Dejavu S ถ้าไม่รักอย่ามาทำให้หลง

8.4

เขียนโดย blackKZ

วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.55 น.

  20 chapter
  215 วิจารณ์
  30.17K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 12.44 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

14) ตอนที่ 13 ความจริงที่บอกไม่ได้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

 

 

 

CHAPTER13: Dejavu S ถ้าไม่รักอย่ามาทำให้หลง

 

ตอนที่ 13 ความจริงที่บอกไม่ได้

 

 

 

 

 

            “ขอโทษทีนะฟาง” แก้วพูดหลังสวมผ้าคลุมออกจากห้องน้ำคุยกับสาวตัวเล็กเจ้าของห้อง

 

 

 

 

            “ไม่เป็นไรหรอกแก้ว แค่อาบน้ำเองพูดเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ไปได้” ฟางพูดแล้วยื่นผ้าเช็ดหัวให้  แก้วจึงรับมานั่งเช็ดผมเปียก

 

 

 

 

            “แฮะๆ ก็มันพิลึกไหมเล่ามาขออาบน้ำบ้านเพื่อนเนี่ย ยังดีนะที่แก้วมีเสื้อผ้าสำรองไม่งั้นฟางต้องจับแก้วแต่งสาวแน่เลย” แก้วพูดอย่างรู้เท่าทันฟางพลางนึกถึงคนที่บ้าน หลังจากออกผับมาเธอก็ลังเลที่กลับบ้านไปเจอกับเขาจึงตัดสินใจตรงมาคฤหาสน์ฟางเพื่อขออาศัยห้องน้ำชำระกายก่อนไปทำงานในช่วงบ่าย

 

 

 

 

            “ก็เสียดายอยู่เหมือนกัน ไหนๆก็มาแล้วอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนฟางก่อนนะ วันนี้คุณแม่ไปทำสมาธิที่วัดแต่เช้าคุณพ่อไปทำงานกว่าจะกลับคงเย็น เหลือฟางคนเดียวเหงาจะแย่ นะแก้วน้า” ฟางรีบชวนขอให้แก้วอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนเพราะเธอไม่อยากกินข้าวคนเดียว

 

 

 

 

            “เอ้างั้นก็ได้ ท้องแก้วร้องบ่นหิ๊วววหิวพอดี” แก้วกุมท้องแสบร้อนยิ้มตอบ

 

 

 

 

            “5555 รีบตามมานะ” ฟางยิ้มขำก่อนออกห้องไป แก้วเงี่ยหูฟังจนเสียงเงียบก่อนจะกวาดมองไปทั่วห้องพลางคิดบางอย่าง

 

 

 

 

            “ในห้องมันต้องมีสักอย่างสิน่า” แก้วพึมพำก่อนจะเดินค้นสิ่งที่เธอคาดไว้น่าจะมีอยู่ในห้อง

 

 

 

 

            กุกๆกักๆ

 

 

 

 

            แก้วเที่ยวเปิดนู่นเปิดนี้ไปเรื่อยๆจนเจอเข้ากับกล่องใบหนึ่งที่ดูเก่าเพราะฝุ่นเกาะเต็มบ่งบอกว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวมานาน เธอตัดสินใจชั่ววิหันไปรอบๆหวังว่าคงไม่มีใครก่อนหยิบมาเปิดดู

 

 

 

 

            “ไดอารี่” สิ่งแรกที่เห็นคือสมุดเล่มหนาดูใช้งานบ่อยจนมีรอยยับยูยี่ เธอเปิดออกดูเพราะเห็นไดอารี่หนีบของบางอย่างไว้ข้างใน

 

 

 

 

            “ดอกกุหลาบ แห้ง” แก้วหยิบขึ้นมาดูก่อนจะเหลือบไปเห็นข้อความในหน้ากระดาษที่เขียน

 

 

 

 

                        ถึงดอกกุหลาบนี้จะไม่ใช่ของพิชชี่แต่ก็ขอบคุณมากนะป็อป มันทำให้วันแย่ๆวันหนึ่งของฉันกลายเป็นความทรงจำดีๆ รักเพื่อนคนนี้ที่สุด

 

 

 

 

            “ฟางรู้จักกับป็อปตั้งแต่เรียนมหาลัยแล้วเรอะ แต่ทำไม?” แก้วนิ่วหน้า เอากุหลาบเก็บหน้าเดิมแล้วลองพลิกไปหลายๆแผ่นมีบันทึกมากมายทีฟางเขียนไว้จนเจอเข้ากับหน้าหนึ่งที่ดูพิเศษเพราะใช้ปากกาสีชมพูเขียนกับรูปถ่ายฟางกอดตุ๊กตาหมีพูห์แน่นด้วยใบหน้ามีความสุข

 

 

 

 

                        คนบ้า เล่นขอเป็นแฟนกลางมหาลัยอย่างเนี่ยใครเขาจะกล้าปฏิเสธกันเล่า เค้าอายนะ ขอบคุณสำหรับตุ๊กตาหมีพูห์นะจะเก็บรักษาอย่างดีเลย

 

 

 

 

            “ป็อป..รัก..ฟาง” แก้วมองกล่องก็เห็นภาพใบหนึ่งเป็นรูปป็อปปี้กับฟางยืนถ่ายคู่ในวันครบรอบเป็นแฟนกัน หญิงสาวยิ้มตามเพราะใบหน้าชายหญิงดูสุขสันต์ก่อนพลิกดูด้านหลังแล้วอ่านตามข้อความ

 

 

 

 

            ก็อกๆๆ!!!

 

 

 

 

            แก้วสะดุ้งรีบเก็บของเข้าล็อคตามเดิมอย่างรวดเร็วและไม่ลืมที่จะคว้ารูปใบนั้นมาด้วย

 

 

 

 

            “เหวอ!”  

 

 

 

 

 

            “คุณแก้วค่ะคุณหนูฟางรออยู่ข้างล่างคะ เอ่อ หาอะไรอยู่เรอะคะ?” มะลิแง้มประตูพร้อมบอกว่าฟางกำลังรอแก้วอยู่ข้างล่างก่อนจะเอะใจงงที่เห็นแก้วล้มลงไปนอนกับพื้นเอามือควานหาของ

 

 

 

 

            “อ้อ! แก้วเผลอทำของหล่นแล้วมันกลิ้งไปใต้เตียงนะคะ บอกฟางเดียวแก้วตามไป” แก้วยิ้มแหย่รีบแขไขจริงๆเธอไม่ได้หาอะไรหรอกแต่เผลอสะดุดล้มนอนจึงเอารูปในมือแอบใต้เตียง

 

 

 

 

            “คะ มีอะไรให้ป้าช่วยไหม?” มะลิถาม

 

 

 

 

 

            “ไม่เป็นไรคะป้า แก้วเจอแล้วไปเถอะคะ” แก้วลุกลี้บอกขอให้ป้ามะลิรีบไปเถอะ มะลิยิ้มโค้งขอตัวแล้วปิดประตูดังปัง หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะยันตัวเองเกาะเตียงขึ้นนั่งหายใจโล่งยังดีที่เป็นป้ามะลิถ้าเป็นฟางเธอต้องโดนจับได้แน่ๆ

 

 

 

 

            “เกือบแล้วเรา” แก้วมองข้อเท้าบวมม่วงเพราะเหตุเมื่อกี้ทำเอาเธอล้มลงไปนอนเพราะตื่นตกใจทำให้หมุนผิดท่าก่อนสายตาคู่สวยผละมาจดจ้อรูปในมือ

           

 

 

 

 

            “ป็อป ป็อปอย่าหนีพิมนะ! ป็อป!!” พิมเหยียบเท้าเร็วเรียกสั่งชายหนุ่มที่เดินนำ

 

 

 

 

            “อะไรอีกล่ะ ผมว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ” ป็อปปี้หันมาถามพิม

 

 

 

 

            “แต่พิมไม่อยากเป็นแค่น้องสาวนี้ค่ะ พิมรักป็อป” พิมอ้อนพร้อมกุมมือชายหนุ่มอย่างต้องการเขาจริงๆ

 

 

 

 

            “แต่ผมไม่รักคุณ ผมรักฟาง!” ป็อปปี้พูด

 

 

 

 

            “นังนั่นมันกำลังหมั้นหมายแล้ว! คุณควรจะตัดใจเสียที” พิมพูด

 

 

 

 

            “เธอรู้!?” ป็อปปี้ตาโตรีบถาม

 

 

 

 

            “เขาลือกันให้แซ่ด คนเก่าตายไปไม่ทันไรคนใหม่เสียบแทนแถมเป็นทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ซะด้วย หึ ร่านเรียกแม่ได้เลยมั่ง” พิมรีบต่อว่าฟาง ข่าวเรื่องฟางหมั้นเป็นความจริงดังซะจนคนเอาไปเม้าส์ปากต่อปาก

 

 

 

 

            “เงียบ” ป็อปปี้พูด

 

 

 

 

            “สวยแต่รูปนี้ข้างในเน่าเฟะ พิมว่าคุณเลิกยุ่งกับมันแล้วเรามา..” พิมยังไม่เลิกร้ายก่อนเอยเล้าชายหนุ่ม

 

 

 

 

            “ผมบอกให้เงียบ!” ป็อปปี้ตะคอกสั่ง

 

 

 

 

            “นี้คุณตะคอกพิมเรอะ!” พิมสะดุ้งรีบว่า

 

 

 

 

            “ใช่เพราะผมเชื่อว่าฟางไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น เขามีเหตุผลเสมอและต่อให้ไม่มีฟางผมก็ไม่เคยคิดรักคุณเกินน้องสาว ขอตัว” ป็อปปี้พูดจบก็ปลีกตัวทิ้งให้พิมโวยวาย หญิงสาวมองตามหลังสายตาไม่พอใจก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร

 

 

 

 

            “ฮัลโลว่” ปลายสายตอบหลังรับ

 

 

 

 

            “พิชเมื่อไหร่คุณจะจัดการนังนั้นสักที พิมเริ่มทนไม่ไหวแล้วนะ!” พิมว่าเร็วอย่างหงุดหงิด

 

 

 

 

            “ใจเย็นสิครับของแบบนี้มันต้องใช้เวลา” พิชชี่พูด

 

 

 

 

            “พิมไม่รอแล้ว! นี้อย่าบอกนะว่าคุณก็หลงมันอีกคนหน่ะ!!” พิมฉุนคิดว่าพิชชี่หลงฟางอีกคน

 

 

 

 

            “ก็แค่ของกินเล่น ผมจริงจังกับคุณคนเดียวนะที่รัก” พิชชี่พูด ที่เขาหมั้นกับฟางก็แค่แผนการของจริงมันต่อจากนี้ต่างหาก

 

 

 

 

            “ค่ะ พิมจะรอเร็วหน่อยล่ะก่อนที่ความอดทนพิมจะหมด เอาให้มันอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าเลยยิ่งดี” พิมยอมสงบแล้วขอเร่งให้เขาจัดการ เธอต้องการให้ฟางอายจนซุกเข้ากะลาแทบไม่ทัน

 

 

 

 

            “แน่นอนครับ แค่นี้ก่อนนะผมมีธุระ” พิชชี่พูดลาเพื่อไปทำธุระของตน

 

 

 

 

            ตี้ด…………………

 

 

 

 

            พิชชี่วางสายลงก่อนจะโน้มตัวลงจูบหญิงสาวที่เขานอนด้วยเมื่อคืนแต่เธอกลับเบือนหน้าหนีสร้างความไม่พอใจแก่เขา ชายหนุ่มจึงบีบแก้มเธอพลิกมาบดจูบร้อนแรงจนหญิงสาวทุบตีประท้วง

 

 

 

 

            “ทำเป็นเล่นตัว” พิชชี่ว่าหลังผละริมฝีปากอิ่ม

 

 

 

 

            “ฉันเกลียดนาย” จินนี่พูดเสียงแข็งกร้าวแม้แววตาสั่นคลอน เธอถูกพิชชี่ลักพาตัวเมื่อคืนนี้ตอนที่เธอไปพบปะกับเพื่อนเก่าก่อนถูกเขาลากมาจบบนเตียง ณ คอนโดหรูของเขาเอง

 

 

 

 

            “เกลียด? แล้วไอ้เมื่อคืนเขาเรียกอะไรจะปฏิเสธว่าเธอไม่ชอบว่างั้น ร้องซะ..” พิชชี่ล้ำลึกเรื่องเมื่อคืนที่เขามีอะไรกับเธอ

 

 

 

 

            เพลี้ย!!!

 

 

 

 

            “ฉันจะคิดซะว่าทำบุญให้หมาข้างถนน” จินนี่ตบจนชายหนุ่มหันตามแรงก่อนเขาจะหันมามองด้วยแววตาเกรี้ยวโกรธ เธอว่าเสียงสั่น

 

 

 

 

            “พอดีว่าไอ้หมาข้างถนนตัวนี้มันไม่รู้จักพอซะด้วย” พิชชี่พูดก่อนจับแขนเธอขึงติดเตียงแล้วเริ่มพายุโหมกระหน่ำร้อนแรงต่อ

 

 

 

 

 

            แช๊ะๆ แชะ! แซ๊ะๆๆ!!

 

 

 

 

            ป็อปปี้กับพิมอยู่ในชุดเสื้อผ้าวินเทจคอนเซ็ปสีแดงดำท่ามกลางห้องสีขาวตัดกับเสื้อผ้า ชายหนุ่มยืนหันหลังแล้วโอบเอวหญิงสาวแนบชิดโดยเสื้อชุดสุดท้ายของวันป็อปปี้สวมสีดำทั้งชุดผิดกับพิมที่เป็นสีแดงฉาด แก้วกดชัตเตอร์รัวๆคอยกำกับท่าทางทั้งสองอย่างขะมักเขม้น

 

 

 

 

            “เสร็จแล้วคะ ขอบคุณทั้งสองคนมากคะ” แก้วถ่ายช็อตสุดท้ายจบก็พูดขอบคุณ เหล่าทีมงานจึงพากันเริ่มเก็บกวาดกอง

 

 

 

 

            “น้องแก้วเหนื่อยหน่อยนะจ้ะ เมื่อคืนพึ่งแฮ้งมาแท้ๆ” ชาลีตบบ่าเบาพร้อมพูดบอกเพราะเธอเป็นคนขนหญิงสาวในสภาพเมาแอ๋ขึ้นไปนอนห้องเองกับมือ สาวร่างถึกยังแปลกใจที่แก้วมาได้

 

 

 

 

            “สบายมากพี่ชาลี นั่นเดียวแก้วขอตัวกลับก่อนนะคะแล้วเจอกันคะ” แก้วลาชาลีเสร็จก็รีบตามทางที่ป็อปปี้ไป

 

 

 

 

            “ป็อป” แก้วเรียกเมื่อเห็นป็อปปี้ยืนอยู่กับพิมที่เกาะแข็งเกาะขาเขาไม่เลิก

 

 

 

 

            “ไงแก้ว หายรึยัง?” ป็อปปี้ยิ้มให้แล้วถามอาการเมาค้างแก้ว

 

 

 

 

            “อืม ดีขึ้นเยอะแต่ป็อปนี้ใช่เล่นเหมือนกันนะยังลุกมาทำงานได้เนี่ย แก้วนี้กว่าจะลุกได้ล่อซะเกือบเที่ยง” แก้วพูดยอชายหนุ่ม เธอสลบยาวถึง 11 โมงกว่าๆแล้วกว่าเธอจะพาตัวเองออกห้องมาได้แทบตาย

 

 

 

 

            “นี้อย่าบอกนะว่าแกคิดจะอ่อยป็อปอีกคนหน่ะ!” พิมมองป็อปปี้ที่เป็นกันเองกับแก้วก็เกิดหึงหวงชายหนุ่ม

 

 

 

 

            “พิมเลิกพาลแล้วกลับบ้านไปซะ อย่าให้ผมต้องรายงานคุณลุงเรื่องคุณ” ป็อปปี้โมโหรีบไล่พิมกลับบ้านพร้อมขู่

 

 

 

 

            “คุณพิม ฉันกับป็อปแค่เพื่อนกันค่ะ” แก้วยันอีกคน เธอคิดกับป็อปแค่เพื่อนจริงๆทำไมถึงมีแต่คนเข้าใจผิดเรื่องเธอทุกทีไม่เว้นกระทั่งผีบ้าที่บ้าน

 

 

 

 

            “แกคิดว่าฉันโง่เรอะ อย่ามาทำเป็นใสซื่อ!” พิมด่าแก้วชักสีหน้าขุ่น

 

 

 

 

            “พิม!” ป็อปปี้มองขู่เชิงบอกถ้ายังไม่เลิกเจอดี พิมมองตาก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไรจึงหันมาชิชะใส่แก้วก่อนเดินฮึดฮัดไปที่รถส่วนตัวเธอ

 

 

 

 

            “แก้วผมขอโทษแทนพิมด้วยนะ” ป็อปปี้ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะหันมาขอโทษแทนพิม

 

 

 

 

            “ช่างเหอะ ป็อปว่างไหมแก้วมีเรื่องอยากคุยด้วย” แก้วถาม

 

 

 

 

            “อืม” ป็อปปี้พยักหน้าก่อนจะพากันมานั่งแถวลานจอดรถ

 

 

 

 

            “ป็อปกับฟางรู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว?” แก้วนั่งเงียบอยู่นานก่อนถอนหายใจแล้วรีบถามสิ่งที่เธออยากรู้

 

 

 

 

            “ผมก็พึ่งรู้จักกับฟางตอนที่แก้วพามาฝากไว้เมื่อวันก่อนนั้นไง” ป็อปปี้สะอึกทีแรก ก่อนจะหันมายิ้มตอบ

  

 

 

 

          “เอาความจริงได้ไหม” แก้วพูด เธอสังเกตท่าทางเขาเมื่อกี้ก็เริ่มแน่ใจเรื่องชายหนุ่มกับฟางมากขึ้น

 

 

 

 

            “ทำไมถึงถามยังงั้นล่ะ ผมจะโกหกแก้วไปทำไม!?” ป็อปปี้รีบบ่ายเบี่ยง

 

 

 

 

            “แต่รูปมันโกหกไม่ได้นะป็อป!” แก้วไม่อยากให้ยื่นเยื้อควักหลักฐานใบเดียวโชว์

 

 

 

 

            “......” ป็อปปี้ชะงักมองรูปกับแก้วสลับกัน

 

 

 

 

            “นายคงไม่บอกฉันหรอกนะว่าคนในรูปนี้ไม่ใช่นายและชื่อก็แค่บังเอิญชื่อเดียวกับนายใช่ไหม” แก้วพูดจ้องป็อปปี้ตรงๆ เธอต้องการให้เขาพูดความจริงจากปากของเขา

 

 

 

 

            “เธอไปเอารูปนี้มาจากไหน?” ป็อปปี้ถาม

 

 

 

 

            “มันไม่สำคัญหรอกว่าฉันเอามาจากไหน มันสำคัญว่านายต้องการอะไรจากฟางนายทิ้งเขาไปแล้วทำไมถึงยังกลับมา” แก้วเอยปัดยิงคำถามสิ่งที่เขาเพ้อเมื่อคืนมันยังไง

 

 

 

 

            “ผม..สัญญาก่อนได้ไหมว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับฟาง..” ป็อปปี้พูดขอ

 

 

 

 

            “สัญญา” แก้วรับคำแล้วยื่นรูปให้ชายหนุ่ม ป็อปปี้รับมาดูก่อนจะเอยเล่าความจริงบางอย่างที่เขาปิดบังมานาน

 

 

 

 

 

            “เฮ้ย ป็อปมีคนมาหามึงว่ะ!” เพื่อนชายตะโกนบอกเจ้าของชื่อว่ามีคนมาหา

 

 

 

 

            “เอ่อเดียวกุไปเดียวนี้แหละ!” ป็อปปี้หยุดมือทำงานแล้วไปตามที่เพื่อนบอก เขามาหยุดหน้าห้องกิจกรรม

 

 

 

 

            “สวัสดีครับคุณลุง” ป็อปปี้กล่าวทักทายธนัยที่ยืนไขว้หลังอยู่

 

 

 

 

            “เลิกกับลูกสาวฉันซะ” ธนัยพูด

 

 

 

 

            “เอ๋ะ!?” ป็อปปี้ชะงัก

 

 

 

 

            “ต้องการเท่าไรว่ามา จะเอาสักแสนสักล้านบอกได้ฉันยินดีจ่ายถ้ามันทำให้แกเลิกกับลูกสาวฉัน” ธนัยหันมาถาม

 

 

 

 

            “ผมไม่ได้ต้องการเงินจากท่านนะครับ จะให้ผมเลิกรักเธอคงเป็นไปไม่ได้เพราะผมรักฟางด้วยใจจริงไม่ใช่ทรัพย์สมบัติของเธอ” ป็อปปี้ยืนกราน

 

 

 

 

            “รัก หึๆๆ ลำพังของพรรคนั้นมันช่วยให้แกเลี้ยงลูกฉันได้เรอะ เด็กวัดอย่างแกดูแลฟางไม่รอดหรอก จงใจเกาะลูกสาวฉันกินเสียมากกว่าคิดอยากรวยทางลัดล่ะสิ” ธนัยไม่สนสิ่งที่เขาพูดรีบดูถูกป็อปปี้

 

 

 

 

            “ถึงผมจะเป็นแค่เด็กวัดจนๆ แต่ผมก็ตั้งใจจะเลี้ยงลูกสาวท่านด้วยน้ำพักน้ำแรงของผมเองเมื่อผมเรียนจบ ผมขอโอกาสเถอะครับให้ผมรักลูกสาวท่าน ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำให้ท่านเสียใจ” ป็อปปี้อ้อนวอนขอธนัย

 

 

 

 

            “คำสัญญามันเป็นเพียงลมปาก จะพูดยังไงก็ได้มันไม่ตายตัวไว้แกทำอย่างว่าได้เมื่อไรค่อยกลับมาแต่ถึงวันนั้นยัยฟางก็คงแต่งงานมีสามีที่ดีไปเรียบร้อย” ธนัยพูดแล้วมองชายหนุ่มที่ยืนทื่อ

 

 

 

 

            “ไม่มีวันนั้นหรอกครับเพราะผมกับฟางเรารักกัน” ป็อปปี้พูดเสียงเข้ม

 

 

 

 

            “หลวงตาเกิดอะไรขึ้นหน่ะ!?” ป็อปปี้วิ่งมาหาผู้มีบุญคุณด้วยความตกใจที่มีนักเลงล้อมรอบหลวงตา

 

 

 

 

            “เขามาท้วงที่ดินแปลงนี้ พี่ป็อป” เด็กวัดคนหนึ่งพูด

 

 

 

 

            “ได้ไงกัน?” ป็อปปี้อุทานแล้วกวาดมองพวกนักเลงอย่างไม่เข้าใจ

 

 

 

 

            “ทำไมจะไม่ได้ว่ะไอ้หนู มึงคิดเรอะวัดจนๆแบบนี้จะมีเงินพอส่งมึงเรียนมหาลัยได้ถ้าไม่กู้พวกกุ!” หัวโจกว่า

 

 

 

 

            “หลวงตา งั้นที่ผ่านมาทั้งหมดก็..” ป็อปปี้ช็อคหันมาถามหลวงตา ไหนบอกว่าเป็นเงินผู้บริจาคไง

 

 

 

 

            “อาตมาขอโทษที่ไม่ยอมบอกเพราะกลัวเอ็งจะไม่ยอมเรียนต่อจนจบ อาตมาแค่อยากให้เอ็งมีวิชาไว้ใช้ในภายภาคหน้าไม่ต้องจมปลักอยู่กับวัดจนๆ อาตมาขอเถอะเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ได้ไหมโยม” หลวงตาอธิบายเหตุผลให้ชายหนุ่มฟังก่อนจะหันมาขอร้องพวกนักเลง

 

 

 

 

            “พรุ่งนี้เหอะกุต้องการวันนี้โว้ย! เห้ยจัดการ!!” พวกนักเลงไม่ยอมเรียกลูกน้องไปทำลายทรัพย์สินในวัดทันที หลวงตาพยายามเข้าไปห้ามพวกนักเลงแต่โดนหนึ่งในนั้นจะเข้าทำร้าย

 

 

 

 

            “อย่าทำร้ายหลวงตานะ!” ป็อปปี้เห็นก็รีบเข้าไปถีบชายคนนั้นล้มก่อนจะซัดหน้านักเลงอีกคนใกล้ตัว

 

 

 

 

            “ไอ้นี้นิมึง” หัวโจกคว้าไม้หน้าสามฟาดหัวป็อปปี้ล้มลงก่อนจะเข้าไปซ้ำ

 

 

 

 

            “อั่ก!” ป็อปปี้กระอักสำลักเลือด หัวของเขาแตกจนเลือดไหลอาบแต่ไม่วายคว้าขารั้งหัวหน้านักเลงไว้ หัวโจกหงุดหงิดที่โดนยื้อจึงชักปืนหมายดับชีวิตป็อปปี้

 

 

 

 

            ปัง!!!

           

 

 

 

 

_____________________________________________________

 

 

 

 

            เอาครับท่านผู้อ่าน เรื่องของป็อปปี้จะเป็นมายังไงกันรอติดตามอ่านตอนหน้า แก้วเล่นงี้เลยเหรอดีนะโทโมะไม่อยู่ไม่งั้น หึๆป็อปเอยเจอผีอาฆาตแน่ พีสกำลังมันอยากอัพต่อใจจิขาด ชอบเม้นไม่ชอบก็เม้นอยู่ดี 5555  ศัพท์ตัวไหนผิดอย่าว่าเขานะเขาไม่รู้ T T

 

 

 

 

 

LOVETK PF KF!!!!

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา