(FANFIC) THE HUNGER GAME EVOLUTION
1.7
เขียนโดย JOMTUP
วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.49 น.
6 chapter
0 วิจารณ์
10.82K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2557 08.20 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
5) สัมภาษณ์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ กล้องทุกตัวจับแววตาอันเศร้าศร้อยของเจสันก่อนที่ผู้ชมตะหนัก เจสัน ชอบฉัน!บรรณาการเกือบครึ่งหันมามองฉันกับปีเตอร์ฉันอ้าปากค้างด้วยความตกใจปีเตอร์ปั้นสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่ฉันจะเห็นหน้าตัวเองกับปีเตอร์ขึ้นฉายบนหน้าจอฉันก้มหน้าลงเพื่อปกปิดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในใจเสียงพึมพำกลายเป็นเสียงกรีดร้องและร้องไห้กับชะตากรรมในชีวิตของเขา สิ่งเดียวที่ฉันคิดออกคือนี่จะกลายเป็นเกมล่าชีวิตที่สะเทือนอารมณ์ในประวัติศาสตร์พวกเขาคงคิดว่าระหว่างเราสามคนเป็นเรื่องรักสามเศร้าของคนต่างเขตแต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือเขากำลังใช้เราเป็นนกต่อในการได้เปรียบ!ฉันไม่สามารถตั้งสติกับการสัมภาษณ์คนอื่นๆได้แต่สัมผัสได้ว่าไม่มีใครสร้างความตื่นเต้นได้เท่ากับเจสันเลยเมื่อถึงตาฉันแทนที่ฉันจะได้ขึ้นไปสัมภาษณ์เพียงคนเดียวแต่ทีมงานกลับพาปีเตอร์ขึ้นมาด้วย พวกเขาจะทำอะไร ฉันคิดจนกระทั่งตอนที่เรานั่งลงทีมงานต้องยกเก้าอี้อีกตัวเข้ามาให้เราได้นั่ง
“เอาหละ คำถามแรกนะครับที่คาใจพวกเรา คุณกับปีเตอร์เป็น เอ่อ….แฟนกันใช่ไหม” ซีซาร์ถามออกมาตรงๆฉันอ้าปากค้างตะลึงกับสิ่งที่เขาถาม
“ใช่ครับ” ปีเตอร์ตอบแทนฉันสะดุ้งกับคำตอบและหันไปมองหน้าเขา ปีเตอร์ทำหน้าเรียบเฉย เสียงพึมพำเห็นใจจากผู้ชมทำให้ฉันได้สติว่าตอนนี้ฉันกำลังออกทีวีอยู่
“แล้วคุณสองคนรู้หรือไม่เรื่อง เจสัน?” ซีซาร์ถามปีเตอร์เอามือแตะฉันเป็นเชิงบอกให้ฉันพูด
“เอ่อ…ฉันก็ไม่รู้ค่ะจนตอนนี้” ฉันว่าในใจเริ่มสับสนนี่เขาวางแผนกันมาหรือเปล่า?
“แล้วคุณรุ้สึกยังไงครับ?” รู้สึกยังไงหรือ?ฉันจะตอบว่าอย่างไรดี
“ผมคิดว่าเราสามคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันที่จริงผมก็ไม่โทษเขาหรอกครับเพราะที่โรงเรียนก็มีผู้ชายหลายคนมาชอบเธอ” ปีเตอร์ตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคงและคล่องแคล่ว
“โอ้…ช่างโชคร้ายเสียจริง ผมคงพูดได้ว่าเราคงเอาใจช่วยคุณ” ซีซาร์พูดก่อนจะเรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมได้อย่างล้นหลาม
“ทีนี้ผมของสัมภาษณ์ที่ละคนนะครับ” พวกเขาชิญปีเตอร์กลับออกไปก่อนจะสัมภาษณ์ฉัน
“เอาละครับ แวนด้า ทีนี้เรามาคุยเรื่องของคุณ คุณรู้สึกอย่างไรที่ เจสันพูดแบบนั้น?” ซีซาร์เริ่มฉันรู้สึกเหมือนเราคงไม่ออกประเด็นไปไหนนอกจากเรื่องพวกนี้ดังนั้นมีทางเดียวคือฉันต้องสร้างเรื่อง
“ฉันก็ สับสนค่ะเพราะฉันไม่เคยนึกมาก่อนว่าเขาจะ….ชอบฉัน” คำพูดส่วนท้ายๆของฉันดูกระตุกไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลยแต่แก้มที่เริ่มแดงระเรื่อยช่วยกลบเกลื่อนว่าฉันกำลังเขินอาย
“แล้วคุณรู้สึกยังไงครับกับตอนนี้ที่คุณมีแฟนแล้วคุณชอบเจสันไหม?” ซีซาร์ถามต่อ
“ฉันไม่รู้เหมือนกันค่ะจริงๆเราสองคนเหมือนเป็นเพื่อนมากกว่าและเขาก็ดูสนิทสนมกับปีเตอร์ดีช่วยเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นได้ไหมค่ะ” ฉันว่าและแอบบถามเขากลับ
“โอเคครับงั้นเราจะให้ความเป็นส่วนตัวกับเรื่องนี้ ทีนี้เรามาเรื่อง คะแนนฝึกซ้อม สิบคะแนน ช่วยบอกหน่อยสิครับว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ฉันแสดงทักษะที่ไม่มีใครคาดคิดว่าฉันทำได้นะค่ะ” ฉันตอบแบบกำกวมเพราะกลัวว่าหากพูดออกไปจุดแข็งฉันก็จะเผยออกมา
“แล้วทักษะที่ว่าคืออะไรครับ” ซีซาร์กระเซ้าต่อ
“ฉันคิดว่าเรื่องนี้ที่ปรึกษาของเราคงจะไม่ให้เราพูด” ฉันตอบกลับรู้สึกเริ่มสนุกกับการสัมภาษณ์ขึ้น
“โอเค ครับ งั้นเรามาถามเรื่องคุณกับแคตนิส คุณเป็นเด็กกำพร้ามาก่อนฉันไหม?”
“ค่ะ” ฉันตอบและพยายามทำเสียงให้ดูน่าสงสาร ฉันคิดว่าหลายคนคงเชื่อจากเสียงพึมพำเห็นใจ
“แล้วคุณเจอพวกเขาได้ยังไง”
“ฉันหนีออกมาจากที่นั่นวิ่งสะเปะสะปะไปทั่วจนหมดสติที่ทุ่งหญ้าประจำเขตพอตื่นขึ้นมาฉันก็เจอพวกเขาจากนั้นฉันจึงอยู่กับพวกเขาคอยช่วยเหลือและเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว” ฉันเล่าแบบย่อๆ
“แล้ววันที่คุณอาสาแทน พริมโรส เอฟเวอร์ดีน คุณคิดอะไรครับ” คำถามนั้นทำให้ฉันรู้สึกถึงดวงตาที่เริ่มร้อนผ่าวจากน้ำตาฉันรีบกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่มันออกก่อนจะพูดต่อ
“ฉันคิดแค่ว่าฉันไม่อาจเสียเธอไปเธอเป็นน้องสาวฉันครอบครัวฉัน” ฉันตอบเสียงสั่น
“แล้วเธอมาร่ำลาคุณไหมครับ” ซีซาร์จับมือฉันไว้และลูบปลอบใจเบาๆ
“ค่ะ เธอมา” ฉันตอบ
“แล้วคำพูดสุดท้ายที่คุณพูดกับเธอคืออะไรครับ”
“ฉันบอกว่าฉันจะชนะ บอกว่าจะสู้เพื่อ…เธอ” ฉันตอบ
“ผมคิดว่าคุณจต้องทำแบบนั้น” เสียงออดดังหมดเวลา
“ขอโทษครับเวลาของเราหมดแล้ว เราขอเอาใจช่วยพวกคุณ แวนด้า เอฟเวอร์ดีนบรรณาการจากเขต12”
ฉันลุกขึ้นก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวให้พวกเขาดูหนึ่งครั้งและเดินกลับเข้าไปท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นและเสียงปรบมือต่อเนื่องยาวนานฉันเดินผ่านปีเตอร์เขาพยักหน้าเล็กน้ยก่อนจะเดินขึ้นไปฉันดูปีเตอร์ให้สัมภาษณ์อย่างใจจดใจจ่อเขาดูเข้ากันดีกับซีซาร์แตกต่างจากการสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ลิบลับทั้งเรื่องของการเล่นมุกขำขันหรือเรื่องการสารภาพรักต่อฉัน ฉันอยากให้สิ่งที่เขาพูดนั้นให้ฉันได้ยินคนเดียวมากกว่าจะประกาศโต้งๆแบบนี้แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เคยพูดไว้ฉันจึงได้แต่สลัดความคิดนั้นทิ้งไป
“ทีนี้ปีเตอร์เราอยากจะให้คุณเล่าเรื่องของคุณกับแวนด้า เอฟเวอร์ดีนหน่อยว่าคุณเจอเธอได้อย่างไร” ซีซาร์ถามปีเตอร์เขาขหมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูด
“ทีจริงผมยังไม่รู้จักเธอแบบเป็นทางการมากนักครับจนกระทั่งแคตนิสกับพีต้ากลับมาในฐานะผู้พิชิตเราชอบไปกินมื้อค่ำที่บ้านของกันและกัน ผมประทับใจเธอมากในวันแรกที่เห็นเพราะแวนด้าเป็นคนดีเธอมักจะคอยเอาอาหารไปไล่แจกเด็กที่ยากจนอยู่เสมอ ผมถามเธอว่าทำไม เธอตอบว่า เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุข และตอนที่เธอยิ้มผมถึงรู้ว่าผมสยบต่อเธอแล้ว” ถ้อยคำพรั่งพรูออกจากปากของปีเตอร์เรื่องราวบางส่วนมีความจริงปนอยู่บ้างและเขาคงสร้างเรื่องขึ้นมาด้วยเพราะเรารู้จักกันมาตั้งแต่ฉันอยู่ที่เดอะซีมไม่ใช่ตั้งแต่ที่เราอยู่ในหมู่บ้านผู้พิชิต
เมื่อการสัมภาษณ์จบลงปีเตอร์เดินกลับออกมาพร้อมเสียงปรบมือดังยาวนานเราไปรวมตัวกับทีมของเราและกลับขึ้นไปยังชั้นของเราเนื่องจากเราเป็นกลุ่มสุดท้ายจึงไม่มีใครรอเราพรุ่งนี้ฉันกับปีเตอร์จะต้องเข้าสู่สนามประลองดังนั้นเราควรต้องพักผ่อน
“เราจะมีสปอนเซอร์ไหม” ฉันถามทำลายบรรยากาศความเงียบในลิฟท์
“แน่นอน จากการสัมภาษณ์ของพวกเธอฉันคิดว่าคงมี” เอฟฟี่พูด
เมื่อขึ้นไปถึงฉันรู้ว่าเฮย์มิตต์กับเอฟฟี่จะไม่ไปกับเราทันทีที่ออกจากที่นี่ทั้งสองจะเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของเกมล่าชีวิตดังนั้นเราต้องร่ำลากันตรงนี้ เอฟฟี่กอดเราสองคนไว้แน่นและอวยพรให้เราโชคดีก่อนจะเดินจากไปทิ้งไว้แต่เพียงเฮย์มิตต์ ความรู้สึกผิดแวบขึ้นมาในใจที่ฉันตะคอกใส่เขา
“ฉันอยากขอโทษเรื่องเมื่อวาน” ฉันพูด
“ไม่ต้องหรอกฉันเองก็ขอโทษที่บังคับเธอ” เฮย์มิตต์พูดและยิ้มน้อยๆ
“มีคำแนะนำสุดท้ายหรือเปล่าครับ” ปีเตอร์ถาม
“ทันทีที่สิ้นสุดเสียงฆ้องวิ่งให้เร็วที่สุดคว้าอะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้ตัวเราและออกวิ่งอย่าหันหลังกลับมามองเป็นอันขาดซ่อนตัวไว้ทิ้งระยะห่างจากคอร์นูโคเปียให้มากที่สุดหาแหล่งน้ำให้พบนั่นคือจุดที่พวกเรานัดกันไว้แหล่งน้ำแห่งแรกในลานประลอง ตามหากันให้เจอและ….จงเอาชีวิตรอด” เฮย์มิตต์พูด ก่อนจะกอดเราสองคนเอาไว้
“ขอบคุณนะ” ฉันกับปีเตอร์พูดพร้อมกัน
เมื่อกลับมาถึงห้องฉันอาบน้ำล้างคราบสีทองและทุกอย่างออกให้หมดยกเว้นก็แต่ผมที่ล้างไม่ออกจริงๆฉันตั้งใจจะเก็บมันไว้ด้วยเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับตัวเองว่าฉันคือ แวนด้า หญิงสาวผู้เปล่งประกาย เมื่อหัวถึงหมอนฉันก็นึกถึงแคตนิสเธอไม่อยู่แล้วแต่ต้องเดินทัวร์เพื่อโปรโมทและเฉลิมฉลองก่อนงานแต่งตามเขตต่างๆ ฉันอยากเจอเธอเหลือเกินแค่สักนาทีก็ยังดีความคิดนี้นำพาฉันให้นึกถึงพริมและแม่ทั้งสองจะเป็นอย่างไรพวกเขาได้นั่งดูการให้สัมภาษณ์หรือเปล่า ต้องดูสิอย่างน้อยเสียงเชียร์จากผู้ชมจะทำให้พวกเขาใจชื้นขึ้นหรือหวาผวายิ่งคิดฉันยิ่งรู้สึกถึงขอบตาที่ยิ่งร้อนผ่าวฉันกระพริบไล่มันไปก่อนจะลุกออกจากเตียงฉันเจอปากกากับกระดาษที่จริงมันเป็นกระดาษสำหรับจดเมนูอาหารแต่อีกด้านเป็นหน้าเปล่าฉันลงมือเขียนจดหมายถึงแคตนิสและแม่กับพริมบอกลาพวกเขาเพราะฉันคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วและขอบคุณสำหรับทุกๆอย่าง เมื่อเขียนเสร็จ ฉันก็พบกับความโล่งอกอย่างน้อยพวกเขาก็ได้รับรู้ถึงคำล่ำลาของฉันเมื่อมีคนมาเก็บกวาดห้องพวกเขาคงเห็นจดหมายนี้ฉันล้มตัวลงนอนและผล็อยหลับลงไปแค่ไม่กี่นาที
ตอนเช้าฉันถูกปลุกให้ตื่นตอนเวลาตีสี่ครึ่งออกจะเช้าเกินไปหน่อยเพราะฉันยังรู้สึกงัวเงียอยู่ซินน่าพาฉันไปยังดาดฟ้าที่มียานฮูเวอร์คราฟจอดรออยู่เมื่อเข้าไปในยานผู้หญิงคนหนึ่งถือเข็มมา
“เครื่องติดตามตัว” เธอพูดเสียงห้วนๆก่อนจะฉีดมันเข้าที่ท้องแขนฉันแล้วเดินจากไปฉันพยายามปลุกตัวเองให้ตื่นแต่ทำไม่ได้สุดท้ายฉันทนไม่ไหวพวกเขาจึงพาฉันไปอีกห้องและจัดเตียงให้ฉันกระโดขึ้นเตียงอีกครั้งและหลับลงไปอีกครั้ง ฉันตื่นขึ้นอีกทีเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าเราใช้เวลาเดินทางสู่สนามประลองสามชั่วโมง ฉันลุกออกจากเตียงซินน่ารออยู่ก่อนแล้วบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมายฉันนั่งกินอาหารเงียบๆแต่ทว่าฉันแทบไม่รู้สึกถึงรสชาติมันเลยแต่ฉันก็กินให้มากที่สุดรู้สึกมือตัวเองเย็นเฉียบ ฉันมองออกไปนอกหน้าตาเห็นท้องฟ้าสีครามสวยงามสักพักหน้าต่างทุกบานก็ปิดลงจนมืดสนิทนั่นแปลว่าเราเข้าใกล้สนามประลองแล้วยานร่อนลงจอดซินน่ากับฉันเดินไปที่บันใดเพียงแต่ตอนนี้มันเป็นทางเข้าสู่ใต้ดินซึ่งอยู่ใต้สนามประลองโดยพวกเขาสร้างสนามประลองเลียนแบบ โครอสเซี่ยม ซึ่งเป็นสถานต่อสู้ของเหล่านักรบในประวัติศาสตร์หลายร้อยปีมากแล้วเราเดินไปตามทางที่พวกเขากำหนดก่อนจะเข้าสู่ห้องซึ่งเป็นห้องปล่อยตัวของฉัน ห้องใหม่เอี่ยมไร้ที่ติฉันจะเป็นบรรณาการคนแรกและคนเดียวที่ใช้ห้องปล่อยตัวนี้
ฉันอาบน้ำแปรงฟันขัดถูทุกส่วนให้สะอาดจากนั้นจึงทำผมด้วยการมัดรวบไว้ด้านหลังจากนั้นจึงแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าซินน่าบอกว่าปีนี้สไตลิสต์ทุกคนมีสิทธ์ในการปรับแต่งชุดให้กับบรรณาการของตัวเองเพียงแต่ต้องตัดเย็บออกมาเป็นแบบเดียวกัน
“ฉันออกแบบให้มันสะท้อนความร้อนจากร่างกายหากอากาศหนาวแต่เมื่ออากาศร้อนมันจะระบายความร้อนออกไปและมันจะระบายความชื้นเร็วกว่าเสื้อผ้าทั่วไป” ซินน่าบอกก่อนจะช่วยฉันแต่งตัวเสื้อในสุดเป็นสีดำคอวีพอดีกับตัวฉันกางเกงเป็นกางเกงขายาวสีดำตอนแรกฉันคิดว่ามันคงจะแน่นแนบติดขาจากรูปกางเกงที่ฉันเห็นแต่กลับไม่ใช่มันดูแข็งแรงและมั่นคงแต่เนื้อผ้ากลับอ่อนนุ่มสบายเมื่อแต่งตัวเสร็จซินน่าเอาแจ๊กเก็ตหนังมาสวมให้ฉันพร้อมกับถุงเท้ากับรองเท้าบู๊ตเมื่อแต่งตัวเสร็จฉันเดินไปรอบๆซินน่าออกแบบทุกอย่างในชุดนี้ทั้งถุงเท้าที่ระบายเอากลิ่นอับออกและยืดหยุ่นร้องเท้าบู๊ตหนานแต่นุ่มมีดอกยางช่วยให้วิ่งและเกาะพื้นได้ดีและไม่อมน้ำ แม้กระทั่งเข็มขัดสีน้ำตาลเขาใส่เป็นช่องเก็บของเล็กที่พอจะใส่มีดได้สักเล่มเพียงแต่ตอนนี้มันกลับว่างเราไม่ได้รับอนุญาติให้นำสิ่งของที่เป็นอาวุธเข้าไปในสนามประลองแม้กระทั่งสร้อยคอของฉันพวกเขาก็เกือบจะไม่พิจารณาให้ผ่านเพราะรูปนกม็อกกิ้งเจย์คาบลูกธนูที่ดูคล้ายๆปลายแหลมอาจเป็นอาวุธแต่สุดท้ายก็ปล่อยผ่าน ซินน่าหยิบเอาสร้อยคอนกม็อกกิ้งเจย์สวมให้ฉันมันเป็นสร้อยคอเล็กๆ
“แน่ใจแล้วนะว่าทุกอย่างรู้สึกสบาย” ซินน่าถาม
“ค่ะ ทุกอย่างพอดีกับตัวไม่มีตัวไหนแน่นหรือหลวม” ฉันบอก
“ถ้างั้นก็รอสัญญาณอย่างเดียว ยกเว้นเธออยากกินอะไรอีก” ซินน่าบอก
ฉันปฏิเสธอาหารแต่รับน้ำเย็นมาดื่มหนึ่งแก้วใหญ่ฉันพยายามดื่มอย่างช้าจดหมดแก้วเรานั่งรอสัญญาณที่โซฟากุมมือกันเงียบๆ
“ซินน่า” ฉันเรียกชื่อเขา
“อะไรหรือ?” ซินน่าตอบอย่างอ่อนโยนและเอามือลูบหัวฉันเบาๆ
“ฉันเขียนจดหมายถึงแคตนิสกับครอบครัววางไว้ในห้องฉันจะฝากคุณเอาไปให้เธอได้ไหม?” ฉันบอก รู้สึกว่าตัวเองสั่นสะท้านไปทั่วร่างเมื่อพูดจบ
“ได้สิ”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบเสียงแผ่ว เรานั่งรออีกประมาณห้านาทีเสียงชวนฟังของหญิงคนหนึ่งบอกว่าถึงเวลาปล่อยตัวแล้วฉันกุมมือซินน่าแว้แน่นก่อนจะเดินไปยืนบนแผ่นเหล็กกลมซินน่าลูบมือฉันเบาๆ
“ฉันไม่มีสิทธ์เดิมพันแต่ถ้าทำได้ฉันเล่นข้างเธอ” ซินน่าบอก
“ฉันจะถือว่าเป็นคำอวยพรนะค่ะ” ฉันตอบ
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” ซินน่ายิ้มให้ “โชคดีนะ หญิงสาวผู้เปล่งประกาย” ซินน่าพูดจบกระบอกแก้วก็เลื่นลงมาครอบตัวฉัน ซินน่าพยักหน้าให้เป็นเชิงบอกว่าเชิดหน้าเข้าไว้ฉันยืนหลังตรงเชิดหน้าจากนั้นแผ่นเหล็กจึงค่อยๆพาฉันเลื่อนขึ้นไปสู่สนามประลองฉันยืนอยู่ในความมืดราวสิบวิบก่อนแผ่นเหล็กจะพาฉันขึ้นสู่สนามประลองโล่งกว้างสุดสายตาเป็นป่าเขียวขจีต้นไม้นานานชนิดขึ้นเต็มไปหมด
จากนั้นจึงได้ยินเสียงประกาศดังกึกก้องรอบตัวฉัน “ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน เกมล่าชีวิตครั้งที่ เจ็ดสิบเก้าเริ่มต้นขึ้นแล้วนะบัดนี้”
“เอาหละ คำถามแรกนะครับที่คาใจพวกเรา คุณกับปีเตอร์เป็น เอ่อ….แฟนกันใช่ไหม” ซีซาร์ถามออกมาตรงๆฉันอ้าปากค้างตะลึงกับสิ่งที่เขาถาม
“ใช่ครับ” ปีเตอร์ตอบแทนฉันสะดุ้งกับคำตอบและหันไปมองหน้าเขา ปีเตอร์ทำหน้าเรียบเฉย เสียงพึมพำเห็นใจจากผู้ชมทำให้ฉันได้สติว่าตอนนี้ฉันกำลังออกทีวีอยู่
“แล้วคุณสองคนรู้หรือไม่เรื่อง เจสัน?” ซีซาร์ถามปีเตอร์เอามือแตะฉันเป็นเชิงบอกให้ฉันพูด
“เอ่อ…ฉันก็ไม่รู้ค่ะจนตอนนี้” ฉันว่าในใจเริ่มสับสนนี่เขาวางแผนกันมาหรือเปล่า?
“แล้วคุณรุ้สึกยังไงครับ?” รู้สึกยังไงหรือ?ฉันจะตอบว่าอย่างไรดี
“ผมคิดว่าเราสามคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันที่จริงผมก็ไม่โทษเขาหรอกครับเพราะที่โรงเรียนก็มีผู้ชายหลายคนมาชอบเธอ” ปีเตอร์ตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคงและคล่องแคล่ว
“โอ้…ช่างโชคร้ายเสียจริง ผมคงพูดได้ว่าเราคงเอาใจช่วยคุณ” ซีซาร์พูดก่อนจะเรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมได้อย่างล้นหลาม
“ทีนี้ผมของสัมภาษณ์ที่ละคนนะครับ” พวกเขาชิญปีเตอร์กลับออกไปก่อนจะสัมภาษณ์ฉัน
“เอาละครับ แวนด้า ทีนี้เรามาคุยเรื่องของคุณ คุณรู้สึกอย่างไรที่ เจสันพูดแบบนั้น?” ซีซาร์เริ่มฉันรู้สึกเหมือนเราคงไม่ออกประเด็นไปไหนนอกจากเรื่องพวกนี้ดังนั้นมีทางเดียวคือฉันต้องสร้างเรื่อง
“ฉันก็ สับสนค่ะเพราะฉันไม่เคยนึกมาก่อนว่าเขาจะ….ชอบฉัน” คำพูดส่วนท้ายๆของฉันดูกระตุกไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลยแต่แก้มที่เริ่มแดงระเรื่อยช่วยกลบเกลื่อนว่าฉันกำลังเขินอาย
“แล้วคุณรู้สึกยังไงครับกับตอนนี้ที่คุณมีแฟนแล้วคุณชอบเจสันไหม?” ซีซาร์ถามต่อ
“ฉันไม่รู้เหมือนกันค่ะจริงๆเราสองคนเหมือนเป็นเพื่อนมากกว่าและเขาก็ดูสนิทสนมกับปีเตอร์ดีช่วยเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นได้ไหมค่ะ” ฉันว่าและแอบบถามเขากลับ
“โอเคครับงั้นเราจะให้ความเป็นส่วนตัวกับเรื่องนี้ ทีนี้เรามาเรื่อง คะแนนฝึกซ้อม สิบคะแนน ช่วยบอกหน่อยสิครับว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ฉันแสดงทักษะที่ไม่มีใครคาดคิดว่าฉันทำได้นะค่ะ” ฉันตอบแบบกำกวมเพราะกลัวว่าหากพูดออกไปจุดแข็งฉันก็จะเผยออกมา
“แล้วทักษะที่ว่าคืออะไรครับ” ซีซาร์กระเซ้าต่อ
“ฉันคิดว่าเรื่องนี้ที่ปรึกษาของเราคงจะไม่ให้เราพูด” ฉันตอบกลับรู้สึกเริ่มสนุกกับการสัมภาษณ์ขึ้น
“โอเค ครับ งั้นเรามาถามเรื่องคุณกับแคตนิส คุณเป็นเด็กกำพร้ามาก่อนฉันไหม?”
“ค่ะ” ฉันตอบและพยายามทำเสียงให้ดูน่าสงสาร ฉันคิดว่าหลายคนคงเชื่อจากเสียงพึมพำเห็นใจ
“แล้วคุณเจอพวกเขาได้ยังไง”
“ฉันหนีออกมาจากที่นั่นวิ่งสะเปะสะปะไปทั่วจนหมดสติที่ทุ่งหญ้าประจำเขตพอตื่นขึ้นมาฉันก็เจอพวกเขาจากนั้นฉันจึงอยู่กับพวกเขาคอยช่วยเหลือและเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว” ฉันเล่าแบบย่อๆ
“แล้ววันที่คุณอาสาแทน พริมโรส เอฟเวอร์ดีน คุณคิดอะไรครับ” คำถามนั้นทำให้ฉันรู้สึกถึงดวงตาที่เริ่มร้อนผ่าวจากน้ำตาฉันรีบกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่มันออกก่อนจะพูดต่อ
“ฉันคิดแค่ว่าฉันไม่อาจเสียเธอไปเธอเป็นน้องสาวฉันครอบครัวฉัน” ฉันตอบเสียงสั่น
“แล้วเธอมาร่ำลาคุณไหมครับ” ซีซาร์จับมือฉันไว้และลูบปลอบใจเบาๆ
“ค่ะ เธอมา” ฉันตอบ
“แล้วคำพูดสุดท้ายที่คุณพูดกับเธอคืออะไรครับ”
“ฉันบอกว่าฉันจะชนะ บอกว่าจะสู้เพื่อ…เธอ” ฉันตอบ
“ผมคิดว่าคุณจต้องทำแบบนั้น” เสียงออดดังหมดเวลา
“ขอโทษครับเวลาของเราหมดแล้ว เราขอเอาใจช่วยพวกคุณ แวนด้า เอฟเวอร์ดีนบรรณาการจากเขต12”
ฉันลุกขึ้นก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวให้พวกเขาดูหนึ่งครั้งและเดินกลับเข้าไปท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นและเสียงปรบมือต่อเนื่องยาวนานฉันเดินผ่านปีเตอร์เขาพยักหน้าเล็กน้ยก่อนจะเดินขึ้นไปฉันดูปีเตอร์ให้สัมภาษณ์อย่างใจจดใจจ่อเขาดูเข้ากันดีกับซีซาร์แตกต่างจากการสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ลิบลับทั้งเรื่องของการเล่นมุกขำขันหรือเรื่องการสารภาพรักต่อฉัน ฉันอยากให้สิ่งที่เขาพูดนั้นให้ฉันได้ยินคนเดียวมากกว่าจะประกาศโต้งๆแบบนี้แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เคยพูดไว้ฉันจึงได้แต่สลัดความคิดนั้นทิ้งไป
“ทีนี้ปีเตอร์เราอยากจะให้คุณเล่าเรื่องของคุณกับแวนด้า เอฟเวอร์ดีนหน่อยว่าคุณเจอเธอได้อย่างไร” ซีซาร์ถามปีเตอร์เขาขหมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูด
“ทีจริงผมยังไม่รู้จักเธอแบบเป็นทางการมากนักครับจนกระทั่งแคตนิสกับพีต้ากลับมาในฐานะผู้พิชิตเราชอบไปกินมื้อค่ำที่บ้านของกันและกัน ผมประทับใจเธอมากในวันแรกที่เห็นเพราะแวนด้าเป็นคนดีเธอมักจะคอยเอาอาหารไปไล่แจกเด็กที่ยากจนอยู่เสมอ ผมถามเธอว่าทำไม เธอตอบว่า เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุข และตอนที่เธอยิ้มผมถึงรู้ว่าผมสยบต่อเธอแล้ว” ถ้อยคำพรั่งพรูออกจากปากของปีเตอร์เรื่องราวบางส่วนมีความจริงปนอยู่บ้างและเขาคงสร้างเรื่องขึ้นมาด้วยเพราะเรารู้จักกันมาตั้งแต่ฉันอยู่ที่เดอะซีมไม่ใช่ตั้งแต่ที่เราอยู่ในหมู่บ้านผู้พิชิต
เมื่อการสัมภาษณ์จบลงปีเตอร์เดินกลับออกมาพร้อมเสียงปรบมือดังยาวนานเราไปรวมตัวกับทีมของเราและกลับขึ้นไปยังชั้นของเราเนื่องจากเราเป็นกลุ่มสุดท้ายจึงไม่มีใครรอเราพรุ่งนี้ฉันกับปีเตอร์จะต้องเข้าสู่สนามประลองดังนั้นเราควรต้องพักผ่อน
“เราจะมีสปอนเซอร์ไหม” ฉันถามทำลายบรรยากาศความเงียบในลิฟท์
“แน่นอน จากการสัมภาษณ์ของพวกเธอฉันคิดว่าคงมี” เอฟฟี่พูด
เมื่อขึ้นไปถึงฉันรู้ว่าเฮย์มิตต์กับเอฟฟี่จะไม่ไปกับเราทันทีที่ออกจากที่นี่ทั้งสองจะเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของเกมล่าชีวิตดังนั้นเราต้องร่ำลากันตรงนี้ เอฟฟี่กอดเราสองคนไว้แน่นและอวยพรให้เราโชคดีก่อนจะเดินจากไปทิ้งไว้แต่เพียงเฮย์มิตต์ ความรู้สึกผิดแวบขึ้นมาในใจที่ฉันตะคอกใส่เขา
“ฉันอยากขอโทษเรื่องเมื่อวาน” ฉันพูด
“ไม่ต้องหรอกฉันเองก็ขอโทษที่บังคับเธอ” เฮย์มิตต์พูดและยิ้มน้อยๆ
“มีคำแนะนำสุดท้ายหรือเปล่าครับ” ปีเตอร์ถาม
“ทันทีที่สิ้นสุดเสียงฆ้องวิ่งให้เร็วที่สุดคว้าอะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้ตัวเราและออกวิ่งอย่าหันหลังกลับมามองเป็นอันขาดซ่อนตัวไว้ทิ้งระยะห่างจากคอร์นูโคเปียให้มากที่สุดหาแหล่งน้ำให้พบนั่นคือจุดที่พวกเรานัดกันไว้แหล่งน้ำแห่งแรกในลานประลอง ตามหากันให้เจอและ….จงเอาชีวิตรอด” เฮย์มิตต์พูด ก่อนจะกอดเราสองคนเอาไว้
“ขอบคุณนะ” ฉันกับปีเตอร์พูดพร้อมกัน
เมื่อกลับมาถึงห้องฉันอาบน้ำล้างคราบสีทองและทุกอย่างออกให้หมดยกเว้นก็แต่ผมที่ล้างไม่ออกจริงๆฉันตั้งใจจะเก็บมันไว้ด้วยเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับตัวเองว่าฉันคือ แวนด้า หญิงสาวผู้เปล่งประกาย เมื่อหัวถึงหมอนฉันก็นึกถึงแคตนิสเธอไม่อยู่แล้วแต่ต้องเดินทัวร์เพื่อโปรโมทและเฉลิมฉลองก่อนงานแต่งตามเขตต่างๆ ฉันอยากเจอเธอเหลือเกินแค่สักนาทีก็ยังดีความคิดนี้นำพาฉันให้นึกถึงพริมและแม่ทั้งสองจะเป็นอย่างไรพวกเขาได้นั่งดูการให้สัมภาษณ์หรือเปล่า ต้องดูสิอย่างน้อยเสียงเชียร์จากผู้ชมจะทำให้พวกเขาใจชื้นขึ้นหรือหวาผวายิ่งคิดฉันยิ่งรู้สึกถึงขอบตาที่ยิ่งร้อนผ่าวฉันกระพริบไล่มันไปก่อนจะลุกออกจากเตียงฉันเจอปากกากับกระดาษที่จริงมันเป็นกระดาษสำหรับจดเมนูอาหารแต่อีกด้านเป็นหน้าเปล่าฉันลงมือเขียนจดหมายถึงแคตนิสและแม่กับพริมบอกลาพวกเขาเพราะฉันคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วและขอบคุณสำหรับทุกๆอย่าง เมื่อเขียนเสร็จ ฉันก็พบกับความโล่งอกอย่างน้อยพวกเขาก็ได้รับรู้ถึงคำล่ำลาของฉันเมื่อมีคนมาเก็บกวาดห้องพวกเขาคงเห็นจดหมายนี้ฉันล้มตัวลงนอนและผล็อยหลับลงไปแค่ไม่กี่นาที
ตอนเช้าฉันถูกปลุกให้ตื่นตอนเวลาตีสี่ครึ่งออกจะเช้าเกินไปหน่อยเพราะฉันยังรู้สึกงัวเงียอยู่ซินน่าพาฉันไปยังดาดฟ้าที่มียานฮูเวอร์คราฟจอดรออยู่เมื่อเข้าไปในยานผู้หญิงคนหนึ่งถือเข็มมา
“เครื่องติดตามตัว” เธอพูดเสียงห้วนๆก่อนจะฉีดมันเข้าที่ท้องแขนฉันแล้วเดินจากไปฉันพยายามปลุกตัวเองให้ตื่นแต่ทำไม่ได้สุดท้ายฉันทนไม่ไหวพวกเขาจึงพาฉันไปอีกห้องและจัดเตียงให้ฉันกระโดขึ้นเตียงอีกครั้งและหลับลงไปอีกครั้ง ฉันตื่นขึ้นอีกทีเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าเราใช้เวลาเดินทางสู่สนามประลองสามชั่วโมง ฉันลุกออกจากเตียงซินน่ารออยู่ก่อนแล้วบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมายฉันนั่งกินอาหารเงียบๆแต่ทว่าฉันแทบไม่รู้สึกถึงรสชาติมันเลยแต่ฉันก็กินให้มากที่สุดรู้สึกมือตัวเองเย็นเฉียบ ฉันมองออกไปนอกหน้าตาเห็นท้องฟ้าสีครามสวยงามสักพักหน้าต่างทุกบานก็ปิดลงจนมืดสนิทนั่นแปลว่าเราเข้าใกล้สนามประลองแล้วยานร่อนลงจอดซินน่ากับฉันเดินไปที่บันใดเพียงแต่ตอนนี้มันเป็นทางเข้าสู่ใต้ดินซึ่งอยู่ใต้สนามประลองโดยพวกเขาสร้างสนามประลองเลียนแบบ โครอสเซี่ยม ซึ่งเป็นสถานต่อสู้ของเหล่านักรบในประวัติศาสตร์หลายร้อยปีมากแล้วเราเดินไปตามทางที่พวกเขากำหนดก่อนจะเข้าสู่ห้องซึ่งเป็นห้องปล่อยตัวของฉัน ห้องใหม่เอี่ยมไร้ที่ติฉันจะเป็นบรรณาการคนแรกและคนเดียวที่ใช้ห้องปล่อยตัวนี้
ฉันอาบน้ำแปรงฟันขัดถูทุกส่วนให้สะอาดจากนั้นจึงทำผมด้วยการมัดรวบไว้ด้านหลังจากนั้นจึงแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าซินน่าบอกว่าปีนี้สไตลิสต์ทุกคนมีสิทธ์ในการปรับแต่งชุดให้กับบรรณาการของตัวเองเพียงแต่ต้องตัดเย็บออกมาเป็นแบบเดียวกัน
“ฉันออกแบบให้มันสะท้อนความร้อนจากร่างกายหากอากาศหนาวแต่เมื่ออากาศร้อนมันจะระบายความร้อนออกไปและมันจะระบายความชื้นเร็วกว่าเสื้อผ้าทั่วไป” ซินน่าบอกก่อนจะช่วยฉันแต่งตัวเสื้อในสุดเป็นสีดำคอวีพอดีกับตัวฉันกางเกงเป็นกางเกงขายาวสีดำตอนแรกฉันคิดว่ามันคงจะแน่นแนบติดขาจากรูปกางเกงที่ฉันเห็นแต่กลับไม่ใช่มันดูแข็งแรงและมั่นคงแต่เนื้อผ้ากลับอ่อนนุ่มสบายเมื่อแต่งตัวเสร็จซินน่าเอาแจ๊กเก็ตหนังมาสวมให้ฉันพร้อมกับถุงเท้ากับรองเท้าบู๊ตเมื่อแต่งตัวเสร็จฉันเดินไปรอบๆซินน่าออกแบบทุกอย่างในชุดนี้ทั้งถุงเท้าที่ระบายเอากลิ่นอับออกและยืดหยุ่นร้องเท้าบู๊ตหนานแต่นุ่มมีดอกยางช่วยให้วิ่งและเกาะพื้นได้ดีและไม่อมน้ำ แม้กระทั่งเข็มขัดสีน้ำตาลเขาใส่เป็นช่องเก็บของเล็กที่พอจะใส่มีดได้สักเล่มเพียงแต่ตอนนี้มันกลับว่างเราไม่ได้รับอนุญาติให้นำสิ่งของที่เป็นอาวุธเข้าไปในสนามประลองแม้กระทั่งสร้อยคอของฉันพวกเขาก็เกือบจะไม่พิจารณาให้ผ่านเพราะรูปนกม็อกกิ้งเจย์คาบลูกธนูที่ดูคล้ายๆปลายแหลมอาจเป็นอาวุธแต่สุดท้ายก็ปล่อยผ่าน ซินน่าหยิบเอาสร้อยคอนกม็อกกิ้งเจย์สวมให้ฉันมันเป็นสร้อยคอเล็กๆ
“แน่ใจแล้วนะว่าทุกอย่างรู้สึกสบาย” ซินน่าถาม
“ค่ะ ทุกอย่างพอดีกับตัวไม่มีตัวไหนแน่นหรือหลวม” ฉันบอก
“ถ้างั้นก็รอสัญญาณอย่างเดียว ยกเว้นเธออยากกินอะไรอีก” ซินน่าบอก
ฉันปฏิเสธอาหารแต่รับน้ำเย็นมาดื่มหนึ่งแก้วใหญ่ฉันพยายามดื่มอย่างช้าจดหมดแก้วเรานั่งรอสัญญาณที่โซฟากุมมือกันเงียบๆ
“ซินน่า” ฉันเรียกชื่อเขา
“อะไรหรือ?” ซินน่าตอบอย่างอ่อนโยนและเอามือลูบหัวฉันเบาๆ
“ฉันเขียนจดหมายถึงแคตนิสกับครอบครัววางไว้ในห้องฉันจะฝากคุณเอาไปให้เธอได้ไหม?” ฉันบอก รู้สึกว่าตัวเองสั่นสะท้านไปทั่วร่างเมื่อพูดจบ
“ได้สิ”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบเสียงแผ่ว เรานั่งรออีกประมาณห้านาทีเสียงชวนฟังของหญิงคนหนึ่งบอกว่าถึงเวลาปล่อยตัวแล้วฉันกุมมือซินน่าแว้แน่นก่อนจะเดินไปยืนบนแผ่นเหล็กกลมซินน่าลูบมือฉันเบาๆ
“ฉันไม่มีสิทธ์เดิมพันแต่ถ้าทำได้ฉันเล่นข้างเธอ” ซินน่าบอก
“ฉันจะถือว่าเป็นคำอวยพรนะค่ะ” ฉันตอบ
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” ซินน่ายิ้มให้ “โชคดีนะ หญิงสาวผู้เปล่งประกาย” ซินน่าพูดจบกระบอกแก้วก็เลื่นลงมาครอบตัวฉัน ซินน่าพยักหน้าให้เป็นเชิงบอกว่าเชิดหน้าเข้าไว้ฉันยืนหลังตรงเชิดหน้าจากนั้นแผ่นเหล็กจึงค่อยๆพาฉันเลื่อนขึ้นไปสู่สนามประลองฉันยืนอยู่ในความมืดราวสิบวิบก่อนแผ่นเหล็กจะพาฉันขึ้นสู่สนามประลองโล่งกว้างสุดสายตาเป็นป่าเขียวขจีต้นไม้นานานชนิดขึ้นเต็มไปหมด
จากนั้นจึงได้ยินเสียงประกาศดังกึกก้องรอบตัวฉัน “ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน เกมล่าชีวิตครั้งที่ เจ็ดสิบเก้าเริ่มต้นขึ้นแล้วนะบัดนี้”
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
1 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ