Dejavu S ถ้าไม่รักอย่ามาทำให้หลง
เขียนโดย blackKZ
วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 12.44 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
15) ตอนที่ 14 ความจริงที่บอกไม่ได้ [2]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
CHAPTER14: Dejavu S ถ้าไม่รักอย่ามาทำให้หลง
ตอนที่ 14 ความจริงที่บอกไม่ได้ [2]
“หลวงตา” เสียงแหบพร่าเอยขึ้นหลังสลบไปนานเกือบวัน ตากระพริบถี่ปรับมโนภาพคมชัดยิ่งขึ้น
“ไอ้ป็อป ฟื้นแล้วเรอะ” หลวงตาพูดพลางลูบหัวหลานชายอย่างอ่อนโยน
“นี้ผม..” ป็อปปี้มองไปรอบๆพยายามนึกถึงเหตุการณ์ล่าสุด เขาจำได้ว่าเขากำลังฉุดขาหัวโจกอยู่หลังจากนั้นภาพก็ดับลงสนิทเมื่อสิ้นเสียงปืน
“เอ็งโดนยิงแต่ยังดีเฉียดเส้นตาย ต้องขอบใจโยมที่อุส่ามีน้ำใจช่วยเหลือ” หลวงตาช่วยรื้อความจำให้แล้วหันไปขอบคุณผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือพวกเขาเมื่อวันก่อน
“คุณลุง!” ป็อปปี้สะอึกเมื่อเห็นธนัย ชายชราเผยยิ้มเล็กๆพอใจกับหน้าตาผู้ป่วย
“ขอผมคุยเป็นการส่วนตัวกับเด็กคนนี้หน่อยได้ไหมครับหลวงตา” ธนัยเอยบอก หลวงตามองป็อปก่อนถึงออกห้อง
“คงรู้สินะว่าฉันกำลังคุยเรื่องอะไร” ธนัยเกริ่น
“........” ป็อปปี้แอบเหล่ชายแก่เผื่อใจคงไม่พ้นเรื่องฟางเป็นแน่
“หลวงตาท่านเป็นคนใจดีมีเมตตาถึงขนาดยอมกู้เงินนอกระบบเพื่อจ่ายค่าเทอมแสนแพงของแก ไม่คิดจะทดแทนบุญคุณหน่อยเรอะ” ธนัยพูดแสยะยิ้ม
“ท่านหมายถึง?” ป็อปปี้ถามอย่างสงสัย ทำไมชายแก่ถึงพูดเช่นนั้นต้องการสื่ออะไรกัน
“ใช่ ฉันมีข้อเสนอดีๆฉันจะจ่ายหนี้ทั้งหมดให้พร้อมซ่อมบำรุงวัดและส่งแกเรียนจนจบแลกกับเลิกยุ่งกับยัยฟาง แต่ถ้าปฏิเสธเตรียมรับชะตากรรมเพราะความโง่เขลาของแกไว้ได้ เห็นไหม ง่ายๆ” ธนัยยื่นข้อเสนอจนป็อปปี้นิ่วหน้ารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนบีบบังคับยังไงยังงั้น
“เรื่องนั้นผม..” ป็อปปี้อ้ำอึ้งใช้ความคิด ถ้าเขารับเขาก็จะช่วยให้วัดอยู่รอดต่อไปได้แต่ต้องแลกกับเลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่เขารัก มันคุ้มแล้วเรอะ
“คิดดีๆจะตอบแทนบุญคุณหรือทิ้งข้อเสนอดีๆเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว” ธนัยกดดันช่วยชี้เส้นทางที่เขาควรเลือก ป็อปปี้ก้มหน้าก้มตากำมือแน่น คนหนึ่งก็ผู้มีพระคุณอีกคนก็ผู้หญิงที่เขารัก
“ผมตกลง” ป็อปปี้พูด
“ป็อปเป็นยังไงบ้าง!? เจ็บมากไหม ฟางขอโทษที่มาช้ากว่าฟางจะหนีคุณพ่อมาได้เนี่ยต้อง..” ฟางรู้ข่าวเรื่องป็อปปี้ถูกยิงก็รีบมาแต่เธอถูกผู้เป็นพ่อดักทางจนในที่สุดเธอก็มาหาเขาได้ในวันที่ชายหนุ่มออกโรงพยาบาทพอดี
“ฟางเราเลิกกันเถอะ” ป็อปปี้พูด
“เอ๋ะ เมื่อกี้ป็อปว่าไงนะ?” ฟางช่วยพยุงป็อปปี้เอย
“เราเลิกกัน ฉันขี้เกียจที่จะต้องตามใจเธอแล้ว” ป็อปปี้สลัดฟางแล้วตีออกห่าง
“ป็อป! นี้ป็อปพูดเล่นใช่ไหม ฟางรู้นะกะหลอกฟางอีกล่ะสิ มุกนี้ไม่ขำนะ” ฟางพูดแล้วยิ้มหวานคิดว่าแฟนหนุ่มเธอคงจะแกล้งยอเธอเล่น
“ฉันก็ไม่ขำเหมือนกัน!!” ป็อปปี้ตวาดชักสีหน้าคร่ำเครียด ฟางสะอึกตกใจที่เขาทำหน้าตาน่ากลัว
“ป็อป บอกสิทำไมฟางทำอะไรผิดป็อปบอกฟางมาสิ!?” ฟางเริ่มไม่แน่ใจกับสิ่งที่เขาพูดก็รีบเค้นเรื่องพร้อมกระตุกแขนชายหนุ่ม
“น่ารำคาญจริง!!!” ป็อปปี้กัดฟันสะบัดร่างหญิงสาวล้มลง ฟางเงยหน้าน้ำตาคลอมองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ เธอทำอะไรผิดทำไมเขาต้องขอเลิกกับเธอ
“ป็อป ฮือๆๆทำไม” ฟางสะอื้นถาม
“ยังไม่รู้ตัวอีกเรอะ เหอะเธอนี้มันโง่ซะจริงฉันจะบอกให้ ฉันแค่ต้องการเงินต้องการยศถาบรรดาศักดิ์ไม่ได้พิศวาสเธอเลยสักนิด จุกจิกน่ารำคาญฉันชักจะเบื่อเต็มทน เลิกยุ่งกับฉันสักที!” ป็อปปี้พูดเสียงแข็งแล้วเดินหนี
“ไม่จริงๆ ฮือๆๆ” ฟางส่ายหน้าไม่เชื่อหูรีบลุกไปกอดด้านหลังรั้งตัว
“ปล่อย!” ป็อปปี้เม้มปากพยายามกลั้นสะอื้นพร้อมพยายามแกะมือหญิงสาวจนหลุด ก่อนจะมีสายสวยอีกคนเดินเข้ามาผลักฟางล้มแล้วจิกหัว
“ผู้ชายเขาไม่เอาจะยื้อไว้ทำไม โดนเขาหลอกไม่รู้ตัวเลยเรอะนังโง่!” สาวสวยว่าจบก็จิกหัวส่งฟางทันทีก่อนจะเดินไปควงแขนชายหนุ่มที่ยืนรอแล้วส่งซิกบอก
“ป็อป ฮือๆ” ฟางร้องเรียกคนรักหวังให้เขาหันกลับมาแต่ไม่ ไม่เลยสักนิด แค่เหล่มองเขายังไม่คิดทำ เดินลับทิ้งเธอไว้ในห้องพร้อมกับความเสียใจ
“แค่นี้คงพอสินะ” ป็อปปี้พูดหลังเจอธนัยเดินตรบมืออารมณ์ดีออกมาจากซอกมุม
“สุดซึ้งเลยละ ตามสัญญาฉันจะจ่ายหนี้ให้ทั้งหมดและส่งแกจนจบ” ธนัยว่าพร้อมยื่นมือเช็คแฮนด์แต่ป็อปปี้ยืนนิ่งไม่คิดตอบ ชายแก่จึงดึงมือกลับแล้วยักไหล่ก่อนสาวสวยที่ผละตัวมาหาชายชราพร้อมรับเงินค่าจ้าง
“ผมขอตัวกลับก่อน” ป็อปปี้เดินหนีเข้าลิฟต์คนเดียวก่อนจะทรุดไถลลงร้องไห้หนักหน่วง
“ฟางฉันขอโทษฉันขอโทษ ฮือๆ”
“ฉันพูดไม่ออกจริงๆ ขอโทษที่เข้าใจผิด” แก้วทีนั่งฟังเรื่องราวถึงกับค้างไปชั่ววิ เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าเรื่องมันจะซับซ้อนขนาดนี้
“อืม สมควรอยู่” ป็อปปี้ยิ้มบางพูด
“แล้วทำไมไม่บอกความจริงฟางไปล่ะ? ทำไมถึงยังปล่อยให้เธอเข้าใจนายผิดๆอย่างนี้” แก้วรีบถาม ถ้าบอกไปฟางก็น่าจะเข้าใจเธอคิดอย่างนั้น
“บอกไปมันก็ไม่ต่างกับการแก้ตัวจะบอกว่าผมไม่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผม ผมทำให้ฟางเสียใจทำให้เธอร้องไห้ ทีแรกผมคิดว่าเราสองคนคงมาได้แค่นี้แต่ผมก็เลือกที่จะกลับมาเพราะผมตัดใจจากฟางไม่ได้จริงๆหรือผมอาจแค่อยากให้ฟางยกโทษให้ผู้ชายงี่เง่าคนนี้” ป็อปปี้พูด ถึงเขาจะอยากได้ฟางคืนแต่เขาก็อาจแค่อยากให้เธอยกโทษให้ไม่จำเป็นรักเขาก็ได้ขอเพียงเธอยังเห็นเขาสายตาก็เพียงพอสำหรับตัวเขาแล้ว
“ป็อป” แก้วพูดแอบซึมตาม เธอจ้องหน้าชายหนุ่มที่พยายามฝืนยิ้มหลังเล่าความจริงให้เธอฟังก็อดเศร้าตามไม่ได้
“ฉันขอโทษที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง ฉันไม่น่าถามเลยจริง ไม่น่า..” แก้วพูดโทษตัวเอง
“ไม่เป็นไร ผมเต็มใจ” ป็อปปี้คลี่ยิ้มกว้างคลายกังวลหญิงสาว แก้วเห็นป็อปยิ้มก็พยายามยิ้มตามแม้มีแอบหุบเล็กๆ
“รู้มั้ย อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมกลับมาคืออะไร” ป็อปปี้พูดสายตาล่องลอยไปกับเมฆขาวบนท้องฟ้า
“?” แก้วเอียงคอตีหน้างง
“ก็แค่แอบหวังว่าเศษเสี้ยวหนึ่งในหัวใจฟางจะยังรักผมอยู่” ป็อปปี้พูด
“วันนี้มันวันซวยของฉันใช่ไหมเนี่ย” แก้วขับรถมาจอดหน้าบ้านก็พบว่าบ้านถูกปิดล็อคอย่างดีแปลว่าสองสาวไม่ได้อยู่บ้าน หญิงสาวจึงพึมพำกับตัวเองก่อนจะเคลื่อนรถเข้าบ้านตัวเอง แก้วเลื่อนบานประตูพลางกวาดตามองหาสิ่งเดียวที่ไม่อยากเจอหวังอย่าให้เขารู้เลยว่าเธอกลับมา
“หายไปไหนมา?” เสียงเคร่งขรึมโพล่งดังข้างหลังหญิงสาว ทำให้เธอกระตุกนิดหนึ่งก่อนจะหันไปเผชิญเจ้าของเสียง
“โทโมะ...” แก้วชะงักเมื่อเห็นร่างของโทโมะตรงหน้า แววตาสีแดงฉานจ้องมองมาที่เธอพร้อมกับใบหน้าซีดขาวมีรอยเส้นสีดำเหมือนเส้นเลือดเข้มชัด ร่างถูกปกคลุมไปด้วยควันสีมืดครึ้มรอบกายมันดูน่ากลัวจนตัวเธอเกือบหยุดหายใจ ความกลัวแล่นเข้าครอบนำหัวใจเธอหลังได้ยลโฉมเขา
“กล้ามากที่ทิ้งฉันไว้บ้านไม่พอยังทำลายของรักเพียงชิ้นเดียวที่ฟางให้ฉัน หยามกันเกินไปแล้ว!” โทโมะว่าเสียงดังก้อง แก้วตกใจก่อนจะพยายามคุมสติให้อยู่
“........” แก้วยืนนิ่งเงียบหรุบตาลงพลางคิดเกิดอะไรขึ้นกับเขากันทำไมร่างวิญญาณถึงกลายเป็นเช่นนั้น หรือเพราะเขาโกรธเธอเรื่องที่ว่ามาแต่ยังไงซะตอนนี้เขากำลังโกรธเธออยู่แน่ๆ
“เงียบทำไมหรือเห็นหน้าฉันเลยไม่อยากพูด!” โทโมะตวาดสีหน้าขุ่นเคือง แก้วที่กำลังใช้ความคิดถึงกับหลุดภวังค์
“ป่าว ฉันแค่เหนื่อย” แก้วพูด
“เหนื่อย เหอะหายไปเป็นวันมัวแต่ไปพลอดรักกับมันมาล่ะสิ เป็นไงสุขสมพอไหม” โทโมะยิ้มมุมก่อนแขวะว่าแก้ว
“หยุดงี่เง่าสักที ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน!” แก้วขมวดคิ้วบางรีบโต้เถียงด้วยความโมโหก่อนรีบชิงหนีชายหนุ่มไม่อยากคุยด้วย
“อย่ามากำแหงกับฉัน!!” โทโมะคว้าแขนล็อคสองข้างพร้อมตะคอกเสียง
“ปล่อย!” แก้วยื้อแขนดึงหนี แต่กลับยิ่งถูกบีบข้อมือเล็กมากจนเบ้หน้าเจ็บ
“เดียวนี้แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้ ต้องเป็นมันใช่มั้ยเธอถึงจะยอมพลีกาย อยากรู้จริงมันดีเลิศประเสริฐศรีจากไหน เธอถึงหลงมันหัวปักหัวปำ!!” โทโมะกระแทกกระทั้นแล้วบีบแน่นกว่าเดิม
“ฉันไม่ได้หลงใครทั้งนั้น เลิกว่าคนอื่นเสียทีพูดเหมือนตัวเองดีตายล่ะ สมควรแล้วที่ฟางทิ้งนายไปหาผู้ชายที่ดีกว่า!” แก้วนิ่วหน้ารีบสวนกลับอย่างเกรี้ยวโกรธไม่แพ้กันจนลืมนึกถึงผลร้ายที่ตามมา
“แก้ว!” โทโมะกัดฟันกรอดกระชากแก้วแต่เธอสู้ชักแขนบางกลับจนชายหนุ่มพลั้งมือผลักแก้วด้วยความฉุนเฉียว
เพล้ง!!!
ร่างหญิงสาวกระแทกเข้ากับขอบตู้วางของโดนเอวเล็กอย่างแรงจนตู้สั่นสะเทือนทำให้แจกันตกลงมาแตกดังพร้อมกับร่างเธอที่ทรุดฮวบ
“ โอะโอ๊ย..” แก้วทำหน้าโอดครวญขยับไม่ออกเพราะจุก โทโมะชะงักกับเหตุการณ์เมื่อครู่เขาเผลอทำร้ายเธอเสียแล้ว
“พี่แก้ว!!!” เสียงใสวิ่งหน้าตื่นตกใจหลังพึ่งกลับมาถึงบ้านได้ยินเสียงของหล่นแตกจึงรีบสาวเท้าเร็วมาก็เห็นแก้วนั่งทรุดอยู่กับพื้นกับแจกันแตกละเอียด
“เกิดอะไรขึ้น พี่แก้วเป็นอะไรมากมั้ย!?” แจมรีบถามอาการพี่สาว แก้วพูดไม่ออกเพียงแสดงสีหน้าเก็บกดกลั้นความเจ็บปวดรวดร้าวที่รุมเร้า เนยสำรวจพี่สาวเห็นข้อเท้าม่วงกับรอยยับเสื้อข้างหลังแก้วก็พอเข้าใจ
“แจมพาพี่แก้วไปก่อนเดียวเนยจัดการตรงนี้เอง” เนยรีบสั่งแจมส่วนตนจะจัดการเศษแจกันนี้เอง แจมพยักหน้าแล้วค่อยๆประคองแก้วกลับห้องช้าๆ โทโมะยืนมองตามหลังพึ่งสังเกตแผลที่ข้อเท้าแก้วด้วยก็รู้สึกผิด
“พี่ไม่เป็นไร อย่าทำหน้าเบี้ยวแบบนั่นสิ” แก้วยิ้มแหย่พูดเพราะเธอโดนน้องสาวจ้องตาเป็นมันยังกะจะกินเลือดกินเนื้อเธอยังงั้น
“ไม่เป็นไรได้ไง ตะกี้ยังพูดแทบไม่ออกถามจริงเหอะพี่ช่วงนี้ทำไมพี่แก้วเจ็บบ่อยจัง ดวงตกอ่ะเปล่า ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์หน่อยไหมเผื่อดีขึ้น” แจมแย้งว่าพี่สาวรีบชวนเธอลองไปสะเดาะเคราะห์ดูอาจดีขึ้น
“เว่อรแหละๆแค่นี้เอง โอ๊ย!เบาๆ” แก้วยีหัวเล่นจนแจมหน้ามุ่ย เนยรำคาญที่แก้วอยู่ไม่นิ่งบวกกับไม่ห่วงตัวเองจึงบี้แผลสกัดมุม
“คนเขาอุส่าเป็นห่วง” เนยพูดเอาถุงประคบเย็นออกก่อนเอาผ้าซับหยดน้ำเย็นเกาะหลัง
“จ้าๆ ไว้วันหลังเนาะประคบเสร็จแล้วใช่ม่ะ” แก้วพูด
“ยัง เดียวแจมไปเอาถุงประคบเย็นให้ใหม่ เนยไปกัน” แจมพูดเสร็จก็รีบลากเนยไปด้วย
“อ้าวทำไมไม่ไปคนเดียว?” แก้วรีบถามดักเพราะเธอนึกว่าแจมไปคนเดียวที่ไหนได้ลากเนยไปด้วย
“แฝดก็ต้องไปเป็นคู่สิพี่ อะไรกลัวผีหลอกเรอะ” แจมพูดแล้วรีบไปทำอย่างที่เธอว่า แก้วยิ้มๆก่อนจะถูแขนเพิ่มความอบอุ่นเพราะมีลมเย็นจากไหนไม่รู้ผ่านร่างเธอ แก้วมองไปทางต้นตอก็ทราบว่าเธอไม่ได้ปิดบานกระจกจึงตัดสินใจพาร่างกะเผลกๆไปเลื่อนปิด
“แก้ว” โทโมะพูด แก้วชะงักก่อนจะหันไปพบโทโมะที่ยืนจ้องเธอด้วยใบหน้าเป็นห่วงตอนนี้ร่างของเขากลับมาโปร่งขาวเหมือนเดิมไม่เหมือนทีแรกที่มืดดำจนน่ากลัว โทโมะเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นมือจะเข้าไปจับเธอ แต่แก้วลุกลนตกใจหนีถอยชนกับโซฟาฮวบนั่งติดเบาะ
“ยะ อย่า” แก้วร้องห้ามเสียงสั่นพร้อมยกมือบังโทโมะ
“ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอ” โทโมะชะงักนิดหนึ่งก่อนจะพูดเสียงอ่อน
“ขอล่ะ อย่าเข้าใกล้ฉัน” แก้วส่ายหน้ายังยกแขนบังชายหนุ่มร้องขออย่าเข้าใกล้เธอมากกว่านี้
“เธอกลัวฉันเรอะ” โทโมะถาม แต่แก้วไม่ตอบกลับยิ่งก้มหน้างุดซ่อนใบหน้าหวาดผวา เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขาเธอกลัวเกินกว่าจะเผชิญกับสิ่งที่เขาทำไว้
“ขอโทษ ฉันแค่....” โทโมะเสียงอ่อยมองแก้วที่นั่งตัวสั่นก็ซึมลง นี้เขาทำอะไรลงไปเขาเผลอพลั้งทำร้ายเธอเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
“......” แก้วเบือนหน้าหนี โทโมะหน้าสลดเก็บมือถอยห่างหญิงสาวแล้วเหล่แก้วก่อนจะหายไป แก้วเงยหน้ามองชายหนุ่มแต่ในห้องกลับว่างเปล่าก็ถอนหายใจเหนื่อยอ่อนพลางนึกถึงเรื่องป็อปปี้ ที่จริงถ้าเขาไม่ชวนทะเลาะเสียก่อนเธอก็กะจะบอกความจริงว่าสิ่งที่เขาคิดมันถูกแต่มันก็แค่ความคิด เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำยังไงเพราะใจหนึ่งก็สงสารโทโมะ ใจหนึ่งก็สงสารป็อปปี้ ไม่มีใครผิดถ้าจะผิดก็คงเป็นชะตากรรมที่กำหนดให้ทั้งสามมาเจอกันรวมทั้งเธอที่ต้องกลายมาเป็นคนกลางของความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอนนี้โดยไม่ตั้งใจ
________________________________________________________
อัพเรื่อยๆไม่ใช่อะไรช่วงนี้ใกล้สอบพีสจะหายไปสัก 2-3 อาทิตย์แล้วกลับมาอัพให้หลังปิดเทอม!! เพราะฉะนั้นใครยังอยากให้พีสเขียนต่อ เม้นเยอะๆจะเป็นกำลังให้พีสอย่างมากเบย เหอะๆโทโมะทำแก้วกลัวไปซะแล้ว ป็อปฟางร้องไห้เพราะธนัยคนเดียว โฮ้ย! ติดตามได้ตอนหน้านะ
LOVETK PF KF!!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ