Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
9.7
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.31 น.
45 ตอน
590 วิจารณ์
95.04K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 17.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
32)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความBeside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
ตอนที่๓๒
หลังจากภาณุกลับไปได้ไม่นาน ธนันต์ธรญ์ก็พาตัวเองขึ้นมาบนชั้นสองของบ้าน มือเล็กยกขึ้นเคาะประตูหน้าห้องของมารดา
“แม่หลับแล้วก๊ะเจ้า(แม่หลับหรือยังคะ)”
“ยังลูก น้องเข้ามาเลย”เธอบิดลูกบิดเข้าไปในห้องนอนของมารดา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเตียงท่าน สายตามองคนเป็นแม่ที่นั่งขีดเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะทำงานในห้อง
“คุณภาณุปิ๊กแล้วก๊ะลูก(คุณภาณุกลับแล้วหรอลูก)”
“เจ้า”เธอตอบ ก่อนจะเบนความสนใจมาที่กรอบรูปเธอในวัยเด็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเตี้ยข้างเตียง หยิบมาดูคั่นเวลาระหว่างรอให้มารดาทำธุระเสร็จ
ดวงตาคู่หวานพิศมองรูปถ่ายสมัยยังเด็กด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ไม่ว่าภาพใดก็ตาม ไม่ว่าเธอจะร้องไห้ หัวเราะ โกรธ ดื้อ หรืออะไรก็แล้วแต่ ใบหน้ามารดาก็ยังคงเปื้อนรอยยิ้ม สายตาของท่านที่มองมายังเธอยังคงเจือความรักเต็มเปี่ยม เธอโชคดีที่ท่านไม่ตัดสินใจปลิดชีวิตเธอก่อนที่จะได้ลืมตาดูโลก ท่านเข้มแข็งจนเธออยากที่จะเข้มแข็งเหมือนท่านบ้าง ท่านไม่ใช่ต้องเลี้ยงเธอมาตัวคนเดียว แต่ท่านต้องทนรับคำตราหน้า และตกเป็นจำเลยของคนในสังคม คำติฉินนินทาของสังคมชนบทลามไปเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ไม่มีใครยอมรับเข้าใจในเหตุผลที่แท้จริงเลยสักคน...
และผู้ชายคนนั้น! ตลอดชีวิตนี้ขอให้เธออย่าได้พบได้เจอกับเขาอีกเลย เขาจะเป็นได้แค่คนที่ทำให้เธอเกิดมา แต่ไม่ใช่คนที่เธอจะเรียกว่าพ่อ เพราะคำๆนั้นมันสูงค่าเกินกว่าจะคู่ควรกับคนพรรค์นั้น!
“ฟาง”เธอสะดุ้งหลุดจากภวังค์เมื่อมารดาเรียกเสียงดัง ท่านเดินเข้ามานั่งใกล้ๆเธอก่อนจะค่อยๆปลดกรอบรูปที่อยู่ในมือของเธอออก แล้วเธอก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่ามือของตัวเองถูกกรอบรูปบาดเข้าให้
“เป๋นอะหยังลูก”มารดาถามอย่างเป็นห่วง ขณะยังง่วนหาอุปกรณ์มาทำแผลให้เธอ
“น้องใจ๋ลอยนิดหน่อย”เธอตอบ ขณะมารดาทำแผลให้เธอ หากแต่สิ่งที่ท่านเอ่ยกลับมาก็ทำให้เธอตกใจ
“ถ้าน้องบ่อยากเจ็บ ทำไมต้องเอาเรื่องของเขามากึ้ด(คิด)”
“แต่เปิ้นเป๋นป้อ(พ่อ)น้อง”
“เปิ้นมีครอบครัว มีลูกแล้ว ถึงน้องจะบ่มีเขา น้องก่อมีแม่ แม่ฮักน้องและแม่จะบ่ทิ้งน้องไปไหน”เธอโผเข้ากอดมารดา น้ำตาที่ไม่รู้มาจากไหนเอ่อล้นคลองจักษุจวนเจียนจะรินไหลลงมาประจานความอ่อนแอภายในจิตใจ
“แต่น้องก่อเป๋นลูกเขาบ่ใจ้ก๊ะ(ไม่ใช่หรอ) และถึงน้องจะเจอเขา น้องก่อบ่ต้องการเขา ในเมื่อเขาบ่เกยต้องการน้อง น้องอยู่กับแม่สองคนก่อปอ(พอ)แล้ว”
“แม่มีน้องคนเดียวก่อปอแล้ว”มารดาจูบลงบนหน้าผากของเธออย่างทะนุถนอม ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ และเธอก็ต้องการเพียงเท่านี้จริงๆ...
“แต่ตี้มาหาแม่นี่เรื่องคุณภาณุตวยแม่นก่อ(ด้วยใช่ไหม)”
“ก็นิดหน่อยเจ้า”มารดามองใบหน้าลูกสาวที่ชื้นขึ้นมาอีกหน่อยด้วยความเอ็นดู หวังเพียงให้รักแรกของลูกสาวสวยงาม เพราะดูแล้วภาณุรักและทะนุถนอมลูกสาวของหล่อนดีไม่แพ้หล่อนเลย
“ว่าจะใด วันนี้ไปแอ่ว(เที่ยว)ไหนกันมา”
“บ่เอา บ่หื้อถามเรื่องนั้น(ไม่ให้ถามเรื่องนั้น)”หล่อนหัวเราะเอ็นดูลูกน้อย ก่อนจะเอ่ยถามจริงจัง
“แล้วเรื่องอะหยังตี้ร้องอยากปรึกษาแม่”
“แม่ว่าเขาเป๋นจะใด”
“ก็เป๋นคนดีคนหนึ่ง แม่เห็นเขาดูแลละอ่อน(เด็ก)น้อยของแม่ได้แม่ก่อโอเคแล้ว”
“โธ่ แม่ขา น้องโตแล้วหนา”หล่อนหัวเราะเมื่อลูกสาวเอ่ยแก้เสียงง้ำงอน
“จ้ะๆ แต่แม่อยากบอกน้องเรื่องหนึ่ง...”ดวงตากลมแป๋วมองมาที่หล่อนอย่างตั้งใจฟัง
“คนสองคนจะคบกั๋นได้เมิน(นาน)มันมีอะหยังแหมหลายอย่าง บ่ใจ้ว่าน้องจะรอหื้อเขาปรับทุกอย่างเข้าหาน้อง แต่น้องต้องปรับเข้าหาเขาตวย มันอาจจะมีบางเวลาตี้มันบ่เข้าใจ๋กั๋น น้องต้องมีเหตุผล บ่แม่นว่าใจ้แต่อารมณ์”
“จ้าววววว แต่น้องยังบ่ได้บอกสักกำ(คำ)ว่าน้องคบเขา”
“แล้วแหวนบนนิ้วนั่นมันอะหยังฮึ ลูกแม่เป๋นทหารอากาศก๊ะ”หล่อนเอ่ยแซวลูกสาวที่เขินหน้าแดง ระบายรอยยิ้มออกมาอย่างสุขใจ คนเป็นแม่ก็ต้องการเพียงเท่านี้ล่ะ แค่ลูกน้อยได้มีความสุขเท่านั้นพอ...
ภาณุพาตัวเองมายืนอยู่หน้าบ้านหลังน่ารักอย่างเช่นทุกวัน หากแต่วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้มาที่บ้านหลังนี้ และคงจะเป็นเวลาอีกนานมากโขที่จะไม่ได้เห็นคนตัวเล็กตัวเป็นๆอีก น่าขำสิ้นดีที่เขากำลังทำตัวเหมือนเด็กวัยรุ่นริรัก ทำตัวติดคนรักแจ แต่นั่นก็เป็นไปแล้ว เขาไม่อยากอยู่ห่างธนันต์ธรญ์ไปเลยสักนิด ยิ่งรู้ว่าพชรสนใจคนรักของเขาก็นึกห่วง เพราะเขาอยู่ทางโน้นไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“วันนี้มาเช้าจัง”ร่างเล็กในชุดนอนลายการ์ตูนปิดปากหาวหวอดๆมาแต่ไกล เธอเปิดประตูบ้านให้เขา ก่อนจะเอ่ยถาม
“จะออกรถกี่โมงคะ”
“ก็ประมาณสิบเอ็ดโมงเช้าน่ะ”
“แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเจ็ดโมงเลยนะ”เขายักไหล่ ก่อนจะเอ่ย
“ก็ผมอยากอยู่กับคุณนานๆ”
“ขนลุกย่ะ!”เขาหัวเราะเมื่อคนตัวเล็กว่าเข้าให้ เขาเดินตามร่างบอบบางที่เดินนำเข้าไปในครัว
“สวัสดีครับคุณน้า”เขายกมือไหว้คุณพิมพ์ดาวที่ยกมือไหว้ตอบก่อนจะเอ่ยถาม
“น้ายังทำกับข้าวไม่เสร็จเลยลูก รอหน่อยนะวันนี้ตื่นสายกันทั้งบ้านเลย”
“งั้นผมช่วยนะครับ”เขาขันอาสา คุณพิมพ์ดาวยิ้มก่อนจะพยักหน้าและบอกเมนูอาหาร
“วันนี้น้าทำโจ๊กไก่ หมูทอดแล้วผัดผัก ยังไงคุณภาณุช่วยหั่นผักให้น้าหน่อยนะคะ”
“ครับ”เขายิ้มรับ ขณะที่คุณพิมพ์ดาวกลับไปง่วนกับการทำอาหารต่อ เขาหันมามองร่างเล็กที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงแถมยังอยู่ในชุดนอนลายปัญญาอ่อน
“ไปอาบน้ำแปรงฟันไป๊ ผมก็ยุ่งเป็นยายเพิ้ง น่าเกลียดจริง”
“ย่ะ พ่อคนสะอาด”เธอว่าก่อนจะเดินต้วมเตี้ยมเป็นผีดิบออกไป
หลังจากมื้อเช้าที่ปรุงด้วยคุณพิมพ์ดาวแม่ครัวประจำบ้านและภาณุ ผู้ช่วยแม่ครัว ทั้งสามคนพากันมานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ภาณุกำลังมองดวงหน้าหวานของธนันต์ธรญ์สลับกับคุณพิมพ์ดาวด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงเข้มและหนักเน้นเอ่ยขึ้น
“ผมมีเรื่องอย่างจะเรียนคุณน้าครับ”คุณพิมพ์ดาวยิ้มรับ มองดวงตาคมที่แน่วแน่ด้วยความอบอุ่นใจ อย่างน้อยหล่อนก็แน่ใจได้ว่าลูกสาวเจอคนที่จริงใจ
“จ้ะ เรื่องคุณกับลูกสาวน้าใช่หรือเปล่า”
“ครับ ผมกับฟางเรากำลังคบกัน ผมขอยืนยันว่าผมจริงใจกับลูกสาวของคุณน้า ยินดีที่จะคบหากันให้อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่และความถูกต้องเหมาะสม คุณน้าให้โอกาสผมด้วยนะครับ”คนเป็นแม่ยังคงยิ้มเมื่อมองภาณุที่เอ่ยอย่างหนักแน่นและธนันต์ธรญ์ที่มองผู้ชายข้างกายด้วยสายตาเชื่อมั่นไม่แพ้กัน
“น้ายินดีค่ะ ขอแค่คุณไม่ทำให้น้องต้องเสียใจ แกยังเด็กอาจจะเอาแต่ใจไปบ้างตามประสา น้าอยากให้คุณเข้าใจแก และน้าเชื่อว่าลูกสาวของน้าจะปรับปรุงตัวในเร็วๆนี้”หล่อนยื่นมือไปลูบผมนุ่มของลูกน้อยอย่างเอ็นดู
“ขอบคุณนะครับ”
“จ้ะ...ถ้าคุณไม่ถือ น้าอนุญาตให้คุณเรียกน้าว่าแม่ได้นะจ้ะ”
“ไม่ถือครับแม่ เรียกผมว่าป๊อปก็ได้ครับ กรุณารับผมเป็นลูกคนหนึ่งด้วยนะครับ”หล่อนยิ้มละไม มองใบหน้าหล่อคมที่หันไปมองลูกสาวของหล่อนอย่างมีความหมาย ดวงหน้าของธนันต์ธรญ์นั้นแดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุกจนหล่อนนึกเอ็นดูคนทั้งสอง และขอให้ทั้งสองมีความสุขเช่นนี้ไปอีกนานแสนนาน
“ยินดีจ้ะ งั้นป๊อปอยู่คุยกับน้องไปก่อนนะ แม่จะเข้าไปตรวจงานที่สำนักงานซะหน่อย”
“ฟางไปจ้วย(ช่วย)เจ้า”
“บ่ต้องลูก เพิ่งกลับมาจากลำปางได้ไม่ถึงอาทิตย์ พักก่อน”หล่อนยิ้ม ก่อนจะเดินไปนั่งที่ห้องรับแขก รอให้คนงานที่สำนักงานมารับ
เมื่อลับร่างท้วมของคุณพิมพ์ดาวแล้ว ภาณุหันกลับมามองใบหน้าหวานของธนันต์ธรญ์ก่อนจะยิ้มน้อยๆ มือใหญ่ยกขึ้นลูบผมนุ่มของคนตัวเล็กอย่างทะนุถนอม ดวงตาคมสบดวงตาหวานที่มองมา ก่อนจะเอ่ย
“รอผมนะฟาง มั่นใจในตัวผม เชื่อใจผม”
“ค่ะ...ฟางจะรอคุณ”อ้อมแขนแกร่งโอบร่างน้อยเข้ามาใกล้ ริมฝีปากอุ่นร้อนประทับจูบบนหน้าผากมนแผ่วเบา เขาอยากจะพาเธอกลับไปด้วย แต่นั่นมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เธอไม่มีทางยอมกลับไปกับเขาแน่ และเขาไม่รู้ว่าอีกกี่เดือนกี่ปีข้างหน้าที่ต้องอยู่ห่างจากเธอเขาจะทนไหวได้อย่างไร ถ้าทำได้เขาอยากจะขึ้นเหนือมาหาเด็กน้อยของเขาวันละสามรอบเลยทีเดียว
“ห้ามมีคนอื่น”เขาเอ่ยขึ้นอีก
“ไม่มีคนอื่นค่ะ”เขายิ้มเมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ หรือต่อให้เธอไม่ตอบเขาก็ไม่คิดว่าเธอจะแอบไปมีใคร เพราะเขาเชื่อใจเธอเหลือเกิน...
“สิบโมงครึ่งแล้วนะคะ”เขาค่อยๆผละร่างเล็กออกจากอ้อมกอด มองนาฬิกาแล้วได้แต่ถอนหายใจเฮือก เขาอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงหน้า แต่เขาทำไม่ได้...วันนี้เขาอาจจะรักธนันต์ธรญ์ และธนันต์ธรญ์เขาคิดว่าเธอรักเขาเช่นกัน วันนี้เขาและเธอเพิ่งเริ่มต้นไปด้วยกัน เขามีโอกาสได้กุมมือเธอเดินไปในหนทางแห่งรักที่ไม่รู้เลยว่าจะมีอุปสรรคอะไรในวันข้างหน้า
แต่สำหรับวันพรุ่งนี้ วันต่อๆไป เดือนต่อๆไป และปีต่อๆไป อุปสรรคที่เขาและเธอได้ร่วมกันก้าวเดินผ่าน มันจะเป็นเสมือนสายใยที่จะผูกใจเขาและเธอให้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว จนวันที่เขาได้มีเธออยู่เคียงข้าง ส่งรอยยิ้มหวานให้เขาในวันที่ท้อแท้ และเขาปรารถนาจะมีเธออยู่เคียงข้างกายอยู่ในทุกๆวันของชีวิต...การก้าวเดินไปพร้อมๆกับคนตัวเล็ก ผ่านวันเวลาและอุปสรรคมากมายจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีว่าไม่ว่าจะอย่างไร สุดท้ายแล้ว
เขาไม่มีวันปล่อยมือของเธอ...
...สายลมแห่งตะวัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ