[Fan Fiction Saint Seiya+LC]Once Again…
10.0
เขียนโดย MeiaR
วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 12.40 น.
13 ตอน
8 วิจารณ์
29.75K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556 11.17 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
10) ยามเมื่อเวลาหวนกลับ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ...............ความจริงเมื่อครั้งอดีตที่ไม่อาจแตะต้อง...................
................คุณคิดว่ามนุษย์จะสามารถย้อนเวลาให้หวนกลับมาได้ไหม..................
ท่ามกลางความมืดที่ห้อมล้อมกายตนเองเอาไว้คางาโฮะกำลังคุกเข่าลงอย่างสิ้นหวังเมื่อได้รับรู้ว่าความจริงย่อมโหดร้ายเสมอ คางาโฮะไม่แน่ใจว่าครั้งสุดท้ายที่เขารู้สึกสิ้นหวังนั้นมันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว บางทีมันคงเป็นตอนที่น้องชายของเขาจากไป
ขอให้พี่ได้อยู่อย่างอิสระเสรี
ซุย...น้องชายของเขาบอกไว้แบบนี้ก่อนจะทิ้งตัวเองออกจากโลกใบนี้และข้างกายเขาไป วินาทีที่ร่างอันบอบบางของน้องชายหายไปจากครรลองสายตาหัวสมองของเขาก็ว่างเปล่าไปหมด ถุงเงินที่ได้มาจากการต่อสู้ถูกทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่ใยดีเพราะในเมื่อคนที่เขารักไม่อยู่อีกแล้วชีวิตของเขาจะมีความหมายอะไร
หากอาบแสงแดดแล้วผิวจะคล้ำ ความฝันของผมคือการได้เดินอยู่ใต้ดวงอาทิตย์....
คำพูดที่น้องเคยเอ่ยออกมาครั้งหนึ่งคล้ายกับเป็นเพียงความฝันอันเลื่อนลอยแต่กระนั้นก็เป็นฝันที่เขาอยากทำให้กลายเป็นจริง ทว่าสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดกลับเป็นการไล่ต้อนน้องชายให้ไปสู่ความตาย เขาถามออกมาไม่ได้ว่าทำไมเพราะรู้คำตอบที่ฝังลึกอยู่ในใจ
หลังจากวันนั้นทุกเฉดสีบนโลกของเขาก็มีแต่เพียงความมืดมิดมาโดยตลอด ดวงอาทิตย์ที่น้องชายเฝ้าปรารถนาแปรเปลี่ยนมาเป็นสิ่งที่น่าชิงชังเพราะนอกจากไอร้อนที่คล้ายกับจะแผดเผาชีวิตให้มอดไหม้แล้วมันไม่เคยให้อะไรกับเขาเลย
คางาโฮะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนมาเป็นสเป็คเตอร์ได้อย่างไร มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาไม่เคยลืมคือความแค้นและความชิงชังที่มีต่อโลกใบนี้ซึ่งพรากน้องชายไปจากเขา หากไอร้อนของดวงอาทิตย์กำลังเผาไหม้ความหวังให้เป็นจุณเขาก็จะใช้เปลวเพลิงที่สิ้นหวังนี้แผดเผาผืนพิภพให้หมดสิ้น เพราะความชิงชังมันคือสิ่งสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่
จนกระทั่งเขาได้พบกับอาโรน.....เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าคล้ายกับน้องชายของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่งรอยยิ้มอ่อนโยนที่แต่งแต้มไปด้วยความโศกเศร้าก็ยังเหมือนกันจนเขาไม่นึกอยากจะเห็นมันเลยรวมถึงการกอดความปรารถนาที่แสนเศร้านั้นด้วยทำให้เขามองเห็นภาพของซุยทับซ้อนลงบนตัวของอาโรน
คุณเองก็ตามหาใครสักคนอยู่ใช่ไหม
ฝ่ายนั้นเคยถามเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน คางาโฮะไม่รู้ว่าอาโรนมองเห็นสิ่งใดในตัวเขาแต่รู้อยู่อย่างหนึ่งก็คือ ร่างทรงของฮาเดสได้ขอให้เขาอยู่ข้างกายตนเอง
มันคือคำขอไม่ใช่คำสั่ง แม้สำหรับตำแหน่งร่างทรงแล้วสองสิ่งนี้จะไม่ต่างกันก็ตามเพราะขอเพียงเอ่ยปากออกมาแพนโดร่าก็พร้อมจะถวายทุกสิ่งให้โดยไม่อิดออดแม้แต่นิดเดียวไม่เหมือนกับเขา ต่อให้หน้าตาเหมือนกันเพียงใดแต่คนตรงหน้าก็ไม่ใช่น้องชายของเขา ไม่ใช่คนสำคัญที่เขาอยากปกป้อง แต่ว่าคงเพราะคำถามที่เขายังไม่ได้ตอบนั้นละมั้งที่ทำให้เขาตอบตกลงอยู่ข้างกายของอาโรน
อาโรนมักยิ้มให้เขาขณะเดียวกันก็ร้องไห้ออกมาบ่อยครั้งยามเมื่ออยู่กันตามลำพัง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอาโรนถึงยอมร้องไห้ต่อหน้าเขาแต่นั่นก็ทำให้เขาแน่ใจว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่มีทางเป็นยมเทพฮาเดสอย่างแน่นอน ตอนที่รู้สึกได้ถึงเรื่องนี้มันทำให้เขาอดที่จะตกใจไม่ได้
เขาคิดว่าคนที่ร้องไห้คือคนอ่อนแอและเขาก็เกลียดคนอ่อนแอแต่สำหรับอาโรนเขากลับรู้สึกว่าเพราะอาโรนเข้มแข็งจนเกินไปถึงได้ร้องไห้ออกมา นานวันเข้าไปสุดท้ายคางาโฮะถึงได้ถามว่าอาโรนร้องไห้เพราะอะไร ตอนที่โดนถามใบหน้าน่ารักนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันเศร้าหมองจนชวนให้คนเห็นรู้สึกปวดใจ
โลกใบนี้ช่างโหดร้าย...ยามที่มีชีวิตก็ต้องทนทุกข์ ยามสิ้นใจก็ยังต้องทนทรมาณต่อไปในยมโลกเช่นนี้
ในตอนนั้นขณะที่พูดอาโรนก็มองไปยังดินแดนอันแห้งแล้งของยมโลก ดวงตาที่เคยเป็นสีฟ้าทอดมองไกลออกไปคล้ายกับมองหาบางสิ่งบนพื้นที่อันรกร้างว่างเปล่า คางาโฮะไม่รู้ว่าอาโรนมองหาอะไรในยมโลก บางทีคงเป็นคนสำคัญที่จากไปเฉกเช่นเขาที่ยังคงออกตามหาเค้าร่างของน้องชายที่น่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งบนดินแดนอันโหดร้ายนี้
ผมรักมนุษย์และโลกนี้จากใจจริง ดังนั้นผมจะทำให้ทุกอย่างจบลง...
จากนั้นอาโรนก็พูดถึงจุดจบอันโหดร้ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม รอยยิ้มของอาโรนแลดูบริสุทธิ์เสียจนเขาไม่อาจมองตรงๆได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับมนุษย์เช่นนี้ มนุษย์ที่ต่างกับเขาที่มีเพียงความชิงชัง ในวินาทีนั้นเขารู้สึกว่าตนเองน่าสมเพชทั้งที่เขาไม่ได้คิดว่าจะสามารถยกโทษให้กับโลกนี้ได้แต่กลับถูกความรักอันบรสุทธิ์ของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าทำให้ตนเองดูต่ำต้อยลงไปถนัดตา
อาโรนบอกว่าจะช่วยให้ทุกคนพ้นจากความทุกข์รวมถึงน้องชายของเขาด้วย ตลอดมาไม่เคยมีใครบอกว่าจะช่วยเหลือเขากับน้องเลย บนโลกที่ทุกคนต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดไม่เคยมีใครสักคนที่หยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้ แต่ตอนนี้อาโรนได้พูดคำนั้นออกมา
ทั้งที่เพิ่งได้พบกันไม่นานแต่เขากลับเชื่อในคำพูดนั้นอย่างแรงกล้าและได้ค้นพบว่า เขาอยากจะเติมเต็มความปรารถนาของเด็กหนุ่มคนนี้ให้เป็นจริง เขาอยากจะเปลี่ยนน้ำตาให้เป็นรอยยิ้มอันแสนงดงามยิ่งกว่านี้ ถ้าหากว่าความปรารถนาเป็นจริงอาโรนก็คงสามารถยิ้มได้ดังที่หวัง ถ้าหากเป็นเช่นนั้นเขาก็จะสู้ต่อไป
ทว่า...ตัวเขากลับจบชีวิตลงโดยที่ไม่เคยทำให้ความปรารถนาของคนที่รักเป็นจริงได้เลยแม้แต่ข้อเดียว
“ข้ามันเป็นเพียงมนุษย์ที่อ่อนแอ”โอกาสที่อาโรนหยิบยื่นมาให้เขากลับทำมันหลุดมือไปอย่างโง่เขลาจนสุดท้ายก็ต้องมานึกเสียใจภายหลังเขาเคยคิดว่าจะสามารถยอมรับความจริงทุกอย่างได้แต่พอได้รับรู้มันเขากลับไม่สามารถยอมรับมันได้แม้แต่นิดเดียว
“ท่านอาโรน ข้าควรจะทำเช่นไรดี ข้าควรจะหันหน้าไปทางไหนดี”รอบกายมีเพียงความมืดราวกับจะเยาะเย้ยต่อการดิ้นรนอันไร้ค่าของเขา ผู้ที่ทอดทิ้งดวงอาทิตย์อย่างเขาไม่เคยหวังอยากได้แสงสว่าง แต่กระนั้นในเวลานี้เขากลับโหยหามันจับใจ
คางาโฮะ...
ในตอนนั้นเองที่เขากลับได้ยินเสียงเรียกหนึ่ง เสียงเรียกที่อาจจะเรียกได้ว่าคุ้นเคย มันคือน้ำเสียงของเด็กหนุ่มผู้เป็นชาติปัจจุบันของอาโรน เขาไม่ได้คิดจะเอาชุนมาแทนที่อาโรนแต่ทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มของชุนเขาก็เหมือนกับได้รับการช่วยเหลือ
ชุนคงไม่รู้ว่ารอยยิ้มที่แสนอบอุ่นนั้นช่วยเหลือเขาไว้มากแค่ไหน แม้ว่าแรกเริ่มที่ได้พบกันเขาหวังเพียงจะปกป้องชุนเพราะอาโรนยังอยู่ในตัวของชุน แต่พอเวลาผ่านไปเมื่อรู้ตัวอีกทีเขาก็ได้หลงรักความบริสุทธิ์ของวิญญาณดวงนี้อีกครั้ง
หากว่าอาโรนเป็นผู้ที่ช่วยเขาจากความสิ้นหวังชุนก็เป็นผู้มอบแสงแห่งความหวังให้กับเขาอีกครั้งหนึ่งและจะเป็นผู่ช่วยให้เขาหลุดพ้นจากอดีตได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือออกไปเพื่อไขว่คว้าแสงสว่างเอาไว้
“ชุน...”เขาพยายามที่จะร้องเรียกอย่างสุดความสามารถ เด็กหนุ่มที่สัญญาว่าจะอยู่คียงข้างและมอบโอกาสครั้งสุดท้ายให้กับเขา....
“ชุน!”
ในวินาทีเดียวกันนั้นอิคคิก็พลันลืมตาตื่นขึ้นในความมืด ชายหนุ่มหอบหายใจคล้ายกับเหนื่อยเสียเต็มประดาขณะที่มีเหงื่อออกโทรมกาย หัวใจของเขาเต้นเร็วคล้ายกำลังหวั่นใจต่อบางสิ่งที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้
อิคคิพยายามสูดลมหายใจเพื่อปรับลมหายใจของตนให้เข้าที่ก่อนจะหันไปข้างๆเพื่อมองว่าเขาทำให้น้องชายตื่นหรือไม่ แต่แล้วข้างกายเขากลับว่างเปล่าไร้ซึ่งร่องรอยของร่างอันบอบบางซึ่งควรจะหลับใหลอยู่ข้างกายเขา
“ชุน!”ชายหนุ่มร้องเรียกแต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมา บางทีชุนอาจจะแค่ลุกไปหาน้ำดื่มหรือเดินไปที่อื่นก็ได้แต่อิคคิกลับไม่คิดว่าตัวเองไม่มีทางไม่รู้สึกตัวว่าน้องชายห่างไปจากข้างกายเขาอย่างเด็ดขาด นอกจากนั้นลางสังหรณ์กำลังร้องเตือนเขาอย่างรุนแรง
หัวใจของเขาคล้ายกำลังร้องออกมาด้วยความหวาดหวั่นต่อบางอย่างที่เขาไม่มีวันปรารถนาและในตอนนั้นเองที่เขาสัมผัสได้ถึงขุมพลังอันดำมืดที่ไม่คิดว่าจะได้สัมผัสมันอีกครั้ง
“นี่มันพลังของฮาเดส”วินาทีต่อมาอิคคิก็ลุกขึ้นแต่งตัวอย่างลวกๆแล้ววิ่งออกจากห้องตรงไปยังทางที่เขาสัมผัสพลังได้ทันที
วิหารไลบร้าไม่ได้ใหญ่มากมายอะไรนักแต่เขากลับรู้สึกว่าเส้นทางมันช่างยาวไกลจนน่าหงุดหงิด โดยเฉพาะเมื่อพลังคอสโมสีดำดูจะรุนแรงขึ้นทุกขณะ ชุนคือร่างทรงของฮาเดสต่อให้สามารถเอาชนะฮาเดสมาได้แล้วแต่ความเป็นจริงข้อนี้ก็ไม่มีวันเปลี่ยนและอิคคิมั่นใจว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับชุนแน่นอน
“อิคคิ!”เสียงเรียกชื่อของเขามาพร้อมกับร่างของโดโกที่วิ่งมาสมทบกับเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีพอกัน
“เจ้าเองก็รู้สึกถึงพลังของฮาเดสได้สินะ”อิคคิพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรแล้วเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนกระทั่งเขากับโดโกก็มาถึงด้านหลังของวิหารไลบร้า
เบื้องหน้าที่ควรเป็นพื้นที่ว่างเปล่ากลับปรากฏร่างของใครคนหนึ่งที่ทำให้โดโกต้องขมวดคิ้วพร้อมเพิ่มความระแวดระวังถึงขีดสุดเมื่อสัมผัสได้ถึงขุมพลังอันดำมืดที่ชวนให้รู้สึกถึงความชั่วร้ายจากโยมะที่ยืนมองทั้งสองคนด้วยสีหน้าสนุกสนาน
“มากันแล้วเหรอไลบร้ากับคุณพี่ชาย”ใบหน้าแบบคนเอเชียฉีกยิ้มด้วยความพออกพอใจเมื่อเห็นว่าตัวละครหลักมากันครบแล้ว อิคคิมองชายตรงหน้าด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ เขาไม่จำเป็นต้องไตร่ตรองเลยว่าชายคนนี้มีจุดประสงค์เช่นไรลำพังแค่พลังคอสโมสีดำสนิทกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นก็มากพอที่จะทำให้เขาโจมตีใส่อย่างไม่ลังเลแล้วด้วยซ้ำไป
“แหมๆ ไม่ต้องทำหน้าน่ากลัวอย่างนั้นก็ได้ คุณพี่ชาย”โยมะแสร้งโบกมือสองข้างไปมาด้วยท่าทางร้อนรนเมื่อโดนอิคคิจ้องเขม็งทั้งที่ยังยิ้มร่าอยู่แบบนั้น ก่อนจะหยิบหมวกทรงสูงมาถือไว้แล้วจึงค่อยเคลื่อนมันไปยังด้านข้างราวกับจะแนะนำผลงานชิ้นเอก
เยื้องไปด้านหลังของโยมะคือร่างของชุนที่ลอยขึ้นมาเหนือจากพื้น ในมือของเด็กหนุ่มคือภาพสีน้ำมันของคางาโฮะที่ถูกกอดไว้อย่างทะนุถนอม ท่าทางของชุนนั้นดูผิวเผินแล้วงดงามราวกับเทวดาผู้งดงามหากแต่ความจริงแล้วรอบกายของเด็กหนุ่มกลับมีแต่พลังคอสโมสีดำซึ่งกำลังย้อมให้เส้นผมและดวงตาของเด็กหนุ่มกลายเป็นสีของราตรีกาลทีละนิด
“ชุน!”อิคคิร้องเรียกพร้อมกับวิ่งไปหาแต่แล้วอยู่ๆร่างกายของกลับขยับไม่ได้กะทันหันและโดยไม่ต้องรอให้ใครบอกว่าเกิดอะไรขึ้นโยมะก็มาปรากฏร่างตรงหน้าพร้อมกับปีกสีดำที่กลางหลัง
“ตัวเจ้างามนักเมื่อเวลาหยุดลง ไม่คิดแบบนั้นเหรอคุณพี่ชาย โอ้ะๆ เกือบลืมแน่ะว่าเจ้าเองก็ต้องหยุดเช่นกัน”วินาทีต่อมาโยมะก็ขยับนิ้วไปทางโดโกที่เงื้อหมัดเตรียมใช้ท่ามังกรผงาดโรซัน
“ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่ เมฟิสโตเฟเลส โยมะ!”โดโกตะโกนออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ในอดีตเมื่อนานมาแล้วชิออนเคยพูดถึงเมฟิสโตเฟเลสให้เขาได้รู้ ตัวตนอันชั่วร้ายที่ทำให้ศึกเทพยุทธิ์ปั่นป่วนรวมถึงปลุกปั่นให้ผู้คนต้องมาฆ่ากันเอง
“อันที่จริงข้าควรจะถามเจ้ามากกว่านะว่าทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่อีก แต่ช่างเถอะ....ในภพนี้ข้าก็ใช่ว่าจะรู้ทุกอย่างละเอียดนัก”โยมะพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเมื่อเห็นว่าโดโกเป็นเพียงตัวละครที่เขาไม่คิดว่าจะทำให้ละครฉากนี้สนุกขึ้นมากสักเท่าไรนัก
“ท่านผู้เฒ่ารู้จักมันด้วยเหรอ”อิคคิเค้นเสียงถามขณะที่พยายามจะขยับตัวพุ่งเข้าไปหาชุนแต่ก็ไม่อาจขยับตัวได้
“มันคือสเป็คเตอร์แห่งดาวล้ำนภา ทั้งยังเป็นพ่อของเท็นมะ เพกาซัสคนก่อน มันคือปีศาจชั่วร้ายที่ชอบเล่นสนุกกับชีวิตผู้อื่น เรื่องในคราวนี้ก็เป็นฝีมือของมันแน่นอน”โดโกพูดอย่างมั่นใจโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานใดๆ ขอเพียงโยมะมีตัวตนอยู่ที่นี่ก็ถือเป็นข้อยืนยันชั้นดีแล้วว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อมเป็นฝีมือของโยมะไม่ผิดแน่
“เรื่องของข้าจะเป็นอย่างไรก็ช่างมันเถอะน่า ข้าไม่ใช่ตัวเอกของเรื่องสักหน่อยแต่เป็นร่างทรงผู้งดงามคนนี้ต่างหากเล่า”พูดจบโยมะก็ลอยตัวเข้าไปหาชุนที่ยังคงกอดภาพของคางาโฮะเอาไว้ ดวงตาของชุนดูคล้ายกับจะเลื่อนลอยแต่ก็ยังพอดูมีสติอยู่บ้าง อิคคิจึงร้องเรียกน้องหวังให้ชุนได้สติขึ้นมา
“ชุนรีบหนีไป!”เขาไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแต่ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไรเขาก็ไม่มีวันให้น้องชายที่เขารักเอาตัวไปเสี่ยงเด็ดขาด
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของอิคคิทำให้ชุนเงยหน้าขึ้นมองไปยังพี่ชายที่อยู่ห่างออกไปแล้วระบายยิ้มเศร้าสร้อย
“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าผมหนีไปตอนนี้คางาโฮะก็จะไม่มีวันรู้ความจริงตลอดกาล”ขณะที่พูดชุนก็ออกแรงจับภาพสีน้ำมันในมือไว้แน่นกว่าเดิมราวกับกลัวว่าจะมีใครมาแย่งมันไปจากมือตนเอง
“นี่นายคิดจะทำอะไร”อิคคิเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจกับท่าทีของน้องชาย ชุนไม่มีทางสัมผัสพลังอันชั่วร้ายของโยมะไม่ได้แต่นี่ชุนกลับยังคงยืมมือของคนแบบนี้เพื่ออะไรกัน ดวงตาคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อยคล้ายกับจะหลบสายตาของพี่ชายแต่สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจที่ตอบออกไปตามตรง
“ผมจะพาอาโรนกลับมาเพื่อให้อาโรนกับคางาโฮะได้พบกันอีกครั้ง”สิ้นคำนั้นทั้งอิคคิกับโดโกต่างก็ถึงกับตระหนกตกใจในคำตอบอันคาดไม่ถึงและไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้แต่ชุนก็คล้ายกับจะอ่านใจของทั้งสองได้จึงเอ่ยอธิบายต่อ
“ผมรู้ว่ามันฟังดูเป็นไปไม่ได้ แต่ในเมื่อคางาโฮะยังกลับมาได้ตัวผมที่มีวิญญาณดวงเดียวกับอาโรนก็ย่อมทำได้เช่นกัน”เขาแน่ใจว่ามันต้องเป็นเช่นนั้นเมื่อหลังจากได้พบกับคางาโฮะเขาก็เริ่มมองเห็นความทรงจำของอาโรนและทุกครั้งภาพในความทรงจำนั้นก็จะมีคางาโฮะอยู่ด้วยเสมอซึ่งนั่นก็ยิ่งเป็นข้อยืนยันว่าสำหรับอาโรนแล้วคางาโฮะมีความสำคัญมากแค่ไหน
“หยุดนะชุน! แล้วตัวนายล่ะมีอะไรรับประกันได้ว่าตัวของนายจะไม่หายไป!”ต่อให้ตัวเขากับคางาโฮะจะอยู่ในร่างเดียวกันได้แต่มีอะไรมายืนยันว่าชุนจะไม่เป็นไร ถ้าหากชุนต้องเปลี่ยนไปเป็นคนอื่นเขาไม่มีทางทนได้อย่างแน่นอน
“ขอโทษนะครับพี่อิคคิ แต่ผมจะต้องทำเพื่อคางาโฮะ”นามของใครคนหนึ่งที่หลุดออกมาทำให้อิคคิถึงกับขบกรามแน่น เขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดคล้ายกับของสำคัญกำลังจะโดนแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตา
“ทำไม..ทำไมต้องทำเพื่อมันขนาดนี้ด้วย!”คำถามที่อิคคิไม่มีวันอยากรู้คำตอบแต่แล้วชุนกลับหลับตาลงด้วยท่าทางเหมือนกำลังรวบรวมความกล้าทั้งหมดในการพูดประโยคนี้ออกมา
“เพราะผมรักเขาครับ”เพียงคำเดียวที่ได้ยินนั้นเจ็บปวดราวกับจะแผดเผาหัวใจของเขาให้กลายเป็นเพียงเศษธุลี คำว่ารักที่น้องเคยมอบให้บัดนี้กำลังจะถูกแบ่งปันให้กับตัวเขาอีกคนหนึ่ง
“ชุน!”เขาเรียกโดยหวังจะให้น้องได้สติและคาดหวังว่าเรื่องที่ชุนพูดจะเป็นเรื่องโกหกแต่ในคราวนี้ชุนไม่อาจทำตามที่อิคคิคาดหวังได้
“ผมคงจะน่ารังเกียจมากแน่ๆเพราะทั้งที่ผมรักพี่อิคคิมากกว่าใครแต่แล้วผมกลับไม่อาจปล่อยมือจากคางาโฮะได้ ต่อให้ผมรักพี่มากกว่าคางาโฮะแค่ไหนผมก็ยังต้องการให้เขาอยู่กับผม ผมไม่อาจทอดทิ้งคางาโฮะได้ ผมไม่อยากเห็นเขาต้องโศกเศร้าดังนั้นผมจะพาอาโรนกลับมาเพื่อยืนยันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองร้อยปีก่อน”เขาจะมอบความเป็นจิรงที่คางาโฮะเชื่อมั่นเพื่อดึงให้คางาโฮะหลุดจากความสิ้นหวัง
นี่คือการเดิมพันที่โยมะเป็นผู้มอบให้กับเขา...ชุนไม่รู้ว่าโยมะใช้วิธีใดกันแต่โยมะก็ได้ทำให้เขาเห็นอดีตของอาโรนพร้อมกันกับที่ยื่นทางเลือกมาให้กับเขา ตอนแรกเขาสับสนไปหมดว่าตนเองควรทำเช่นไรดี เขาเองก็กลัวที่จะจากพี่อิคคิที่เขารักที่สุดไปแต่เพราะการกระทำของอิคคิทำให้ชุนสามารถตัดสินใจได้
เขาได้รับความรักจากพี่ชายดังที่หวังแล้วแต่คางาโฮะล่ะ? มีใครบ้างที่สามารถปลอบประโลมหัวใจของชายผู้โดดเดี่ยวคนนั้นและมอบความรักให้ได้นอกจากเขา ชุนรู้ว่ามันเป็นความรู้สึกอันเห็นแก่ตัวที่น่ารังเกียจที่สุด เขาเชื่อมั่นในความรักที่มีต่ออิคคิแต่ในอีกด้านหนึ่งเขากลับรู้สึกอยากมอบความรักให้กับคางาโฮะดังที่อาโรนเคยทำ
“ผมอยากให้คางาโฮะมีความสุขเพราะงั้นต่อให้ต้องเดิมพันกับทุกสิ่งผมก็จะทำ!”สิ้นคำนั้นพลังคอสโมของฮาเดสก็เข้าครอบคลุมทั่วทั้งร่างของชุนเอาไว้ซึ่งนั่นก็ทำให้อิคคิเจ็บปวดถึงขีดสุดกับการทำได้เพียงดูน้องชายเอาตัวไปเสี่ยงต่อหน้าต่อตา
พริบตาที่ร่างของชุนหายเข้าไปในความมืดในอกของอิคคิก็รู้สึกร้อนยิ่งกว่าโดนแผดเผาขณะที่ปลายนิ้วเย็นเฉียบพร้อมกันนั้นที่เหมือนกับมีพลังบางอย่างพวยพุ่งออกมาจากก้นบึ้งของจิตวิญญาณและในวินาทีต่อมาเขาก็สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของกาลเวลาแล้ววิ่งเข้าไปหาชุนพร้อมกับเรียกชุนเอาไว้
“ชุน!”ในตอนนั้นถ้าหากโดโกไม่ได้ฟังผิดไปเขาได้ยินเสียงของใครอีกคนที่ร้องเรียกชุนในเวลาเดียวกันนั้นก็บังเกิดแสงของเปลวเพลิงสีทองขึ้นมารอบอาณาบริเวณทั้งหมด
เปลวเพลิงสีทองนั้นก่อตัวเป็นรูปร่างของบางสิ่งที่แผ่ขยายออกไปกว้างไกลจนคล้ายกับปีกของปักษา ภายใต้กองเพลิงที่ม้วนตัวเข้าหากันกำลังถือกำเนิดร่างของใครคนหนึ่งขึ้นมา ชายคนนั้นคือผู้ที่มีใบหน้าคมแลดูดุดัน เมื่อดวงตาคู่นั้นเปิดขึ้นมันก็ชวนให้รู้สึกถึงความเกรี้ยดกราดของชายผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้เปลวเพลิงแห่งความโกรธแค้นแผดเผาทุกสิ่งอย่าง
หากแต่ในเวลานี้เจ้าของเปลวเพลิงที่ว่ากลับไม่คิดจะทำสิ่งอื่นใดอีกนอกจากขยับปีกสีทองกลางหลังเพื่อพุ่งเข้าไปหาร่างของเด็กหนุ่มที่ถูกกลืนหายไปในพลังคอสโมของฮาเดสท่ามกลางสายตาอันตกตะลึงของทุกคนโดยเฉพาะอิคคิเมื่ออยู่ดีๆวิญญาณของคางาโฮะก็พุ่งออกมาจากร่างแล้วตรงเข้าไปหาชุนทันที
“ชุน!”คางาโฮะร้องเรียกและราวกับจะตอบรับเสียงเรียกนั้นเมื่อความมืดที่ล้อมกายเด็กหนุ่มอยู่ได้มลายหายไป หากแต่มันกลับรวมถึงสีสันอันสดใสของเด็กหนุ่มไปด้วย เพราะร่างที่ปรากฏออกมาก็คือเด็กหนุ่มที่มีใบหน้างดงามผู้ซึ่งมีเส้นผมและดวงตาสีดำดุจรัตติกาลอันลึกล้ำ
ภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของเด็กหนุ่มทำให้ทุกสิ่งหยุดชะงักราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้ สภาพของน้องชายที่อิคคิไม่อยากจะเห็นอีกเป็นครั้งที่สองสำหรับคางาโฮะแล้วเขากลับรู้สึกได้ถึงความโหยหาอย่างไม่อาจห้ามได้ ทั้งที่ใบหน้าก็ไม่ได้เหมือนกันแต่บรรยากาศเปลี่ยวเหงาและเศร้าสร้อยที่ห่อหุ้มอยู่รอบกายบอบบางนั้นก็ช่างชวนให้เขาคิดถึงขึ้นมาโดยเฉพาะเมื่อในเวลาต่อมาเด็กหนุ่มได้เงยหน้ามองเขาพร้อมกับเรียกด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“คางาโฮะ”เพียงแค่เสียงแรกที่เปล่งออกมาอย่างแผ่วเบาแต่กลับชวนให้รู้สึกเหมือนกับว่าน้ำตาจะไหลออกมาเมื่อคางาโฮะพบว่าเสียงนั้นช่างเหมือนกับอาโรนไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่นิดเดียว
“ท่าน...อาโรน....”เขาเอ่ยเรียกกลับไปด้วยเสียงติดจะสั่นเทา ขณะที่อยากจะเข้าไปใกล้ๆแต่ขณะเดียวกันเขากลับรู้สึกว่าไม่อาจเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้ บางทีมันคงเป็นเพราะระยะห่างที่เขาเคยสร้างเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว เมื่อเห็นว่าคางาโฮะไม่ยอมเข้าใกล้มากกว่านี้ร่างบางจึงเป็นฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะวางมือลงบนแก้มของคางาโฮะ
“มองผมสิ คางาโฮะ”ริมฝีปากบางเอ่ยบอกอย่างนุ่มนวล คางาโฮะจึงมองสบไปยังดวงตาสีดำที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง ดวงตาของอาโรนนั้นยังคงเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์งดงามยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกจนราวกับจะดึงดูดให้ไปอยู่เคียงข้าง
“ท่านอาโรน....”คางาโฮะเรียกชื่อของอาโรนอีกครั้งก่อนจะรวบร่างนั้นเข้ามาในอ้อมกอดเป็นครั้งแรก เขาออกแรงกอดร่างอันบอบบางนั้นเอาไว้แน่นอย่างที่เขาควรจะทำตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว
“ในที่สุดก็ยอมกอดผมแล้วสินะคางาโฮะ”ภายในน้ำเสียงนั้นส่อเค้าของความดีใจอย่างไม่มีปิดบัง ความอบอุ่นที่สัมผัสได้ของกันและกันราวกับจะช่วยย้อนเวลาให้ทั้งสองกลับไปสู่อดีตอันแสนโหยหา ระหว่างที่ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบนั้นเองก็เกิดเสียงปรบมือดังขึ้นขัดจังหวะการพบกันของทั้งสองคนอย่างน่าโมโห
“ต้องพูดว่ายินดีที่ได้พบกันอีกครั้งรึเปล่า ท่านฮาเดส ไม่สิ...ต้องเรียกว่าท่านอาโรนสินะ”เจ้าของเสียงปรบมือนามโยมะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางยินดีแบบที่เห็นก็รู้ทันทีว่าเป็นการเสแสร้ง ทางด้านอาโรนในร่างของชุนพอเห็นโยมะสีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“คุณสินะที่เรียกผมออกมา”คำถามนั้นโยมะยิ้มตอบกลับไปด้วยความยินดีอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าเรื่องสนุกกำลังจะเกิดขึ้นโดยเฉพาะเมื่อเขาได้จัดการปล่อยให้อิคคิหลุดจากพลังควบคุมเวลาอย่างสมบูรณ์ก่อนจะหลบไปยืนดูอยู่ห่างๆแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะใช้พลังควบคุมไม่ให้โดโกเข้าไปขัดละครฉากที่น่าสนุกนี้ได้
“นายเป็นใคร”อิคคิถามเสียงเข้มเมื่อเห็นได้ชัดว่าคนตรงหน้าแม้จะใช้ร่างของน้องชายแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่แสดงออกนั้นไม่เหมือนชุนน้องชายที่เขารู้จักมาตลอดชีวิตแม้แต่นิดเดียว คางาโฮะยกมือขึ้นหมายจะกันอิคคิให้ห่างออกไปแต่มือขาวบางกลับยกขึ้นแตะบนไหล่แข็งเป็นการห้ามก่อนจะก้าวออกมาหาอิคคิ
“ผมคืออาโรน เป็นอดีตชาติของน้องชายคุณครับ”ได้ยินแล้วอิคคิก็กัดฟันกรอดเพราะสิ่งที่เขากลัวได้เป็นจริงขึ้นมาแล้วชายหนุ่มจึงถามต่อด้วยน้ำเสียงที่พร้อมกับจะฆ่าคนได้
“ชุนอยู่ที่ไหน!”เสียงถามแบบแทบจะเป็นตะคอกอาจจะทำให้ใครอื่นต้องตกใจกลัวได้แต่มันไม่ได้ผลกับอาโรนแม้แต่นิดเดียว เด็กหนุ่มตรงหน้ามีท่าทางสงบเยือกเย็นจนน่าหวาดหวั่น อาโรนยกมือวางทาบบนอกข้างซ้ายก่อนจะตอบ
“อยู่ที่นี่ครับ ตอนนี้วิญญาณและความทรงจำของเขากำลังหลับใหลอยู่ที่ตรงนี้และคงไม่ออกมาอีกแล้ว....ตลอดไป...”สิ้นคำนั้นใจของอิคคิก็เหมือนกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เขารู้สึกสิ้นเรี่ยวแรงจนแทบจะทรุดเข่าลงกับพื้นแต่ชายหนุ่มก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ด้วยพลังใจอันแรงกล้า
“เอาชุนคืนมา นี่เป็นร่างของชุนพวกนายกลับไปภพของพวกนายให้หมดซะ!”อิคคิตะคอกด้วยเสียงดังลั่นพร้อมกับตั้งท่าเตรียมต่อสู้
“ฉันจะกระชากวิญญาณของแกออกจากร่างของชุน ต่อให้ต้องทำร้ายร่างกายของชุนฉันก็จะต้องนำชุนกลับมาให้ได้!”คำพูดของอิคคิเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างเจ็บปวดที่จำต้องยอมทำร้ายคนที่รักที่สุด ความจริงเขาไม่รู้หรอกว่าการทำร้ายอาโรนจะช่วยนำชุนกลับมาจริงหรือไม่แต่กระนั้นอิคคิก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาควรจะทำเช่นไรดี
แต่มีหรือที่คางาโฮะจะอยู่เฉยเพราะเพียงเสี้ยววินาทีที่อิคคิพูดว่าจะทำร้ายอาโรน คางาโฮะก็ออกมายืนข้างหน้าอาโรนพร้อมกับตั้งท่าเตรียมเข้าต่อสู้ทันที แม้ร่างกึ่งวิญญาณของเขาจะไม่ได้มีพลังมากมายอย่างเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ต่อให้วิญญาณต้องดับสลายเขาก็ไม่มีวันยอมให้ใครทำร้ายอาโรนอย่างแน่นอน
“ข้าจะไม่ให้เจ้าทำร้ายท่านอาโรนเด็ดขาด!”จากนั้นเปลวเพลิงสีทองที่ห่อหุ้มกายของคางโฮะก็ลุกโชนขึ้นประหนึ่งตอบรับความปรารถนาของผู้เป็นนาย ท่ามกลางเปลวเพลิงอันร้อนแรงคือการกระจันหน้ากันของเบนูกับฟินิกซ์ซึ่งก้าวข้ามกาลเวลามาพบกันเพียงเพื่อจะปกป้องคนสำคัญของตนเอง
ณ ตอนนั้นมีเพียงผู้เดียวที่ยังสามารถหัวเราะได้อยู่คือ ปีศาจร้ายนามว่า เมฟิสโตเฟเรส โยมะ ชายวัยกลางคนขยับยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างรื่นเริงบันเทิงใจกับการต่อสู้ฆ่าฟันกันเองของบุรุษที่ควรจะเป็นตัวตนเดียวกัน
“เอาล่ะ มาดูกันเถอะว่าพวกเจ้าจะทำให้ข้าสนุกได้แค่ไหนกับการห้ำหั่นกันเองของอดีตกับปัจจุบัน”
................คุณคิดว่ามนุษย์จะสามารถย้อนเวลาให้หวนกลับมาได้ไหม..................
ท่ามกลางความมืดที่ห้อมล้อมกายตนเองเอาไว้คางาโฮะกำลังคุกเข่าลงอย่างสิ้นหวังเมื่อได้รับรู้ว่าความจริงย่อมโหดร้ายเสมอ คางาโฮะไม่แน่ใจว่าครั้งสุดท้ายที่เขารู้สึกสิ้นหวังนั้นมันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว บางทีมันคงเป็นตอนที่น้องชายของเขาจากไป
ขอให้พี่ได้อยู่อย่างอิสระเสรี
ซุย...น้องชายของเขาบอกไว้แบบนี้ก่อนจะทิ้งตัวเองออกจากโลกใบนี้และข้างกายเขาไป วินาทีที่ร่างอันบอบบางของน้องชายหายไปจากครรลองสายตาหัวสมองของเขาก็ว่างเปล่าไปหมด ถุงเงินที่ได้มาจากการต่อสู้ถูกทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่ใยดีเพราะในเมื่อคนที่เขารักไม่อยู่อีกแล้วชีวิตของเขาจะมีความหมายอะไร
หากอาบแสงแดดแล้วผิวจะคล้ำ ความฝันของผมคือการได้เดินอยู่ใต้ดวงอาทิตย์....
คำพูดที่น้องเคยเอ่ยออกมาครั้งหนึ่งคล้ายกับเป็นเพียงความฝันอันเลื่อนลอยแต่กระนั้นก็เป็นฝันที่เขาอยากทำให้กลายเป็นจริง ทว่าสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดกลับเป็นการไล่ต้อนน้องชายให้ไปสู่ความตาย เขาถามออกมาไม่ได้ว่าทำไมเพราะรู้คำตอบที่ฝังลึกอยู่ในใจ
หลังจากวันนั้นทุกเฉดสีบนโลกของเขาก็มีแต่เพียงความมืดมิดมาโดยตลอด ดวงอาทิตย์ที่น้องชายเฝ้าปรารถนาแปรเปลี่ยนมาเป็นสิ่งที่น่าชิงชังเพราะนอกจากไอร้อนที่คล้ายกับจะแผดเผาชีวิตให้มอดไหม้แล้วมันไม่เคยให้อะไรกับเขาเลย
คางาโฮะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนมาเป็นสเป็คเตอร์ได้อย่างไร มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาไม่เคยลืมคือความแค้นและความชิงชังที่มีต่อโลกใบนี้ซึ่งพรากน้องชายไปจากเขา หากไอร้อนของดวงอาทิตย์กำลังเผาไหม้ความหวังให้เป็นจุณเขาก็จะใช้เปลวเพลิงที่สิ้นหวังนี้แผดเผาผืนพิภพให้หมดสิ้น เพราะความชิงชังมันคือสิ่งสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่
จนกระทั่งเขาได้พบกับอาโรน.....เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าคล้ายกับน้องชายของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่งรอยยิ้มอ่อนโยนที่แต่งแต้มไปด้วยความโศกเศร้าก็ยังเหมือนกันจนเขาไม่นึกอยากจะเห็นมันเลยรวมถึงการกอดความปรารถนาที่แสนเศร้านั้นด้วยทำให้เขามองเห็นภาพของซุยทับซ้อนลงบนตัวของอาโรน
คุณเองก็ตามหาใครสักคนอยู่ใช่ไหม
ฝ่ายนั้นเคยถามเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน คางาโฮะไม่รู้ว่าอาโรนมองเห็นสิ่งใดในตัวเขาแต่รู้อยู่อย่างหนึ่งก็คือ ร่างทรงของฮาเดสได้ขอให้เขาอยู่ข้างกายตนเอง
มันคือคำขอไม่ใช่คำสั่ง แม้สำหรับตำแหน่งร่างทรงแล้วสองสิ่งนี้จะไม่ต่างกันก็ตามเพราะขอเพียงเอ่ยปากออกมาแพนโดร่าก็พร้อมจะถวายทุกสิ่งให้โดยไม่อิดออดแม้แต่นิดเดียวไม่เหมือนกับเขา ต่อให้หน้าตาเหมือนกันเพียงใดแต่คนตรงหน้าก็ไม่ใช่น้องชายของเขา ไม่ใช่คนสำคัญที่เขาอยากปกป้อง แต่ว่าคงเพราะคำถามที่เขายังไม่ได้ตอบนั้นละมั้งที่ทำให้เขาตอบตกลงอยู่ข้างกายของอาโรน
อาโรนมักยิ้มให้เขาขณะเดียวกันก็ร้องไห้ออกมาบ่อยครั้งยามเมื่ออยู่กันตามลำพัง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอาโรนถึงยอมร้องไห้ต่อหน้าเขาแต่นั่นก็ทำให้เขาแน่ใจว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่มีทางเป็นยมเทพฮาเดสอย่างแน่นอน ตอนที่รู้สึกได้ถึงเรื่องนี้มันทำให้เขาอดที่จะตกใจไม่ได้
เขาคิดว่าคนที่ร้องไห้คือคนอ่อนแอและเขาก็เกลียดคนอ่อนแอแต่สำหรับอาโรนเขากลับรู้สึกว่าเพราะอาโรนเข้มแข็งจนเกินไปถึงได้ร้องไห้ออกมา นานวันเข้าไปสุดท้ายคางาโฮะถึงได้ถามว่าอาโรนร้องไห้เพราะอะไร ตอนที่โดนถามใบหน้าน่ารักนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันเศร้าหมองจนชวนให้คนเห็นรู้สึกปวดใจ
โลกใบนี้ช่างโหดร้าย...ยามที่มีชีวิตก็ต้องทนทุกข์ ยามสิ้นใจก็ยังต้องทนทรมาณต่อไปในยมโลกเช่นนี้
ในตอนนั้นขณะที่พูดอาโรนก็มองไปยังดินแดนอันแห้งแล้งของยมโลก ดวงตาที่เคยเป็นสีฟ้าทอดมองไกลออกไปคล้ายกับมองหาบางสิ่งบนพื้นที่อันรกร้างว่างเปล่า คางาโฮะไม่รู้ว่าอาโรนมองหาอะไรในยมโลก บางทีคงเป็นคนสำคัญที่จากไปเฉกเช่นเขาที่ยังคงออกตามหาเค้าร่างของน้องชายที่น่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งบนดินแดนอันโหดร้ายนี้
ผมรักมนุษย์และโลกนี้จากใจจริง ดังนั้นผมจะทำให้ทุกอย่างจบลง...
จากนั้นอาโรนก็พูดถึงจุดจบอันโหดร้ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม รอยยิ้มของอาโรนแลดูบริสุทธิ์เสียจนเขาไม่อาจมองตรงๆได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับมนุษย์เช่นนี้ มนุษย์ที่ต่างกับเขาที่มีเพียงความชิงชัง ในวินาทีนั้นเขารู้สึกว่าตนเองน่าสมเพชทั้งที่เขาไม่ได้คิดว่าจะสามารถยกโทษให้กับโลกนี้ได้แต่กลับถูกความรักอันบรสุทธิ์ของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าทำให้ตนเองดูต่ำต้อยลงไปถนัดตา
อาโรนบอกว่าจะช่วยให้ทุกคนพ้นจากความทุกข์รวมถึงน้องชายของเขาด้วย ตลอดมาไม่เคยมีใครบอกว่าจะช่วยเหลือเขากับน้องเลย บนโลกที่ทุกคนต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดไม่เคยมีใครสักคนที่หยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้ แต่ตอนนี้อาโรนได้พูดคำนั้นออกมา
ทั้งที่เพิ่งได้พบกันไม่นานแต่เขากลับเชื่อในคำพูดนั้นอย่างแรงกล้าและได้ค้นพบว่า เขาอยากจะเติมเต็มความปรารถนาของเด็กหนุ่มคนนี้ให้เป็นจริง เขาอยากจะเปลี่ยนน้ำตาให้เป็นรอยยิ้มอันแสนงดงามยิ่งกว่านี้ ถ้าหากว่าความปรารถนาเป็นจริงอาโรนก็คงสามารถยิ้มได้ดังที่หวัง ถ้าหากเป็นเช่นนั้นเขาก็จะสู้ต่อไป
ทว่า...ตัวเขากลับจบชีวิตลงโดยที่ไม่เคยทำให้ความปรารถนาของคนที่รักเป็นจริงได้เลยแม้แต่ข้อเดียว
“ข้ามันเป็นเพียงมนุษย์ที่อ่อนแอ”โอกาสที่อาโรนหยิบยื่นมาให้เขากลับทำมันหลุดมือไปอย่างโง่เขลาจนสุดท้ายก็ต้องมานึกเสียใจภายหลังเขาเคยคิดว่าจะสามารถยอมรับความจริงทุกอย่างได้แต่พอได้รับรู้มันเขากลับไม่สามารถยอมรับมันได้แม้แต่นิดเดียว
“ท่านอาโรน ข้าควรจะทำเช่นไรดี ข้าควรจะหันหน้าไปทางไหนดี”รอบกายมีเพียงความมืดราวกับจะเยาะเย้ยต่อการดิ้นรนอันไร้ค่าของเขา ผู้ที่ทอดทิ้งดวงอาทิตย์อย่างเขาไม่เคยหวังอยากได้แสงสว่าง แต่กระนั้นในเวลานี้เขากลับโหยหามันจับใจ
คางาโฮะ...
ในตอนนั้นเองที่เขากลับได้ยินเสียงเรียกหนึ่ง เสียงเรียกที่อาจจะเรียกได้ว่าคุ้นเคย มันคือน้ำเสียงของเด็กหนุ่มผู้เป็นชาติปัจจุบันของอาโรน เขาไม่ได้คิดจะเอาชุนมาแทนที่อาโรนแต่ทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มของชุนเขาก็เหมือนกับได้รับการช่วยเหลือ
ชุนคงไม่รู้ว่ารอยยิ้มที่แสนอบอุ่นนั้นช่วยเหลือเขาไว้มากแค่ไหน แม้ว่าแรกเริ่มที่ได้พบกันเขาหวังเพียงจะปกป้องชุนเพราะอาโรนยังอยู่ในตัวของชุน แต่พอเวลาผ่านไปเมื่อรู้ตัวอีกทีเขาก็ได้หลงรักความบริสุทธิ์ของวิญญาณดวงนี้อีกครั้ง
หากว่าอาโรนเป็นผู้ที่ช่วยเขาจากความสิ้นหวังชุนก็เป็นผู้มอบแสงแห่งความหวังให้กับเขาอีกครั้งหนึ่งและจะเป็นผู่ช่วยให้เขาหลุดพ้นจากอดีตได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือออกไปเพื่อไขว่คว้าแสงสว่างเอาไว้
“ชุน...”เขาพยายามที่จะร้องเรียกอย่างสุดความสามารถ เด็กหนุ่มที่สัญญาว่าจะอยู่คียงข้างและมอบโอกาสครั้งสุดท้ายให้กับเขา....
“ชุน!”
ในวินาทีเดียวกันนั้นอิคคิก็พลันลืมตาตื่นขึ้นในความมืด ชายหนุ่มหอบหายใจคล้ายกับเหนื่อยเสียเต็มประดาขณะที่มีเหงื่อออกโทรมกาย หัวใจของเขาเต้นเร็วคล้ายกำลังหวั่นใจต่อบางสิ่งที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้
อิคคิพยายามสูดลมหายใจเพื่อปรับลมหายใจของตนให้เข้าที่ก่อนจะหันไปข้างๆเพื่อมองว่าเขาทำให้น้องชายตื่นหรือไม่ แต่แล้วข้างกายเขากลับว่างเปล่าไร้ซึ่งร่องรอยของร่างอันบอบบางซึ่งควรจะหลับใหลอยู่ข้างกายเขา
“ชุน!”ชายหนุ่มร้องเรียกแต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมา บางทีชุนอาจจะแค่ลุกไปหาน้ำดื่มหรือเดินไปที่อื่นก็ได้แต่อิคคิกลับไม่คิดว่าตัวเองไม่มีทางไม่รู้สึกตัวว่าน้องชายห่างไปจากข้างกายเขาอย่างเด็ดขาด นอกจากนั้นลางสังหรณ์กำลังร้องเตือนเขาอย่างรุนแรง
หัวใจของเขาคล้ายกำลังร้องออกมาด้วยความหวาดหวั่นต่อบางอย่างที่เขาไม่มีวันปรารถนาและในตอนนั้นเองที่เขาสัมผัสได้ถึงขุมพลังอันดำมืดที่ไม่คิดว่าจะได้สัมผัสมันอีกครั้ง
“นี่มันพลังของฮาเดส”วินาทีต่อมาอิคคิก็ลุกขึ้นแต่งตัวอย่างลวกๆแล้ววิ่งออกจากห้องตรงไปยังทางที่เขาสัมผัสพลังได้ทันที
วิหารไลบร้าไม่ได้ใหญ่มากมายอะไรนักแต่เขากลับรู้สึกว่าเส้นทางมันช่างยาวไกลจนน่าหงุดหงิด โดยเฉพาะเมื่อพลังคอสโมสีดำดูจะรุนแรงขึ้นทุกขณะ ชุนคือร่างทรงของฮาเดสต่อให้สามารถเอาชนะฮาเดสมาได้แล้วแต่ความเป็นจริงข้อนี้ก็ไม่มีวันเปลี่ยนและอิคคิมั่นใจว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับชุนแน่นอน
“อิคคิ!”เสียงเรียกชื่อของเขามาพร้อมกับร่างของโดโกที่วิ่งมาสมทบกับเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีพอกัน
“เจ้าเองก็รู้สึกถึงพลังของฮาเดสได้สินะ”อิคคิพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรแล้วเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนกระทั่งเขากับโดโกก็มาถึงด้านหลังของวิหารไลบร้า
เบื้องหน้าที่ควรเป็นพื้นที่ว่างเปล่ากลับปรากฏร่างของใครคนหนึ่งที่ทำให้โดโกต้องขมวดคิ้วพร้อมเพิ่มความระแวดระวังถึงขีดสุดเมื่อสัมผัสได้ถึงขุมพลังอันดำมืดที่ชวนให้รู้สึกถึงความชั่วร้ายจากโยมะที่ยืนมองทั้งสองคนด้วยสีหน้าสนุกสนาน
“มากันแล้วเหรอไลบร้ากับคุณพี่ชาย”ใบหน้าแบบคนเอเชียฉีกยิ้มด้วยความพออกพอใจเมื่อเห็นว่าตัวละครหลักมากันครบแล้ว อิคคิมองชายตรงหน้าด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ เขาไม่จำเป็นต้องไตร่ตรองเลยว่าชายคนนี้มีจุดประสงค์เช่นไรลำพังแค่พลังคอสโมสีดำสนิทกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นก็มากพอที่จะทำให้เขาโจมตีใส่อย่างไม่ลังเลแล้วด้วยซ้ำไป
“แหมๆ ไม่ต้องทำหน้าน่ากลัวอย่างนั้นก็ได้ คุณพี่ชาย”โยมะแสร้งโบกมือสองข้างไปมาด้วยท่าทางร้อนรนเมื่อโดนอิคคิจ้องเขม็งทั้งที่ยังยิ้มร่าอยู่แบบนั้น ก่อนจะหยิบหมวกทรงสูงมาถือไว้แล้วจึงค่อยเคลื่อนมันไปยังด้านข้างราวกับจะแนะนำผลงานชิ้นเอก
เยื้องไปด้านหลังของโยมะคือร่างของชุนที่ลอยขึ้นมาเหนือจากพื้น ในมือของเด็กหนุ่มคือภาพสีน้ำมันของคางาโฮะที่ถูกกอดไว้อย่างทะนุถนอม ท่าทางของชุนนั้นดูผิวเผินแล้วงดงามราวกับเทวดาผู้งดงามหากแต่ความจริงแล้วรอบกายของเด็กหนุ่มกลับมีแต่พลังคอสโมสีดำซึ่งกำลังย้อมให้เส้นผมและดวงตาของเด็กหนุ่มกลายเป็นสีของราตรีกาลทีละนิด
“ชุน!”อิคคิร้องเรียกพร้อมกับวิ่งไปหาแต่แล้วอยู่ๆร่างกายของกลับขยับไม่ได้กะทันหันและโดยไม่ต้องรอให้ใครบอกว่าเกิดอะไรขึ้นโยมะก็มาปรากฏร่างตรงหน้าพร้อมกับปีกสีดำที่กลางหลัง
“ตัวเจ้างามนักเมื่อเวลาหยุดลง ไม่คิดแบบนั้นเหรอคุณพี่ชาย โอ้ะๆ เกือบลืมแน่ะว่าเจ้าเองก็ต้องหยุดเช่นกัน”วินาทีต่อมาโยมะก็ขยับนิ้วไปทางโดโกที่เงื้อหมัดเตรียมใช้ท่ามังกรผงาดโรซัน
“ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่ เมฟิสโตเฟเลส โยมะ!”โดโกตะโกนออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ในอดีตเมื่อนานมาแล้วชิออนเคยพูดถึงเมฟิสโตเฟเลสให้เขาได้รู้ ตัวตนอันชั่วร้ายที่ทำให้ศึกเทพยุทธิ์ปั่นป่วนรวมถึงปลุกปั่นให้ผู้คนต้องมาฆ่ากันเอง
“อันที่จริงข้าควรจะถามเจ้ามากกว่านะว่าทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่อีก แต่ช่างเถอะ....ในภพนี้ข้าก็ใช่ว่าจะรู้ทุกอย่างละเอียดนัก”โยมะพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเมื่อเห็นว่าโดโกเป็นเพียงตัวละครที่เขาไม่คิดว่าจะทำให้ละครฉากนี้สนุกขึ้นมากสักเท่าไรนัก
“ท่านผู้เฒ่ารู้จักมันด้วยเหรอ”อิคคิเค้นเสียงถามขณะที่พยายามจะขยับตัวพุ่งเข้าไปหาชุนแต่ก็ไม่อาจขยับตัวได้
“มันคือสเป็คเตอร์แห่งดาวล้ำนภา ทั้งยังเป็นพ่อของเท็นมะ เพกาซัสคนก่อน มันคือปีศาจชั่วร้ายที่ชอบเล่นสนุกกับชีวิตผู้อื่น เรื่องในคราวนี้ก็เป็นฝีมือของมันแน่นอน”โดโกพูดอย่างมั่นใจโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานใดๆ ขอเพียงโยมะมีตัวตนอยู่ที่นี่ก็ถือเป็นข้อยืนยันชั้นดีแล้วว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อมเป็นฝีมือของโยมะไม่ผิดแน่
“เรื่องของข้าจะเป็นอย่างไรก็ช่างมันเถอะน่า ข้าไม่ใช่ตัวเอกของเรื่องสักหน่อยแต่เป็นร่างทรงผู้งดงามคนนี้ต่างหากเล่า”พูดจบโยมะก็ลอยตัวเข้าไปหาชุนที่ยังคงกอดภาพของคางาโฮะเอาไว้ ดวงตาของชุนดูคล้ายกับจะเลื่อนลอยแต่ก็ยังพอดูมีสติอยู่บ้าง อิคคิจึงร้องเรียกน้องหวังให้ชุนได้สติขึ้นมา
“ชุนรีบหนีไป!”เขาไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแต่ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไรเขาก็ไม่มีวันให้น้องชายที่เขารักเอาตัวไปเสี่ยงเด็ดขาด
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของอิคคิทำให้ชุนเงยหน้าขึ้นมองไปยังพี่ชายที่อยู่ห่างออกไปแล้วระบายยิ้มเศร้าสร้อย
“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าผมหนีไปตอนนี้คางาโฮะก็จะไม่มีวันรู้ความจริงตลอดกาล”ขณะที่พูดชุนก็ออกแรงจับภาพสีน้ำมันในมือไว้แน่นกว่าเดิมราวกับกลัวว่าจะมีใครมาแย่งมันไปจากมือตนเอง
“นี่นายคิดจะทำอะไร”อิคคิเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจกับท่าทีของน้องชาย ชุนไม่มีทางสัมผัสพลังอันชั่วร้ายของโยมะไม่ได้แต่นี่ชุนกลับยังคงยืมมือของคนแบบนี้เพื่ออะไรกัน ดวงตาคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อยคล้ายกับจะหลบสายตาของพี่ชายแต่สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจที่ตอบออกไปตามตรง
“ผมจะพาอาโรนกลับมาเพื่อให้อาโรนกับคางาโฮะได้พบกันอีกครั้ง”สิ้นคำนั้นทั้งอิคคิกับโดโกต่างก็ถึงกับตระหนกตกใจในคำตอบอันคาดไม่ถึงและไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้แต่ชุนก็คล้ายกับจะอ่านใจของทั้งสองได้จึงเอ่ยอธิบายต่อ
“ผมรู้ว่ามันฟังดูเป็นไปไม่ได้ แต่ในเมื่อคางาโฮะยังกลับมาได้ตัวผมที่มีวิญญาณดวงเดียวกับอาโรนก็ย่อมทำได้เช่นกัน”เขาแน่ใจว่ามันต้องเป็นเช่นนั้นเมื่อหลังจากได้พบกับคางาโฮะเขาก็เริ่มมองเห็นความทรงจำของอาโรนและทุกครั้งภาพในความทรงจำนั้นก็จะมีคางาโฮะอยู่ด้วยเสมอซึ่งนั่นก็ยิ่งเป็นข้อยืนยันว่าสำหรับอาโรนแล้วคางาโฮะมีความสำคัญมากแค่ไหน
“หยุดนะชุน! แล้วตัวนายล่ะมีอะไรรับประกันได้ว่าตัวของนายจะไม่หายไป!”ต่อให้ตัวเขากับคางาโฮะจะอยู่ในร่างเดียวกันได้แต่มีอะไรมายืนยันว่าชุนจะไม่เป็นไร ถ้าหากชุนต้องเปลี่ยนไปเป็นคนอื่นเขาไม่มีทางทนได้อย่างแน่นอน
“ขอโทษนะครับพี่อิคคิ แต่ผมจะต้องทำเพื่อคางาโฮะ”นามของใครคนหนึ่งที่หลุดออกมาทำให้อิคคิถึงกับขบกรามแน่น เขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดคล้ายกับของสำคัญกำลังจะโดนแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตา
“ทำไม..ทำไมต้องทำเพื่อมันขนาดนี้ด้วย!”คำถามที่อิคคิไม่มีวันอยากรู้คำตอบแต่แล้วชุนกลับหลับตาลงด้วยท่าทางเหมือนกำลังรวบรวมความกล้าทั้งหมดในการพูดประโยคนี้ออกมา
“เพราะผมรักเขาครับ”เพียงคำเดียวที่ได้ยินนั้นเจ็บปวดราวกับจะแผดเผาหัวใจของเขาให้กลายเป็นเพียงเศษธุลี คำว่ารักที่น้องเคยมอบให้บัดนี้กำลังจะถูกแบ่งปันให้กับตัวเขาอีกคนหนึ่ง
“ชุน!”เขาเรียกโดยหวังจะให้น้องได้สติและคาดหวังว่าเรื่องที่ชุนพูดจะเป็นเรื่องโกหกแต่ในคราวนี้ชุนไม่อาจทำตามที่อิคคิคาดหวังได้
“ผมคงจะน่ารังเกียจมากแน่ๆเพราะทั้งที่ผมรักพี่อิคคิมากกว่าใครแต่แล้วผมกลับไม่อาจปล่อยมือจากคางาโฮะได้ ต่อให้ผมรักพี่มากกว่าคางาโฮะแค่ไหนผมก็ยังต้องการให้เขาอยู่กับผม ผมไม่อาจทอดทิ้งคางาโฮะได้ ผมไม่อยากเห็นเขาต้องโศกเศร้าดังนั้นผมจะพาอาโรนกลับมาเพื่อยืนยันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองร้อยปีก่อน”เขาจะมอบความเป็นจิรงที่คางาโฮะเชื่อมั่นเพื่อดึงให้คางาโฮะหลุดจากความสิ้นหวัง
นี่คือการเดิมพันที่โยมะเป็นผู้มอบให้กับเขา...ชุนไม่รู้ว่าโยมะใช้วิธีใดกันแต่โยมะก็ได้ทำให้เขาเห็นอดีตของอาโรนพร้อมกันกับที่ยื่นทางเลือกมาให้กับเขา ตอนแรกเขาสับสนไปหมดว่าตนเองควรทำเช่นไรดี เขาเองก็กลัวที่จะจากพี่อิคคิที่เขารักที่สุดไปแต่เพราะการกระทำของอิคคิทำให้ชุนสามารถตัดสินใจได้
เขาได้รับความรักจากพี่ชายดังที่หวังแล้วแต่คางาโฮะล่ะ? มีใครบ้างที่สามารถปลอบประโลมหัวใจของชายผู้โดดเดี่ยวคนนั้นและมอบความรักให้ได้นอกจากเขา ชุนรู้ว่ามันเป็นความรู้สึกอันเห็นแก่ตัวที่น่ารังเกียจที่สุด เขาเชื่อมั่นในความรักที่มีต่ออิคคิแต่ในอีกด้านหนึ่งเขากลับรู้สึกอยากมอบความรักให้กับคางาโฮะดังที่อาโรนเคยทำ
“ผมอยากให้คางาโฮะมีความสุขเพราะงั้นต่อให้ต้องเดิมพันกับทุกสิ่งผมก็จะทำ!”สิ้นคำนั้นพลังคอสโมของฮาเดสก็เข้าครอบคลุมทั่วทั้งร่างของชุนเอาไว้ซึ่งนั่นก็ทำให้อิคคิเจ็บปวดถึงขีดสุดกับการทำได้เพียงดูน้องชายเอาตัวไปเสี่ยงต่อหน้าต่อตา
พริบตาที่ร่างของชุนหายเข้าไปในความมืดในอกของอิคคิก็รู้สึกร้อนยิ่งกว่าโดนแผดเผาขณะที่ปลายนิ้วเย็นเฉียบพร้อมกันนั้นที่เหมือนกับมีพลังบางอย่างพวยพุ่งออกมาจากก้นบึ้งของจิตวิญญาณและในวินาทีต่อมาเขาก็สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของกาลเวลาแล้ววิ่งเข้าไปหาชุนพร้อมกับเรียกชุนเอาไว้
“ชุน!”ในตอนนั้นถ้าหากโดโกไม่ได้ฟังผิดไปเขาได้ยินเสียงของใครอีกคนที่ร้องเรียกชุนในเวลาเดียวกันนั้นก็บังเกิดแสงของเปลวเพลิงสีทองขึ้นมารอบอาณาบริเวณทั้งหมด
เปลวเพลิงสีทองนั้นก่อตัวเป็นรูปร่างของบางสิ่งที่แผ่ขยายออกไปกว้างไกลจนคล้ายกับปีกของปักษา ภายใต้กองเพลิงที่ม้วนตัวเข้าหากันกำลังถือกำเนิดร่างของใครคนหนึ่งขึ้นมา ชายคนนั้นคือผู้ที่มีใบหน้าคมแลดูดุดัน เมื่อดวงตาคู่นั้นเปิดขึ้นมันก็ชวนให้รู้สึกถึงความเกรี้ยดกราดของชายผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้เปลวเพลิงแห่งความโกรธแค้นแผดเผาทุกสิ่งอย่าง
หากแต่ในเวลานี้เจ้าของเปลวเพลิงที่ว่ากลับไม่คิดจะทำสิ่งอื่นใดอีกนอกจากขยับปีกสีทองกลางหลังเพื่อพุ่งเข้าไปหาร่างของเด็กหนุ่มที่ถูกกลืนหายไปในพลังคอสโมของฮาเดสท่ามกลางสายตาอันตกตะลึงของทุกคนโดยเฉพาะอิคคิเมื่ออยู่ดีๆวิญญาณของคางาโฮะก็พุ่งออกมาจากร่างแล้วตรงเข้าไปหาชุนทันที
“ชุน!”คางาโฮะร้องเรียกและราวกับจะตอบรับเสียงเรียกนั้นเมื่อความมืดที่ล้อมกายเด็กหนุ่มอยู่ได้มลายหายไป หากแต่มันกลับรวมถึงสีสันอันสดใสของเด็กหนุ่มไปด้วย เพราะร่างที่ปรากฏออกมาก็คือเด็กหนุ่มที่มีใบหน้างดงามผู้ซึ่งมีเส้นผมและดวงตาสีดำดุจรัตติกาลอันลึกล้ำ
ภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของเด็กหนุ่มทำให้ทุกสิ่งหยุดชะงักราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้ สภาพของน้องชายที่อิคคิไม่อยากจะเห็นอีกเป็นครั้งที่สองสำหรับคางาโฮะแล้วเขากลับรู้สึกได้ถึงความโหยหาอย่างไม่อาจห้ามได้ ทั้งที่ใบหน้าก็ไม่ได้เหมือนกันแต่บรรยากาศเปลี่ยวเหงาและเศร้าสร้อยที่ห่อหุ้มอยู่รอบกายบอบบางนั้นก็ช่างชวนให้เขาคิดถึงขึ้นมาโดยเฉพาะเมื่อในเวลาต่อมาเด็กหนุ่มได้เงยหน้ามองเขาพร้อมกับเรียกด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“คางาโฮะ”เพียงแค่เสียงแรกที่เปล่งออกมาอย่างแผ่วเบาแต่กลับชวนให้รู้สึกเหมือนกับว่าน้ำตาจะไหลออกมาเมื่อคางาโฮะพบว่าเสียงนั้นช่างเหมือนกับอาโรนไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่นิดเดียว
“ท่าน...อาโรน....”เขาเอ่ยเรียกกลับไปด้วยเสียงติดจะสั่นเทา ขณะที่อยากจะเข้าไปใกล้ๆแต่ขณะเดียวกันเขากลับรู้สึกว่าไม่อาจเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้ บางทีมันคงเป็นเพราะระยะห่างที่เขาเคยสร้างเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว เมื่อเห็นว่าคางาโฮะไม่ยอมเข้าใกล้มากกว่านี้ร่างบางจึงเป็นฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะวางมือลงบนแก้มของคางาโฮะ
“มองผมสิ คางาโฮะ”ริมฝีปากบางเอ่ยบอกอย่างนุ่มนวล คางาโฮะจึงมองสบไปยังดวงตาสีดำที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง ดวงตาของอาโรนนั้นยังคงเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์งดงามยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกจนราวกับจะดึงดูดให้ไปอยู่เคียงข้าง
“ท่านอาโรน....”คางาโฮะเรียกชื่อของอาโรนอีกครั้งก่อนจะรวบร่างนั้นเข้ามาในอ้อมกอดเป็นครั้งแรก เขาออกแรงกอดร่างอันบอบบางนั้นเอาไว้แน่นอย่างที่เขาควรจะทำตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว
“ในที่สุดก็ยอมกอดผมแล้วสินะคางาโฮะ”ภายในน้ำเสียงนั้นส่อเค้าของความดีใจอย่างไม่มีปิดบัง ความอบอุ่นที่สัมผัสได้ของกันและกันราวกับจะช่วยย้อนเวลาให้ทั้งสองกลับไปสู่อดีตอันแสนโหยหา ระหว่างที่ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบนั้นเองก็เกิดเสียงปรบมือดังขึ้นขัดจังหวะการพบกันของทั้งสองคนอย่างน่าโมโห
“ต้องพูดว่ายินดีที่ได้พบกันอีกครั้งรึเปล่า ท่านฮาเดส ไม่สิ...ต้องเรียกว่าท่านอาโรนสินะ”เจ้าของเสียงปรบมือนามโยมะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางยินดีแบบที่เห็นก็รู้ทันทีว่าเป็นการเสแสร้ง ทางด้านอาโรนในร่างของชุนพอเห็นโยมะสีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“คุณสินะที่เรียกผมออกมา”คำถามนั้นโยมะยิ้มตอบกลับไปด้วยความยินดีอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าเรื่องสนุกกำลังจะเกิดขึ้นโดยเฉพาะเมื่อเขาได้จัดการปล่อยให้อิคคิหลุดจากพลังควบคุมเวลาอย่างสมบูรณ์ก่อนจะหลบไปยืนดูอยู่ห่างๆแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะใช้พลังควบคุมไม่ให้โดโกเข้าไปขัดละครฉากที่น่าสนุกนี้ได้
“นายเป็นใคร”อิคคิถามเสียงเข้มเมื่อเห็นได้ชัดว่าคนตรงหน้าแม้จะใช้ร่างของน้องชายแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่แสดงออกนั้นไม่เหมือนชุนน้องชายที่เขารู้จักมาตลอดชีวิตแม้แต่นิดเดียว คางาโฮะยกมือขึ้นหมายจะกันอิคคิให้ห่างออกไปแต่มือขาวบางกลับยกขึ้นแตะบนไหล่แข็งเป็นการห้ามก่อนจะก้าวออกมาหาอิคคิ
“ผมคืออาโรน เป็นอดีตชาติของน้องชายคุณครับ”ได้ยินแล้วอิคคิก็กัดฟันกรอดเพราะสิ่งที่เขากลัวได้เป็นจริงขึ้นมาแล้วชายหนุ่มจึงถามต่อด้วยน้ำเสียงที่พร้อมกับจะฆ่าคนได้
“ชุนอยู่ที่ไหน!”เสียงถามแบบแทบจะเป็นตะคอกอาจจะทำให้ใครอื่นต้องตกใจกลัวได้แต่มันไม่ได้ผลกับอาโรนแม้แต่นิดเดียว เด็กหนุ่มตรงหน้ามีท่าทางสงบเยือกเย็นจนน่าหวาดหวั่น อาโรนยกมือวางทาบบนอกข้างซ้ายก่อนจะตอบ
“อยู่ที่นี่ครับ ตอนนี้วิญญาณและความทรงจำของเขากำลังหลับใหลอยู่ที่ตรงนี้และคงไม่ออกมาอีกแล้ว....ตลอดไป...”สิ้นคำนั้นใจของอิคคิก็เหมือนกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เขารู้สึกสิ้นเรี่ยวแรงจนแทบจะทรุดเข่าลงกับพื้นแต่ชายหนุ่มก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ด้วยพลังใจอันแรงกล้า
“เอาชุนคืนมา นี่เป็นร่างของชุนพวกนายกลับไปภพของพวกนายให้หมดซะ!”อิคคิตะคอกด้วยเสียงดังลั่นพร้อมกับตั้งท่าเตรียมต่อสู้
“ฉันจะกระชากวิญญาณของแกออกจากร่างของชุน ต่อให้ต้องทำร้ายร่างกายของชุนฉันก็จะต้องนำชุนกลับมาให้ได้!”คำพูดของอิคคิเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างเจ็บปวดที่จำต้องยอมทำร้ายคนที่รักที่สุด ความจริงเขาไม่รู้หรอกว่าการทำร้ายอาโรนจะช่วยนำชุนกลับมาจริงหรือไม่แต่กระนั้นอิคคิก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาควรจะทำเช่นไรดี
แต่มีหรือที่คางาโฮะจะอยู่เฉยเพราะเพียงเสี้ยววินาทีที่อิคคิพูดว่าจะทำร้ายอาโรน คางาโฮะก็ออกมายืนข้างหน้าอาโรนพร้อมกับตั้งท่าเตรียมเข้าต่อสู้ทันที แม้ร่างกึ่งวิญญาณของเขาจะไม่ได้มีพลังมากมายอย่างเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ต่อให้วิญญาณต้องดับสลายเขาก็ไม่มีวันยอมให้ใครทำร้ายอาโรนอย่างแน่นอน
“ข้าจะไม่ให้เจ้าทำร้ายท่านอาโรนเด็ดขาด!”จากนั้นเปลวเพลิงสีทองที่ห่อหุ้มกายของคางโฮะก็ลุกโชนขึ้นประหนึ่งตอบรับความปรารถนาของผู้เป็นนาย ท่ามกลางเปลวเพลิงอันร้อนแรงคือการกระจันหน้ากันของเบนูกับฟินิกซ์ซึ่งก้าวข้ามกาลเวลามาพบกันเพียงเพื่อจะปกป้องคนสำคัญของตนเอง
ณ ตอนนั้นมีเพียงผู้เดียวที่ยังสามารถหัวเราะได้อยู่คือ ปีศาจร้ายนามว่า เมฟิสโตเฟเรส โยมะ ชายวัยกลางคนขยับยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างรื่นเริงบันเทิงใจกับการต่อสู้ฆ่าฟันกันเองของบุรุษที่ควรจะเป็นตัวตนเดียวกัน
“เอาล่ะ มาดูกันเถอะว่าพวกเจ้าจะทำให้ข้าสนุกได้แค่ไหนกับการห้ำหั่นกันเองของอดีตกับปัจจุบัน”
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ