Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.31 น.
แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 17.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
ตอนที่๓
“!!!”
“กูรู้ว่ามึงรีบ แต่มึงเซ็นใบลาพักร้อนก่อนดีไหม มึงจะได้ไม่ต้องโดนเด้งออกจากงาน”
เสียงวิศวะพูดรัวเร็วก่อนจะยานปากกาและเอกสารให้ภาณุที่เหงื่อแตกพลั่กเพราะคิดว่าจะถูกจับได้แล้ว ควรจะขอบคุณหรือว่าควรจะด่าไอ้เพื่อนตัวดีกันแน่ที่ทำเอาเขาใจหายใจคว่ำ
“ขอบใจเว้ย งั้นกูไปนะ”เขาโยนเอกสารและปากกาให้เพื่อนรัก ก่อนจะปิดประตูและสตาร์ทรถขับออกไปด้วยความเร็วสูง
วิศวะมองตามท้ายรถคันหรูที่วิ่งออกไปด้วยความเร็วสูง จะสมน้ำหน้าหรือว่าจะสงสารไอ้เพื่อนตัวดีดี เขาเองก็ยังเลือกไม่ถูก ถ้านั้นทั้งสมน้ำหน้าและสงสารเลยแล้วกัน ก็สมน้ำหน้าที่มันบอกว่าความรักถ้ามันจะเป็นรักแท้จะอยู่ไกลแค่ไหนมันก็จะมาหาเราเอง จนตอนนี้อายุอานามก็ปาเข้าไปสามสิบสองแล้วความรักแท้ที่มันบอกเขาว่าจะมาหามันเองก็ยังไม่มาสักที มันคงลืมไปแล้วละมั้งว่ามันเป็นผู้ชายต้องวิ่งตามหาความรัก ไม่ใช่ให้ผู้หญิงเขาวิ่งมาหา แต่น่าเสียดายที่มันต้องวิ่งตามหารักแท้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ และเขาก็ไม่รู้เลยว่าผู้หญิงของภาณุจะมาได้ทันเวลาหรือเปล่า...
ภาณุเหยียบเบรกแทบไม่ทันเมื่อเห็นสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนสี เขาเอื้อมมือไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด ก่อนจะมองเลยไปยังกระจกหลังเพื่อดูว่ามีคนของมารดาตามมาหรือไม่ แล้วก็ต้องโล่งอกเมื่อไม่เห็นมีรถคันคุ้นตา เขารู้ว่าต้องหนี แต่เขาก็ไม่รู้อีกอยยู่ดีว่าต้องหนีไปที่ไหน ที่ไหนที่พอจะมีคนคุ้มกะลาหัวเขาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือมารดา
“เฮ้ออออ ไปที่ไหนดีวะเนี่ย”จะขยี้ผมที่ตัดสั้นเข้ารูปไปมาอย่างหัวเสีย
บนชานบ้านเรือนไทยขนาดใหญ่มีร่างท้วมของคุณพิมพ์มาลานั่งร้อยพวงมาลัยอยู่อย่างเป็นสุขใจ รอยยิ้มหวานประทับอยู่บนใบหน้าเหี่ยวย่นไปตามวัยทว่ายังคงเค้าความงาม รอยยิ้มที่ทุกคนมักได้เห็นกันเนืองๆ มืออวบอูมจับชายมาลัยขึ้นผูกกับพวงมาลัยที่เพิ่งจะร้อยเสร็จอย่างละเมียดละไม
“งามขนาดเลยเจ้าคุณท่าน”
คุณพิมพ์มาลาหันไปยิ้มให้กับแม่แฟง แม่บ้านเก่าแก่ที่คุ้นเคยกันมานาน ก่อนจะเอ่ย
“งั้นพรุ่งนี้เช้าเอาไปทำบุญที่วัดดีไหมแม่แฟง”
“ดีเจ้า”
“เฮ้อ ชีวิตบั้นปลายของฉันทำไมถึงได้โดเดี่ยวเสียนี่กระไร ลูกหลานก็ไม่เคนสนใจจะมาเยี่ยมเยียน ลูกสาวคนเดียวก็มัวแต่ยุ่งอยู่แต่กับเรื่องเงินทองของเขา เจ้าหลานชายนั่นยิ่งไปใหญ่ ตั้งแต่โตเป็นหนุ่มก็ไม่เคยมาหายายเลย”หล่อนเอ่ยอย่างเศร้าใจกับแฟงที่กุมมือหล่อนไว้อย่างปลอบโยน
“คุณท่านจะไปดีกึ้ดนัก(คิดมาก)เจ้า ข้าเจ้าเจื่อว่าบ่มีใคร๋บ่คิดถึงคุณท่านหรอก บ่แน่เปิ้นอาจจะกำลังมาหาคุณท่านก่อได้”หล่อนยิ้มอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“คนแก่อย่างฉันไม่มีใครมาสนใจรักใคร่หรอก ประเดี๋ยวก็แก่ตายเฝ้าเรือนหลังนี้ไปเองนั่นแหละ...เออ ว่าแต่ห้องหับที่หนูฟางจะมาพัก จัดเสร็จหรือยังล่ะแม่แฟง”หล่อนเอ่ยถามถึงห้องที่จะให้นักจัดสวนสาวที่นางรู้สึกเอ็นดูรักใคร่ตั้งแต่แรกเห็นกับแม่แฟง
“เรียบร้อยแล้วเจ้า คุณท่านกึ้ดจะใด(คิดยังไง)ถึงอยากจัดสวนใหม่เจ้า”
“ก็ไม่มีอะไร ฉันเห็นว่าต้นไม้มันเหี่ยวแห้งตายไปหมดแล้ว เห็นแล้วมันหดหู่ใจ”หล่อนเอ่ยยิ้มๆ แต่แม่บ้านที่อยู่ด้วยกันมานานนั้นรู้เท่านั้นความคิด
“บ่แม่นว่าแอบไปฮักเมา(เอ็นดู)ลูกหลานเปิ้นก๊ะเจ้า”หล่อนหัวเราะชอบใจ
“ใครจะไม่ชอบ หน้าตาน่ารัก ตานี้ใสแป๋วมองยังไงก็น่าเอ็นดู นิสัยก็ดี มารยาทงาม แถมยังไม่รังเกียจคนแก่อย่างฉันอีก ถ้าเลือกได้นะฉันอยากจะได้หนูคนนี้มาเป็นหลานสะใภ้ซะให้รู้แล้วรู้รอด”หล่อนพูดตามที่ใจคิด
“แต่คุณมลเปิ้นหาหลานสะใภ้ชาวกรุงไว้หื้อคุณท่านแล้วบ่ใจ้ก๊ะเจ้า(ไม่ใช่หรอคะ)”
“ฮึ แม่มลก็เจ้ากี้เจ้าการเสียนี่กระไร คอยดูนะถ้าตาป๊อปแกเตลิดมาหาฉัน ฉันจะทำให้หนูฟางมาเป็นหลานสะใภ้ฉันให้ได้เลยแม่แฟง ฮ่าๆ”หล่อนพูดก่อนจะหัวเราะชอบใจในความคิดของตัวเอง
“คุณท่านก่อว่าไปนั่น คุณมลเปิ้นบ่ยอมหรอกเจ้า”
“เอ้า ไม่ยอมได้ยังไง ฉันเป็นแม่มันนะ”
แฟงพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ แม่บ้านวัยกลางคนเดินเอาพวงมาลัยไปเก็บ ทิ้งคุณพิมพ์มาลาที่กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องกับความคิดของตัวเองไว้เพียงลำพัง ใครจะไปรู้ ไม่แน่ทุกอย่างอาจจะเป็นไปอย่างที่หล่อนกำลังคิดก็เป็นได้ ภาณุน่ะเป็นคนหัวรั้นไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ส่วนลูกสาวหล่อน หล่อนก็รู้ดีเหมือนกันว่าฝ่ายนั้นคงจะบีบบังคับลูกชายมากเอาการ หากภาณุหนีมาหาหล่อนจริง หล่อนไม่รอช้าที่จะทำตามอย่างที่พูดไว้แน่ๆ
ว่าแล้วก็อดคิดถึงหลานชายคนเดียวไม่ได้ หล่อนตะโกนบอกเด็กใช้ในบ้าน
“ใครก็ได้ต่อสายคุณป๊อปให้ฉันที”รอเพียงไม่นานโทรศัพท์ก็ถูกส่งมาในมือหล่อน หล่อนรอสายเพียงครู่หนึ่งก่อนเสียงเข้มของภาณุจะส่งมาตามสาย
“สวัสดีครับคุณยาย”
“สบายดีไหมลูก ทำไมไม่มาหายายบ้าง ยายคิดถึงนะ”
“เออ จริงด้วยว่ะ”หล่อนนิ่วหน้า ก่อนจะเอ่ยถามซ้ำเพราะได้ยินไม่ถนัด
“ป๊อปว่าไงนะลูก”
“เปล่าครับยาย ผมก็คิดถึงยายม้ากมาก เดี๋ยวเจอกันนะครับ จุ้บๆ”ว่าแล้วเจ้าหลานชายก็ตัดสายไป ‘เดี๋ยวเจอกัน...’หมายความว่าภาณุกำลังจะมาที่นี่นั้นหรือ
“ฉันว่าแล้ว!”คุณพิมพ์มาลาตบตักฉาดใหญ่...งานนี้แหละแผนของหล่อนได้สัมฤทธิ์ผลแน่ๆ
ร่างบอบบางนั่งนิ่งอยู่บนเตียงใหญ่มองกระเป๋าใบเล็กที่ภายในมีเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นอย่างเหม่อลอย บอกไม่ถูกจริงๆว่าการไปทำงานครั้งนี้มันสร้างความรู้สึกแปลกๆให้กับเธออย่างไรก็ไม่รู้ ถ้าเลือกได้เธอก็ยังไม่อยากจะไปตอนนี้ อยากจะยกงานนี้ให้กับคนอื่นไปก่อน แต่ลูกค้าเจาะจงว่าต้องเป็นเธอ นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมคุณพิมพ์มาลายังเป็นลูกค้าขาประจำอีกเธอจึงค่อนข้างเกรงใจ
“กึ้ดอะหยังอยู่ลูก แม่เคาะประตูน้องก่อบ่ตอบ”เธอหันไปหามารดาที่เดินเข้ามาทรุดนั่งลงบนเตียง
“ขอโทษเจ้าแม่ น้องก่อกึ้ดไปเรื่อยเปื่อย”เธอเข้าไปสวมกอดมารดาอย่างที่เคยทำ
“หิวรึยัง ไปกิ๋นข้าวปะ”เธอลุกขึ้นตามมารดาที่พาลงมาข้างล่าง ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงแตรรถดังขึ้นที่หน้าบ้าน
“ค่ำมืดป่านนี้แล้ว ใคร๋มาน่ะ”
“น้องไปผ่อหื้อเจ้า”เธอรับคำ ก่อนจะเดินไปสวมรองเท้าและวิ่งออกไปหน้าบ้าน เห็นรถคันคุ้นตาก็ยิ้มออกมาทันที
“สวัสดีค่ะคุณพชร”เธอเอ่ยทักทายชายหนุ่มร่างสูง
“สวัสดีครับ คือพอดีผมผ่านมาแถวนี้เลยแวะเอากับข้าวร้านอร่อยมาให้ ไม่รู้ว่าคุณฟางกับคุณน้าทานข้าวกันรึยัง”เธอยิ้มรับไมตรีเพื่อนใหม่ที่รู้จักกันได้สามเดือนกว่าๆ ก่อนจะเอ่ย
“กำลังจะทานพอดีค่ะ ถ้าคุณไม่รังเกียจเชิญทานด้วยกันนะคะ”เธอเอ่ยชวนพลางยื่นมือไปรับถุงกับข้าวจากพชร
“ไม่รังเกียจอยู่แล้วครับ ขออนุญาตฝากท้องด้วยคนนะ”
“ค่ะ”เธอหัวเราะ ก่อนจะเดินนำชายหนุ่มเข้าบ้าน
คุณพิมพ์ดาวที่ยืนมองหนุ่มสาวคุยกันอยู่ครู่หนึ่งเดินมาต้อนรับพชรที่เดินตามหลังลูกสาวเข้ามา หล่อนรับไหว้ชายหนุ่มรุ่นลูกก่อนจะยิ้มละไม
“ไหว้พระเถอะลูก แหนะ เรานี่จริงๆเลย แม่บอกว่าไม่ต้องหิ้วอะไรมาฝากไงจ๊ะ”หล่อนว่าพชรอย่างไม่จริงจังนัก เพราะชายหนุ่มคนนี้หอบหิ้วเอาท้องมาฝากด้วยอยู่บ่อยๆจนกลายเป็นคนคุ้นเคยและหล่อนก็รักเหมือนลูกคนหนึ่งไปแล้ว
“ได้ยังไงล่ะครับ ผมมาอาศัยก็ต้องเจียมเนื้อเจียมตัว อีกอย่างคุณฟางก็ตัวเล็กขนาดนี้ต้องหาอาหารมาขุนให้อ้วนซะให้เข็ดเลย”หล่อนยิ้มก่อนจะเดินนำชายหนุ่มไปนั่งตรงโต๊ะอาหาร
“ยายเด็กนี่กินเยอะอย่างกับช้างทั้งโขลงค่ะ แต่ไม่ยักอ้วน”หล่อนเอ่ยเย้าลูกสาวที่กำลังเดินเอาอาหารไปจัดใส่จาน
“คุณน้าก็ดูผอมไปนะครับ แต่รับรองว่าเจออาหารร้านอร่อยของผมจะต้องเจริญอาหารแน่ๆ”หล่อนหัวเราะเมื่อได้ยินพชรอวดอ้างสรรพคุณอาหารราวกับเป็นยาทิพย์
“จ้ะ ถ้าพชรว่างก็แวะมาทานข้าวกับน้าบ่อยๆนะ พรุ่งนี้ยายฟางก็ต้องไปทำงานที่ลำปางแล้ว แม่อยู่บ้านสองคนเจ้าแตงมันเหงา”
“ครับ ผมจะแวะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณน้านะครับ”หล่อนยิ้ม ก่อนจะมองไปทางลูกสาว และสาวใช้ที่ยกอาหารขึ้นโต๊ะ
“น่ากินทั้งนั้นเลยนะคะ อย่างนี้ฟางต้องอ้วนเป็นหมูแน่ๆ”หล่อนและพชรหัวเราะพร้อมกันเมื่อธนันตธรญ์ทำหน้าขยาดอาหารหน้าตาน่ากินตรงหน้าราวกับเป็นยาขม ทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งพูดว่าน่าทานไปหยกๆ
“งั้นทานกันเลยดีกว่าเนอะ”หล่อนหันไปพยักหน้ากับสาวใช้ให้ตักข้าว ตลอดเวลาที่อยู่บนโต๊ะอาหารหล่อนลอบมองสายตาอ่อนโยนของพชรที่ทอดมองบุตรสาว ตักนู่นตักนี่เอาใจลูกน้อยของหล่อนอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง หล่อนคงไม่คิดจะขัดขวางหากพชรจะยังเสมอต้นเสมอปลายคอยดูแลเอาใจใส่ลูกสาวและหล่อนอย่างนี้ไป และทั้งหมดไม่ได้อยู่ในการตัดสินใจของหล่อน เพราะเรื่องนี้ลูกสาวของหล่อนและชายหนุ่มเท่านั้นที่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจว่าเลือกคบหากันในฐานะเพื่อนไปอย่างนี้ หรือในสถานะที่แตกต่างออกไป...
...สายลมแห่งตะวัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ