The Vampire Diaries สื่อรักฉบับแวมไพร์
9.9
เขียนโดย noeyjang
วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.51 น.
11 ตอน
2 วิจารณ์
15.93K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2558 18.44 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
6) He's Comback
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ณ คอนโดแห่งหนึ่ง
หญิงสาวที่สวยงามสง่า เธอกำลังนั่งมองวิวที่สวยงามยามกลางคืน ยามที่ลมอ่อนๆพัดโชยมาจากช่องเล็กๆของหน้าต่าง ก็ปรากฎเงาร่างที่เธอไม่คิดว่า เธอจะได้เจอมันอีก เงาร่างนั้น ค่อยๆขยับออกมาจากความมืด เผยให้เห็นถึงโฉมหน้าของชายหนุ่มที่มีรูปร่างเหมือนชายทั่วไป แต่เขากลับแฝงไปด้วยความลับอันดำมืดของตัวเขาเอง
ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้เธอ ใบหน้ายิ้มเเย้มราวกับว่าเขาสองคนรู้จักกันมาก่อน
"long time sister(ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ น้องสาว)" เขาเอ่ยคำนั้น
"โคล" เธอเอ่ยชื่อเขา
"เซอร์ไพรส์!!"
"พ..พี่มาทำอะไรที่นี่คะ"
"พี่ก็แค่คิดถึงน้องสาวเท่านั้นน่ะ พี่จะมาเยี่ยมไม่ได้เลยหรอ"
"มาได้ค่ะ แต่พี่ก็น่าจะบอกก่อนนะ"
"หึ บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ รีเบคก้า..."
เขาสองคนกอดกันราวกับว่าไม่ได้เจอกันมานาน
"อ้อ ฉันว่าฉันเจอคนที่พี่ตามหาเลยล่ะนะ" เธอบอกพี่ของเธอ
"ใคร...ใครที่ฉันตามหา"
"กุญแจไงคะ ^^" เธอยิ้มแบบมีเจ้าเล่ห์ ไม่ต่างอะไรกับพี่ชายของเธอ
"ถึงเวลาที่พี่ต้องจัดการแล้ว......."
ซ่า ซ่า ซ่า!! เสียงของน้ำทำทะเลที่กำลังพัดคลื่นเข้าแล้วมากระทบกับขอดหิน บรรยากาศ และธรรมชาติที่สดชื่นทำเอาฉันแทบอยากจะกระโดนลงไปแช่ในน้ำจนฉันไม่อยากจะเกยตื้นขึ้นมาเลยแหละ
ฉันนั่งอยู่กลางชายหาด ข้างๆมีเดม่อนนั่งอยู่ด้วย เราสองคนมาเที่ยวด้วยในช่วงปิดเทอมฤดูฝน ทั้งๆที่เป็นน่าฝนแท้ๆ แต่ที่นี่กลับยังมีแดดที่ร้อนและอบอุ่นอยูู่
"นี่เดม่อน ทำไมแวมไพร์อยู่กลางแดดแล้วถึงไม่เผาไหม้เหมือนที่ตำนานเขาว่ากันล่ะ?"
ฉันสงสัยจริงๆนะ เดม่อนนั่งอยู่กลางแดดกับฉันมาสักพักแล้ว แต่ผิวของเขากลับไม่เกิดรอยไหม้อะไรเลยสักจุด
เดม่อนชูนิ้วนางมาข้างนึง มันถูกสวมด้วยแหวนวงหนึ่ง ซึ่งทำด้วยโลหะ ฉันคิดว่ามันน่าจะอยู่มานานแล้ว เพราะฉันก็เห็นตั้งแต่ฉันเจอเขาครั้งแรก ฉันคิดว่าเป็นแฟชั่นของเขาด้วยซ้ำ
"แหวนนี่น่ะ มันเป็นแหวนที่ตระกูลสืบทอดมาให้ฉัน หลังจากที่พ่อฉันตาย ด้วยน้ำมือของมือปราบ พ่อก็มอบแหวนวงนี้ให้ฉัน และแน่น่อน เมื่อพ่อฉันเป็นเเวมไพร์ พ่อก็ย่อมเปลี่ยนฉันด้วย แต่ว่าตอนนั้นฉันยังเป็นแค่เเวมไพร์เกิดใหม่ ยังไม่มีแหวนอะไรนั่น เลยได้แต่ดื่มเลือดของคนใช้ที่บ้าน และเลือดของสัตว์ที่พ่อนำมาให้... "
เขายื่นหน้าเข้ามากระซิบ
"และเลือดสัตว์นั่นมันช่างคาวไม่มีสิ้นดี ไม่อร่อยเท่าไหร่หรอกนะ"
"แล้วแหวนวงนี้น่ะ มันมีกี่วงกัน" ฉันถามต่อ
"อันที่จริงก็มีหลายวงนะ แต่แหวนนี่น่ะ มันไม่ได้ทำกันง่ายๆนะ แม่มดเท่านั้นที่จะทำได้"
"แม่มด?....โลกนี้มีแม่มดด้วยเหรอ"
เดม่อนหัวเราะเพราะความไร้เดียงสาของฉัน
"เมื่อโลกนี้มีแวมไพร์ แน่นอน...จะไม่มีของที่ต้องเกิดมาควบคู่กันได้ไงล่ะ โลกนี้ยังมีแม่มด ไสยศาตร์ มนต์ดำ แล้วก็ มนุษย์หมาป่าอีกก็มีนะ"
"โลกนี้มีอะไรที่ฉันไม่รู้อีกเยอะแฮะ"
"ฮ่าๆ เดี่ยวเธอก็ชินกับมันเองแหละ และที่ฉันพาเธอมาที่นี่ ตอนนี้ คือฉันจะพาเธอมารู้จักใครบางคน"
"ใครเหรอ?"
"เพื่อนฉันเอง อายุเท่าเธอเลยนะ แต่เพื่อนฉันคนนี้น่ะ เป็นแม่มด เธอชื่อว่า บอนนี่"
"ชื่อเธอน่ารักจัง เเต่เดี๋ยวนะ นายบอกว่าบอนนี่อายุเท่าฉัน ก็แสดงว่าเธอก็ไม่ได้เป็นแววมไพร์ไปด้วยใช่มั้ย"
"บอนนี่เป็นแม่มดบริสุทธิ์ เป็นสายเลือดของบอนนี่น่ะ....."
"เมาธ์อะไรฉันอยู่ ฉันได้ยินนะ ^^"
เสียงเสียงหนึ่งทักขึ้นมา ทำเอาฉันตกใจไปสักพัก พอฉันหันไปก็พบกับหญิงสาวน่าตาเรียบร้อย ดูมีบุคลิกภาพดี ผิวแทน เธอส่งสายตายิ้มๆน่ารักมาที่ฉัน
"บอนนี่!" เดม่อนเรียกชื่อเธออย่างนั้น
"hi เดม่อน วันนี้คิดยังไงมาหาฉันได้เนี่ย"
"หึ เรื่องมันยาว" เดม่อนส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาที่ฉัน แล้วก็หันไปมองที่บอนนี่ต่อ นี่มันเรื่องอะไรกัน
ฉันนั่งอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง กับเดม่อน และบอนนี่ เดม่อนถามบอนนี่เรื่องที่ว่าทำไมเเวมไพร์ถึงไม่สามารถเข้าถึงจิตใจฉันได้ บอนนี่ก็บอกว่าเธอเองก็ไม่รู้ ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น และเธอก็ยังไม่แน่ใจ เธอว่าเดี๋ยวจะไปถามคุณยายของเธอให้ เธอจึงนั่งสมาธิ เหมือนกับว่าเธอกำลังสื่อถึงใครบางคน แล้วก็ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับรู้เรื่องราวอะไรมาบางอย่างแล้ว
"ฉันเข้าใจเเล้วล่ะ" บอนนี่ว่า
"อะไรเหรอ เมื่อกี๊เธอทำอะไรน่ะ" ฉันถาม
"เธอกำลังสื่อสารกับคุณยายของเธอ" เดม่อนแทรก
"เธอสื่อสารกับคุณยายทางจิตได้ด้วยเหรอ?" ฉันถามต่อ
"ฉันเป็นแม่มดนะ อย่าลืมสิ ^-^" รอยยิ้มของเธอน่ารักอีกแล้ว ถ้าฉันเป็นเดม่อนนะ ฉันคงตกหลุมรักเธอไปแล้วแหละ ฉันว่านะ ฮ่าๆๆ
"ยายฉันบอกว่า ยายเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน มันไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนที่ต่อต้านพลังจิตของแวมไพร์ได้โดยปราศจากเวอร์แวน แต่ยายคิดว่า เธอน่าจะไม่ใช่คนธรรมดา เธอต้องเป็นเครื่องมืออะไรสักอย่างในการทำพิธีกรรม"
ฟังจากที่บอนนี่แล้ว ฉันรู้สึกขนลุกเลยแฮะ ฉันต้องเป็นเครื่องมือในการประกอบพิธีอะไร
"แล้วนี่ยายเธอบอกได้แค่นั้นเองหรอ" เดม่อนถาม
"ยายฉันบอกมาแค่นี้.....เฮือก0O0!!!!" จู่ๆบอนนี่ก็หายใจเฮือกเสียงดัง แล้วตัวของเธอก็ล้อมลงไปกับพื้น ทำเอาคนในร้านมองเธอกันใหญ่ เธอเหมือนคนเป็นหอบหื่น ตาเธอเริ่มเป็นสีขาวแล้ว จากนั้นมันก็ค่อยๆคลายออก ตาเธอเริ่มเป็นปกติ เดม่อนอุ้มเธอมาไว้ที่อ้อมอกเพื่อดึงสติเธอกลับมา ผู้คนในร้านก็สงสัยว่าเธอเป็นอะไร ลมบ้าหมูกำเริบหรืออะไร จู่บอนนี่ก็เอ่ยคำคำนึงออกมา
"เขากลับมา เขากลับมา!" บอนนี่โวยวาย
"เฮ่ๆ บอนนี่.."เดม่อนเขย่าตัวเธอ
"ใครกลับมา" เดม่อนถามอีกครั้ง
"โคล......." ตาของเดม่อนเบิกโตกว้างเหมือนกับว่าปัญหาใหญ่กำลังจะมา..
"ใครคือโคล?" ฉันถามอะไรไร้เดียงสาอีกเนี่ย!! โธ่ เอเลน่า -0-
ปึ้งงงงงง!!!!!! เสียงประตูของร้านอาหารถูกเปิดออกมาเสียงดัง พร้อมกับเงาร่างที่ไม่คุ้นตาที่เดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวที่ฉันเพิ่งเจอเธอมาไม่กี่วัน...รีเบคก้า ใช่ รีเบคก้า เธอมากับใครไม่รู้ แต่ทำการกระทำดังกล่าวทำเอาผู้คนแตกตื่นด้วยความตกใจไปทั่วร้าน
"กรี๊ดดดดดดดด" เสียงกรีดร้องโววายขึึ้น คนที่หลายคนพยายามหนีออกจากร้าน กลับโดนผู้ชายคนนั้นกัดที่คอแล้วสูบเลือดเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว
"คนที่เคยอยู่ที่นี่เมื่อร้อยปีก่อน เขาฆ่าคนมานับพัน เเล้ววันหนึ่งเขาก็หายไปเพราะแม่มดทำให้เขาสูญเสียพลัง วันนี้....เขากลับมา.." เดม่อนบอกกับฉันอย่างนั้น
"ทุกคนเงียบ!!!!" ชายคนนั้นเอ่ยเสียงดัง แล้วทุกคนก็เงียบจริงๆ เหลือเพียงแต่ฉัน เดม่อน และบอนนี่เท่านั้นที่ไม่เกิดอาการ
"แล้วฟังที่ฉันพูด จะไม่มีใครแทรกขึ้นมา จะไม่มีใครวิ่งหนี เพราะฉันจะไม่ทำร้ายใคร!!! "
ชายคนนั้นมองมาที่ฉัน แล้วเขาก็ยิ้มมาที่ฉัน เขากำลังเดินตรงมาที่ฉัน เหมือนฉันเป็นเป้าหมายของเขา ฉันก้าวเดินถอยหลังอย่างรวดเร็ว แล้วเดม่อนก็มาตัดหน้าฉันเสียก่อน
"นายอย่ามายุ่งกับแฟนฉันดีกว่าน่า" เดม่อนขู่
"นายหลบไป" ชายคนนั้นผลักเดม่อนให้ถอยไป เขาแข็งแรงกว่าเดม่อนเสียอีก
"@#$)_(*^^$(_+_)_)_&$@!#$E%%&"
เสียงของบอนนี่ที่ท่องมนต์อะไรสักอย่างจึงทำให้ชายคนนั้นหยุดชะงักไปได้ ผู้คนไม่ร้านได้แต่ยืนมองแต่ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เพราะว่า พวกเขาถูกครอบงำจิตใจไปแล้วยังไงล่ะ!
จู่ๆรีเบคก้าก็พุ่งเข้ามาที่บอนนี่อย่างรวดเร็ว เเล้วบีบที่คอของเธอ ...เมื่อเดม่อนได้สติก็พุ่งเข้ามาช่วยบอนนี่ต่อ ฉันทำอะไรไม่ได้เลยตอนนั้น ฉันไม่มีพลังอะไรเลย ชายคนนั้นก็เข้ามาช่วยรีเบคก้าแล้วผลักสองคนนั้นให้กระเด็นออกไป พระเจ้า! ฉันยืนมองคนรักและเพื่อนของฉันที่ถูกทำร้าย โดยที่ฉันช่วยอะไรไม่ได้เลย ฉันหันไปมองร่างที่แน่นิ่ง แล้วกำลังจะเข้าไปดูอาการ แต่แล้ว ชายคนนั้นก็ประคบมือฉันไว้แน่น แล้วเขาก็หันไปพูดกับผู้คนในร้าน...
"ทุกคนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ จงใช้ชีวิตที่มีค่านั้นให้เต็มที่!!!" แล้วเขาก็ลากฉันออกจากร้านอาหาร
"นี่!! ปล่อยฉันนะ ปล่อนเซ่!!!" เเรงเขาเยอะชะมัด ฉันสู้ไม่ได้เลย
"เดม่อน! เดม่อน! ช่วยฉันด้วย!!! TOT" ในขณะที่ฉันกำลังถูกลากออกจากร้านอาหาร ฉันมองไปที่เดม่อนที่กำลังค่อยๆลืมตาขึ้น สภาพเขาหมดแรง เขากำลังเรียกชื่อฉันแบบเบาๆ เพราะร่างเขาแทบไม่มีแรงแล้ว ฉันมองภาพใบหน้าฉัน ฉันน้ำตาพราก ชายคนนั้นลากฉันออกจากร้าน พร้อมกับปิดประตู เดม่อนกำลังมองมาที่ฉัน และนั่นเป็นภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นเขาหลังจากที่ประตู........จะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ชายคนนั้นลักพาตัวฉันทำไม? จู่ๆฉันก็รู้สึกมึนๆที่หัว แล้วความมืดก็ครอบงำฉันอีกรอบ...
หญิงสาวที่สวยงามสง่า เธอกำลังนั่งมองวิวที่สวยงามยามกลางคืน ยามที่ลมอ่อนๆพัดโชยมาจากช่องเล็กๆของหน้าต่าง ก็ปรากฎเงาร่างที่เธอไม่คิดว่า เธอจะได้เจอมันอีก เงาร่างนั้น ค่อยๆขยับออกมาจากความมืด เผยให้เห็นถึงโฉมหน้าของชายหนุ่มที่มีรูปร่างเหมือนชายทั่วไป แต่เขากลับแฝงไปด้วยความลับอันดำมืดของตัวเขาเอง
ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้เธอ ใบหน้ายิ้มเเย้มราวกับว่าเขาสองคนรู้จักกันมาก่อน
"long time sister(ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ น้องสาว)" เขาเอ่ยคำนั้น
"โคล" เธอเอ่ยชื่อเขา
"เซอร์ไพรส์!!"
"พ..พี่มาทำอะไรที่นี่คะ"
"พี่ก็แค่คิดถึงน้องสาวเท่านั้นน่ะ พี่จะมาเยี่ยมไม่ได้เลยหรอ"
"มาได้ค่ะ แต่พี่ก็น่าจะบอกก่อนนะ"
"หึ บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ รีเบคก้า..."
เขาสองคนกอดกันราวกับว่าไม่ได้เจอกันมานาน
"อ้อ ฉันว่าฉันเจอคนที่พี่ตามหาเลยล่ะนะ" เธอบอกพี่ของเธอ
"ใคร...ใครที่ฉันตามหา"
"กุญแจไงคะ ^^" เธอยิ้มแบบมีเจ้าเล่ห์ ไม่ต่างอะไรกับพี่ชายของเธอ
"ถึงเวลาที่พี่ต้องจัดการแล้ว......."
ซ่า ซ่า ซ่า!! เสียงของน้ำทำทะเลที่กำลังพัดคลื่นเข้าแล้วมากระทบกับขอดหิน บรรยากาศ และธรรมชาติที่สดชื่นทำเอาฉันแทบอยากจะกระโดนลงไปแช่ในน้ำจนฉันไม่อยากจะเกยตื้นขึ้นมาเลยแหละ
ฉันนั่งอยู่กลางชายหาด ข้างๆมีเดม่อนนั่งอยู่ด้วย เราสองคนมาเที่ยวด้วยในช่วงปิดเทอมฤดูฝน ทั้งๆที่เป็นน่าฝนแท้ๆ แต่ที่นี่กลับยังมีแดดที่ร้อนและอบอุ่นอยูู่
"นี่เดม่อน ทำไมแวมไพร์อยู่กลางแดดแล้วถึงไม่เผาไหม้เหมือนที่ตำนานเขาว่ากันล่ะ?"
ฉันสงสัยจริงๆนะ เดม่อนนั่งอยู่กลางแดดกับฉันมาสักพักแล้ว แต่ผิวของเขากลับไม่เกิดรอยไหม้อะไรเลยสักจุด
เดม่อนชูนิ้วนางมาข้างนึง มันถูกสวมด้วยแหวนวงหนึ่ง ซึ่งทำด้วยโลหะ ฉันคิดว่ามันน่าจะอยู่มานานแล้ว เพราะฉันก็เห็นตั้งแต่ฉันเจอเขาครั้งแรก ฉันคิดว่าเป็นแฟชั่นของเขาด้วยซ้ำ
"แหวนนี่น่ะ มันเป็นแหวนที่ตระกูลสืบทอดมาให้ฉัน หลังจากที่พ่อฉันตาย ด้วยน้ำมือของมือปราบ พ่อก็มอบแหวนวงนี้ให้ฉัน และแน่น่อน เมื่อพ่อฉันเป็นเเวมไพร์ พ่อก็ย่อมเปลี่ยนฉันด้วย แต่ว่าตอนนั้นฉันยังเป็นแค่เเวมไพร์เกิดใหม่ ยังไม่มีแหวนอะไรนั่น เลยได้แต่ดื่มเลือดของคนใช้ที่บ้าน และเลือดของสัตว์ที่พ่อนำมาให้... "
เขายื่นหน้าเข้ามากระซิบ
"และเลือดสัตว์นั่นมันช่างคาวไม่มีสิ้นดี ไม่อร่อยเท่าไหร่หรอกนะ"
"แล้วแหวนวงนี้น่ะ มันมีกี่วงกัน" ฉันถามต่อ
"อันที่จริงก็มีหลายวงนะ แต่แหวนนี่น่ะ มันไม่ได้ทำกันง่ายๆนะ แม่มดเท่านั้นที่จะทำได้"
"แม่มด?....โลกนี้มีแม่มดด้วยเหรอ"
เดม่อนหัวเราะเพราะความไร้เดียงสาของฉัน
"เมื่อโลกนี้มีแวมไพร์ แน่นอน...จะไม่มีของที่ต้องเกิดมาควบคู่กันได้ไงล่ะ โลกนี้ยังมีแม่มด ไสยศาตร์ มนต์ดำ แล้วก็ มนุษย์หมาป่าอีกก็มีนะ"
"โลกนี้มีอะไรที่ฉันไม่รู้อีกเยอะแฮะ"
"ฮ่าๆ เดี่ยวเธอก็ชินกับมันเองแหละ และที่ฉันพาเธอมาที่นี่ ตอนนี้ คือฉันจะพาเธอมารู้จักใครบางคน"
"ใครเหรอ?"
"เพื่อนฉันเอง อายุเท่าเธอเลยนะ แต่เพื่อนฉันคนนี้น่ะ เป็นแม่มด เธอชื่อว่า บอนนี่"
"ชื่อเธอน่ารักจัง เเต่เดี๋ยวนะ นายบอกว่าบอนนี่อายุเท่าฉัน ก็แสดงว่าเธอก็ไม่ได้เป็นแววมไพร์ไปด้วยใช่มั้ย"
"บอนนี่เป็นแม่มดบริสุทธิ์ เป็นสายเลือดของบอนนี่น่ะ....."
"เมาธ์อะไรฉันอยู่ ฉันได้ยินนะ ^^"
เสียงเสียงหนึ่งทักขึ้นมา ทำเอาฉันตกใจไปสักพัก พอฉันหันไปก็พบกับหญิงสาวน่าตาเรียบร้อย ดูมีบุคลิกภาพดี ผิวแทน เธอส่งสายตายิ้มๆน่ารักมาที่ฉัน
"บอนนี่!" เดม่อนเรียกชื่อเธออย่างนั้น
"hi เดม่อน วันนี้คิดยังไงมาหาฉันได้เนี่ย"
"หึ เรื่องมันยาว" เดม่อนส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาที่ฉัน แล้วก็หันไปมองที่บอนนี่ต่อ นี่มันเรื่องอะไรกัน
ฉันนั่งอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง กับเดม่อน และบอนนี่ เดม่อนถามบอนนี่เรื่องที่ว่าทำไมเเวมไพร์ถึงไม่สามารถเข้าถึงจิตใจฉันได้ บอนนี่ก็บอกว่าเธอเองก็ไม่รู้ ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น และเธอก็ยังไม่แน่ใจ เธอว่าเดี๋ยวจะไปถามคุณยายของเธอให้ เธอจึงนั่งสมาธิ เหมือนกับว่าเธอกำลังสื่อถึงใครบางคน แล้วก็ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับรู้เรื่องราวอะไรมาบางอย่างแล้ว
"ฉันเข้าใจเเล้วล่ะ" บอนนี่ว่า
"อะไรเหรอ เมื่อกี๊เธอทำอะไรน่ะ" ฉันถาม
"เธอกำลังสื่อสารกับคุณยายของเธอ" เดม่อนแทรก
"เธอสื่อสารกับคุณยายทางจิตได้ด้วยเหรอ?" ฉันถามต่อ
"ฉันเป็นแม่มดนะ อย่าลืมสิ ^-^" รอยยิ้มของเธอน่ารักอีกแล้ว ถ้าฉันเป็นเดม่อนนะ ฉันคงตกหลุมรักเธอไปแล้วแหละ ฉันว่านะ ฮ่าๆๆ
"ยายฉันบอกว่า ยายเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน มันไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนที่ต่อต้านพลังจิตของแวมไพร์ได้โดยปราศจากเวอร์แวน แต่ยายคิดว่า เธอน่าจะไม่ใช่คนธรรมดา เธอต้องเป็นเครื่องมืออะไรสักอย่างในการทำพิธีกรรม"
ฟังจากที่บอนนี่แล้ว ฉันรู้สึกขนลุกเลยแฮะ ฉันต้องเป็นเครื่องมือในการประกอบพิธีอะไร
"แล้วนี่ยายเธอบอกได้แค่นั้นเองหรอ" เดม่อนถาม
"ยายฉันบอกมาแค่นี้.....เฮือก0O0!!!!" จู่ๆบอนนี่ก็หายใจเฮือกเสียงดัง แล้วตัวของเธอก็ล้อมลงไปกับพื้น ทำเอาคนในร้านมองเธอกันใหญ่ เธอเหมือนคนเป็นหอบหื่น ตาเธอเริ่มเป็นสีขาวแล้ว จากนั้นมันก็ค่อยๆคลายออก ตาเธอเริ่มเป็นปกติ เดม่อนอุ้มเธอมาไว้ที่อ้อมอกเพื่อดึงสติเธอกลับมา ผู้คนในร้านก็สงสัยว่าเธอเป็นอะไร ลมบ้าหมูกำเริบหรืออะไร จู่บอนนี่ก็เอ่ยคำคำนึงออกมา
"เขากลับมา เขากลับมา!" บอนนี่โวยวาย
"เฮ่ๆ บอนนี่.."เดม่อนเขย่าตัวเธอ
"ใครกลับมา" เดม่อนถามอีกครั้ง
"โคล......." ตาของเดม่อนเบิกโตกว้างเหมือนกับว่าปัญหาใหญ่กำลังจะมา..
"ใครคือโคล?" ฉันถามอะไรไร้เดียงสาอีกเนี่ย!! โธ่ เอเลน่า -0-
ปึ้งงงงงง!!!!!! เสียงประตูของร้านอาหารถูกเปิดออกมาเสียงดัง พร้อมกับเงาร่างที่ไม่คุ้นตาที่เดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวที่ฉันเพิ่งเจอเธอมาไม่กี่วัน...รีเบคก้า ใช่ รีเบคก้า เธอมากับใครไม่รู้ แต่ทำการกระทำดังกล่าวทำเอาผู้คนแตกตื่นด้วยความตกใจไปทั่วร้าน
"กรี๊ดดดดดดดด" เสียงกรีดร้องโววายขึึ้น คนที่หลายคนพยายามหนีออกจากร้าน กลับโดนผู้ชายคนนั้นกัดที่คอแล้วสูบเลือดเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว
"คนที่เคยอยู่ที่นี่เมื่อร้อยปีก่อน เขาฆ่าคนมานับพัน เเล้ววันหนึ่งเขาก็หายไปเพราะแม่มดทำให้เขาสูญเสียพลัง วันนี้....เขากลับมา.." เดม่อนบอกกับฉันอย่างนั้น
"ทุกคนเงียบ!!!!" ชายคนนั้นเอ่ยเสียงดัง แล้วทุกคนก็เงียบจริงๆ เหลือเพียงแต่ฉัน เดม่อน และบอนนี่เท่านั้นที่ไม่เกิดอาการ
"แล้วฟังที่ฉันพูด จะไม่มีใครแทรกขึ้นมา จะไม่มีใครวิ่งหนี เพราะฉันจะไม่ทำร้ายใคร!!! "
ชายคนนั้นมองมาที่ฉัน แล้วเขาก็ยิ้มมาที่ฉัน เขากำลังเดินตรงมาที่ฉัน เหมือนฉันเป็นเป้าหมายของเขา ฉันก้าวเดินถอยหลังอย่างรวดเร็ว แล้วเดม่อนก็มาตัดหน้าฉันเสียก่อน
"นายอย่ามายุ่งกับแฟนฉันดีกว่าน่า" เดม่อนขู่
"นายหลบไป" ชายคนนั้นผลักเดม่อนให้ถอยไป เขาแข็งแรงกว่าเดม่อนเสียอีก
"@#$)_(*^^$(_+_)_)_&$@!#$E%%&"
เสียงของบอนนี่ที่ท่องมนต์อะไรสักอย่างจึงทำให้ชายคนนั้นหยุดชะงักไปได้ ผู้คนไม่ร้านได้แต่ยืนมองแต่ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เพราะว่า พวกเขาถูกครอบงำจิตใจไปแล้วยังไงล่ะ!
จู่ๆรีเบคก้าก็พุ่งเข้ามาที่บอนนี่อย่างรวดเร็ว เเล้วบีบที่คอของเธอ ...เมื่อเดม่อนได้สติก็พุ่งเข้ามาช่วยบอนนี่ต่อ ฉันทำอะไรไม่ได้เลยตอนนั้น ฉันไม่มีพลังอะไรเลย ชายคนนั้นก็เข้ามาช่วยรีเบคก้าแล้วผลักสองคนนั้นให้กระเด็นออกไป พระเจ้า! ฉันยืนมองคนรักและเพื่อนของฉันที่ถูกทำร้าย โดยที่ฉันช่วยอะไรไม่ได้เลย ฉันหันไปมองร่างที่แน่นิ่ง แล้วกำลังจะเข้าไปดูอาการ แต่แล้ว ชายคนนั้นก็ประคบมือฉันไว้แน่น แล้วเขาก็หันไปพูดกับผู้คนในร้าน...
"ทุกคนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ จงใช้ชีวิตที่มีค่านั้นให้เต็มที่!!!" แล้วเขาก็ลากฉันออกจากร้านอาหาร
"นี่!! ปล่อยฉันนะ ปล่อนเซ่!!!" เเรงเขาเยอะชะมัด ฉันสู้ไม่ได้เลย
"เดม่อน! เดม่อน! ช่วยฉันด้วย!!! TOT" ในขณะที่ฉันกำลังถูกลากออกจากร้านอาหาร ฉันมองไปที่เดม่อนที่กำลังค่อยๆลืมตาขึ้น สภาพเขาหมดแรง เขากำลังเรียกชื่อฉันแบบเบาๆ เพราะร่างเขาแทบไม่มีแรงแล้ว ฉันมองภาพใบหน้าฉัน ฉันน้ำตาพราก ชายคนนั้นลากฉันออกจากร้าน พร้อมกับปิดประตู เดม่อนกำลังมองมาที่ฉัน และนั่นเป็นภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นเขาหลังจากที่ประตู........จะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ชายคนนั้นลักพาตัวฉันทำไม? จู่ๆฉันก็รู้สึกมึนๆที่หัว แล้วความมืดก็ครอบงำฉันอีกรอบ...
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ