Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  68.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

14) - His Actions - ( การกระทำของเขา )

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- His Actions -

( การกระทำของเขา )

 

     ตอนนี้ฉันกับฟางและมิณท์ก็สามารถเดินออกมาจากมุมวุ่นวายตรงนั้นได้ แต่ความคิดที่ว่าฉันเห็นคลอรีนนั้นมันก็ยังกวนใจอยู่ในหัว  เอ...ถ้าคลอรีนมาที่นี่จริงๆ เธอจะมาทำไมกัน มาเชียร์จองเบ? ความรู้สึกฉันมันให้แบบนั้นจริงๆนะ

 

 

            แต่...ถ้าคลอรีนยังรู้สึกดีๆต่อจองเบอยู่ทำไมเธอถึงต้องทำเป็นว่าเธอไม่เคย รู้จักกับจองเบด้วยล่ะ

 

 

            เฮ้อ...ความรักของคู่นี้นี่มันสับสนและงงงวยจริงๆนะเนี่ย ><!

 

 

ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...

 

 

“ฮัลโหลว่าไงป๊า ^O^//”

 

 

      ระหว่างที่เรากำลังเดินอยู่เสียงโทรศัพท์มือถือของฟางก็ดังขึ้นมา และคำว่า ‘ป๊า’ ก็ทำให้ฉันกับมิณท์นั้นรู้เลยว่าที่โทรมาหาฟางนั่นคือพ่อของฟางนั่นเองแต่หลังจากที่รับสายแล้วคุยได้ไม่นานฟางก็มีท่าทีตกใจขึ้นมา

 

 

“หา???? เอ๋า! แล้วป๊าทำไมไม่เอารถไปล่ะป๊า YOY” ฟางพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ “ไม่ต้องป๊ารออยู่นั่นแหละเดี๋ยวฟางไปรับ”

 

 

“มีอะไรเหรอฟาง O_O?” ฉันถามหลังจากที่ฟางกดวางสายโทรศัพท์อย่างรีบร้อน  

 

 

“ป๊าฉันอ่ะดิ  หารถกลับบ้านไม่ได้ฉันต้องไปรับที่ที่ทำงานเนี่ย บอกไม่รู้จักจำเลยว่าให้เอารถตัวเองไปทำงานซื้อรถมาแล้วก็ไม่ยอมขับไปไหนมาไหนเดี๋ยวก็ขับรถไม่เป็นกันพอดี >O<!!”

 

 

          ฟางพูดแล้วเกาหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันหน้าไปพูดกับมิณท์อย่างจะขอร้องอะไรสักอย่างหนึ่ง

 

 

“มิณท์”

 

 

“ว่า?”

 

 

“นายมีนัดที่ไหนต่อรึปล่าวอ่ะ”

 

 

“ไม่ๆ” มิณท์พูดยิ้มๆแล้วส่ายหน้าไปมา

 

 

“งั้น...เดี๋ยวฉันวานนายไปส่งแก้วที่บ้านได้มั้ย ฉันต้องไปรับพ่ออ่ะ YOY”

 

 

“ฟางไม่ต้องวานมิณท์ก็ได้ เดี๋ยวฉันกลับเอง”

 

 

       ฉันบอกฟางไปเพราะว่าเกรงใจมิณท์ที่จะต้องไปส่ง และถ้าบ้านเราอยู่คนล่ะทางนี่ฉันยิ่งเกรงใจใหญ่เลยนะ ><!

 

 

“จะบ้าเหรอ? ฉันไม่ยอมให้แกกลับคนเดียวหรอกนะเว้ย”

 

 

“เอางี้ ฟางรีบไปรับพ่อเลยเดี๋ยวพ่อฟางรอนาน ส่วนแก้วเดี๋ยวเราเดินไปส่งเอง ผู้หญิงกลับคนเดียวมันอันตรายนะ นี่ก็มืดแล้วด้วย”

 

 

“แต่...”

 

 

“ไม่มีแต่ งั้นเราฝากแก้วด้วยนะมิณท์ ขอบใจมาก! แล้วเจอกันแก้ว ^O^// ”

 

 

“ดะ...เดี๋ยวสิ”

 

 

      ฉัน ยังไม่ทันร้องเรียกฟางก็ไปซะแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ฉันกับมิณท์สองคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ฉันรู้ว่ามันดึกแล้วแต่ฉันเกรงใจเขาจริงๆนะ แล้วเมื่อกี้มิณท์ก็พูดว่าจะ ‘เดิน’ ไปส่งฉัน แสดงว่าเขาไม่มีรถ แล้วถ้าหากบ้านเขาอยู่ไกลล่ะแถมยังต้องเสียเวลาเดินไปส่งฉันอีกมันคงจะลำบากนะ

 

 

      สนามแข่งรถของจองเบอยู่ไม่ไกลจากหมูบ้านของฉันเท่าไหร่หรอกถ้าขับรถมา แต่ถ้าเดินนี่มันก็เหนื่อยหน่อยนะ และฉันคิดว่าถ้ามิณท์เดินไปส่งมันคงจะสบายใจแต่ยังไงฉันก็อดที่จะเกรงใจ ไม่ได้อยู่ดีแหละ Y^Y

 

 

“ไม่ต้องเกรงใจเราหรอก”

 

 

“อะ...เอ่อ แต่ตามจริงเรากลับเองได้นะ นายไม่มีรถด้วยแถมถ้าเดินไปส่งเรา...”  

 

 

 

“แต่เราเต็มใจนี่นา”

 

 

“แต่เราเกรงใจนี่นา”

 

 

“ฮ่าๆๆ เธอเนี่ยนะ ^^”

 

 

      มิณท์ถึงกับหัวเราะออกมาหลังจากที่ฉันพูดตอบเขาไป ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้คำพูดมันเหมือนของเขานะ แต่มันไหลลื่นของมันไปเองอ่ะ =[]=;;;;;  

 

 

 “นี่เราเกรงใจจริงๆนะ” ฉันย้ำ  

 

 

“เกรงใจแต่ถ้าอีกฝ่ายเต็มใจมันก็ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมากเลยน่า”

 

“...”

 

 

“ถึง เธอจะบอกว่ากลับเองได้เกรงใจเรา แต่อย่างที่ฟางว่าแหละว่ามันอันตรายนะ แถมนี่ก็ดึกแล้วด้วย ให้เราไปส่งดีกว่าแก้ว  ทั้งฟางแล้วก็เราจะได้สบายใจไง ^^”

 

 

      เฮ้อ...เห็น มิณท์พูดแล้วยิ้มๆให้ฉันแบบนี้แล้วฉันจะปฏิเสธยังไงล่ะเนี่ย แต่...ฉันคิดว่าก่อนที่มิณท์จะไปส่งฉันที่บ้านฉันควรจะเลี้ยงข้าวเขาสัก มื้อหนึ่งนะเพื่อตอบแทนน้ำใจไง  คิดว่าดีมั้ย? ^__^

 

 

“โอเค แต่นายต้องให้เราเลี้ยงข้าวนะ เดี๋ยวนั่นเราพานายไปกินข้าวแถวๆนี้ก่อนค่อยกลับดีมั้ย?”

 

 

“เอางั้นก็ได้ ขอบใจนะ ”

 

 

บรื๊นนนนนนนนน

 

 

“โทโมะขึ้นรถดิ มองอะไรอยู่ว้ะ ”

 

 

      เสียงของใครบางคนจากกลุ่มเคโอติคนั้นทำให้ฉันกับมิณท์เหมือนจะเพิ่งนึกได้ว่าเรายัง ไม่ได้ออกมาจากสนามแข่งรถแต่เรายังอยู่ที่นี่ และสงสัยว่าเราสองคนจะยืนคุยกันต่อหน้าเคโอติคอีกแล้วสินะเนี่ย

 

 

      เฮ้อ...โลกมันเป็นอะไรทำไมต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว =[]=;;;;;;;

 

 

“ดึกแล้ว! กลับบ้านได้แล้ว! เร็วๆดิว้ะไอ้เขื่อน ><!” ฉันมองป๊อปปี้ที่กำลังกวักมือเรียกเขื่อนที่กำลังวิ่งด๊อกๆมาที่รถมอเตอร์ไซด์ป๊อปปี้

 

 

      แต่ฟังจากน้ำเสียงของป๊อปปี้เหมือนๆจะจงใจบอกมาทางฉันยังไม่รู้สิแต่ก็นะ = =;;;;

 

 

      แต่ตอนนี้...มีบางอย่างที่ทำให้ฉันถึงกับยืนนิ่งงัน

 

 

      เพราะตอนที่โทโมะจะเดินไปขึ้นรถจองเบเขามองมาทางนี้ด้วยสายตาที่ฉันเองก็อ่านไม่ ออกเหมือนกันว่าเขากำลังรู้สึกอะไรอยู่ แต่สายตาของเขานั้นมองมาแบบจิกๆจากนั้นเขาก็สวมหมวกกันน็อคแล้วก็ขึ้นซ้อน ท้ายรถจองเบแล้วกลุ่มเคโอติคก็ขับรถเร่งออกไปจากที่นี่

 

 

บรื๊นนนนนนนนน

 

 

           พวกเขาขับรถผ่านหน้าฉันกับมิณท์ไปด้วยความแรงจนมิณท์ต้องดึงฉันให้หลบ ควันที่มันจะเข้ามากระทบหน้าจนฉันไอออกมาหน่อยๆมิณท์ก็เช่นกัน

 

 

      ฉันกับมิณท์ได้แต่มองหน้ากันงงๆกับพฤติกรรมแบบนี้ของกลุ่มเคโอติคแต่ก็ไม่ได้ อะไรเพราะมิณท์บอกว่าพวกเขาก็ทำแบบนี้ ( อาการหาเรื่อง ) อยู่แล้ว  ฉันเองก็คิดเหมือนกันนะว่าพวกนั้นจงใจเร่งเครื่องตอนขับรถผ่านฉันกับมิณท์ ควันรถมันถึงได้ฟุ้งแบบนี้ไง = =;;;

 

 

      ทุก คนก็คงจะรู้ๆกันว่ามันเคยเกิดเกตุการณ์แบบนี้มาแล้วตอนที่ฉันกับมิณท์ตอนคุยกันอยู่แล้วพวกเคโอติคเตะจักรยานล้มเป็นแถวและยังจะตอนนั้นที่โรงอาหารที่ปา ขวดน้ำผ่านหน้าอีกและนี่ก็ล่าสุด  

 

 

      ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าพวกเขาต้องการจะสื่ออะไร  ยิ่งผู้ชายที่มีนามว่าโทโมะนี่ยิ่งแล้วใหญ่ มีหลายบุคลิกเหลือเกินแต่เรื่องความเฉยชานี่...  

 

 

      ฉันคิดว่า...โทโมะนี่กินขาดที่สุดในกลุ่มแล้วนะ +_+

 

 

สองทุ่มครึ่ง 

 

 

ร้านอาหารตามสั่ง

 

 

“แก้ว”

 

 

“หือ ว่าไง ^^” ฉันละสายตาจากถนนที่มีรถขับผ่านไปมาหันไปมองมิณท์ที่กำลังมองอยู่

 

 

       ฉันพามิณท์มากินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆหมู่บ้านน่ะ ตอนนี้ยังไม่มีท่าทีว่าจะมีร้านไหนปิดร้านเลยเพราะเหมือนว่ายิ่งดึกคนที่ทำ งานเพิ่งเลิกงานก็จะมากินกันเยอะในแถบนี้  ฉันกับมิณท์ก็สั่งข้าวไปแล้วตอนนี้ก็กำลังนั่งรอ

 

 

“เจ็บมากมั้ย” มิณท์ถามแต่พอเห็นสีหน้าฉันงงๆเขาก็เอานิ้วชี้แตะที่มุมปากของตัวเองย้ำๆจนฉันรู้เลยว่าเขาหมายถึงแผลที่ฉันโดนตบที่มุมปากนั่นเอง

 

 

“เจ็บอยู่แต่ไม่ค่อยมากแล้ว” ฉันบอก

 

 

“เราได้ยินคนพูดว่าเธอโดนพวกแก๊งโบว์ลิ่งตบ เพราะเรื่อง...ที่เธอเดินจับมือกับโทโมะ”

 

 

      ฉัน ถึงกับนิ่งไปเมื่อมิณท์พูดมันขึ้นมา ตามจริงฉันจะไม่คิดอยู่แล้วเชียวแต่พอมิณท์พูดขึ้นฉันก็นึกถึงวันนั้นที่โทโมะดึงมือของฉันไปจับไว้จนวันต่อมาฉันเลยโดนเล่นงานจากพวกกลุ่มพิมพ์

 

 

“...”

 

 

“เราไม่ได้อยากจะเสียมารยาทนะแต่ว่า...”

 

 

“???”

 

 

“แก้วกับโทโมะเป็นแบบที่พวกนั้นกล่าวหารึปล่าว”

 

 

“ไม่ใช่เลยสักนิด มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะ” ฉันบอก มิณท์ก็พยักหน้า

 

 

      และคราวนี้คำถามที่คาใจฉันอยู่เรื่องมิณท์กับเคโอติค มันคงถึงเวลาที่ฉันจะต้องถามบ้างแล้วล่ะ!

 

 

“...”

 

 

 “งั้น...เราขอถามอะไรมิณท์บ้างได้มั้ย?”

 

 

“อื้ม! ยินดีตอบเสมอ ^^”

 

 

“นายเคยมีเรื่องอะไรกับกลุ่มเคโอติครึปล่าว”

 

 

“ไม่เคยหรอก ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ?” เคโอติคเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนที่เขาจะถอดแว่นออกมาแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าที่เขาเอามาด้วยเช็ดเลนส์แว่น

 

 

“ก็เราเห็นมิณท์ชอบหลบสายตาพวกนั้นบ่อยๆ”  

 

 

“มัน ไม่มีอะไรหรอก แต่เพียงแค่เราเป็นคนไม่ค่อยชอบมีเรื่องกับใครน่ะ ยิ่งพวกเคโอติคน่ะถึงแม้ว่าจะไม่มีเรื่องกับใครหากไม่มีคนมาหาเรื่องก่อนก็ตามฉะนั้นการหลบสายตาไว้จึงดีที่สุด” มิณท์พูดบอกแล้วจับแว่นขึ้นมาใส่

 

 

          เอ...ฉันว่าตามจริงถ้ามิณท์เวลาถอดแว่นก็หล่อไปอีกแบบนะเนี่ย มันดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากๆเลย แต่ใส่แว่นก็เป็นเด็กเรียนไปอีกแบบนะ

 

 

          ฉันกับมิณท์นั่งคุยกันนู่นนี่ถึงชีวิตครอบครัวไปเรื่อยๆมิณท์ก็เล่าว่า เขาอาศัยอยู่หอใกล้ๆกับโรงเรียนคนเดียว พ่อแม่เขาไปทำงานเปิดร้านขายเครื่องดนตรีอยู่ที่อเมริกาตั้งแต่มิณท์อายุ 15 ปี พ่อแม่อยากจะให้เขาไปด้วยแต่มิณท์เขาอยากจะอยู่ที่นี่เพราะชินก็เลยไม่ได้ ไปด้วย

 

 

         มิณท์บอกว่าเพียงแค่อายุ 15 ปี เขาก็สามารถดูแลตัวเองได้แล้วพ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเขา  พ่อกับแม่มิณท์ก็มักจะส่งเงินมาให้ใช้ทุกๆเดือนไม่ขาดมือ แต่มิณท์บอกว่าเขาเป็นพวกไม่ค่อยเที่ยวอะไรเท่าไหร่เขาจึงเก็บออมเงินของ พ่อแม่เอาไว้ใช้ยามจำเป็นมากกว่าจะเอาไปเที่ยว

 

 

           ฉันถามว่าอยู่คนเดียวมาหลายปีไม่เหงาเหรอ? มิณท์ก็บอกว่าตอนนั้นไม่เหงาหรอก แต่ตอนนี้กำลังหา ‘คนรู้ใจ’อยู่

 

 

        เอ...ฉันล่ะสงสัยจริงๆเลยว่าใครจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นกันนะ?

 

 

สามทุ่ม

 

 

 

        ‘ เมื่อไหร่จะกลับวะ?’

 

 

     

       โทโมะ คิดขณะที่เขากำลังดูดนมจืดหมดไปเป็นกล่องที่ 5 =  =;;;; เขายังไม่ยอมนอนเอาแต่ยืนอยู่ที่ระเบียงห้องนอนของตัวเองมองๆอยู่แต่หน้าบ้านของแก้วในขณะที่พ่อแม่ของเขาได้เข้านอนแล้ว

 

 

       มีแต่โทโมะอ่ะแหละที่ไม่ยอมนอนสักที...

 

 

       ตั้งแต่จองเบมาส่งโทโมะ โทโมะก็รีบเข้าบ้านแล้วไปอาบน้ำใส่ชุดนอนกางเกงขายาวของเขาแล้วเขาก็รีบมายืน ส่องหน้าบ้านแก้วอย่างเดียวเลยไม่ยอมไปไหน เขารอนานมากแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเห็นแก้วกลับบ้านสักที

 

 

“สาธุ! ขอให้โดนพ่อว่า โทษฐานกลับบ้านดึก”

 

 

      โทโมะพูดพลางยกมือไหว้ขอให้สิ่งที่เขาพูดเป็นจริง = =;;;;

 

 

      ตอน นี้โทโมะเขาจะรู้ตัวเองมั้ยเนี่ยว่าตัวเองเป็นอะไรอยู่ ทั้งๆที่ปกติเขาแทบจะไม่สนใจอะไรใครทั้งสิ้น แต่ทำไมอาการของเขามันส่อว่าเขากำลังออกอาการ ‘หึง’แก้วอย่างงี้ล่ะ? พระเจ้าท่านทรงเล่นตลกเอามากๆเลยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ทั้งที่ๆเขาบอกเองว่าเขายังลืม‘ผู้หญิงคนนั้น’ไม่ได้  

 

 

      แต่เขากลับกำลังออกอาการหึงผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาในชีวิตเขาได้ไม่นาน...และ ยังเป็นผู้หญิงที่ปากของโทโมะบอกเองว่า‘ก็แค่เพื่อนบ้าน’แต่ทำไมยิ่งนับวันอาการของโทโมะชักจะแปลกๆไป  จากที่ไม่เคยอยากจะใส่ใจแต่กลับแอบมองแอบคิดถึงแก้วแบบไม่รู้ตัวทุกที

 

 

     แต่เขาก็ปฏิเสธตลอดเวลาที่เพื่อนๆล้อถึงแก้ว...นี่เขาชอบแก้วหรือไม่ได้ชอบกันแน่นะเนี่ย ><?

 

 

“ยัยนั่นกับไอ้มิณท์เน่าเป็นเต่ารึไงเดินกลับกันช้าจริงๆ ><!”

 

 

      อาการโมโหขุ่นๆของโทโมะเริ่มออกลาย แถมเขายังเปลี่ยนชื่อของมิณท์เป็น ‘มิณท์เน่า’ อีกด้วยน่ะ ( ถ้าจะเป็นเอามากนะนั่นน่ะ =[]=;;;  )

 

 

“ฮึ่ย!”

 

 

ตุ้บ!

 

 

      โทโมะ ทำน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนที่เขาจะปากล่องนมที่เพิ่งกินหมดไปลงที่ขังขยะในห้อง นอน แล้วมันก็ลงอย่างแม่นยำ  เขาถอนหายใจแล้วเดินกอดอกไปมาอยู่ตรงระเบียงนานนับนาทีเลยล่ะ อาการหงุดหงิดมันเริ่มก่อตัวมาเป็นระยะขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาคงจะไม่รู้ตัวเองอีกนั่นแหละว่าตัวเองกำลังหงุดหงิด

 

 

      เพราะถ้ารู้ตัวโทโมะคงจะหยุดอาการนี้แล้วเข้านอนได้แล้วนะ ไม่ใช่มาแอบด้อมๆมองๆอยู่แบบนี้ = =;;;

 

 

“โอ๊ะ”  

 

 

      พอ สักพักหนึ่งโทโมะก็ได้ยินเสียงคนเดินคุยกันเขาจึงเดินไปชะเง้อมองที่ระเบียงก็ เห็นภาพได้ชัดเจนว่าแก้วเดินมากับมิณท์และทั้งสองคนกำลังคุยกันยิ้มๆ จนโทโมะถึงกับกัดฟันแน่นแล้วก็กำหมัดเขาแอบดูแก้วกับมิณท์อย่างใจจดใจจ่อแต่ สองคนนั้นมองไม่เห็นเขาหรอก

 

 

“ส่งกันถึงหน้าบ้านเลยนะ”

 

 

      โทโมะ พูดขึ้นหลังจากที่มิณท์กับแก้วบ๊ายบายกันแล้วแก้วก็ไขกุญแจเปิดรั้วบ้าน เข้ามา จากนั้นแหละเขาจึงถอนหายใจแรงๆออกมาแล้วหันจะเดินเข้าห้องนอน

 

 

        แต่โชคชะตาจะตั้งใจกลั่นแกล้งอะไรวีหรืออย่างไรที่ทำให้เขาเดินชนประตูกระจก ตอนที่กำลังจะเดินเข้าห้องนอน  = =;;;

 

 

ปึก!

 

 

“โอ๊ย! Shit...”

 

 

  

      โทโมะมองจ้องเจ้าประตูเพราะลืมไปว่าเขาเปิดไว้แค่ฝั่งเดียวเท่านั้น เอ...เขาเป็นอะไรน่ะ? หรือว่า...คิดเรื่องแก้วจนเดินชนประตูกันเลยนะ ฮ่าๆๆๆๆ ^O^//

 

 

      แล้วคืนนี้คุณชายโทโมะจะนอนหลับลงมั้ยนะ?  

 

 

โชคชะตามีการเล่นตลกหลายรูปแบบ...

มันมักจะมาเกิดขึ้นกับเราแบบไม่ทันตั้งตัวเสมอเลย

และตอนนี้โชคชะตาก็กำลังเล่นตลกกับแก้วกับโทโมะอย่างหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ

และความสัมพันธ์ของพวกทั้งสองก็กำลังคุมากขึ้นเรื่อยๆในเร็ววันนี้...

 

_______________________________________________

ต่อไปนี้ไรต์จะอัพทุกวันน้า ถ้ามีคนเม้นเยอะๆๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา