Inequality รักเรา...ไม่เท่ากัน
9.8
เขียนโดย สายลมแห่งตะวัน
วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.44 น.
43 ตอน
1179 วิจารณ์
136.62K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
31)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความInequality รักเรา...ไม่เท่ากัน
ตอนที่31
อาหารมากมายถูกวางไว้บนโต๊ะ หากแต่ยังไม่มีใครแตะต้องมัน หญิงสาวมองไปรอบๆ
ตัวที่เงียบและสงบเกินกว่าที่จะเป็นในเมืองแสนวุ่นวาย บรรยากาศปลายฤดูฝนเริ่มเย็นขึ้นมาแบบ
พอดี ทำให้เธอรู้สึกสดชื่น
“ทานเลยดีกว่า เดี๋ยวจะเย็นหมด”
“ที่นี่ที่ไหนคะ”
ภาณุเงยหน้าจากจานอาหาร ก่อนจะตอบคนตัวเล็กที่มองมาที่เขาอย่างใคร่รู้
“แถวๆประจวบฯน่ะแต่ยังไม่ถึง พี่ว่ามันเงียบดี”
“มาทานบ่อยสินะคะ”
เสียงหวานเอ่ยอย่างราบเรียบ หากแต่ภายในหัวใจกลับเจ็บแปลบขึ้นมา ในขณะที่เธอ
กำลังตั้งหน้าตั้งตารอเขากลับมาทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่เขากลับมานั่งที่นี่กับผู้หญิงอีกคน
“ลองทานนี่ดูสิ”
ภาณุเลี่ยงที่จะต่อความกับภรรยาสาว พยายามตักนู่นตักนี่เอาใจคนตัวเล็ก เมื่อเห็นว่า
เธอทานได้เยอะขึ้นเขาก็ใจชื่นขึ้นมานิดหนึ่ง เพราะถ้าย้อนไปหลายวันมานี้เธอแทบจะไม่ทานอะไร
เลย กลัวเหลือเกินว่าร่างที่เล็กอยู่แล้วจะเล็กเขาไปอีก
หลังจากมื้ออาหารแสนเงียบงัน เขาก็เดินนำคนตัวเล็กไปที่ลานจอดรถ พลันสายตาก็
ไปสะดุดเข้ากับทางเดินไปสวนหย่อม เมื่อเห็นว่าไม่ค่อยมีคนเขาจึงตัดสินใจกลับหลังหันและจูงมือ
ภรรยาสาวไปที่นั่นทันที
“พี่ป๊อปจะพาฟางไปไหน”
“ตามมาเถอะน่า”
เสียงน้ำพุขนาดกลางที่ตั้งอยู่กลางสวนดังไปทั่วบริเวณสวนขนาดใหญ่ ต้นไม้ขนาดเล็ก
ใหญ่ขับบรรยากาศหลังฝนตกให้สดชื่นยิ่งขึ้น ดอกไม้นานาๆพรรณถูกแสงจากสปอร์ตไลท์ส่องให้
เห็นความงามของมันแม้ความมืดในตอนกลางคืนก็ไม่อาจบดบัง
ธนันต์ธรญ์ก้มลงมองมือเล็กของตนที่ถูกภาณุกุมเอาไว้ด้วยหัวใจเปี่ยมสุข ความอบอุ่น
ของเขาแผ่ไปทั่วทุกอณูร่างกายของเธออย่างไม่อาจห้าม หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะเมื่อ
เขาหันมามองหน้าเธอ...เพียงเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลาก็สร้างความปั่นป่วนให้เธอได้อย่างมากมาย
“สวยเนอะ ฟางว่าไหม”
“ค่ะ”
“พี่ว่าเราเข้าไปเดินเล่นในเขาวงกตดีกว่า”เขาหมายถึงต้นไม่พุ่มที่สูงท่วมศีรษะที่ถูกตัด
ให้เป็นเหมือนเขาวงกตขนาดย่อม เวลาอื่นเธอก็คิดว่ามันสวยอยู่หรอก แต่ต้องไม่ใช่เวลากลางคืนที่
สวนทั้งสวนมีแค่คนสองคนสิ
“ไม่เอาค่ะ”เธอยื้อข้อมือไว้เมื่อเขาทำท่าว่าจะพาเธอเดินเข้าไปในเขาวงกตน่ากลัวนั่น
“ทำไมล่ะ”
“มันมืดนี่คะ แล้วถ้าหลงล่ะ”
ภาณุมองใบหน้าแสนหวานที่ถอดสีอย่างเห็นได้ชัดด้วยความเอ็นดู ดวงตากลมโตสั่น
ระริก ริมฝีปากรูปกระจับเม้มเข้าหากันแน่น ไหนจะคิ้วเรียวที่ขมวดมุ่นนั่นอีก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอ
กลัวความมืดแค่ไหน
“ฮ่าๆเขาติดไฟไว้ตามทางเดินนะฟาง อีกอย่างสวนก็เล็กแค่นี้จะหลงได้ยังไง”เขา
ออกแรงดึงข้อมือเล็ก หากแต่มือเย็นเฉียบของหญิงสาวกลับยื้อเอาไว้
“ฟางจะรออยู่ตรงนี้”เธอพูดออกมารัวๆ เขาได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ยิ่งเห็นใบหน้า
แสนหวานที่ตื่นตระหนกก็ยิ่งอยากจะแกล้งเข้าไปใหญ่
“ตามใจ ถ้ามีตัวอะไรโผล่มา พี่ไม่กลับออกมาช่วยหรอกนะ”เขาปล่อยมือเล็ก ก่อนจะ
เดินเข้าไปในเขาวงกตขนาดย่อม
รอยยิ้มถูกแต้มลงบนใบหน้าหล่อเหลาเมื่อรู้สึกได้ถึงวงแขนเล็กๆที่โอบกอดเขาจาก
ด้านหลัง พร้อมๆกับเสียงหวานที่พูดอู้อี้อยู่แนบแผ่นหลัง ไหนจะเท้าเรียวที่กระทืบเร่าๆทำให้เขาอด
หัวเราะไม่ได้ ต้นเหตุก็คงมาจากเจ้าคางคกตัวเบ้อเริ่มที่เพิ่งกระโดดผ่านหน้าเขาไปแน่ๆ
“พี่ป๊อป ฮือๆ มันไปรึยัง ฮือ”เขาเกาะวงแขนเรียวออกจากเอวสอบ ก่อนจะหันไปหาคน
ตัวเล็กที่ไม่ทันพูดอะไร คนตัวเล็กก็โอบรอบลำคอแกร่งของเขา ก่อนจะซุกซบใบหน้าของตัวเองลง
บนแผ่นอกของเขา
“มันไปแล้วคนดี”เขาโอบรอบเอวบางก่อนจะลูบแผ่นหลังบอบบางให้หญิงสาวหายตื่น
กลัว เสียงร้องของคนตัวเล็กทำให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามาในสวนตกใจเดินมาหาต้นเสียงที่ยังร้องไห้อยู่
กับอกเขา เขาได้เพียงแต่ส่งยิ้มแหยๆไปให้ เหล่าไทยมุงกลับไปพร้อมๆกับสายตาล้อเลียนซึ่งเรียก
ความร้อนผ่าวบนใบหน้าเขาได้อย่างดี
“กลัวขนาดนั้นเชียวเรา”เขาเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าแสนหวานเมื่อหญิงสาวผละ
ออกห่าง
“ฟางไม่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไร แต่มันมีตุ่มๆบนตัว มันแลบลิ้นให้ฟางด้วยนะพี่ป๊อป”ใบหน้า
แสนหวานเหยเกเมื่อเล่าให้เขาฟัง เขาอมยิ้มน้อยๆ ไม่กล้าหัวเราะกลัวว่าคนขี้กลัวจะพาลโกรธเอา
พลางคิดในใจว่าคางคกที่ไหนจะแลบลิ้นได้...
“พี่ว่าเราคงหมดอารมณ์เดินเล่นแล้ว งั้นกลับกันเลยดีกว่า”เขาเอ่ย ก่อนจะปัดปรอยผม
ที่ปรกใบหน้าหวานละมุนออก เดินจูงมือเธออกมาจากสวนดอกไม้
รถคันหรูจอดลงในบ้านหลังงาม ภาณุปิดเครื่องก่อนจะเดินลงจากรถ และอ้อมไปเปิด
ประตูรถอีกฝั่งซึ่งคนตัวเล็กหลับใหลอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่
“จะไม่ตื่นจริงๆใช่ไหมฮึ”เขาเอื้อมมือขยี้ผมนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะหยิบกระเป๋า
สะพายและแฟ้มงานของหญิงสาวไว้
“แล้วจะอุ้มยังไงวะ”เขาบ่นอย่างหัวเสีย ก่อนจะมองไปที่คนตัวเล็กที่ปรือตาขึ้นมา
“ถือเลยยัยตัวแสบ”เขาวางแฟ้มลงบนตักของคนตัวเล็กซึ่งเธอก็รับมันไว้แต่โดยดี แต่
ไม่ยักตื่นขึ้นมา เขายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อมองคนตัวเล็กที่หลับไปอีกหน ควรจะขอบคุณเธอหรือ
เปล่าที่ตื่นขึ้นมาถือแฟ้มเพื่อที่เขาจะได้อุ้มเธอให้สะดวกยิ่งขึ้น
อ้อมแขนแกร่งตวัดอุ้มร่างบอบบางของคนตัวเล็กไว้ ก่อนจะส่ายหน้าอีกหนเพราะเพิ่ง
นึกได้ว่ายังไม่ได้เปิดบ้านเลย
“ฟาง ฟางครับ”
ดวงตาหวานปรือขึ้น ก่อนจะตื่นเต็มตาเมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอดิ้น
ขลุกขลักเพื่อจะลงจากอ้อมแขนของเขา
“โอ้ย อย่าดิ้นสิ พี่แก่แล้วนะกระดูกกระเดี้ยวหักไปจะทำยังไง ควักกุญแจบ้านออกมา
เปิดก่อน”
“พี่ป๊อปก็ปล่อยฟางก่อนสิคะ”เธอย้อนทันที แล้วหัวใจก็ต้องกระตุกวูบเมื่อเห็นใบหน้า
หล่อเหลาขึ้นสีจัด...เขาเขิน!
ตอนที่31
อาหารมากมายถูกวางไว้บนโต๊ะ หากแต่ยังไม่มีใครแตะต้องมัน หญิงสาวมองไปรอบๆ
ตัวที่เงียบและสงบเกินกว่าที่จะเป็นในเมืองแสนวุ่นวาย บรรยากาศปลายฤดูฝนเริ่มเย็นขึ้นมาแบบ
พอดี ทำให้เธอรู้สึกสดชื่น
“ทานเลยดีกว่า เดี๋ยวจะเย็นหมด”
“ที่นี่ที่ไหนคะ”
ภาณุเงยหน้าจากจานอาหาร ก่อนจะตอบคนตัวเล็กที่มองมาที่เขาอย่างใคร่รู้
“แถวๆประจวบฯน่ะแต่ยังไม่ถึง พี่ว่ามันเงียบดี”
“มาทานบ่อยสินะคะ”
เสียงหวานเอ่ยอย่างราบเรียบ หากแต่ภายในหัวใจกลับเจ็บแปลบขึ้นมา ในขณะที่เธอ
กำลังตั้งหน้าตั้งตารอเขากลับมาทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่เขากลับมานั่งที่นี่กับผู้หญิงอีกคน
“ลองทานนี่ดูสิ”
ภาณุเลี่ยงที่จะต่อความกับภรรยาสาว พยายามตักนู่นตักนี่เอาใจคนตัวเล็ก เมื่อเห็นว่า
เธอทานได้เยอะขึ้นเขาก็ใจชื่นขึ้นมานิดหนึ่ง เพราะถ้าย้อนไปหลายวันมานี้เธอแทบจะไม่ทานอะไร
เลย กลัวเหลือเกินว่าร่างที่เล็กอยู่แล้วจะเล็กเขาไปอีก
หลังจากมื้ออาหารแสนเงียบงัน เขาก็เดินนำคนตัวเล็กไปที่ลานจอดรถ พลันสายตาก็
ไปสะดุดเข้ากับทางเดินไปสวนหย่อม เมื่อเห็นว่าไม่ค่อยมีคนเขาจึงตัดสินใจกลับหลังหันและจูงมือ
ภรรยาสาวไปที่นั่นทันที
“พี่ป๊อปจะพาฟางไปไหน”
“ตามมาเถอะน่า”
เสียงน้ำพุขนาดกลางที่ตั้งอยู่กลางสวนดังไปทั่วบริเวณสวนขนาดใหญ่ ต้นไม้ขนาดเล็ก
ใหญ่ขับบรรยากาศหลังฝนตกให้สดชื่นยิ่งขึ้น ดอกไม้นานาๆพรรณถูกแสงจากสปอร์ตไลท์ส่องให้
เห็นความงามของมันแม้ความมืดในตอนกลางคืนก็ไม่อาจบดบัง
ธนันต์ธรญ์ก้มลงมองมือเล็กของตนที่ถูกภาณุกุมเอาไว้ด้วยหัวใจเปี่ยมสุข ความอบอุ่น
ของเขาแผ่ไปทั่วทุกอณูร่างกายของเธออย่างไม่อาจห้าม หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะเมื่อ
เขาหันมามองหน้าเธอ...เพียงเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลาก็สร้างความปั่นป่วนให้เธอได้อย่างมากมาย
“สวยเนอะ ฟางว่าไหม”
“ค่ะ”
“พี่ว่าเราเข้าไปเดินเล่นในเขาวงกตดีกว่า”เขาหมายถึงต้นไม่พุ่มที่สูงท่วมศีรษะที่ถูกตัด
ให้เป็นเหมือนเขาวงกตขนาดย่อม เวลาอื่นเธอก็คิดว่ามันสวยอยู่หรอก แต่ต้องไม่ใช่เวลากลางคืนที่
สวนทั้งสวนมีแค่คนสองคนสิ
“ไม่เอาค่ะ”เธอยื้อข้อมือไว้เมื่อเขาทำท่าว่าจะพาเธอเดินเข้าไปในเขาวงกตน่ากลัวนั่น
“ทำไมล่ะ”
“มันมืดนี่คะ แล้วถ้าหลงล่ะ”
ภาณุมองใบหน้าแสนหวานที่ถอดสีอย่างเห็นได้ชัดด้วยความเอ็นดู ดวงตากลมโตสั่น
ระริก ริมฝีปากรูปกระจับเม้มเข้าหากันแน่น ไหนจะคิ้วเรียวที่ขมวดมุ่นนั่นอีก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอ
กลัวความมืดแค่ไหน
“ฮ่าๆเขาติดไฟไว้ตามทางเดินนะฟาง อีกอย่างสวนก็เล็กแค่นี้จะหลงได้ยังไง”เขา
ออกแรงดึงข้อมือเล็ก หากแต่มือเย็นเฉียบของหญิงสาวกลับยื้อเอาไว้
“ฟางจะรออยู่ตรงนี้”เธอพูดออกมารัวๆ เขาได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ยิ่งเห็นใบหน้า
แสนหวานที่ตื่นตระหนกก็ยิ่งอยากจะแกล้งเข้าไปใหญ่
“ตามใจ ถ้ามีตัวอะไรโผล่มา พี่ไม่กลับออกมาช่วยหรอกนะ”เขาปล่อยมือเล็ก ก่อนจะ
เดินเข้าไปในเขาวงกตขนาดย่อม
รอยยิ้มถูกแต้มลงบนใบหน้าหล่อเหลาเมื่อรู้สึกได้ถึงวงแขนเล็กๆที่โอบกอดเขาจาก
ด้านหลัง พร้อมๆกับเสียงหวานที่พูดอู้อี้อยู่แนบแผ่นหลัง ไหนจะเท้าเรียวที่กระทืบเร่าๆทำให้เขาอด
หัวเราะไม่ได้ ต้นเหตุก็คงมาจากเจ้าคางคกตัวเบ้อเริ่มที่เพิ่งกระโดดผ่านหน้าเขาไปแน่ๆ
“พี่ป๊อป ฮือๆ มันไปรึยัง ฮือ”เขาเกาะวงแขนเรียวออกจากเอวสอบ ก่อนจะหันไปหาคน
ตัวเล็กที่ไม่ทันพูดอะไร คนตัวเล็กก็โอบรอบลำคอแกร่งของเขา ก่อนจะซุกซบใบหน้าของตัวเองลง
บนแผ่นอกของเขา
“มันไปแล้วคนดี”เขาโอบรอบเอวบางก่อนจะลูบแผ่นหลังบอบบางให้หญิงสาวหายตื่น
กลัว เสียงร้องของคนตัวเล็กทำให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามาในสวนตกใจเดินมาหาต้นเสียงที่ยังร้องไห้อยู่
กับอกเขา เขาได้เพียงแต่ส่งยิ้มแหยๆไปให้ เหล่าไทยมุงกลับไปพร้อมๆกับสายตาล้อเลียนซึ่งเรียก
ความร้อนผ่าวบนใบหน้าเขาได้อย่างดี
“กลัวขนาดนั้นเชียวเรา”เขาเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าแสนหวานเมื่อหญิงสาวผละ
ออกห่าง
“ฟางไม่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไร แต่มันมีตุ่มๆบนตัว มันแลบลิ้นให้ฟางด้วยนะพี่ป๊อป”ใบหน้า
แสนหวานเหยเกเมื่อเล่าให้เขาฟัง เขาอมยิ้มน้อยๆ ไม่กล้าหัวเราะกลัวว่าคนขี้กลัวจะพาลโกรธเอา
พลางคิดในใจว่าคางคกที่ไหนจะแลบลิ้นได้...
“พี่ว่าเราคงหมดอารมณ์เดินเล่นแล้ว งั้นกลับกันเลยดีกว่า”เขาเอ่ย ก่อนจะปัดปรอยผม
ที่ปรกใบหน้าหวานละมุนออก เดินจูงมือเธออกมาจากสวนดอกไม้
รถคันหรูจอดลงในบ้านหลังงาม ภาณุปิดเครื่องก่อนจะเดินลงจากรถ และอ้อมไปเปิด
ประตูรถอีกฝั่งซึ่งคนตัวเล็กหลับใหลอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่
“จะไม่ตื่นจริงๆใช่ไหมฮึ”เขาเอื้อมมือขยี้ผมนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะหยิบกระเป๋า
สะพายและแฟ้มงานของหญิงสาวไว้
“แล้วจะอุ้มยังไงวะ”เขาบ่นอย่างหัวเสีย ก่อนจะมองไปที่คนตัวเล็กที่ปรือตาขึ้นมา
“ถือเลยยัยตัวแสบ”เขาวางแฟ้มลงบนตักของคนตัวเล็กซึ่งเธอก็รับมันไว้แต่โดยดี แต่
ไม่ยักตื่นขึ้นมา เขายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อมองคนตัวเล็กที่หลับไปอีกหน ควรจะขอบคุณเธอหรือ
เปล่าที่ตื่นขึ้นมาถือแฟ้มเพื่อที่เขาจะได้อุ้มเธอให้สะดวกยิ่งขึ้น
อ้อมแขนแกร่งตวัดอุ้มร่างบอบบางของคนตัวเล็กไว้ ก่อนจะส่ายหน้าอีกหนเพราะเพิ่ง
นึกได้ว่ายังไม่ได้เปิดบ้านเลย
“ฟาง ฟางครับ”
ดวงตาหวานปรือขึ้น ก่อนจะตื่นเต็มตาเมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอดิ้น
ขลุกขลักเพื่อจะลงจากอ้อมแขนของเขา
“โอ้ย อย่าดิ้นสิ พี่แก่แล้วนะกระดูกกระเดี้ยวหักไปจะทำยังไง ควักกุญแจบ้านออกมา
เปิดก่อน”
“พี่ป๊อปก็ปล่อยฟางก่อนสิคะ”เธอย้อนทันที แล้วหัวใจก็ต้องกระตุกวูบเมื่อเห็นใบหน้า
หล่อเหลาขึ้นสีจัด...เขาเขิน!
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ