Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
9.7
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.31 น.
45 ตอน
590 วิจารณ์
95.03K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 17.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
28)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความBeside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
ตอนที่๒๘
“มาพอดีเลย”
เสียงหวานใสมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าของธนันต์ธรญ์เอ่ยทักภาณุที่ดูเหมือนจะเป็นแขกประจำของบ้านไปเสียแล้ว มือเล็กๆกำรอบข้อมือใหญ่จูงเข้าบ้านไป ริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ชวนคุยไปตามเรื่อง
“วันนี้ไม่ไปเที่ยวนะ แม่ทำเค้กน่ะ คุณอยู่ทานด้วยกันก่อนนะ”
“ครับ แล้วทานข้าวเช้ากันหรือยัง”
“ยังหรอก”คนตัวเล็กปฏิเสธ ขณะยังคงจูงคนตัวโตให้เดินตามไปที่ห้องครัว
“แล้วก็ยังทำอาหารไม่เสร็จด้วย พอดีปลาเมื่อวานเหลือน่ะ เช้านี้เลยว่าจะเอามาทอด แต่แม่ไม่อยู่ไปวัด ฉันกับแตงกวาทำเสร็จแค่สองอย่าง เหลือปลาทอดน่ะ คุณทำอาหารเก่งใช่ไหม...ทำให้หน่อยสินะ นะ นะ”
ภาณุมองคนตัวเล็กที่เขย่าแขนเขาราวกับกำลังเขย่าเซียมซีเสี่ยงโชคยิ้มๆ ดวงตากลมโตมองมาที่เขาอย่างออดอ้อนในที เห็นอย่างนี้แล้วมันน่าจะจับมาจูบเสียให้เข็ด
“ไหนล่ะ”เขามองตามนิ้วเรียวที่ชี้ไปยังปลาตัวใหญ่ที่นอนนิ่งอยู่ในกะละมัง
“เดี๋ยวไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาให้นะ”เขาพยักหน้ารับ วางอาหารที่ตัวเองซื้อมาบนเค้าท์เตอร์ ก่อนจะยืนนิ่งรอคนตัวเล็กใส่ผ้ากันเปื้อนให้
“สู้ๆนะ ไปรอข้างนอก”เขาขมวดคิ้ว คว้าแขนเรียวของเธอไว้ก่อนจะถาม
“ทำไมต้องไปอยู่ข้างนอก อยู่ด้วยกันนี่แหละ”
“ม่าย”คนตัวเล็กส่ายหน้าจนคอแทบเคล็ด
“ทำไม”
“น้ำมันมันกระเด็นนะ”เขาหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะยกมือขึ้นยีผมคนตัวเล็กอย่างมันเขี้ยว
“หนามยอกก็เอาหนามบ่งสิ กลัวอย่างนี้แต่งงานกันไปลูกผมจะได้กินอะไรล่ะ”
“ใครจะแต่งงานกับคุณกันยะ!”เธอว่าเขาหน้าง้ำงอ ก่อนจะเดินไปหยิบกะละมังปลาและเครื่องปรุงรสมาให้เขา เขาลงมือหมักปลา ชุบแป้งเรียบร้อย ก่อนจะเดินไปเปิดเตาแก๊สที่มีกระทะใส่น้ำมันตั้งไว้รออยู่ก่อนแล้ว
“ทำไมคุณทำอาหารเป็นน่ะ คุณเป็นลูกคนรวยไม่ใช่หรอ แล้วยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก”เขาหันไปมองคนตัวเล็กที่ยืนหลบหลังเขาขณะที่เขายืนอยู่หน้าเตารอน้ำมันในกระทะเดือด
“แล้วไง ผมหนีออกจากบ้านตอนอายุสิบแปด หางานทำแลกกับเงิน ชีวิตช่วงนั้นสนุกเป็นบ้า ผมได้ทำทุกอย่างตามใจตัวเอง เลือกทุกอย่างเอง แม่ผมเขาก็คอยดูอยู่ห่างๆ ไม่ถึงกับตัดหางปล่อยวัดไปซะทีเดียวหรอกนะ”
“แล้วทำงานเป็นอะไรล่ะคะ”
“ก็พวกเด็กเสิร์ฟ พนักงานเซเว่น ปิ้งลูกชิ้นขายก็เคยนะกับเพื่อนนั่นแหละ ผมว่าปีนั้นเป็นปีที่ผมได้ใช้ชีวิตสุดๆเลยล่ะ”
“บ้ารึเปล่า หาเรื่องให้ตัวเองลำบาก”เขาใช้ตะหลิวเคาะศีรษะคนช่างซักเบาๆ และก็ได้กำปั้นเล็กๆของเธอตอบกลับมาเช่นกัน
“ทำไมยังไม่ใส่อ่ะ”เสียงหวานเอ่ยถามเขา
“รอมันเดือดยิ่งกว่านี้สิคุณ เดี๋ยวน้ำมันมันก็ระเบิดใส่หน้าหรอก”
“ระเบิดเลยหรอ!”เขาพยักหน้าหงึกหงัก แอบขำคนตัวเล็กที่เหมือนจะแตกตื่นราวกับกำลังรู้ว่าระเบิดสงครามโลกครั้งที่สองกำลังจะลงบ้าน
“จะใส่แล้วนะ”เขาว่าพลางเหลือบไปมองร่างเล็กที่ซ่อนตัวกับแผ่นหลังของเขามิดชิด
“ใส่เลยใส่เลย”เสียงหวานพูดอู้อี้กับแผ่นหลังของเขา เขาส่ายหน้าเอือมระอาให้กับคนตัวเล็ก เธอเหมือนเด็กน้อยไม่รู้จักโต ช่างออดอ้อน เอาแต่ใจตัวเองบางเวลา แต่ในบางครั้งเธอก็ดูเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือ ในครั้งที่เขากำลังท้อใจ แค่เธอปลอบโยนและบอกว่าจะยืนอยู่เคียงข้างเขา เธอบอกแค่นั้นแต่มันกลับทำให้เขาอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเชื่อเธอหมดหัวใจว่าเธอจะไม่ปล่อยมือเขาไปไหน...
“โอ๊ะ ฟาง อยู่เฉยๆสิ”เขาบ่นคนตัวเล็กที่เต้นหยองแหยงอยู่เบื้องหลังเขา
“ก็ฉันกลัวนี่นา”เขาส่ายหน้าเอือมระอา ยื่นตะหลิวไปพลิกปลาอีกด้าน
ธนันต์ธรญ์เบิกตากว้างทันทีที่จัดโต๊ะอาหารเสร็จ เธอเห็นภาณุเดินออกจากห้องครัวมาด้วยสภาพที่ไม่น่าพิสมัยนัก แขนของเขามีรอยแดงเป็นจ้ำๆ เธอเข้าใจว่าคงเป็นน้ำมันที่แตกกระเซ็นใส่เขาเมื่อตอนทอดปลา
“ผมไม่เคยทำอาหารแล้วเจ็บตัวมากขนาดนี้เลย”เธอหลบสายตาคาดโทษของเขาเป็นพัลวัน คงเป็นเพราะเธอที่ใช้เขาเป็นเกาะกำบังให้ตัวเอง เขาถึงต้องเจ็บตัวแบบนี้ แต่ใครใช้ให้เขามาดัดนิสัยเธอกันล่ะ หนามยอกเอาหนามบ่ง...สมน้ำหน้า
“เอาน่า เดี๋ยวทายาให้”เธอเดินไปจูงมือเขามานั่งที่โซฟา ก่อนจะยืดตัวไปหยิบยาทาที่อยู่ในตู้ยาสามัญ
“น้าดาวไปไหนล่ะฟาง”เธอเงยหน้าจากแขนของเขาก่อนจะตอบ
“ไปวัดน่ะค่ะ วันนี้วันพระ เดี๋ยวรอสักพักก็คงกลับมาแล้วล่ะ คุณหิวหรอคะ”
“เปล่าตรงนี้ด้วยสิ”เขาชี้ไปที่ซอกคอแกร่งของเขา เธอมองตามก็เห็นรอยแดงจ้ำอยู่จึงป้ายยาไปที่แผล
ภาณุลอบมองเสี้ยวใบหน้าหวานของธนันต์ธรญ์อย่างหงุดหงิดใจ ใกล้กันขนาดนี้แต่เขายังทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ได้แค่มองตาปริบๆ กลิ่นหอมอ่อนละมุนละไมของเธอทำให้สติของเขากระเจิง ทำไมอะไรอะไรที่เป็นธนันต์ธรญ์ถึงทำให้เขาปั่นป่วนได้ขนาดนี้นะ!
“รถใครน่ะ”เขาหันไปตามสายตาของหญิงสาว ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น เค้าลางไม่ดีเริ่มจะตีวนเข้ามาใกล้จนเขานึกผวา
“ใช่จริงๆด้วย”เขาพึมพำ ก่อนจะลุกพรวดเมื่อเห็นครอบครัวตั้งประภาพร ให้ตายเถอะ ทำไมต้องมาถึงที่นี่ เขาไม่อาจรู้เลยว่าครอบครัวนั้นต้องการอะไร
“คุณ ฉันไปเปิดประตูก่อนนะ”เขาไม่ตอบ หากแต่เลือกที่จะจูงมือเล็กของหญิงสาวให้เดินตามเขาไปที่หน้าบ้าน เขาเปิดประตูบ้านเพื่อเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ เรื่องมันยังไม่จบง่ายๆอย่างที่เขาคิด และมันก็ถึงเวลาที่เขาควรจะทำให้มันจบเสียที...
“สวัสดีครับ”เขาเอ่ยทักทายคุณโชติ คุณทิพย์ธารา พิมประภา และพชร ทุกคนมีสีหน้าไม่ค่อยจะสุขนัก
“ขอน้าเข้าไปคุยข้างในหน่อยสิ”คุณทิพย์ธาราเอ่ยกับเขา ขณะที่สายตายังมองไปที่ธนันต์ธรญ์อย่างดูแคลน และเขาไม่ชอบ!
“เชิญครับ”เขาตอบน้ำเสียงเย็นขณะยกมือขึ้นโอบไหล่บางของธนันต์ธรญ์หลีกทางให้แขกเดินเข้าไปในบ้าน
“ไม่ต้องกลัวนะฟาง ผมอยู่ข้างคุณ”เขาเอ่ยกับคนตัวเล็กที่สัมผัสได้ว่าเธอกำลังประหม่า มือเล็กของเธอเย็นเฉียบตอนที่เขาจับไว้
“ฉันก็อยู่ข้างคุณค่ะ”หัวใจของเขาพองโตจนคับอก รอยยิ้มของเธอ คำมั่นสัญญาของเธอ มันทำให้เขาอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเลื่อนมือจากไหล่บอบบางของเธอมาแตะที่ผิวแก้มแดงระเรื่ออย่างทะนุถนอม
“ขอบคุณครับ”และเขาได้คำตอบแล้วว่าเธอเหมาะสมกับเขาแค่ไหน...
ภาณุนั่งกุมมือเล็กของธนันต์ธรญ์ไว้ตลอดเวลา รอจนแตงกวาเสิร์ฟน้ำเสร็จและเดินออกไป คุณทิพย์ธาราจึงเปิดประเด็นขึ้น
“น้ารู้ว่าป๊อปไม่ได้เป็นอะไรกับผู้หญิงคนนี้”เขาสะดุ้งน้อยๆเมื่อถูกจับได้ แต่มันก็ไม่แปลกนี่ นักสืบเดี๋ยวนี้เก่งจะตาย หากจะให้สืบจริงๆจังๆเรื่องแค่นี้ก็ต้องรู้อยู่แล้ว
“ครับ ผมขอโทษด้วยที่โกหกคุณน้า”
“ทำไมถึงทำแบบนี้ รู้ไหมว่าน้องพิมเสียหายแค่ไหน”
“ผมขอโทษจริงๆครับ ที่ทำอะไรวู่วาม แต่สำหรับในสิ่งที่ผมได้ตัดสินใจทำลงไป ผมขอเรียนคุณน้าตามตรงเลยว่าผมไม่นึกเสียใจสักนิด”
“ตาป๊อป!”เขาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคุณทิพย์ธารามีท่าทีคล้ายว่าจะเป็นลม จนลูกสาวต้องควักยาดมยาหอมมาให้แทบไม่ทัน
“แล้วผู้หญิงคนนี้ ทำไมเรายังต้องยุ่งกับเธออยู่ อาบอกตามตรงว่าอาไม่ชอบใจเลยที่เรามาถอนหงอกผู้ใหญ่แบบนี้ ครอบครัวอาเสียหาย น้องพิมก็ต้องมลทินโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด”เป็นทีคุณโชติที่เอ่ยขึ้นมาบ้าง
“ผมขอโทษจริงๆครับ แต่ผมกล้าที่จะบอกว่าผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นคนที่ผมคิดจะจริงจังด้วย ผมจึงปล่อยเธอไปไม่ได้”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“พี่ป๊อป...”เขาหันไปมองใบหน้าแสนหวานของพิมประภา น้ำตาของหญิงสาวหยดลงราวกับจะขาดใจ สายตาตัดพ้อของเธอทำให้เขารู้สึกผิด
“น้าไม่เข้าใจ! น้าไม่ต้องการคำขอโทษ น้าต้องการให้ป๊อปแต่งงานกับน้องพิมเหมือนเดิม!”
“ผมทำไม่ได้ครับ”เขาตอบโดยไม่ต้องคิด คนอย่างเขา เมื่อก้าวข้ามผ่านมาแล้ว ไม่คิดจะหันหลังกลับไปอีก...
“อาผิดหวังนะ ไม่คิดเลยว่าจิระคุณจะผิดคำสัญญากันไปง่ายๆแบบนี้”
“พอกันที! แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!”คุณทิพย์ธาราเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างเหลืออด ร่างท้วมของคุณทิพย์ธาราก้าวเดินไปจากบ้านทันทีที่พูดจบ...ปัญหาไม่ได้จบอย่างที่เขาคิด ทุกอย่างกำลังวุ่นวายยิ่งขึ้น!
แต่เขาก็ต้องตกใจยิ่งขึ้นเมื่อร่างบอบบางข้างกายของเขาลุกขึ้น เสียงหวานของเธอเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว
“เดี๋ยวค่ะ! ฉันขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมคะ”เขาลุกขึ้นตามร่างเล็ก ธนันต์ธรญ์เดินไปดักหน้าคุณทิพย์ธาราที่กำลังมีอาการเกรี้ยวโกรธไม่น้อย
“ฉันกับคุณภาณุไม่ได้เป็นอะไรกัน นั่นเป็นเรื่องจริงค่ะ แต่คุณจะเหมารวมว่าคุณพิมประภายังมีสิทธิ์อยู่ในตัวคุณภาณุในฐานะคู่หมั้น และงานแต่งงานยังจะมีเหมือนเดิม ฉันว่ามันไม่ถูกนะคะ”
“หล่อนไม่มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็น หล่อนไม่รู้อะไรอย่ามาพูดดีกว่า”
“ค่ะ ฉันรู้ แต่ว่าการที่คุณรับเงินสินสอดของคุณภาณุที่ต้องเสียให้คุณพิมประภาหลังจากยกเลิกการหมั้น นั่นแปลว่าคุณยอมรับในสิ่งที่คุณภาณุชดใช้ให้แล้ว อย่าหาว่าฉันละลาบละล้วงเลยนะคะ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่ทำแบบนี้...มันเสียศักดิ์ศรี”
“เธอ!”เขารีบคว้าแขนเรียวของหญิงสาว เมื่อคุณทิพย์ธารามีท่าทีโมโหเกรี้ยวกราดขึ้น
“คุณคิดว่าคุณเป็นใครคะ ถึงไล่มาบงการชีวิตคนอื่นแบบนี้ คุณภาณุเขาไม่ใช่ลูกใช่หลานคุณเลย คุณไม่มีสิทธิ์มาบังคับเขา หันกลับไปดูลูกสาวคุณดีกว่าค่ะว่าวันนี้ คุณทำอะไรให้คุณพิมประภาต้องเสียน้ำตา ต้องมาตกอยู่ในสถานะแบบนี้”
“แล้วหล่อนเป็นใคร กล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้ คิดหรอว่าภาณุจะคิดจริงจังกับเธอจริงๆ ที่เขายังเป็นโสดมาจนถึงป่านนี้ไม่ใช่เพราะไม่มีใครจับเขาได้สักคนหรอ หึ...มั่นใจอย่างนี้ ระวังเถอะน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า!”
...สายลมเห่งตะวัน
ขอกำลังใจ เม้น+โหมตให้เค้าด้วยนะ เค้าตกอันดับแล้วง่ะ เดี๋ยวไม่อัพให้อ่านต่อนะ(ขู่ๆ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ