[Fic EXO] Tears of the weak {HunBaek}
6.0
เขียนโดย Mind970515
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 20.58 น.
8 chapter
0 วิจารณ์
19.73K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 21.16 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
2) ไม่ปล่อย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแค่เพียงคิดจะเอื้อมมือเข้าไป....มันก็ยิ่งกลับเจือนจางหายไป ทีละนิด ทีละนิด จนมองไม่เห็นปลายทาง
“พี่แบค !!” คนตัวเล็กหันไปตามเสียงใหญ่นั้นก่อนจะรีบปาดน้ำตาที่ติดอยู่ตรงคลอเป้าออกไปให้หมดแล้วส่งมอบรอยยิ้มแสนจริงใจไปแทน ถึงแม้มันจะ...เจ็บก็เถอะ
พรึบ
โอบกอดอันกว้างใหญ่ตรงมาที่ตัวของคนตัวเล็กทันทีที่ก้าวเท้าเดินมาถึงตัว คนตัวเล็กก็โอบกอดกลับโต้ตอบด้วยเช่นกันอย่างไม่อายเพราะเขาอยากกอดคนตรงหน้า อยากเป็นมากกว่านั้นกับคนตรงหน้าที่ไม่ใช่....พี่น้องรวมคณะ
“พี่แบค ผมขอโทษนะครับ” เสียงใหญ่พูดเหมือนสำนึกผิดพร้อมกับลูบเส้นผมบางๆนั้น อย่างที่คนตัวเล็กเคยทำให้เขายามเวลาที่เขาอ่อนแอและไม่เหลือใคร แขนเรียวมือกระชับอ้อมกอดให้แน่น
...ขอเวลาแค่เพียงเสี้ยววินาทีก็พอ ฉันขออยู่กับนายในอ้อมกอดนี้หน่อยนะ...
หยาดน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ดีใจ ดีใจที่เด็กหนุ่มหน้าหวานยังสนใจเขาและออกมาตามหา
“พี่แบคอย่าร้องสิ ดูสิผมยังไม่ร้องเลย ^_^” รอยยิ้มอบอุ่นส่งมอบลงมาให้คนตัวเล็กที่กำลังเช็คน้ำตานั้นออก คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองตาเด็กหนุ่มหน้าหวานแล้วยิ้มตอบกลับไป มือใหญ่นั้นยังไม่เลิกยีเส้นผมบางๆของคนตัวเล็กแต่ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็ไม่ได้ถือสาหรือรำคราญอะไรมากมายเพราะเขาดีใจมากกว่า
ที่เด็กหนุ่มหน้าหวานทำแบบนั้นกับเขา มอบยิ้มแสนอ่อนโยนแบบนั้น....ถึงแม้จะไม่ใช่คนรักก็ตาม
“ปะ...ปล่อยพี่ได้แล้วเซฮุน” แขนเล็กสะกิดแขนเสื้อของเด็กหนุ่มหน้าหวานเพื่อบอกให้ปล่อยเขาออกจากโอบกอดนี้ได้แล้วถึงแม้ไม่อยากปลอ่ย แต่ก็ต้องปล่อย
“อะ..ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มหน้าหวานสะดุ้งตัวเองนิดๆก่อนจะผละโอบกอดออก
“อืม..” ไร้เสียงคำพูดจาใดๆ มีเพียงแค่สายลมพัดผ่านร่างของเขาทั้งสองคนไปอย่างช้าๆสบายๆเส้นผมของทั้งสองปลิวไสวแสงพระอาทิตย์ยามเย็นกำลังมาเยือนขึ้นทุกที
เมื่อนึกถึงคำพูดของคนหน้าสวยนั้นแล้วคนตัวเล็กยิ่งเจ็บ แต่เมื่อมายืนอยู่ต่อตรงหน้าเด็กหนุ่มหน้าหวานนี้แล้วยิ่งเจ็บกว่าหลายเท่าที่ เขาอยู่ใกล้แต่ไม่สามารถจับเอื้อมได้ ถึงแม้จะสัมผัสร่างกายนี้ได้ก็จริงแต่หัวใจดวงนั้นเขาคงไม่มีวันที่จะได้
เมื่อลงมาจากตึกวิทยาลัยแล้วเขาทั้งสองต่างแยกทางกันกลับบ้าน เด็กหนุ่มหน้าหวานพยายามชวนให้คนตัวเล็กซ้อนรถกลับบ้านไปกับเขาแต่เขาก็ไม่ยอมกลับไปด้วยเพราะจิตใต้สำนึกมันกำลังเตือนเขาขึ้นทุกๆวินาที
เขาไม่ได้อยากเป็นคนทรยศเพื่อน…แต่เสียงหัวใจของเขามันดันเต้นแรงเองไปกับความรู้โหยหานั้น ยิ่งพยายามหยุดก็ยิ่งกระตุกให้หัวใจพลุ่นพล่านกว่าเดิม หัวใจมันไม่เคยทรยศต่อความรู้สึกเลยสักนิด
ใบหน้าคนตัวเล็กเงยขึ้นมองท้องฟ้าเล็กน้อย พร้อมกับยืนหยุดนิ่งไปสักพักรับกลิ่นอากาศบริสุทธิ์นั้นเข้าไปแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งอย่างยาวๆ
“เฮ้อออ” เขายิ้มให้กับตัวเองที่ได้ทำแบบนี้ไป เมื่อคนมันไม่ใช่เนื้อคู่อย่างก็ไม่มีวันที่จะได้สมหวังอยู่คู่กันอยู่ดีคิดมากไปก็มีแต่เรื่องเครียดๆรกสมองไปเปล่าๆ
ปรืนนน เอี๊ยด !
เสียงรถที่แล่นวิ่งตรงมาอย่างเร็วได้มาจอดตรงหน้าของเขาพร้อมกับเจ้าของรถที่ถอดหมวกกันน๊อตก่อนจะหันดวงตาโตนั้นจ้องมาที่เขาพร้อมกับกระตุกยิ้มนิดๆมองเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ชะ....ชานยอล...”
“โอ๊ย !” ขาเรียวกำลังก้าวเพื่อวิ่งหนีคนตรงหน้าแต่กลับถูกจับล็อคข้อมือไว้ทัน เขาบีบข้อมือเล็กนั้นแรงจนคนตัวเล็กน้ำตาซึมออกมา พร้อมกับแสดงสีหน้าเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ไม่มีท่าทีของคนตรงหน้าที่จะเบาแรงมือลงเลยสักนิด
“จะรีบไปไหน หื้ม? ” สายตาดูถูกเหยียดหยามส่งมาที่เขาไม่เลิก
“ปล่อยย !! ใครก็ได้ช่วยด้วย” คนตัวเล็กสะบัดมือใหญ่นั้นออกพร้อมกับตะโกนดังสนั่น เผื่อจะมีคนใจดีเข้ามาช่วยเขาให้ไปพ้นๆกับคนตรงหน้านี้ส่ะ
“หยุดแหกปากมึงเดี๋ยวนี้ !!” เขาชักรำคราญคนตัวเล็กขึ้นทุกที จนตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงก้าวร้าวคนตัวเล็กนิ่งไปเพราะเขากลัวคนตรงหน้าจะลงมือทำร้ายเขาหากไม่หยุดอยู่นิ่งๆ
“มึงทรยศกระทั่งเพื่อนของมึง โครตเลวเลยว่ะ”
“....”
“มึงหักหลังลู่หาน !! มึงทำได้ไงว่ะ !!”
“ฮึก...” เสียงสะอื้นรอดเล็ดออกมาจากลำคอคนตัวเล็กที่ก้มหน้าลงแล้วปล่อยให้ทำตามันไหลออกมา ถึงเขาจะพูดอะไรไปก็ไม่มีใครฟังเขา ลู่หานมีอิทธิพลกับผู้ชายทุกคนที่โดนคนหน้าสวยหลอกใช้ให้เข้ามาติดกับดักของเขา เพียงแค่อ้อนโปร่ยเสน่ห์เข้าใส่พวกผู้ชายพวกนั้นก็เชื่อฟังและไม่ฟังคนอื่นที่กำลังจะพูด
เหมือนกับเขาตอนนี้....ที่กำลังโดนแฟนอีกคนของลู่หานด่าท้อเสียๆหายๆ เขาไม่ได้อยากคิดร้ายๆอคติกับเพื่อนของตัวเองเลยแท้ๆ แต่ทำไมเพื่อนหน้าสวยของเขาต้องทำขนาดนี้กับเขาด้วย ในเมื่อตัวเองก็พึ่งมาว่าเขาเมื่อตอนเย็นแล้วแท้ๆแล้วนี้ยังเอาแฟนอีกคนของตัวเองมาด่าและเป็นคนที่อยู่ไม่ไกลไม่ไกลจากตัวเขาเลย ปาร์ค ชานยอล คือเพื่อนข้างบ้านของเขานั้นเอง
ที่เป็นคลอเล็กชั่นบรรดาหนุ่มๆคนหล่อๆที่เข้ามาจีบเขาอีกคนที่ลู่หานเก็บไว้สะสมเวลาแก้เหงาเวลาเบื่อเขาก็เขี่ยทิ้ง คนอย่างลู่หานหาหนุ่มๆหล่อๆใหม่ง่ายจะตายไป...แตกต่างจากเขาที่ไม่มีใครเข้ามาเลย นอกจากแอบชอบเฉยๆเหมือนกับตอนนี้ที่เขากำลังแอบชอบเซฮุนอยู่...ณ ตอนนี้
“เห้ย มึงจะร้องไห้ทำไม”
“อึก....โทษนะที่ฉันร้องไห้ขอโทษที่ฉันเป็นเพื่อนเลวๆของลู่หานด้วยนะ..”
“.....”
“ขอบคุณนายด้วยนะ...ชานยอลที่ช่วยซ้ำเติมฉัน” รอยยิ้มเผยขึ้นพร้อมน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากเบ้าตานั้นไม่หยุดเขาหยุดมันไม่ได้จริงๆ นับวันเรื่องวุ่นวายก็ยิ่งเข้ามาไม่หยุด
“เออ มึงรู้ตัวของมึงดีนิ” เขาปล่อยผลักข้อมือของคนตัวเล็กออกอย่างแรงเหมือนรังเกลียด คนตัวเล็กก็ไม่ได้สนใจอะไรแต่ที่เขาสนใจคือดีแล้วล่ะที่ปล่อยข้อมือของเขาออกไม่งั้น มันคงระบมปวดขึ้นแน่ๆ
“และอีกอย่างคนทรยศเพื่อนอย่างมึงอย่ามาเข้าใกล้ลู่หานอีกนะ !! จำไว้” หนึ่งประโยคของเสียงตวาดด่าเขาจังๆ ก่อนจะรีบสตาร์รถขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีควันดำๆจากท่อไอเสียนั้นพุ่งใส่หน้าเขา
“แฮ่กๆ” มือเล็กพยายามปัดกลุ่มควันนั้นออกไปจากหน้า เพื่อที่จะไม่ได้สูดดมกลิ่นเสียเหล่านั้นเข้าไปในร่างกายน้ำตายังไหลรินไม่หยุด
“ทำไม...นายมันชั่วแบบนี้แบคฮยอน...ฮึก” เหมือนวิญญาณหลุดจากร่างไปใบหน้าเศร้าหม่อนลงทันที เขาไม่มีกระจิตกระใจที่จะทำอะไรอีกต่อไปได้แต่นั่งกอดเข่าตัวเองแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างห้องที่มืดมิดมีดาวส่งแสงวิบวับสวยงาม มือเล็กเอื้อมออกไปเหมือนจะคว้าดวงดาวไว้
เหมือนอย่างที่เขาพยายามคว้าเด็กหนุ่มหน้าหวานแต่คว้าเท่าไร ก็คว้าไม่ได้ยิ่งเข้าใกล้เหมือนห่างไกลออกไปทุกที
“.....” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะเห็นว่าบนหน้าจอนั้นปรากฏเบอร์โทรของใครบางคนขึ้นมา
สายที่ไม่ได้รับ 2 สาย
โอ เซฮุน 08x-xxxx-xxx
ใบหน้าเหม่อลอยกลับยิ้มขึ้นมาได้อีกครั้ง ทุกครั้งที่ได้เห็นหรือได้ยินชื่อนี้หัวใจกลับเบิกบานขึ้นมาอย่างหาเหตุผลไม่ได้และไม่เข้าใจหัวใจตัวเองว่ามันต้องการอะไรกันแน่
รวบรวมสติก่อนจะตัดสินใจกดโทรออกไปดังเบอร์ดังกล่าว
“ตืด....ตืด....ตืด...ฮะ...ฮัลโหลโอเซฮุนใช่ไหม”
(.....อิแรด !) เสียงงที่ตอบกลับมาปลายสาย ดันไม่ใช่เด็กหนุ่มหน้าหวานแต่กลับเป็นเพื่อนหน้าสวยของเขานั้นที่รับสายแทน
(มึงคิดจะโทรมาอ่อยเซฮุนกูอีกเหรอ...มึงนี่มัน...เหอะ หน้าด้านว่ะ)
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ ลู่หาน”
(อย่าคิดว่ากูจะฟังคนอย่างมึง จากนี้ไปอย่ายุ่งอย่ามายุ่งกับเซฮุนถ้าไม่อยากเจ็บตัว !)
“ลู่หานฟังฉันก่อน ฉันขอร้อง..”
(ขอร้องกูเพื่อ ? เพื่อฟังมึงอธิบายคำตอแหลลอยตามน้ำแผนของมึงใช่ไหม)
“..........”
(กูขอบอกไว้เลย โอเซฮุนยังเป็นของกูและกูไม่มีวันปล่อยมันไปจากกู !! มึงเข้าใจไหม !! ถ้ามึงเข้าใจแล้วก็อย่ามาสะเอะเอาตัวโสโครกๆเข้าใกล้เซฮุนอีก !!...)
“ละ...ลู่หาน ตี๊ด....ตี๊ด...” ด่าท้อเสร็จทางปลายสายก็ตัดสายโทรศัพท์ของเขาทิ้งไป
“ฮึก...” ต่อมน้ำตาทำงานอีกครั้งเมื่อฟังประโยคของเพื่อนหน้าสวยนั้นจบ
....เซฮุนคงกำลังมีความสุขอยู่กับลู่หานแน่เลยเรานี่โง่จัง...ไม่หน้าโทรกลับไปเลย...
มือเล็กๆยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลเป็นทางตรงหางตาอย่างเบาๆ แล้วนั่งกอดเข่าก้มหน้าลง
แล้วลองคิดว่า....ทำไมทั้งวันเขาถึงเจอแต่คนด่าคนว่าคนเกลียดซังไม่หยุด หัวใจดวงน้อยปวดหนึบขึ้นตรงอกด้านซ้ายทั้งน้อยอกน้อยใจ ว่าเพื่อนสนิทไม่หน้ามาทำกับเขาแบบนี้เพราะเขาไม่เคยคิดจะแย่งแฟนของเพื่อนรักไปเลยสักครั้ง แต่ขอแค่อยู่เคียงข้างปลอบโยนก็พอ....สมใจเขามากแล้วที่ได้มีหน้าที่คอยทำแบบนั้นข้างๆกายเด็กหนุ่มหน้าหวาน
...โอ...เซฮุน....
SEHUN#น้ำตาคนอ่อนแอ
“พี่ซิวหมิ่นเห็นโทรศัพท์ของผมไหม?” เสียงใหญ่เอ่ยก่อนจะถามอีกคนขึ้น เมื่อมือของตัวเองที่กำลังจะจับหยิบเครื่องมือสื่อสารบนโต๊ะนั้นดันกลับหายไปโดยไร้ล่องลอย เขาเลยรีบหันหน้าไปถามเพื่อนร่วมโต๊ะหน้าซาลาเปาที่กำลังโป๊ะหน้าตัวเองอยู่ไม่หยุด ก่อนใบหน้านั้นจะหันมาส่ายหน้าเบาๆแล้วพูดว่า
“ไม่อ่ะ พี่ไม่เห็นโทรศัพท์นายเลย” พูดไปพร้อมกับเม้มริมฝีปากเข้าหากันเพื่อให้ลิปสีแดงที่ทาเพียงกลางครึ่งปากเสี่ยวในนั้นเม้มเข้าหากันช้าๆ เพื่อให้มันออกมาดูดีสวยงาม เด็กหนุ่มหน้าหวานเลยได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองอย่างหนักเผื่อจะทำให้ตัวเองนึกออกว่าหลงๆลืมๆเอาเครื่องมือสื่อสารเครื่องโปรดนั้นไว้ไหน
“ไม่จริงน๊า มันหายไปไหนกันนะ !” ท่าทางลุกลี้ลุกล่นหนัก ยิ่งหาเท่าไรก็ยิ่งไม่เจอเท่านั้นเชาพยายามนึกแล้วนึกอีกว่าตัวเองเอาไว้ไหน แต่ก็จำภาพสุดท้ายครั้งล่าสุดที่จับต้องเล่นเครื่องมือสื่อสารนั้นได้ว่า ตัวเองนั่งเล่นมันแล้ววางไว้ข้างๆตัวไว้ตลอดและไม่มีใครที่แตะต้องจับเครื่องมือสื่อสารนั้นเลย
นอกจากเขาที่จับอยู่คนเดียว !
“มาเดี๋ยวพี่ช่วยหา”
“ขอบคุณครับพี่ซิวหมิ่น” พูดเสร็จต่างคนก็ต่างช่วยกันก้มหน้าก้มตามองหาเครื่องมือสื่อสารไปทั่วๆรอบบริเวณม้านั่งในสวนที่เขานั่งกันและรอบๆข้างโต๊ะม้านั่งตัวอื่นๆอีกด้วย
เสียงแป๊ดหวานของคนหน้าซาลาเปาจะเอ่ยขึ้นมาเมื่อสายตากลมโตนั้นมองไปเจอใครอีกคนที่กำลังเดินเข้ามา
“เอ้า จงแดมาแล้วเหรอ !” ไม่รีรอคนหน้าซาลาเปารีบลุกเดินเข้าไปโอบแขนนั้นแล้วเอาหน้าซุกลงอย่างอ้อนๆเหมือนลูกแมว เขาหันหน้ามาแล้วยิ้มๆให้พร้อมกับยีเส้นผมบางและตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“อืม” สายตาของเด็กหนุ่มหน้าหวานดันไปจ้องเจอสิ่งของที่อยู่ในมือนั้นเข้า พร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น
“นั้น ! โทรศัพท์ผมนิ” ขาเรียวยาวรีบพุ่งตรงไปหาเครื่องมือสื่อสารนั้นทันทีแล้วยิ้มออกมาเพราะมันเป็นโทรศัพท์เครื่องโปรดและมีเรื่องราวต่างๆนาๆของเขากับคนหน้าสวยไว้เยอะเลยทีเดียวถ้าหายไป...เขาคงไม่ได้เห็นภาพรอยยิ้มแสนเจิดจ้าและสวยงามอีกครั้งแน่ๆและคงต้องเสียใจไปชั่วตลอดชีวิต
“พี่เอาโทรศัพท์ผมไปทำไมไม่บอกกล่าวผมล่ะ” เขารีบถามคนตรงหน้าเมื่อได้เครื่องมือสื่อสารคืน เพราะคนตรงหน้าก็รู้ว่าเขานั้นห่วงโทรศัพท์เครื่องนี้อย่างมากและไม่ค่อยให้ใครได้จับแตะต้อง
“อ่าๆ โทษทีพอดีพี่รีบหยิบไปจนไม่ได้ดู”
“.....” ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา มือใหญ่รีบกดดูตรวจสอบภายในตัวเครื่องทั้งหมดกลัวว่ารูปภาพพวกนั้นจะหายไป
“โทษทีนะเซฮุน” คนตรงหน้ากล่าวขอโทษมาอีกทีกับท่าทีของอีกคนและรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
...ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้...เขาก็โดนรุ่นพี่ที่คุ้มวิทยาลัยที่นี้เล่นงานเข้าล่ะสิ...ไม่ใช่เล่นงานแค่เขาแต่จเล่นไปถึงแก้วตาดวงใจข้างๆแขนเขาที่เกี่ยวแขนเขาไม่ปล่อยและเจ้าตัวก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยจึงจำใจที่ต้องทำ....
“อ่า ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มตอบกลับมาอย่างเรียบเฉยๆพร้อมกับปั่นหน้ายิ้มให้อีกคนเพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย
ติดตามได้ที่ : https://www.facebook.com/pages/Okpui_Gamagic/512336832129202?ref=hl
“พี่แบค !!” คนตัวเล็กหันไปตามเสียงใหญ่นั้นก่อนจะรีบปาดน้ำตาที่ติดอยู่ตรงคลอเป้าออกไปให้หมดแล้วส่งมอบรอยยิ้มแสนจริงใจไปแทน ถึงแม้มันจะ...เจ็บก็เถอะ
พรึบ
โอบกอดอันกว้างใหญ่ตรงมาที่ตัวของคนตัวเล็กทันทีที่ก้าวเท้าเดินมาถึงตัว คนตัวเล็กก็โอบกอดกลับโต้ตอบด้วยเช่นกันอย่างไม่อายเพราะเขาอยากกอดคนตรงหน้า อยากเป็นมากกว่านั้นกับคนตรงหน้าที่ไม่ใช่....พี่น้องรวมคณะ
“พี่แบค ผมขอโทษนะครับ” เสียงใหญ่พูดเหมือนสำนึกผิดพร้อมกับลูบเส้นผมบางๆนั้น อย่างที่คนตัวเล็กเคยทำให้เขายามเวลาที่เขาอ่อนแอและไม่เหลือใคร แขนเรียวมือกระชับอ้อมกอดให้แน่น
...ขอเวลาแค่เพียงเสี้ยววินาทีก็พอ ฉันขออยู่กับนายในอ้อมกอดนี้หน่อยนะ...
หยาดน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ดีใจ ดีใจที่เด็กหนุ่มหน้าหวานยังสนใจเขาและออกมาตามหา
“พี่แบคอย่าร้องสิ ดูสิผมยังไม่ร้องเลย ^_^” รอยยิ้มอบอุ่นส่งมอบลงมาให้คนตัวเล็กที่กำลังเช็คน้ำตานั้นออก คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองตาเด็กหนุ่มหน้าหวานแล้วยิ้มตอบกลับไป มือใหญ่นั้นยังไม่เลิกยีเส้นผมบางๆของคนตัวเล็กแต่ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็ไม่ได้ถือสาหรือรำคราญอะไรมากมายเพราะเขาดีใจมากกว่า
ที่เด็กหนุ่มหน้าหวานทำแบบนั้นกับเขา มอบยิ้มแสนอ่อนโยนแบบนั้น....ถึงแม้จะไม่ใช่คนรักก็ตาม
“ปะ...ปล่อยพี่ได้แล้วเซฮุน” แขนเล็กสะกิดแขนเสื้อของเด็กหนุ่มหน้าหวานเพื่อบอกให้ปล่อยเขาออกจากโอบกอดนี้ได้แล้วถึงแม้ไม่อยากปลอ่ย แต่ก็ต้องปล่อย
“อะ..ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มหน้าหวานสะดุ้งตัวเองนิดๆก่อนจะผละโอบกอดออก
“อืม..” ไร้เสียงคำพูดจาใดๆ มีเพียงแค่สายลมพัดผ่านร่างของเขาทั้งสองคนไปอย่างช้าๆสบายๆเส้นผมของทั้งสองปลิวไสวแสงพระอาทิตย์ยามเย็นกำลังมาเยือนขึ้นทุกที
เมื่อนึกถึงคำพูดของคนหน้าสวยนั้นแล้วคนตัวเล็กยิ่งเจ็บ แต่เมื่อมายืนอยู่ต่อตรงหน้าเด็กหนุ่มหน้าหวานนี้แล้วยิ่งเจ็บกว่าหลายเท่าที่ เขาอยู่ใกล้แต่ไม่สามารถจับเอื้อมได้ ถึงแม้จะสัมผัสร่างกายนี้ได้ก็จริงแต่หัวใจดวงนั้นเขาคงไม่มีวันที่จะได้
เมื่อลงมาจากตึกวิทยาลัยแล้วเขาทั้งสองต่างแยกทางกันกลับบ้าน เด็กหนุ่มหน้าหวานพยายามชวนให้คนตัวเล็กซ้อนรถกลับบ้านไปกับเขาแต่เขาก็ไม่ยอมกลับไปด้วยเพราะจิตใต้สำนึกมันกำลังเตือนเขาขึ้นทุกๆวินาที
เขาไม่ได้อยากเป็นคนทรยศเพื่อน…แต่เสียงหัวใจของเขามันดันเต้นแรงเองไปกับความรู้โหยหานั้น ยิ่งพยายามหยุดก็ยิ่งกระตุกให้หัวใจพลุ่นพล่านกว่าเดิม หัวใจมันไม่เคยทรยศต่อความรู้สึกเลยสักนิด
ใบหน้าคนตัวเล็กเงยขึ้นมองท้องฟ้าเล็กน้อย พร้อมกับยืนหยุดนิ่งไปสักพักรับกลิ่นอากาศบริสุทธิ์นั้นเข้าไปแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งอย่างยาวๆ
“เฮ้อออ” เขายิ้มให้กับตัวเองที่ได้ทำแบบนี้ไป เมื่อคนมันไม่ใช่เนื้อคู่อย่างก็ไม่มีวันที่จะได้สมหวังอยู่คู่กันอยู่ดีคิดมากไปก็มีแต่เรื่องเครียดๆรกสมองไปเปล่าๆ
ปรืนนน เอี๊ยด !
เสียงรถที่แล่นวิ่งตรงมาอย่างเร็วได้มาจอดตรงหน้าของเขาพร้อมกับเจ้าของรถที่ถอดหมวกกันน๊อตก่อนจะหันดวงตาโตนั้นจ้องมาที่เขาพร้อมกับกระตุกยิ้มนิดๆมองเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ชะ....ชานยอล...”
“โอ๊ย !” ขาเรียวกำลังก้าวเพื่อวิ่งหนีคนตรงหน้าแต่กลับถูกจับล็อคข้อมือไว้ทัน เขาบีบข้อมือเล็กนั้นแรงจนคนตัวเล็กน้ำตาซึมออกมา พร้อมกับแสดงสีหน้าเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ไม่มีท่าทีของคนตรงหน้าที่จะเบาแรงมือลงเลยสักนิด
“จะรีบไปไหน หื้ม? ” สายตาดูถูกเหยียดหยามส่งมาที่เขาไม่เลิก
“ปล่อยย !! ใครก็ได้ช่วยด้วย” คนตัวเล็กสะบัดมือใหญ่นั้นออกพร้อมกับตะโกนดังสนั่น เผื่อจะมีคนใจดีเข้ามาช่วยเขาให้ไปพ้นๆกับคนตรงหน้านี้ส่ะ
“หยุดแหกปากมึงเดี๋ยวนี้ !!” เขาชักรำคราญคนตัวเล็กขึ้นทุกที จนตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงก้าวร้าวคนตัวเล็กนิ่งไปเพราะเขากลัวคนตรงหน้าจะลงมือทำร้ายเขาหากไม่หยุดอยู่นิ่งๆ
“มึงทรยศกระทั่งเพื่อนของมึง โครตเลวเลยว่ะ”
“....”
“มึงหักหลังลู่หาน !! มึงทำได้ไงว่ะ !!”
“ฮึก...” เสียงสะอื้นรอดเล็ดออกมาจากลำคอคนตัวเล็กที่ก้มหน้าลงแล้วปล่อยให้ทำตามันไหลออกมา ถึงเขาจะพูดอะไรไปก็ไม่มีใครฟังเขา ลู่หานมีอิทธิพลกับผู้ชายทุกคนที่โดนคนหน้าสวยหลอกใช้ให้เข้ามาติดกับดักของเขา เพียงแค่อ้อนโปร่ยเสน่ห์เข้าใส่พวกผู้ชายพวกนั้นก็เชื่อฟังและไม่ฟังคนอื่นที่กำลังจะพูด
เหมือนกับเขาตอนนี้....ที่กำลังโดนแฟนอีกคนของลู่หานด่าท้อเสียๆหายๆ เขาไม่ได้อยากคิดร้ายๆอคติกับเพื่อนของตัวเองเลยแท้ๆ แต่ทำไมเพื่อนหน้าสวยของเขาต้องทำขนาดนี้กับเขาด้วย ในเมื่อตัวเองก็พึ่งมาว่าเขาเมื่อตอนเย็นแล้วแท้ๆแล้วนี้ยังเอาแฟนอีกคนของตัวเองมาด่าและเป็นคนที่อยู่ไม่ไกลไม่ไกลจากตัวเขาเลย ปาร์ค ชานยอล คือเพื่อนข้างบ้านของเขานั้นเอง
ที่เป็นคลอเล็กชั่นบรรดาหนุ่มๆคนหล่อๆที่เข้ามาจีบเขาอีกคนที่ลู่หานเก็บไว้สะสมเวลาแก้เหงาเวลาเบื่อเขาก็เขี่ยทิ้ง คนอย่างลู่หานหาหนุ่มๆหล่อๆใหม่ง่ายจะตายไป...แตกต่างจากเขาที่ไม่มีใครเข้ามาเลย นอกจากแอบชอบเฉยๆเหมือนกับตอนนี้ที่เขากำลังแอบชอบเซฮุนอยู่...ณ ตอนนี้
“เห้ย มึงจะร้องไห้ทำไม”
“อึก....โทษนะที่ฉันร้องไห้ขอโทษที่ฉันเป็นเพื่อนเลวๆของลู่หานด้วยนะ..”
“.....”
“ขอบคุณนายด้วยนะ...ชานยอลที่ช่วยซ้ำเติมฉัน” รอยยิ้มเผยขึ้นพร้อมน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากเบ้าตานั้นไม่หยุดเขาหยุดมันไม่ได้จริงๆ นับวันเรื่องวุ่นวายก็ยิ่งเข้ามาไม่หยุด
“เออ มึงรู้ตัวของมึงดีนิ” เขาปล่อยผลักข้อมือของคนตัวเล็กออกอย่างแรงเหมือนรังเกลียด คนตัวเล็กก็ไม่ได้สนใจอะไรแต่ที่เขาสนใจคือดีแล้วล่ะที่ปล่อยข้อมือของเขาออกไม่งั้น มันคงระบมปวดขึ้นแน่ๆ
“และอีกอย่างคนทรยศเพื่อนอย่างมึงอย่ามาเข้าใกล้ลู่หานอีกนะ !! จำไว้” หนึ่งประโยคของเสียงตวาดด่าเขาจังๆ ก่อนจะรีบสตาร์รถขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีควันดำๆจากท่อไอเสียนั้นพุ่งใส่หน้าเขา
“แฮ่กๆ” มือเล็กพยายามปัดกลุ่มควันนั้นออกไปจากหน้า เพื่อที่จะไม่ได้สูดดมกลิ่นเสียเหล่านั้นเข้าไปในร่างกายน้ำตายังไหลรินไม่หยุด
“ทำไม...นายมันชั่วแบบนี้แบคฮยอน...ฮึก” เหมือนวิญญาณหลุดจากร่างไปใบหน้าเศร้าหม่อนลงทันที เขาไม่มีกระจิตกระใจที่จะทำอะไรอีกต่อไปได้แต่นั่งกอดเข่าตัวเองแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างห้องที่มืดมิดมีดาวส่งแสงวิบวับสวยงาม มือเล็กเอื้อมออกไปเหมือนจะคว้าดวงดาวไว้
เหมือนอย่างที่เขาพยายามคว้าเด็กหนุ่มหน้าหวานแต่คว้าเท่าไร ก็คว้าไม่ได้ยิ่งเข้าใกล้เหมือนห่างไกลออกไปทุกที
“.....” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะเห็นว่าบนหน้าจอนั้นปรากฏเบอร์โทรของใครบางคนขึ้นมา
สายที่ไม่ได้รับ 2 สาย
โอ เซฮุน 08x-xxxx-xxx
ใบหน้าเหม่อลอยกลับยิ้มขึ้นมาได้อีกครั้ง ทุกครั้งที่ได้เห็นหรือได้ยินชื่อนี้หัวใจกลับเบิกบานขึ้นมาอย่างหาเหตุผลไม่ได้และไม่เข้าใจหัวใจตัวเองว่ามันต้องการอะไรกันแน่
รวบรวมสติก่อนจะตัดสินใจกดโทรออกไปดังเบอร์ดังกล่าว
“ตืด....ตืด....ตืด...ฮะ...ฮัลโหลโอเซฮุนใช่ไหม”
(.....อิแรด !) เสียงงที่ตอบกลับมาปลายสาย ดันไม่ใช่เด็กหนุ่มหน้าหวานแต่กลับเป็นเพื่อนหน้าสวยของเขานั้นที่รับสายแทน
(มึงคิดจะโทรมาอ่อยเซฮุนกูอีกเหรอ...มึงนี่มัน...เหอะ หน้าด้านว่ะ)
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ ลู่หาน”
(อย่าคิดว่ากูจะฟังคนอย่างมึง จากนี้ไปอย่ายุ่งอย่ามายุ่งกับเซฮุนถ้าไม่อยากเจ็บตัว !)
“ลู่หานฟังฉันก่อน ฉันขอร้อง..”
(ขอร้องกูเพื่อ ? เพื่อฟังมึงอธิบายคำตอแหลลอยตามน้ำแผนของมึงใช่ไหม)
“..........”
(กูขอบอกไว้เลย โอเซฮุนยังเป็นของกูและกูไม่มีวันปล่อยมันไปจากกู !! มึงเข้าใจไหม !! ถ้ามึงเข้าใจแล้วก็อย่ามาสะเอะเอาตัวโสโครกๆเข้าใกล้เซฮุนอีก !!...)
“ละ...ลู่หาน ตี๊ด....ตี๊ด...” ด่าท้อเสร็จทางปลายสายก็ตัดสายโทรศัพท์ของเขาทิ้งไป
“ฮึก...” ต่อมน้ำตาทำงานอีกครั้งเมื่อฟังประโยคของเพื่อนหน้าสวยนั้นจบ
....เซฮุนคงกำลังมีความสุขอยู่กับลู่หานแน่เลยเรานี่โง่จัง...ไม่หน้าโทรกลับไปเลย...
มือเล็กๆยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลเป็นทางตรงหางตาอย่างเบาๆ แล้วนั่งกอดเข่าก้มหน้าลง
แล้วลองคิดว่า....ทำไมทั้งวันเขาถึงเจอแต่คนด่าคนว่าคนเกลียดซังไม่หยุด หัวใจดวงน้อยปวดหนึบขึ้นตรงอกด้านซ้ายทั้งน้อยอกน้อยใจ ว่าเพื่อนสนิทไม่หน้ามาทำกับเขาแบบนี้เพราะเขาไม่เคยคิดจะแย่งแฟนของเพื่อนรักไปเลยสักครั้ง แต่ขอแค่อยู่เคียงข้างปลอบโยนก็พอ....สมใจเขามากแล้วที่ได้มีหน้าที่คอยทำแบบนั้นข้างๆกายเด็กหนุ่มหน้าหวาน
...โอ...เซฮุน....
SEHUN#น้ำตาคนอ่อนแอ
“พี่ซิวหมิ่นเห็นโทรศัพท์ของผมไหม?” เสียงใหญ่เอ่ยก่อนจะถามอีกคนขึ้น เมื่อมือของตัวเองที่กำลังจะจับหยิบเครื่องมือสื่อสารบนโต๊ะนั้นดันกลับหายไปโดยไร้ล่องลอย เขาเลยรีบหันหน้าไปถามเพื่อนร่วมโต๊ะหน้าซาลาเปาที่กำลังโป๊ะหน้าตัวเองอยู่ไม่หยุด ก่อนใบหน้านั้นจะหันมาส่ายหน้าเบาๆแล้วพูดว่า
“ไม่อ่ะ พี่ไม่เห็นโทรศัพท์นายเลย” พูดไปพร้อมกับเม้มริมฝีปากเข้าหากันเพื่อให้ลิปสีแดงที่ทาเพียงกลางครึ่งปากเสี่ยวในนั้นเม้มเข้าหากันช้าๆ เพื่อให้มันออกมาดูดีสวยงาม เด็กหนุ่มหน้าหวานเลยได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองอย่างหนักเผื่อจะทำให้ตัวเองนึกออกว่าหลงๆลืมๆเอาเครื่องมือสื่อสารเครื่องโปรดนั้นไว้ไหน
“ไม่จริงน๊า มันหายไปไหนกันนะ !” ท่าทางลุกลี้ลุกล่นหนัก ยิ่งหาเท่าไรก็ยิ่งไม่เจอเท่านั้นเชาพยายามนึกแล้วนึกอีกว่าตัวเองเอาไว้ไหน แต่ก็จำภาพสุดท้ายครั้งล่าสุดที่จับต้องเล่นเครื่องมือสื่อสารนั้นได้ว่า ตัวเองนั่งเล่นมันแล้ววางไว้ข้างๆตัวไว้ตลอดและไม่มีใครที่แตะต้องจับเครื่องมือสื่อสารนั้นเลย
นอกจากเขาที่จับอยู่คนเดียว !
“มาเดี๋ยวพี่ช่วยหา”
“ขอบคุณครับพี่ซิวหมิ่น” พูดเสร็จต่างคนก็ต่างช่วยกันก้มหน้าก้มตามองหาเครื่องมือสื่อสารไปทั่วๆรอบบริเวณม้านั่งในสวนที่เขานั่งกันและรอบๆข้างโต๊ะม้านั่งตัวอื่นๆอีกด้วย
เสียงแป๊ดหวานของคนหน้าซาลาเปาจะเอ่ยขึ้นมาเมื่อสายตากลมโตนั้นมองไปเจอใครอีกคนที่กำลังเดินเข้ามา
“เอ้า จงแดมาแล้วเหรอ !” ไม่รีรอคนหน้าซาลาเปารีบลุกเดินเข้าไปโอบแขนนั้นแล้วเอาหน้าซุกลงอย่างอ้อนๆเหมือนลูกแมว เขาหันหน้ามาแล้วยิ้มๆให้พร้อมกับยีเส้นผมบางและตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“อืม” สายตาของเด็กหนุ่มหน้าหวานดันไปจ้องเจอสิ่งของที่อยู่ในมือนั้นเข้า พร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น
“นั้น ! โทรศัพท์ผมนิ” ขาเรียวยาวรีบพุ่งตรงไปหาเครื่องมือสื่อสารนั้นทันทีแล้วยิ้มออกมาเพราะมันเป็นโทรศัพท์เครื่องโปรดและมีเรื่องราวต่างๆนาๆของเขากับคนหน้าสวยไว้เยอะเลยทีเดียวถ้าหายไป...เขาคงไม่ได้เห็นภาพรอยยิ้มแสนเจิดจ้าและสวยงามอีกครั้งแน่ๆและคงต้องเสียใจไปชั่วตลอดชีวิต
“พี่เอาโทรศัพท์ผมไปทำไมไม่บอกกล่าวผมล่ะ” เขารีบถามคนตรงหน้าเมื่อได้เครื่องมือสื่อสารคืน เพราะคนตรงหน้าก็รู้ว่าเขานั้นห่วงโทรศัพท์เครื่องนี้อย่างมากและไม่ค่อยให้ใครได้จับแตะต้อง
“อ่าๆ โทษทีพอดีพี่รีบหยิบไปจนไม่ได้ดู”
“.....” ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา มือใหญ่รีบกดดูตรวจสอบภายในตัวเครื่องทั้งหมดกลัวว่ารูปภาพพวกนั้นจะหายไป
“โทษทีนะเซฮุน” คนตรงหน้ากล่าวขอโทษมาอีกทีกับท่าทีของอีกคนและรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
...ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้...เขาก็โดนรุ่นพี่ที่คุ้มวิทยาลัยที่นี้เล่นงานเข้าล่ะสิ...ไม่ใช่เล่นงานแค่เขาแต่จเล่นไปถึงแก้วตาดวงใจข้างๆแขนเขาที่เกี่ยวแขนเขาไม่ปล่อยและเจ้าตัวก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยจึงจำใจที่ต้องทำ....
“อ่า ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มตอบกลับมาอย่างเรียบเฉยๆพร้อมกับปั่นหน้ายิ้มให้อีกคนเพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย
ติดตามได้ที่ : https://www.facebook.com/pages/Okpui_Gamagic/512336832129202?ref=hl
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ