Dejavu S ถ้าไม่รักอย่ามาทำให้หลง

8.4

เขียนโดย blackKZ

วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.55 น.

  20 chapter
  215 วิจารณ์
  29.90K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 12.44 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

13) ตอนที 12 เผยความจริง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

 

 

 

CHAPTER12: Dejavu S ถ้าไม่รักอย่ามาทำให้หลง

 

ตอนที่ 12 เผยความจริง

 

 

 

 

 

            “กินเยอะๆนะจะได้โตเร็ว หายไปตั้งหลายปีกลับมาเจอกันไม่ยักจะสูงขึ้นเลย” เที่ยงวันพิชชี่อาสาพาฟางมาทานข้าวนอกบ้านซึ่งรอบนี้เป็นร้านอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน ชายหนุ่มช้อนมีทบอลชิ้นโตใส่จานสาวร่างเล็กพร้อมทั้งพูดหยอก

 

 

 

 

            “นี้แน่ะว่าฟางอีกล่ะ! แต่ก่อนก็ชอบเรียกยัยเตี้ยๆอยู่ได้ ฟางสูงขึ้นเยอะแล้วนะไม่เชื่อเดียวยืนให้ดู” ฟางหน้างอตีชายหนุ่มก่อนเตรียมลุกยืนเพื่อยืนยันว่าตนสูงกว่าแต่ก่อนจริงๆ

 

 

 

 

            “ไม่ต้องหรอกฉันเชื่อ ฉันเชื่อแล้ว” พิชชี่รีบห้าม ยิ้มแหย่ให้หญิงสาวที่ยอมนั่งกินสปาเกตตี้จนเลอะปากมองเขาตาเขียว

 

 

 

 

            “แล้วนี้พิชว่างเหรอถึงชวนฟางมากินข้าวด้วย สาวๆในสต็อกจะไม่ตามมาจิกหัวฟางที่หลังแน่หน่ะ?” ฟางพูด

 

 

 

 

            “ไม่ว่าครับเคลียร์เรียบร้อย เราแค่คบกันเล่นๆชอบก็ดีถ้าไม่ชอบก็เลิกไปแต่รู้มั้ยพิชมีคนที่อยากจะจริงจังด้วยแล้วล่ะ” พิชชี่เอยเหมือนเรื่องที่เขาพูดเป็นเรื่องเล็กทั้งที่มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลายคนพลางหยิบเอาทิชชู่เช็ดปากเรียวสวยของหญิงสาว ฟางยิ้มรับเอากระดาษทิชชู่มาเช็ดต่อเอง

 

 

 

 

            “พิชมีคนที่ชอบแล้วเหรอ ใครอ่ะฟางรู้จักไหม?” ฟางถามด้วยความสงสัย

 

 

 

 

            “อืม รู้จักเป็นอย่างดี” พิชชี่พูดเหล่มองหญิงสาวที่นั่งหน้ามึน เธอใสซื่อเกินกว่าจะเข้าใจความหมายที่เขาพูด

           

 

 

 

 

            “ฮ้าววว” ป็อปปี้อ้าปากหาวอย่างห้ามไม่อยู่เวลา 11 โมงมันเช้าเกินไปสำหรับคนที่พึ่งหลับเมื่อตี 4 อย่างเขาจริงๆ

 

 

 

 

            “นี่อ้าปากกว้างเชียว ปิดปากหน่อยสิป็อป!” จินนี่ปิดปากหาวชายหนุ่มแล้วตำหนิ

 

 

 

 

            “หืมอะไรไม่มีใครว่าสักหน่อย” ป็อปปี้หันซ้ายขวาพูดพลางขยี้ตาแก้ง่วง

 

 

 

 

            “ก็บอกแล้วมาเองได้นายไม่ต้องมาส่ง เห็นม่ะแล้วก็มายืนอ้าปากพะงาบๆถ้าง่วงก็กลับไปก่อนเลยป่ะ เดียวฉันหาทางกลับเอง” จินนี่บ่นแล้วไล่ป็อปปี้กลับไปนอน

 

 

 

 

            “ไม่เป็นไร ฉันกลัวเธอไปฉุดคนอื่น” ป็อปปี้พูด

 

 

 

 

            “ไอ้บ้าฉันไม่ใช่โจรย่ะ!!” จินนี่ว่า

 

 

 

 

            “ฮะ ฮ่า ฮ่า นึกว่าเป็นซะ...โอ๊ยๆๆเจ็บคร้าบ” ป็อปปี้หัวเราะว่าก่อนจะร้องเจ็บเพราะโดนเพื่อนสาวดึงหูอย่างแรง

 

 

 

 

            “สมน้ำหน้า” จินนี่พูดแล้วปล่อยให้อิสระ ชายหนุ่มชักสีหน้ามุ่ยมองเพื่อนสาวอย่างเอาเรื่องแต่อยู่ๆสายตาเจ้ากรรมดันไปเจอกับใครบางคนที่คุ้นตาเข้าทำเอาช็อคไปชั่ววูบ

 

 

 

 

            “ฟาง” ป็อปปี้พูด

 

 

 

 

            “อะไรนะ ป็อปจะไปไหนหน่ะ!?” จินนี่เหลียวหลังมาจะถามแต่เขาวิ่งผ่านหน้าเธอไปอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

            พลั่ก!!!

 

 

 

 

            ป็อปปี้กระชากคอเสื้อพิชชี่ต่อยหน้าชายหนุ่มล่วงนั่งพื้นก่อนจะพุ่งเข้าไปจะซัดอีกยกแต่ฟางเข้ามาขวาง

 

 

 

 

            “ทำบ้าอะไรของนาย อย่าทำร้ายพิชนะ!!” ฟางรีบว่าพยายามยื้อร่างป็อปปี้

 

 

 

 

            “ฟาง เธอก็รู้ว่ามันเป็นคนยังไงทำไมถึงยังอยู่กับไอ้เวรนี้อยู่!” ป็อปปี้ตวาดจ้องพิชชี่ด้วยแววตากินเลือดกินเนื้อ

 

 

 

 

            “ฉันรู้แล้วไง อย่างน้อยเขาก็เปิดเผยไม่เหมือนกับนาย!” ฟางว่ากลับแล้วผลักชายหนุ่มเซถอยก่อนจะช่วยประคองพิชชี่

 

 

 

 

            “ฉัน..” ป็อปปี้พูดเสียงอ่อนลง แอบน้อยใจที่ฟางเข้าข้างพิชชี่

 

 

 

 

            “ไงเพื่อนไม่เจอกันนานทักกันซะแรงเชียว” พิชชี่ยิ้มพูดพร้อมลูบรอยหมัดที่ป็อปปี้ฝากฝังไว้

 

 

 

 

            “ฉันไม่ใช่เพื่อนแก!” ป็อปปี้ว่าเสียงแข็ง

 

 

 

 

            “ป็อปรอฉันด้วยสิ....พิชชี่” จินนี่ที่วิ่งตามหลังมาถึงก็ชะงักเมื่อเห็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในชีวิต

 

 

 

 

            “จินนี่” ป็อปปี้เรียกสติเพื่อนสาวที่ยืนอึ้ง

 

 

 

 

            “บังเอิญจังนะไม่ยักรู้ว่าเธอจะอยู่กับไอ้ป็อป คบกันนานรึยัง” พิชชี่มองจินนี่พูดเอย ฟางหน้าเจื่อนหลังได้ยินประโยคที่พิชชี่ถามทั้งคู่

 

 

 

 

            “......” จินนี่ก้มหน้างุดหลบหลังชายหนุ่ม ป็อปปี้เหล่จินนี่ก็รู้เพื่อนสนิทเขากำลังหวาดกลัวผู้ชายคนนั้นก็รีบกุมมือที่หญิงสาวเกาะแขนเขาไว้ปลอบโยน

 

 

 

 

            “นายพาแฟนนายไปซะ” ฟางเห็นป็อปปี้ดูเป็นห่วงเป็นใยจินนี่ก็ตะหงิดใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนก็ข่มใจรีบไล่

 

 

 

 

            “ฟาง” ป็อปปี้สะอึกรีบเรียกหญิงสาว ทำไมทุกครั้งที่เจอกันเธอต้องออกปากไล่เขาทุกรอบ

 

 

 

 

            “พิช ฟางปวดหัวพาฟางกลับบ้านที” ฟางไม่แม้แต่จะเหลียวแลรีบอ้อนวอนพิชชี่ขอให้เขาพากลับบ้านโดยเร็วก่อนเจ้าตัวจะรีบย้ำเท้าผ่านร่างป็อปปี้เหมือนเป็นธาตุอากาศ เธอทนเห็นภาพบาดตาไม่ไหว

 

 

 

 

            “อย่ามาจุ้นดีกว่าเพื่อน ผู้หญิงเขาไม่เล่นด้วยจะหน้าด้านหน้าทนเสนอหน้าอยู่ทำไมว่ะ อ้อ เตือนไว้ก่อน ฟางหน่ะคู่หมั้นฉัน!” พิชชี่แขวะว่าก่อนประกาศว่าฟางเป็นคู่หมั้นของเขาก่อนยิ้มเย้ยเพื่อนเก่าแต่เมื่อมองจินนี่ที่ยืนเกาะแขนป็อปปี้แน่นก็หุบยิ้มลงผละตามสาวร่างเล็กที่ล่วงหน้าไป ป็อปปี้ใจหล่นวูบเรื่องที่ฟางได้หมั้นหมายกับพิชชี่ไปแล้ว เธอกำลังห่างเขาไปแสนไกลอีกครั้ง

 

 

 

 

 

            “มาพบใครคะ?” พนักงานสาวถามสาวร่างโปร่ง

 

 

 

 

            “ฉันมาพบคุณพิชญุตม์ค่ะ” แก้วพูด

 

 

 

 

            “ได้นัดไว้รึป่าวค่ะ?” พนักงานสาวถามอีกครั้ง แก้วยิ้มแล้วยื่นใบนัดวันเวลาที่เธอจดไว้

 

 

 

 

            “คุณอัยย์ญาดาใช่มั้ยคะ เชิญทางนี้เลยคะคุณพิชชี่กำลังเดินทางมาช่วยกรุณารอสักครู่” พนักงานสาวเช็คชื่อแล้วถามเพื่อความมั่นใจก่อนจะเชิญหญิงสาวให้ตามเธอไปที่ห้องรับรอง

 

 

 

 

            “แต่งตัวอะไรของเธอ” โทโมะพูดเมื่อพนักงานสาวออกห้องไปเหลือเพียงแก้วกับเขาก่อนตาคู่คมจะไล่สำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

 

 

 

            “เอ้า!จะสืบเรื่องเขาแล้วจะไปเปล่าๆให้เขาจำได้รึไง สวยล่ะสิ” แก้วพูดแล้วคลี่ยิ้มยืนกอดอกโชว์การปลอมตัวสุดเนี้ยบที่เพื่อนเธอจับแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อการนี้โดยเฉพาะ หญิงสาวสวมวิกยาวผมลอนสีน้ำตาลเปิดหน้าผากยาวไล่ถึงหลัง สวมเสื้อชุดเดรสยาวรัดรูปพอประมาณเหนือเข่าสีขาวช่วงล่างเป็นลายดอกไม้เล่นสีสันทับด้วยเสื้อสูทดำยาวเลยเอว รองเท้าส้นเตี้ยและใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มจัดคมสวย

 

 

 

 

            “งั้นๆ..” โทโมะหน้านิ่งพูดทั้งที่จริงๆมองเธอจนตาค้างตั้งแต่แรกเห็น

 

 

 

 

            “ไอ้ตาถั่ว!” แก้วแก้มป่องแล้วนั่งลงเชิดหน้าชิชะเคืองชายหนุ่ม ชมนิดชมหน่อยก็ไม่ได้ โทโมะมองแก้วที่งอนตนก็ขำพลางคิดหาทางง้อหญิงสาว

 

 

 

 

            “ขอโทษที่ให้รอนานครับคุณ..” เสียงทุ้มเรียกแก้วที่นั่งหันหลังให้ยืนขึ้นก่อนจะพลิกตัวมายิ้มให้ชายหนุ่มที่เธอนัดหมายมาเจอ

 

 

 

 

            “อัยย์ญาดาค่ะ เรียกน้ำก็ได้ยินดีที่ได้รู้จัก” แก้วยื่นมือทักทาย

 

 

 

 

            “ผมพิชญุตม์แต่เรียกผมว่าพิชชี่ดีกว่าครับ” พิชชี่ยิ้มรับพร้อมเช็คแฮนด์หญิงสาว

 

 

 

 

            “ยินดีค่ะคุณพิชชี่ น้ำว่าเรามาเริ่มสัมภาษณ์กันเลยดีกว่าน้ำไม่อยากให้คุณเสียเวลา” แก้วพูดแล้วเชิญชายหนุ่มให้นั่งก่อนเธอจะตามหลัง

 

 

 

 

            “สำหรับคุณน้ำผมมีเวลาให้เสมอครับ” พิชชี่กระชับสูทว่ามองแก้วด้วยสายตากรุ้มกริ่ม โทโมะที่ยืนดูสถานการณ์นิ่วหน้าแล้วมองแก้วที่ยิ้มหวานเหมือนทองไม่รู้ร้อน เธอไม่ได้บอกวิธีการอะไรเขาสักอย่างบอกแค่ว่าจะมาพบตัวต่อตัวกับนายพิชชี่ แก้วเริ่มสวมบทบาทเป็นนักเขียนมาเก็บข้อมูลสัมภาษณ์ตามปกติซึ่งตลอดระยะเวลาที่เธอซักไซ้ชายที่ถูกสอบถามให้ความร่วมมืออย่างดีผิดกับสายตาเขาที่ส่อแววเหมือนต้องการบางอย่างจากเธอ

 

 

 

 

            “หล่อรวยแบบคุณคงมีแฟนอยู่แล้วสินะคะ?” แก้วจบประเด็นหลักก็รีบเกริ่นประเด็นรองที่เป็นเป้าหมายหลักของเธอในวันนี้

 

 

 

 

            “ผมยังโสดครับ” พิชชี่ยิ้มหวาน

 

 

 

 

            “จริงรึคะ ก็วันก่อนฉันยังเห็นคุณนั่งอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งในร้านนี้ค่ะ” แก้วแย้ง พิชชี่สะดุดแต่รักษาฟอร์มได้ทัน

 

 

 

 

            “อ้อ แค่เพื่อนครับ” เขาพูดปดไปตามฉบับโดยไม่รู้เลยว่าแก้วแอบอ่านตาชายหนุ่มก็รู้ว่าโกหก เธอเป็นตากล้องมาหลายปีเธอรู้ดีว่าใครพูดจริงใครโกหกเพียงแค่สังเกตผ่านดวงตาแต่ล่ะคน

 

 

 

 

            “เกินเพื่อนแล้วมากกว่ามั่งคะเพื่อนกันเขาไม่บอกคนอื่นว่าเป็นแขกคนพิเศษหรอก” แก้วพูดแล้วเอนตัวยิ้มยั่วยวน จะโกหกเธอได้สักกี่น้ำเชียว

 

 

 

 

            “ฮ่าๆๆ ผมยอมรับว่าเราสนิทกันมากแต่ตอนนี้ผมชักอยากจะสนิทกับคุณซะแล้ว” พิชชี่ชอบใจหญิงสาวที่เธอกล้าท้าทายเขาเลยลุกเดินไปหาเธอแล้วโน้มตัวใกล้หญิงสาวหมายจุมพิต

 

 

 

 

            “คุณยังไม่ตอบคำถามฉัน” แก้วเอานิ้วดันริมฝีปากชายหนุ่มห้ามแล้วย้ำขอให้เขาตอบคำถามเธอ

 

 

 

 

            “นั่นผมจะบอกให้ว่าผู้หญิงที่ผมอยู่ด้วยเมื่อวานคือ....” พิชชี่ยิ้มมุมผลักมือเธอออกแล้วพูด

 

 

 

 

            ก็อกๆๆๆ

 

 

 

 

            “ใคร!?” พิชชี่นิ่วหน้าหันมาหาต้นเสียงตะโกนถาม แต่เสียงตอบรับเขาจึงเดินไปเปิดประตูเป็นจังหวะเดียวกับเลขาส่วนตัวเขาเดินมาพอดีเด๊ะ

 

 

 

 

            “คุณพิชชี่ค่ะมีสายโทรมาถึงท่านค่ะ” เลขาพูดพร้อมยิ้มแหย่ด้วยความตกใจที่พิชชี่นิ่วหน้าเหมือนโมโหอะไรสักอย่าง

 

 

 

 

            “ทำไมไม่บอกเขาไปว่าผมไม่ว่าง!” พิชชี่ว่าอย่างอารมณ์เสีย

 

 

 

 

            “ดิฉันบอกค่ะแต่เขายื้อต้องการคุยกับคุณเท่านั้น” เลขาสาวบอกเหตุผล พิชชี่ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เหลียวหลังไปมองแก้วที่นั่งนิ่งมองเขาปริบๆก่อนรีบตามเลขาส่วนตัวไปทันที

 

 

 

 

            “โว้ย! กำลังจะได้เรื่องอยู่แล้วเชียว” แก้วว่าอย่างเสียดาย ใครมาขัดจังหวะตอนกำลังเข้าได้เข้าเข็มกัน

 

 

 

 

            “ได้กับผีนะสิ! กลับบ้าน!!” โทโมะกระชากแก้วแล้วสั่งให้เธอกลับบ้านอย่างด่วน คนที่โทรหาพิชชี่ไม่ใช่ใครที่ไหนก็เขานี้แหละและเป็นคนเดียวกันกับที่เคาะประตูเมื่อกี้นี้ด้วย

 

 

 

 

            “จะบ้าเรอะ! เราจะรู้เรื่องอยู่แล้วนะเดียวโทโมะ”  แก้วประท้วงแต่โทโมะไม่ฟังคำทักท้วงหญิงสาวฉุดแก้วกลับโดยไว

           

 

 

 

 

            “เห้อ เซ็งชะมัดเรื่องจะแดงอยู่แล้วเนี่ย นายจะมาขวางฉันทำไม!?” แก้วพูดถามชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจหลังกลับมาถึงบ้านพลางจัดแจงเสื้อผ้าที่ยืมมาเก็บพับใส่ถุง

 

 

 

 

            “ฉันไม่ชอบวิธีนี้มันเสี่ยงเกินไป ชอบนักรึไงจะโดนไอ้บ้านั่นปล้ำเอาอยู่แล้ว” โทโมะพูด

 

 

 

 

            “แต่มันก็คุ้มไม่ใช่เรอะนายพิชชี่นั่นเกือบจะง้างปากพูด ฉันเดาว่าไอ้หมอนี้แหละที่เป็นแฟนเก่าฟาง” แก้วเถียงกลับรีบคาดการณ์ว่านายพิชชี่ต้องเป็นแฟนเก่าฟางแน่ๆ

 

 

 

 

            “อะไรทำให้เธอมั่นใจหนัก?” โทโมะนิ่วหน้าเอยว่า

 

 

 

 

            “ก็อิตาพิชชี่นั่นดูก็รู้เพลย์บอยชัดๆ!เจอสาวเข้าหน่อยตานี้เป็นมัน จ้องจะตะครุบฉันลูกเดียว ท่าจะม่อสาวมาเยอะ ตอนคบกับฟางบางทีอาจจะโดนจับได้เลยเลิกกัน ฉันว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเป็นป็อปปี้เขานะนิสัยดีจะตายแล้วก็ไม่น่าจะรู้จักกับฟางด้วย” แก้วรวบสรุปตามที่เธอคิดตั้งสมมติฐานที่คาดว่าจะเป็นไปได้ก่อนจะเอยถึงอีกคน

 

 

 

 

            “อ้อ ที่ทำมาทั้งหมดแค่อยากให้มันพ้นข้อกล่าวหาว่างั้นอยากได้มันจนตัวสั่นเลยสิท่าถึงลงทุนเอาตัวเข้าแลก!!” โทโมะเข้าใจไปอีกอย่างคิดว่าหญิงสาวพยายามยัดเยียดให้เป็นพิชชี่เพื่อที่ป็อปปี้จะได้หมดข้อสงสัยก็รีบเสียดสีว่าเธอทันทีด้วยความหงุดหงิด

 

 

 

 

            “โทโมะ!” แก้วชักสีหน้าขุ่นบวกตกใจที่ชายหนุ่มตีโพยตีพายไปไกล

 

 

 

 

            “หรือไม่จริง เธอแค่อยากให้เป็นไอ้พิชชี่มากกว่าไอ้ป็อปปี้เพื่อที่มันจะได้หมดมลทินใช่มั้ย!!” โทโมะตะคอกเสียงแข็ง แก้วหยุดค้างเม้มปากเงียบก่อนเส้นความอดทนจะขาดสะบั้น

 

 

 

 

            “ทำไมไม่ไว้ใจกันบ้างห๊า!!!” แก้วรวบกระเป๋าดึงจี้ที่เก็บไว้กับตัวปาลงพื้นหนีออกจากบ้านไป

 

 

 

 

            “แก้ว แก้วเธอจะไปไหน แก้วกลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน!” โทโมะจะตามแก้วไปแต่ถูกฉุดรั้งโดยจี้ของเขาเอง ชายหนุ่มจึงพยายามหยิบจี้ขึ้นมาแตทำไม่ได้ถึงเขาจะแตะต้องสิ่งของทุกอย่างแต่ก็มีของอย่างหนึ่งที่เขาหยิบจับไม่ได้ก็คือจี้ของเขาเอง โทโมะจึงได้แต่มองตามหลังรถที่ขับไปไกลอย่างหัวเสีย

 

 

 

 

 

            “เฮ้ๆๆ สุขสันต์วันเกิดพี่ชาลี//ชาลี//เจ้!!!” คืนนี้ที่ผับแห่งหนึ่งถูกปิดฉลองใหญ่โดยเจ้าของวันเกิด สาวร่างถึกพูดกล่าวงานจบก็มีเสียงแสดงความยินดีจากบรรดาเพื่อนฝูงผู้ร่วมงานมากมายหลายตาจนเจ้าตัวปลื้มปริสุขล้น

 

 

 

 

            “ขอบคุณน้องๆมากจ้ะ อ่ะ คืนนี้เจ้เลี้ยงเองเต็มที่นะทุกคนไม่เมาไม่เลิก!” ชาลีกล่าวขอบคุณแล้วเชื้อเชิญให้ทุกคนร่วมเลี้ยงกันตามสบายก่อนจะรับของขวัญกองพะเนินเถินถึก เสียงเฮฮาสนุกสนานก็เกิดขึ้นผู้คนร่วมกันโยกเยกตามจังหวะคนตรีที่เปิดโดยดีเจประจำผับ

 

 

 

 

            “อึกๆ ฮ้า” แน่นอนว่าคืนนี้เธอก็ได้รับเชิญมาเหมือนกัน แก้วนั่งกระดกแอลกอฮอร์แยกโต๊ะอยู่คนเดียวมาสักพักตั้งแต่เริ่มงานได้ หญิงสาวจ้องน้ำที่กวัดแกว่งหลอมรวมกับน้ำแข็งอยู่ดีๆหน้าของชายหนุ่มที่เธอเพิ่งทะเลาะก็ปรากฎภาพในสมอง แก้วสะบัดไล่ความคิดแล้วยกซดจนหมดก่อนปล่อยแก้วเหล้ากระแทกโต๊ะอย่างแรง

 

 

 

 

            “ว้าย!น้องแก้วไปเก็บกดมาจากไหน ซดเอาๆ” ชาลีเข้ามาแวะเวียนน้องสาวสะดุ้งโหยงที่เห็นแก้วดื่มหนักเพราะปกติไม่เคยกินเยอะมากเกินสองสามแก้ว

 

 

 

 

            “อ่ะพี่ชาลีสุขสันต์วันเกิดค่ะพี่นี้ของขวัญจากแก้วค่ะ” แก้วแสดงความยินดีพร้อมยกแก้วเหล้าคำนับก่อนหยิบเอาถุงใส่ของขวัญยื่นให้ชาลี

 

 

 

 

            “ขอบใจจ้ะ อย่าดื่มหนักนักล่ะ” ชาลียิ้มรับของมาก่อนเตือนแก้วด้วยความเป็นห่วงแล้วปลีกตัวไปสวัสดีเพื่อนๆเธอต่อ แก้วยิ้มๆแล้วหันมาหยิบพั้นซ์แก้วใหม่ที่พนักงานเสริฟ

 

 

 

 

            “ผมขอนั่งด้วยคนสิครับ” ป็อปปี้ขอร่วมโต๊ะด้วยคน เขาเองก็มาสังสรรค์ในงานวันเกิดชาลีเหมือนกับแก้ว

 

 

 

 

            “อ้าวป็อป มาๆชนแก้ว” แก้วยิ้มทักรีบชวนป็อปปี้ดื่มเหล้ากับเธอ

 

 

 

 

            แก็ก!

 

 

 

 

            เสียงแก้วกระทบกันดังก่อนทั้งสองจะยกดื่มแก้วใครแก้วมัน

 

 

 

 

            “ป็อปเป็นอะไรรึป่าว ดูเครียดๆนะ” แก้วพูดเพราะเห็นสีหน้าชายหนุ่มดูไม่มีความสุข

 

 

 

 

            “นิดหน่อย แก้วเองก็เหมือนกัน” ป็อปปี้หันมาตอบก่อนบอกว่าหน้าหญิงสาวเองก็ไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่

 

 

 

 

            “ฮะๆๆ เรื่องไร้สาระนะ” แก้วหัวเราะแห้งๆแล้วพูด จะให้เธอมีความสุขได้ไงในเมื่อพึ่งทะเลาะกับผีบ้ามา คนอะไรหวังดีช่วยเต็มที่ดันหาว่าทำเพื่อคนอื่นซะงั้น ป็อปปี้มองแก้วที่ทำหน้าอมทุกข์เหมือนเก็บอะไรไว้ในใจก็แตะไหล่เบาๆเชิงปลอบ

 

 

 

 

            “แก้ว ป็อปมานี้เร็วเฮียจะเปิดขวดแล้ว!!” เพื่อนๆในงานตะโกนเรียกทั้งสองคนให้มาร่วมวงเพราะชาลีกำลังเปิดขวดไวท์แสนแพงที่เจ้าตัวแอบงุบงิบขโมยคุณตามาเปิดให้ลองชิม ป็อปปี้กับแก้วจึงพากันไปฉลองแก้เซ็งตามคำเชิญ ทิ้งเรื่องในวันนี้แล้วสนุกกับปาร์ตี้ซะยังจะดีกว่า

           

 

 

 

 

            “แก้วๆ ว้ายเอาไงดีเนี่ย น้องป็อปเองก็ด้วยนี้ใครยังไหวนะมาช่วยเจ้แบกสองคนนี้ขึ้นห้องหน่อยเร็ว” ชาลีเขย่าแก้วที่นอนฟุบคาโต๊ะไปเรียบร้อยกับป็อปปี้ก็เรียกคนที่ยังไหวมาช่วยกันห่ามพาขึ้นห้องที่เตรียมไว้ 

 

 

 

 

            “อืม เจ้กี่โมงแล้ว” แก้วงัวเงียถามเมื่อถูกปล่อยลงนอนราบกับเตียง

 

 

 

 

            “ตีสาม” ชาลีตอบพลางจัดแจงท่านอนดีๆให้แก้วกับป็อปปี้ที่นอนอยู่ข้างๆ

 

 

 

 

            “ห่ะ! แก้วต้องกลับ” แก้วสะดุ้งเด้งตัวรีบลงเตียงจะกลับบ้าน เธอกลัวน้องสาวจะเป็นห่วงแถมไม่ได้โทรบอกล่วงหน้าด้วยว่ามางานเลี้ยง

 

 

 

 

            “อย่าเลยน้องแก้ว เจ้ว่าน้องนอนนี้แหละสร่างเมาค่อยกลับ” ชาลีห้ามแล้วบอกให้แก้วกลับรุ่งเช้า ขืนปล่อยไปอาจจะประสบอุบัติเหตุหรือเผลอไปชนใครเข้าจะแย่เอาได้ แก้วรับคำแล้วนอนกายหน้าผากมองเพดานห้องก่อนปล่อยลมหายใจดังฟู่ว

 

 

 

 

            “ก็ดีไม่อยากกลับไปเจอผีบ้าที่บ้านอยู่เหมือนกัน” แก้วพึมพำถึงโทโมะนึกโกรธไม่หาย

 

 

 

 

            “ผีบ้าอะไรเรอะครับ” ป็อปปี้ถาม

 

 

 

 

            “ป่าวหรอกก็แค่คนพูดจาไม่รู้เรื่องชอบระแวงคนอื่นไปเรื่อยคนเขาอุส่าหวังดีช่วยสารพัด กลัวเขากังวลกลัวเขาทุกข์..” แก้วพูดพร่ำบ่นผีที่บ้านเหนื่อยใจก่อนจะปิดเปลือกตาหนักอึ้งเพราะฤทธิ์เหล้า

 

 

 

 

            “ถ้าไม่รู้จักแก้ว ผมนึกว่าแก้วกำลังน้อยใจแฟนซะอีก” ป็อปปี้ลอบขำแล้วว่า

 

 

 

 

            “แก้วอาจจะน้อยใจจริงๆนั้นแหละ แฟนเรอะ นี้แก้วพูดบ้าไรเนี่ย” แก้วพูดพลางนึก น้อยใจงั้นเรอะ เหอะแฟนก็ไม่ใช่ญาติก็ไม่เกี่ยวเป็นใครที่ไหนไม่รู้มาชี้นู่นบ่นนี้แล้วยังมาใส่ความอีก เธอคิดในใจก่อนจะขยี้ผมระบาย

 

 

 

 

            “คิดแล้วก็เศร้าถ้าฟางเห็นใจผมบ้างก็ดี” ป็อปปี้โพล่งเรื่องฟางด้วยความเมาหลังฟังแก้วพร่ำ เขาเองก็น้อยใจฟางที่ไม่ฟังคำเขาเลยสักนิด  

 

 

 

 

            “.......” แก้วที่กำลังมึนหันขวับไปมองชายหนุ่มข้างๆอย่างงงๆเมื่อกี้เขาพูดชื่อฟางออกมางั้นเรอะ

 

 

 

 

            “ไปอยู่กับไอ้บ้านั่นไม่รู้เลยรึไงว่ามันเลวแต่อย่างว่าผมไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขาหรอกเพราะผมก็เลวไม่ต่างกัน ทิ้งเขาไปแล้วอยากได้คืนรู้ทั้งรู้ว่าเขามีเจ้าของ....” ป็อปปี้ว่าเรื่องที่ตนเครียดเมื่อหัววันระบายออกมาไร้สตินึกคิดก่อนจะฟุบหลับด้วยความง่วงไป แก้วที่นอนฟังตาโตพยายามรวบรวมสติที่มีคิดว่าที่เขาพูดมันความจริงเรอะ เรื่องของฟางกับป็อปปี้มันยังไงกันแน่สองคนไปรู้จักกันได้ไงทั้งที่เจอกันแทบจะไม่มองหน้า

 

 

 

 

            “มันยังไงกันแน่”

 

 

 

 

________________________________________________________

 

 

            อัพอีกตอนแล้วสำหรับเรื่อง Dejavu S ยาวเกินไปหน่อย แก้วทุ่มเทเพื่อเฮียไงเฮียไปว่าเขาแบบนั้นล่ะ ป็อปปี้เผยความลับให้แก้วฟังไปแล้ว พิชชี่น่าตบจริงเอาฟางไม่พอจะเอาแก้วอีกคน เอาล่ะตอนหน้าจะเป็นไงรออ่านกันนะ แล้วอย่าลืมอ่าน GIRL’STOPIC รักได้ไหมมาดามของผมด้วยล่ะ ไม่เม้นไม่อัพตามเดิมนะ

 

 

 

 

LOVETK PF KF!!!!

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา