KP Warriors : โรงเรียนนักรบ แหวนเทวะ
9.7
เขียนโดย nesugiso
วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.35 น.
20 ตอน
12 วิจารณ์
26.49K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557 11.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
16) วันที่พญาวิหคสะบัดปีก - การห้ำหั่นที่แสนดุเดือด -
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ แรงอัดอากาศอันมหาสารของหมัดทั้งสองที่กำลังปะทะกันอยู่กลางอากาศทำให้พื้นดินรอบๆแหลกและแตกกระจายออกไป ไนติงเกลหมายเลขสิบสี่และเรย์ยังคงดวนกำลังหมัดกันอยู่กลางอากาศอย่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งคู่ขบฟันแน่น สายตาทั้งสองประสานกันอยู่ตรงหน้านั้น แรงแขนที่ส่งกำลังออกไป แสดงให้เห็นออกมาจากท่อนแขนที่กำลังสั่นอยู่นั้น แม้เรย์จะตัวสูงใหญ่กว่าหมายเลขสิบสี่ที่ตัวเล็กและผอมบางกว่ามาก แต่ว่าเรี่ยวแรงของหมายเลขสิบสี่นั้นกลับมีมากมายพอๆกับเขา
เมื่อคิดว่าการกระทำของพวกเขานั้นมันเหมือนจะเป็นการสร้างสงครามพันวันหากว่าเขาทั้งสองยังคงใช้กำลังอยู่อย่างนั้น ทั้งเรย์และหมายเลขสิบสี่จึงละหมัดออกจากกัน เรย์ไม่รอช้ารีบสวนกลับหมายเลขสิบสี่ด้วยท่อนขาของตัวเอง หวดเข้าไปที่ลำตัวหวังโจมตีหมายเลขสิบสี่ แต่ทว่าด้วยความเร็วที่เหนือกว่าและร่างกายที่เล็กกว่าทำให้หมายเลขสิบสี่ก้มตัวหลบได้แล้วพยายามสวนกลับ แต่ความคล่องตัวของเรย์เองก็ไม่น้อยหน้าแม้จะพลาดเป้าทำให้ตัวเองเสียท่าแต่ว่าเขาก็ยังกลับมารับลูกเตะของหมายเลขสิบสี่ที่หวดเขามาด้วยความรวดเร็ว
เรย์ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปรีบสวนหมัดเข้าไปสองสามที เมื่อเห็นเช่นนั้นหมายเลขสิบสี่จึงใช้ความรวดเร็วกว่าจากร่างกายที่เล็กและบอบบางเอียงตัวหลบหมัดของเรย์ไปมากลางอากาศนั้น และเมื่อเรย์เปิดช่องว่าเล็กน้อยในยามที่เขาสูดหายใจเข้าไป หมายเลขสิบสี่จึงไม่รอช้า สวนหมัดเข้าไปที่กลางลำตัวของเรย์ในทันที
แม้จะใส่ชุดเกราะอยู่ก็ตามแต่เรย์ก็ยังคงรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดและรุนแรงของหมัดขวาที่พุ่งเข้ามาอย่างหนักหน่วงของหมายเลขสิบสี่ สีหน้าของเรย์แสดงอาการเจ็บปวดออกมา ก่อนที่แววตาของเขาจะจ้องมองลงไปที่ใบหน้าของหมายเลขสิบสี่ด้วยความโกรธพร้อมกับปัดหมัดของหมายเลขสิบสี่ออกไป แล้วสวนด้วยหมัดที่หนักหน่วงของตัวเองเข้าไปอีกสองสามหมัดไปที่ใบหน้าและท้องน้อยของหมายเลขสิบสี่ เพราะความรุนแรงของหมัดทำให้หมายเลขสิบสี่ถึงกับเดินเซถ่อยหลังไป
และเมื่อเห็นดั่งนั้นแล้วเรย์จึงสวนลูกเตะที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงหวดสวนเข้ามากลางอากาศหวังจะพิชิตการต่อสู้ในครั้งนี้ แต่ทว่าหมายเลขสิบสี่เมื่อเห็นแสงไฟที่สะท้อนเข้ามาในหน้ากากของตัวเอง เขาก็สวนลูกเตะกลับไปทำให้บาทาที่แสนจะหนักหน่วงของทั้งสองคนปะทะแรงกดดันกันอยู่กลางอากาศ ด้วยแรงเสียดสีอันมหาสารของชุดเกราะส่วนท่อนขาของทั้งสองทำให้เกิดเป็นประกายไฟออกมาตรงหน้า แสงสว่างและสะเก็ดไฟที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆราวกับชุดเกราะของพวกเขากำลังบดขยี้ด้วยเครื่องแยกชิ้นส่วนของเหล็กก็ไม่ปาน
พวกเขาทั้งสองดวนกำลังกันอย่างที่ไม่มีใครยอมใคร จนในที่สุดท่อนขาของทั้งสองคนก็ทนแรงอัดอันมหาสารของทั้งคู่ไม่ได้ เมื่อพลังที่ปะทะกันถึงขีดสุดก็ได้เกิดระเบิดขึ้นมา จนร่างของทั้งสองกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ด้วยความรุนแรงของพลังทำให้เรย์ต้องออกแรงยึดเหนี่ยวปลายเท้าบนพื้นดินเอาไว้ เช่นเดียวกันกับหมายเลขสิบสี่ที่ทิ้งร่างของตัวเองลงเพื่อให้แรงทั้งหมดไปรวมอยู่ที่เท้าทั้งสอง ร่องรอยความรุนแรงของทั้งคู่แสดงออกมาในรอยยาวๆของพื้นดินที่อยู่ตรงนั้น
สิ้นเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว ทั้งสองลุกค่อยๆขึ้นยืนขึ้นมาประจันหน้ากันอีกครั้ง
"ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
"ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
เมื่อทั้งคู่ตั้งหลักได้ก็กระโดดพุ่งขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว ร่างของทั้งคู่พุ่งเข้าหากันก่อนที่จะแลกหมัดกันอย่างดุดเดือดเลือดพล่าน ราวกับว่าเป็นปืนกลที่รัวกระสุนใส่กันไม่หยุดหยั้ง หมัดนับร้อยพุ่งไปยังฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ปราณี
และในขณะนั้นเองเหล่าผู้กล้าทั้งสี่ที่บินตามเสียงการต่อสู้จากในเมืองมาก็บินร่อนลงตรงพื้นที่ใกล้ๆตรงนั้น
พวกเขาทั้งสี่ชายตามองไปรอบๆพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความวินาดสันตโลนั้นอย่างตกใจ เมื่อได้มองเห็นร่างของเหล่ากองทัพอันดูริลที่นอนแผ่หลาอยู่เกลื่อนกลาด และเสียงหมัดกระทบกันดังเข้าโสตประสาตหูของพวกเขา ทำให้พวกเขาทั้งสี่ต่างหันหน้าไปทิศทางที่มาของเสียงนั้นด้วยความสงสัยใคร่รู้ และเมื่อทั้งสี่ได้แหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้าที่กำลังเปลี่ยนสีกลายเป็นสีส้มแก่ในยามเย็น ร่างของทั้งสองที่กำลังค่อยลอยลงมาพร้อมกับการดวนหมัดกลางอากาศที่แสนจะดุดเดือด
สายตาของพวกเขาทั้งสีจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่กำลังสวมชุดเกราะสีแดงสลับขาว ที่กำลังปล่อยหมัดใส่ไนติงเกลหมายเลขสิบสี่อยู่นั้น จนหมัดของทั้งคู่ประสานงาเข้าด้วยกันทำให้ร่างของทั้งสองไถลถอยหลังห่างออกไป ปลายเท้าที่ยึดเหนี่ยวไว้กับพื้นดินของพวกเขาทั้งสองปรากฏเป็นแนวยาวไกลเกือบเมตร
"นั่น! ใช่เขาจริงๆด้วย ไม่ผิดแน่!!" แองเจโล่พูดขึ้นมาด้วยความดีใจ ทำให้สายตาของสหายทั้งสามคนที่ยืนอยู่ข้างๆนั้นต่างมองลงมาเป็นตาเดียว
"เรย์กลับมาแล้ว!!!" รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่แสนดีของแองเจโล่
เมื่อสินเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจของแองเจโล่ อคิลลิสก็หันควับกลับไปที่การต่อสู้ตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย เมื่อนึกถึงภาพรอบๆตัวของอคิลลิสในใจของเขานั้นก็เต็มไปด้วยความครางแคลงใจ เมื่อเขาได้เปรียบเทียบกับตอนที่เขาได้ปะทะกับเรย์ตอนที่อยู่ที่สวนสาธารณะ ที่ในตอนนี้ถูกเขาและรามูเนสทำลายไปหลังจากที่การต่อสู้นั้นจบลง
แต่ทว่าคำถามที่วนเวียนอย่ในหัวของเขานั้นต้องหยุดลงเมื่อสหายคนข้างๆผู้กล้าสีน้ำเงินรามูเนส เริ่มที่จะทำอะไรไม่เข้าท่า
"หนอยยยยย เรย์!!...."
รามูเนสบากหน้าเดินเข้าไปหวังที่จะไปร่วมการต่อสู้ตรงหน้านั้น แต่ว่าเขาก็ถูกหยุดเอาไว้โดยอคิลลิส ซึ่งเมื่อเขาถูกขัดขวางก็หันมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโหในทันที แต่ว่าแววตาของเขาต้องเปลี่ยนไปเมื่อเห็นแววตาและสีหน้าของอคิลลิสที่ดูจริงจัง และส่งแรงกดดันอันมหาสารผ่านดวงตาสีเขียวนั้นออกมา อคิลลิสส่ายหน้าอย่างช้าๆก่อนที่จะกล่าว
"ยังไม่ใช่ตอนนี้รามูเนส..." แม้รามูเนสจะสะบัดไหล่ให้ออกไปด้วยความไม่พอใจแต่เขาเองก็ต้องหยุดอยู่ตรงนั้นตามคำสั่งของอคิลลิส พร้อมกับดูการต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้านั้นต่อไป
ดวงตาสีเขียวของอคิลลิสจับจ้องไปยังชายหนุ่มตรงหน้า
... นี่นายเก่งขึ้นขนาดนี้เชียวเหรอเรย์ เกิดอะไรขึ้นกับนายที่ยอดเขาไฮฮ็อกก้านั่นกันแน่นะ ...
ผู้กล้าสีแดงและไนติงเกลยังคงประจันหน้ากันอย่างไม่ลดละ ทั้งคู่ยังคงตั้งท่าต่อสู้โดยที่ไม่มีใครคิดจะเปิดช่องว่างให้ฝ่ายตรงข้ามเลยแม้แตน้อย เรย์ที่ยังคงจ้องมองไนติงเกลหมายเลขสิบสี่ที่กำลังตั้งท่าสู้อยู่ตรงหน้า นัยน์ตาของเขาประหนึ่งต้องการที่จะมองลอดผ่านหน้ากากรูปนกสีดำนั้นไปให้ได้
"นี่แก ทำไมถึงต้องฆ่าคนด้วย?!" อย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่จู่ๆเรย์ก็พูดขึ้นมาจนแม้แต่ไนติงเกลหมายเลขสิบสี่ยังรู้สึกงง "ฆ่าคนบริสุทธิ์เนี่ยมันสนุกมากนักรึไงกันน่ะห๊ะ?!!"
ภายใต้ใบหน้าที่แสนเรียวคมขาวดั่งหิมะนั้นไนติงเกลผมยาวสีน้ำตาลแก่ขบฟันเน่นออกมาก่อนที่จะพูดออกมา
"ไม่ใช่ซักหน่อย!!!" เสียงตวาดลั่นดังออกมา เรย์ผงะเล็กน้อยเพราะตกใจเสียงนั้น
"พวกเราเองก็ไม่ได้อยากฆ่าใครซักหน่อย เพื่อปกป้องพี่น้องของฉันต่างหากล่ะ ถ้าแกไม่รู้อะไรก็อยากมาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย!!!"
"ปกป้องพี่น้องเหรอ?!...." เพราะคำพูดที่ถูกโต้กลับมาของไนติงเกลตรงหน้าทำให้เรย์ยืนนิ่งไปพักใหญ่ แววตาที่เบิกกว้างที่ไม่เป็นไปตามสิ่งที่คาดการเอาไว้ในใจแสดงให้เห็นออกมา และที่สำคัญไปกว่านั้นในน้ำเสียงของคนตรงหน้าที่เขากำลังตั้งใจฟังอยู่นั้น
"ผู้หญิง... หรอกเหรอ?" เรย์พูดอย่างตัดพ้อ แต่น้ำเสียงแบบนั้นทำให้ไนติงเกลที่กำลังฟังน้ำเสียงที่ชวนโมโหอยู่ตรงหน้าก็ขบฟันแน่นอีกครั้ง
"ถ้าใช่แล้วจะทำไมกัน!!! ห๊า!!!"
เรย์ได้สติกลับมาและขบฟันแน่นพร้อมกระโดดสวนขึ้นไป
"หึ้ยยยยยย คิดว่าทำแบบนี้แล้วมันจะปกป้องอะไรได้อย่างงั้นเหรอ!!!!"
"หึ้ยยยยยย คิดว่าทำแบบนี้แล้วมันจะปกป้องอะไรได้อย่างงั้นเหรอ!!!!"
- ฟาว!!!!!!!! -
สิ้นเสียงของไนติงเกลหมายเลขสิบสี่เธอก็ใช้แรงขายันตัวพุ่งเข้ามาหาเรย์ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า แต่ด้วยความรวดเร็วและสัญชาตญาณของนักสู้ในตัวของเขาที่มีอยู่อย่างมากมายในตอนนี้ ทำให้ผู้กล้าสีแดงที่เคยยืนนิ่งเป็นหินอยู่ตรงหน้าของไนติงเกลนั้นกลับหวดสวนท่อนขาที่แข็งแกร่งผ่านอากาศเข้ามาหวังป้องกันตัว แต่ไนติงเกลเองก็ไม่น้อยหน้าสวนท่อนขาที่แสนเล็กและดูบอบบางมากเข้ามาปะทะกันทั้ง ด้วยแรงมหาสารทำให้การปะทะกันของทั้งคู่เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และแรงอัดอากาศที่ส่งผ่านมาหลังปะทะเป็นวงกว้างกระจายออกไปรอบๆ
แม้ท่อนขาของอีกฝ่ายจะดูบอบบางและดูเล็กไม่แข็งแกร่งเท่าของผู้กล้าสีแดงที่ดูแข็งแกร่งกว่าและยาวกว่าด้วยร่างกายและลักษณะท่าทางที่ดูเป็นนักรบเต็มตัว แต่หารู้หรือไม่ว่า แรงปะทะของทั้งสองฝ่ายนั้นแทบจะไม่ต่างกันเลยซักนิดเดียว เรียกได้ว่าไม่มีใครเหนือไปกว่าใครเลยแม้แต่น้อย บาทาที่กำลังเสียดสีกันกลางอากาศนั้นเกิดเป็นสะเก็ดไฟส่องแสงประกายเป็นระยะๆ ทั้งสองคนก็ยังคงดวลกำลังของกันและกันอยู่อย่างงั้นอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร ซึ่งผู้กล้าทั้งสี่ที่กำลังดูการต่อสู้อันดุเดือดนี้อยู่นั้นต่างก็ไม่ได้ขยับไปไหนเพราะการต่อสู้อันเร้าใจนี้ ทำใจยากนักที่พวกเขาจะละสายตาไปได้แม้แต่วินาทีเดียว
ทั้งคู่ขบฟันแน่อย่างไม่มีใครคิดจะยอมใครจนกระทั่งหมายเลขสิบสี่ทนไม่ไหว และคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เธอจึงใช้มือสองข้างที่ว่างอยู่คว้ามีดสั้นที่อยู่ที่เอวขึ้นมาแล้วกวาดใส่ลำตัวของเรย์อย่างรวดเร็วจนทำให้เรย์ถอยหลังออกไป
แม้จะหลบได้ทันท่วงทีแต่เรย์ก็ยังคงรู้สึกเจ็บๆและแสบๆบริเวณที่เขาได้ถูกฟันแถวนั้น เมื่อเขาได้มองลงไปยังลำตัวของเขา ก็ได้เห็นรอยไหม้สีแดงใหม่ๆที่ตอนนี้กำลังมีรอยไฟแดงๆปรากฏอยู่ สร้างความแปลกใจให้กับเรย์เป็นอย่างมาก เพราะว่าชุดเกราะที่สุดแข็งแกร่งของเขานั้นยังคงมีอาวุธที่ยังทะลุผ่านชุดของเขานั้นมาได้ เลือดซิบๆค่อยไหลออกมาตามรอยแนวยาวนั้นอย่างช้าๆ เรย์ค่อยๆยกมือประกบแผลของตัวเองด้วยความเจ็บปวดที่แสดงออกได้ผ่านสีหน้านิ่วคิ้วขมวดนั้น สายตาของเขาจ้องมองไปยังมีดสั้นสีดำลายแดง รูปทรงคล้ายกับมังกรสีดำที่ดูน่าเกรงขามที่อยู่ในความครอบครองของไนติงเกลหมายเลขสิบสี่นั้น
ทันใดนั้นเองเสียงที่ดังคลื่นดั่งแผ่นฟ้ากระทบกันดังออกมาจากม่านมิติที่ถัดไปจากพวกเขาตั้งสองนั้น และลำแสงสีเขียวสลับดำดั่งเวทมนต์ดำได้พุ่งเข้าหาร่างของเรย์ที่กำลังยืนอยู่อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว จนกระทั่งลำแสงนั้นพุ่งเข้าไปปะทะอย่างแรงจนร่างของเรย์กระเด็นไป เพราะความรุนแรงของพลังนั่นทำให้เรย์ล้มกลิ้งม้วนตัวไปกับพื้นหลายตลบ สร้างความตื่นตระหนกให้กับสหายที่เหลือของเขาเป็นอย่างมาก
และเวลาต่อมาผู้ที่เป็นเจ้าของลำแสงนั้นก็ปรากฏกายออกมาผ่านม่านมิตินั้น นั่นก็คือชายในผ้าคลุมสีดำ เนโครมอนเซอร์ นั่นเอง
แม้จะถูกซัดมาหมาดๆแต่เรย์ก็ยังคงลุกยืนขึ้นไหวพร้อมกับค่อยๆมองคนตรงหน้าด้วยจิตสังหารที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ของเขา แรงกดดันอันมหาสารนั้นส่งไปถึงผู้ที่กำลังถือไม้เท้าสีดำรูปหัวกะโหลดมีเขาซึ่งมีนัยต์ตาสีแดงอยู่ ซึ่งเมื่อเรย์เห็นก็นึกขึ้นได้ว่าไม้เท้าอันนั้นมันเคยตั้งเอาไว้เพื่อเป็นทางผ่านในการเปิดประตูมิตินั้น และดวงตาสีดำของเรย์หันกลับไปยังม่านพลังที่เดิมซึ่งตอนนี้ม่านพลังไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว เหลือแค่เพียงท้องฟ้ายามเย็น กับกล่องแห่งอาคาช่าที่ค่อยร่วงล่นลงมายังพื้นดินอย่างช้าๆ
เนโครมอนเซอร์ค่อยๆเดินเข้ามาหาไนติงเกลหมายเลขสิบสี่อย่างช้าๆ รวมไปถึงไนติงเกลคนอื่นๆที่อยู่รอบๆพื้นที่นั่นด้วย
"มันยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะใช้สิ่งนั้นตอนนี้ ศิษย์ของข้า" ไนติงเกลกล่าวขึ้นมาอย่างเยือกเย็น
"ข้าขอโทษ แต่ว่า..." เนโครมอนเซอร์หันหน้ามามองอย่างช้าๆ และเหมือนว่าไนติงเกลจะมองผ้าคลุมที่กำลังปกปิดใบหน้าของเขานั้นได้ ทำให้เธอต้องก้มหัวยอมรับแต่โดยดีและถอยหลังให้กับเนโครมอนเซอร์ไป
เนโครมอนเซอร์ก้าวออกมาอย่างช้าๆเพื่อประจันหน้ากับเรย์
"การต่อสู้ในวันนี้มันรู้ผลแล้วล่ะไนท์เบลดวอร์ริเออร์ และจงรับรู้เอาไว้ว่าเจ้าคือผู้พ่ายแพ้ในวันนี้"
"ถ้าพวกแกชนะแล้วจะหนีทำไม!!!!"
เนโครมอนเซอร์ยกไม้เท้าขึ้นเหนือศีรษะในทันที และทันใดนั้นสายพลังสีเขียวสลับดำก็พุ่งตรงจากฟากฟ้าลงมากระทบกับไม้เท้าของเนโครมอนเซอร์ และประตูมิติที่เคยหายไปก็ถูกเปิดออกขึ้นอีกครั้ง ครอบคลุมเหล่าไนติงเกลที่กำลังยืนอยู่รอบๆตัวของเนโครมอนเซอร์ เมื่อแสงสว่างที่กำลังสาดส่องค่อยๆสาดเข้ามายังร่างของไนติงเกลรอบๆนั้นร่างของพวกเขาก็ค่อยๆหายไปทีละคนๆ
สายตาของเรย์ชายมองไปยังไนติงเกลที่ค่อยๆหายไปอย่างทำอะไรไม่ได้และปล่อยให้พวกเขาค่อยๆหายไป จนกระทั่งสายตาของเขาสบตากันกับไนติงเกลหมายเลขสิบสี่ เส้นผมสีน้ำตาลขลับดำของเธอปลิวไสวไปตามแรงลมที่กำลังพัดผ่าน ดวงตาของทั้งสองสบตากันอย่างไม่ลดละ ทั้งสองคนไม่พูดอะไรกันได้แต่สบตากันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งร่างของไนติงเกลได้หายไปกับแสงสว่างนั้นที่ค่อยๆลับขึ้นไปบนฟ้าไกลยามเย็น
ไม่นานนักสถานการณ์ที่เคยวุ่นวายก็กลับมาเป็นปกติ เรย์มองตามแสงนั้นไปจนหายวับไปกับฟ้า และไม่นานนักตัวเขาก็รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าจนต้องถอนหายใจออกมาเหือกใหญ่ๆ เรย์เดินไปหยิบกล่องแก้วที่กำลังเรืองแสงสว่างออกมาอยู่ตรงหน้าของเขานั้น กล่องแห่งอาคาช่า ที่เคยเป็นประตูมิติให้เหล่ากองทัพอันดูริลเคลื่อนทัพมาจากมิติอื่น ในตอนนี้กล่องใบนั้นได้มาอยู่ในความครอบครองของผู้กล้าแห่งไนท์เบลดแล้ว
ก่อนที่เรย์จะรู้สึกถึงเสียงฝีเท้าที่กำลังค่อยๆใกล้เข้ามาหาตัวเองอย่างช้าๆ เมื่อเขาได้มองหันกลับไปก็พบกับใบหน้าที่แสนดีใจของแองเจโล่และซิกฟรีดที่กำลังวิ่งเข้ามาหา
"เรย์!!!" ยังไม่ทันได้กล่าวทักทายอะไร แองเจโล่ก็รีบวิ่งเข้ามาหาเรย์ที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียวโดยมีซิกฟรีด อคิลลิส และรามูเนสตามมาจากด้านหลัง
"กลับมาได้ทันเวลาพอดีเลยนะเรย์ ดีใจจังเลย" แองเจโล่พูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความดีใจ
"ทำไมนายถึงไม่ตามพวกนั้นไปล่ะ? ลำพังพลังของนายขนาดนี้เอาชนะเจ้าพวกนั้นได้ไม่ยากแน่ๆ..." รามูเนสพูดสวนขึ้นมาเมื่อมาถึงที่เรย์กำลังยืนอยู่ เรย์เมื่อเห็นรามูเนสก็ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นที่เขา รามูเนส และอคิลลิสได้ต่อสู้กันกลางสวนสาธารณะในย่านชานเมืองไนท์เบลด
"เรย์ทำถูกแล้วล่ะที่ไม่คิดตามเจ้าพวกนั้นไป" อคิลลิสพูดขึ้นมา ดึงความสนใจจากสหายทั้งสี่ของเขา
"ถึงพลังของเราจะมีมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่เราก็ยังไม่รู้เลยว่าถ้าผ่านม่านพลังนั้นไป อะไรบ้างที่กำลังรอเราอยู่ในนั้น ไม่แน่ว่าแม้แต่พวกเราเองก็อาจจะรับมือกับพวกมันที่อยู่ฟากนู้นไม่ไหวก็ได้"
เมื่ออคิลลิสพูดจบก็ใช้มือตบบ่าของเรย์ไปเบาๆ แสดงถึงความยินดีที่เขาได้มาช่วยเหลือพวกเขาในวันนี้
"บาดแผลของนายไม่เป็นไรแล้วนะ"
"ไม่เป็นไรแล้วล่ะ"
เหมือนคำพูดและรอยยิ้มของอคิลลิสเป็นสิ่งที่แหวกม่านหมอกจางปางให้กับเหล่าผู้กล้าทั้งห้าคนที่เคยมีเรื่องครางแคลงใจก่อนหน้านั้น ให้กลับมารวมกันได้ ผู้กล้าสีแดงและผู้กล้าสีเขียวจับมือกันด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรที่พวกเขาไม่เคยมีมาก่อน
"เอ่อ จะว่าไปแล้ว?" จู่ๆแองเจโล่ก็พูดขึ้นมากระทันหัน
"นี่นายคิดเอาไว้รึยังว่าหลังจากวันหยุด นายจะตอบคำถามพวกนี้กับพวกเพื่อนๆที่โรงเรียนยังไง ตอนนายไปโรงเรียนแล้วน่ะ"
"คำถาม?! คำถามอะไรเหรอแองเจโล่" เรย์ถามด้วยความสงสัย
"ก็นี่ไง กล้ามของนายล่ำบึกขึ้นตั้งเยอะ ผิวก็ขาวขึ้น แถมผมก็ยาวเฟ้ยอีก อย่างกับเป็นคนล่ะคนกันแหน่ะ"
ซิกฟรีดเข้ามาพร้อมกับชี้ไปที่จุดต่างๆตามร่างกายของเรย์ ทำให้เรย์เพิ่งนึกออกว่าการที่เขาได้ไปฝึกวิชาที่ยอดเขาไฮฮ็อกก้าตลอดสองสามวันที่ผ่านมานั้น ทำให้ร่างกายของเขาเปลี่ยนไป รวมไปถึงรูปร่างหน้าตาที่ดูหล่อเหลาขึ้นดั่งเจ้าชายในนวนิยายที่ขายอยู่ตามร้านหนังสือซักเรื่อง
"เรื่องนี้ฉันก็พยายามคิดอยู่เหมือนกันน่ะ แฮะๆ"
... แต่ถึงยังไงเรื่องที่ฉันดีใจที่สุด ก็คงจะเป็นเรื่องนี้แหละน่ะ ...
ในตัวเมืองที่ถัดจากที่ๆเหล่าผู้กล้าอยู่ไม่ไกลนัก หลังจากที่การต่อสู้สิ้นสุดลง เหล่ากองทัพที่ทางไนท์เบลดติดต่อไปก็ได้มาถึงพอดี ทุกๆหน่วยรีบช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่ถูกเหล่ากองทัพอันดูริลโจมตี
ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เคยถูกพวกยักษ์โจมตีได้ทิ้งผลงานเอาไว้ที่หน้าร้านแห่งนั้น รอยระเบิดรุนแรงทำให้เป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ ทหารหน่วยหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปเพื่อไปเช็คหาผู้ที่รอดชีวิตที่นี่ และ...
"เฮ้ย!! มีคนบาดเจ็บ!! มีประชาชนกำลังบาดเจ็บ!! ทางนี้!! ทางนี้!!"
"พาพวกเด็กกับผู้หญิงออกมาก่อนเร็วเข้า! เร็ว!!!"
สิ้นเสียงของหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทหาร พวกทหารใต้บังคับบัญชาก็รีบตรงเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างไม่รีรอ เด็กๆและผู้หญิงวัยกลางคนยังร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ ผู้เป็นพ่อเกาะแขนของทหารคนที่กำลังจะเข้าไปช่วยเหลือเขาแล้วพูดด้วยเสียงอันแหบพล่านว่า
"ผู้กล้าแห่งไนท์เบลดช่วยเราไว้! ผู้กล้าแห่งไนท์เบลด! ผู้กล้าแห่งไนท์เบลด!"
เกียรติยศของพวกเขา จะเป็นที่กล่าวขานสืบไปไม่รู้จบ....
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ