เอล คนทะลุมิติ chapter 1
เขียนโดย pong43
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
43) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 43 ปาฏิหาริย์แห่งจิต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ปาฏิหาริย์แห่งจิต
โลกแห่งวิญญาณนั้นคือโลกต่างมิติโลกหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับโลกต่างมิติมากมายในจักรวาล แต่โลกแห่งนี้มีเพียงจิตเท่านั้นที่สามารถเดินทางอยู่ในโลกนี้ได้ และผู้มีพลังวิญญาณจะสามารถเชื่อมต่อโลกวิญญาณกับโลกต่างมิติใดใดก็ได้
มีพวกเหนือมนุษย์พวกหนึ่งสามารถถอดจิตออกจากร่างเพื่อเข้าสู่โลกแห่งวิญญาณได้ และเตียงดองกันคือหนึ่งในพวกนั้น
เอลถูกพลังถอดวิญญาณของฮัค เฟนดีดึงจิตให้เข้าไปอยู่ในโลกแห่งวิญญาณ มันคือไม้ตายสุดท้ายของวายร้ายที่วางเอาไว้หากตนเองเป็นฝ่ายปราชัย
มันรู้ว่าอย่างไรเสียเอลก็ต้องตายตามมันไป
แต่เหตุการณ์ทั้งหมดล้วนอยู่ในสายตาของเตียงดองกันชายชุดดำ ผู้ซึ่งมีพลังเข้าสู่โลกวิญญาณ ดินแดนต้องห้ามได้
เอลย่อมไม่รู้ว่าชายชุดดำนั้นคือใคร แต่หากเขารู้จักชื่อ เขาต้องอ้าปากร้องอ๋อในทันที นั่นเพราะเตียงดองกันผู้นี้เป็นผู้มีชื่อเสียงในวงสังคม
พวกเหนือมนุษย์นั้นมีความแตกต่างกันทางพลังอำนาจ แทบจะไม่มีใครสักคนที่มีพลังเหมือนกันเลยก็ว่าได้ สำหรับเตียงดองกันผู้มีความสามารถเดินทางเข้าสู่โลกวิญญาณได้โดยทางจิตเท่านั้น แตกต่างกับเอลตรงที่เอลเข้าสู่โลกต่างมิติได้ทั้งร่างกาย
แต่พลังวิญญาณกลับสามารถนำจิตของเตียงไปยังสถานที่ใดก็ได้ที่จิตสั่งการ แต่ขณะนี้พลังของเขายังไม่กล้าแข็งพอ หากเขาบรรลุพลังจิตขั้นสูงสุดได้ก็จะสามารถเดินทางทะลุโลกไปยังโลกต่างมิติใดใดซึ่งมีตัวตนของเขาอีกตัวตนหนึ่งที่นั่น ตัวตนซึ่งกฎเหนือโลกเรียกว่า คู่เหมือน
ที่สำคัญพลังของเขามีความสามารถในการเข้าถึงจิตของพวกเหนือมนุษย์ด้วยกันอย่างน่าอัศจรรย์ เหนือชั้นกว่าสัมผัสเหนือมนุษย์ของเอลอยู่หลายขั้น การเข้าถึงจิตนั้นสามารถทะลุทะลวงเข้าไปยังส่วนลึกของจิตของเป้าหมายได้อย่างลึกล้ำ
เขารู้ตัวว่าตนเองยังไม่สามารถไขปริศนาของพลังเพื่อไปสู่จุดสูงสุดได้ และการที่เข้าถึงจิตของพวกเดียวกันนั้นทำให้จิตของเขาสามารถเดินทางไปยังตำแหน่งแห่งหนของผู้ถูกเข้าถึงจิตได้ นี่คือความสามารถอันเป็นปริศนา เขาเคยคิดว่าหรือนี่คือชะตากรรมที่ทำให้เขาต้องคอยเข้าไปช่วยเหลือพวกเดียวกัน นี่อาจจะเป็นภารกิจซึ่งพระเจ้ามอบหมายให้กับเขา
การเดินทางนั้นเป็นการกระโดดข้ามมิติอย่างรวดเร็วรูปแบบหนึ่ง แต่ทุกครั้งเมื่อภารกิจเสร็จสิ้น จิตของเขาจะกลับเข้าร่าง เขาจะสูญเสียความทรงจำไปชั่วขณะและพลังวิญญาณจะลดถอยลงอย่างน่าใจหาย
เขาคิดว่าสาเหตุอาจจะเกิดจากการถอดจิตออกจากร่างเป็นเวลานานเกินไป และขณะถอดจิตนั้นหากร่างกายที่หลับใหลอยู่นั้นเกิดอันตรายขึ้น จิตนั้นจะพุ่งกลับมาเข้าร่างได้อย่างรวดเร็ว นี่คือพลังในการปกป้องร่างกายขณะถอดจิต
ชะตากรรมดึงให้เขาเข้าไปพัวพันกับพวกเดียวกันและพวกปีศาจ เขาจึงต้องระมัดระวังตัวและพยายามไม่เปิดเผยตัวตนให้ใครทราบว่าเขาคือใคร เขารู้ดีว่าปีศาจมีพลังจู่โจมเหนือกว่าพวกเดียวกัน แต่หากเผชิญหน้ากันแล้ว ปีศาจอาจจะพ่ายแพ้แก่ชั้นเชิงของพวกเหนือมนุษย์ก็ได้ นี่คือจุดอ่อนของปีศาจเพราะปีศาจส่วนใหญ่ฉลาดน้อยและมีสมองเพียงก้อนเนื้อนิดเดียวเท่านั้น
ดังนั้นปีศาจจึงมักไม่ยอมเผชิญหน้า แต่จะคอยลอบกัดจู่โจมเหยื่อเพียงครั้งเดียวเพื่อพิฆาตให้สิ้นชีพ
ไม่นานมานี้เตียงดองกันได้ค้นพบทางเชื่อมสู่โลกปีศาจ ทางนั้นเป็นทางแยกจากโลกวิญญาณของเขา มันเชื่อมต่อกันด้วยทางเชื่อมอันน่ากลัว
ขณะนั้นเขาคล้ายตกลงไปในหลุมอากาศอย่างแรง เมื่อทรงตัวได้ก็พบกับโลกอันแสนน่ากลัวนั้น โลกที่เขาไม่อยากย่างกรายไปอีกเลยนับจากนั้น นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้ไปถึงโลกปีศาจซึ่งเขาสันนิษฐานว่าเชื่อมต่ออยู่ระหว่างโลกวิญญาณกับโลกมนุษย์
หลังจากนั้นเขาก็ไม่พบเส้นทางเชื่อมต่อนั้นอีก
...........................................................................................................................
ณ ห้องกรรมฐานบ้านสายลม
จิตของเตียงได้กลับสู่ร่างซึ่งนั่งทำสมาธิอยู่ เป็นธรรมดาเมื่อจิตกลับสู่ร่าง ร่างของเขาจะอ่อนเพลียเนื่องจากได้สูญเสียพลังวิญญาณและความทรงจำไปบางส่วน ก่อนจะถอดจิตทุกครั้งเขาจะล๊อคห้องเอาไว้อย่างแน่นหนาไม่ให้ใครเข้ามาแตะต้องร่างของเขาได้ แม้กระทั่งภรรยาของเขา เขายังห้ามเอาไว้ไม่ให้เข้ามา
เขาลุกขึ้นยืนด้วยความอ่อนเพลีย สีหน้าไม่สู้ดีนัก เขารู้สึกว่าทำไมครั้งนี้จึงได้รู้สึกอ่อนแรงเช่นนี้ อ่อนแรงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เขาไม่มีแรงจะก้าวเท้าเดินด้วยซ้ำ ขาของเขาคล้ายจะไม่มีเรี่ยวแรง แต่เมื่อพยายามก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าห้าหกก้าวก็ถึงประตูห้อง
ประตูเปิดออกโดยภรรยาของเขา
“คุณ”
หญิงสาวในชุดคลุมยาวสีดำผมยาวดำสลวยร้องเรียกเขาเมื่อเห็นว่าเขามีสีหน้าไม่สู้ดี
“คุณยังไม่นอนอีกหรอ”
เตียงถามกลับ แต่เธอสังเกตุเห็นเขามือจับประตูไว้แน่นเหมือนคนยืนต่อไม่ไหวจึงถามขึ้น
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
เธอเข้าประคองเขาไว้ ตัวเธอสูงกว่าเขา
“ไม่เป็นไรหรอก คุณไม่ต้องห่วง”
เธอพาเขาเดินมานั่งที่ห้องรับแขก หญิงสาวเป็นคนมีรูปร่างดีสูงสง่า ชุดสีดำใส่สร้อยเป็นหินหลากสีเม็ดเท่าไข่มุกสีดำสะท้อนแสงส่งประกายแวววาว
เธอคือฮีแดภรรยาของเขา แม้ว่าใบหน้าของเธอดูสวยคมแต่กลับดูเร้นลับน่ากลัว
“ผมไม่เป็นอะไรหรอก..แค่เป็นตะคริวเท่านั้น”
“คุณนั่งกรรมฐานอีกแล้วหรือคะ ถ้าร่างกายไม่ไหวก็อย่าเลยนะคะ”
“จ้ะที่รัก ผมไม่เป็นอะไรหรอก ว่าแต่ว่าคุณจะออกไปไหนหรือ” เตียงถามเพราะเข้าใจว่าเธอกำลังจะออกไปนอกบ้านอีกแล้วเพราะชุดที่สวมใส่ไม่ใช่ชุดนอน
“จะออกไปธุระหน่อยค่ะ นัดไว้กับเพื่อน แล้วจะรีบกลับนะคะ”
“...........” เขาคิดจะพูดห้ามไม่ให้ไป แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
“คุณคงไม่ลืมนัดทานข้าวตอนเย็นนะคะ”
“อ๋อใช่สิผมเกือบลืมแน่ะ ถ้าไม่พูดขึ้นมาผมคงลืมไปแล้ว”
เตียงพูดพลางใช้มือขวาลูบศีรษะด้วยความเก้อเขิน
“หมู่นี้ทำไมความจำของผมแย่ลงแบบนี้ไม่รู้”
“คุณควรพักผ่อนบ้างนะคะ”ภรรยาแสนสวยพูดพลางหันหลังเดิน
“อย่าลืมนะคะเย็นนี้ที่ภัตตาคารฮั่วหยาง” เสียงหวานๆของเธอทำให้เตียงดองกันรู้สึกดีขึ้น
“รีบกลับนะครับ”
เขามองตามเงาหลังของภรรยาไปจนเธอพ้นไปจากประตูบ้าน
...........................................................................................................
เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะห้องครัว หยิบเหยือกเทน้ำใส่แก้วและดื่มอย่างกระหาย เมื่อเทน้ำอีกหนึ่งแก้ว แต่ไม่ทันจะดื่ม เขามองลงไปน้ำในแก้ว น้ำซึ่งนิ่งไม่มีแรงกระเพื่อมใดๆ มันทำให้เขาหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
เหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือคนผู้หนึ่ง
เวลานั้นเขายืนดื่มน้ำที่ตรงนี้เช่นกัน เขามองน้ำในแก้ว จู่ๆ ก็มีแรงกระเพื่อมของน้ำจากกลางแก้วไปถึงขอบแก้ว เขารู้ในทันทีว่านี่คือสัมผัสเหนือมนุษย์ของเขาซึ่งกำลังบอกถึงเรื่องราวบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในโลกต่างมิติ
น้ำสั่นกระเพื่อมขึ้นเรื่อยๆ เกิดภาพใบหน้าอันเลือนลางในน้ำ
ใบหน้าของพวกเหนือมนุษย์
ใครสักคนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้ ณ แดนไกลแสนไกล แต่เหมือนใกล้แค่เอื้อม
จิตของเขาสื่อถึงกันกับคนที่ปรากฏใบหน้าในน้ำ ทำให้เขาได้เห็นใบหน้านั้น
“เด็กนั่นอีกแล้วรึ...หรือว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย...”
เขาบ่นพึมพำและจ้องมองหน้าใบหน้าอันเลือนลางของเด็กหนุ่มในแก้วน้ำ มันคือใบหน้าของเอลนั่นเอง เขาเห็นหน้าเอลในนิมิตมาหลายวันแล้ว
มีใครส่งภาพนั้นมา...
เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่เด็กหนุ่มจะเป็นคนส่งกระแสจิตมาถึงเขาโดยตรง
ต้องมีใครเป็นคนส่งจิตของเอลมาให้เขา คนผู้นั้นต้องมีพลังอำนาจแต่ทำไมเขาไม่ไปช่วยเด็กหนุ่มเสียเองล่ะ มันต้องมีเหตุผลมากกว่านั้นอย่างแน่นอน
หรือว่าชายผมขาวคนนั้น
เขาจำชายผมขาวปริศนาคนหนึ่งได้ ชายผมขาวเป็นใยไหมคนนั้น เขาเคยพบเห็นอยู่เสมอ แต่ไม่สามารถสื่อสารเพื่อพูดคุยด้วยได้
เป็นเพราะชายผมขาวไม่ยอมพูดกับเขาเอง และคงเป็นผู้เชื่อมโยงเขากับเอลก็ได้ เด็กหนุ่มเอลกำลังจะตาย หากเขาไม่ช่วย นั่นทำให้เขาไม่สามารถอยู่เฉยโดยไม่ให้ความช่วยเหลือได้
เขาคิดไม่ตกเสมอว่า ชายผมขาวทำไมไม่ช่วยเสียเอง ทำไมต้องเป็นเขา และชายผมขาวคือใครกัน เขาไม่เคยเห็นใบหน้าชัดเจนเสียที แม้พยายามจะมองให้ออกว่าเป็นใครก็ไม่เคยสำเร็จ
หรือว่าเขาเป็นคนเดียวที่ทำได้
ชายผมขาวไม่สามารถเข้าสู่โลกวิญญาณด้วยจิต เหตุนี้เองที่เขาต้องมาขอความช่วยเหลือ...
นี่คือเหตุผล...
หรือว่าโลกวิญญาณมีเพียงไม่กี่คนที่เข้ามาได้
เขาคิดว่าเด็กหนุ่มต้องมีความสำคัญอะไรบางอย่างกับเขาหรือกับใครๆเป็นแน่ เขาไม่มีเวลาคิดหาเหตุผลว่าเพราะอะไร เขาต้องรีบช่วยชีวิตนั้นให้ได้โดยไว เขาจึงไปช่วยเอลอย่างไม่รอช้า
เขารู้ว่าอาจจะต้องสูญเสียพลังวิญญาณไปบ้าง แต่เขาคิดว่าการได้พบเอลและได้รับรู้ถึงพลังอำนาจของชายผมขาวอาจจะสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เขาเชื่อว่านี่คือลิขิตแห่งชะตากรรมของพวกเหนือมนุษย์เพื่อจะได้ร่วมมือกันไขปริศนาของพวกเหนือมนุษย์ทั้งหลาย
เขารู้สึกคุ้นหน้าเอลอย่างมาก นึกไม่ออกว่าเคยพบเห็นที่ไหน อาจจะเคยเห็นหน้าทางหนังสือพิมพ์หรือข่าวโทรทัศน์ที่ไหนสักแห่ง
เขามักถอดจิตและออกเดินทางเข้าไปในโลกวิญญาณอันเร้นลับ เขาพยายามศึกษาค้นคว้าถึงอาณาเขตอันกว้างใหญ่ของโลกวิญญาณ เขาแปลกใจที่มันสามารถเชื่อมต่อกับโลกต่างมิติต่างๆได้อย่างสมดุล นี่คือจักรวาลอันกว้างใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาซึ่งหาคำอธิบายไม่ได้ โลกต่างมิติมากมายเชื่อมต่อกันเหมือนประเทศซึ่งมีหลายจังหวัดเชื่อมต่อกันอยู่
เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเข้าไปยังดินแดนต่างมิตินั้น แต่กลับไม่มีข้อมูลใดยืนยันว่าเขาได้ไปมาแล้ว นั่นเพราะปัญหาใหญ่ซึ่งเป็นข้อจำกัดของเขามานานแล้ว
เขามักตกอยู่ในสภาพความทรงจำสูญหาย มักจำอะไรไม่ได้อยู่บ่อยครั้ง บางครั้งเขาลืมเรื่องราวซึ่งเขาได้ทำมาเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
หรือว่าการที่เขาสูญเสียพลังวิญญาณก็ทำให้ความทรงจำขาดหาย และยังทำให้ร่างกายอ่อนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาเองก็เคยตกอยู่ในสภาพคนหลงในโลกต่างมิติ ทำให้เขานิ่งนอนใจไม่ได้ ถ้าปล่อยให้เด็กนั่นอยู่ในนั้นนานกว่านี้ คงต้องตายภายในเวลาไม่เกินห้าวัน
เขาเคยหลงอยู่ในนั้นเกือบสองวัน พลังวิญญาณของเขาเกือบจะสิ้นสูญ แต่จู่ๆ จิตของเขาก็สว่างวาบขึ้น เขาพบกับชายผมขาวผู้นั้นยืนอยู่ไกลๆ และกำลังเดินหนีเขาไปในความมืด เขาพยายามเดินตามชายนั้นไปทั้งที่กำลังจะสิ้นเรี่ยวแรง
แล้วเขาก็พบทางออก เขารู้ว่าที่รอดตายมาได้ก็เพราะชายผมขาว
เขาเรียกชายผมขาวว่า ผู้เชื่อมโยง หลังจากนั้นเขาจึงได้ล่วงรู้ถึงเรื่องราวอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างประหลาด เรื่องราวซึ่งอธิบายถึงความอยู่รอดของพวกเหนือมนุษย์ อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้เขาออกจากโลกวิญญาณไม่ได้ว่าเป็นเพราะความแปรปรวนซึ่งเกิดขึ้นจากคลื่นต่างมิติ คลื่นความถี่บางชนิดที่ทำให้โลกต่างมิติเกิดความแปรปรวนทำให้ทางเข้าออกถูกปิดลงชั่วขณะ เขากระจ่างเพราะคำอธิบายเหล่านั้น คำอธิบายซึ่งมาจากกฎอะไรบางอย่าง กฎซึ่งควบคุมจักรวาลทั้งหลายเอาไว้
กฎเหนือโลก คือชื่อเรียกของกฎนั้น
กฎเหนือโลกทำให้เขาเข้าใจเรื่องราวของคลื่นต่างมิติว่าทำให้เกิดการผันแปรทางมิติ และปิดทางเข้าออกของโลกวิญญาณ เมื่อเข้าจากทางใดก็ต้องกลับออกไปทางนั้น และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขานั้นไม่ใช่เรื่องคลื่นต่างมิติเรื่องเดียว มันเกิดจากการที่เขาสูญเสียความทรงจำไปชั่วขณะ เขาจดจำทางเข้ามาไม่ได้นั่นเอง
เขาจะยอมให้ความทรงจำเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ ต้องรู้ให้ได้ว่าความทรงจำที่สูญหายเกี่ยวข้องอะไรกับพลังวิญญาณซึ่งถดถอยลงไปเรื่อยๆนั้น
............................................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ