Innocent Love
เขียนโดย Neko_CJ
วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23.55 น.
แก้ไขเมื่อ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 09.38 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 3
<‘Parfait-tic’ ปิดกิจการ 1 วัน>
เพราะไม่มีใครสามารถต้านทานแรงโน้มถ่วงของโลก...ไม่ใช่หรอก...
เพราะของมันหมดสต็อกแล้วต่างหาก หน้าที่การเลือกวัตถุดิบนั้นคุณป๋าของฮเยซองเป็นคนจัดการซื้อหาเลือกสรรคนเดียวทั้งหมด...
ถึงจะเป็นร้านไอศกรีมเล็กๆ(แน่หรอ) แต่ทุกอย่างมันมีคุณภาพเกิดคาดคิด ก็แหม่...ราคาถูกซะขนาดนั้นนี่นา ^^
ดังนั้นพอของหมด... คิมฮเยซองแอนด์เดอะแก็งค์จึงยกโขยงบุกตละเวนหาวัตถุดิบตามที่คุณป๋าเขียนเอาไว้ในสมุดบันทึกเล็กๆใต้ลิ้นชักในห้องนอนของพ่อ
“พี่สาวทำไมไม่ไปซื้อที่ซุปเปอร์มาเก็ตแทนล่ะ สะดวกกว่าเยอะ”
เสียงอิดออดที่ดังลอดมาจากด้านหลัง...ในขณะที่สองมือแบกกล่องโฟมลูกสตอเบอรี่เม็ดโตอยู่
“เพราะที่ซุปเปอร์น่ะเราเลือกไม่ได้แบบนี้น่ะสิ มิกกี้...ซื้อมาจากไร่อย่างนี้ล่ะ ถึงจะดี ต่อราคาได้ด้วย ลูกก็ใหญ้ใหญ่”
“พวกเราก็เลยต้องมาเป็นกรรมกรแบกหามซะงั้น” ปากบ่นแต่มิกกี้ก็ยังช่วยแบกใส่รถอยู่ดี ก็น่าอยู่หรอก ทั้งขับรถ ทั้งขนของ ก็เขาเองทั้งหมด น่าเห็นใจ แต่มันเป็นหน้าที่ของนายนี่นามิกกี้
เดี๋ยวกลับบ้าน(ร้าน)จะทำอาหารอร่อยๆตอบแทนนะ...จะได้เห็นฝีมืออาหารอันโอชะของคิมฮเยซองคนนี้อย่างแท้จริงสักที...ก็มีเวลาแล้วนี่นา
“ยุนโฮ~~~”
ตึกตัก~ ตึกตัก~ ตึกตัก~ ตึกตัก~
เพียงแค่เรียกชื่อ หัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว...
ทำไมถึงยังไม่ชินสักทีนะ นับวันก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น นับตั้งแต่คืนนั้นจนมาถึงตอนนี้ ก็ห้าวันเข้าไปแล้ว...
ทั้งที่คิดว่าอีกเดี๋ยวก็หาย ทว่า กลับไม่ ดูคล้ายเป็นโรคที่ยังไม่สามารถรักษาได้เสียแล้ว
ขนาดเคยเรียกจุนซูกับมิกกี้มาสำแดงยิ้มกระชากใจ กระชากวิญญาณแล้ว...
ก็ดูเหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นแบบนั้นเลย...
สงสัยว่า ‘ถ้าไม่ใช่คนๆนั้นเพียงคนเดียว’ อย่างที่ยุนโฮเคยพูดไว้ มันคงใช้ได้ผลแล้วล่ะ กับในสถานการณ์แบบนี้...ใช่ไหมยุนโฮ
“ครับ พี่สาว”
น้ำเสียงราบเรียบ...เขายังคงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ช..ช่วย...ขนไปทีสิ”
“ครับ ^^”
มันช่างเป็นความปกติที่ไม่ปกติจริงๆนะนี่...
………………………………………………………………
เพราะตะเวนตะลอนๆทั่วเมืองกวางจู...กว่าจะได้กลับก็เล่นเอาค่ำไปเลยทีเดียว
“พี่สาว พี่สาว อย่าลืมเนื้อย่างที่สัญญานะครับ”
“รู้แล้วน่ารู้แล้ว มิกกี้”
แหม่...กลัวไม่ได้กินหรอไง...พอรู้ว่าจะเลี้ยงเนื้อย่างก็บ่นมาตั้งแต่ไปยันกลับ...
แถมมีจุนซูเป็นดับเบิลซาวน์อีก เพื่อนซี้คู่นี้ช่างเกิดมาเพื่อเป็นแนวร่วมเดียวกันเสียจริง -*-
ทำไมไม่ยอมดูยุนโฮเป็นตัวอย่างบ้าง...สงบเสงี่ยมไม่พูดมาก ไม่บ่นอะไรเลยสักคำ...
ทั้งๆที่ก็รู้อยู่หรอกว่าตัวเขาก็อยากกินเนื้อย่างแทบขาดใจไม่แพ้กัน
ทว่า...สิ่งไม่คาดฝันมักโผล่เข้ามาอย่างไม่คาดฝันเสมอ...
ในขณะที่พวกฮเยซองกำลังขนของเตรียมเข้าบ้าน(ร้าน)...
บางสิ่ง ไม่สิ บางคน กลับทำให้พวกเขาต้องหยุดชะงักเอาดื้อๆ ...
หยุดเดิน หยุดยิ้ม หยุดหัวเราะ หยุดพูดคุยหัวร่อกัน
เพี้ยะ!!!
หญิงวัยกลางคนคนนั้น ไม่พูดพร่ามฮัมเพลงใดๆ เธอตรงเข้าหา แล้วเงื้อมมือตบลงใบหน้าคิมฮเยซองอย่างแรง...
เธอกำลังโกรธเกรี้ยวฮเยซองอย่างสุดใจ
“แม่~~!!”
พอจะอ้าปากต่อว่าหรือไถ่ถามความเป็นมาเป็นไป...
ยุนโฮกลับตะโกนเรียกหญิงกลางคนนั้นเสียก่อน
ไอ้อาการตกใจมันก็ยิ่งทวีมากขึ้น...
ไม่ต่างไปจากผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งสองอย่างจุนซูและมิกกี้เลย
แน่ใจนะว่าคุณป้าหน้ายักษ์คนนี้คือแม่ของยุนโฮน่ะ...
ไม่จริง ไม่จริง ไม่~~ มันคือความฝัน...ใช่แล้ว มันคือความฝัน
เพี้ยะ!!!
คราวนี้คนที่โดนตบกลับเป็นยุนโฮ...เสียงดังสนั่น
ท่าทางจะแรงไม่ใช่น้อย ดูสิแก้มเป็นรอยฝ่ามือแดงเลย...
ที่ตัวฮเยซองโดนตบเมื่อครู่ดูเบาบางไปเลยทันที
“นี่หรอ คนที่บอกว่าตั้งใจเรียนเพื่อจะเป็นอัยการให้ได้ในอนาคต นี่หรอคนที่บอกว่าจะเป็น ‘เด็กดีของแม่’…แล้วนี่ลูกมาทำอะไรอยู่ที่นี่ยุนโฮ จู่ๆก็ขนกระเป๋าหนีออกจากบ้านไม่บกอะไรสักคำ”
เงียบ~~ไม่มีเสียงตอบใดๆ...เช่นเดียวกับแววตาที่ยุนโฮได้มองผู้เป็นแม่ตรงหน้า
“กลับไปกับแม่เดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ไม่ครับ”
“ทำไม”
“ผมไม่อยากกลับ ผมไม่อยากถูกแม่ควบคุมอีกแล้ว...วันๆเอาแต่ให้อ่านหนังสือ ถูกสั่งให้เรียนกวดวิชา ไม่ได้ไปไหนอย่างที่อยากไป ไม่ได้ทำอย่างที่ผมต้องการ...อย่างน้อย ช่วงปิดเทอม แค่ช่วงปิดเทอมนี้ ให้ผมได้ทำตามใจตัวเองสักครั้งเถอะครับ...แล้วผมจะกลับมาเป็นเด็กดีของแม่เหมือนเดิม”
ฮเยซองชักเข้าใจแล้วว่าทำไมยุนโฮถึงได้เป็นเจ้าชายน้ำแข็งอย่างนี้...
เป็นคนที่ไม่ยอมแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาตรงๆ
ที่แท้เพราะส่วนหนึ่งก็กฎระเบียบความเข้มงวดที่ผู้ให้กำเนิดหยิบยื่นมาให้นี่เอง
จะว่าไป...บางทีคราวนั้นที่ฮเยซองชวนสามหนุ่มให้มาอยู่ที่ร้าน(บ้าน)
มันอาจเป็นช่วงจังหวะที่ยุนโฮอยากจะหนีไปจากโลกที่ตัวเองต้องเผชิญอยู่ทุกวันของเขาแน่ๆ...
พอถูกชวนก็เลยไม่ลังเลที่จะอยู่ด้วย ทั้งที่ก็ไม่จำเป็นด้วยซ้ำ ทั้งที่ไม่ได้รู้จักสนิทสนมกันมาก่อนเลย
ดูท่าทางยุนโฮออกจากปิดตัวเอง ไม่ไว้ใจใครง่ายๆด้วยสิ
“เพราะยัยแพศยานั่นใช่ไหม...”
แม่ยุนโฮหันไปทางฮเยซอง...สีหน้าไม่พอใจ อยากเอาเรื่องกับเธออีกครั้ง
“...ต้องเป็นยัยคนนั้นแน่ๆ ที่ล่อลวงลูกชายของฉัน”
“ไม่มีใครล่อลวงใครทั้งนั้นล่ะครับแม่ ผมเต็มใจมาที่นี่เอง ที่นี่ทำให้ผมสบายใจ”
แต่ดูเหมือนว่าคำพูดนั้นกลับทวีความโกรธยิ่งขึ้นไปอีก...อยากตบหน้าอีกสักที
แต่ก็กลัวว่าถ้าทำอีกสองหนุ่มบอร์ดี้การ์ดที่ยืนแยกเขี้ยวปกป้องอยู่ข้างๆฮเยซองจะสวนกลับน่ะสิ...
ดูท่าทางสองหนุ่มจะเตรียมตัวพร้อมแล้วสิ...น่ากลัวชะมัด
“เออ...คุณนายคะ...”
ฮเยซองถือโอกาสพูดแทรก...รู้น่าว่าไม่ควร มันเสียมารยาท แต่ถ้าไม่พูดอะไรสักอย่าง เรื่องคงจบลงไม่ได้ง่ายๆแน่...
“...เราไปคุยกันข้างในดีกว่าไหมคะ”
จะได้ใจเย็นๆ...เดี๋ยวจะมีเนื้อย่างทานด้วยคืนนี้ ไปกินสร้างสัมพันธไมตรีกันไหมคะ ^^”
“ไม่” น้ำเสียงเด็ดขาด แค่คำเพียงคำเดียวสามารถทำให้สะดุ้งได้...
นี่ล่ะมั้งทำให้ไม่สามารถขัดใจเธอได้ ยุนโฮจ๋า พี่นับถือนายจริงๆ นายเก่งมากที่สามารถอยู่ได้จนถึงป่านนี้
ถ้าคุณป๋าของฮเยซองเป็นแบบนี้ล่ะก็ ขอลาโลกไปแล้วดีกว่า...คนอะไรเผด็จการจริงๆ
แถมเอาแต่ใจตัวเองอย่างหนักแน่นเสียด้วยสิ สวยกลุ้มใจ(แทน)
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวนะคะ...จุนซู มิกกี้.........ยุนโฮ เข้าไปข้างในกันเถอะ เนื้อย่างรอเราอยู่ อย่าลืมสิ ขืนช้าล่ะก็สงสารเนื้อกับผักคงร้องไห้แย่...”
รู้ล่ะว่าคงจะเป็นการเพิ่มโทสะให้คุณแม่ของยุนโฮ...
แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ถึงจะอยู่ต่อก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่งกับคนแบบนี้ ขืนยอมเล่นไปตามเกมส์
ถกเถียงต่อสู้มีหวังปวดสมองตายตรงนี่แน่ๆ...
ถึงจะอายุมากแล้ว ถึงจะมีประสบการณ์มานาน แต่เมื่ออยู่ในภาวะที่ตัวเองยังควบคุมอารมณ์ไม่ได้
ก็ไม่ต่างไปจากเด็กดื้อหรอก ถ้าไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วล่ะก็ จะไม่ยอมให้มันจบลงง่ายๆ...
ทางแก้ก็คงมีอยู่ทางเดียวคือเลิกสนใจซะ เลิกคิด อยากทำอะไรก็เชิญ...
ไว้สักพักรอให้ใจเย็นกว่านี้ค่อยคุยกับแบบผู้ใหญ่จะดีกว่า
“ยุนโฮ...เข้ามาสิ ช้าหมดอดกินด้วยนะ เจ้าสองคนนั้นยิ่งติดเทอร์โบในการกินอยู่ด้วย ^^”
ยุนโฮระร่ำระลักสักครู่ มองหน้าแม่ของเขาที มองหน้าฮเยซองที...สถานการณ์ลำบากใจเล็กๆที่ต้องตัดสินใจในทันที...สุดท้ายก็เลือกเข้าไปข้างในตามเสียงเรียกของฮเยซอง
ขอโทษนะครับคุณแม่...ผมแค่อยากจะบอกถึงจุดยืนของผม...ผมจะไม่แสดงจุดยืนในใจอีกต่อไปแล้ว...ผมไม่อยากโกหกตัวเองครับ
………………………………………………………………
เวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้วนะ...
มันผ่านไปเท่าไรที่พวกเขาต่างทำเป็นไม่สนใจ...
เนื้อย่างหมดไปแล้ว...จุนซูและมิกกี้ขึ้นไปนอนแล้ว...ทว่าคนที่คงนั่งอยู่ด้านล่างในความมืด บนเก้าอี้ในร้าน ก็มีแต่ยุนโฮคนเดียวนี่ล่ะ...เขายังคิดมากอยู่
นี่...ถ้าฮเยซองไม่ลงมาข้างล่างล่ะก็ คงคิดว่าเขานอนหลับไปแล้วแน่ๆ
“อยากกลับบ้านหรอยุนโฮ” ฮเยซองทัก...
ก็อยากจะถามอยู่หรอกว่า ‘มาทำอะไรมืดๆคนเดียว’ แต่เพราะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว คำทักทายที่ว่าจึงกลายเป็นแบบนี้
“ครับ” เขาตอบอย่างไม่ลังเล
“งั้นพรุ่งนี้กลับบ้านไหม”
“ไม่ครับ”
“ขัดแย้งกันจังเลยนะ”
“ผมอยากกลับบ้าน แต่ถ้ากลับไปแล้วผมอาจไม่ได้มาทำงานที่นี่อีก...”
อย่างนั้นเองหรอ...เข้าใจอยู่เหมือนกันล่ะ
”...เออ...พี่สาวผมต้องขอโทษพี่อย่างยิ่งเลยที่แม่ของผมจู่ๆก็...”
“ตบหน้าพี่น่ะหรอ...ยุนโฮ นายไม่จำเป็นต้องขอโทษพี่เลย...คนที่ต้องขอโทษน่ะแม่นายต่างหากล่ะ”
ยุนโฮตะลึงนิดหน่อย...
ปกติในละครนางเอกจะต้องอภัยอย่างง่ายดายไม่ใช่หรอ ไม่ว่าจะถูกทำร้ายแค่ไหน ...
แต่ยุนโฮจ๋า บังเอิญพี่สาวคนนี้ไม่ได้เป็นนางเอกประเภทนั้น ใครดีมาก็ดีตอบ ใครร้ายมาก็ร้ายกับ ถึงคนทั้งคู่จะมีสัมพันธ์ทางสายเลือดก็เถอะๆ
“แม่ของผมเจ้าระเบียบ เข้มงวด แต่นั่นเป็นเพราะแม่หวังดีและรักผมมากๆ...”
แต่มันก็มากเกินไปจนกลายเป็นความหวังร้าย
“...แล้วคุณแม่ของพี่สาวเป็นแบบไหนหรอครับ ผมว่าต้องเป็นคนที่น่ารักและใจดีมากๆแน่เลย”
อย่างนั้นหรอยุนโฮ...จะบอกยังไงดีล่ะ...
หลังจากที่คุณป๋ากับหม่าม้าหย่าร้างกันเมื่อสิบสองปีก่อน...ฮเยซองก็อยู่ด้วยกันตามลำพังกับคุณป๋ามาตลอด...
ก็มีแค่ระยะสี่ปีที่ผ่านมา ที่เธอไปเรียนมหาวิทยาลัยในโซล ที่หม่าม้าเทียวไปเทียวมา พากันไปเที่ยวด้วยกัน ทำกิจกรรมแบบหญิงหญิงด้วยกันเป็นบางคราวเท่านั้น
มันไม่รู้สึกสนิทใจกันเหมือนตอนเด็กๆอีก เลยไม่รู้แน่ว่าท่านเป็นคนแบบไหนจริงๆ
รู้เพียงอย่างเดียว ความงามและอ่อนเยาว์เกินอายุบนใบหน้าของท่านยังคงอยู่
เคยได้ยินว่าหม่าม้าอายุมากกว่าคุณป๋าตั้งห้าปี...ตอนที่ฮเยซองเกิด คุณป๋าก็อายุเพิ่งจะยี่สิบสาม...
เป็นมันฑนากรหนุ่มไฟแรงจบใหม่ที่บริษัทในโซลไหนๆก็ต้องการตัว แถมหน้าตาดีอีกต่างหาก ไม่ได้โม้นะ เอารูปมายืนยันเลยก็ได้ ซองซึงฮยอนหรอ จองอิลกุ๊กหรอ ชิดซ้าย~~
แต่เสียที่เอาแต่ใจตัวเองไปนิด ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังตลอดเลย...
เพราะตอนนั้นจับฉลากได้ชื่อคุณป๋าหรอก ถึงได้มาอยู่กับคุณป๋าที่กวางจูนี่หรอก ชิชิ
(ฮเยซองยังแค้นไม่หายที่คุณป๋าแอบหนีเที่ยวไม่บอกไม่กล่าวตลอดเลย)
มิน่าล่ะ...ตอนที่พวกเขาหย่ากัน หม่าม้าถึงพูดกับฮเยซองก่อนจากว่า
‘ถ้าลูกอยากมีความสุข อย่าได้รักกับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้เราเจ็บปวดได้’
“พี่สาวครับ พี่สาว~~~”
“จ..จ๊ะ ยุนโฮ”
“พี่เหม่ออีกแล้วนะ”
“โทษที...เมื่อกี้ถามว่าหม่าม้าเป็นคนแบบไหนใช่ไหม...หม่าม้าของฉันน่ะ ‘เกลียดผู้ชายที่อายุน้อยกว่า’ จ้า”
ไม่เห็นจะเข้าใจเลย...ยุนโฮงงๆ ทำสีหน้าเหมือนอยากจะถามต่อ...
“คุณป๋าของฉันน่ะเขามีนิสัยชอบทำตามใจเหมือนเด็กๆ เลยทำให้บางครั้งก็ทำให้หม่าม้าลำบากใจและเหนื่อยใจอยู่บ่อยครั้ง เหมือนลูกโป่งที่ค่อยๆถูกอัดอากาศเรื่อยๆไง ถึงจะรักคุณป๋าแค่ไหนพอถึงจุดที่ลูกโป่งระเบิดออกมา สุดท้ายก็ต้องไปจากกันไงล่ะ...”
แล้วไงล่ะครับ...ก็รักกัน ก็ต้องเข้าใจและยอมรับกันได้ไม่ใช่หรอ...เพราะมีความรักให้แก่กันถึงต้องมีช่วงที่ยากลำบากใจกันไม่ใช่หรอ
“...เพราะความรักเกิดขึ้นได้ง่ายๆ แค่หวั่นไหวกับใครสักคนมันก็กลายเป็นรักได้แล้ว แต่ว่าการอยู่ร่วมกับความรักที่สร้างขึ้นร่วมกันมันยากที่สุดไงล่ะ...ดังนั้นเมื่อต้องอยู่กับคนที่วุฒิภาวะต่ำกว่า ความอดทนที่จะประคับประคองความรู้สึกของกันและกันก็เลยต่ำไปด้วย”
“แล้วถ้ามีผู้ชายที่อายุน้อยกว่ามาชอบพี่สาวล่ะ ทั้งที่เขารักพี่สาวมากๆ เป็นคนดีจริงๆ พี่จะปฎิเสธเขาไปหรอครับ”
“ใช่” ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะนะ...
“คนรักกันมันเกี่ยวด้วยหรอถึงตัวเลขของอายุน่ะ ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย ความรักคือการกระตุ้นกันและกันให้เติบโตขึ้นนี่นา อายุมาก อายุน้อย มันไม่ใช่เรื่องสำคัญสักหน่อย”
เจ้าชายน้ำแข็งท่าทางจะอินจัดเกินไปซะแล้ว
คิมฮเยซองก็ได้แต่กอดอกหัวเราะ
“อย่าขำกันสิ พี่สาว”
“ฮะฮะฮะ ขอโทษที ขอโทษ”
พูดเสร็จก็นิ่งมองหน้า...
“หน้าผมมีอะไรติดหรอ พี่สาวจ้องแบบนี้อีกแล้ว”
“ยุนโฮ...นายรู้ตัวไหม นายน่ะทำให้พี่รู้สึกกลัว”
“ยังไงหรอครับ ผมไม่เข้าใจ”
หรือพี่สาวยังสยองกับฝ่ามือพิฆาตของคุณแม่อยู่นะ
“นายกำลังจะทำให้พี่ต้องแหกกฎที่ตัวเองตั้งไว้...” ไม่เข้าใจครับ ขอแบบเคลียร์ๆได้หรือเปล่าพี่สาว
“...พี่กำลังคิดว่า พี่อาจ...หลงรักนายเข้าเสียแล้วสิ ชองยุนโฮ”
ยุนโฮได้แต่นิ่งอึ้ง...จริงหรอ? ทำไมถึงไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย ไม่มีเคล้ารางอะไรด้วยซ้ำ มันปกติซะจนไม่มีทางที่จะคิดเรื่องแบบนี้ได้...พี่สาวพี่ทำให้ผมตกใจนะ จะว่าให้ตกใจคงไม่ใช่ เพราะมันดูจริงจังกว่า
บอกตามตรง...ยุนโฮเองก็ชอบพี่สาวมากๆเช่นกัน แต่ความชอบมากๆนั้น เรียกว่า ‘ความนับถือและเลื่อมใสมากกว่า’
“เอาน่ายุนโฮ...สิ่งที่พี่บอกไปเมื่อครู่ คิดซะว่าฝันร้ายแล้วกันนะ พอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ก็จงอย่าคิดอะไรมาก เพราะมันเป็นเพียงความฝัน...ความฝันคือภาพลวงตา ไม่ใช่ความจริง ดังนั้นพอถึงพรุ่งนี้อย่าได้ใส่ใจเลยนะ”
“พี่สาว~~”
“สงสัยเพราะติดนิสัยคุณป๋ามาแน่เลย...ไม่ยอมให้โอกาสที่จะทำตามใจผ่านเลยไปง่ายๆ”
“พี่สาว~~”
“พี่ไปนอนก่อนนะ...ยุนโฮ นายก็ไปนอนได้แล้ว ฝันดีนะ ^^;”
แล้วผมจะไปนอนฝันดีได้อย่างไงพี่สาว...พี่สาวเล่นมาบอกความรู้สึกอย่างไม่ทันตั้งตัวแบบนั้น...
เฮ้ย~~คืนนี้คงอีกยาวนาน
………………………………………………………………
กระทั่งตอนเช้า...ชองยุนโฮ ยิ่งไม่เข้าใจฮเยซองมากขึ้น
ทุกอย่างดูปกติ...ปกติซะจน ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเหตุการณ์เมื่อคืนเป็นความฝันหรือความจริงกันแน่
สับสนไปหมดแล้วในหัว...
และยิ่งไม่เข้าใจใหญ่...
พี่สาว...ทำไมถึงเชิญคุณแม่ของเขามานั่งในร้านด้วย ตั้งแต่ยังไม่เปิดร้านแบบนี้...
พี่สาว พี่ตั้งใจจะทำอะไรของพี่กันแน่ครับ...ช่วยบอกผมที
###########TO BE CONTINUAL############
อันยองงค่ะ อาจมาต่อช้าหน่อย... ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ด้วยน๊าาาา
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ