Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.31 น.
แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 17.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
29)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
ตอนที่๒๙
หลังจากการปะทะอารมณ์กับคุณทิพย์ธารา ธนันต์ธรญ์ก็มีท่าทีเงียบไป หญิงสาวเอาแต่นึกถึงคำพูดของคุณทิพย์ธารามันจริงอย่างที่เขาพูดทุกอย่าง เธอไม่มั่นใจเลย เธอโลเล เธออยากจะเริ่มต้นกับภาณุ แต่ก็กลัวว่าสักวันเขาจะสลัดเธอทิ้ง เธอกับเขารู้จักกันเพียงผิวเผินเท่านั้น มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอไม่เคยรู้เกี่ยวกับตัวเขา เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร เธอกลัวไปทุกสิ่งทุกอย่าง กลัวว่าเขาจะทิ้งเธอไป ไม่ได้ยืนเคียงข้างเธอในวันที่เธอกำลังมีปัญหามากมายเหมือนที่เขาพูด...
“ฟางดูเค้กดอกปีบผมสิ น่ารักใช่ไหม”เธอหันไปตามเสียง ก่อนจะเห็นร่างสูงยืนถือเค้กก้อนเล็กที่มีเด็กปีบดอกเล็กๆวางเรียงรายที่ขอบเค้ก ใบหน้าหล่อคมยิ้มแป้นอย่างภูมิใจเสนอ
“ก็เอามาให้ดูใกล้ๆสิคะ”เขาเดินมานั่งใกล้ๆกับเธอ ก่อนจะยื่นเค้กก้อนเล็กให้ดู นอกจากดอกปีบดอกเล็กๆที่วางเรียงตัวกันอย่างสวยงามรอบๆเค้กแล้ว ตรงกลางเค้กยังมีหัวใจดวงโตอยู่อีกด้วย
“ผมตั้งใจฝึกวิชากับแม่คุณเลยนะ เค้กนี่ทำด้วยใจ ให้คุณทั้งดวงเลย”เธอรู้สึกร้อนที่ใบหน้าอย่างบอกไม่ถูกเมื่อน้ำเสียงอบอุ่นของเขาทอดเสียงอย่างอ่อนโยนพร้อมกับสายตาของเขาที่มองมาอย่างอ่อนหวาน
“เสี่ยว!”เขาหน้าเสีย แต่ก็วางเค้กลงบนโต๊ะ และยื่นช้อนให้เธอ
“กินสิ!”
“จะตายไหม”เธอทำหน้าแหยะๆ ทั้งๆที่เค้กปอนด์ตรงหน้าก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไร
“ดูพูดเข้า”เขายื่นมือมายีผมเธอเบาๆ เธอไม่สนใจจัดทรงเพราะตั้งแต่อยู่กับเขามา ไม่มีวันไหนที่ทรงผมของเธอจะอยู่ดีมีสุขเลยสักครั้ง เธอยื่นช้อนไปตักเค้กเข้าปาก
“เป็นไง”เขารีบถาม ท่าทางตื่นเต้น
“ก็ดี คุณไม่เครียดบ้างหรอ ฝ่ายนั้นเขาเหมือนไม่ยอมเลยนะ”เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงเรื่องนี้จริงๆ อยากจะถามเขาให้มันรู้เรื่องไปเลยว่าเขารู้สึกอย่างไร คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้
“เครียดทำไม เอ๊ะ! หรือว่าคุณกลัวผมแต่งงานไปกับคนอื่นจริงๆ ไหนบอกว่าไม่สนใจผมไง”เธอค้อนเขาขวับๆ เวลานี้ยังมีหน้ามาพูดเล่นอีก
“ก็ไหนคุณบอกว่าจีบฉันไง จะแต่งงานกับคนอื่นได้ไง”
ภาณุหัวเราะน้อยๆ เมื่อคนตัวเล็กทวงสิทธิ์ของตัวเองได้อย่างน่ารักที่สุด เขาเอื้อมมือไปกุมมือเล็กของเธอมาไว้ในอุ้งมือ ทอดสายตามองดวงตากลมโตที่หลบไปหลบมาอย่างไม่กล้าจะสบสายตาเขา แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการพูดของเขาเลย
“คุณรู้ไหมฟาง คุณเป็นผู้หญิงที่ผมอยู่ด้วยแล้วผมอบอุ่นใจ ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว แต่ผมยังมีมือของคุณที่อยู่ในมือของผม ผมไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าคุณจะยืนอยู่เคียงข้างผมจริงๆ หรือคุณเองก็มีใจให้ผม...ผมไม่รู้เลย แต่วันนี้ คุณทำให้ผมมั่นใจ มั่นใจว่าคุณจะไม่ทิ้งผมไปไหน”
“คุณ...”ดวงตากลมโตของเธอสุกสกาวราวกับพรรณรายบนฟากนภา ตอนนี้ที่เธอกำลังมองเขา เขารู้สึกว่ากำลังเห็นแววตาบางอย่าง
“ในสายตาของคุณ มีผมอยู่บ้างหรือเปล่า คุณกำลังตกหลุมรักผมอย่างที่ผมตกหลุมรักคุณไหม”
“แต่เราเพิ่งรู้จักกัน”เขาอยากจะหัวเรา หัวเราะให้ตาย! เวลากำลังเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับเขาและเธอ
“ดูเหมือนคุณจะมีปัญหากับเวลาเหลือเกินนะเด็กน้อย คุณกำลังจะบอกว่าคุณรักผมไม่ได้ ชอบผมไม่ได้ เพราะเวลามันสั้นเกินไปน่ะหรอ”
“ค่ะ เรายังรู้จักกันไม่พอ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเกิดวันไหน ชอบอะไรไม่ชอบอะไร ฉันรู้จักแค่ชื่อของคุณเท่านั้น”เขายิ้มระบายความตึงเครียด ความสับสนในแววตาหวานไม่ได้น้อยเลย เขาเดินอ้อมโต๊ะ จูงมือเธอเดินไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่
ร่างสูงนั่งลงบนตั่งตัวเล็ก ก่อนจะฉุดร่างเล็กให้นั่งลงบนตักอย่างนุ่มนวล หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ การใกล้ชิดกับชายหนุ่มทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ผมขอเวลาแค่สามนาทีนะ ผมรู้ว่านี่มันไม่เหมาะสม แต่สามนาทีนี้ ผมจะทำให้มันมีความหมายสำหรับเรา”น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้น สายตาคมของภาณุยังไม่ละไปจากใบหน้าแสนหวานของผู้หญิงตัวเล็กบนตัก
“ผมไม่ใช่ผู้ชายที่ดี ผมมันออกจะเสเพล เปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น ผมไม่ชอบเด็ก และไม่คิดจะเอาผู้หญิงที่เด็กกว่ามาเป็นคนรัก ผมรำคาญผู้หญิงที่เอาแต่ใจตัวเอง คิดอยู่เสมอว่าภรรยาที่ดีต้องคอยเอาใจใส่สามี แต่คุณรู้อะไรไหม...”
“...”มีเพียงสายลมบางเบาที่พัดผ่าน และเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นดังโครมคราม
“คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมต้องคอยเอาใจใส่ ว่าอย่างนู้นหรือว่าอย่างนี้คุณถึงจะชอบ และผมเพิ่งเข้าใจว่าความรัก ไม่ใช่แค่เรารักเขาและต้องการให้เขามีความสุข หรือเขารักเราและต้องทำให้เรามีความสุข แต่ผมเข้าใจว่าความรักเป็นการแบ่งปันความสุขให้กันและกัน เป็นการที่เราคอยปัดเป่าความทุกข์ใจให้คนที่เรารักด้วยความรัก และผมก็อยากให้ความรักเป็นอย่างที่ผมเข้าใจ ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าทฤษฎีของผมมันใช่ได้หรือเปล่า คุณช่วยผมได้ไหมฟาง...”
“...พูดยาวจัง ฉันฟังไม่ทันหรอก”
“คุณโกหก”ใบหน้าหล่อคมยื่นเข้าไปใกล้คนตัวเล็กที่พวงแก้มนวลแดงก่ำ
“แต่ฉันเด็กมากนะ นิสัยฉันไม่ดีด้วย ชอบเอาแต่ใจตัวเอง คุณอาจจะโมโหถ้าฉันพูดไม่รู้เรื่อง”
“ใช่ บางทีคุณก็ดื้อเกินไป...แต่ผมไม่คิดว่าผมจะต้องโมโหแค่คุณพูดไม่เข้าใจ มันมีอะไรมากกว่านั้นสำหรับการเป็นคนรักกัน...ผมให้เวลาคุณคิดนะฟาง ไม่ต้องรีบร้อนตัดสินใจ”หญิงสาวพยักหน้าลงน้อยๆ หัวใจเต้นโครมครามราวกับกลองศึก มือเล็กพยายามดันตัวออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่มที่เขายอมปล่อยออกแต่โดยดีเพราะคำนึงถึงความเหมาะสมอยู่แล้ว และเหนือสิ่งอื่นใดคือภาณุตั้งใจจะให้เกียรติกับผู้หญิงของเขาให้มากที่สุด...
“ผมไม่รู้ว่าสามนาทีนี้ผมทำให้มันมีความหมายพอหรือเปล่า และผมจะรู้ก็ต่อเมื่อผมรู้คำตอบของคุณ...ให้โอกาสผมนะฟาง”
ธนันต์ธรญ์ยังคงนั่งอยู่บนระเบียงบ้านนับตั้งแต่ภาณุกลับไป แค่สองอาทิตย์มานี้เธอมีเรื่องให้ขบคิดมากมาย นับตั้งแต่มีเขาเข้ามาในชีวิต ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป จากโลกใบเดิมที่มีแต่สีสันเดิมๆ เมื่อเขาเดินเข้ามา เขาเข้ามาพร้อมกับพู่กันด้ามหนึ่งที่จุ่มสีต่างๆวาดลงบนโลกใบเดิมของเธอ...นั่นรวมถึงสีชมพูด้วย...
เธอกำลังตกหลุมรักเขา...
‘ให้โอกาสผมนะฟาง’
ตลอดเวลาที่เธอนั่งอยู่บนตักแกร่งของเขา ตอนที่แขนแกร่งของเขาโอบกอดเธอเอาไว้ หัวใจของเธอเต้นโครมคราม หูอื้อตาลายไปหมด แต่ทุกคำพูดของเขากลับชัดเจนในความรู้สึกของเธอ แต่เธอก็สับสน เธอยังรู้จักเขาน้อยเกินไปจริงๆ
‘ผมจะฟันคุณก็ต่อเมื่อเราแต่งงานกันเท่านั้น แล้วการที่ผมรู้จักคุณไม่ถึงอาทิตย์มันจำเป็นหรอที่คุณต้องเอามันมาตัดสินผมว่าผมจริงใจกับคุณหรือเปล่า จริงอยู่ที่ผมเป็นผู้ชายและไม่ใช่พระอิฐพระปูน การที่ผมอยู่กับคุณในห้องนี้กับคุณ มันทำให้ผมต้องการคุณ แล้วคุณไม่คิดบ้างหรอว่าเพราะอะไรถึงทำให้ผมไม่ทำอะไรคุณ’
เธอจำคำพูดของเขาได้แม่นทุกคำ ถึงแม้มันจะดูห่ามๆ เถื่อนๆ แต่มันก็ดูจริงใจจนเธออยากจะเชื่อแบบนั้นจริงๆ เธอโชคดีหากเขาคิดที่จะจริงจังและจริงใจกับเธอจริงๆ แต่ในอีกแง่ หากเขาไม่คิดเช่นนั้นจริงๆ...ก็เป็นเธอที่ต้องเจ็บปวดอยู่แค่คนเดียว
“มานั่งยะหยังอยู่นี่ลูก”เธอหันไปตามเสียงหวานของมารดา ท่านเดินมานั่งข้างๆเธอ
“แม่ขา น้องมีเรื่องจะปรึกษาแม่”
“หืม? เรื่องอะหยัง”
“เรื่องคุณภาณุ”
คุณพิมพ์ดาวมองลูกสาวยิ้มๆ หล่อนเดาไม่ผิดจริงๆจากท่าทีของภาณุที่มีต่อลูกสาวของหล่อน สายตาของชายหนุ่มที่คนอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้ดีชายหนุ่มไม่ได้คิดกับธนันต์ธรญ์แค่เพื่อนแน่นอน และหล่อนเองก็พอจะรู้แล้วด้วยว่าปัญหาของทั้งสองคืออะไร
“น้องกึ้ดอะหยังอยู่(น้องคิดอะไรอยู่)”
“น้องบ่แน่ใจ๋ เขาบอกว่าจริงจังกับน้อง แต่เฮาเพิ่งฮู้จักกั๋นแค่สองติ๊ด(น้องไม่แน่ใจ เขาบอกว่าจริงจังกับน้อง แต่เรารู้จักกันแค่หนึ่งอาทิตย์)”
“แล้วน้องเจื่อเปิ้นก่อ(แล้วน้องเชื่อเขาหรือเปล่า)”บุตรสาวของหล่อนส่ายหน้าก่อนจะถอนหายใจ
“น้องกลั๋วเปิ้นจุ๊ น้องบ่อยากโดนจุ๊(น้องกลัวเขาหลอก น้องไม่อยากโดนหลอก)”หล่อนยิ้มน้อยๆ ก่อนจะลูบผมนุ่มของลูกน้อยเบาๆ
“บนโลกนี้ป้อจายกู่คนบ่ได้เหมือนป้อไปหมดหรอกหนาลูก(บนโลกนี้ผู้ชายทุกคนไม่ได้เหมือนพ่อไปซะทุกคนหรอกนะลูก)”
“แม่...”หล่อนยิ้มบางๆ ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยจางหายตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ บาดแผลในใจที่อย่างไรหล่อนก็ไม่มีวันลืมได้ลง
“แม่โจคฮ้ายตี้ป้บ่ได้กึ้ดจริงจังกับแม่(แม่โชคร้ายที่พ่อไม่ได้คิดจริงจังกับแม่)”
“ปอเต๊อะเจ้า แม่บ่ต้องกึ้ดถึงป้อจายคนนั้นแล้ว(พอเถอะค่ะ แม่อย่าคิดถึงผู้ชายคนนั้นอีกเลย)”
“แม่ยอมฮับว่าต๋อนนั้นแม่กึ้ดอะหยังตื้นๆ แค่เปิ้นบอกว่าฮัก แม่ก่อเจื่อ แม่กึ้ดว่าเขาฮักแม่แต้ๆ (แม่ยอมรับว่าตอนนั้นแม่ยังคิดอะไรตื้นๆ แค่เขาบอกว่ารัก แม่ก็เชื่อ แม่คิดว่าเขารักแม่จริงๆ)”
“...”หล่อนมองใบหน้าสวยหวานที่ได้เค้าของคนเป็นพ่อมาเล็กน้อยยิ้มๆ
“ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ตั้งแต่เขากลับกรุงเทพฯไป เขาก่อบ่อเกย(ไม่เคย)ติดต่อมาอีกเลย แม่ถามเปื่อน(เพื่อน)ร่วมงานเขา เขาบอกว่าป้อ(พ่อ)แต่งงานแล้ว มีลูกแล้วหนึ่งคน”น้ำตาหยดหนึ่งรินจากดวงตาคู่หม่นยามนึกถึงความรู้สึกตอนนั้น มันเจ็บซะจนหล่อนไม่คิดว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว
“แต่สำหรับคุณภาณุ แม่กึ้ดว่าลูกควรเปิดโอกาสหื้อตัวลูกเอง ถ้าลูกหันว่าเปิ้นบ่ได้เลวร้าย ถ้าลูกใจ้(ใช้)สมองหื้อน้อยลง แล้วใจ้(ใช้)หัวใจ๋หื้อ(ให้)มาก แม่เชื่อว่าลูกจะได้คำตอบ แต่สำหรับแม่ แม่อาบน้ำฮ้อน(ร้อน)มาก่อน ดูออกว่าเปิ้นสนใจ๋น้องแต้ๆ และถ้าแม่ผ่อบ่ผิด แม่กึ้ดว่าเปิ้นบ่ได้จะจุ๊น้องหนาลูก”
“เจ้า”หล่อนยิ้มน้อยๆที่ลูกสาวพยักหน้าแต่โดยดี หล่อนเดินจากระเบียงบ้านไปที่ห้องนอน ทิ้งให้ลูกสาวได้ใช้ความคิดอยู่กับตัวเองให้นานขึ้น
...สายลมแห่งตะวัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ