Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน

9.7

เขียนโดย OUM_PF

วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.31 น.

  45 ตอน
  590 วิจารณ์
  94.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 17.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 


Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน

ตอนที่๔

รถคันหรูเคลื่อนตัวมาจอดหน้าบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ที่ดูสงบและร่มรื่น ทว่าหัวใจที่ร้อนรนของชายหนุ่มมิอาจจะนิ่งเฉยดูความสวยงามสง่าของงมันได้ เขากดแตรรถรัวๆเพราะอดรนทนรอต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เมื่อเห็นสาวใช้ออกมาเปิดประตูไม้สักบานใหญ่ที่สองบานออก หัวใจของเขาก็ลิงโลด เหมือนปลาตัวน้อยได้อยู่ในเขตอภัยทานก็ไม่ปาน

“วู้! รอดแล้วโว้ย”

ใบหน้าคมเข้มเผยรอยยิ้ม ก่อนจะชูมืออีกข้างขึ้นเหนือศีรษะ เขาจอดรถก่อนจะดับเครื่องก้าวลงจากรถเพื่อเดินไปหาคุณยายที่ยังนั่งคอยเขาอยู่ที่ชานเรือน

“ยายครับ”เขาโถมตัวเข้ากอดร่างท้วมของคนเป็นยายอย่างต้องการที่พักพิง

“ตาป๊อป ตาป๊อปจริงๆใช่ไหม โตขนาดนี้แล้วหรอลูก”เขามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของท่านอย่างสุขใจแล้วก็รู้สึกผิดในเวลาเดียวกันที่ปล่อยให้ท่านต้องโดเดี่ยวอย่างนี้มานาน เขาเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลรินลงมาอย่างปีติของคุณพิมพ์มาลา ก่อนจะเอ่ยเย้า

“หล่อใช่ไหมล่ะครับ ถ้าคุณยายคิดถึงผม ผมจะอยู่ให้คุณยายเบื่อขี้หน้าเลยดีไหมครับ”เขาสวมกอดท่านไว้แน่น ก่อนจะออดอ้อน

“แต่ผมคงอยู่ที่นี่กับยายไม่ได้นาน ถ้าแม่ตามตัวผมกลับไปแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น ยายต้องช่วยผมนะครับ”เขาเริ่มเปิดประเด็นร้อนที่ต้องพาตัวเองพร้อมเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมาให้คนเป็นยายต้องลำบากแบบนี้

“อ้าว เราไม่ได้ชอบแม่พิมพ์หรอกหรือ ไหนแม่เราบอกว่าป๊อปรักน้องนักหนาไงลูก”

“ไม่ใช่นะครับ ป๊อปไม่เคยรักน้องพิมพ์เลย ผมถูกบังคับ ยายไม่สงสารผมหรอครับ ถ้าผมต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก อยู่กันก้นหม้อข้าวไม่ทันดำก็ต้องเลิกรากันไป”เขาเงยหน้าเมื่อได้ยินเสียงคนเป็นยายหัวเราะ

“มาถึงก็รีบอ้อนเลยนะ เดือดร้อนจริงๆล่ะสิท่า”เขาพยักหน้าหงึกหงักกับอ้อมกอดของคุณพิมพ์มาลา ก่อนจะเอ่ยเสริม

“ยายช่วยผมนะครับ ถ้ายายห้ามแม่ต้องยอมฟังแน่ๆ”

“ก็ได้ แต่ยายก็มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”เขาย่นคิ้ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถาม

“ฟังก่อนแต่ยังไม่รับปากได้ไหมครับ”ยายของเขาหัวเราะ

“เจ้าเล่ห์...เชื้อไม่ทิ้งแถวทั้งตาเรา แม่เราจริงๆ”

“ข้อแลกเปลี่ยนคืออะไรหรือครับ”

“ง่ายๆ ยายแค่จะแนะนำให้ป๊อปรู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง แค่ให้รู้จักกันดูส่วนเรื่องที่ป๊อปจะสานต่อความสัมพันธ์ไหม นั่นยายยกให้เป็นสิทธิ์ของเรา แต่รับรองว่าเราต้องชอบน้องแน่ๆ”เมื่อได้ฟังข้อเสนอที่ไม่ขัดใจจนเกินไปเขาก็พยักหน้ารับโดยไม่ต้องคิด แต่ก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้

“ผู้หญิงคนนั้นน่ารักมากเลยหรอครับ ยายถึงได้กล้าท้าผมแบบนี้”

“ได้เจอน้องแล้วเราจะไม่พูดแบบนี้ เดี๋ยวก็คงมาถึงวันนี้เหมือนกันนั่นแหละ”

“หืม...เขาจะมาทำไมที่นี่ครับ”

“น้องเป็นนักจัดสวน สวนหน้าบ้านนั่นก็ฝีมือเขาล่ะ”เขาพยักหน้าอมยิ้ม เป็นนักจัดสวน...ผิวก็คงจะคล้ำๆเพราะต้องตากแดด ตากฝนคอยจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง ร่างหนาบึกบึนเยี่ยงชายชาตรีเหมือนเขา คงจะตลกพิลึกหากต้องมีเมียหุ่นล่ำบึกไม่แพ้กัน ข้อเสนอของคุณยายเขาได้เปรียบเห็นๆ

“ไปพักผ่อนก่อนเถอะลูกขับรถมาเหนื่อยๆ”เมื่อได้ยินคุณยายพูดเขาก็เริ่มจะเหนื่อยขึ้นมาจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะขับรถจากกรุงเทพฯถึงที่นี่โดยไม่ง่วงนอนเลยแม้แต่น้อย อาจจะเป็นเพราะความห่วงตัวกลัวจับโดนแต่งงานกระมัง มันเลยทำให้เขาลืมเรื่องเหนื่อยไป

“นั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”เขาผละตัวจากอ้อมกอดของคุณยาย ก่อนจะโน้มตัวไปจูบแก้มท่านอย่างรักและเคารพ คิดไม่ผิดจริงๆที่หนีมาพึ่งใบบุญท่าน...งานนี้หากแม่คิดจะจับเขาไปแต่งงานก็คงไม่ง่ายนักหรอก ถึงแม้ว่าคุณยายจะแอบจับคู่ให้เขากับแม่นักจัดสวนหุ่นล่ำบึกไปด้วยก็ตาม...แต่ในเมื่อท่านไม่ได้บังคับใจเขาเหมือนมารดาก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร...

ร่างบอบบางโผเข้ากอดร่างท้วมของมารดาอย่างเต็มรัก เสียงหวานพึมพำแผ่วเบากับมารดา

“น้องจะรีบปิ๊ก(กลับ)หนาเจ้า แม่ดูแลตั๋วเองดีๆหนาฮู้ก่อ”

“อะหยังกั๋นลูกคนนี้ ทำเหมือนแม่เป๋นเด็กอนุบาลไปได้”

คุณพิมพ์ดาวลูบผมนุ่มของร่างเล็กในอ้อมกอดอย่างรักใคร่ ก้มหน้าลงจดจมูกลงบนหน้าผากนูนของลูกสาวอย่างห่วงใยไม่แพ้กัน

“น้องก่อดูแลตั๋วเองดีๆ จะไปดี(อย่า)โหมงานหนัก แม่อยู่ทางนี้สบายมาก”หล่อนยิ้มบางๆประกอบคำพูดของตน

“ไปได้แล้วก่ะลูก ปี้น้อยกับอ้ายจอมท่า(รอ)เมินแล้ว(นานแล้ว)”หล่อนก้มลงมองลูกน้อยที่พยักหน้าหงึกหงักอย่างรับรู้แต่ไม่มีท่าทีว่าจะผละออกไปง่ายๆ

“ละอ่อนน้อยของแม่ไปทำงานได้แล้ว”หล่อนผละลูกสาวออกเสียเองก่อนจะจูบเบาๆที่ขมับบางของลูกรัก ทอดสายตามองตามแผ่นหลังบางที่ค่อยๆเดินไปขึ้นรถ มองตามจนรถกระบะของบริษัทลับสายตาไป หล่อนเดินเข้ามานั่งพักในบ้านก่อนจะมองไปยังรูปถ่ายของมารดาและเอ่ยขึ้นแผ่วเบา

“แม่คุ้มครองหลานตวย(ด้วย)เน้อเจ้า”

 

ร่างสูงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามในชุดเสื้อผ้าสบายๆเดินย่ำเท้าไปตามผืนหญ้าอ่อนนุ่ม สายตาคมทอดมองต้นไม้น้อยใหม่ที่ถูกจัดวางไว้อย่างลงตัว ก่อนจะเหลือบไปเห็นต้นมะม่วงสูงใหญ่ที่กำลังดอกผลสุกน่ากิน ภาณุมองผลมะม่วงผลใหญ่ที่ถูกความมืดยามพลบค่ำเข้าบดบังหากแต่ก็ไม่มีผลนักเมื่อความต้องการของเขาอยู่เหนือสิ่งอื่นใด เขาหมายตามะม่วงผลใหญ่ที่อยู่ไม่สูงมากนัก ก่อนจะเริ่มหาทางปีนป่ายขึ้นไป

ปี้น! ปี้น!

คิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อได้ยินเสียงรถที่บีบแตรอยู่หน้าบ้าน เขากำลังจะปีนลงไปเปิดประตู แต่เมื่อเห็นว่าสาวใช้วิ่งไปเปิดแล้วจึงพยายามปีนไปเก็บมะม่วงผลนั้นต่อไปอย่างไม่ลดละ

ธนันต์ธรญ์มองบ้านเรือนไทยหลังงามด้วยความชื่นชม โคมไฟถูกเปิดประดับทางเข้าบ้านทอดยาวไปไกลจนถึงบันไดขั้นสุดท้าย เธอยิ้มเมื่อมองสวนหน้าบ้านที่ดอกไม้และต้นไม้น้อยใหญ่ยังคงดูแข็งแรงและมีสุขภาพดีดังเช่นวันที่เธอมาจัดไว้เมื่อปีก่อน เธอลงจากรถเมื่อเห็นว่าจอมจอดรถสนิทแล้ว

“สวัสดีค่ะคุณท่าน”เธอเอ่ยทักทายคุณพิมพ์มาลาที่ลงมาต้อนรับด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

“ไหว้พระเถอะลูก ไหนมาให้ยายกอดให้ชื่นใจหน่อยซิ”เธอเดินเข้าไปสวมกอดท่านอย่างไม่เกี่ยงงอน เพราะมาคราวที่แล้วเธอได้สัมผัสถึงความเหงาความว้าเหว่ที่หญิงชราถ่ายทอดออกมาทางแววตาและคำพูด อดเห็นใจท่านไม่ได้ที่ต้องทนหว้าเหว่เช่นนี้เมื่อบั้นปลายชีวิต

“หนูคิดถึงคุณท่านที่สุดเลยค่ะ”เธอเอ่ยอ้อนอย่างเสียมิได้เมื่ออยู่ในอ้อมกอดของท่าน

“ยายก็คิดถึงหนูเหมือนกันลูก เดินทางมาเหนื่อยๆขึ้นไปพักก่อนดีไหม”เธอส่ายหน้ากับอ้อมกอดของท่าน

“พักมาตลอดทางเลยค่ะ ตอนนี้เมื่อยเหลือเกิน ขอออกไปเดินเล่นหน่อยได้ไหมคะ”

“จ้า...งั้นแม่น้อยกับพ่อจอมตามฉันขึ้นมาเลย เตรียมห้องหับไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวกระเป๋านั่นจะให้เด็กขนขึ้นไปให้”เธอยิ้มให้กับผู้ช่วย มองทั้งสามคนขึ้นเรือนไป ก่อนจะหันหลังเดินออกไปทางหน้าบ้านที่มีสวนดอกไม้อยู่

ร่างบอบบางทรุดตัวลงนั่งบนม้าหินอ่อน หญิงสาวสูดหายใจเข้าเต็มปอดเมื่อสายลมพัดพาเอาความสดชื่นมาให้ ดวงตาคู่กลมมองไปรอบๆตัวอย่างเพลิดเพลิน ก่อนจะไปสะดุดกับสิ่งแปลกปลอมที่ประตูรั้ว เธอไม่รอช้ารีบเดินหยิบก้อนหินที่ใช้ประดับสวนหย่อมมาเต็มกำมือ ก่อนจะเดินไปยังร่างสูงใหญ่ของขโมย

ธนันต์ธรญ์เดินย่องเข้าไปอย่างเงียบที่สุด ก่อนจะหยิบก้อนหินในมือขว้างไปที่เป้าหมาย

“โอ้ย!”เธอขวางตามไปอีกหลายๆก้อนจนก้อนหินในมือหมด

“ว้าย!

เสียงหวานร้องอุทานเมื่อร่างสูงใหญ่หล่นจากรั้วบ้านลงมาทับอยู่บนร่างของเธอ!

ภาณุเบิกตากว้างเมื่อร่างของตัวเองเสียการทรงตัวและหล่นลงมาทับร่างเล็กของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง และที่สำคัญเขาไม่สามารถลุกออกไปในตอนนี้ได้ เพราะไอ้ก้อนหินเวรนั่นตรงเข้าหาน้องชายสุดรักสุดหวงอย่างเต็มแรง

“ลุกออกไปนะไอ้โจรชั่ว”เขาเจ็บจนพูดไม่ออก กำปั้นน้อยๆนั่นไม่ได้ระคายผิวเขาเลยแม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับความเจ็บปวดตรงใจกลางร่างกาย

“ออกไปนะ ออกไปเดี๋ยวนี้ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”เขาเบือนใบหน้าจากสียงแหลมรำคาญหู ก่อนจะกลั้นใจพูดออกมาด้วยความลำบาก

“หุบปากเดี๋ยวนี้นะคุณ ผมรำคาญ”

“แกก็ลุกออกไปสิ!

“จะให้ลุกยังไงฮะ ผมเจ็บน้องชายจะตายอยู่แล้วนะ!

!!!

 

 

                                       ...สายลมแห่งตะวัน

 

 


 

มาแล้วววว ป๊อปฟางได้เจอกันซะทีเนอะ เจอกันแล้วจะเป็นยังไง ติดตามตอนต่อไปนะจ้ะ

เม้น+โหวตให้เค้าด้วยนะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา