมผมจะต้องมีอาการแบบนี้ทุกที...เฮ้อ... สับสนว่ะครับ ตอนนี้ผมงงหัวใจตัวเองจริงๆเลยว่าผมรู้สึกอย่างไร
‘ งั้นลูกก็ต้องรีบบอกเพื่อนของลูกว่าให้รีบรู้ใจตัวเองได้แล้วน้า’
‘ ความลังเลไม่ใช่หนทางที่นำมาซึ่งทางออกของหัวใจนะลูก...’
เสียงแม่คอยย้ำเตือนหัวใจผมตลอดเวลาตั้งแต่เมื่อคืน...
ผมน่ะ...ใจหนึ่งมันก็คิดว่าตัวเอง ‘ชอบ’ แก้วไปแล้ว แต่อีกใจทำไมมันถึง ‘ไม่ยอมแสดงออก’ ว่าผมคิดแบบนั้นล่ะ...ยิ่งนับเวลา 1 นาทีของทุกเวลาผมเหมือนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มคิดถึง...แก้วมากขึ้นทุกวัน...
หรือเพราะว่าปมที่มันอยู่ในใจของผมมันทำให้ผมกลัวแก้วเจ็บแบบเดียวกันกับที่ผมเคยโดน...
ผมรู้ว่าคลอรีนคือ ‘อดีต’ และเป็นอดีตที่หัวใจของผมค่อนข้างจะไม่ลืม
ขวับ!
ขณะ ที่ผมเดินลงมาแล้วกำลังจะไปหาที่นั่งเงียบๆแถวๆนี้ในตอนกลางคืน แต่ก็ยังมีแสงไฟส่องอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังทะเลาะกันอยู่แถวข้างๆตึกโรงยิมกิจกรรม และ ถ้าไม่มีใครสังเกตหรือไม่ได้เดินผ่านมาก็ไม่รู้หรอกว่ากำลังมีคนทะเลาะกัน อยู่ เพราะข้างบนเปิดเพลงดังพอที่จะปิดเสียงทะเลาะกันไปเลย
แต่เสียงนั้น...ผมคุ้นหูมากจริงๆนะ
“ฟังไม่เข้าใจเหรอ?”
“!!...คลอรีน?” ผมพูดขึ้นมาทันทีเมื่อเสียงนั้นเอ่ยขึ้นอีกครั้งและผมก็มั่นใจเลยว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของคลอรีนแน่ๆ
คิดแล้วผมจึงแอบเดินย่องไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่ได้อยากจะยุ่งอะไรหรอกนะ แต่ถ้าเธอกำลังโดนทำไม่ดีไม่ร้ายล่ะ คนอย่างผมก็ต้องรีบเข้าไปช่วยสิ ใช่มั้ย?
“ฉันไม่ปล่อย! จนกว่าจะได้คำตอบจากปากเธอ”
หือ...
เสียงนี้มันคุ้นหูผมอีกแล้วอ่ะ อย่างกับเสียง....
“จองเบ! ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ฉะนั้นปล่อยแขนฉันสักทีฉันเจ็บ”
กึก!
เฮือก...
“!!!”
วินาที นั้นหัวใจผมมันหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่สิ...เพราะมันเหมือนกับหายลับไปจากหน้าอกข้างซ้าย เพราะเหตุการณ์ตรงหน้าผมมันทำให้ผมช็อคและพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นเพื่อนสนิท ของตัวเองอยู่กับคนที่ผมเคยแอบชอบในท่าทางที่เหมือนแฟนทะเลาะกันในตอนนี้
ผมแอบมองจองเบกับคลอรีนอยู่หลังเสาใกล้ๆจนได้ยินได้เห็น ‘ทุกคำทุกการกระทำ’ ของสองคนนั้น
“ทำไมถึงบอกเลิกฉัน ขอแค่นี้...ตอบได้มั้ย?!” ไอ้จองเบกระชากแขนของคลอรีนให้ไปยืนตรงหน้ามันใกล้ๆ
บอกเลิกงั้นเหรอ?
ตอนนั้นความคิดผมผุดขึ้นมาแบบอัติโนมัติว่าสองคนนี้คือยังไง...เลิกกัน?
แล้ว...อะไร ไปคบอะไรกันตอนไหนวะ?
“ไม่ได้! เพราะฉันไม่มีคำตอบให้ จบคือจบ! ต่างคนต่างอยู่ แค่นี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”คลอรีนพูดแล้วจากนั้นเธอก็ผลักจองเบออกไปจากร่างของเธอจนได้
“แล้วตลอด 4 ปีที่ผ่านมามันไม่เคยมีความหมายเลยรึไง”
4 ปี...
ตอนนั้นผมกำหมัดของตัวเองแน่น แล้วจู่ๆบริเวณขอบตาของตัวเองก็เริ่มมีน้ำใสเอ่อล้นออกมา แต่ผมก็ต้องรีบเงยหน้าขึ้นมองข้างบนเพื่อไม่ให้มันไหลลงมา เพราะหัวใจกำลังเจอเรื่อง ‘ไม่คาดฝัน’ อยู่ตรงหน้า แบบ...ต่อหน้าต่อตา ที่ได้เห็นว่า
เพื่อนสนิทของตัวเอง ‘เคย’ คบ กับคนที่ผมเคยแอบชอบ...ในขณะที่เมื่อ 4 ปีนั้น ผมกำลังชอบคลอรีนอยู่ ก็แสดงว่า...ทั้งๆที่มันก็รู้ว่าตอนนั้นผมชอบคลอรีนอยู่มันก็ยัง...!
งั้นแสดงว่าที่คลอรีนปฏิเสธผมก็เพราะกำลังคบอยู่กับไอ้จองเบงั้นสินะ...แล้วที่ เมื่อกี้สองคนนั้นบอกว่าเลิกกัน ผมไม่รู้หรอกว่าเลิกกันเมื่อไหร่
แต่รู้แค่ตอนนี้คือ...ผม-เจ็บ-มาก!
ในใจผมตอนนี้ไม่เหลือความปล่อยวางเลยแม้แต่นิดเดียว ผมเองก็อยากจะคิดว่ามันไม่ใช่ แต่ภาพมันอยู่ตรงหน้าแบบนี้จะให้ผมคิดอะไรได้อีก! เสียความรู้ว่ะ...แต่ไม่ใช่เรื่องที่คลอรีนปฏิเสธอีกแล้ว แต่เสียใจที่โดนเพื่อนหักหลังมานานโดยที่ไม่รู้ตัว
“ไม่ - มี”
นั่นคือคำตอบของคลอรีนหลังจากที่เธอเงียบไปนาน เธอถอยห่างจากจองเบแล้วทำท่าว่าจะเดินไปอีกทาง แต่ทว่า..
หมับ!
“อุ้บ! อื้อ!”
กึก!
“!!!”
ผมเบิกตากว้างเมื่อไอ้จองเบเดินไปกระชากให้คลอรีนหันกลับมาแล้วทำในสิ่งที่เกิน กว่าผมจะทนเห็นได้ เพราะไอ้จองเบมันจับคลอรีนประทับริมฝีปากอย่างแสดงความห่วงหวง คลอรีนที่กำลังผลักไสมันด้วยแขนทั้งสองข้างที่ทั้งทุบตีและจิกไหล่ก็ไม่เป็น ผลใดๆ
ผมมองอย่างนิ่งงันแต่ตอนนี้สิ่งที่ผมกำลังห้ามมันกลับไม่ทำตามสั่งอีก ต่อไป...น้ำตาที่ไหลลงหยาดแก้มในรอบหลายปีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมันไหลลงมา เงียบๆขณะที่สายตาของผมก็จับจ้องอยู่ที่ร่างสองร่างที่กำลัง...จูบกัน
ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนโดนมีดแทงปักลงมาตรงกลางอกเพราะโดนเพื่อนหัก หลัง หักหลัง หักหลัง...ตอนนี้คำเหล่านี้มันหลอนอยู่ในหัวของผมไปเรียบร้อยแล้ว
และผมเจ็บ!! ถ้าตอนนี้ผมตะโกนออกมาได้ ผมก็อยากจะตะโกนให้ดังๆ!!
ให้สองคนนั้นได้ยิน...
แต่ผมกลับทำได้แค่ยืนมองอยู่เฉยๆเพราะความช็อคและไม่อยากเชื่อ
ผลั่ก!
เพี๊ยะ!
เมื่อ คลอรีนออกแรงผลักจินออกจากเธอจนสำเร็จเธอก็ใช้ฝ่ามือของตัวเองฟาดเข้าไปที่ ใบหน้าของจองเบแบบเต็มแรงจนหน้าของไอ้จองเบมันหันไปอีกทางหนึ่ง แต่ถึงจะยืนแอบมองอยู่ตรงนี้และมีแสงไฟส่องมาไม่มากผมก็ยังเห็นเลือดที่มัน ค่อยซึมแล้วไหลออกมาตรงมุมปากของไอ้จองเบในข้างที่โดนตบ
“อย่าทำแบบนี้กับฉันอีก”
“...”
หลัง จากที่คลอรีนพูดจบเธอก็รีบวิ่งไปอีกทางทันที แต่ก่อนหน้านั้นผมสังเกตได้เลยว่าคลอรีนร้องไห้ด้วย แล้วลิปสติกก็เลอะเปอะเปื้อนบริเวณปากเธอไปหมดเพราะผลจากการจูบเมื่อกี๊
“คลอรีน! คลอรีนฉันขอโทษ!” จองเบที่เพิ่งเหมือนตั้งสติได้จึงรีบวิ่งตามคลอรีนไป
และตอนนี้ความเงียบก็ปกคลุมบริเวณนี้โดยที่มีผมแบกรับมันเอาไว้คนเดียว...คน เดียวจริงๆ
“...” ผมไม่พูดอะไรอีกแล้วแม้แต่ในความคิดข้างใน
เพราะมันว่างปล่าวไปหมด ผมจึงเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับความเจ็บปวด อยากจะวิ่งไปให้ไกลๆ ไกลที่สุด...เพื่อนกันทำแบบนี้ได้ไงวะ ถ้าอย่างผมตัดใจจากคลอรีนแล้วมันจะไปจีบเขาผมก็ไม่อะไรหรอก แต่นี่มัน...ไอ้จองเบมันไปจีบคลอรีนตอนไหนทำไมพวกผมไม่รู้วะ
แล้วถ้ามันชอบคลอรีนก่อนผมหรือว่าคบกันก่อนที่ผมจะชอบคลอรีนแล้วทำไม มันไม่บอกล่ะว่ามันกำลังสนใจใครอยู่ งั้นแสดงว่ามันไม่เคยเห็นผมเป็นเพื่อนมันเลยรึไงที่ไม่คิดจะบอกอะไรผมสัก คำ และนั่นทำให้ผมคิดเลยว่าไอ้จองเบมันไปแอบคบกับคลอรีนในตอนที่รู้ว่าผมชอบ คลอรีนแน่ๆ
แต่เรื่องเลิกอันนี้ผมไม่รู้แต่ที่พอเดาได้คือ 4 ปีของมัน แสดงว่ามันเพิ่งเลิกกันไม่นานมานี้ หรือไม่ก็ในจังหวะที่ผมโดนปฏิเสธ
ปึก!
แกร๊งๆๆ
ในขณะที่หัวสมองของผมกำลังคิดเรื่องที่สับสนและเจ็บปวดร่างของผมก็เดินไปชน เข้ากับกล่องลังอะไรซักอย่างใกล้ๆจนมันล้มลงมาและร่างผมก็ล้มไปด้วยเหมือนคน หมดแรงลง และเสียงแกร๊งเมื่อกี้ก็คือเสียงขวดไวน์นั่นเองที่มันกลิ้งออกมาจากลังกล่อง นั่น
หมับ!
มือ ทีใช้หยิบขวดไวน์ที่กลิ้งออกมาจากกล่องลัง พร้อมกับใช้มือบิดขวดไวน์ ตอนนั้นสติผมแทบไม่เหลือเลยแต่มันมีเพียงสิ่งเดียวที่ผมคิดในตอนนั้นว่าอยาก จะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นให้หมด
อึกๆๆๆๆๆ
“แค่นี้ไม่ตายหรอก...” ผมเอ่ยพูดประชดตัวเองเบาๆหลังจากที่กระดกดื่มไวน์อย่างไม่ยั้ง
วันนี้มันวันอะไรกันวะ! ทำไมผมถึงเจอแต่สิ่งที่กำลังจะประสาทกิน!
[ จบบันทึกพิเศษ : โทโมะ ]
“ฟาง!”
ฉัน เดินออกมาตามหาฟางหลังจากที่เมื่อกี้เต้นกับมิณท์เสร็จแล้วแต่ว่าพอมองหาฟางก็ไม่มี แต่ไปตามต่องต๋องแล้วต่องต๋องบอกว่าเหมือนว่าฟางจะปวดท้องเลยไปเข้าห้องน้ำ มั้งเพราะต่องต๋องบอกว่าฟางกุมท้องตัวเองตอนวิ่งไปด้วย แต่ฉันคิดว่าลงไปดูฟางที่ห้องน้ำหน่อยก็ดีนะเผื่อเธอเป็นอะไร
ตึกๆๆๆ
เสียงฝีเท้าที่เดินลงมาจากโรงยิมกิจกรรมแล้วสายตาก็พลางมองหาฟางไปด้วย แต่ฉันคิดว่าฟางหน้าจะอยู่ที่ห้องน้ำด้านล่างโรงยิมนั่นแหละ แต่พอเดินลงมาถึงด้านล่างไม่กี่ก้าวเท่านั้นแหละสายตาของฉันก็ดันหันไปเห็น ใครบางคนที่กำลังนั่งอยู่ที่พื้นตรงข้างๆตึกของโรงยิม
เขา นั่งพิงกำแพงแล้วเอามือทั้งสองข้างวางไว้บนหัวเข่าที่ชันขึ้นมาเล็กน้อย หน้าของเขาก้มลงเหมือนกำลังนั่งครุ่นคิดอะไรอยู่เงียบๆก็ไม่ปาน
และถึงจะมีแสงไฟส่องอยู่ไม่มากแต่ฉันก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาเป็นใคร
เขาคนนั้นนั่งอยู่กับกองขวดไวน์ที่ดูเหมือนจะถูกชนจนมันล้มลงมาแล้วกลิ้งไป ตามทาง แต่หากทว่าขวดไวน์ได้ถูกเปิดกินไปแล้วประมาณสามขวดได้
โทโมะ..เขามานั่งทำอะไรตรงนี้เนี่ย ทำไมไม่ขึ้นไปนั่งกับพวกเพื่อนๆเขาล่ะ?
หรือว่าเขาเป็นอะไร...
และไม่รู้เพราะอะไรแทนที่ฉันจะเดินไปยังห้องน้ำที่ซึ่งอยู่อีกทางเพื่อไปหาฟาง แต่ในหัวฉันมันกลับคิดว่าคนที่ตัวเองกำลังมองเห็นอยู่อาการของเขามันดูไม่ ค่อยโอเคสักเท่าไหร่เลย
ตึกตัก...ตึกตัก...
เสียงหัวใจกับฝีเท้าของฉันที่ค่อยๆก้าวช้าๆเข้าไปหาโทโมะใกล้ๆ โทโมะที่กำลังนั่งอยู่แบบไม่รู้อะไร ไม่รู้แม้กระทั่งมีคนเดินเข้ามายืนมองเขาใกล้ๆก็คือฉันนั่นเอง ฉันยืนมองโทโมะสักพักแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าโทโมะจะเงยหน้าขึ้นมามองกันเลย ฉันจึงตัดสินใจเอ่ยเรียกชื่อเขาออกไปเบาๆ
“...โทโมะ...”
“...” โทโมะยังคงนั่งก้มหน้าเงียบไม่เอ่ยอะไรใดๆ
“โทโมะ...นายเป็นอะไรมั้ย?”
เมื่อ ฉันถามเจ้าตัวอีกครั้งและคราวนี้มันก็ได้ผลโทโมะเงยหน้าขึ้นมามองฉันช้าๆ ด้วยสายตาที่นิ่งงันซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กัน แน่ และหลังจากนั้นเขาก็ยืนขึ้นเต็มความสูง และจากเมื่อกี้ที่ฉันก้มมองเขากลับจะต้องเงยหน้าขึ้นมองเพราะว่าโทโมะยืนแล้ว เขาสูงกว่าฉันมาก
“มาทำไม”
เพียงคำพูดนั้นเอ่ยฉันถึงกับงงทันทีว่าเขาเป็นอะไรขึ้นมาอีก และสายตาของโทโมะก็แข็งกร้าวขึ้นด้วยจนดูหน้ากลัวเสมือนว่าเขาโกรธใครมาอย่างงั้นแหละ
“เอ่อ...คือเรา”
“สนุกช้ะ? ที่คอยตามมาหลอนฉันทุกที่ ทำแบบนี้พอใจใช่มั้ย?”
โทโมะพูดอะไรของเขาเนี่ยฉันงงไปหมดแล้วนะ เอ๊ะ! หรือว่า...โทโมะจะเมา?
และมันก็ใช่อย่างที่ฉันคิดจริงๆด้วยเพราะว่ากลิ่นไวน์ออกหึ่งเต็มไปหมดเลย แล้วทำไมโทโมะต้องมากินไวน์เมาตรงนี้ด้วยล่ะเนี่ย? งงกับเขาจริงๆเลย
“...”
“เฮ้ย ถามไม่ตอบอ่ะ ตอบเด้!”
“น่ะ...นายเป็นอะไรอ่ะ” ตอนนั้นฉันกลัวกับอาการของโทโมะจึงต้องถอยห่างออกมาจากเขาก้าวหนึ่ง
“เป็นอะไร? เห๊อะ! จะบอกให้ก็ได้” โทโมะเค้นเสียงสูงพร้อมกับยักไหล่ของตัวเองแล้วเดินเข้ามาหาฉันจากนั้นเขาก็โน้มหน้าของตัวเองลงมาก่อนจะพูด “ฉันเป็นคนที่โดนหักหลังไง...”
เสียงพูดเบาๆเชิงกระซิบกับกลิ่นไวน์องุ่นอ่อนๆนั้นทำให้ฉันอยากจะบ้าตายไปต่อหน้าต่อตาโทโมะในตอนนั้นเลย แต่เดี๋ยวนะ? เมื่อกี้ที่โทโมะพูดมันคืออะไรเหรอ? ใครหักหลังอะไรเขาล่ะ
“นายกำลังพูดถึงอะไรเนี่ย” ฉันถามแล้วขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“หึ”
หมับ!
“ว๊าย!”
ฉัน เผลอร้องออกมาเมื่อหลังจากที่โทโมะเค้นหัวเราะในลำคอเขาก็ทำการกระชากมือของฉัน ให้เดินตามเขาไปที่ข้างตึกโรงยิมที่พอจะมีแสงไฟส่องอยู่บ้าง แต่ตอนนี้หัวใจฉันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยเพราะไม่รู้ว่าโทโมะกำลังคิดที่จะทำ อะไรกันแน่ และถ้าเกิดเขาบ้าทำอะไรฉันขึ้นมา ฉันจะทำยังไงดี?
เพราะบนโรงยิมกิจกรรมก็มีแดนซ์กันต่อแถมเปิดเพลงดังกว่าเก่าด้วยและถ้าโทโมะทำอะไรฉันแล้วฉันร้องให้ใครช่วยใครจะได้ยินกันล่ะ?
ปึก!
ร่าง ของฉันถูกโทโมะผลักเข้ากำแพงอย่างแรงจนกระดูกเหมือนจะหักและแหลกไปในตอน นั้น แล้วทำไมโทโมะต้องมาทำอะไรแรงๆแบบนี้กับฉันด้วยเนี่ย ฉันจำได้ว่าไม่ได้ไปทำอะไรเขาเลยนะ นี่เขาคงเมาจนไปรู้อะไรแล้วล่ะมั้งเนี่ย?! ><?
“ตรงนี้แหละ! คือสาเหตุที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้” โทโมะบอกแล้วใช้นิ้วชี้ลงที่ตรงนี้ “ฉันโดนหักหลังแบบต่อหน้าต่อตา!”
“...!”
“เธอเคยมั้ย?” ไม่พูดปล่าวแต่เขายังขยับกายเข้ามาใกล้ฉันจนตัวเราแนบชิดติดกันอีกแล้ว แต่สงสัยฉันคงจะตกใจจนทำตัวไม่ถูกละมั้งเลยไม่ได้ผลักโทโมะออกไป “เคยมั้ย...ที่โดนเพื่อนตัวเองหักหลัง” โทโมะถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
ใครล่ะที่หักหลังเขา? เพื่อนในกลุ่มเคโอติคเนี่ยนะ?
แล้วหักหลังเรื่องอะไรล่ะ?
“ระ...เรา”
“จะบอกให้...ว่าเรื่องอะไรที่มันทำให้ฉันเจ็บจนจุกแบบนี้”
“...”
“ฉันเคยชอบผู้หญิงคนนึงมานาน 4 ปี แล้วพอไปสารภาพกับเธอคนนั้นเมื่อเทอมที่แล้วเธอก็ปฏิเสธช้าน” โทโมะพูดด้วยความเมาแต่คำพูดของเขานั้นทำเอาฉันถึงกับบอกไม่ถูก “นั่นก็ว่าเจ็บแล้วนะ แต่พอได้มารู้ว่าเพื่อน! ของตัวเอง... ไปแอบคบกับคนที่ฉันเคยชอบลับหลังในตอนที่มันก็รู้ว่า! ตอนนั้นฉันชอบเธอคนนั้นอยู่เนี่ยนะ? มันเจ็บจนจุกเลยเน๊อะ!”
นี่ ท่าทางโทโมะคงจะโกรธมากสินะที่เขารู้เรื่องว่าเพื่อนแอบไปคบกับผู้หญิงที่เขา เคยแอบชอบ แต่ 4 ปี เป็นการแอบชอบที่ผูกพันมากเลยสินะสำหรับโทโมะเขาถึงได้โมโหขนาดนี้
และ...เขาคงจะชอบผู้หญิงคนนั้นมากเลยงั้นสินะ...
และไม่รู้ว่าฉันเป็นอะไรเพราะจู่ๆบริเวณขอบตาก็ร้อนขึ้นมาแล้งมันก็เริ่มมี น้ำใสๆเอ่อล้นขึ้นมา
“อึก”ฉัน กลืนน้ำลายลงคออีกครั้งเมื่อโทโมะเอาหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะจ้องเข้ามาในดวงตาของ ฉันตรงๆ ถึงฉันก็เห็นหน้าของตัวเองผ่านทางตาของโทโมะเลยทีเดียว
“แล้วอยากรู้มั้ยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“...”
“เธอชื่อ...คลอรีน...”
จึก!
“!!!”
อะไรนะ!? คลอรีนงั้นเหรอ? งั้นแสดงว่า ‘เพื่อน’ ที่บอกว่าหักหลังเขาก็ต้องเป็น ‘จองเบ’ น่ะสิ! และแสดงว่าโทโมะก็รู้เรื่องของสองคนนี้แล้วสินะ แต่สิ่งเหล่านั้นคงจะไม่น่าช็อคสำหรับฉันสักเท่าไหร่หรอกที่โทโมะรู้เรื่องที่จองเบเคยคบกับคลอรีน แต่ฉันกำลังช็อคเรื่องที่ว่า
โทโมะเคยชอบคลอรีน...
“ฉันเห็นเต็มตาได้ยินเต็มหูว่าสองคนนั้นคุยอาลัยกาน ฉันถึงได้มีสภาพแบบนี้ไง๊!”
“...”
“ทะเลาะกันไม่พอนะ ยังทำในสิ่งที่ฉันไม่คิดไม่ฝันซะด้วย”
“...”
“แล้วเธออยากรู้มั้ยว่าสองคนนั้นมาทำอะไรกันตรงนี้...”
“...!!” ฉันเบิกตากว้างเมื่อโทโมะมากระซิบที่ข้างหู
และวินาทีนั้นฉันก็คิดเลยว่าตัวเองไม่อยากจะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป แล้ว เพราะฉันไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งนั้น ยิ่งโทโมะบอกว่าเคยแอบชอบคลอรีนฉันยิ่งรู้สึกเจ็บเพราะว่าฉันคิดว่าโทโมะยังคงชอบ คลอรีนอยู่ เพราะจากอาการของเขาที่เสียใจมากๆแบบนี้กับความรัก 4 ปีนั่น
ฉันไม่อยากจะอยู่ตรงนี้อีกแล้ว!
“เราว่านายเมาเยอะไปแล้ว”ฉันพูดแล้วดันร่างของโทโมะออกไปแล้วทำท่าว่าจะเดินออกไปจากตรงนี้เพราะขืนอยู่แบบนี้ฉันต้องร้องไห้ออกมาให้เขาเห็นแน่ๆ
แต่หากทว่า...
หมับ!
ปึก!
เฮือก!
“รู้มั้ย...ว่าเธอทำฉันอยากบ้าตายอยู่แล้ว!”
หลัง จากที่โทโมะกระชากฉันให้กลับไปเผชิญหน้ากับเขาแล้วจัดการดันฉันเข้ากำแพงแรงๆ อีกครั้ง เขาก็พูดเสียงดังใส่ฉันจนฉันตกใจจนสะดุ้งขึ้น แถมตอนนี้ตัวก็สั่นเพราะว่ากลัว
“ทะ…โทโมะ”
“เข้ามาทำไม...เข้ามาในชีวิตของฉันทำไม! ทำไมต้องเข้ามาให้ฉันสับสนด้วย! แก้วใจ!” โทโมะพูดเสียงดังพร้อมกับจับหัวไหล่ของฉันเอาไว้ทั้งสองข้าง
และที่น่าแปลกใจคือนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเขาเรียกชื่อของฉันเต็มๆ...
ใช่ฉันดีใจ...ที่เขาเรียกชื่อของฉัน
แต่เสียใจมากกว่าที่เขาพูดเหมือนว่าฉันเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้อง มีอาการสับสนแบบนี้ ‘เข้ามาในชีวิตฉันทำไม’ คำๆเดียวๆ แต่เป็นคำพูดทำเอาฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว และมันก็เริ่มไหลลงมาอาบแก้ม โทโมะเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นฉันเป็นแบบนี้
“ระ...เรา...เราขอโทษที่ทำให้นายสับสน” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“...”
“เราขอโทษ...ที่เข้ามาในชีวิตนาย...แต่เรา...อุ้บ!”
วินาทีนั้นเหมือนหัวใจฉันโดนน้ำร้อนลวกในทันที เพราะจู่ๆขณะที่ตัวเองเอาแต่ร้องไห้แล้วก็ขอโทษ โทโมะก็ใช้ริมฝีปากของเขากดลงมาบนริมฝีปากของฉันอย่างไม่ทันตั้งตัวจริงๆ ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจและพยายามจะผลักร่างของโทโมะออกไปแต่มันก็ไม่เป็นผล ใดๆทั้งสิ้น
“อึก! อื้อ!”
ตุ้บๆๆ
ด้วยความที่ตัวเองนั้นเริ่มหายใจไม่ออกจึงได้แต่เอามือทุบตีที่หน้าอก ของโทโมะเพื่อหวังให้เขาได้สติและปล่อยฉัน ฉันรู้...ว่าที่เขาทำเป็นเพราะไม่ได้ตั้งใจแต่เป็นเพียงโทโมะเขาขาดสติ ใช่! มันจะต้องเป็นแบบนั้น เพราะโทโมะไม่ได้ชอบฉัน! คนเราถ้าไม่ได้ชอบกันไม่ได้รักกันจะมาจูบกันแบบนี้ได้ยังไงกัน!
“ฮือ...อื้อ!”
และ เหมือนว่าฉันจะคิดผิดที่ว่าโทโมะจะปล่อย แต่เขากลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามคือใช้มือที่เคยจับไหล่ของฉันเอาไว้สองข้าง ขึ้นมาจับที่ต้นคอของฉันหมายเพื่อที่จะรั้งเอาไว้ไม่ให้ฉันเบินหน้าหนีไปไหน ได้ ส่วนอีกมือโทโมะก้มาจับแก้มฉันไว้เพื่อให้ได้รับจูบจากเขาตรงๆ
ฉัน แทบจะตายทั้งยืนเพราะไม่ได้พักหายใจเลยเพราะเนิ่นนานที่โทโมะทำแบบนั้นแต่พอเขาละริมฝีปากออกได้ไม่ถึง 5 วิ เขาก็จัดการจู่โจมเข้ามาที่ริมฝีปากของฉันอีกครั้ง...อีกครั้ง...และอีก ครั้ง
และตอนนี้ฉันก็ลืมไปเลยว่ามือของตัวเองหยุดทุบตีโทโมะตอนไหนกัน
“โทโมะนายกำลังเมาอย่าทำแบบนี้นะ!” ฉันพูดเตือนสติโทโมะอีกครั้งแต่มันก็ไม่เป็นผลใดๆเลย
เพราะตอนนี้โทโมะเขากำลังเลื่อนริมฝีปากของตัวลงมาที่ซอกคอของฉันเสียแล้ว และฉันจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นเด็ดขาด ไม่ๆๆๆๆๆๆ ไม่!
ตุ้บๆๆๆๆ
“โทโมะเราบอกให้นายหยุดไงเล่า! ฮือ...พอได้แล้ว...”ตอนนี้ฉันก็ร้องไห้ออกมามากขึ้นกว่าเก่า น้ำเสียงสะอื้นกับคำพูดอันสั่นเครือของฉันนั้นมันทำให้โทโมะหยุดจริงๆ
“...! ธะ...เธอ”
และ ดูเหมือนว่าโทโมะจะได้สติขึ้นมาแล้วเขาจึงมองฉันที่กำลังร้องไห้อย่างตกใจ และใช่อย่างที่ฉันคิดจริงๆว่าเมื่อกี้โทโมะทำมันไปเพราะความเมา ไม่ได้ทำมาจากความรู้สึกหรอก
“อึก...ฮือ...”
“ฉะ...ฉัน...”
ตอน นั้นเมื่อโทโมะปล่อยแขนออกจากตัวฉัน ฉันก็รีบผละออกมาจากร่างของเขาทันทีพร้อมกับมือที่กำลังโอบกอดตัวเองเอา ไว้ โทโมะที่ดูตกใจกับเหตุการณ์นี้มองฉันก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาแต่ว่าฉันก็ก้าว ถอยหลังห่างจากเขาไปอีก
“อย่าเข้ามานะ” ฉันพูดแล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอีก และตอนนี้น้ำตานั่นมันก็บดบังภาพของโทโมะให้เหลือแต่ภาพจางๆเท่านั้นเอง “แก้วใจ...”
“เราบอกว่าอย่าเข้ามา!” ฉันพูดเสียงดังแล้วกัดเม้นริมฝีปากของตัวเองจนสัมผัสได้ถึงคาวเลือดที่มันซึมออกมา
โทโมะ...เขาจูบฉันในขณะที่ในหัวของเขามีแต่เรื่องของคลอรีนโดยที่มีฉัน เป็นตัวปัญหา ที่ทำให้เขาสับสน ฉะนั้น...ฉันขอบอกไว้ ณ ตรงนี้เลยว่าฉันจะไม่เป็นตัวปัญหาในสมองเขาในความคิดของเขาอีกต่อไปแล้ว! พอ!
เมื่อคิดแบบนั้น ฉันจึงรีบหันหลังแล้ววิ่งออกมาทันที
“แก้วใจ!”
เสียง เรียกของโทโมะไม่ได้ช่วยเหนี่ยวรั้งจิตใจของฉันเอาไว้เลย ฉันไม่ขออยู่ต่อแล้ว เพราะไม่รู้จะปั้นหน้ายิ้มให้ใครได้ในตอนนี้ รู้เพียงอย่างเดียวคือฉันอยากอยู่คนเดียว! ฉันคิดแล้วฉันก็วิ่งออกนอกโรงเรียนไปในความมืดที่ยังมีแสงสว่าง โดยที่ไม่สนเลยว่ามันจะปลอดภัยมั้ย
แต่รู้แค่ว่า...ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่ในตอนนี้แล้ว!
______________________________________________
อัพแล้วนะ เม้นโหวตเยอะๆนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ