Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.31 น.
แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 17.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
5)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
ตอนที่๕
ธนันต์ธรญ์พยายามขยับตัวออกจากพันธนาการของชายแปลกหน้าอย่างไม่ลดละ หากแต่ขนาดร่างกายที่ต่างกันจนเกินไปทำให้เธอเริ่มจะเจ็บและหายใจไม่ออกและดูเหมือนคนข้างบนก็ไม่คิดที่จะพยายามช่วยเธอสักนิด
“ช่วยขยับตัวน้อยได้ไหมล่ะ ฉันเจ็บแล้วก็หายใจไม่ออกด้วย”
ภาณุฟังเสียงหวานที่พูดอู้อี้อยู่กับอ้อมกอดของเขา แม้จะเจ็บจนหน้าเขียวแต่เมื่อได้ยินเสียงหวานนั้นบวกกับกลิ่นหอมละมุนของหญิงสาวใต้ร่างก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองใบหน้าของเจ้าหล่อน
หัวคิ้วมนที่ขมวดเข้าหากันจนมุ่น ดวงตากลมโตจ้องเขาใสแป๋ว จมูกเล็กรั้นที่เขาคิดว่าไม่น่าจะต่างจากนิสัยของเจ้าตัวสักเท่าไหร่ ริมฝีปากอิ่มที่เม้มเข้าหากันแน่น ดวงหน้าที่สวยหวานในความคิดของเขาแม้จะมองเห็นอย่างพร่าเลือน
“ตาเถร!”เขาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงอุทานของใครบางคน เขาไม่ได้พยายามเหลียวหลังไปดูให้ตัวเองนั้นต้องลำบาก
“ป้าแฟง จ้วยฟางกำ(ช่วยฟางด้วย) ขโมยนี่มันจะเข้าบ้านคุณท่าน”เขาฟังเสียงหวานที่เอ่ยฟ้องทันที
“ป้าแฟงเอาผมลงไปจากยายเด็กนี่ทีครับ”
“อ้าว แล้วจะใด(แล้วทำไม)คุณป๊อปบ่ลุกขึ้นมาเจ้า”เขาฟังเสียงแม่บ้านที่ยังถามอย่างสงสัย
“เรื่องมันยาวครับ”เท่านั้นร่างของเขาก็ถูกดึงจากร่างบอบบางของเด็กสาวจอมโวยวายอย่างทุลักทุเล เขาถูกประคองไปนั่งที่ม้าหินอ่อนที่อยู่บริเวณใกล้ๆกันด้วยความช่วยเหลือของเด็กสาวนิรนามและแม่บ้าน
ธนันต์ธรญ์เริ่มใจเสียเมื่อรู้สึกอย่างลึกๆว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่โจรขโมย แถมยังทำท่าว่าจะเป็นเจ้าของบ้านเสียด้วย
“เดี๋ยวป้าไปบอกหื้อคนเอารถออกก่อนเน้อเจ้า คุณฟางผ่อ(ดู)คุณป๊อปหื้อป้ากำเน้อเจ้า(ให้หน่อยนะคะ)”เธอพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเลื่อนสายตาไม่มองร่างแกร่งที่นั่งกุมตรงใจกลางร่างกายอยู่ด้วยใบหน้าทรมาน
“ฉันขอโทษนะคะ”เธอหลุบตาลงต่ำเมื่อดวงตาคมนั้นตวัดมองเธอด้วยความดุดันที่แม้ได้สบเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็รู้สึกได้
“คอยดูนะ ถ้าน้องผมเป็นอะไรไปคุณต้องรับผิดชอบ!”เธอเงยหน้าขึ้นต่อปากต่อคำโดยไม่คิดจะกลัวเกรง
“เอ้า ก็คุณไปทำอะไรอยู่บนรั้วนั่นเล่าค่ำๆมืดๆแบบนี้ฉันก็นึกว่าขโมยน่ะสิ”เธอมองเสี้ยวหน้าคมที่เหลียวมามองอย่างคาดโทษ
“หน้าผมมันดูชั่วขนาดนั้นเลยหรือไงฮะ”เธอมองเสี้ยวใบหน้าของชายหนุ่มแม้จะผ่านแสงเรือนลางของโคมไฟแต่ก็พอจะรู้ว่าเขานั้นหล่อคม แม้ใบหน้าหล่อเหลานั้นจะมีหนวดเคราอยู่แต่ก็เบาบางแค่พอขับใบหน้าดูคมเข้มยิ่งขึ้น
“ฉันขอโทษจริงๆค่ะ”
ภาณุมองใบหน้าหวานจิ้มลิ้มที่ก้มต่ำลงพร้อมกับเสียงหวานที่เอ่ยขอโทษนั้นมันทำให้ใจของเขาอ่อนยวบ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เพราะอะไรทำให้เขาต้องใจอ่อนกับผู้ประทุษร้ายน้องชายแสนรักเขาเองก็ตอบไม่ได้ แต่เสียงหวานๆกับใบหน้าสำนึกผิดนั่นทำให้เขานึกอยากจะรู้จักเด็กสาวให้มากกว่านี้ขึ้นมาครามครัน
“มาเจ้าคุณป๊อป”เขาหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะพาดแขนลงบนบ่าของคนขับรถ เขาหันมามองร่างบอบบางที่นั่งมองอยู่อย่างทำตัวไม่ถูก
“คุณ...มากับผมด้วย”เขาหันไปบอกกับร่างบอบบาง ก่อนจะเดินไปนั่งบนรถด้วยความช่วยเหลือของร่างบอบบางและคนขับรถ
“ป้าแฟงไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ ค่ำมืดแล้วอยู่ดูแลคุณยายเถอะครับ”เขาหันไปบอกแม่บ้านที่ทำท่าว่าจะขึ้นมานั่งบนรถเพื่อจะพาเขาไปส่งโรงพยาบาล
“แน่ใจ๋หนาเจ้า(แน่ใจนะคะ)”
“ครับ”เขาพยักหน้าหงึกหงัก เหลือบสายตามองร่างบอบบางที่นั่งเคียงข้าง ก่อนประตูรถจะปิดลงและเคลื่อนออกไปด้วยความเร็วสูง
“เจ็บมากไหมคะ”เขาหันไปมองเจ้าของเสียงหวานที่เอ่ยถาม
“มาก...”เพียงเท่านั้นดวงหน้าหวานก็ก้มงุดลงอีกครั้ง
ธนันต์ธรญ์มองตามร่างสูงที่นอนอยู่บนเปลซึ่งถูกเข็นไปยังห้องฉุกเฉิน เมื่อได้เห็นหน้าเขาชัดๆแล้วก็อดใจหายไม่ได้ เธอคงไม่รู้สึกผิดมากเท่านี้หากเธอได้ทำร้ายโจรจริงไม่ใช่เจ้าของบ้าน แต่ใครจะไปรู้เล่าว่าเขาเป็นเจ้าของบ้าน แล้วค่ำมืดแบบนี้เขาขึ้นไปทำอะไรบนรั้วเล่า
หญิงสาวมิวายส่งค้อนไปให้ชายหนุ่มร่างสูงผ่านประตูห้องฉุกเฉิน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งรออยู่อย่างเงียบๆ
“เอ้อ คุณฟางครับ ผมต้องไปฮับ(รับ)คุณท่านตี้(ที่)บ้าน คุณฟางจ้วย(ช่วย)เฝ้าคุณป๊อปสักกำ(แปบหนึ่ง)ได้ก่อครับ(ได้ไหมครับ)”
“ค่ะ”เธอรับคำ นึกโทษตัวเองที่เป็นตัวก่อปัญหาทำให้ทุกคนในบ้านต้องยุ่งวุ่นวายกันไปหมด
“ญาติคุณภาณุคะ”เธอเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงพยาบาลสาวเอ่ยเรียก
“คะ?”
“คุณหมออนุญาตให้คนไข้กลับบ้านได้นะคะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ แต่ช่วงนี้ก็ระวังอย่าให้มีการกระทบกระเทือนอีกนะคะ”
“เอ่อ....เขาไม่ได้เป็น เอ่อ เป็นหมันใช่ไหมคะ”เธอเอ่ยถามไปอย่างกระดากปาก แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความสบายใจของตัวเธอเอง
“สบายใจได้ค่ะ สามีคุณไม่ได้เป็นหมันแน่นอนค่ะ ขอตัวนะคะ”เธอได้แต่อ้าปากค้างเมื่อพยาบาลเหมารวมว่าเธอเป็นภรรยาของชายหนุ่ม จนเขานั่งรถเข็นของโรงพยาบาลออกมา เธอรีบเดินไปหาเขาก่อนจะคุยกับบุรุษพยาบาลว่าจะเข็นรถให้เขาเอง
“เป็นอย่างไรบ้างคะ”
“เจ็บสิ ดีนะที่ผมไม่เป็นอะไรมาก ถ้าเกิดผมสูญพันธุ์ขึ้นมา ผมเอาคุณตายแน่”เธอเบ้หน้าเมื่อถูกเขาคาดโทษเป็นรอบที่ร้อยนับตั้งแต่พบกันมาไม่ถึงสองชั่วโมง
“คุณนี่เป็นผู้ชายประสาอะไร เจ้าคิดเจ้าแค้นนัก ถ้ายังไม่ยอมยกโทษให้ฉัน แล้วคุณต้องการให้ฉันทำอะไรเป็นการไถ่โทษให้คะ”เธอว่าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะล็อกรถเข็นเขาและนั่งลงเก้าอี้แถวข้างๆกายเขาเพื่อรอรับยา
“ไม่รู้ ขอคิดดูก่อน ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่บ้านผม”
“ฉันมาจัดสวนให้คุณท่านค่ะ”
“หืม?”เธอมองสายตาของเขาเมื่อเขาจ้องเธอราวกับเป็นตัวประหลาด
“ทำไมหรอคะ คุณไม่เคยเป็นคนจัดสวนรึไง”เธอถามเขากลับอย่างยียวน
“เคยเห็น แต่ไม่เคยเห็นเด็กจัดสวน”เธอถลึงตามองเขาอย่างไม่ชอบใจ
“ฉันยี่สิบสี่แล้วค่ะ ไม่เด็กแล้ว”ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก
“เพิ่งยี่สิบสี่ คุณก็ยังดูเด็กกว่าผมอยู่ดี พูดจาให้มันน่ารักสมเป็นเด็กหน่อยสิคุณ”เธอเบ้หน้า เขาพูดอย่างกับเขาดูเป็นผู้ใหญ่เต็มที อายุอานามก็น่าจะเหยียบเลขสามเข้าไปแล้วแต่ยังไปปีนรั้วเล่นอย่างกับเด็กๆ
ภาณุมองตามร่างเล็กที่เดินไปรับยา ตัวก็เล็กอย่างกับมด แต่ปากนี่สิจัดไม่สมกับเป็นกุลสตรี มันน่าจับมาดัดนิสัยเสียให้เข็ด เอ๊ะ อะไรวะ นี่เขาคิดจะกินเด็กอย่างนั้นหรือ...บ้าน่า
“คุณคะ”เขาสะดุ้ง หลุดออกจากภวังค์เมื่อนิ้วเรียวสะกิดแขนเขายิกๆ
“เสร็จแล้วหรอ”
“ค่ะ แต่คงต้องรอก่อนเพราะลุงกล้าไปรับคนที่บ้านมาที่นี่”เขาพยักหน้ารับ เขาเองก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมากจึงบอกให้ป้าแฟงอยู่ดูแลคุณยาย แต่คุณยายท่านคงจะร้อนใจรบเร้ามาที่นี่อย่างแน่นอน
“คุณยายบอกว่าคุณมาจากเชียงราย...”เขาเกริ่นเรื่องถาม เพราะเริ่มอยากจะรู้จักเด็กสาวคนนี้ให้มากขึ้น
“ค่ะ บริษัทใหญ่ของฉันอยู่ที่นั่น รับจัดสวนทั่วราชอาณาจักร”เขาพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเขายังไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของแม่สาวน้อยตัวแสบเลย
“แล้วคุณชื่ออะไร”
“ฟางค่ะ คุณคงชื่อคุณภาณุ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”เขายิ้มเมื่อเห็นใบหน้าอ่อนใสขึ้นสีแดงระเรื่อ เธอคงจะอายๆที่ต้องพูดประโยคนี้กับเขาก่อน
“ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก ถึงแม้ว่ากว่าจะได้รู้จักกันต้องเจ็บตัวกันไปหมด”เขาเอื้อมมือไปหยิบเศษหญ้าออกจากผมสวยที่ถูกดัดลอนเข้ากับใบหน้ารูปไข่อย่างน่ารัก เขาลอบมองใบหน้าสวยหวานที่ก้มลงนิดๆ ยากที่จะถอนสายตาจากดวงหน้าหวานจิ้มลิ้มนี้เหลือเกิน เธอดูเปราะบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ น่าทะนุถนอม...แล้วนี่เขาเป็นอะไรไป เหตุใดจึงได้คิดอะไรที่เรียกได้ว่าเกินเลยไปสำหรับคนที่เพิ่งจะรู้จักกัน...
“ตาป๊อป เป็นยังไงบ้างลูก”เขาอ้าแขนรับร่างท้วมของคุณพิมพ์มาลาที่โผเขามากอด เขาหัวเราะน้อยกับเป็นห่วงจนเกินเหตุของคุณยาย
“โอเคแล้วครับ สืบพันธุ์ได้เหมือนเดิม”เขาหัวเราะเมื่อคนเป็นยายฟาดแขนของเขาพร้อมกับส่งค้อนมาให้ที่พูดจาทะลึ่งตึงตัง
“ย่ะ สืบพันธุ์ได้ก็หาแม่ของลูกให้ได้แล้วกัน”เขาหัวเราะก่อนจะกระซิบข้างๆหูท่านอย่างทีเล่นทีจริง
“เกือบเจอแล้วล่ะครับ”เขายิ้มผ่านสายตาไปให้คนเป็นยายอย่างหยอกล้อ เขาแค่คิดจะเอาใจคุณยายที่เขาเดาไม่ผิดแน่ว่าสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้เป็นผู้หญิงที่คุณยายหมายตาไว้ให้เขา ไม่แน่สาวน้อยคนนี้อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเขาเพื่อป้องกันการจับแต่งงานครั้งนี้ก็ได้ อย่างน้อยเขาก็ได้เป็นเจ้าบุญนายคุณมีข้อแลกเปลี่ยนที่หญิงสาวได้ให้ไว้แล้ว หากเธอกับเขาพอไปกันได้ก็ไม่เป็นการยากหากจะต้องแสดงละครให้มารดาดูสักตอนสองตอน
...สายลมแห่งตะวัน
ขอโทษทีนะที่วันนี้มาอัพช้า คือเราไปทำบุญมาน่ะ แต่สัญญาว่าจะลงให้อ่านทุกวันนะ
เม้น+โหวตให้เค้าด้วยน้ารีดเดอร์ผู้น่ารัก(ประจบ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ