Innocent Love

-

เขียนโดย Neko_CJ

วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23.55 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  9,677 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 09.38 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 5

 

 

 

พาสปอร์ต...พร้อม

ตั๋วเครื่องบิน...พร้อม

กระเป๋าเสื้อผ้า...พร้อม ฯลฯ...

 


ที่เหลือก็เพียงแค่การเตรียมตัวออกเดินทาง...ถึงมันจะกะทันหันไปสักนิดก็ตาม


ใจหายเหมือนกันนะ ที่จะต้องเดินทางออกจากที่นี่ไป ไปยังสถานที่ๆไม่คุ้นเคย ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ความกังวลใจมันมีมากพอเท่าๆกับความรู้สึกตื่นเต้นดีใจ


ทำไมน่ะหรอ?...เพราะความตัวแปรที่คาดไม่ถึงล่ะมั้ง


ถ้าหากคิมฮเยซองไม่ได้พบเจอกับชองยุนโฮ บางทีความรู้สึกสองอย่างขั้นต้นอาจไม่สมดุล อาจไม่แกว่งไกวไปมาแบบนี้ มันคงจะง่ายดายกับการเดินทางในเส้นทางของความฝัน...แต่ก็อีกนั่นล่ะ ถ้าเธอไม่ได้พบกับยุนโฮ หน้าร้อนนี้มันก็คงไม่ได้แตกต่างกับที่ผ่านมา คึคึ เพราะยุนโฮทำให้หน้าร้อนนี้ของฮเยซองรู้สึกสนุกและสุขใจ แม้จะเป็นเวลาอันแสนสั้นก็ตาม...ถ้าลองมาคิดเล่นๆ...


ถ้าหากฮเยซองได้สานต่อความรู้สึกนี้ มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ...พอนึกไปสารพัด ฮเยซองถึงกับหลุดหัวเราะออกมาคนเดียวในห้อง


นี่ถ้าหากใครเดินผ่านห้องเธอตอนนี้ล่ะก็...เสียงดังขนาดนั้น คงไม่พ้นโดนหาว่าบ้า ติ๊งต๊อง แน่นอน


ใช่...ไม่ผิดแน่ เพราะตอนนี้สองหนุ่มมิกกี้และจุนซูที่ถูกใช้จากคุณป๋าให้มาเรียกฮเยซองไปกินข้าว กำลังคิดแบบนั้นอยู่...

 

“นายคิดเหมือนที่ฉันคิดไว้ไหมบีหนึ่ง (มิกกี้)”

“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกันล่ะบีสอง (จุนซู)”

“พี่สาวเพี้ยนไปแล้วตอนนี้”

“งั้นเราจะทำยังไงกันดีล่ะบีสอง”

 

จุนซูขบคิดสักครู่ ดูราวเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ...แม่เจ้า ไม่เวอร์ไปหน่อยหรอจุนซูเอ๋ย


“ก็คงต้องปล่อยพี่สาวสักพักก่อนแล้วกัน...แล้วไปบอกคุณลุงว่าตอนนี้พี่สาวกำลังอยู่ในโลกส่วนตัวอีกสักพักเดี๋ยวก็คงจะลงมา”

“เป็นความคิดที่ดีมากเลยบีสอง”

“งั้นพวกเราลงไปข้างล่างกันเถอะบีหนึ่ง”

“อืมม์...บีหนึ่งหิวข้าวเต็มแก่แล้ว”

“บีสองก็หิว รีบไปกันดีกว่านะบีหนึ่ง”

“จะช้าอยู่ใย พวกเราไปกันเถอะ”

 

พวกเขาสองคนช่างเกิดมาเพื่อกันและกันจริงๆ...ขอย้ำอีกสักรอบ จากใจจริงของไรเตอร์(ไม่เกี่ยว)


.................................................

 

คืนนี้มีงานเลี้ยงอำลา...แน่นอนเจ้าของความคิดนี้ก็คือคิมแทซองนี่เอง ซึ่งความจริงเขาก็แค่อยากเปิดไวน์ที่ซื้อจากฝรั่งเศสเท่านั้นล่ะ แต่ก็มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นล่ะที่ดื่มได้


แหม่...ทั้งมิกกี้ จุนซูและยุนโฮ อายุยังไม่เหมาะแก่การดื่มเครื่องดื่มมึนเมา


ส่วนฮเยซอง...แม้ว่าอายุจะถึงเกณฑ์แล้ว แต่เพราะมีเวลาเตรียมตัวออกเดินทางอีกแค่สองวัน ดังนั้นจะเอ้อระเหยนั่งดื่มไวน์สบายใจเฉิบไม่ได้ ก็ระยะทางมันไม่ใช่ไกลๆ ไม่ใช่กวางจูไปโซลสักหน่อย...ถ้าเกิดผิดพลาดลืมนั่นลืมนี่ก็แย่น่ะสิ ใช่ไหม?


.................................................

 


<ในช่วงก่อนหน้างานฉลองจะมาถึง>


ฮเยซองยังคงอยู่บนห้อง...ในขณะที่ทั้งสามหนุ่มกับอีกหนึ่งที่ไม่ค่อยหนุ่มแล้ว ต่างขมักขะเม้น จัดแจงแปลงสภาพร้านให้กลายเป็นงานเลี้ยงย่อยๆ


“ขนาดปิดร้านหนึ่งวันเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ท่าทางคุณลุงคงจะรักพี่สาวมากเลยสินะครับ”


ยุนโฮที่รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการทำอาหารของคิมแทซองในครัว ถามออกมาทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้สงสัยแบบนั้นเท่าไรนัก...เขาก็แค่อยากหาเรื่องชวนคุย


“เปล่าหรอกแค่อยากดื่มไวน์ ลูกสาวฉันบางครั้งก็ติดนิสัยเข้มงวดจากชองฮันกยอง....”


ชองฮันกยอง???!!!


“...แม่ของฮเยซองน่ะ...ถ้าไม่หาเรื่องอะไรสักอย่างฉันก็คงไม่ได้ดื่มสักทีน่ะสิ”


“โถ้เอ้ย~~~”


ยุนโฮดูจะผิดหวังเล็กน้อย...ไม่น่าเลยเรา


“ล้อเล่นน่า~~~ลูกน่ะ ยังไงก็รักอยู่แล้ว ถึงจะเป็นยังไง คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็รักเสมอ...เด็กคนนั้นน่ะ เห็นอย่างนี้ก็ผ่านอะไรมามากเหมือนกัน ตั้งแต่สิบขวบในวันที่น่าจะดีใจของเขา วันที่ฮเยซองได้รับเหรียญทองจากการวิ่งแข่งครั้งแรก กลับกลายเป็นวันที่พ่อแม่ต้องแยกจากกัน สำหรับพ่อที่ไม่เอาไหนอย่างฉัน คงมีแต่เรื่องนี้เท่านั้นล่ะที่พอจะทำให้ได้ ^^”


“ใครว่าล่ะครับ”


ถ้าคุณลุงเป็นคนไม่เอาไหนจริงๆ คงไม่สามารถเลี้ยงดูพี่สาวให้เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวได้ขนาดนี้หรอก...


“นี่...ยุนโฮนายเคยคิดชอบลูกสาวฉันบ้างหรือเปล่า”


จู่ๆก็ถามอะไรออกมาอย่างนั้น เล่นเอายุนโฮตั้งเนื้อตั้งตัวไม่ทันทีเดียว...จานที่ถืออยู่ก็แทบจะร่วงหล่นพื้น ดีนะที่เขายังพอมีสติอยู่บ้างจึงรับจานใบนั้นได้ทันอย่างหวุดหวิด


ไอ้เรื่องที่เขาแทบจะลืมไปแล้วก็ผลุดขึ้นมาในสมอง...เรื่องของคืนนั้นที่ฮเยซองบอกว่าหลงรักเขานั่นเอง

 

QUOTE

 

‘...พี่กำลังคิดว่า พี่อาจ...หลงรักนายเข้าเสียแล้วสิ ชองยุนโฮ’


พอมาเจอคำถามนี้จากคุณลุงเข้าอีก...เขาก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน


“ผมนับถือและเลื่อมใสพี่สาวมากกว่าน่ะครับ” ตอบได้แค่นี้


“ฉันไม่ได้ถามสักหน่อยว่า ‘รู้สึกยังไงกับลูกสาวฉัน’ ฉันถามนายว่า ‘นายเคยคิดชอบลูกสาวฉันบ้างหรือเปล่า’ ต่างหาก ตอบให้ตรงประเด็นหน่อยสิ ชองยุนโฮ”


ยุนโฮคิดสักพักหนึ่ง...พยายามหาคำตอบเพื่อตอบคำถาม

ทว่าคิดยังไงมันก็คิดไม่ออกสักที...ไอ้ที่ว่าชอบน่ะมันหมายถึงชอบแบบไหนกันแน่ ถ้าหากบอกว่ารู้สึกดีกับคนๆหนึ่งเวลาอยู่ด้วยจะหมายถึงว่าชอบได้ไหม


“ว่าแต่ทำไมคุณลุงถึงอยากถามผมเรื่องนี้ด้วยล่ะ”


“ก็เพราะว่าฉันดูออกไงว่าลูกสาวของฉันชอบนาย...เป็นพิเศษ ฉันก็แค่อยากรู้ว่านายน่ะเคยชอบลูกสาวฉันเป็นพิเศษบ้างไหม”


แบบนี้นี่เอง...สมกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆ

มันดูน่ามหัศจรรย์มากที่ไม่ต้องพูดอะไรมากมายแต่ก็สามารถเข้าใจกันได้...


“คุณลุงครับผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะถาม คือว่า............................”


.............................................................


♫ ♬ ♪ I'm free to be whatever I

Whatever I choose

And I'll sing the blues if I want


I'm free to say whatever I

Whatever I like

If it's wrong or right it's alright


Always seems to me

You always see what people want you to see

How long's it gonna be

Before we get on the bus

And cause no fuss

Get a grip on yourself

It dont cost much....♫ ♬ ♪

 

ในที่สุดเวลาแห่งความสนุกสนานได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว...

คุณป๋าที่ตอนนี้กลึ่มๆได้ที่ ถึงหยิบกีต้าร์ขึ้นมาร้องเพลงเสียงดังลั่น...โดยที่หนุ่มสาวทั้งสี่คนได้แต่นั่งดื่มน้ำอัดลมกินขนมกันไป พยายามไม่มอง พยายามไม่สนใจ เพราะมันไม่เหมือนการร้องเพลงเลยสักนิด เรียกแบบให้ถูกต้องก็คือ คุณป๋ากำลังแหกปากร้องตะโกนเป็นเพลงมากกว่า...


♫ ♬ ♪ ...Free to be whatever you
Whatever you say
If it comes my way it's alright


You're free to be wherever you
Wherever you please
You can shoot the breeze if you want


It always seems to me
You always see what people want you to see
How long's it gonna be
Before we get on the bus
And cause no fuss
Get a grip on yourself
It don't cost much


I'm free to be whatever I
Whatever I choose
And I'll sing the blues if I want...♫ ♬ ♪

 

“ดูคุณลุงสนุกมากเลยนะครับ”

“ก็งี้ล่ะ...ชินละ ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายยังไงเขาก็ยังทำตัวสนุกสนานได้ตลอด”

“ดีจังเลยนะ  ”

 

หรือว่านายอยากเป็นอย่างนั้นหรอยุนโฮ...อย่าเชียวนะ บนโลกใบนี้มีคนแบบนี้แค่คนเดียวก็เกินพอแล้ว...พวกที่คิดว่าโลกกำลังหมุนตามตัวเองอยู่ แบบนั้น


♫ ♬ ♪ ...Here in my mind
You know you might find
Something that you
You thought you once knew
But now it's all gone
And you know it's no fun
Yeah I know it's no fun
Oh I know it's no fun


I'm free to be whatever I
Whatever I choose
And I'll sing the blues if I want


I'm free to be whatever I
Whatever I choose
And I'll sing the blues if I want


Whatever you do
Whatever you say
Yeah I know it's alright


Whatever you do
Whatever you say
Yeah I know it's alright♫ ♬ ♪

 

“พวกเราควรไปบอกคุณลุงให้พอแค่นี้ดีไหมบีหนึ่ง ท่าทางคุณลุงจะเมามากเลย ร้องเพลงซ้ำไปซ้ำมาตลอด ฟังจนจะร้องตามได้อยู่แล้ว”

“ฉันก็ว่าอย่างนั้นล่ะบีสอง”

ดูเหมือนว่ามิกกี้และจุนซูที่นั่งอยู่ด้วยก็ชักจะเซ็งๆเบื่อๆแล้วเหมือนกัน


“พี่ว่าอย่าเลยดีกว่า...คุณป๋าน่ะเป็นประเภทที่ว่า ‘ถ้าไม่ฟุบหลับจนเหนื่อยไปเอง ต่อให้ใครมาพูดยังไง ถ้าตัวเองบอกว่าไม่เมา มันก็คือไม่เมา’...ฉะนั้นมีสองทางให้เลือกก็คือหนีไปที่อื่นซะหรือไม่ก็อดทน”


เห็นจะจริง...ทั้งมิกกี้และจุนซูอดถอนหายใจไม่ได้ ก็ช่วยไม่ได้นี่น่า


“ถ้างั้นพวกเราสองคนขอตัวไปนอนก่อนละกันนะครับ นี่ก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว...ต้องตื่นแต่เช้า จะได้รีบไปถึงบ้านเร็วๆ มะรืนนี้พวกเราก็ต้องไปเรียนแล้ว”

“อ๋อ...เข้าใจแล้วล่ะจุนซู”

“งั้นเราขอตัวนะครับพี่สาว ต้องขอโทษที่ไปส่งที่สนามบินไม่ได้...เอาล่ะบีหนึ่งขึ้นไปนอนกันดีกว่า”

“โอเคบีสอง...เอ้อ~~ถึงเราจะไม่ได้เจอกัน พี่สาวก็อย่าลืมผมล่ะ เพราะผมก็จะไม่ลืมพี่สาวเหมือนกัน พี่สาวผมไปนอนก่อนนะ จุ๊บๆ (^3^)”


มันจะดีกว่าไหมมิกกี้...ถ้านายไม่ต้องมาจุ๊บๆจั๊บๆกับฉันก่อนนอนอย่างนี้...เห็นแล้วขนลุก


“สุดท้ายก็เหลือแค่เรา”

“กับตาลุงขี้เมาอีกคนหนึ่ง”


และดูเหมือนว่าตอนนี้ตาลุงบ้าที่ฮเยซองพูดถึง ยอมหยุดร้องเพลง หนวกหูเสียที แล้วกำลังจะเดินเข้ามาทางยุนโฮ


แปะ!!! ป้าบ!!!


เอากระดาษโพสอิทสีเหลืองที่เขียนตัวเลขสองกับเลขศูนย์ด้วยปากากเมจิกสีดำ มาแปะไว้ตรงหน้าอกเสื้อยุนโฮ...คุณป๋าตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง


“ชอง~~~ยุน~~~โฮ~~~...” เขาลากเสียงยาวเรียกชื่อยุนโฮออกมา ด้วยท่ายืนที่โอนไปโอนมาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์สีแดงที่หมดไปหลายขวดนั่น


“...ชองยุนโฮ นี่คือเวทมนต์จากฉัน...ชองยุนโฮ ตอนนี้นายไม่ใช่เด็กสิบหกแล้ว เวลานี้นายอายุยี่สิบ ก่อนที่จะหมดเวลา พูดซะ บอกในสิ่งที่อยากบอกซะ ทำในสิ่งที่อยากทำ เพราะเมื่อไรที่เวทมนต์สลายนายก็จะทำได้แค่นั่งเสียดายภายหลัง เข้าใจใช่ไหม”


ฟุบ!!! ตุ๊บ!!!


พูดจบคุณป๋าพลันสลบ ฟุบหลับไปบนพื้น...ทั้งสองคนที่มองดูอยู่ถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ


“แล้วใครจะแบกตาลุงนี่ขึ้นห้องล่ะนี่ คุณป๋าถ้ารู้ตัวว่าจะสลบทั้งทีช่วยขึ้นไปในห้องตัวเองก่อนได้ไหม”

ฮเยซองกล่าว หัวเสียเล็กๆในขณะยุนโฮกลับหัวเราะขบขันขึ้นมา

“ไม่ตลกเลยนะยุนโฮ -*-“

“ครับๆๆ ขอโทษครับพี่สาว...เรื่องคุณลุง เดี๋ยวผมจะเป็นคนหามขึ้นไปในห้องเอง”

ก็ดีๆ...


แต่แล้วจู่ๆฮเยซองนึกบางอย่างออกมาได้...

“นี่...อยากลองดื่มไวน์บ้างไหม”

“ห๊า!!”

“ไวน์จากฝรั่งเศสเชียวนะ...อีกอย่างนายก็เพิ่งได้รับเวทมนต์จากคุณป๋ามาแล้ว ตอนนี้เธอก็อายุยี่สิบแล้ว...”


ถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกสมมุติขึ้นมาก็ตาม ฮเยซองแค่อยากทำบางอย่าง ทำเพื่อที่จะไม่ให้ค้างคาใจเมื่อเธอต้องจากที่นี่ได้เป็นเวลาหลายๆปี


จากที่ไม่คิดอยากดื่ม ก็ดื่มเข้าไปจนได้

ตอนนี้ฮเยซองเองก็เริ่มได้ที่แล้วเหมือนกัน


“ชองยุนโฮ~~...”


เอาแล้วไง เพราะอย่างนี้สิ ยุนโฮถึงได้ไม่ยอมดื่มเข้าไปมาก...พี่สาวท่าทางจะคอแปบซะด้วย...(แปบเดียวเดี๋ยวก็เมา)


“...บอกมานะ นายอยากให้ฉันไปเรียนต่อไหม”

“อะไรกันครับพี่สาว พี่เมาแล้วนะ”

พี่สาวไม่ได้พูดอะไรต่อ เอาแต่จ้องมองหน้างงของยุนโฮเท่านั้น ไม่ยอมให้ขยับไปไหน


“ชองยุนโฮ ฉันชอบนายมากเลยรู้ไหม...ในโลกใบนี้ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำให้ฉันใจเต้นได้เหมือนนายเลยสักคน ทั้งที่นายไม่ใช่สเปกฉันด้วยซ้ำ ฉันน่ะไม่เคยคิดจะชอบคนที่อายุน้อยกว่าฉันเลย ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น ความชอบที่มีให้มันก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย...ถึงนายจะไม่รู้สึกแบบเดียวกับฉันก็ตาม...”


แล้วก็จ้องหน้ายุนโฮต่อ...


ฮเยซองก็แค่อยากจะจำจดใบหน้า จดจำน้ำเสียงของยุนโฮเอาไว้ เวลาที่ต้องจากกันไป โดยไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกไหม เมื่อไร...ฮเยซอง ณ.เวลานี้เท่านั้นเอง


ความจริงแล้วฮเยซองไม่ได้เมาสักนิด เมื่อก่อนตอนดื่มกับคุณป๋ายังถือว่าเด็กๆไปด้วยซ้ำ ใช่แล้ว คิมฮเยซองกำลังแกล้งเมาอยู่


คนเมากับคนบ้าต่อให้พูดอะไรออกไป ทำอะไรลงไป ก็ไม่มีใครถือโทษ...บางทีเวทมนต์ที่คุณป๋ามอบให้ยุนโฮเมื่อครู่ มันอาจจะสะท้อนเข้าหาฮเยซองด้วยก็ได้ อาจเพราะฮเยซองมีภูมิต้านทานต่ำกว่ายุนโฮ แม้เวทมนต์สะท้อนหาแค่น้อยนิด มันก็ส่งผลมากมายแล้ว


“...ยุนโฮ ถึงนายจะไม่คิดอะไรแบบนี้จริงๆ...ช่วยโกหกทีได้ไหม ช่วยห้ามให้ฉันไม่ต้องไปสเปนได้ไหม”

“คงไม่ได้หรอกครับ”

“ถ้างั้นก็ช่วยบอกว่านายรักฉันที”


ยุนโฮนิ่งมอง...กลับมาไม่พูดอีกแล้ว ความรู้สึกไม่ต่างไปจากตอนเจอกันแรกๆเลย ดีหน่อยที่เขาไม่ได้แสดงสีหน้าอึดอัดใจออกมา


“พี่สาว สิ่งที่ผมจะบอกได้ก็คือ ‘ผมชอบไอศกรีมของพี่มากเลยครับ ไม่สิ ผมรักไอศกรีมของพี่สาวจริงๆ’ ^^”

“ยุนโฮ ฉันอยากให้นายบอกรักฉันไม่ได้บอกให้นายบอกรักไอศกรีมของฉัน”


ทำไมล่ะ...ทำไมไม่ยอมโกหก ฉันกำลังจะไม่ได้เจอนายแล้วนะชองยุนโฮ ก็ไม่ได้ลำบากสักหน่อย ทำไมทำไม ทำไมที่แบบนี้นายถึงได้ซื่อสัตย์กับตัวเอง...ชองยุนโฮ แค่ครั้งนี้ แค่อยากให้นายโกหก เพื่อที่จะได้ไปได้อย่างสบายใจ...นั่นน่ะสินะ สุดท้ายนายก็ไม่ยอม...TT__TT


.......................................................

 


เวลาแห่งการจากลาได้มาถึง...

มิกกี้...จุนซู หลังจากได้รับเงินค่าจ้างแล้วก็มุ่งหน้ากลับบ้านทันที...

ส่วนยุนโฮ ตอนนี้เขาก็กำลังเตรียมตัวกลับเช่นกัน...กระเป๋าของเขากำลังถูกลำเลียงขึ้นรถยนต์ของคุณนายชอง และอีกไม่นานตัวเขาก็คงจะต้องขึ้นไปในนั้นด้วยเช่นกัน


“พี่สาวผมไปก่อนนะ”

“อืมม์...รักษาตัวดีๆนะยุนโฮ”

“ครับพี่สาว พี่สาวก็เช่นกันนะครับ...เอ้อ...นี่ครับเกือบลืมเลย”

“อะไรหรอยุนโฮ”


ดูก็รู้ว่ามันคือจดหมาย จดหมายสามฉบับ...จะบอกว่ายังไงดีล่ะ...เป็นจดหมายที่พวกเขาสามคนเขียนไว้ก่อนงานเลี้ยงเมื่อคืนจะเริ่มขึ้น


“มันเป็นความคิดของบีสอง..เอ้ย!! มันเป็นความคิดของจุนซูเขาน่ะครับ”

“พวกเธอนี่นะ ^^”

“เพราะพวกเราไม่ได้ไปส่งพี่สาวที่สนามบิน ก็เลยใช้วิธีการเขียนจดหมายแทน”

“เออ~~~”

 

“ยุนโฮ~~~ไปได้แล้วลูก มันมีอะไรต้องจัดการอีกเยอะ อืดอาดเสียเวลาไม่ดีนะ”

“ครับแม่...พี่สาว ขอบคุณครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ขอบคุณ”

“ยุนโฮ~~”

“ครับแม่จะไปเดี๋ยวนี้แล้วครับ”

 

การจากลา...ก็เพราะถึงเวลาที่ต้องลากันแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้เจอกันอีก ถึงอย่างนั้นก็อยากขอบคุณสวรรค์ที่ส่งให้พวกเราได้มาพบกัน...

การจากลา ถึงมันจะทำให้รู้สึกเจ็บปวด...แต่มันไม่ใช่ครั้งสุดท้ายนี่นา ถ้าคิดว่ามันไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ถ้ายังมีชีวิตกันอยู่กันล่ะก็ สักวันคงได้เดินสวนกันบ้างล่ะ...

 

“ยุนโฮ~~”

เสียงตะโกนเรียก...ยุนโฮที่กำลังจะขึ้นรถถึงกลับหันหน้ามามอง เขามองหน้าพี่สาวแล้วยิ้ม เป็นยิ้มที่งดงามและจริงใจจริงๆนะ

“Te Quiero (เต คิเยโร)”

“???!!!!”

“เป็นภาษาสเปนน่ะแปลว่า ‘แล้วพบกันใหม่’ ^^”

“อ๋อ...^^...งั้น พี่สาวครับ... Te Quiero (เต คิเยโร)”


แล้วไม่นานเขาก็จากไป...ตะโกน ‘Te Quiero (เต คิเยโร)’ ลั่นตลอดเส้นทาง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับอยากอวยพรส่งท้าย...ราวกลับนั่นเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ในตอนนี้...


แต่สำหรับฮเยซอง...นั่นคงเป็นวิธีเดียวที่สามารถทำให้สิ่งที่ตนปรารถนาเป็นจริงจากเขา

“ยุนโฮ Te Quiero (เต คิเยโร)”


ยุนโฮ...’ฉันรักเธอ’


...............................................................

 

 

QUOTE


ถึงพี่สาว...

ต้องขอโทษที่ไม่ได้ไปส่งพี่ที่สนามบินนะ...ก็ผมติดเรียนนี่นา เป็นไปได้ก็อยากจะโดดเรียนไปส่งเหมือนกัน...แต่เกรงว่าพอไปถึงแล้ว ผมอาจโดนพี่สาวฆ่าตายก็ได้ ก็พวกผมไม่รู้ว่าเมื่อไรที่พี่สาวจะเข้มงวด เมื่อไรพี่สาวจะตามใจ...ยังไงก็อย่าลืมพวกเราล่ะครับ...พี่สาวขอให้โชคดีนะครับ

จาก...คิมจุนซู

 

QUOTE


ถึงพี่สาวอันเป็นที่รัก(ของผม)

หัวใจของผม ถึงแม้จะมีสาวๆมากมายในนั้น...แต่คนที่กุมหัวผมได้ก็คือพี่สาว พี่สาวคนเดียวเท่านั้น...เสียดายจังไปส่งพี่สาวไม่ได้ แต่การต้องมองแผ่นหลังของคนที่รักค่อยๆห่างไปเรื่อยๆ มันทำให้ผมเจ็บปวดยิ่งกว่า...พี่สาวครับ พอพี่ไปถึงสเปนแล้ว ไม่มีผมพี่สาวอาจรู้สึกเหงาก็ได้ งั้นไม่เป็นไร พี่สาวจะมีกิ๊กก็ได้นะ ผมไม่ว่า ผมเข้าใจ แต่ถ้ากลับมาเมื่อไร ขอให้พี่เลิกให้หมดนะครับ...เพราะผมคงทนไม่ได้แน่ๆ...พี่สาว พี่จะเป็นที่รักผมตลอดไป รักนะ จุ๊บๆ

จาก...เจ้าชายของพี่สาว...มิกกี้(ปาร์คยูชอน)

 

QUOTE

 

ถึงพี่สาว...

ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ให้กับพวกผม ถึงมันจะเป็นสิ่งเล็กน้อย ถึงมันจะไม่มีความหมายอะไรกับพี่สาวมากนักก็ตาม แต่มันยิ่งใหญ่สำหรับผม...ขอบคุณสำหรับไอศกรีมอร่อยๆ ขอบคุณที่บอกให้ผมกล้าที่จะเปิดเผยตัวเอง ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณครับ...อยากเขียนคำว่าขอบคุณไว้เยอะๆ อยากพูดขอบคุณต่อพี่สาวให้มากๆ แต่เกรงว่าหน้ากระดาษอาจไม่พอให้ผมเขียนอย่างอื่นก็ได้


พี่สาวครับ เมื่อกี้...ก่อนที่เริ่มงานเลี้ยง คุณลุงแทซอง เขาถามผมว่า ‘ผมเคยชอบพี่สาวบ้างไหม’...อยากรู้ไหมว่าผมตอบว่าไง เดาไม่ได้ล่ะสิ...แน่นอนก็แม้แต่ตัวผมก็ยังตอบไม่ได้...บางทีลึกๆแล้วผมอาจจะชอบพี่จริงๆ หรือบางทีผมอาจจะแค่ชื่นชมในฝีมือการทำไอศกรีมของพี่สาว ดังนั้นผมจึงได้ถามคุณลุงไป...

“...คุณลุงครับ ถ้าหากคุณลุงไปที่ร้านเนื้อย่างแห่งหนึ่งและพบกับผู้หญิงสาวหน้าตาดีย่างเนื้อให้เรากิน รสชาติของมันอร่อยกว่าที่เคยได้กินมาก่อน คุณลุงคิดว่าจะมีโอกาสตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นจากการกินเนื้อย่างที่ร้านนั่นหรือเปล่า”

“นายจะถามว่าฉันจะตกหลุมรักกับผู้หญิงที่ทำอาหารเป็นได้หรือเปล่าหรอ”

“ผมจะถามว่า คุณลุงสามารถตกหลุมรักหรือว่ารู้สึกมั่นใจว่าชอบคนๆนั้นเป็นพิเศษต่อใครบางคนได้จากความสามารถของเขาได้หรือเปล่าน่ะครับ”

“ฉันว่าก็ได้นะ...ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ขนม ศิลปะ หรือว่าตัวอักษร...คนเราจะอยู่ในบางแห่งของสิ่งต่างๆเสมอ ถ้านายชอบสิ่งที่เขาทำ มันไม่ได้หมายความว่านายได้ชอบส่วนใดส่วนหนึ่งของคนๆนั้นเป็นพิเศษไม่ใช่หรอ”

“นั่นน่ะสินะ”


ดังนั้นผมจึงคิดได้ว่า...ความรู้สึกที่มีต่อพี่สาวมันไม่ต่างอะไรไปจากไอศกรีมฝีมือของพี่สาวเลย...ไอศกรีมของพี่สาวทำให้ผมมีความสุข ดังนั้นพออยู่ใกล้ๆพี่สาวแล้วผมจึงมีความสุข และสามารถเป็นตัวของตัวเองได้...
พี่สาวครับ... ‘Hasta luego’ (อัสตา ลวยโก = แล้วพบกันใหม่)...หวังว่าจะให้เป็นเช่นนั้น


จาก...ชองยุนโฮ


ปล.ตอนที่รู้ว่าพี่สาวจะไปสเปนผมกับจุนซูและมิกกี้ เราสามคนไปที่ร้านขายหนังสือกันแล้วรวบรวมเงินเพื่อซื้อดิกชั่นนารี่ภาษาสเปนเล่มหนึ่ง พวกเราจะมอบเป็นให้ของขวัญต่อพี่สาวนะครับ

พวกผมกะว่าพอถึงตอนเช้าพวกเราจะวางมันไว้ตรงเคาน์เตอร์...มันอาจเป็นเล็กน้อย แต่มันมาจากใจของพวกเราทั้งสาม...พี่สาวได้โปรดรับมันไว้ด้วยนะครับ...

ว่าแต่ภาษาสเปนนี่ยากเหมือนกันนะ ^^”


ปลล.พี่สาว Te Quiero (เต คิเยโร)...

 

 

 

###########THE END of Innocent Love############

 

อันยอง....

จบแล้วค่ะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ (ถึงแม้จะไม่มีเม้นท์เลยก็ตาม ^^!)

ไว้เจอกันเรื่องหน้าค่ะ..

...Te Quiero...
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา