Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.31 น.
แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 17.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
ตอนที่๒
สายตาของภาณุยังคงจับจ้องรูปภาพที่อยู่ในมืออย่างเลื่อนลอย ให้ตายซะยังจะดีกว่า นี่มันเรื่องบ้าอะไรที่เขาต้องถูกจับคลุมถุงชน เรื่องบ้าบอคอแตกนี่มันเกิดขึ้นกับเขาได้อย่างไร มันหมดยุคสมัยกาลกิณีนั่นไปนานแล้วโว้ย!
ปัง!
ภัทรดนัยและวิศวะ รวมถึงนักบินรุ่นน้องต่างตกใจกันยกโขยงเมื่อคุณชายจอมเย็นชาทุบโต๊ะไม้สักเสียเสียงดัง ในมือแกร่งนั้นขยำรูปภาพจนเขาเองก็นึกไม่ออกว่ามันจะกลายเป็นผุยผงไปแล้วหรือยัง แต่ที่แน่ๆคือหากดวงตาเรียวคมคู่นั้นเป็นดั่งไฟโลกันตร์ ตอนนี้เขาและเพื่อนอาจจะกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว
“เห้ยไอ้เขื่อน มึงไปดูไอ้ป๊อปดิ”เขาพุ่งเข้าไปหาภาณุโดยไม่ทันตั้งตัวเมื่อเพื่อนรักและรุ่นน้องพร้อมใจกันผลัก หรือจะเรียกให้ถูกคือถีบเขาเข้าไปหาภาณุ ที่ใครดูก็รู้ว่ากำลังอารมณ์ร้อนขนาดไหน..
ภัทรดนัยกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะถอยเก้าอี้และนั่งลงข้างๆภาณุ พยายามทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ เพราะเขานั้นรู้ดีว่าแม้ภาณุจะอารมณ์ร้อนหรืออารมณ์ไม่ดีขนาดไหนก็ไม่มีวันลงมือทำร้ายใครโดยไม่มีเหตุผลแน่ๆ
“ใจเย็นๆน่าไอ้ป๊อป มีอะไรปรึกษาพวกกูได้นะเว้ย”เขาหันไปพยักเพยิดกับวิศวะและรุ่นน้องที่เดินเข้ามาล้อมตัวภาณุไว้
“กูอยากหาเมีย!”
“ฮะ!!!!!!”
เพียงคำพูดเดียวของภาณุก็ทำเอาพวกพ้องถึงกับตกใจกันไปตามๆกัน เพราะนั่นมันผิดกับวิสัยของหนุ่มนักบินจอมเย็นชาอย่างมากถึงมากที่สุด ภาณุไม่ใช่คนแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากเขาไม่อยากแต่งงานจริงๆ สิ่งที่พวกเขาคิดว่าภาณุจะทำนั่นก็คือการเจรจากับคุณพรพิมล
“มึง..มึงพูดจริง?”
วิศวะเอ่ยถามทันทีที่ตั้งสติได้ และคำตอบต่อมาก็ทำให้เขารู้ทันทีว่าภาณุนั้นแน่วแน่ขนาดไหน
“ผู้หญิงสักคนที่พร้อมจะเป็นแม่ของลูกกูได้ หลังจากนั้นเราจะหย่าหรืออยู่ด้วยกันก็อีกเรื่องหนึ่ง กูไม่สนอะไรอีกแล้วว่ะ กูไม่อยากแต่งงานกับยายเด็กนั่น ไม่อยากให้แม่มาบงการชีวิตกูอีก”
“เห้ย ใจเย็นๆดิวะ กูว่ามีทางอื่นที่ดีกว่านี้นะ”เขาเอ่ยกับเพื่อนอย่างให้กำลังใจ
“ไม่มีทางแล้วไอ้โมะ แม่กูจัดการตัดชุด เลือกของชำร่วยเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็แค่รอฤกษ์เท่านั้น กูไม่รู้จะทำยังไงแล้วว่ะ”เขากุมขมับอย่างเครียดขึงไม่ต่างไปจากเพื่อนคนอื่นๆ ให้ตายเถอะ นี่สามารถถึงขนาดตัดชุดโดยไม่ต้องพาภาณุไปวัดตัว จัดการทุกอย่างได้อย่างลงตัว แค่ลากตัวเพื่อนเขาไปเข้าพิธีให้จบๆคงไม่เกินความสามารถคุณพรพิมลแน่ๆ
“อีกแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น กูต้องทำอะไรสักอย่าง”ทุกคนถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองไปทางไหนก็เจอแต่ทางตัน ไอ้ทางที่พอจะออกได้ก็ดันมีขวากหนามมากมาย...
“เห้ย อย่าเครียดดิวะ เดี๋ยวกูออกไปซื้ออะไรมากินดีกว่า กินแก้เครียดไง อย่าคิดมากถึงวันนั้นจริงๆ กูนี่แหละจะอุ้มมึงหนีงานแต่งเอง ฮ่าๆ”
ภัทรดนัยเอ่ยแก้เครียดเรียกเสียงหัวเราะอันขมขื่นจากทุกคนได้เป็นอย่างดี แม้จะหัวเราะออกไปอย่างนั้นแต่ในหัวของภาณุกลับครุ่นคิดถึงวิธีเอาตัวรอดจากการจับคลุมถุงชนครั้งนี้อยู่ดี...คิดไม่ตกเลยจริงๆ ทำไมชีวิตภาณุมันถึงได้ยุ่งยากอย่างนี้วะ!
ภัทรดนัยขับรถออกจากกองบินเพื่ออกไปหาอาหารกลางวันสำหรับเพื่อนที่เข้าเวรวันนี้ ดวงตาของเขาจ้องรถคันงามที่ขับสวนเข้ามาอย่างนึกคุ้นเคย เหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง...แล้ว....
“ตายห่_”เขาหักเลี้ยวรถกลับแทบไม่ทันเมื่อนึกขึ้นได้ว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถของคุณพรพิมล นี่ลงทุนมาอุ้มภาณุใส่ถุงถึงในกองบินเลยหรอวะ แล้วอย่างนี้เพื่อนเขามันจะหนีไปไหนรอด เขาเหยียบคับเร่งแซงรถคันหน้าอย่างเสียมารยาท มือควานหาโทรศัพท์เพื่อโทรหาภาณุวุ่นวาย
“รับสิวะ”
“ว่าไง”
“ฉิ_หายแล้วไอ้ป๊อป แม่มึงมา หนีเร็วๆ”เขาได้ยินคำอุทานจากเพื่อนชุดใหญ่ ก่อนมันจะวางสายไป เขาไม่รอช้ารีบจอดรถทันทีเมื่อเห็นว่าได้มาถึงลานจอดรถแล้ว เขาวิ่งเร็วๆไปหาคุณพรพิมลที่กำลังลงจากรถ
“สวัสดีครับคุณแม่ มาหาไอ้ป๊อปหรอครับ”เขาแกล้งทำไขสือ ไม่รู้ว่าว่าคุณพรพิมลมาที่นี่ด้วยเหตุผลใด
“จ้ะ แม่ขอตัวก่อนนะ”เขารีบสวมกอดร่างท้วมของคุณพรพิมลเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเบี่ยงตัวหลบ
“จะรีบไปไหนล่ะครับ ผมไม่เจอแม่ตั้งนาน ขอกอดหน่อยนะ”
“จ้ะๆ”แม้คุณพรพิมลจะตอบกลับมาและสวมกอดเขากลับมา แต่เขาก็รู้ดีว่าท่านคงจะกำลังมองหาภาณุอยู่เป็นแน่
“ทำไมคุณแม่ดูรีบจังเลยครับ ไอ้ป๊อปมันก็อยู่ในกองบินนั่นแหละครับ เออว่าแต่คุณแม่มาหาไอ้ป๊อปมีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าครับ”เขาแกล้งถามเพื่อถ่วงเวลา สายตายังคอยสอดส่องหาร่างของเพื่อนที่ยังไม่ออกมาเสียที พลางสบถในใจที่ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปตามแผนของคุณพรพิมล
“ไม่มีอะไรมากหรอกลูก แต่แม่ขอตัวก่อนนะ”คุณพรพิมลผละเขาออกจากอ้อมกอดก่อนจะเดินแกมวิ่งไปที่หมาย เขากุมขมับแต่ยังคอยถ่วงเวลามารดาของภาณุอย่างไม่ยอมแพ้...
‘แล้วแต่เวรแต่กรรมมึงละกันไอ้ป๊อป...กูช่วยมึงได้แค่นี้แหละ’
เสี้ยวใบหน้าคมเข้มโผล่ออกมาจากกำแพง ลอบมองร่างท้วมของมารดาที่มีร่างสูงของภัทรดนัยคอยเกาะแกะอยู่ไม่ห่าง อดที่จะอมยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นไอ้เพื่อนตัวแสบคอยถ่วงเวลาด้วยสารพัดวิธีอย่างที่คนฉลาดอย่างมารดาต้องจับพิรุธได้แน่ๆ...แต่จะอะไรก็ช่าง ขอเพียงแค่วันนี้เขาหนีไปจากเงื้อมมือมารดาได้เป็นพอ
เท้าแกร่งเดินย่องออกมาจากที่ซ้อนเมื่อลับแผ่นหลังของมารดาและภัทรดนัย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่งเร็วไปยังรถยนต์คันโปรดที่จอดอยู่ไม่ไกล เขาปลดล็อกรถคันโปรด ตั้งใจจะปิดประตูลงให้เร็วที่สุด แต่เหมือนมันกำลังถูกยื้อไว้ไม่ให้ปิดลง
“!!!!”
สายลมอ่อนๆพัดเอาความชุ่มชื้นหลังฝนตกมาปะทะผิวกายร่างบอบบางที่นั่งอยู่ระเบียงบ้านหลังเล็ก ในมือบางยังจับดินสอร่างภาพสวนหย่อมลงบนกระดาษปอนด์ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“น้ำลูก...เมื่อใดจะแล้ว(เสร็จ)หืม”เธอหันไปยกแก้วน้ำที่มารดายกมาให้ขึ้นดื่ม ก่อนจะตอบ
“ใกล้แล้วเจ้า แต่น้องว่ามันยังบ่ค่อยดี แม่จ้วยผ่อ(ดู)หื้อ(ให้)น้องหน่อยก่ะว่าตรงไหนมันยังดูแปลกๆอยู่”เธอยืนภาพที่ร่างไว้ในมารดาดู ท่านรับไปดูก่อนจะยิ้มบางๆ
“แม่ก่อว่าดีแล้วหนา แต่ดอกไม้ตี้น้องจะเอาไปลงหื้อเปิ้นมีแต่ดอกไม้กลิ่นหอมแรงๆ แม่ว่าเมื่อคืนมาเปิ้นจะเป๋นลมกันหมดบ้านแน่ๆเลย”เธอหัวเราะ ก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เพราะเธอเอาแต่คิดถึงความสวยของดอกไม้เมื่อมันเบ่งบานจนลืมนึกเรื่องกลิ่นหอมที่คงแรงเกินไปเสียจนสนิท
“จะอั้นน้องเปลี่ยนตรงนี้เป็นดอกเข็มแทนดีก่อเจ้า สวยบ่มีกลิ่นแรง”
“ดอกเข็มก่อสวยดี เจ้าของบ้านเปิ้นชอบสีขาวก๊ะลูก แม่เห็นน้องลงแต่ดอกไม้สีขาวทั้งนั้น”
“เจ้า เปิ้นชอบสีขาว”เธอพยักหน้ารับก่อนจะลงมือแก้แบบแปลน
“น้องจะไปลำปางวันไหน”
“วันฮือเจ้า(มะรืน)”เธอตอบมารดาก่อนจะหันมายิ้มให้
“แม่อยากไปแอ่วก่อ น้องเสร็จงานแล้วจะปาแอ่ว”
“บ่เอาหรอก ไกล๋บ้านแม่บ่เกย(คุ้นเคย) ขออยู่เฝ้าบ้านดีกว่า มีแตงมันอยู่ตวย(ด้วย)บ่เหงาหรอก นั่งฟังมันอู้ไปๆมาๆก็คงหลับไปคนเดียว(เอง) ฮ่าๆ”เธอหัวเราะก่อนจะนึกถึงแตงกวาลูกสาวน้าพรคนงานของเธอที่ช่างพูดช่างเจรจา
“จะอั้น(ถ้านั้น)น้องจะรีบทำงาน จะได้รีบกลับมาเอาใจ๋แม่”เธอหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ก่อนจะสวมกอดท่านอย่างอบอุ่นใจ จะมีอ้อมกอดของใครอบอุ่นเท่าของมารดาอีก แม้ว่านี่จะไม่ใช่การไปทำงานต่างถิ่นครั้งแรก แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงท่าน เธอไม่สบายใจทุกครั้งที่ต้องทิ้งมารดาให้อยู่บ้านเพียงคนเดียว งานครั้งนี้เธอต้องเร่งรีบในการทำงานให้งานเสร็จเร็วที่สุด
หากแต่หญิงสาวนั้นไม่อาจรู้เลยว่าการไปทำงานครั้งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นจะไม่เป็นไปตามที่เธอคาดไว้ อาจจะมีเรื่องปวดหัวมากมายให้เธอขบคิดจนไม่เป็นอันทำงานเลยด้วยซ้ำ
เมื่อโชคชะตาได้ถูกฟ้าลิขิตไว้แล้ว ยากที่ใครจะปฏิเสธได้ เมื่อผู้หญิงได้ถูกสร้างให้เกิดมาเพื่อผู้ชายสักคน และในเมื่อถึงเวลาที่ทั้งสองจะต้องใช้ชีวิตเป็นคู่ของกันและกัน จึงไม่มีใครปฏิเสธโชคชะตาและหัวใจ...ที่กำลังเคลื่อนเข้าหากันอย่างช้าๆ หัวใจสองดวงกำลังจะพบกัน รักกัน และอยู่เคียงคู่กันไปตลอดไป...
...สายลมแห่งตะวัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ