Innocent Love
-
เขียนโดย Neko_CJ
วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23.55 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
9,520 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 09.38 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
4)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 4
จิตใจของหญิงสาวนั้นเป็นเรื่องซับซ้อน แม้กระทั้งพระเจ้าก็ยังมิอาจสามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้...แล้วนับภาษาอะไรกับยุนโฮเล่า เขาก็เป็นแค่เพียงผู้ชายธรรมดาบนโลกคนหนึ่งเท่านั้น
เขาไม่รู้หรอกว่าพี่สาวอย่างคิมฮเยซองกำลังคิดอะไรอยู่
เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมเธอถึงเรียกให้ผู้เป็นมาเข้ามาในร้าน ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจ แม่ไม่ชอบฮเยซอง ไม่สิ แม่ไม่ชอบให้อะไรมาเป็นตัวอ้างเหตุผลถึงการไม่เชื่อฟังต่างหาก
แต่สิ่งที่ทำให้ยุนโฮแปลกใจกว่านั่นก็คือ แม่ที่ปกติในสถานการณ์ที่เป็นโอกาสเช่นนี้..แม่กลับแค่นั่งอยู่เฉยๆ ในขณะที่พวกเราทำงานในร้านเช่นปกติ
“ไม่รู้พี่สาวไปตกลงอะไรกับแม่หรือเปล่า” ยุนโฮได้แต่พึมพำนึกสงสัย อยากรู้ก็อยากรู้ แต่ไม่รู้จะเริ่มถามอย่างไรดี...ใช่ว่ากลัวแต่เพราะไม่มีโอกาสมากกว่า พอจะอ้าปากถามพี่สาว เธอก็เบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น หรือไม่ก็ใช้ให้ไปทำงาน
จะให้ไปถามแม่งั้นหรอ...ไม่เอาหรอก กลัวน่ะ
ดังนั้นยุนโฮจึงได้แต่รอโอกาสที่คำถามในหัวจะถูกเฉลย
วันคืนผ่านไป...เจ็ดวันพอดี
แม่ก็ยังเข้ามาในร้านตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเลิกร้านถึงค่อยกลับเป็นเช่นนั้นอยู่ตลอด
จากเคอะเขินและเกรงกลัวในตอนแรก บัดนี้ยุนโฮและเพื่อนทั้งสอง มิกกี้และจุนซู พวกเขาต่างเคยชินกับมันมากขึ้นเรื่อยๆแล้วในที่สุดมันจึงกลายเป็นเรื่องปกติไป
ไม่มีใครคาดคิด...ว่าวันนี้จะเป็นวันตัดสินชี้ชะตาของยุนโฮ
ใช่แล้ว...ในคืนที่ฮเยซองบอกความในใจให้ยุนโฮรู้คืนนั้นนั่นล่ะ ที่เธอเล่นค้นหาเบอร์บ้านในใบสมัครงานของยุนโฮที่กรอกไว้ฮเยซองโทรไปหาแม่ของเขา แน่นอนมันดูเป็นการไม่สมควร ทว่าคนอย่างฮเยซองไม่ชอบให้อะไรก็ตามที่เธอตั้งใจทำล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะบางอย่างถ้าไม่ทำทันทีมันจะชวนอึดอัดใจ ใครจะว่าใจร้อนก็ช่าง
แต่ผลสุดท้ายแม่ของยุนโฮก็ยอมร่วมพนันด้วย...
ถ้าหากแม่ของยุนโฮเป็นฝ่ายชนะฮเยซองก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยุนโฮอีกเลย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ในถ้ากลับกันถ้าหากฝ่ายชนะคือฮเยซอง แม่ของยุนโฮจะต้องปล่อยให้เขาตัดสินทางเดินด้วยตัวเอง จะต้องยอมให้ยุนโฮทำในสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ ไม่มีการบังคับอีกต่อไป...
“ว่าแต่เราจะพนันกันด้วยอะไรดีล่ะ”
เสียงสนทนาในตอนนั้นของแม่ยุนโฮถาม
“ความสุขของยุนโฮไงคะ” ฮเยซองตอบ
“ความสุขของยุนโฮงั้นหรอ?...นี่...ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของเธอหรอกนะ”
“แล้วใครว่าอย่างนั้นล่ะคะ ฉันคิดแล้วคิดอีก มันสามารถออกมาเป็นรูปธรรมได้”
“ขอโทษนะ ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ช่วยอธิบายให้กระจ่างกว่านี้ได้ไหม”
“คะ...ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามนะคะ ที่ผ่านมายุนโฮเขามีความสุขจริงๆหรือเปล่า”
“แน่นอนสิ ฉันมีเงินให้เขาใช้ ฉันส่งเขาไปเรื่องโรงเรียนดีๆ ฉันมอบความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายให้ ไม่เรียกว่ามีความสุขก็ไม่รู้ว่ายังไงแล้ว”
“แบบนั้นเรียกว่าความสุขแล้วงั้นหรอ”
“อะไรของเธอ”
“เอาเป็นว่า คุณลองมาที่ร้านฉัน นั่งอยู่ดูยุนโฮ นั่นดูเขาในทุกการกระทำทุกอย่าง ถ้าหากสิ่งที่เขาแสดงออกมาในขณะที่คุณจับตาดูอยู่ ถ้าหากเขาแสดงออกมาว่าเขามีความสุขในสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจทำทุกอย่าง ลองวัดดูด้วยตาที่ใจของคุณดูไหมคะ”
“ตาที่ใจ?”
“ลองไปพิสูจน์ดูว่าความสุขที่คุณมอบให้กับความสุขที่เขาพยายามไขว่คว้าด้วยตัวเขาเอง อย่างไหนกันแน่ที่จะทำให้เขารู้สึกว่าการดำรงอยู่ของเขานั้นมันคุ้มค่าที่สุด”
“ก็ได้ แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นฝ่ายถูก ก็อย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ”
“ได้คะ แค่ให้คุณมาดูด้วยตา ถึงฉันจะแพ้ แล้วคุณจะเอาเรื่องฉัน จับฉันเข้าคุก ฉันก็ไม่ว่าอะไร...แต่มีกฎนะคะ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรคุณแค่เป็นฝ่ายนั่งดูอยู่เฉยๆ ตกลงนะคะ...เจ็ดวัน เวลาแค่เจ็ดวันเท่านั้นก็ได้”
“ได้ ฉันตกลง”
นั่นคือที่มาของเรื่องทั้งหมด...ไม่มีใครรู้นอกจากพวกเธอทั้งสอง
ฮเยซองไม่ยอมบอก เพราะฮเยซองใจจริงก็อยากรู้อยู่เหมือนกันว่าที่เธอคิดมาตลอดมันถูกต้องจริงๆหรือเปล่า...
เพี้ยะ!!
ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่อง สวรรค์เบื้องบนมักช่วยเหลือ จะเพราะว่าอยากสนุกหรือเพราะแค่อยากช่วยจริงๆก็ตาม...
“ทำไมนายไม่มีความรับผิดชอบแบบนั้นล่ะ”
หญิงสาวผู้หนึ่งโวยวายขึ้น...เธอโวยวายเสียงดังต่อผู้ชายที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันคนนั้นหลังจากตบเขาทีหนึ่ง...
“อะไรกันเล่า” แน่นอนใครจะยอมล่ะ ผู้ชายคนนั้นถึงกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่เช่นกัน
จะมีเรื่องตบตีกันในร้านหรือเปล่านะ...อย่าเลย ขออย่าได้มีอะไรแบบนั้นหรอกนะ ยิ่งวันนี้เปนวันชี้ชะตาของยุนโฮเขาด้วย...ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ทั้งๆที่ทุกอย่างที่ผ่านมามันไปได้สวยมาตลอด
จะเกิดเรื่องขึ้น ทำไมถึงต้องเป็นวันนี้ด้วยนะ
“อย่ามีเรื่องกันเลยครับ คุยกันดีๆ ดีกว่าไหมครับ” ยุนโฮที่อยู่ใกล้ที่สุดพยายามห้ามปรามแต่แล้ว
ซ่า~~~!!!
ไม่ทันไรฝ่ายหญิงพลันเอาน้ำสาดใส่ ทว่าคนที่โดนกลับไม่ใช่คู่กรณีเสียนี่...คนที่โดนกลับกลายเป็นยุนโฮที่ไม่รู้เรื่องระหว่างสองคนนี้ด้วยซ้ำ ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้กี่ยวข้องกัน แต่กลับดวงไม่มีรับเคราะห์แทน
“คิมแจจุง...ฉันคือแฟนของเธอนะ...” หญิงสาวกล่าว หน้าตาแดงระเรื่อด้วยแรงโทสะสลับพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย
“...แล้วในท้องของฉันก็มีลูกของเธออยู่ด้วย ถามมาได้ว่า ‘ใช่ลูกฉันจริงหรอ’...บ้ารึเปล่า นอกจากเธอ คิมแจจุง ฉันก็ไม่เคยยุ่งกับผู้ชายคนไหนเลยนะ”
“ก็มันตกใจนี่นา อยู่ดีๆก็นัดมาที่นี่ แล้วมาบอกว่า ‘ระหว่างงานกับลูกในท้องจะเลือกอะไร’ ฉันไม่ได้ตั้งใจ...แต่เธอก็ไม่ควรพูดทำร้ายจิตใจขนาดนี้นี่นา”
อีกครั้ง...หญิงสาวร้องไห้ออกมา ก่อนจะหยิบถ้วยไอศกรีมที่ยังมีก้อนไอศกรีมอยู่ที่นั่น มุ่งตรงหรี่ละเลงใส่หัวแฟนหนุ่ม แล้ววิ่งออกจากร้านไปในทันที
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า คิมแจจุง ยื่นหัวเสียเล็กน้อย
“คุณน่าจะตามเธอไป” ยุนโฮกล่าว
“ผู้หญิงแบบนั้น ช่างเถอะ”
แม้สีหน้า ท่าทาง น้ำเสียงจะบอกเช่นนั้น ยุนโฮรู้ดีจริงๆแล้วคือไม่...สายตาที่มองตามของแจจุงมันฟ้อง อาจเพราะศักดิ์สีมันค้ำคออยู่ล่ะมั้งถึงได้ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามเช่นนี้
ไม่ดีเลยจริงๆ...
“ไม่อยากปรับความเข้าใจกับเธอจริงๆงั้นหรอ” ยุนโฮย้ำ
“ไม่จำเป็น”
“ไม่จำเป็นอย่างนั้นจริงหรอครับ...สิ่งสำคัญถ้าปล่อยให้มันหลุดมือไป อาจไม่ได้กลับคืนมาชั่วชีวิตก็ได้”
“นายจะไปรู้อะไรล่ะ ทำงานของนายไปเถอะ อย่ามายุ่งกับฉันเลย”
คิมแจจุงทำท่าว่าจะเดินจากไป...
จะให้เป็นแบบนี้จริงๆน่ะหรอ ไม่ยอมหรอก...
จะให้มันค้างคาโดยไม่ทำอะไรเลยจริงๆน่ะหรอ...ไม่ได้ ไม่ยอมหรอก
ความเศร้าน่ะ ไม่ว่ากับใครหรือเพราะอะไรก็ตาม ถ้ามันเกิดขึ้นในร้านนี้ล่ะก็ ร้านที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ร้านไอศกรีมที่สร้างความสุขแม้ว่าคุณจะผ่านเรื่องทุกข์อะไรก็ตาม
ไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น...ถ้าจะจากไป ก็ให้จากไปด้วยรอยยิ้มสิ ใช่ไหม
“คุณครับ” ยุนโฮตะโกนเรียก...
ทั้งๆที่คิมแจจุงออกพ้นประตูร้านไปแล้วระยะหนึ่ง ถึงจะไม่ไกลมากก็ตาม
“คุณแจจุง”
ก็ยังตะโกนอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะสนใจหันมา
ทว่าดูเหมือนแจจุงจะไม่ตอบรับเขาเลย กลับเดินห่างออกไปเรื่อยๆ...คงมีวิธีเดียว นั่นคือการวิ่งตาม วิ่งสิ วิ่งไป วิ่งไปให้ทัน
“เดี๋ยว!! รอเดี๋ยวครับ!!”
ยุนโฮตะโกนเรียกตลอดทางที่วิ่งเข้าหาแจจุง...แน่นอนทุ่มเทขนาดนี้ ใจแข็งไม่ยอมหยุดเดินก็ให้มันรู้ไป...และดูเหมือนว่ามันจะได้ผลจริงๆตามคาด
แจจุงหยุดเดินจริงๆ...
“อะไรของนายอีกล่ะ” เขาถาม
ยุนโฮหอบแฮกๆเล็กน้อย...มันเหนื่อยนี่นา เล่นเดินไม่ยั้งแบบนั้น เขาเองก็ต้องวิ่งให้เร็วตามเช่นกัน กว่าจะรู้ตัว ก็พบว่าวิ่งออกจากร้านมาไกลแล้ว
“แฮก แฮก...ผมไม่...ผมไม่ยอมให้ลูกค้าในร้านกลับได้พร้อมความเศร้า ความทุกข์ หรอกครับ...จะยังไงก็ได้ คุณจะไม่ยอมไปง้อแฟนคุณหรืออะไรก็ได้ แต่ได้โปรดช่วยกลับไปที่ร้านก่อนเถอะครับ”
ทำไม เขาลืมจ่ายเงินอย่างนั้นหรอ...ก็ไม่นิ เงินก็ถูกวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว หรือว่าหมอนี่จะมองไม่เห็นนะ ก็เปล่าสักหน่อย ในมือเจ้าหนูนั่นยังคำธนบัตรของเขาไว้ในมืออยู่เลย บางทีอาจจะให้รอเอาเงินทอนหรือเปล่านะ
“เฮ่ย~~~ ถ้าจะให้ฉันกลับไปเรื่องเงินทอน ไม่ต้องหรอก ถือว่าเป็นทิปก็แล้วกัน”
(- - )( - -)(- - )( - -)(- - )( - -)(- - )( - -)
“ไม่ใช่ครับ”
“แล้วมันเรื่องอะไร”
“ผมอยากให้คุณกลับไปกินไอศกรีมครับ”
เฮ่ย!!! บ้าน่า~~~ จู่ๆวิ่งมาหาเขาเอาเป็นเอาตาย เพื่อที่จะให้เขากลับไปกินไอศกรีมที่ร้านนี่นะ หมอนี่ ท่าทางจะเพี้ยนเอาเรื่องเหมือนกัน
“ไม่ล่ะ” แจจุงปฏิเสธ
เห็นทีว่า พูดชวนดีๆคงไม่ได้แล้ว...
ชองยุนโฮ...ทั้งๆที่ไม่อยากจะทำ ทั้งๆที่ไม่เคยทำ ไม่รู้ด้วยซ้ำมันจะได้ผลหรือเปล่า ก็เคยแค่ในทีวี เอาเถอะ จะอย่างไรก็แล้วแต่ วันนี้ของบ้าสักวันจะเป็นไรไป
ยุนโฮอาศัยความไว กระชากกระเป๋าเป้ของแจจุง แล้ววิ่งหนีสุดชีวิต
ของสำคัญอยู่ในนั้นฉันไหมล่ะ...เงิน มือถือ บัตรต่างๆ ฯลฯ อยู่ในกระเป๋าหมด จะไม่รีบตามมาหรอ เอาสิ ให้มันรู้ไป...
แผนของยุนโฮได้ผล...
ครั้งแรกในชีวิตเลยนะนี่ที่ทำบ้าๆห่ามๆอย่างนี้...คงไม่ลืมไปใช่ไหมว่าแม่ก็อยู่ในร้านด้วย จริงๆแล้วลืมไปสนิทเลย
คิมแจจุง...ทั้งตกใจ ทั้งโมโห อะไรกันหมอนี่ เดี๋ยวก็ขอให้ง้อแฟนทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย เดี๋ยวก็วิ่งมาชวนไปกินไอศกรีมในร้าน ขอโทษเถอะคนอยู่ในโหมดนี่จะมานั่งกินกินไอศกรีมลงงั้นหรอ ยังไม่พอตอนนี้ก็ฉกกระเป๋าเขาไปอีก...วันนี้เป็นวันอะไรของเขากันแน่นะ คิมแจจุงสงสัย
กระทั่งสุดท้ายแล้วก็ต้องย้อนกลับเข้าไปในร้านไอศกรีมจนได้
“เอากระเป๋าคืนมาเดี๋ยวนี้” แจจุงตะโกนลั่น ทั้งๆที่ยางอายเต็มใบหน้า...
เออ...ขอโทษที่มารบกวนความสำราญของลูกค้าทุกท่าน ถ้าหากมันไม่จำเป็นให้ตายก็มิบังอาจ ในกระเป๋าใบนั้นถ้าไม่เอาคืนมาคงได้ไส้แห้งตายแน่
กว่าจะได้มาเลือดตกยางออกไปหลายหยดเหมือนกัน...สำหรับคนที่ไม่เก่งอะไรเลยเลยนอกจากชกมวยหาเลี้ยงชีพอย่างแจจุง
“เอากระเป๋าคืนมา” ขออภัยอีกครั้งครับผม
ไม่รู้เจ้าหนูเด็กเสริฟจอมเพี้ยนคนนั้นหายไปไหนแล้ว หรือมันจะเป็นญาติกับพ่อมด
“เชิญคะ”
หญิงสาวที่คาดว่าคงจะใหญ่ที่สุดในร้านเดินเข้ามาหาแจจุง...
“ฉันชื่อคิมฮเยซองคะ ถ้าไม่รังเกียจร้านเราจะขอเลี้ยงไอศกรีมคุณสักถ้วยนะคะ...ไม่ต้องถามหรอกว่าทำไม เอาเป็นว่าเนื่องในโอกาสอยากให้คุณได้ทานก็แล้วกัน ถ้าหากคุณปฎิเสธล่ะก็ ฉันจะร้องไห้ในร้าน เสียงดังๆให้คุณขายหน้าไปเลยคะ...”
อย่างว่าสิ ขนาดเจ้าของร้านยังเพี้ยนขนาดนี้ ลูกน้องดีๆก็คงหายาก
“เข้าใจแล้ว กินเสร็จคืนกระเป๋าให้ด้วยนะ”
“คะ ^^”
ไม่นานนักไอศกรีมก็ถูกเสริฟมา...
มันคือไอศกรีมมะม่วงกับราสเบอร์รี่ที่ฮเยซองเคยให้ยุนโฮชิมครั้งก่อนนั่นเอง
“มันชื่อว่า ‘Sweet Vacation’ ครับ”
“เออ”
“ขอให้มีความสุขกับไอศกรีมนะครับ ^^ ”
บ้าดิ...ใครจะสุขได้ล่ะ กระเป๋าหง่ะกระเป๋าของฉ้านนน
เอาเถอะ...แค่กินๆมันไปให้หมดใช่ไหม...
ว่าแล้วคิมแจจุงจึงกินเข้าไป...ในตอนแรกเขาแทบไม่รู้สึกใดๆนอกจากความเย็น เพราะจิตใจที่ขุ่นมัวและเป็นกังวลนั่นเอง ทว่า พอได้กินไปเรื่อยๆ บางสิ่งสามารถเรียกอดีนาลีนออกมา เขารู้สึกค่อยๆดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
บางทีเขาอาจจะเผลอเข้าร้านไอศกรีมของแม่มดพ่อมดพวกนั้นแล้วล่ะมั้ง...
เพราะอย่างนั้นในมโนภาพชั่วแวบ แจจุงเห็นรอยยิ้มของแฟนสาว...คนที่เขาเพิ่งปล่อยให้หลุดมือไปคนนั้น...โถ้เอ้ย รอยยิ้มนั่นช่างงดงามเหลือเกิน...
“ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้กลับมาอีกครั้ง รอยยิ้มนั่น รอยยิ้มที่ทำให้ผมหลงรัก”
เหลือเชื่อเลยแหะ...จู่ๆทำไมถึงได้พูดออกไปอย่างนั้น
“ตอนนี้ก็ยังทันนะ” ยุนโฮพูด
“ไม่ทันหรอก ลูกโป่งมันลอยออกไปจากมือผมแล้ว”
“ใครว่าล่ะครับ ดูนั่น”
คงเป็นฝีมือหรือไม่ก็ฝีปากมิกกี้ แฟนสาวของแจจุง กลับมาที่ร้าน...กลับมาทันฟัประโยคนั้นของแจจุงพอดี...
คิมแจจุงทั้งตลึงทั้งดีใจ...
เอาล่ะในเมื่อพระเจ้าให้โอกาสได้แก้ตัวอีกครั้ง เขาก็จะทำให้ดีที่สุด...ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะเป็นสามีที่ดีได้หรือไม่ จะเป็นพี่ที่ดีได้หรือเปล่า แต่แจจุงก็จะพยายาม...
“ที่รัก ผมจะเลิกชกมวย ผมจะหางานทำ...แต่งงานกับผมเถอะนะ”
แฟนสาวของแจจุงยิ้ม...เธอกำลังมีความสุข
“คะ ตกลง”
..................................................
มันกลายเป็นเรื่องของคิมแจจุงไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้...แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี ผลสรุปออกมามันก็ดีมากจนคาดไม่ถึง
ผู้เฝ้ามอง...เริ่มเข้าใจอะไรได้นิดหน่อย
“ใช่ว่าฉันจะเห็นสิ่งด้วยกับเรื่องบ้าบิ่นพันธ์นั้น...” แม่ของยุนโฮพูด หลังจากปิดร้านแล้ว หลังจากผ่านเหตุการณ์ของแจจุงแล้ว
“...แต่ฉันก็ยอมรับ ลูกชายของฉัน ชองยุนโฮ เขากล้ามาก ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอสอนอะไรให้เขา ฉันไม่รู้ว่าเขาจดจำอะไรไปจากเธอ แต่ลูกชายของฉันเขามีความสุขจริงๆ มีความสุขกว่าสิ่งที่ฉันยื่นหยิบให้...เอาล่ะ ฉันแพ้แล้ว คิมฮเยซอง ฉันแพ้เธอแล้ว...ชองยุนโฮ พอหมดปิดเทอม กลับบ้านด้วยนะ เพราะถึงยังไงนั่นก็บ้านของเรา”
“หมายความว่า....”
“หมายความว่าลูกอยากจะทำอะไรก็ตามใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทุกสิ่งทุกอย่างหรอกนะ...แม่จะตามใจเฉพาะในสิ่งที่สมควรเท่านั้น...ฉันไปล่ะ”
คุณนายชองจะสะบัดหน้าจากไปง่ายหรอคะ...ไม่มีทางหรอกค่า
ไอ้เรื่องที่คุณนายตบหน้า ไอ้เรื่องที่คุณนายด่าว่า ‘แพศยา’ อิฉันไม่มีทางลืมได้หรอก...บอกแล้วสำหรับคนอื่นอาจปล่อยเลยแล้วจากไป แต่กับคิมเยซองนั้นไม่ใช่เจ้าค่า
“เออ...คุณนายชองคะ”
“อะไรอีกล่ะ คุณคิม”
“พอดีฉันมีไอศกรีมสูตรใหม่อยากให้คุณนายลองหน่อยน่ะคะ”
“ไอศกรีมอะไรของเธอ”
“ไอศกรีมสูตรพิเศษสำหรับคุณนาย”
ฮเยชองยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเล็กน้อย ไม่มีใครสังเกตเห็นหรอก นอกจากจุนซู...เพราะเพียงชั่ววินาทีมันก็แปลงสภาพเป็นยิ้มหวานบาดใจ
ไม่นานนักไอศกรีมสีสด จะว่าเป็นสีแดงระเรื่อหรือสีชมพูจ๋าก็ไม่รู้ซึ่งมันอยู่บนไอศกรีมสีเขียวอีกทีหนึ่ง...พลันเสริฟบนโต๊ะที่คุณนายชองนั่งทันที
“กรุณาท่านให้หมดนะคะ ฉันอุตส่าห์ทำได้หัวใจ...”
คุณนายชองระล้าระลังสักครู่...ตัดใจทานไม่ได้ มันน่ากลัวยิ่งกว่าน่ากิน
“...เพราะคุณนายไม่ชอบของหวานแต่สูตรนี้ขึ้นมา...”
ถ้ากินเข้าไปคงไม่ตายหรอกนะ
“...ยุนโฮ มิกกี้ และก็จุนซู เดี๋ยวไปล้างถ้วยล้างจานหลังร้านก่อนนะ...ไปสิจ๊ะ”
สามหนุ่ม ถึงไม่อยากไปก็จำเป็นต้องไป เพราะฮเยซองในตอนนี้น่ากลัวมาก...เป็นใบหน้าที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน ใบหน้าของแม่มด ใบหน้าของนางมารร้าย...
มายก็อต คุณแม่จะรอดไหมน่า...ถึงจะดูหยิ่งดูใจร้าย แต่ว่าพอคิดว่าอาจโดนอะไรจากฮเยซอง พวกเขาทั้งสามก็พากันสงสารแล้ว แต่จะทำไงได้...
มันก็คงเป็นเช่นนั้น...
การแก้แค้นของคิมฮเยซอง...ดังนั้นคุณนายชองจึงทานไอศกรีมรสพริกกับรสบอระเพชรไปเต็มๆ...
“...ยุนโฮ นายไม่จำเป็นต้องขอโทษพี่เลย...คนที่ต้องขอโทษน่ะแม่นายต่างหากล่ะ”
พอยุนโฮนึกถึงคำพูดในตอนนั้น...
พี่สาวต้องการจะแก้แค้นคุณแม่แน่ๆ...แม่ครับผมขอโทษ ไม่ว่าพี่สาวจะทำอะไรกับคุณแม่ ผมคงช่วยไม่ได้ คิดซะว่าเป็นการไถ่โทษที่แม่ตบหน้าและว่าพี่สาวแรงคราวนั้นแล้วกันนะครับ...
..................................................
กรุ้งกริ้ง~~กรุ้งกริ้ง~~
เสียงกระดิ่งดังขึ้น...
ไม่มีใครคาดคิดว่าคนๆนั้นจะเข้ามา....
“คุณป๋า~~!!!!”
ใช่...คิมแทซอง พ่อของคิมฮเยซองกลับมาแล้ว
ทว่า...แทนที่ลูกสาวจะดีอกดีใจ เข้ามากอดให้ชื่นใจ...ลูกสาวกลับเท้าสะเอว มองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างจะกินเลือดกินเนื้อ...หมั่นเขี้ยวอยากจะด่า
จู่ๆก็หายไป...แหม่...สำราญขนาดไม่ยอมกลับเป็นแรมเดือนเชียวนะ
“ทำไมไม่ย้ายไปอยู่ฝรั่งเศสเลยล่ะคุณป๋า”
"ลูกรักคุณป๋าขอโต้ด...นี่จ้าของฝาก ไวน์แดงจากบอร์โด กับนี่...น้ำหอม Dior ของแท้จากฝรั่งเศส”
คุณป๋า คุณป๋าน่ารักที่สุดในโลกเลย อุ้ย ของฝากๆๆๆๆๆ
อ้า~~~เอาอีกแล้วคุณฮเยซอง ทั้งที่จะใจแข็งไม่ยอมคุณป๋าง่ายๆ แต่แล้วก็กลับจำนนต่อของเซ่นเข้าให้อีกครั้ง ฮือ~~~เกลียดตัวเองจริงๆ
“ว่าแต่สามคนนี้ใครหรอลูก...คนไหนแฟน คนไหนชู้ คนไหนกิ๊ก”
คุณป๋าคะ...คุณป๋าจะทำให้คุณลูกสาวกลับมามีน้ำโหอีกครั้งใช่ไหมคะ
“พวกเขาทั้งสามคือพนักงานชั่วคราว เขามาทำงานตอนที่คุณป๋าหนีเที่ยวไงคะ”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”
แหม่...ยังกล้าพูด ‘อย่างนี้นี่เองอีก’ ลูกสาวหลอกด่ายังไม่รู้ตัวหรอคะ...แต่คนอย่างคุณป๋า ถึงรู้ว่ากำลังถูกหลอกด่าก็คงทำแกล้งไม่รู้
“สวัสดีครับผมมิกกี้”
“สวัสดีครับผมคิมจุนซู”
“สวัสดีครับผมชองยุนโฮ”
“ฉัน คิมแทซอง ยินดีที่ได้รู้จักพวกนายนะ...เดี๋ยวเรามาเปิดไวน์ฉลองกันดีกว่า”
เอาอีกแล้ว
“คุณป๋า~~ พวกเขายังอายุไม่ถึงยี่สิบเลยนะคะ”
“เอาหรอ...น่าเสียดายจัง”
วอนหาเรื่องเข้าตังเตแล้วไหมล่ะคุณป๋า
“เอ้านี่...ลูกรัก มัวแต่ดีใจเลยลืมเลย”
จู่ๆคุณป๋าก็ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งมาให้
“พอดีติดมือไปด้วยตอนเที่ยวฝรั่งเศสน่ะ โทษทีนะลูกรัก”
เพราะตราประทับตรงหัวจดหมาย...ทำให้ฮเยซองไม่รอช้าที่จะเปิดมาดูทันที
‘...ขอแสดงความยินดีกับคุณคิมฮเยซองด้วย เนื่องจากทางมหาลัยได้ตอบรับที่จะให้ทุนคุณคิมฮเยซองไปเรียนต่อ ณ. ประเทศสเปนแล้ว...’
กำหนดการก็คือวันเดียวกับที่พวกยุนโฮหมดปิดเทอมฤดูร้อนนี้พอดี
###########TO BE CONTINUAL############
หวัดดีค่าาาาา ตอนหน้าก็จบแล้ว ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งนะคะ
จิตใจของหญิงสาวนั้นเป็นเรื่องซับซ้อน แม้กระทั้งพระเจ้าก็ยังมิอาจสามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้...แล้วนับภาษาอะไรกับยุนโฮเล่า เขาก็เป็นแค่เพียงผู้ชายธรรมดาบนโลกคนหนึ่งเท่านั้น
เขาไม่รู้หรอกว่าพี่สาวอย่างคิมฮเยซองกำลังคิดอะไรอยู่
เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมเธอถึงเรียกให้ผู้เป็นมาเข้ามาในร้าน ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจ แม่ไม่ชอบฮเยซอง ไม่สิ แม่ไม่ชอบให้อะไรมาเป็นตัวอ้างเหตุผลถึงการไม่เชื่อฟังต่างหาก
แต่สิ่งที่ทำให้ยุนโฮแปลกใจกว่านั่นก็คือ แม่ที่ปกติในสถานการณ์ที่เป็นโอกาสเช่นนี้..แม่กลับแค่นั่งอยู่เฉยๆ ในขณะที่พวกเราทำงานในร้านเช่นปกติ
“ไม่รู้พี่สาวไปตกลงอะไรกับแม่หรือเปล่า” ยุนโฮได้แต่พึมพำนึกสงสัย อยากรู้ก็อยากรู้ แต่ไม่รู้จะเริ่มถามอย่างไรดี...ใช่ว่ากลัวแต่เพราะไม่มีโอกาสมากกว่า พอจะอ้าปากถามพี่สาว เธอก็เบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น หรือไม่ก็ใช้ให้ไปทำงาน
จะให้ไปถามแม่งั้นหรอ...ไม่เอาหรอก กลัวน่ะ
ดังนั้นยุนโฮจึงได้แต่รอโอกาสที่คำถามในหัวจะถูกเฉลย
วันคืนผ่านไป...เจ็ดวันพอดี
แม่ก็ยังเข้ามาในร้านตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเลิกร้านถึงค่อยกลับเป็นเช่นนั้นอยู่ตลอด
จากเคอะเขินและเกรงกลัวในตอนแรก บัดนี้ยุนโฮและเพื่อนทั้งสอง มิกกี้และจุนซู พวกเขาต่างเคยชินกับมันมากขึ้นเรื่อยๆแล้วในที่สุดมันจึงกลายเป็นเรื่องปกติไป
ไม่มีใครคาดคิด...ว่าวันนี้จะเป็นวันตัดสินชี้ชะตาของยุนโฮ
ใช่แล้ว...ในคืนที่ฮเยซองบอกความในใจให้ยุนโฮรู้คืนนั้นนั่นล่ะ ที่เธอเล่นค้นหาเบอร์บ้านในใบสมัครงานของยุนโฮที่กรอกไว้ฮเยซองโทรไปหาแม่ของเขา แน่นอนมันดูเป็นการไม่สมควร ทว่าคนอย่างฮเยซองไม่ชอบให้อะไรก็ตามที่เธอตั้งใจทำล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะบางอย่างถ้าไม่ทำทันทีมันจะชวนอึดอัดใจ ใครจะว่าใจร้อนก็ช่าง
แต่ผลสุดท้ายแม่ของยุนโฮก็ยอมร่วมพนันด้วย...
ถ้าหากแม่ของยุนโฮเป็นฝ่ายชนะฮเยซองก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยุนโฮอีกเลย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ในถ้ากลับกันถ้าหากฝ่ายชนะคือฮเยซอง แม่ของยุนโฮจะต้องปล่อยให้เขาตัดสินทางเดินด้วยตัวเอง จะต้องยอมให้ยุนโฮทำในสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ ไม่มีการบังคับอีกต่อไป...
“ว่าแต่เราจะพนันกันด้วยอะไรดีล่ะ”
เสียงสนทนาในตอนนั้นของแม่ยุนโฮถาม
“ความสุขของยุนโฮไงคะ” ฮเยซองตอบ
“ความสุขของยุนโฮงั้นหรอ?...นี่...ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของเธอหรอกนะ”
“แล้วใครว่าอย่างนั้นล่ะคะ ฉันคิดแล้วคิดอีก มันสามารถออกมาเป็นรูปธรรมได้”
“ขอโทษนะ ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ช่วยอธิบายให้กระจ่างกว่านี้ได้ไหม”
“คะ...ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามนะคะ ที่ผ่านมายุนโฮเขามีความสุขจริงๆหรือเปล่า”
“แน่นอนสิ ฉันมีเงินให้เขาใช้ ฉันส่งเขาไปเรื่องโรงเรียนดีๆ ฉันมอบความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายให้ ไม่เรียกว่ามีความสุขก็ไม่รู้ว่ายังไงแล้ว”
“แบบนั้นเรียกว่าความสุขแล้วงั้นหรอ”
“อะไรของเธอ”
“เอาเป็นว่า คุณลองมาที่ร้านฉัน นั่งอยู่ดูยุนโฮ นั่นดูเขาในทุกการกระทำทุกอย่าง ถ้าหากสิ่งที่เขาแสดงออกมาในขณะที่คุณจับตาดูอยู่ ถ้าหากเขาแสดงออกมาว่าเขามีความสุขในสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจทำทุกอย่าง ลองวัดดูด้วยตาที่ใจของคุณดูไหมคะ”
“ตาที่ใจ?”
“ลองไปพิสูจน์ดูว่าความสุขที่คุณมอบให้กับความสุขที่เขาพยายามไขว่คว้าด้วยตัวเขาเอง อย่างไหนกันแน่ที่จะทำให้เขารู้สึกว่าการดำรงอยู่ของเขานั้นมันคุ้มค่าที่สุด”
“ก็ได้ แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นฝ่ายถูก ก็อย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ”
“ได้คะ แค่ให้คุณมาดูด้วยตา ถึงฉันจะแพ้ แล้วคุณจะเอาเรื่องฉัน จับฉันเข้าคุก ฉันก็ไม่ว่าอะไร...แต่มีกฎนะคะ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรคุณแค่เป็นฝ่ายนั่งดูอยู่เฉยๆ ตกลงนะคะ...เจ็ดวัน เวลาแค่เจ็ดวันเท่านั้นก็ได้”
“ได้ ฉันตกลง”
นั่นคือที่มาของเรื่องทั้งหมด...ไม่มีใครรู้นอกจากพวกเธอทั้งสอง
ฮเยซองไม่ยอมบอก เพราะฮเยซองใจจริงก็อยากรู้อยู่เหมือนกันว่าที่เธอคิดมาตลอดมันถูกต้องจริงๆหรือเปล่า...
เพี้ยะ!!
ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่อง สวรรค์เบื้องบนมักช่วยเหลือ จะเพราะว่าอยากสนุกหรือเพราะแค่อยากช่วยจริงๆก็ตาม...
“ทำไมนายไม่มีความรับผิดชอบแบบนั้นล่ะ”
หญิงสาวผู้หนึ่งโวยวายขึ้น...เธอโวยวายเสียงดังต่อผู้ชายที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันคนนั้นหลังจากตบเขาทีหนึ่ง...
“อะไรกันเล่า” แน่นอนใครจะยอมล่ะ ผู้ชายคนนั้นถึงกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่เช่นกัน
จะมีเรื่องตบตีกันในร้านหรือเปล่านะ...อย่าเลย ขออย่าได้มีอะไรแบบนั้นหรอกนะ ยิ่งวันนี้เปนวันชี้ชะตาของยุนโฮเขาด้วย...ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ทั้งๆที่ทุกอย่างที่ผ่านมามันไปได้สวยมาตลอด
จะเกิดเรื่องขึ้น ทำไมถึงต้องเป็นวันนี้ด้วยนะ
“อย่ามีเรื่องกันเลยครับ คุยกันดีๆ ดีกว่าไหมครับ” ยุนโฮที่อยู่ใกล้ที่สุดพยายามห้ามปรามแต่แล้ว
ซ่า~~~!!!
ไม่ทันไรฝ่ายหญิงพลันเอาน้ำสาดใส่ ทว่าคนที่โดนกลับไม่ใช่คู่กรณีเสียนี่...คนที่โดนกลับกลายเป็นยุนโฮที่ไม่รู้เรื่องระหว่างสองคนนี้ด้วยซ้ำ ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้กี่ยวข้องกัน แต่กลับดวงไม่มีรับเคราะห์แทน
“คิมแจจุง...ฉันคือแฟนของเธอนะ...” หญิงสาวกล่าว หน้าตาแดงระเรื่อด้วยแรงโทสะสลับพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย
“...แล้วในท้องของฉันก็มีลูกของเธออยู่ด้วย ถามมาได้ว่า ‘ใช่ลูกฉันจริงหรอ’...บ้ารึเปล่า นอกจากเธอ คิมแจจุง ฉันก็ไม่เคยยุ่งกับผู้ชายคนไหนเลยนะ”
“ก็มันตกใจนี่นา อยู่ดีๆก็นัดมาที่นี่ แล้วมาบอกว่า ‘ระหว่างงานกับลูกในท้องจะเลือกอะไร’ ฉันไม่ได้ตั้งใจ...แต่เธอก็ไม่ควรพูดทำร้ายจิตใจขนาดนี้นี่นา”
อีกครั้ง...หญิงสาวร้องไห้ออกมา ก่อนจะหยิบถ้วยไอศกรีมที่ยังมีก้อนไอศกรีมอยู่ที่นั่น มุ่งตรงหรี่ละเลงใส่หัวแฟนหนุ่ม แล้ววิ่งออกจากร้านไปในทันที
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า คิมแจจุง ยื่นหัวเสียเล็กน้อย
“คุณน่าจะตามเธอไป” ยุนโฮกล่าว
“ผู้หญิงแบบนั้น ช่างเถอะ”
แม้สีหน้า ท่าทาง น้ำเสียงจะบอกเช่นนั้น ยุนโฮรู้ดีจริงๆแล้วคือไม่...สายตาที่มองตามของแจจุงมันฟ้อง อาจเพราะศักดิ์สีมันค้ำคออยู่ล่ะมั้งถึงได้ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามเช่นนี้
ไม่ดีเลยจริงๆ...
“ไม่อยากปรับความเข้าใจกับเธอจริงๆงั้นหรอ” ยุนโฮย้ำ
“ไม่จำเป็น”
“ไม่จำเป็นอย่างนั้นจริงหรอครับ...สิ่งสำคัญถ้าปล่อยให้มันหลุดมือไป อาจไม่ได้กลับคืนมาชั่วชีวิตก็ได้”
“นายจะไปรู้อะไรล่ะ ทำงานของนายไปเถอะ อย่ามายุ่งกับฉันเลย”
คิมแจจุงทำท่าว่าจะเดินจากไป...
จะให้เป็นแบบนี้จริงๆน่ะหรอ ไม่ยอมหรอก...
จะให้มันค้างคาโดยไม่ทำอะไรเลยจริงๆน่ะหรอ...ไม่ได้ ไม่ยอมหรอก
ความเศร้าน่ะ ไม่ว่ากับใครหรือเพราะอะไรก็ตาม ถ้ามันเกิดขึ้นในร้านนี้ล่ะก็ ร้านที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ร้านไอศกรีมที่สร้างความสุขแม้ว่าคุณจะผ่านเรื่องทุกข์อะไรก็ตาม
ไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น...ถ้าจะจากไป ก็ให้จากไปด้วยรอยยิ้มสิ ใช่ไหม
“คุณครับ” ยุนโฮตะโกนเรียก...
ทั้งๆที่คิมแจจุงออกพ้นประตูร้านไปแล้วระยะหนึ่ง ถึงจะไม่ไกลมากก็ตาม
“คุณแจจุง”
ก็ยังตะโกนอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะสนใจหันมา
ทว่าดูเหมือนแจจุงจะไม่ตอบรับเขาเลย กลับเดินห่างออกไปเรื่อยๆ...คงมีวิธีเดียว นั่นคือการวิ่งตาม วิ่งสิ วิ่งไป วิ่งไปให้ทัน
“เดี๋ยว!! รอเดี๋ยวครับ!!”
ยุนโฮตะโกนเรียกตลอดทางที่วิ่งเข้าหาแจจุง...แน่นอนทุ่มเทขนาดนี้ ใจแข็งไม่ยอมหยุดเดินก็ให้มันรู้ไป...และดูเหมือนว่ามันจะได้ผลจริงๆตามคาด
แจจุงหยุดเดินจริงๆ...
“อะไรของนายอีกล่ะ” เขาถาม
ยุนโฮหอบแฮกๆเล็กน้อย...มันเหนื่อยนี่นา เล่นเดินไม่ยั้งแบบนั้น เขาเองก็ต้องวิ่งให้เร็วตามเช่นกัน กว่าจะรู้ตัว ก็พบว่าวิ่งออกจากร้านมาไกลแล้ว
“แฮก แฮก...ผมไม่...ผมไม่ยอมให้ลูกค้าในร้านกลับได้พร้อมความเศร้า ความทุกข์ หรอกครับ...จะยังไงก็ได้ คุณจะไม่ยอมไปง้อแฟนคุณหรืออะไรก็ได้ แต่ได้โปรดช่วยกลับไปที่ร้านก่อนเถอะครับ”
ทำไม เขาลืมจ่ายเงินอย่างนั้นหรอ...ก็ไม่นิ เงินก็ถูกวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว หรือว่าหมอนี่จะมองไม่เห็นนะ ก็เปล่าสักหน่อย ในมือเจ้าหนูนั่นยังคำธนบัตรของเขาไว้ในมืออยู่เลย บางทีอาจจะให้รอเอาเงินทอนหรือเปล่านะ
“เฮ่ย~~~ ถ้าจะให้ฉันกลับไปเรื่องเงินทอน ไม่ต้องหรอก ถือว่าเป็นทิปก็แล้วกัน”
(- - )( - -)(- - )( - -)(- - )( - -)(- - )( - -)
“ไม่ใช่ครับ”
“แล้วมันเรื่องอะไร”
“ผมอยากให้คุณกลับไปกินไอศกรีมครับ”
เฮ่ย!!! บ้าน่า~~~ จู่ๆวิ่งมาหาเขาเอาเป็นเอาตาย เพื่อที่จะให้เขากลับไปกินไอศกรีมที่ร้านนี่นะ หมอนี่ ท่าทางจะเพี้ยนเอาเรื่องเหมือนกัน
“ไม่ล่ะ” แจจุงปฏิเสธ
เห็นทีว่า พูดชวนดีๆคงไม่ได้แล้ว...
ชองยุนโฮ...ทั้งๆที่ไม่อยากจะทำ ทั้งๆที่ไม่เคยทำ ไม่รู้ด้วยซ้ำมันจะได้ผลหรือเปล่า ก็เคยแค่ในทีวี เอาเถอะ จะอย่างไรก็แล้วแต่ วันนี้ของบ้าสักวันจะเป็นไรไป
ยุนโฮอาศัยความไว กระชากกระเป๋าเป้ของแจจุง แล้ววิ่งหนีสุดชีวิต
ของสำคัญอยู่ในนั้นฉันไหมล่ะ...เงิน มือถือ บัตรต่างๆ ฯลฯ อยู่ในกระเป๋าหมด จะไม่รีบตามมาหรอ เอาสิ ให้มันรู้ไป...
แผนของยุนโฮได้ผล...
ครั้งแรกในชีวิตเลยนะนี่ที่ทำบ้าๆห่ามๆอย่างนี้...คงไม่ลืมไปใช่ไหมว่าแม่ก็อยู่ในร้านด้วย จริงๆแล้วลืมไปสนิทเลย
คิมแจจุง...ทั้งตกใจ ทั้งโมโห อะไรกันหมอนี่ เดี๋ยวก็ขอให้ง้อแฟนทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย เดี๋ยวก็วิ่งมาชวนไปกินไอศกรีมในร้าน ขอโทษเถอะคนอยู่ในโหมดนี่จะมานั่งกินกินไอศกรีมลงงั้นหรอ ยังไม่พอตอนนี้ก็ฉกกระเป๋าเขาไปอีก...วันนี้เป็นวันอะไรของเขากันแน่นะ คิมแจจุงสงสัย
กระทั่งสุดท้ายแล้วก็ต้องย้อนกลับเข้าไปในร้านไอศกรีมจนได้
“เอากระเป๋าคืนมาเดี๋ยวนี้” แจจุงตะโกนลั่น ทั้งๆที่ยางอายเต็มใบหน้า...
เออ...ขอโทษที่มารบกวนความสำราญของลูกค้าทุกท่าน ถ้าหากมันไม่จำเป็นให้ตายก็มิบังอาจ ในกระเป๋าใบนั้นถ้าไม่เอาคืนมาคงได้ไส้แห้งตายแน่
กว่าจะได้มาเลือดตกยางออกไปหลายหยดเหมือนกัน...สำหรับคนที่ไม่เก่งอะไรเลยเลยนอกจากชกมวยหาเลี้ยงชีพอย่างแจจุง
“เอากระเป๋าคืนมา” ขออภัยอีกครั้งครับผม
ไม่รู้เจ้าหนูเด็กเสริฟจอมเพี้ยนคนนั้นหายไปไหนแล้ว หรือมันจะเป็นญาติกับพ่อมด
“เชิญคะ”
หญิงสาวที่คาดว่าคงจะใหญ่ที่สุดในร้านเดินเข้ามาหาแจจุง...
“ฉันชื่อคิมฮเยซองคะ ถ้าไม่รังเกียจร้านเราจะขอเลี้ยงไอศกรีมคุณสักถ้วยนะคะ...ไม่ต้องถามหรอกว่าทำไม เอาเป็นว่าเนื่องในโอกาสอยากให้คุณได้ทานก็แล้วกัน ถ้าหากคุณปฎิเสธล่ะก็ ฉันจะร้องไห้ในร้าน เสียงดังๆให้คุณขายหน้าไปเลยคะ...”
อย่างว่าสิ ขนาดเจ้าของร้านยังเพี้ยนขนาดนี้ ลูกน้องดีๆก็คงหายาก
“เข้าใจแล้ว กินเสร็จคืนกระเป๋าให้ด้วยนะ”
“คะ ^^”
ไม่นานนักไอศกรีมก็ถูกเสริฟมา...
มันคือไอศกรีมมะม่วงกับราสเบอร์รี่ที่ฮเยซองเคยให้ยุนโฮชิมครั้งก่อนนั่นเอง
“มันชื่อว่า ‘Sweet Vacation’ ครับ”
“เออ”
“ขอให้มีความสุขกับไอศกรีมนะครับ ^^ ”
บ้าดิ...ใครจะสุขได้ล่ะ กระเป๋าหง่ะกระเป๋าของฉ้านนน
เอาเถอะ...แค่กินๆมันไปให้หมดใช่ไหม...
ว่าแล้วคิมแจจุงจึงกินเข้าไป...ในตอนแรกเขาแทบไม่รู้สึกใดๆนอกจากความเย็น เพราะจิตใจที่ขุ่นมัวและเป็นกังวลนั่นเอง ทว่า พอได้กินไปเรื่อยๆ บางสิ่งสามารถเรียกอดีนาลีนออกมา เขารู้สึกค่อยๆดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
บางทีเขาอาจจะเผลอเข้าร้านไอศกรีมของแม่มดพ่อมดพวกนั้นแล้วล่ะมั้ง...
เพราะอย่างนั้นในมโนภาพชั่วแวบ แจจุงเห็นรอยยิ้มของแฟนสาว...คนที่เขาเพิ่งปล่อยให้หลุดมือไปคนนั้น...โถ้เอ้ย รอยยิ้มนั่นช่างงดงามเหลือเกิน...
“ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้กลับมาอีกครั้ง รอยยิ้มนั่น รอยยิ้มที่ทำให้ผมหลงรัก”
เหลือเชื่อเลยแหะ...จู่ๆทำไมถึงได้พูดออกไปอย่างนั้น
“ตอนนี้ก็ยังทันนะ” ยุนโฮพูด
“ไม่ทันหรอก ลูกโป่งมันลอยออกไปจากมือผมแล้ว”
“ใครว่าล่ะครับ ดูนั่น”
คงเป็นฝีมือหรือไม่ก็ฝีปากมิกกี้ แฟนสาวของแจจุง กลับมาที่ร้าน...กลับมาทันฟัประโยคนั้นของแจจุงพอดี...
คิมแจจุงทั้งตลึงทั้งดีใจ...
เอาล่ะในเมื่อพระเจ้าให้โอกาสได้แก้ตัวอีกครั้ง เขาก็จะทำให้ดีที่สุด...ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะเป็นสามีที่ดีได้หรือไม่ จะเป็นพี่ที่ดีได้หรือเปล่า แต่แจจุงก็จะพยายาม...
“ที่รัก ผมจะเลิกชกมวย ผมจะหางานทำ...แต่งงานกับผมเถอะนะ”
แฟนสาวของแจจุงยิ้ม...เธอกำลังมีความสุข
“คะ ตกลง”
..................................................
มันกลายเป็นเรื่องของคิมแจจุงไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้...แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี ผลสรุปออกมามันก็ดีมากจนคาดไม่ถึง
ผู้เฝ้ามอง...เริ่มเข้าใจอะไรได้นิดหน่อย
“ใช่ว่าฉันจะเห็นสิ่งด้วยกับเรื่องบ้าบิ่นพันธ์นั้น...” แม่ของยุนโฮพูด หลังจากปิดร้านแล้ว หลังจากผ่านเหตุการณ์ของแจจุงแล้ว
“...แต่ฉันก็ยอมรับ ลูกชายของฉัน ชองยุนโฮ เขากล้ามาก ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอสอนอะไรให้เขา ฉันไม่รู้ว่าเขาจดจำอะไรไปจากเธอ แต่ลูกชายของฉันเขามีความสุขจริงๆ มีความสุขกว่าสิ่งที่ฉันยื่นหยิบให้...เอาล่ะ ฉันแพ้แล้ว คิมฮเยซอง ฉันแพ้เธอแล้ว...ชองยุนโฮ พอหมดปิดเทอม กลับบ้านด้วยนะ เพราะถึงยังไงนั่นก็บ้านของเรา”
“หมายความว่า....”
“หมายความว่าลูกอยากจะทำอะไรก็ตามใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทุกสิ่งทุกอย่างหรอกนะ...แม่จะตามใจเฉพาะในสิ่งที่สมควรเท่านั้น...ฉันไปล่ะ”
คุณนายชองจะสะบัดหน้าจากไปง่ายหรอคะ...ไม่มีทางหรอกค่า
ไอ้เรื่องที่คุณนายตบหน้า ไอ้เรื่องที่คุณนายด่าว่า ‘แพศยา’ อิฉันไม่มีทางลืมได้หรอก...บอกแล้วสำหรับคนอื่นอาจปล่อยเลยแล้วจากไป แต่กับคิมเยซองนั้นไม่ใช่เจ้าค่า
“เออ...คุณนายชองคะ”
“อะไรอีกล่ะ คุณคิม”
“พอดีฉันมีไอศกรีมสูตรใหม่อยากให้คุณนายลองหน่อยน่ะคะ”
“ไอศกรีมอะไรของเธอ”
“ไอศกรีมสูตรพิเศษสำหรับคุณนาย”
ฮเยชองยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเล็กน้อย ไม่มีใครสังเกตเห็นหรอก นอกจากจุนซู...เพราะเพียงชั่ววินาทีมันก็แปลงสภาพเป็นยิ้มหวานบาดใจ
ไม่นานนักไอศกรีมสีสด จะว่าเป็นสีแดงระเรื่อหรือสีชมพูจ๋าก็ไม่รู้ซึ่งมันอยู่บนไอศกรีมสีเขียวอีกทีหนึ่ง...พลันเสริฟบนโต๊ะที่คุณนายชองนั่งทันที
“กรุณาท่านให้หมดนะคะ ฉันอุตส่าห์ทำได้หัวใจ...”
คุณนายชองระล้าระลังสักครู่...ตัดใจทานไม่ได้ มันน่ากลัวยิ่งกว่าน่ากิน
“...เพราะคุณนายไม่ชอบของหวานแต่สูตรนี้ขึ้นมา...”
ถ้ากินเข้าไปคงไม่ตายหรอกนะ
“...ยุนโฮ มิกกี้ และก็จุนซู เดี๋ยวไปล้างถ้วยล้างจานหลังร้านก่อนนะ...ไปสิจ๊ะ”
สามหนุ่ม ถึงไม่อยากไปก็จำเป็นต้องไป เพราะฮเยซองในตอนนี้น่ากลัวมาก...เป็นใบหน้าที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน ใบหน้าของแม่มด ใบหน้าของนางมารร้าย...
มายก็อต คุณแม่จะรอดไหมน่า...ถึงจะดูหยิ่งดูใจร้าย แต่ว่าพอคิดว่าอาจโดนอะไรจากฮเยซอง พวกเขาทั้งสามก็พากันสงสารแล้ว แต่จะทำไงได้...
มันก็คงเป็นเช่นนั้น...
การแก้แค้นของคิมฮเยซอง...ดังนั้นคุณนายชองจึงทานไอศกรีมรสพริกกับรสบอระเพชรไปเต็มๆ...
“...ยุนโฮ นายไม่จำเป็นต้องขอโทษพี่เลย...คนที่ต้องขอโทษน่ะแม่นายต่างหากล่ะ”
พอยุนโฮนึกถึงคำพูดในตอนนั้น...
พี่สาวต้องการจะแก้แค้นคุณแม่แน่ๆ...แม่ครับผมขอโทษ ไม่ว่าพี่สาวจะทำอะไรกับคุณแม่ ผมคงช่วยไม่ได้ คิดซะว่าเป็นการไถ่โทษที่แม่ตบหน้าและว่าพี่สาวแรงคราวนั้นแล้วกันนะครับ...
..................................................
กรุ้งกริ้ง~~กรุ้งกริ้ง~~
เสียงกระดิ่งดังขึ้น...
ไม่มีใครคาดคิดว่าคนๆนั้นจะเข้ามา....
“คุณป๋า~~!!!!”
ใช่...คิมแทซอง พ่อของคิมฮเยซองกลับมาแล้ว
ทว่า...แทนที่ลูกสาวจะดีอกดีใจ เข้ามากอดให้ชื่นใจ...ลูกสาวกลับเท้าสะเอว มองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างจะกินเลือดกินเนื้อ...หมั่นเขี้ยวอยากจะด่า
จู่ๆก็หายไป...แหม่...สำราญขนาดไม่ยอมกลับเป็นแรมเดือนเชียวนะ
“ทำไมไม่ย้ายไปอยู่ฝรั่งเศสเลยล่ะคุณป๋า”
"ลูกรักคุณป๋าขอโต้ด...นี่จ้าของฝาก ไวน์แดงจากบอร์โด กับนี่...น้ำหอม Dior ของแท้จากฝรั่งเศส”
คุณป๋า คุณป๋าน่ารักที่สุดในโลกเลย อุ้ย ของฝากๆๆๆๆๆ
อ้า~~~เอาอีกแล้วคุณฮเยซอง ทั้งที่จะใจแข็งไม่ยอมคุณป๋าง่ายๆ แต่แล้วก็กลับจำนนต่อของเซ่นเข้าให้อีกครั้ง ฮือ~~~เกลียดตัวเองจริงๆ
“ว่าแต่สามคนนี้ใครหรอลูก...คนไหนแฟน คนไหนชู้ คนไหนกิ๊ก”
คุณป๋าคะ...คุณป๋าจะทำให้คุณลูกสาวกลับมามีน้ำโหอีกครั้งใช่ไหมคะ
“พวกเขาทั้งสามคือพนักงานชั่วคราว เขามาทำงานตอนที่คุณป๋าหนีเที่ยวไงคะ”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”
แหม่...ยังกล้าพูด ‘อย่างนี้นี่เองอีก’ ลูกสาวหลอกด่ายังไม่รู้ตัวหรอคะ...แต่คนอย่างคุณป๋า ถึงรู้ว่ากำลังถูกหลอกด่าก็คงทำแกล้งไม่รู้
“สวัสดีครับผมมิกกี้”
“สวัสดีครับผมคิมจุนซู”
“สวัสดีครับผมชองยุนโฮ”
“ฉัน คิมแทซอง ยินดีที่ได้รู้จักพวกนายนะ...เดี๋ยวเรามาเปิดไวน์ฉลองกันดีกว่า”
เอาอีกแล้ว
“คุณป๋า~~ พวกเขายังอายุไม่ถึงยี่สิบเลยนะคะ”
“เอาหรอ...น่าเสียดายจัง”
วอนหาเรื่องเข้าตังเตแล้วไหมล่ะคุณป๋า
“เอ้านี่...ลูกรัก มัวแต่ดีใจเลยลืมเลย”
จู่ๆคุณป๋าก็ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งมาให้
“พอดีติดมือไปด้วยตอนเที่ยวฝรั่งเศสน่ะ โทษทีนะลูกรัก”
เพราะตราประทับตรงหัวจดหมาย...ทำให้ฮเยซองไม่รอช้าที่จะเปิดมาดูทันที
‘...ขอแสดงความยินดีกับคุณคิมฮเยซองด้วย เนื่องจากทางมหาลัยได้ตอบรับที่จะให้ทุนคุณคิมฮเยซองไปเรียนต่อ ณ. ประเทศสเปนแล้ว...’
กำหนดการก็คือวันเดียวกับที่พวกยุนโฮหมดปิดเทอมฤดูร้อนนี้พอดี
###########TO BE CONTINUAL############
หวัดดีค่าาาาา ตอนหน้าก็จบแล้ว ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ