Dejavu S ถ้าไม่รักอย่ามาทำให้หลง
เขียนโดย blackKZ
วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 12.44 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
13) ตอนที 12 เผยความจริง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
CHAPTER12: Dejavu S ถ้าไม่รักอย่ามาทำให้หลง
ตอนที่ 12 เผยความจริง
“กินเยอะๆนะจะได้โตเร็ว หายไปตั้งหลายปีกลับมาเจอกันไม่ยักจะสูงขึ้นเลย” เที่ยงวันพิชชี่อาสาพาฟางมาทานข้าวนอกบ้านซึ่งรอบนี้เป็นร้านอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน ชายหนุ่มช้อนมีทบอลชิ้นโตใส่จานสาวร่างเล็กพร้อมทั้งพูดหยอก
“นี้แน่ะว่าฟางอีกล่ะ! แต่ก่อนก็ชอบเรียกยัยเตี้ยๆอยู่ได้ ฟางสูงขึ้นเยอะแล้วนะไม่เชื่อเดียวยืนให้ดู” ฟางหน้างอตีชายหนุ่มก่อนเตรียมลุกยืนเพื่อยืนยันว่าตนสูงกว่าแต่ก่อนจริงๆ
“ไม่ต้องหรอกฉันเชื่อ ฉันเชื่อแล้ว” พิชชี่รีบห้าม ยิ้มแหย่ให้หญิงสาวที่ยอมนั่งกินสปาเกตตี้จนเลอะปากมองเขาตาเขียว
“แล้วนี้พิชว่างเหรอถึงชวนฟางมากินข้าวด้วย สาวๆในสต็อกจะไม่ตามมาจิกหัวฟางที่หลังแน่หน่ะ?” ฟางพูด
“ไม่ว่าครับเคลียร์เรียบร้อย เราแค่คบกันเล่นๆชอบก็ดีถ้าไม่ชอบก็เลิกไปแต่รู้มั้ยพิชมีคนที่อยากจะจริงจังด้วยแล้วล่ะ” พิชชี่เอยเหมือนเรื่องที่เขาพูดเป็นเรื่องเล็กทั้งที่มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลายคนพลางหยิบเอาทิชชู่เช็ดปากเรียวสวยของหญิงสาว ฟางยิ้มรับเอากระดาษทิชชู่มาเช็ดต่อเอง
“พิชมีคนที่ชอบแล้วเหรอ ใครอ่ะฟางรู้จักไหม?” ฟางถามด้วยความสงสัย
“อืม รู้จักเป็นอย่างดี” พิชชี่พูดเหล่มองหญิงสาวที่นั่งหน้ามึน เธอใสซื่อเกินกว่าจะเข้าใจความหมายที่เขาพูด
“ฮ้าววว” ป็อปปี้อ้าปากหาวอย่างห้ามไม่อยู่เวลา 11 โมงมันเช้าเกินไปสำหรับคนที่พึ่งหลับเมื่อตี 4 อย่างเขาจริงๆ
“นี่อ้าปากกว้างเชียว ปิดปากหน่อยสิป็อป!” จินนี่ปิดปากหาวชายหนุ่มแล้วตำหนิ
“หืมอะไรไม่มีใครว่าสักหน่อย” ป็อปปี้หันซ้ายขวาพูดพลางขยี้ตาแก้ง่วง
“ก็บอกแล้วมาเองได้นายไม่ต้องมาส่ง เห็นม่ะแล้วก็มายืนอ้าปากพะงาบๆถ้าง่วงก็กลับไปก่อนเลยป่ะ เดียวฉันหาทางกลับเอง” จินนี่บ่นแล้วไล่ป็อปปี้กลับไปนอน
“ไม่เป็นไร ฉันกลัวเธอไปฉุดคนอื่น” ป็อปปี้พูด
“ไอ้บ้าฉันไม่ใช่โจรย่ะ!!” จินนี่ว่า
“ฮะ ฮ่า ฮ่า นึกว่าเป็นซะ...โอ๊ยๆๆเจ็บคร้าบ” ป็อปปี้หัวเราะว่าก่อนจะร้องเจ็บเพราะโดนเพื่อนสาวดึงหูอย่างแรง
“สมน้ำหน้า” จินนี่พูดแล้วปล่อยให้อิสระ ชายหนุ่มชักสีหน้ามุ่ยมองเพื่อนสาวอย่างเอาเรื่องแต่อยู่ๆสายตาเจ้ากรรมดันไปเจอกับใครบางคนที่คุ้นตาเข้าทำเอาช็อคไปชั่ววูบ
“ฟาง” ป็อปปี้พูด
“อะไรนะ ป็อปจะไปไหนหน่ะ!?” จินนี่เหลียวหลังมาจะถามแต่เขาวิ่งผ่านหน้าเธอไปอย่างรวดเร็ว
พลั่ก!!!
ป็อปปี้กระชากคอเสื้อพิชชี่ต่อยหน้าชายหนุ่มล่วงนั่งพื้นก่อนจะพุ่งเข้าไปจะซัดอีกยกแต่ฟางเข้ามาขวาง
“ทำบ้าอะไรของนาย อย่าทำร้ายพิชนะ!!” ฟางรีบว่าพยายามยื้อร่างป็อปปี้
“ฟาง เธอก็รู้ว่ามันเป็นคนยังไงทำไมถึงยังอยู่กับไอ้เวรนี้อยู่!” ป็อปปี้ตวาดจ้องพิชชี่ด้วยแววตากินเลือดกินเนื้อ
“ฉันรู้แล้วไง อย่างน้อยเขาก็เปิดเผยไม่เหมือนกับนาย!” ฟางว่ากลับแล้วผลักชายหนุ่มเซถอยก่อนจะช่วยประคองพิชชี่
“ฉัน..” ป็อปปี้พูดเสียงอ่อนลง แอบน้อยใจที่ฟางเข้าข้างพิชชี่
“ไงเพื่อนไม่เจอกันนานทักกันซะแรงเชียว” พิชชี่ยิ้มพูดพร้อมลูบรอยหมัดที่ป็อปปี้ฝากฝังไว้
“ฉันไม่ใช่เพื่อนแก!” ป็อปปี้ว่าเสียงแข็ง
“ป็อปรอฉันด้วยสิ....พิชชี่” จินนี่ที่วิ่งตามหลังมาถึงก็ชะงักเมื่อเห็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในชีวิต
“จินนี่” ป็อปปี้เรียกสติเพื่อนสาวที่ยืนอึ้ง
“บังเอิญจังนะไม่ยักรู้ว่าเธอจะอยู่กับไอ้ป็อป คบกันนานรึยัง” พิชชี่มองจินนี่พูดเอย ฟางหน้าเจื่อนหลังได้ยินประโยคที่พิชชี่ถามทั้งคู่
“......” จินนี่ก้มหน้างุดหลบหลังชายหนุ่ม ป็อปปี้เหล่จินนี่ก็รู้เพื่อนสนิทเขากำลังหวาดกลัวผู้ชายคนนั้นก็รีบกุมมือที่หญิงสาวเกาะแขนเขาไว้ปลอบโยน
“นายพาแฟนนายไปซะ” ฟางเห็นป็อปปี้ดูเป็นห่วงเป็นใยจินนี่ก็ตะหงิดใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนก็ข่มใจรีบไล่
“ฟาง” ป็อปปี้สะอึกรีบเรียกหญิงสาว ทำไมทุกครั้งที่เจอกันเธอต้องออกปากไล่เขาทุกรอบ
“พิช ฟางปวดหัวพาฟางกลับบ้านที” ฟางไม่แม้แต่จะเหลียวแลรีบอ้อนวอนพิชชี่ขอให้เขาพากลับบ้านโดยเร็วก่อนเจ้าตัวจะรีบย้ำเท้าผ่านร่างป็อปปี้เหมือนเป็นธาตุอากาศ เธอทนเห็นภาพบาดตาไม่ไหว
“อย่ามาจุ้นดีกว่าเพื่อน ผู้หญิงเขาไม่เล่นด้วยจะหน้าด้านหน้าทนเสนอหน้าอยู่ทำไมว่ะ อ้อ เตือนไว้ก่อน ฟางหน่ะคู่หมั้นฉัน!” พิชชี่แขวะว่าก่อนประกาศว่าฟางเป็นคู่หมั้นของเขาก่อนยิ้มเย้ยเพื่อนเก่าแต่เมื่อมองจินนี่ที่ยืนเกาะแขนป็อปปี้แน่นก็หุบยิ้มลงผละตามสาวร่างเล็กที่ล่วงหน้าไป ป็อปปี้ใจหล่นวูบเรื่องที่ฟางได้หมั้นหมายกับพิชชี่ไปแล้ว เธอกำลังห่างเขาไปแสนไกลอีกครั้ง
“มาพบใครคะ?” พนักงานสาวถามสาวร่างโปร่ง
“ฉันมาพบคุณพิชญุตม์ค่ะ” แก้วพูด
“ได้นัดไว้รึป่าวค่ะ?” พนักงานสาวถามอีกครั้ง แก้วยิ้มแล้วยื่นใบนัดวันเวลาที่เธอจดไว้
“คุณอัยย์ญาดาใช่มั้ยคะ เชิญทางนี้เลยคะคุณพิชชี่กำลังเดินทางมาช่วยกรุณารอสักครู่” พนักงานสาวเช็คชื่อแล้วถามเพื่อความมั่นใจก่อนจะเชิญหญิงสาวให้ตามเธอไปที่ห้องรับรอง
“แต่งตัวอะไรของเธอ” โทโมะพูดเมื่อพนักงานสาวออกห้องไปเหลือเพียงแก้วกับเขาก่อนตาคู่คมจะไล่สำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เอ้า!จะสืบเรื่องเขาแล้วจะไปเปล่าๆให้เขาจำได้รึไง สวยล่ะสิ” แก้วพูดแล้วคลี่ยิ้มยืนกอดอกโชว์การปลอมตัวสุดเนี้ยบที่เพื่อนเธอจับแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อการนี้โดยเฉพาะ หญิงสาวสวมวิกยาวผมลอนสีน้ำตาลเปิดหน้าผากยาวไล่ถึงหลัง สวมเสื้อชุดเดรสยาวรัดรูปพอประมาณเหนือเข่าสีขาวช่วงล่างเป็นลายดอกไม้เล่นสีสันทับด้วยเสื้อสูทดำยาวเลยเอว รองเท้าส้นเตี้ยและใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มจัดคมสวย
“งั้นๆ..” โทโมะหน้านิ่งพูดทั้งที่จริงๆมองเธอจนตาค้างตั้งแต่แรกเห็น
“ไอ้ตาถั่ว!” แก้วแก้มป่องแล้วนั่งลงเชิดหน้าชิชะเคืองชายหนุ่ม ชมนิดชมหน่อยก็ไม่ได้ โทโมะมองแก้วที่งอนตนก็ขำพลางคิดหาทางง้อหญิงสาว
“ขอโทษที่ให้รอนานครับคุณ..” เสียงทุ้มเรียกแก้วที่นั่งหันหลังให้ยืนขึ้นก่อนจะพลิกตัวมายิ้มให้ชายหนุ่มที่เธอนัดหมายมาเจอ
“อัยย์ญาดาค่ะ เรียกน้ำก็ได้ยินดีที่ได้รู้จัก” แก้วยื่นมือทักทาย
“ผมพิชญุตม์แต่เรียกผมว่าพิชชี่ดีกว่าครับ” พิชชี่ยิ้มรับพร้อมเช็คแฮนด์หญิงสาว
“ยินดีค่ะคุณพิชชี่ น้ำว่าเรามาเริ่มสัมภาษณ์กันเลยดีกว่าน้ำไม่อยากให้คุณเสียเวลา” แก้วพูดแล้วเชิญชายหนุ่มให้นั่งก่อนเธอจะตามหลัง
“สำหรับคุณน้ำผมมีเวลาให้เสมอครับ” พิชชี่กระชับสูทว่ามองแก้วด้วยสายตากรุ้มกริ่ม โทโมะที่ยืนดูสถานการณ์นิ่วหน้าแล้วมองแก้วที่ยิ้มหวานเหมือนทองไม่รู้ร้อน เธอไม่ได้บอกวิธีการอะไรเขาสักอย่างบอกแค่ว่าจะมาพบตัวต่อตัวกับนายพิชชี่ แก้วเริ่มสวมบทบาทเป็นนักเขียนมาเก็บข้อมูลสัมภาษณ์ตามปกติซึ่งตลอดระยะเวลาที่เธอซักไซ้ชายที่ถูกสอบถามให้ความร่วมมืออย่างดีผิดกับสายตาเขาที่ส่อแววเหมือนต้องการบางอย่างจากเธอ
“หล่อรวยแบบคุณคงมีแฟนอยู่แล้วสินะคะ?” แก้วจบประเด็นหลักก็รีบเกริ่นประเด็นรองที่เป็นเป้าหมายหลักของเธอในวันนี้
“ผมยังโสดครับ” พิชชี่ยิ้มหวาน
“จริงรึคะ ก็วันก่อนฉันยังเห็นคุณนั่งอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งในร้านนี้ค่ะ” แก้วแย้ง พิชชี่สะดุดแต่รักษาฟอร์มได้ทัน
“อ้อ แค่เพื่อนครับ” เขาพูดปดไปตามฉบับโดยไม่รู้เลยว่าแก้วแอบอ่านตาชายหนุ่มก็รู้ว่าโกหก เธอเป็นตากล้องมาหลายปีเธอรู้ดีว่าใครพูดจริงใครโกหกเพียงแค่สังเกตผ่านดวงตาแต่ล่ะคน
“เกินเพื่อนแล้วมากกว่ามั่งคะเพื่อนกันเขาไม่บอกคนอื่นว่าเป็นแขกคนพิเศษหรอก” แก้วพูดแล้วเอนตัวยิ้มยั่วยวน จะโกหกเธอได้สักกี่น้ำเชียว
“ฮ่าๆๆ ผมยอมรับว่าเราสนิทกันมากแต่ตอนนี้ผมชักอยากจะสนิทกับคุณซะแล้ว” พิชชี่ชอบใจหญิงสาวที่เธอกล้าท้าทายเขาเลยลุกเดินไปหาเธอแล้วโน้มตัวใกล้หญิงสาวหมายจุมพิต
“คุณยังไม่ตอบคำถามฉัน” แก้วเอานิ้วดันริมฝีปากชายหนุ่มห้ามแล้วย้ำขอให้เขาตอบคำถามเธอ
“นั่นผมจะบอกให้ว่าผู้หญิงที่ผมอยู่ด้วยเมื่อวานคือ....” พิชชี่ยิ้มมุมผลักมือเธอออกแล้วพูด
ก็อกๆๆๆ
“ใคร!?” พิชชี่นิ่วหน้าหันมาหาต้นเสียงตะโกนถาม แต่เสียงตอบรับเขาจึงเดินไปเปิดประตูเป็นจังหวะเดียวกับเลขาส่วนตัวเขาเดินมาพอดีเด๊ะ
“คุณพิชชี่ค่ะมีสายโทรมาถึงท่านค่ะ” เลขาพูดพร้อมยิ้มแหย่ด้วยความตกใจที่พิชชี่นิ่วหน้าเหมือนโมโหอะไรสักอย่าง
“ทำไมไม่บอกเขาไปว่าผมไม่ว่าง!” พิชชี่ว่าอย่างอารมณ์เสีย
“ดิฉันบอกค่ะแต่เขายื้อต้องการคุยกับคุณเท่านั้น” เลขาสาวบอกเหตุผล พิชชี่ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เหลียวหลังไปมองแก้วที่นั่งนิ่งมองเขาปริบๆก่อนรีบตามเลขาส่วนตัวไปทันที
“โว้ย! กำลังจะได้เรื่องอยู่แล้วเชียว” แก้วว่าอย่างเสียดาย ใครมาขัดจังหวะตอนกำลังเข้าได้เข้าเข็มกัน
“ได้กับผีนะสิ! กลับบ้าน!!” โทโมะกระชากแก้วแล้วสั่งให้เธอกลับบ้านอย่างด่วน คนที่โทรหาพิชชี่ไม่ใช่ใครที่ไหนก็เขานี้แหละและเป็นคนเดียวกันกับที่เคาะประตูเมื่อกี้นี้ด้วย
“จะบ้าเรอะ! เราจะรู้เรื่องอยู่แล้วนะเดียวโทโมะ” แก้วประท้วงแต่โทโมะไม่ฟังคำทักท้วงหญิงสาวฉุดแก้วกลับโดยไว
“เห้อ เซ็งชะมัดเรื่องจะแดงอยู่แล้วเนี่ย นายจะมาขวางฉันทำไม!?” แก้วพูดถามชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจหลังกลับมาถึงบ้านพลางจัดแจงเสื้อผ้าที่ยืมมาเก็บพับใส่ถุง
“ฉันไม่ชอบวิธีนี้มันเสี่ยงเกินไป ชอบนักรึไงจะโดนไอ้บ้านั่นปล้ำเอาอยู่แล้ว” โทโมะพูด
“แต่มันก็คุ้มไม่ใช่เรอะนายพิชชี่นั่นเกือบจะง้างปากพูด ฉันเดาว่าไอ้หมอนี้แหละที่เป็นแฟนเก่าฟาง” แก้วเถียงกลับรีบคาดการณ์ว่านายพิชชี่ต้องเป็นแฟนเก่าฟางแน่ๆ
“อะไรทำให้เธอมั่นใจหนัก?” โทโมะนิ่วหน้าเอยว่า
“ก็อิตาพิชชี่นั่นดูก็รู้เพลย์บอยชัดๆ!เจอสาวเข้าหน่อยตานี้เป็นมัน จ้องจะตะครุบฉันลูกเดียว ท่าจะม่อสาวมาเยอะ ตอนคบกับฟางบางทีอาจจะโดนจับได้เลยเลิกกัน ฉันว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเป็นป็อปปี้เขานะนิสัยดีจะตายแล้วก็ไม่น่าจะรู้จักกับฟางด้วย” แก้วรวบสรุปตามที่เธอคิดตั้งสมมติฐานที่คาดว่าจะเป็นไปได้ก่อนจะเอยถึงอีกคน
“อ้อ ที่ทำมาทั้งหมดแค่อยากให้มันพ้นข้อกล่าวหาว่างั้นอยากได้มันจนตัวสั่นเลยสิท่าถึงลงทุนเอาตัวเข้าแลก!!” โทโมะเข้าใจไปอีกอย่างคิดว่าหญิงสาวพยายามยัดเยียดให้เป็นพิชชี่เพื่อที่ป็อปปี้จะได้หมดข้อสงสัยก็รีบเสียดสีว่าเธอทันทีด้วยความหงุดหงิด
“โทโมะ!” แก้วชักสีหน้าขุ่นบวกตกใจที่ชายหนุ่มตีโพยตีพายไปไกล
“หรือไม่จริง เธอแค่อยากให้เป็นไอ้พิชชี่มากกว่าไอ้ป็อปปี้เพื่อที่มันจะได้หมดมลทินใช่มั้ย!!” โทโมะตะคอกเสียงแข็ง แก้วหยุดค้างเม้มปากเงียบก่อนเส้นความอดทนจะขาดสะบั้น
“ทำไมไม่ไว้ใจกันบ้างห๊า!!!” แก้วรวบกระเป๋าดึงจี้ที่เก็บไว้กับตัวปาลงพื้นหนีออกจากบ้านไป
“แก้ว แก้วเธอจะไปไหน แก้วกลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน!” โทโมะจะตามแก้วไปแต่ถูกฉุดรั้งโดยจี้ของเขาเอง ชายหนุ่มจึงพยายามหยิบจี้ขึ้นมาแตทำไม่ได้ถึงเขาจะแตะต้องสิ่งของทุกอย่างแต่ก็มีของอย่างหนึ่งที่เขาหยิบจับไม่ได้ก็คือจี้ของเขาเอง โทโมะจึงได้แต่มองตามหลังรถที่ขับไปไกลอย่างหัวเสีย
“เฮ้ๆๆ สุขสันต์วันเกิดพี่ชาลี//ชาลี//เจ้!!!” คืนนี้ที่ผับแห่งหนึ่งถูกปิดฉลองใหญ่โดยเจ้าของวันเกิด สาวร่างถึกพูดกล่าวงานจบก็มีเสียงแสดงความยินดีจากบรรดาเพื่อนฝูงผู้ร่วมงานมากมายหลายตาจนเจ้าตัวปลื้มปริสุขล้น
“ขอบคุณน้องๆมากจ้ะ อ่ะ คืนนี้เจ้เลี้ยงเองเต็มที่นะทุกคนไม่เมาไม่เลิก!” ชาลีกล่าวขอบคุณแล้วเชื้อเชิญให้ทุกคนร่วมเลี้ยงกันตามสบายก่อนจะรับของขวัญกองพะเนินเถินถึก เสียงเฮฮาสนุกสนานก็เกิดขึ้นผู้คนร่วมกันโยกเยกตามจังหวะคนตรีที่เปิดโดยดีเจประจำผับ
“อึกๆ ฮ้า” แน่นอนว่าคืนนี้เธอก็ได้รับเชิญมาเหมือนกัน แก้วนั่งกระดกแอลกอฮอร์แยกโต๊ะอยู่คนเดียวมาสักพักตั้งแต่เริ่มงานได้ หญิงสาวจ้องน้ำที่กวัดแกว่งหลอมรวมกับน้ำแข็งอยู่ดีๆหน้าของชายหนุ่มที่เธอเพิ่งทะเลาะก็ปรากฎภาพในสมอง แก้วสะบัดไล่ความคิดแล้วยกซดจนหมดก่อนปล่อยแก้วเหล้ากระแทกโต๊ะอย่างแรง
“ว้าย!น้องแก้วไปเก็บกดมาจากไหน ซดเอาๆ” ชาลีเข้ามาแวะเวียนน้องสาวสะดุ้งโหยงที่เห็นแก้วดื่มหนักเพราะปกติไม่เคยกินเยอะมากเกินสองสามแก้ว
“อ่ะพี่ชาลีสุขสันต์วันเกิดค่ะพี่นี้ของขวัญจากแก้วค่ะ” แก้วแสดงความยินดีพร้อมยกแก้วเหล้าคำนับก่อนหยิบเอาถุงใส่ของขวัญยื่นให้ชาลี
“ขอบใจจ้ะ อย่าดื่มหนักนักล่ะ” ชาลียิ้มรับของมาก่อนเตือนแก้วด้วยความเป็นห่วงแล้วปลีกตัวไปสวัสดีเพื่อนๆเธอต่อ แก้วยิ้มๆแล้วหันมาหยิบพั้นซ์แก้วใหม่ที่พนักงานเสริฟ
“ผมขอนั่งด้วยคนสิครับ” ป็อปปี้ขอร่วมโต๊ะด้วยคน เขาเองก็มาสังสรรค์ในงานวันเกิดชาลีเหมือนกับแก้ว
“อ้าวป็อป มาๆชนแก้ว” แก้วยิ้มทักรีบชวนป็อปปี้ดื่มเหล้ากับเธอ
แก็ก!
เสียงแก้วกระทบกันดังก่อนทั้งสองจะยกดื่มแก้วใครแก้วมัน
“ป็อปเป็นอะไรรึป่าว ดูเครียดๆนะ” แก้วพูดเพราะเห็นสีหน้าชายหนุ่มดูไม่มีความสุข
“นิดหน่อย แก้วเองก็เหมือนกัน” ป็อปปี้หันมาตอบก่อนบอกว่าหน้าหญิงสาวเองก็ไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่
“ฮะๆๆ เรื่องไร้สาระนะ” แก้วหัวเราะแห้งๆแล้วพูด จะให้เธอมีความสุขได้ไงในเมื่อพึ่งทะเลาะกับผีบ้ามา คนอะไรหวังดีช่วยเต็มที่ดันหาว่าทำเพื่อคนอื่นซะงั้น ป็อปปี้มองแก้วที่ทำหน้าอมทุกข์เหมือนเก็บอะไรไว้ในใจก็แตะไหล่เบาๆเชิงปลอบ
“แก้ว ป็อปมานี้เร็วเฮียจะเปิดขวดแล้ว!!” เพื่อนๆในงานตะโกนเรียกทั้งสองคนให้มาร่วมวงเพราะชาลีกำลังเปิดขวดไวท์แสนแพงที่เจ้าตัวแอบงุบงิบขโมยคุณตามาเปิดให้ลองชิม ป็อปปี้กับแก้วจึงพากันไปฉลองแก้เซ็งตามคำเชิญ ทิ้งเรื่องในวันนี้แล้วสนุกกับปาร์ตี้ซะยังจะดีกว่า
“แก้วๆ ว้ายเอาไงดีเนี่ย น้องป็อปเองก็ด้วยนี้ใครยังไหวนะมาช่วยเจ้แบกสองคนนี้ขึ้นห้องหน่อยเร็ว” ชาลีเขย่าแก้วที่นอนฟุบคาโต๊ะไปเรียบร้อยกับป็อปปี้ก็เรียกคนที่ยังไหวมาช่วยกันห่ามพาขึ้นห้องที่เตรียมไว้
“อืม เจ้กี่โมงแล้ว” แก้วงัวเงียถามเมื่อถูกปล่อยลงนอนราบกับเตียง
“ตีสาม” ชาลีตอบพลางจัดแจงท่านอนดีๆให้แก้วกับป็อปปี้ที่นอนอยู่ข้างๆ
“ห่ะ! แก้วต้องกลับ” แก้วสะดุ้งเด้งตัวรีบลงเตียงจะกลับบ้าน เธอกลัวน้องสาวจะเป็นห่วงแถมไม่ได้โทรบอกล่วงหน้าด้วยว่ามางานเลี้ยง
“อย่าเลยน้องแก้ว เจ้ว่าน้องนอนนี้แหละสร่างเมาค่อยกลับ” ชาลีห้ามแล้วบอกให้แก้วกลับรุ่งเช้า ขืนปล่อยไปอาจจะประสบอุบัติเหตุหรือเผลอไปชนใครเข้าจะแย่เอาได้ แก้วรับคำแล้วนอนกายหน้าผากมองเพดานห้องก่อนปล่อยลมหายใจดังฟู่ว
“ก็ดีไม่อยากกลับไปเจอผีบ้าที่บ้านอยู่เหมือนกัน” แก้วพึมพำถึงโทโมะนึกโกรธไม่หาย
“ผีบ้าอะไรเรอะครับ” ป็อปปี้ถาม
“ป่าวหรอกก็แค่คนพูดจาไม่รู้เรื่องชอบระแวงคนอื่นไปเรื่อยคนเขาอุส่าหวังดีช่วยสารพัด กลัวเขากังวลกลัวเขาทุกข์..” แก้วพูดพร่ำบ่นผีที่บ้านเหนื่อยใจก่อนจะปิดเปลือกตาหนักอึ้งเพราะฤทธิ์เหล้า
“ถ้าไม่รู้จักแก้ว ผมนึกว่าแก้วกำลังน้อยใจแฟนซะอีก” ป็อปปี้ลอบขำแล้วว่า
“แก้วอาจจะน้อยใจจริงๆนั้นแหละ แฟนเรอะ นี้แก้วพูดบ้าไรเนี่ย” แก้วพูดพลางนึก น้อยใจงั้นเรอะ เหอะแฟนก็ไม่ใช่ญาติก็ไม่เกี่ยวเป็นใครที่ไหนไม่รู้มาชี้นู่นบ่นนี้แล้วยังมาใส่ความอีก เธอคิดในใจก่อนจะขยี้ผมระบาย
“คิดแล้วก็เศร้าถ้าฟางเห็นใจผมบ้างก็ดี” ป็อปปี้โพล่งเรื่องฟางด้วยความเมาหลังฟังแก้วพร่ำ เขาเองก็น้อยใจฟางที่ไม่ฟังคำเขาเลยสักนิด
“.......” แก้วที่กำลังมึนหันขวับไปมองชายหนุ่มข้างๆอย่างงงๆเมื่อกี้เขาพูดชื่อฟางออกมางั้นเรอะ
“ไปอยู่กับไอ้บ้านั่นไม่รู้เลยรึไงว่ามันเลวแต่อย่างว่าผมไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขาหรอกเพราะผมก็เลวไม่ต่างกัน ทิ้งเขาไปแล้วอยากได้คืนรู้ทั้งรู้ว่าเขามีเจ้าของ....” ป็อปปี้ว่าเรื่องที่ตนเครียดเมื่อหัววันระบายออกมาไร้สตินึกคิดก่อนจะฟุบหลับด้วยความง่วงไป แก้วที่นอนฟังตาโตพยายามรวบรวมสติที่มีคิดว่าที่เขาพูดมันความจริงเรอะ เรื่องของฟางกับป็อปปี้มันยังไงกันแน่สองคนไปรู้จักกันได้ไงทั้งที่เจอกันแทบจะไม่มองหน้า
“มันยังไงกันแน่”
________________________________________________________
อัพอีกตอนแล้วสำหรับเรื่อง Dejavu S ยาวเกินไปหน่อย แก้วทุ่มเทเพื่อเฮียไงเฮียไปว่าเขาแบบนั้นล่ะ ป็อปปี้เผยความลับให้แก้วฟังไปแล้ว พิชชี่น่าตบจริงเอาฟางไม่พอจะเอาแก้วอีกคน เอาล่ะตอนหน้าจะเป็นไงรออ่านกันนะ แล้วอย่าลืมอ่าน GIRL’STOPIC รักได้ไหมมาดามของผมด้วยล่ะ ไม่เม้นไม่อัพตามเดิมนะ
LOVETK PF KF!!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ