Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
9.6
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
43 chapter
860 วิจารณ์
67.52K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
14) - His Actions - ( การกระทำของเขา )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- His Actions -
( การกระทำของเขา )
ตอนนี้ฉันกับฟางและมิณท์ก็สามารถเดินออกมาจากมุมวุ่นวายตรงนั้นได้ แต่ความคิดที่ว่าฉันเห็นคลอรีนนั้นมันก็ยังกวนใจอยู่ในหัว เอ...ถ้าคลอรีนมาที่นี่จริงๆ เธอจะมาทำไมกัน มาเชียร์จองเบ? ความรู้สึกฉันมันให้แบบนั้นจริงๆนะ
แต่...ถ้าคลอรีนยังรู้สึกดีๆต่อจองเบอยู่ทำไมเธอถึงต้องทำเป็นว่าเธอไม่เคย รู้จักกับจองเบด้วยล่ะ
เฮ้อ...ความรักของคู่นี้นี่มันสับสนและงงงวยจริงๆนะเนี่ย ><!
ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...
“ฮัลโหลว่าไงป๊า ^O^//”
ระหว่างที่เรากำลังเดินอยู่เสียงโทรศัพท์มือถือของฟางก็ดังขึ้นมา และคำว่า ‘ป๊า’ ก็ทำให้ฉันกับมิณท์นั้นรู้เลยว่าที่โทรมาหาฟางนั่นคือพ่อของฟางนั่นเองแต่หลังจากที่รับสายแล้วคุยได้ไม่นานฟางก็มีท่าทีตกใจขึ้นมา
“หา???? เอ๋า! แล้วป๊าทำไมไม่เอารถไปล่ะป๊า YOY” ฟางพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ “ไม่ต้องป๊ารออยู่นั่นแหละเดี๋ยวฟางไปรับ”
“มีอะไรเหรอฟาง O_O?” ฉันถามหลังจากที่ฟางกดวางสายโทรศัพท์อย่างรีบร้อน
“ป๊าฉันอ่ะดิ หารถกลับบ้านไม่ได้ฉันต้องไปรับที่ที่ทำงานเนี่ย บอกไม่รู้จักจำเลยว่าให้เอารถตัวเองไปทำงานซื้อรถมาแล้วก็ไม่ยอมขับไปไหนมาไหนเดี๋ยวก็ขับรถไม่เป็นกันพอดี >O<!!”
ฟางพูดแล้วเกาหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันหน้าไปพูดกับมิณท์อย่างจะขอร้องอะไรสักอย่างหนึ่ง
“มิณท์”
“ว่า?”
“นายมีนัดที่ไหนต่อรึปล่าวอ่ะ”
“ไม่ๆ” มิณท์พูดยิ้มๆแล้วส่ายหน้าไปมา
“งั้น...เดี๋ยวฉันวานนายไปส่งแก้วที่บ้านได้มั้ย ฉันต้องไปรับพ่ออ่ะ YOY”
“ฟางไม่ต้องวานมิณท์ก็ได้ เดี๋ยวฉันกลับเอง”
ฉันบอกฟางไปเพราะว่าเกรงใจมิณท์ที่จะต้องไปส่ง และถ้าบ้านเราอยู่คนล่ะทางนี่ฉันยิ่งเกรงใจใหญ่เลยนะ ><!
“จะบ้าเหรอ? ฉันไม่ยอมให้แกกลับคนเดียวหรอกนะเว้ย”
“เอางี้ ฟางรีบไปรับพ่อเลยเดี๋ยวพ่อฟางรอนาน ส่วนแก้วเดี๋ยวเราเดินไปส่งเอง ผู้หญิงกลับคนเดียวมันอันตรายนะ นี่ก็มืดแล้วด้วย”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ งั้นเราฝากแก้วด้วยนะมิณท์ ขอบใจมาก! แล้วเจอกันแก้ว ^O^// ”
“ดะ...เดี๋ยวสิ”
ฉัน ยังไม่ทันร้องเรียกฟางก็ไปซะแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ฉันกับมิณท์สองคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ฉันรู้ว่ามันดึกแล้วแต่ฉันเกรงใจเขาจริงๆนะ แล้วเมื่อกี้มิณท์ก็พูดว่าจะ ‘เดิน’ ไปส่งฉัน แสดงว่าเขาไม่มีรถ แล้วถ้าหากบ้านเขาอยู่ไกลล่ะแถมยังต้องเสียเวลาเดินไปส่งฉันอีกมันคงจะลำบากนะ
สนามแข่งรถของจองเบอยู่ไม่ไกลจากหมูบ้านของฉันเท่าไหร่หรอกถ้าขับรถมา แต่ถ้าเดินนี่มันก็เหนื่อยหน่อยนะ และฉันคิดว่าถ้ามิณท์เดินไปส่งมันคงจะสบายใจแต่ยังไงฉันก็อดที่จะเกรงใจ ไม่ได้อยู่ดีแหละ Y^Y
“ไม่ต้องเกรงใจเราหรอก”
“อะ...เอ่อ แต่ตามจริงเรากลับเองได้นะ นายไม่มีรถด้วยแถมถ้าเดินไปส่งเรา...”
“แต่เราเต็มใจนี่นา”
“แต่เราเกรงใจนี่นา”
“ฮ่าๆๆ เธอเนี่ยนะ ^^”
มิณท์ถึงกับหัวเราะออกมาหลังจากที่ฉันพูดตอบเขาไป ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้คำพูดมันเหมือนของเขานะ แต่มันไหลลื่นของมันไปเองอ่ะ =[]=;;;;;
“นี่เราเกรงใจจริงๆนะ” ฉันย้ำ
“เกรงใจแต่ถ้าอีกฝ่ายเต็มใจมันก็ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมากเลยน่า”
“...”
“ถึง เธอจะบอกว่ากลับเองได้เกรงใจเรา แต่อย่างที่ฟางว่าแหละว่ามันอันตรายนะ แถมนี่ก็ดึกแล้วด้วย ให้เราไปส่งดีกว่าแก้ว ทั้งฟางแล้วก็เราจะได้สบายใจไง ^^”
เฮ้อ...เห็น มิณท์พูดแล้วยิ้มๆให้ฉันแบบนี้แล้วฉันจะปฏิเสธยังไงล่ะเนี่ย แต่...ฉันคิดว่าก่อนที่มิณท์จะไปส่งฉันที่บ้านฉันควรจะเลี้ยงข้าวเขาสัก มื้อหนึ่งนะเพื่อตอบแทนน้ำใจไง คิดว่าดีมั้ย? ^__^
“โอเค แต่นายต้องให้เราเลี้ยงข้าวนะ เดี๋ยวนั่นเราพานายไปกินข้าวแถวๆนี้ก่อนค่อยกลับดีมั้ย?”
“เอางั้นก็ได้ ขอบใจนะ ”
บรื๊นนนนนนนนน
“โทโมะขึ้นรถดิ มองอะไรอยู่ว้ะ ”
เสียงของใครบางคนจากกลุ่มเคโอติคนั้นทำให้ฉันกับมิณท์เหมือนจะเพิ่งนึกได้ว่าเรายัง ไม่ได้ออกมาจากสนามแข่งรถแต่เรายังอยู่ที่นี่ และสงสัยว่าเราสองคนจะยืนคุยกันต่อหน้าเคโอติคอีกแล้วสินะเนี่ย
เฮ้อ...โลกมันเป็นอะไรทำไมต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว =[]=;;;;;;;
“ดึกแล้ว! กลับบ้านได้แล้ว! เร็วๆดิว้ะไอ้เขื่อน ><!” ฉันมองป๊อปปี้ที่กำลังกวักมือเรียกเขื่อนที่กำลังวิ่งด๊อกๆมาที่รถมอเตอร์ไซด์ป๊อปปี้
แต่ฟังจากน้ำเสียงของป๊อปปี้เหมือนๆจะจงใจบอกมาทางฉันยังไม่รู้สิแต่ก็นะ = =;;;;
แต่ตอนนี้...มีบางอย่างที่ทำให้ฉันถึงกับยืนนิ่งงัน
เพราะตอนที่โทโมะจะเดินไปขึ้นรถจองเบเขามองมาทางนี้ด้วยสายตาที่ฉันเองก็อ่านไม่ ออกเหมือนกันว่าเขากำลังรู้สึกอะไรอยู่ แต่สายตาของเขานั้นมองมาแบบจิกๆจากนั้นเขาก็สวมหมวกกันน็อคแล้วก็ขึ้นซ้อน ท้ายรถจองเบแล้วกลุ่มเคโอติคก็ขับรถเร่งออกไปจากที่นี่
บรื๊นนนนนนนนน
พวกเขาขับรถผ่านหน้าฉันกับมิณท์ไปด้วยความแรงจนมิณท์ต้องดึงฉันให้หลบ ควันที่มันจะเข้ามากระทบหน้าจนฉันไอออกมาหน่อยๆมิณท์ก็เช่นกัน
ฉันกับมิณท์ได้แต่มองหน้ากันงงๆกับพฤติกรรมแบบนี้ของกลุ่มเคโอติคแต่ก็ไม่ได้ อะไรเพราะมิณท์บอกว่าพวกเขาก็ทำแบบนี้ ( อาการหาเรื่อง ) อยู่แล้ว ฉันเองก็คิดเหมือนกันนะว่าพวกนั้นจงใจเร่งเครื่องตอนขับรถผ่านฉันกับมิณท์ ควันรถมันถึงได้ฟุ้งแบบนี้ไง = =;;;
ทุก คนก็คงจะรู้ๆกันว่ามันเคยเกิดเกตุการณ์แบบนี้มาแล้วตอนที่ฉันกับมิณท์ตอนคุยกันอยู่แล้วพวกเคโอติคเตะจักรยานล้มเป็นแถวและยังจะตอนนั้นที่โรงอาหารที่ปา ขวดน้ำผ่านหน้าอีกและนี่ก็ล่าสุด
ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าพวกเขาต้องการจะสื่ออะไร ยิ่งผู้ชายที่มีนามว่าโทโมะนี่ยิ่งแล้วใหญ่ มีหลายบุคลิกเหลือเกินแต่เรื่องความเฉยชานี่...
ฉันคิดว่า...โทโมะนี่กินขาดที่สุดในกลุ่มแล้วนะ +_+
สองทุ่มครึ่ง
ร้านอาหารตามสั่ง
“แก้ว”
“หือ ว่าไง ^^” ฉันละสายตาจากถนนที่มีรถขับผ่านไปมาหันไปมองมิณท์ที่กำลังมองอยู่
ฉันพามิณท์มากินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆหมู่บ้านน่ะ ตอนนี้ยังไม่มีท่าทีว่าจะมีร้านไหนปิดร้านเลยเพราะเหมือนว่ายิ่งดึกคนที่ทำ งานเพิ่งเลิกงานก็จะมากินกันเยอะในแถบนี้ ฉันกับมิณท์ก็สั่งข้าวไปแล้วตอนนี้ก็กำลังนั่งรอ
“เจ็บมากมั้ย” มิณท์ถามแต่พอเห็นสีหน้าฉันงงๆเขาก็เอานิ้วชี้แตะที่มุมปากของตัวเองย้ำๆจนฉันรู้เลยว่าเขาหมายถึงแผลที่ฉันโดนตบที่มุมปากนั่นเอง
“เจ็บอยู่แต่ไม่ค่อยมากแล้ว” ฉันบอก
“เราได้ยินคนพูดว่าเธอโดนพวกแก๊งโบว์ลิ่งตบ เพราะเรื่อง...ที่เธอเดินจับมือกับโทโมะ”
ฉัน ถึงกับนิ่งไปเมื่อมิณท์พูดมันขึ้นมา ตามจริงฉันจะไม่คิดอยู่แล้วเชียวแต่พอมิณท์พูดขึ้นฉันก็นึกถึงวันนั้นที่โทโมะดึงมือของฉันไปจับไว้จนวันต่อมาฉันเลยโดนเล่นงานจากพวกกลุ่มพิมพ์
“...”
“เราไม่ได้อยากจะเสียมารยาทนะแต่ว่า...”
“???”
“แก้วกับโทโมะเป็นแบบที่พวกนั้นกล่าวหารึปล่าว”
“ไม่ใช่เลยสักนิด มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะ” ฉันบอก มิณท์ก็พยักหน้า
และคราวนี้คำถามที่คาใจฉันอยู่เรื่องมิณท์กับเคโอติค มันคงถึงเวลาที่ฉันจะต้องถามบ้างแล้วล่ะ!
“...”
“งั้น...เราขอถามอะไรมิณท์บ้างได้มั้ย?”
“อื้ม! ยินดีตอบเสมอ ^^”
“นายเคยมีเรื่องอะไรกับกลุ่มเคโอติครึปล่าว”
“ไม่เคยหรอก ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ?” เคโอติคเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนที่เขาจะถอดแว่นออกมาแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าที่เขาเอามาด้วยเช็ดเลนส์แว่น
“ก็เราเห็นมิณท์ชอบหลบสายตาพวกนั้นบ่อยๆ”
“มัน ไม่มีอะไรหรอก แต่เพียงแค่เราเป็นคนไม่ค่อยชอบมีเรื่องกับใครน่ะ ยิ่งพวกเคโอติคน่ะถึงแม้ว่าจะไม่มีเรื่องกับใครหากไม่มีคนมาหาเรื่องก่อนก็ตามฉะนั้นการหลบสายตาไว้จึงดีที่สุด” มิณท์พูดบอกแล้วจับแว่นขึ้นมาใส่
เอ...ฉันว่าตามจริงถ้ามิณท์เวลาถอดแว่นก็หล่อไปอีกแบบนะเนี่ย มันดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากๆเลย แต่ใส่แว่นก็เป็นเด็กเรียนไปอีกแบบนะ
ฉันกับมิณท์นั่งคุยกันนู่นนี่ถึงชีวิตครอบครัวไปเรื่อยๆมิณท์ก็เล่าว่า เขาอาศัยอยู่หอใกล้ๆกับโรงเรียนคนเดียว พ่อแม่เขาไปทำงานเปิดร้านขายเครื่องดนตรีอยู่ที่อเมริกาตั้งแต่มิณท์อายุ 15 ปี พ่อแม่อยากจะให้เขาไปด้วยแต่มิณท์เขาอยากจะอยู่ที่นี่เพราะชินก็เลยไม่ได้ ไปด้วย
มิณท์บอกว่าเพียงแค่อายุ 15 ปี เขาก็สามารถดูแลตัวเองได้แล้วพ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเขา พ่อกับแม่มิณท์ก็มักจะส่งเงินมาให้ใช้ทุกๆเดือนไม่ขาดมือ แต่มิณท์บอกว่าเขาเป็นพวกไม่ค่อยเที่ยวอะไรเท่าไหร่เขาจึงเก็บออมเงินของ พ่อแม่เอาไว้ใช้ยามจำเป็นมากกว่าจะเอาไปเที่ยว
ฉันถามว่าอยู่คนเดียวมาหลายปีไม่เหงาเหรอ? มิณท์ก็บอกว่าตอนนั้นไม่เหงาหรอก แต่ตอนนี้กำลังหา ‘คนรู้ใจ’อยู่
เอ...ฉันล่ะสงสัยจริงๆเลยว่าใครจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นกันนะ?
สามทุ่ม
‘ เมื่อไหร่จะกลับวะ?’
โทโมะ คิดขณะที่เขากำลังดูดนมจืดหมดไปเป็นกล่องที่ 5 = =;;;; เขายังไม่ยอมนอนเอาแต่ยืนอยู่ที่ระเบียงห้องนอนของตัวเองมองๆอยู่แต่หน้าบ้านของแก้วในขณะที่พ่อแม่ของเขาได้เข้านอนแล้ว
มีแต่โทโมะอ่ะแหละที่ไม่ยอมนอนสักที...
ตั้งแต่จองเบมาส่งโทโมะ โทโมะก็รีบเข้าบ้านแล้วไปอาบน้ำใส่ชุดนอนกางเกงขายาวของเขาแล้วเขาก็รีบมายืน ส่องหน้าบ้านแก้วอย่างเดียวเลยไม่ยอมไปไหน เขารอนานมากแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเห็นแก้วกลับบ้านสักที
“สาธุ! ขอให้โดนพ่อว่า โทษฐานกลับบ้านดึก”
โทโมะพูดพลางยกมือไหว้ขอให้สิ่งที่เขาพูดเป็นจริง = =;;;;
ตอน นี้โทโมะเขาจะรู้ตัวเองมั้ยเนี่ยว่าตัวเองเป็นอะไรอยู่ ทั้งๆที่ปกติเขาแทบจะไม่สนใจอะไรใครทั้งสิ้น แต่ทำไมอาการของเขามันส่อว่าเขากำลังออกอาการ ‘หึง’แก้วอย่างงี้ล่ะ? พระเจ้าท่านทรงเล่นตลกเอามากๆเลยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ทั้งที่ๆเขาบอกเองว่าเขายังลืม‘ผู้หญิงคนนั้น’ไม่ได้
แต่เขากลับกำลังออกอาการหึงผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาในชีวิตเขาได้ไม่นาน...และ ยังเป็นผู้หญิงที่ปากของโทโมะบอกเองว่า‘ก็แค่เพื่อนบ้าน’แต่ทำไมยิ่งนับวันอาการของโทโมะชักจะแปลกๆไป จากที่ไม่เคยอยากจะใส่ใจแต่กลับแอบมองแอบคิดถึงแก้วแบบไม่รู้ตัวทุกที
แต่เขาก็ปฏิเสธตลอดเวลาที่เพื่อนๆล้อถึงแก้ว...นี่เขาชอบแก้วหรือไม่ได้ชอบกันแน่นะเนี่ย ><?
“ยัยนั่นกับไอ้มิณท์เน่าเป็นเต่ารึไงเดินกลับกันช้าจริงๆ ><!”
อาการโมโหขุ่นๆของโทโมะเริ่มออกลาย แถมเขายังเปลี่ยนชื่อของมิณท์เป็น ‘มิณท์เน่า’ อีกด้วยน่ะ ( ถ้าจะเป็นเอามากนะนั่นน่ะ =[]=;;; )
“ฮึ่ย!”
ตุ้บ!
โทโมะ ทำน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนที่เขาจะปากล่องนมที่เพิ่งกินหมดไปลงที่ขังขยะในห้อง นอน แล้วมันก็ลงอย่างแม่นยำ เขาถอนหายใจแล้วเดินกอดอกไปมาอยู่ตรงระเบียงนานนับนาทีเลยล่ะ อาการหงุดหงิดมันเริ่มก่อตัวมาเป็นระยะขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาคงจะไม่รู้ตัวเองอีกนั่นแหละว่าตัวเองกำลังหงุดหงิด
เพราะถ้ารู้ตัวโทโมะคงจะหยุดอาการนี้แล้วเข้านอนได้แล้วนะ ไม่ใช่มาแอบด้อมๆมองๆอยู่แบบนี้ = =;;;
“โอ๊ะ”
พอ สักพักหนึ่งโทโมะก็ได้ยินเสียงคนเดินคุยกันเขาจึงเดินไปชะเง้อมองที่ระเบียงก็ เห็นภาพได้ชัดเจนว่าแก้วเดินมากับมิณท์และทั้งสองคนกำลังคุยกันยิ้มๆ จนโทโมะถึงกับกัดฟันแน่นแล้วก็กำหมัดเขาแอบดูแก้วกับมิณท์อย่างใจจดใจจ่อแต่ สองคนนั้นมองไม่เห็นเขาหรอก
“ส่งกันถึงหน้าบ้านเลยนะ”
โทโมะ พูดขึ้นหลังจากที่มิณท์กับแก้วบ๊ายบายกันแล้วแก้วก็ไขกุญแจเปิดรั้วบ้าน เข้ามา จากนั้นแหละเขาจึงถอนหายใจแรงๆออกมาแล้วหันจะเดินเข้าห้องนอน
แต่โชคชะตาจะตั้งใจกลั่นแกล้งอะไรวีหรืออย่างไรที่ทำให้เขาเดินชนประตูกระจก ตอนที่กำลังจะเดินเข้าห้องนอน = =;;;
ปึก!
“โอ๊ย! Shit...”
โทโมะมองจ้องเจ้าประตูเพราะลืมไปว่าเขาเปิดไว้แค่ฝั่งเดียวเท่านั้น เอ...เขาเป็นอะไรน่ะ? หรือว่า...คิดเรื่องแก้วจนเดินชนประตูกันเลยนะ ฮ่าๆๆๆๆ ^O^//
แล้วคืนนี้คุณชายโทโมะจะนอนหลับลงมั้ยนะ?
‘ โชคชะตามีการเล่นตลกหลายรูปแบบ...
มันมักจะมาเกิดขึ้นกับเราแบบไม่ทันตั้งตัวเสมอเลย
และตอนนี้โชคชะตาก็กำลังเล่นตลกกับแก้วกับโทโมะอย่างหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
และความสัมพันธ์ของพวกทั้งสองก็กำลังคุมากขึ้นเรื่อยๆในเร็ววันนี้...’
_______________________________________________
ต่อไปนี้ไรต์จะอัพทุกวันน้า ถ้ามีคนเม้นเยอะๆๆ
( การกระทำของเขา )
ตอนนี้ฉันกับฟางและมิณท์ก็สามารถเดินออกมาจากมุมวุ่นวายตรงนั้นได้ แต่ความคิดที่ว่าฉันเห็นคลอรีนนั้นมันก็ยังกวนใจอยู่ในหัว เอ...ถ้าคลอรีนมาที่นี่จริงๆ เธอจะมาทำไมกัน มาเชียร์จองเบ? ความรู้สึกฉันมันให้แบบนั้นจริงๆนะ
แต่...ถ้าคลอรีนยังรู้สึกดีๆต่อจองเบอยู่ทำไมเธอถึงต้องทำเป็นว่าเธอไม่เคย รู้จักกับจองเบด้วยล่ะ
เฮ้อ...ความรักของคู่นี้นี่มันสับสนและงงงวยจริงๆนะเนี่ย ><!
ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...
“ฮัลโหลว่าไงป๊า ^O^//”
ระหว่างที่เรากำลังเดินอยู่เสียงโทรศัพท์มือถือของฟางก็ดังขึ้นมา และคำว่า ‘ป๊า’ ก็ทำให้ฉันกับมิณท์นั้นรู้เลยว่าที่โทรมาหาฟางนั่นคือพ่อของฟางนั่นเองแต่หลังจากที่รับสายแล้วคุยได้ไม่นานฟางก็มีท่าทีตกใจขึ้นมา
“หา???? เอ๋า! แล้วป๊าทำไมไม่เอารถไปล่ะป๊า YOY” ฟางพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ “ไม่ต้องป๊ารออยู่นั่นแหละเดี๋ยวฟางไปรับ”
“มีอะไรเหรอฟาง O_O?” ฉันถามหลังจากที่ฟางกดวางสายโทรศัพท์อย่างรีบร้อน
“ป๊าฉันอ่ะดิ หารถกลับบ้านไม่ได้ฉันต้องไปรับที่ที่ทำงานเนี่ย บอกไม่รู้จักจำเลยว่าให้เอารถตัวเองไปทำงานซื้อรถมาแล้วก็ไม่ยอมขับไปไหนมาไหนเดี๋ยวก็ขับรถไม่เป็นกันพอดี >O<!!”
ฟางพูดแล้วเกาหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันหน้าไปพูดกับมิณท์อย่างจะขอร้องอะไรสักอย่างหนึ่ง
“มิณท์”
“ว่า?”
“นายมีนัดที่ไหนต่อรึปล่าวอ่ะ”
“ไม่ๆ” มิณท์พูดยิ้มๆแล้วส่ายหน้าไปมา
“งั้น...เดี๋ยวฉันวานนายไปส่งแก้วที่บ้านได้มั้ย ฉันต้องไปรับพ่ออ่ะ YOY”
“ฟางไม่ต้องวานมิณท์ก็ได้ เดี๋ยวฉันกลับเอง”
ฉันบอกฟางไปเพราะว่าเกรงใจมิณท์ที่จะต้องไปส่ง และถ้าบ้านเราอยู่คนล่ะทางนี่ฉันยิ่งเกรงใจใหญ่เลยนะ ><!
“จะบ้าเหรอ? ฉันไม่ยอมให้แกกลับคนเดียวหรอกนะเว้ย”
“เอางี้ ฟางรีบไปรับพ่อเลยเดี๋ยวพ่อฟางรอนาน ส่วนแก้วเดี๋ยวเราเดินไปส่งเอง ผู้หญิงกลับคนเดียวมันอันตรายนะ นี่ก็มืดแล้วด้วย”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ งั้นเราฝากแก้วด้วยนะมิณท์ ขอบใจมาก! แล้วเจอกันแก้ว ^O^// ”
“ดะ...เดี๋ยวสิ”
ฉัน ยังไม่ทันร้องเรียกฟางก็ไปซะแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ฉันกับมิณท์สองคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ฉันรู้ว่ามันดึกแล้วแต่ฉันเกรงใจเขาจริงๆนะ แล้วเมื่อกี้มิณท์ก็พูดว่าจะ ‘เดิน’ ไปส่งฉัน แสดงว่าเขาไม่มีรถ แล้วถ้าหากบ้านเขาอยู่ไกลล่ะแถมยังต้องเสียเวลาเดินไปส่งฉันอีกมันคงจะลำบากนะ
สนามแข่งรถของจองเบอยู่ไม่ไกลจากหมูบ้านของฉันเท่าไหร่หรอกถ้าขับรถมา แต่ถ้าเดินนี่มันก็เหนื่อยหน่อยนะ และฉันคิดว่าถ้ามิณท์เดินไปส่งมันคงจะสบายใจแต่ยังไงฉันก็อดที่จะเกรงใจ ไม่ได้อยู่ดีแหละ Y^Y
“ไม่ต้องเกรงใจเราหรอก”
“อะ...เอ่อ แต่ตามจริงเรากลับเองได้นะ นายไม่มีรถด้วยแถมถ้าเดินไปส่งเรา...”
“แต่เราเต็มใจนี่นา”
“แต่เราเกรงใจนี่นา”
“ฮ่าๆๆ เธอเนี่ยนะ ^^”
มิณท์ถึงกับหัวเราะออกมาหลังจากที่ฉันพูดตอบเขาไป ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้คำพูดมันเหมือนของเขานะ แต่มันไหลลื่นของมันไปเองอ่ะ =[]=;;;;;
“นี่เราเกรงใจจริงๆนะ” ฉันย้ำ
“เกรงใจแต่ถ้าอีกฝ่ายเต็มใจมันก็ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมากเลยน่า”
“...”
“ถึง เธอจะบอกว่ากลับเองได้เกรงใจเรา แต่อย่างที่ฟางว่าแหละว่ามันอันตรายนะ แถมนี่ก็ดึกแล้วด้วย ให้เราไปส่งดีกว่าแก้ว ทั้งฟางแล้วก็เราจะได้สบายใจไง ^^”
เฮ้อ...เห็น มิณท์พูดแล้วยิ้มๆให้ฉันแบบนี้แล้วฉันจะปฏิเสธยังไงล่ะเนี่ย แต่...ฉันคิดว่าก่อนที่มิณท์จะไปส่งฉันที่บ้านฉันควรจะเลี้ยงข้าวเขาสัก มื้อหนึ่งนะเพื่อตอบแทนน้ำใจไง คิดว่าดีมั้ย? ^__^
“โอเค แต่นายต้องให้เราเลี้ยงข้าวนะ เดี๋ยวนั่นเราพานายไปกินข้าวแถวๆนี้ก่อนค่อยกลับดีมั้ย?”
“เอางั้นก็ได้ ขอบใจนะ ”
บรื๊นนนนนนนนน
“โทโมะขึ้นรถดิ มองอะไรอยู่ว้ะ ”
เสียงของใครบางคนจากกลุ่มเคโอติคนั้นทำให้ฉันกับมิณท์เหมือนจะเพิ่งนึกได้ว่าเรายัง ไม่ได้ออกมาจากสนามแข่งรถแต่เรายังอยู่ที่นี่ และสงสัยว่าเราสองคนจะยืนคุยกันต่อหน้าเคโอติคอีกแล้วสินะเนี่ย
เฮ้อ...โลกมันเป็นอะไรทำไมต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว =[]=;;;;;;;
“ดึกแล้ว! กลับบ้านได้แล้ว! เร็วๆดิว้ะไอ้เขื่อน ><!” ฉันมองป๊อปปี้ที่กำลังกวักมือเรียกเขื่อนที่กำลังวิ่งด๊อกๆมาที่รถมอเตอร์ไซด์ป๊อปปี้
แต่ฟังจากน้ำเสียงของป๊อปปี้เหมือนๆจะจงใจบอกมาทางฉันยังไม่รู้สิแต่ก็นะ = =;;;;
แต่ตอนนี้...มีบางอย่างที่ทำให้ฉันถึงกับยืนนิ่งงัน
เพราะตอนที่โทโมะจะเดินไปขึ้นรถจองเบเขามองมาทางนี้ด้วยสายตาที่ฉันเองก็อ่านไม่ ออกเหมือนกันว่าเขากำลังรู้สึกอะไรอยู่ แต่สายตาของเขานั้นมองมาแบบจิกๆจากนั้นเขาก็สวมหมวกกันน็อคแล้วก็ขึ้นซ้อน ท้ายรถจองเบแล้วกลุ่มเคโอติคก็ขับรถเร่งออกไปจากที่นี่
บรื๊นนนนนนนนน
พวกเขาขับรถผ่านหน้าฉันกับมิณท์ไปด้วยความแรงจนมิณท์ต้องดึงฉันให้หลบ ควันที่มันจะเข้ามากระทบหน้าจนฉันไอออกมาหน่อยๆมิณท์ก็เช่นกัน
ฉันกับมิณท์ได้แต่มองหน้ากันงงๆกับพฤติกรรมแบบนี้ของกลุ่มเคโอติคแต่ก็ไม่ได้ อะไรเพราะมิณท์บอกว่าพวกเขาก็ทำแบบนี้ ( อาการหาเรื่อง ) อยู่แล้ว ฉันเองก็คิดเหมือนกันนะว่าพวกนั้นจงใจเร่งเครื่องตอนขับรถผ่านฉันกับมิณท์ ควันรถมันถึงได้ฟุ้งแบบนี้ไง = =;;;
ทุก คนก็คงจะรู้ๆกันว่ามันเคยเกิดเกตุการณ์แบบนี้มาแล้วตอนที่ฉันกับมิณท์ตอนคุยกันอยู่แล้วพวกเคโอติคเตะจักรยานล้มเป็นแถวและยังจะตอนนั้นที่โรงอาหารที่ปา ขวดน้ำผ่านหน้าอีกและนี่ก็ล่าสุด
ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าพวกเขาต้องการจะสื่ออะไร ยิ่งผู้ชายที่มีนามว่าโทโมะนี่ยิ่งแล้วใหญ่ มีหลายบุคลิกเหลือเกินแต่เรื่องความเฉยชานี่...
ฉันคิดว่า...โทโมะนี่กินขาดที่สุดในกลุ่มแล้วนะ +_+
สองทุ่มครึ่ง
ร้านอาหารตามสั่ง
“แก้ว”
“หือ ว่าไง ^^” ฉันละสายตาจากถนนที่มีรถขับผ่านไปมาหันไปมองมิณท์ที่กำลังมองอยู่
ฉันพามิณท์มากินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆหมู่บ้านน่ะ ตอนนี้ยังไม่มีท่าทีว่าจะมีร้านไหนปิดร้านเลยเพราะเหมือนว่ายิ่งดึกคนที่ทำ งานเพิ่งเลิกงานก็จะมากินกันเยอะในแถบนี้ ฉันกับมิณท์ก็สั่งข้าวไปแล้วตอนนี้ก็กำลังนั่งรอ
“เจ็บมากมั้ย” มิณท์ถามแต่พอเห็นสีหน้าฉันงงๆเขาก็เอานิ้วชี้แตะที่มุมปากของตัวเองย้ำๆจนฉันรู้เลยว่าเขาหมายถึงแผลที่ฉันโดนตบที่มุมปากนั่นเอง
“เจ็บอยู่แต่ไม่ค่อยมากแล้ว” ฉันบอก
“เราได้ยินคนพูดว่าเธอโดนพวกแก๊งโบว์ลิ่งตบ เพราะเรื่อง...ที่เธอเดินจับมือกับโทโมะ”
ฉัน ถึงกับนิ่งไปเมื่อมิณท์พูดมันขึ้นมา ตามจริงฉันจะไม่คิดอยู่แล้วเชียวแต่พอมิณท์พูดขึ้นฉันก็นึกถึงวันนั้นที่โทโมะดึงมือของฉันไปจับไว้จนวันต่อมาฉันเลยโดนเล่นงานจากพวกกลุ่มพิมพ์
“...”
“เราไม่ได้อยากจะเสียมารยาทนะแต่ว่า...”
“???”
“แก้วกับโทโมะเป็นแบบที่พวกนั้นกล่าวหารึปล่าว”
“ไม่ใช่เลยสักนิด มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะ” ฉันบอก มิณท์ก็พยักหน้า
และคราวนี้คำถามที่คาใจฉันอยู่เรื่องมิณท์กับเคโอติค มันคงถึงเวลาที่ฉันจะต้องถามบ้างแล้วล่ะ!
“...”
“งั้น...เราขอถามอะไรมิณท์บ้างได้มั้ย?”
“อื้ม! ยินดีตอบเสมอ ^^”
“นายเคยมีเรื่องอะไรกับกลุ่มเคโอติครึปล่าว”
“ไม่เคยหรอก ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ?” เคโอติคเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนที่เขาจะถอดแว่นออกมาแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าที่เขาเอามาด้วยเช็ดเลนส์แว่น
“ก็เราเห็นมิณท์ชอบหลบสายตาพวกนั้นบ่อยๆ”
“มัน ไม่มีอะไรหรอก แต่เพียงแค่เราเป็นคนไม่ค่อยชอบมีเรื่องกับใครน่ะ ยิ่งพวกเคโอติคน่ะถึงแม้ว่าจะไม่มีเรื่องกับใครหากไม่มีคนมาหาเรื่องก่อนก็ตามฉะนั้นการหลบสายตาไว้จึงดีที่สุด” มิณท์พูดบอกแล้วจับแว่นขึ้นมาใส่
เอ...ฉันว่าตามจริงถ้ามิณท์เวลาถอดแว่นก็หล่อไปอีกแบบนะเนี่ย มันดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากๆเลย แต่ใส่แว่นก็เป็นเด็กเรียนไปอีกแบบนะ
ฉันกับมิณท์นั่งคุยกันนู่นนี่ถึงชีวิตครอบครัวไปเรื่อยๆมิณท์ก็เล่าว่า เขาอาศัยอยู่หอใกล้ๆกับโรงเรียนคนเดียว พ่อแม่เขาไปทำงานเปิดร้านขายเครื่องดนตรีอยู่ที่อเมริกาตั้งแต่มิณท์อายุ 15 ปี พ่อแม่อยากจะให้เขาไปด้วยแต่มิณท์เขาอยากจะอยู่ที่นี่เพราะชินก็เลยไม่ได้ ไปด้วย
มิณท์บอกว่าเพียงแค่อายุ 15 ปี เขาก็สามารถดูแลตัวเองได้แล้วพ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเขา พ่อกับแม่มิณท์ก็มักจะส่งเงินมาให้ใช้ทุกๆเดือนไม่ขาดมือ แต่มิณท์บอกว่าเขาเป็นพวกไม่ค่อยเที่ยวอะไรเท่าไหร่เขาจึงเก็บออมเงินของ พ่อแม่เอาไว้ใช้ยามจำเป็นมากกว่าจะเอาไปเที่ยว
ฉันถามว่าอยู่คนเดียวมาหลายปีไม่เหงาเหรอ? มิณท์ก็บอกว่าตอนนั้นไม่เหงาหรอก แต่ตอนนี้กำลังหา ‘คนรู้ใจ’อยู่
เอ...ฉันล่ะสงสัยจริงๆเลยว่าใครจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นกันนะ?
สามทุ่ม
‘ เมื่อไหร่จะกลับวะ?’
โทโมะ คิดขณะที่เขากำลังดูดนมจืดหมดไปเป็นกล่องที่ 5 = =;;;; เขายังไม่ยอมนอนเอาแต่ยืนอยู่ที่ระเบียงห้องนอนของตัวเองมองๆอยู่แต่หน้าบ้านของแก้วในขณะที่พ่อแม่ของเขาได้เข้านอนแล้ว
มีแต่โทโมะอ่ะแหละที่ไม่ยอมนอนสักที...
ตั้งแต่จองเบมาส่งโทโมะ โทโมะก็รีบเข้าบ้านแล้วไปอาบน้ำใส่ชุดนอนกางเกงขายาวของเขาแล้วเขาก็รีบมายืน ส่องหน้าบ้านแก้วอย่างเดียวเลยไม่ยอมไปไหน เขารอนานมากแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเห็นแก้วกลับบ้านสักที
“สาธุ! ขอให้โดนพ่อว่า โทษฐานกลับบ้านดึก”
โทโมะพูดพลางยกมือไหว้ขอให้สิ่งที่เขาพูดเป็นจริง = =;;;;
ตอน นี้โทโมะเขาจะรู้ตัวเองมั้ยเนี่ยว่าตัวเองเป็นอะไรอยู่ ทั้งๆที่ปกติเขาแทบจะไม่สนใจอะไรใครทั้งสิ้น แต่ทำไมอาการของเขามันส่อว่าเขากำลังออกอาการ ‘หึง’แก้วอย่างงี้ล่ะ? พระเจ้าท่านทรงเล่นตลกเอามากๆเลยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ทั้งที่ๆเขาบอกเองว่าเขายังลืม‘ผู้หญิงคนนั้น’ไม่ได้
แต่เขากลับกำลังออกอาการหึงผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาในชีวิตเขาได้ไม่นาน...และ ยังเป็นผู้หญิงที่ปากของโทโมะบอกเองว่า‘ก็แค่เพื่อนบ้าน’แต่ทำไมยิ่งนับวันอาการของโทโมะชักจะแปลกๆไป จากที่ไม่เคยอยากจะใส่ใจแต่กลับแอบมองแอบคิดถึงแก้วแบบไม่รู้ตัวทุกที
แต่เขาก็ปฏิเสธตลอดเวลาที่เพื่อนๆล้อถึงแก้ว...นี่เขาชอบแก้วหรือไม่ได้ชอบกันแน่นะเนี่ย ><?
“ยัยนั่นกับไอ้มิณท์เน่าเป็นเต่ารึไงเดินกลับกันช้าจริงๆ ><!”
อาการโมโหขุ่นๆของโทโมะเริ่มออกลาย แถมเขายังเปลี่ยนชื่อของมิณท์เป็น ‘มิณท์เน่า’ อีกด้วยน่ะ ( ถ้าจะเป็นเอามากนะนั่นน่ะ =[]=;;; )
“ฮึ่ย!”
ตุ้บ!
โทโมะ ทำน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนที่เขาจะปากล่องนมที่เพิ่งกินหมดไปลงที่ขังขยะในห้อง นอน แล้วมันก็ลงอย่างแม่นยำ เขาถอนหายใจแล้วเดินกอดอกไปมาอยู่ตรงระเบียงนานนับนาทีเลยล่ะ อาการหงุดหงิดมันเริ่มก่อตัวมาเป็นระยะขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาคงจะไม่รู้ตัวเองอีกนั่นแหละว่าตัวเองกำลังหงุดหงิด
เพราะถ้ารู้ตัวโทโมะคงจะหยุดอาการนี้แล้วเข้านอนได้แล้วนะ ไม่ใช่มาแอบด้อมๆมองๆอยู่แบบนี้ = =;;;
“โอ๊ะ”
พอ สักพักหนึ่งโทโมะก็ได้ยินเสียงคนเดินคุยกันเขาจึงเดินไปชะเง้อมองที่ระเบียงก็ เห็นภาพได้ชัดเจนว่าแก้วเดินมากับมิณท์และทั้งสองคนกำลังคุยกันยิ้มๆ จนโทโมะถึงกับกัดฟันแน่นแล้วก็กำหมัดเขาแอบดูแก้วกับมิณท์อย่างใจจดใจจ่อแต่ สองคนนั้นมองไม่เห็นเขาหรอก
“ส่งกันถึงหน้าบ้านเลยนะ”
โทโมะ พูดขึ้นหลังจากที่มิณท์กับแก้วบ๊ายบายกันแล้วแก้วก็ไขกุญแจเปิดรั้วบ้าน เข้ามา จากนั้นแหละเขาจึงถอนหายใจแรงๆออกมาแล้วหันจะเดินเข้าห้องนอน
แต่โชคชะตาจะตั้งใจกลั่นแกล้งอะไรวีหรืออย่างไรที่ทำให้เขาเดินชนประตูกระจก ตอนที่กำลังจะเดินเข้าห้องนอน = =;;;
ปึก!
“โอ๊ย! Shit...”
โทโมะมองจ้องเจ้าประตูเพราะลืมไปว่าเขาเปิดไว้แค่ฝั่งเดียวเท่านั้น เอ...เขาเป็นอะไรน่ะ? หรือว่า...คิดเรื่องแก้วจนเดินชนประตูกันเลยนะ ฮ่าๆๆๆๆ ^O^//
แล้วคืนนี้คุณชายโทโมะจะนอนหลับลงมั้ยนะ?
‘ โชคชะตามีการเล่นตลกหลายรูปแบบ...
มันมักจะมาเกิดขึ้นกับเราแบบไม่ทันตั้งตัวเสมอเลย
และตอนนี้โชคชะตาก็กำลังเล่นตลกกับแก้วกับโทโมะอย่างหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
และความสัมพันธ์ของพวกทั้งสองก็กำลังคุมากขึ้นเรื่อยๆในเร็ววันนี้...’
_______________________________________________
ต่อไปนี้ไรต์จะอัพทุกวันน้า ถ้ามีคนเม้นเยอะๆๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ