Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.31 น.
แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 17.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
4)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
ตอนที่๔
รถคันหรูเคลื่อนตัวมาจอดหน้าบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ที่ดูสงบและร่มรื่น ทว่าหัวใจที่ร้อนรนของชายหนุ่มมิอาจจะนิ่งเฉยดูความสวยงามสง่าของงมันได้ เขากดแตรรถรัวๆเพราะอดรนทนรอต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เมื่อเห็นสาวใช้ออกมาเปิดประตูไม้สักบานใหญ่ที่สองบานออก หัวใจของเขาก็ลิงโลด เหมือนปลาตัวน้อยได้อยู่ในเขตอภัยทานก็ไม่ปาน
“วู้! รอดแล้วโว้ย”
ใบหน้าคมเข้มเผยรอยยิ้ม ก่อนจะชูมืออีกข้างขึ้นเหนือศีรษะ เขาจอดรถก่อนจะดับเครื่องก้าวลงจากรถเพื่อเดินไปหาคุณยายที่ยังนั่งคอยเขาอยู่ที่ชานเรือน
“ยายครับ”เขาโถมตัวเข้ากอดร่างท้วมของคนเป็นยายอย่างต้องการที่พักพิง
“ตาป๊อป ตาป๊อปจริงๆใช่ไหม โตขนาดนี้แล้วหรอลูก”เขามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของท่านอย่างสุขใจแล้วก็รู้สึกผิดในเวลาเดียวกันที่ปล่อยให้ท่านต้องโดเดี่ยวอย่างนี้มานาน เขาเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลรินลงมาอย่างปีติของคุณพิมพ์มาลา ก่อนจะเอ่ยเย้า
“หล่อใช่ไหมล่ะครับ ถ้าคุณยายคิดถึงผม ผมจะอยู่ให้คุณยายเบื่อขี้หน้าเลยดีไหมครับ”เขาสวมกอดท่านไว้แน่น ก่อนจะออดอ้อน
“แต่ผมคงอยู่ที่นี่กับยายไม่ได้นาน ถ้าแม่ตามตัวผมกลับไปแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น ยายต้องช่วยผมนะครับ”เขาเริ่มเปิดประเด็นร้อนที่ต้องพาตัวเองพร้อมเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมาให้คนเป็นยายต้องลำบากแบบนี้
“อ้าว เราไม่ได้ชอบแม่พิมพ์หรอกหรือ ไหนแม่เราบอกว่าป๊อปรักน้องนักหนาไงลูก”
“ไม่ใช่นะครับ ป๊อปไม่เคยรักน้องพิมพ์เลย ผมถูกบังคับ ยายไม่สงสารผมหรอครับ ถ้าผมต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก อยู่กันก้นหม้อข้าวไม่ทันดำก็ต้องเลิกรากันไป”เขาเงยหน้าเมื่อได้ยินเสียงคนเป็นยายหัวเราะ
“มาถึงก็รีบอ้อนเลยนะ เดือดร้อนจริงๆล่ะสิท่า”เขาพยักหน้าหงึกหงักกับอ้อมกอดของคุณพิมพ์มาลา ก่อนจะเอ่ยเสริม
“ยายช่วยผมนะครับ ถ้ายายห้ามแม่ต้องยอมฟังแน่ๆ”
“ก็ได้ แต่ยายก็มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”เขาย่นคิ้ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถาม
“ฟังก่อนแต่ยังไม่รับปากได้ไหมครับ”ยายของเขาหัวเราะ
“เจ้าเล่ห์...เชื้อไม่ทิ้งแถวทั้งตาเรา แม่เราจริงๆ”
“ข้อแลกเปลี่ยนคืออะไรหรือครับ”
“ง่ายๆ ยายแค่จะแนะนำให้ป๊อปรู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง แค่ให้รู้จักกันดูส่วนเรื่องที่ป๊อปจะสานต่อความสัมพันธ์ไหม นั่นยายยกให้เป็นสิทธิ์ของเรา แต่รับรองว่าเราต้องชอบน้องแน่ๆ”เมื่อได้ฟังข้อเสนอที่ไม่ขัดใจจนเกินไปเขาก็พยักหน้ารับโดยไม่ต้องคิด แต่ก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
“ผู้หญิงคนนั้นน่ารักมากเลยหรอครับ ยายถึงได้กล้าท้าผมแบบนี้”
“ได้เจอน้องแล้วเราจะไม่พูดแบบนี้ เดี๋ยวก็คงมาถึงวันนี้เหมือนกันนั่นแหละ”
“หืม...เขาจะมาทำไมที่นี่ครับ”
“น้องเป็นนักจัดสวน สวนหน้าบ้านนั่นก็ฝีมือเขาล่ะ”เขาพยักหน้าอมยิ้ม เป็นนักจัดสวน...ผิวก็คงจะคล้ำๆเพราะต้องตากแดด ตากฝนคอยจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง ร่างหนาบึกบึนเยี่ยงชายชาตรีเหมือนเขา คงจะตลกพิลึกหากต้องมีเมียหุ่นล่ำบึกไม่แพ้กัน ข้อเสนอของคุณยายเขาได้เปรียบเห็นๆ
“ไปพักผ่อนก่อนเถอะลูกขับรถมาเหนื่อยๆ”เมื่อได้ยินคุณยายพูดเขาก็เริ่มจะเหนื่อยขึ้นมาจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะขับรถจากกรุงเทพฯถึงที่นี่โดยไม่ง่วงนอนเลยแม้แต่น้อย อาจจะเป็นเพราะความห่วงตัวกลัวจับโดนแต่งงานกระมัง มันเลยทำให้เขาลืมเรื่องเหนื่อยไป
“นั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”เขาผละตัวจากอ้อมกอดของคุณยาย ก่อนจะโน้มตัวไปจูบแก้มท่านอย่างรักและเคารพ คิดไม่ผิดจริงๆที่หนีมาพึ่งใบบุญท่าน...งานนี้หากแม่คิดจะจับเขาไปแต่งงานก็คงไม่ง่ายนักหรอก ถึงแม้ว่าคุณยายจะแอบจับคู่ให้เขากับแม่นักจัดสวนหุ่นล่ำบึกไปด้วยก็ตาม...แต่ในเมื่อท่านไม่ได้บังคับใจเขาเหมือนมารดาก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร...
ร่างบอบบางโผเข้ากอดร่างท้วมของมารดาอย่างเต็มรัก เสียงหวานพึมพำแผ่วเบากับมารดา
“น้องจะรีบปิ๊ก(กลับ)หนาเจ้า แม่ดูแลตั๋วเองดีๆหนาฮู้ก่อ”
“อะหยังกั๋นลูกคนนี้ ทำเหมือนแม่เป๋นเด็กอนุบาลไปได้”
คุณพิมพ์ดาวลูบผมนุ่มของร่างเล็กในอ้อมกอดอย่างรักใคร่ ก้มหน้าลงจดจมูกลงบนหน้าผากนูนของลูกสาวอย่างห่วงใยไม่แพ้กัน
“น้องก่อดูแลตั๋วเองดีๆ จะไปดี(อย่า)โหมงานหนัก แม่อยู่ทางนี้สบายมาก”หล่อนยิ้มบางๆประกอบคำพูดของตน
“ไปได้แล้วก่ะลูก ปี้น้อยกับอ้ายจอมท่า(รอ)เมินแล้ว(นานแล้ว)”หล่อนก้มลงมองลูกน้อยที่พยักหน้าหงึกหงักอย่างรับรู้แต่ไม่มีท่าทีว่าจะผละออกไปง่ายๆ
“ละอ่อนน้อยของแม่ไปทำงานได้แล้ว”หล่อนผละลูกสาวออกเสียเองก่อนจะจูบเบาๆที่ขมับบางของลูกรัก ทอดสายตามองตามแผ่นหลังบางที่ค่อยๆเดินไปขึ้นรถ มองตามจนรถกระบะของบริษัทลับสายตาไป หล่อนเดินเข้ามานั่งพักในบ้านก่อนจะมองไปยังรูปถ่ายของมารดาและเอ่ยขึ้นแผ่วเบา
“แม่คุ้มครองหลานตวย(ด้วย)เน้อเจ้า”
ร่างสูงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามในชุดเสื้อผ้าสบายๆเดินย่ำเท้าไปตามผืนหญ้าอ่อนนุ่ม สายตาคมทอดมองต้นไม้น้อยใหม่ที่ถูกจัดวางไว้อย่างลงตัว ก่อนจะเหลือบไปเห็นต้นมะม่วงสูงใหญ่ที่กำลังดอกผลสุกน่ากิน ภาณุมองผลมะม่วงผลใหญ่ที่ถูกความมืดยามพลบค่ำเข้าบดบังหากแต่ก็ไม่มีผลนักเมื่อความต้องการของเขาอยู่เหนือสิ่งอื่นใด เขาหมายตามะม่วงผลใหญ่ที่อยู่ไม่สูงมากนัก ก่อนจะเริ่มหาทางปีนป่ายขึ้นไป
ปี้น! ปี้น!
คิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อได้ยินเสียงรถที่บีบแตรอยู่หน้าบ้าน เขากำลังจะปีนลงไปเปิดประตู แต่เมื่อเห็นว่าสาวใช้วิ่งไปเปิดแล้วจึงพยายามปีนไปเก็บมะม่วงผลนั้นต่อไปอย่างไม่ลดละ
ธนันต์ธรญ์มองบ้านเรือนไทยหลังงามด้วยความชื่นชม โคมไฟถูกเปิดประดับทางเข้าบ้านทอดยาวไปไกลจนถึงบันไดขั้นสุดท้าย เธอยิ้มเมื่อมองสวนหน้าบ้านที่ดอกไม้และต้นไม้น้อยใหญ่ยังคงดูแข็งแรงและมีสุขภาพดีดังเช่นวันที่เธอมาจัดไว้เมื่อปีก่อน เธอลงจากรถเมื่อเห็นว่าจอมจอดรถสนิทแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณท่าน”เธอเอ่ยทักทายคุณพิมพ์มาลาที่ลงมาต้อนรับด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“ไหว้พระเถอะลูก ไหนมาให้ยายกอดให้ชื่นใจหน่อยซิ”เธอเดินเข้าไปสวมกอดท่านอย่างไม่เกี่ยงงอน เพราะมาคราวที่แล้วเธอได้สัมผัสถึงความเหงาความว้าเหว่ที่หญิงชราถ่ายทอดออกมาทางแววตาและคำพูด อดเห็นใจท่านไม่ได้ที่ต้องทนหว้าเหว่เช่นนี้เมื่อบั้นปลายชีวิต
“หนูคิดถึงคุณท่านที่สุดเลยค่ะ”เธอเอ่ยอ้อนอย่างเสียมิได้เมื่ออยู่ในอ้อมกอดของท่าน
“ยายก็คิดถึงหนูเหมือนกันลูก เดินทางมาเหนื่อยๆขึ้นไปพักก่อนดีไหม”เธอส่ายหน้ากับอ้อมกอดของท่าน
“พักมาตลอดทางเลยค่ะ ตอนนี้เมื่อยเหลือเกิน ขอออกไปเดินเล่นหน่อยได้ไหมคะ”
“จ้า...งั้นแม่น้อยกับพ่อจอมตามฉันขึ้นมาเลย เตรียมห้องหับไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวกระเป๋านั่นจะให้เด็กขนขึ้นไปให้”เธอยิ้มให้กับผู้ช่วย มองทั้งสามคนขึ้นเรือนไป ก่อนจะหันหลังเดินออกไปทางหน้าบ้านที่มีสวนดอกไม้อยู่
ร่างบอบบางทรุดตัวลงนั่งบนม้าหินอ่อน หญิงสาวสูดหายใจเข้าเต็มปอดเมื่อสายลมพัดพาเอาความสดชื่นมาให้ ดวงตาคู่กลมมองไปรอบๆตัวอย่างเพลิดเพลิน ก่อนจะไปสะดุดกับสิ่งแปลกปลอมที่ประตูรั้ว เธอไม่รอช้ารีบเดินหยิบก้อนหินที่ใช้ประดับสวนหย่อมมาเต็มกำมือ ก่อนจะเดินไปยังร่างสูงใหญ่ของขโมย
ธนันต์ธรญ์เดินย่องเข้าไปอย่างเงียบที่สุด ก่อนจะหยิบก้อนหินในมือขว้างไปที่เป้าหมาย
“โอ้ย!”เธอขวางตามไปอีกหลายๆก้อนจนก้อนหินในมือหมด
“ว้าย!”
เสียงหวานร้องอุทานเมื่อร่างสูงใหญ่หล่นจากรั้วบ้านลงมาทับอยู่บนร่างของเธอ!
ภาณุเบิกตากว้างเมื่อร่างของตัวเองเสียการทรงตัวและหล่นลงมาทับร่างเล็กของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง และที่สำคัญเขาไม่สามารถลุกออกไปในตอนนี้ได้ เพราะไอ้ก้อนหินเวรนั่นตรงเข้าหาน้องชายสุดรักสุดหวงอย่างเต็มแรง
“ลุกออกไปนะไอ้โจรชั่ว”เขาเจ็บจนพูดไม่ออก กำปั้นน้อยๆนั่นไม่ได้ระคายผิวเขาเลยแม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับความเจ็บปวดตรงใจกลางร่างกาย
“ออกไปนะ ออกไปเดี๋ยวนี้ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”เขาเบือนใบหน้าจากสียงแหลมรำคาญหู ก่อนจะกลั้นใจพูดออกมาด้วยความลำบาก
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะคุณ ผมรำคาญ”
“แกก็ลุกออกไปสิ!”
“จะให้ลุกยังไงฮะ ผมเจ็บน้องชายจะตายอยู่แล้วนะ!”
“!!!
...สายลมแห่งตะวัน
มาแล้วววว ป๊อปฟางได้เจอกันซะทีเนอะ เจอกันแล้วจะเป็นยังไง ติดตามตอนต่อไปนะจ้ะ
เม้น+โหวตให้เค้าด้วยนะ
”
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ