[FIC BEAST] BAD LOVE...ผู้ชายเลว!

10.0

เขียนโดย doraaung

วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 17.50 น.

  45 ตอน
  5 วิจารณ์
  74.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557 17.55 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

6) ไม่มีประโยชน์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
 
 
 
[FIC BEAST] BAD LOVE…ผู้ชายเลว!
Chapter 06
 
ไม่มีประโยชน์
 
 
 
 
 
 
ตึกๆๆ
 
กึก
 
ฮยอนซึงหันไปมองข้างหลังด้วยความหวาดระแวง แต่ก็ไม่พบเจอใครที่เขาคิดว่ากำลังตามมา ฮยอนซึงกำหมัดแน่นก่อนจะเดินต่อไปยังคณะเรียนของตัวเอง
 
ตึกๆๆๆ
 
กึก
 
พอเดินไปได้ซักพักก็ต้องหยุดอีก ฮยอนซึงหันหลังไปมองด้วยความหงุดหงิดเต็มที่
 
 
“นี่ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะแหกปากร้องจริงๆด้วย” ฮยอนซึงพยายามมองหาคนที่กำลังสะกดรอยตามตัวเอง ซักพักก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากหลังรถพร้อมกับช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือ ฮยอนซึงมองไปยังคนตรงหน้าก็ถึงกลับตาโตขึ้นมาด้วยความตกใจและหวาดกลัวลึกๆ
 
“แก…” ฮยอนซึงชี้หน้าคนตรงหน้า คนที่คืนนั้นเป็นคนจับมือของเขาไว้ ฮยอนซึงตาลุกวาวด้วยความโกรธและเกลียดชัง
 
“อย่าเพิ่งนะ อย่าเพิ่ง” ดงอุนยกมือห้ามก่อนจะนั่งคุกเข่าลง
 
“ผมผิดไปแล้ว ขอโทษนะ ยกโทษให้ผมด้วย” ดงอุนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฮยอนซึงอย่างจริงจัง ไม่รู้ทำไมกับคนนี้ฮยอนซึงถึงไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรมากมาย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาใจอ่อนได้หรอก
 
“โง่ พวกแกทำกับฉันขนาดนั้นแล้วยังจะมีหน้ามาขอโทษงั้นเหรอ ไอ้ทุเรศ”
 
เพี๊ยะ!
 
ฮยอนซึงเดินไปตบหน้าดงอุนอย่างแรง
 
“ขอโทษจริงๆ ขอโทษ ยกโทษให้ผมด้วยนะ ผมผิดไปแล้ว มันคือเรื่องเข้าใจผิดพวกเราไม่ได้ตั้งใจ ขะ….”
 
เพี๊ยะ!
 
ฮยอนซึงไม่รอให้ดงอุนพูดจบเขาก็ตบหน้าดงอุนอีกครั้ง
 
 
“ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันจะไม่ยอมพวกแกอีกต่อไปแล้ว ไอ้คนสารเลว” ดงอุนสะดุ้งอย่างตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินอย่างนั้น เขากำหมัดแน่นเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเอง ปกติเขาไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาทำอะไรแบบนี้ แต่เพราะแววตาโศกเศร้าและน้ำตาที่คลออยู่ที่เบ้าตาของฮยอนซึงทำให้เขาต้องสะกดใจเอาไว้
 
“ขอโทษ” ดงอุนยังพูดคำเดิม ฮยอนซึงได้แต่เบือนหน้าหนี
 
“กราบเท้าฉันสิ” คำพูดของฮยอนซึงเล่นเอาดงอุนต้องรีบเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างอึ้งๆ
 
“นายว่าอะไรนะ”
 
“ชิส หรือว่าฉันจะพูดสุภาพเกินไป” ฮยอนซึงมองดงอุนไม่วางตา
 
“กราบตีนฉันสิ แล้วค่อยว่ากัน” ดงอุนกับฮยอนซึงจ้องตากันไม่กระพริบ เขาได้แต่กัดปากตัวเองแน่น
 
 
“ถ้าทำแล้ว ให้อภัยนะ” ดงอุนพูดอย่างจริงจังจนฮยอนซึงถึงกลับพูดอะไรไม่ออก ดงอุนวางดอกไม้ลงแล้วก็ค่อยๆก้มลงทีละนิด ทีละนิด ฮยอนซึงได้แต่ยืนมองด้วยความสะใจ พอจังหวะที่ดงอุนก้มลงถึงเท้าฮยอนซึงก็ขยับหนี ดงอุนเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความเข้าใจ
 
“ต่อให้แกกราบเท้าฉันอีกล้านครั้ง ก็ไม่มีวัน” ฮยอนซึงแสยะยิ้มก่อนจะเดินจากไป ดงอุนได้แต่กำหมัดแน่น
 
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ดงอุนลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งไปดักหน้าฮยอนซึงตกใจจนความใจกล้าหายไปเล็กน้อย ดงอุนจ้องหน้าฮยอนซึงนิ่งด้วยความโกรธที่มีอยู่
 
“นาย…..” ดงอุนจ้องตาฮยอนซึงจนเขารู้สึกกลัวขึ้นมาจนได้ แต่ก็ยังทำเป็นใจดีสู้เสือเพราะไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าคนเลวพวกนี้
 
พรึ่บ!
 
 
ดงอุนจับมือฮยอนซึงไว้อย่างแน่น ฮยอนซึงสะดุ้งอย่างแรง มือที่ดงอุนจับมือฮยอนซึงทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์คืนนั้น ตัวของฮยอนซึงเริ่มสั่นด้วยความหวาดกลัว ความรู้สึกต่างๆกลับเข้ามาอีกรอบ ดงอุนมองมือที่จับฮยอนซึงเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่มีอยู่ในตัวของคนตรงหน้า
 
 
ตุบ!
 
แล้วดงอุนก็นั่งคุกเข่าต่อหน้าฮยอนซึงอีกครั้ง
 
“ขอโทษ ช่วยรับคำขอโทษจากผมไว้ด้วยนะ ขอโทษจริงๆ” ดงอุนก้มหน้ามองแต่พื้นดิน ทำให้เขาไม่ได้เห็นน้ำตาของฮยอนซึงที่กำลังไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด
 
“ยิ่งแกพูดมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของฉันมากเท่านั้น” ฮยอนซึงพูดเสียงเรียบ ดงอุนเงยหน้าขึ้นมามองอย่างเศร้าๆและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
 
“ฉันคงรับคำขอโทษและให้อภัยแกไม่ได้” ฮยอนซึงพูดเสียงแข็งก่อนจะเช็ดน้ำตาออก
 
“จะต้องทำยังไง ถึงจะสามารถลบล้างบาปครั้งนี้ได้” ดงอุนพูดเสียงอ่อยเพราะเขารู้สึกสงสารฮยอนซึงจับหัวใจ
 
“ไปตายซะ” ฮยอนซึงจ้องตาดงอุนนิ่ง
 
“หายไปจากโลกใบนี้”
 
“นาย….”
 
“ทำไมไม่ได้งั้นเหรอ เฮอะ งั้นก็อย่าเสนอหน้ามาให้ฉันเห็นแกอีก” น้ำตาของฮยอนซึงไหลออกมาทั้งๆที่สบตากับดงอุนอยู่
 
“ขอ…”
 
“หุบปากของแกไปซะ ฉันไม่อยากจะฟัง” ฮยอนซึงกำหมัดแน่น สายตาที่มองไปที่ดงอุนมีเพียงแต่ความเกลียดชังเท่านั้น
 
 
“นายจะไม่ให้อภัยความผิดพลาดครั้งนี้จริงๆเหรอ” ดงอุนพูดเสียงเศร้า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องอะไร อย่างฮยอนซึง มันคือความผิดพลาดที่ร้ายแรงมากสำหรับเขา
 
 
“หึ ต่อให้แกตายไปจริงๆ ก็อย่าหวังเลย ต่างคนต่างอยู่อย่าได้มาเกี่ยวข้องกันอีก” ฮยอนซึงเดินผ่านดงอุนไปแต่เขากลับจับมือของฮยอนซึงเอาไว้
 
“ต้องมีสักวันที่นายจะยกโทษให้ ผมเชื่ออย่างนั้น”
 
พรึ่บ!
 
 
ฮยอนซึงสะบัดมืออกอย่างไม่ใยดี เขาไม่ใช่คนใจร้าย เขาไม่ใช่คนไม่มีหัวใจ แต่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาต้องสร้างเกาะป้องกันให้กับตัวเอง เพราะคนชั่วสามคนกับความผิดเพียงครั้งเดียว มันก็เกินพอแล้ว ฮยอนซึงเดินจากไปด้วยความเจ็บปวด ทำไมเขาจะต้องมาพบเจอคนพวกนี้ คนที่ไม่ต้องการอยากจะเจอ ทำไมจะต้องมาสร้างแผลที่อยู่ในใจของเขาให้กว้างขึ้นไปอีก ทำไมกัน เพราะอะไรกัน ดงอุนลุกขึ้นแล้วมองแผ่นหลังของฮยอนซึง เขากำหมัดตัวเองแน่น
 
“ฉันจะต้องทำให้ได้ ต้องมีสักวัน” ดงอุนถอนหายใจออกมาก่อจะเดินคอตกไปหยิบดอกไม้ที่ตั้งใจซื้อมาเพื่อขอโทษฮยอนซึง เขาก้มมองดอกไม้ในมือตัวเองเล็กน้อย
 
 
“ตายๆ ตายแน่ๆงานนี้ อ๊ากกก” เสียงโวยวายของใครบางคนทำให้ดงอุนต้องเงยหน้าขึ้นจากดอกไม้แล้วหันไปมอง เขาเห็นผู้ชายตัวเล็กวันนั้นที่เขาคุยด้วยกำลังวิ่งหน้าตาตื่นมา ดงอุนยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ชายหนุ่มคนนั้นก็วิ่งเลยดงอุนไป ดงอุนหันไปมองตามอย่างมึนๆ
 
“นายเดี๋ยวสิรอก่อน” ดงอุนรีบวิ่งตามกีกวังไปอย่างรวดเร็ว
 
ตึกๆ
 
กีกวังหันไปมองคนที่วิ่งอยู่ข้างๆก็เห็นว่าดงอุนกำลังยิ้มให้กับเขาอยู่
 
“เฮ้ย!”
 
กีกวังหยุดวิ่งอย่างรวดเร็ว ดงอุนเกือบจะเบรกไม่ทัน
 
“นายหยุดวิ่งทำไมอ่า เหนื่อยแล้วเหรอ” ดงอุนถามด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรเหมือนเดิม กีกวังมองอย่างเดือดนิดๆเพราะยังเคืองเรื่องวันนั้นไม่หาย แต่พอจ้องหน้าของดงอุนมากๆเข้าก็เห็นถึงสิ่งผิดปกติบนใบหน้าของเขา
 
“นายไปฟัดกับหมาที่ไหนมาเหรอ” กีกวังถามเมื่อเห็นรอยแดงๆบนใบหน้าของดงอุน
 
“บ้าน่า ฉันคนนะจะไปฟัดกับหมาได้ยังไง”
 
“ชิส งั้นก็แล้วไป” กีกวังส่ายหน้าก่อนจะเดินจากดงอุนไป แต่ดงอุนกลับไปเดินเคียงข้างกีกวัง
 
“นี่ เดินตามฉันมาทำไม ประสาท!” กีกวังมองอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินต่อไป แต่ทว่าดงอุนก็ยังเดินตามไม่เลิก
 
“นายซนดงอุน!” กีกวังยืนท้าวส่ายเอวมองอย่างหมั่นไส้เล็กน้อย แต่ดงอุนกลับยิ้มหวานให้อย่างหน้าไม่อาย
 
“บ้าเหรอหรือสมองไม่เต็มหรือว่าสมองเกิน เป็นบ้าอะไร ไม่มีอะไรทำหรือไงเดินตามฉันอยู่ได้” ดงอุนกระพริบตาเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมา
 
“เฮ้ออออ”
 
“เอาเข้าไป ไม่พูดไม่จาแต่ถอนหายใจ”
 
“ก็ฉันมีเรื่องไม่สบายใจนี่นา” ดงอุนพูดออกมาในที่สุด กีกวังได้แต่เกาหัวอย่างเซ็งๆ
 
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันวะ รู้จักก็ไม่รู้จัก นี่ถ้ารู้จักซักนิดจะไม่ว่าอะไรเลย
 
กีกวังส่ายหัวไปมาก่อนจะไม่สนใจแล้วเดินจากไป ดงอุนเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินตามกีกวังไปอย่างรวดเร็ว
 
“จะไปไหนเหรอ”
 
“เรียน”
 
“เรียนอะไร”
 
“หนังสือ”
 
“ที่ไหน”
 
“ห้องเรียน”
 
“แล้ว..”
 
“เฮ้ย!” กีกวังหยุดเดินแล้วกันไปมองดงอุน
 
“เป็นบ้าอะไรเดินตามอยู่ได้”
 
“ไม่สบายใจ”
 
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน ฮะ”
 
“เกี่ยวสิ  เต็มๆเลยด้วย”
 
“บ๊ะ นายนี่มันอะไรกัน จะเกี่ยวกับฉันได้ยังไง รู้จักกันเหรอ”
 
“รู้จักสิ เมื่อกี้นายยังเรียกชื่อฉันอยู่เลย นายซอนดงอุน!” ดงอุนเลียนแบบเสียงของกีกวังตอนที่เรียกชื่อตัวเอง กีกวังยกมือขึ้นมาตบหัวตัวเองไปสองสามที
 
“เป็นอะไร ปวดหัวเหรอ” กีกวังหยุดเอามือตีหัวตัวเอง แต่อยากไปตีหัวคนข้างหน้าแทน
 
“ปัญญาอ่อนที่สุดเลย ฮึ่ย!” กีกวังติดสินใจไม่สนใจดงอุนแล้วก็เดินไปยังตึกเรียนของตัวเองทั้งๆที่มีดงอุนเดินอยู่ข้างๆไม่ไปไหน
 
บ้า ต้องบ้าไปแล้วเลยหมอนี่ ทำยังกับรู้จักสนิทสนมกันมากอย่างนั้นแหละ เอ ว่าแต่ทำไมถึงมีแต่คนมองมาที่ฉันหว่า
 
กีกวังทำหน้ามึนงงเล็กน้อยเพราะเห็นสายตาของหญิงสาวและหนุ่มเทียมต่างพากันมองมาที่ ที่ กีกวังกระพริบตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
 
หมอนี่มีอะไรดี ทำไมมองกันตาไม่กระพริบ เอ๊ะ หรือว่าไม่ได้รูดซิบกางเกง
 
คิดได้อย่างนั้นกีกวังก็ก้มลงไปมองกางเกงของดงอุนอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบกลับมายืนตัวตรงเป็นปกติ
 
ไม่นี่นา ปกติดีทุกอย่าง แล้วทำไมถึงมองกันอยู่ได้ล่ะ เอ หรือว่ากางเกงขาดตูด
 
ว่าแล้วกีกวังก็เอนหลังมองเล็กน้อยก่อนจะกลับมายืนตัวตรงอย่างเดิม
 
นั่นก็ไม่ใช่ แล้วอะไรล่ะ อะไรกันที่ทำให้ทุกคนมองแต่หมอนี่ อะไรน๊า
 
กีกวังพยายามสำรวจร่างกายของดงอุนตั้งแต่หัวจรดเท้า
 
รูปร่างดี ดูแมนสุดๆ สูงก็สูง ขายาว ไหล่กว้าง ผมเท่ ตาสวย ผิวเนียน จมูกโด่ง ปากสวยได้รูป เวลายิ้ม…เฮือก
 
กีกวังรีบหันหน้าหนีทันทีที่เห็นดงอุนยิ้มให้กับคนที่กำลังมองตัวเองอยู่
 
หล่อดีๆนี่เอง แหมๆ มิน่าล่ะถึงมีแต่คนมอง เฮ้อ โง่ตั้งนานเลยฉัน
 
กีกวังยกมือตีหัวตัวเองอีกครั้งในความซื่อบื้อของตัวเอง ดงอุนมองกีกวังอย่างงงๆ ก่อนจะส่ายหน้าแล้วก็ยิ้มบางๆ
 
สงสัยโลกคงจะร้อนไปไหน หมอนี่เลยคลั่งอากาศร้อน
 
กีกวังหยุดเดินแล้วหันไปเผชิยหน้ากับดงอุน ก่อนจะถอนหายใจใส่
 
“ไม่มีเรียนหรือไงนาย”
 
“มี แต่ฉลาดแล้วไม่เรียนก็ได้” ดงอุนตอบตามความเป็นจริง ก็เขาเก่งนี่นา
 
“ตอบโง่ๆ”
 
“ไม่โง่ ฉันฉลาดจริงๆนะ”
 
“ชิส นี่ ทำไมต้องตามฉันมาด้วย”
 
“ก็คุยกับนายแล้วสบายใจดี อยากคุยอีกอ่า”
 
“เฮอะ แค่เนี๊ยะ งั้นเหรอ” ดงอุนพยักหน้ารับ
 
“โอเค ฉันรำคาญนายแล้ว มีเรื่องอะไรก็ว่ามา เรื่องที่นายบอกว่าไม่สบายใจน่ะ” ดงอุนยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินกีกวังพูดอย่างนั้น แล้วเขาก็ถือโอกาสจับมือกีกวังก่อนจะลากออกไปหาที่สงบๆคุยกันสองคน
 
“ห้องน้ำ”
 
“ทำไม เงียบดีออก” กีกวังแทบอยากจะบีบคอดงอุนให้ตายคามือ
 
“ว่ามาสิ พูดจบก็ไปเลยนะ”
 
“ก็ได้ คือฉันไปขอโทษคนที่ทำผิดด้วยแล้ว แต่เขาบอกกับฉันว่า ต่อให้กราบเท้าเขาเป็นล้านครั้งหรือตายไปก็ไม่ยอมให้อภัย นายคิดว่าฉันควรจะทำยังไงต่อไปดี” กีกวังกำลังอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินเล็กน้อย
 
“เง้อ ใครกันโหดร้ายชะมัดเลยอ่า”
 
“นั่นสิ ทั้งโหดร้ายทั้งใจแข็ง แต่ก็น่าอยู่หรอกสิ่งที่ฉันทำมันเลวร้ายมาก มากเกินไปสำหรับคนตัวเล็กๆอย่างเขา”
 
“งั้นเหรอ แล้วนายไปทำอะไรล่ะ” ดงอุนมองหน้ากีกวังเล็กน้อย
 
“เอ่อ ฉันคงบอกนายไม่ได้หรอก”
 
“งั้นเหรอ อื้ม ไม่บอกก็ไม่บอก แต่นายก็ได้ขอโทษไปแล้ว คงต้องให้เวลาเขาคนนั้นสักพัก เพราะบางคนต้องการเวลาเพื่อที่จะทำใจ” ดงอุนพยักหน้ารับรู้
 
“แต่ฉันอยากเจอเขา อยากคุยกับเขา ทำไงดีอ่า”
 
“แล้วเขาอยากเจอนายหรือเปล่า”
 
“ไม่!” ดงอุนตอบอย่างไม่ลังเลใจเลยสักนิด
 
“งั้นก็มุดหัวอยู่ที่เดิมอย่าเสนอหน้าไปให้เขาเห็น”
 
“แต่ฉันอยากจะเจอเขาจริงๆนะ อยากจะขอโทษ ขอโทษจนกว่าเขาจะยอมใจอ่อน”
 
“เฮ้อ งั้นก็แล้วแต่นายนะ นายเองก็มีความคิดเป็นของตัวเองแล้วทำไมจะต้องมาคุยกับฉันเนี่ย”
 
“เฮ้อ ก็แค่อยากได้ความคิดเห็นจากคนอื่นบ้างน่ะ” กีกวังถอนหายใจออกมา
 
“มีอะไรอีกไหม ฉันจะไปเรียนแล้ว” ดงอุนยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า ได้เห็นอย่างนั้นกีกวังก็ถึงกับโล่งใจ
 
“ไปนะ” กีกวังยิ้มให้ก่อนจะยกมือบ๊ายบายดงอุน
 
“ประสาทจริงๆ” กีกวังได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา
 
“เอ๊า ลืมถามชื่ออีกและ เฮ้อ คราวหน้าแล้วกัน” แล้วดงอุนก็เดินออกจากห้องน้ำไปด้วยความรู้สึกต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นกับเขา
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“อื้อ” โยซอบครางออกมาเบาๆแสงแดดส่องตาทำให้เขารู้สึกตัว โยซอบบิดขี้เกียจแล้วก็กลิ้งไปมาบนเตียงเพื่อเรียกให้ตัวเองรู้สึกสดชื่น
 
“เฮ้อ” โยซอบลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปรอบๆห้อง แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ห้องของตัวเอง โยซอบกำลังจะลงจากเตียงแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครบางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้
 
“รุ่นพี่!” โยซอบจ้องตากับดูจุนที่กำลังมองเขาอยู่นิ่ง เขารีบลงมาจากเตียงของดูจุนทันที
 
“เอ่อ เค้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
 
“กลับบ้านนายไปได้แล้ว” ดูจุนพูดเสียงเรียบ
 
“ยังจะยืนเสนอหน้าอยู่อีก ไม่ได้ยินที่ฉันพูดงั้นเหรอ” โยซอบมองดูจุนนิ่งก่อนจะยิ้มออกมา
 
“รุ่นพี่หิวหรือเปล่าเดี๋ยวเค้าทำอะไรให้กิน”
 
“ออกไป”
 
“คงจะหิวมากสินะหน้าตาดูเครียดๆ เดี๋ยวรอเค้าแปบนะ กินอะไรที่มันง่ายๆแล้วกัน”
 
“ออกไปจากห้องฉัน” โยซอบกำลังตัวสั่นด้วยความเสียใจ แต่ก็ทำเป็นไม่ได้ยิน
 
“สงสัยจะหิวจัดรอแปบนะครับ” โยซอบหันหลังเพื่อนที่จะเดินออกจากห้องนอนของดูจุน
 
“พูดอีกแค่คำเดียว เอาตัวน่ารำคาญของนายออกไปจากห้องของฉัน”
 
โยซอบหยุดเดินก่อนจะยิ้มออกมาทั้งน้ำตา เขากำหมัดตัวเองแน่นเพื่อสะกดเสียงร้องไห้เอาไว้
 
“ครับ เค้าน่ารำคาญ ดูจากสีหน้าของรุ่นพี่เค้าก็รู้ดี ไม่จำเป็นต้องพูดบ่อยเพื่อตอกย้ำนักก็ได้” โยซอบยืนหันหลังพูดเพราะไม่อยากให้ดูจุนได้เห็นน้ำตาของตัวเอง ดูจุนได้แต่ยืนมองนิ่ง
 
 
“ถึงจะน่ารำคาญ เค้าก็จะเป็นอย่างนี้ต่อไป”
 
“ฉันไม่ต้องการเห็นหน้านาย ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ จะ….”
 
“หน้าด้านต่อไป!” โยซอบหันมาเผชิญหน้ากับดูจุน
 
“เค้าเป็นคนหน้าหนา เพราะฉะนั้นก็จะไม่ยอมไปไหน”
 
“แต่ฉันเกลียดนาย” ดูจุนพูดเสียงเรียบ เขาสบตากับโยซอบเพื่อหวังให้คนตรงหน้ารู้ว่าไม่ได้พูดเล่น
 
 
“ฉันเกลียดคนอย่างนาย เกลียดคนน่ารำคาญ เกลียดคนพูดไม่รู้เรื่อง เกลียดพวกที่ไม่ยอมรับความจริง แล้วนายก็คือคนประเภทนั้นยังโยซอบ!” โยซอบแทบจะล้มทั้งยืน แต่ก็ทำเป็นเข้มแข็งเพื่อไม่ให้ความอ่อนแอและเจ็บช้ำทำลายตัวเองต่อหน้าคนที่รัก
 
 
“รุ่นพี่ก็เกลียดเค้าต่อไปสิ จะเกลียดเค้ายังไงเค้าก็ไม่สนใจ ในเมื่อเค้าไม่ได้เกลียดรุ่นพี่ ทำไมจะต้องไปให้พ้นหน้าทั้งๆที่อยากเจอ ทำไมจะต้องบอกว่าไม่คิดถึงทั้งๆที่คิดถึงแทบจะบ้า เค้าไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปให้พ้นหน้ารุ่นพี่ ขอโทษด้วยนะครับ เค้าทำแบบนั้นไม่ได้” โยซอบโค้งหัวให้กับดูจุนก่อนจะหันหลังเดินออกไป
 
“ฉันเตือนนายแล้วนะ” โยซอบยกมือเช็ดน้ำตาออก
 
“แล้วอย่ามาหาว่าฉันใจร้ายไม่มีหัวใจล่ะ” น้ำตายิ่งไหลลงมาเมื่อได้ยินคำพูดที่กรีดหัวใจ
 
“ทนมาได้ตั้งนาน จะทนอีกหน่อยคงไม่ถึงกลับตายหรอกครับ รุ่นพี่ดูจุน” แล้วโยซอบก็เดินออกจากห้องของดูจุนอย่างรวดเร็ว
 
ปัง!
 
“ฮืออออ” โยซอบหันหลังพิงประตูแล้วก็ค่อยๆทรุดลงพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างสุดใจทน
 
“ฮือๆๆๆ”
 
 
ทำไมคนบางคนถึงไม่เห็นคุณค่าในความรักของใครบางคน ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ รุ่นพี่ กำแพงในใจของรุ่นพี่สูงเกินไปแล้วนะ สูงจนผมปีนเท่าไหร่ก็ไม่ถึงจุดสูงสุด ผมมองไปข้างล่างก็ไม่เห็นพื้นที่ผมเคยยืนอยู่แล้ว ถ้าเกิดผมตกลงไป วันนั้นคงเป็นวันที่หัวใจของผมไร้รุ่นพี่โดยสิ้นเชิง แต่ผมหวังว่า ผมคงไม่เหนื่อยและอ่อนล้าจนต้องตกลงไปอยู่จุดเริ่มต้น ได้โปรด อย่าทิ้งขว้างอะไรจนทำให้ผมต้องเจ็บปวดเลยนะครับ ไม่งั้น ผมคงทนไม่ไหวจนต้องตกลงไปจริงๆ
 
 
“ฮือๆๆๆ”
 
 
 
 
 
 
--------------------------
ขอบคุณที่ติดตามและเป็นกำลังใจให้กันเสมอมานะคะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา