เอล คนทะลุมิติ chapter 1

-

เขียนโดย pong43

วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.

  48 ตอน
  0 วิจารณ์
  57.25K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

42) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 42 เอล นายอยู่ที่ไหน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เอล นายอยู่ที่ไหน

 

                “ไปอยู่ที่ไหนวะ”

                เสียงล้องก์ตะโกนลั่นที่หน้าประตูห้องพัก

          ล้องก์ออกตามหาเขาตลอดทั้งคืน และจนกระทั่งเช้านี้ก่อนไปโรงเรียนล้องก์ก็ยังแวะมาดูเอลที่ห้องพักอีกครั้ง เขามองลอดบานเกล็ดหน้าต่างนอกห้องทะลุผ้าม่านที่รูดเปิดอยู่ ก็ไม่เห็นเอลในห้อง จะไขกุญแจเข้าไปก็คงไม่พบอยู่ดี เขาจึงจากไปด้วยความผิดหวังอีกครั้ง

ล้องก์ไม่มีทางรู้ว่าเพื่อนรักหายไปไหน

เอลกำลังหลงทาง หลงอยู่ที่ไหนสักแห่งซึ่งไม่ใช่มิติของโลกมนุษย์ที่เขาอาศัยอยู่นี้

แต่สัญชาตญาณประหลาดบอกล้องก์ว่า เอลกำลังตกอยู่ในอันตราย เขากลัวตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าจะไม่ได้พบหน้าเพื่อนจอมกวนอีก

          “อย่าเป็นอะไรนะเอล ต้องไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดนะ”

ล้องก์พร่ำภาวนาให้เอลปลอดภัย เขาพยายามคิดว่าเอลอาจประสบอุบัติเหตุถูกรถชนระหว่างทางกลับบ้านและอาจเสียชีวิตไปแล้วก็ได้

          แต่เจ้าสายฟ้าก็จอดอยู่นี่นา.. 

เขามองไปที่โรงจอดรถมอเตอร์ไซด์ก็พบเจ้าสายฟ้าจอดอยู่ เขาคิดด่าตนเองว่าคิดเรื่องบ้าแบบนั้นไปได้ยังไง เหมือนแช่งเพื่อน...

                แต่การที่เอลหายไปแบบนี้ทำให้เขาใจหายและนึกไปถึงเอ็ทที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกันหรือเปล่า

จู่ๆ หญิงสูงวัย คุณนายโซวเจ้าของหอพักก็เดินออกมาทักเขา

                “มาหาเอลเหรอพ่อหนุ่ม” 

                ล้องก์โค้งศีรษะคำนับคุณนายโซว

                “ฉันเห็นเขาเดินออกไปตอนเย็นเมื่อวาน..เอ๊ยไม่ใช่สิ มันวันไหนกันน้า..”

ล้องก์มองหน้าคุณนายโซวด้วยความไม่แน่ใจ เธอแก่ปูนนี้ความจำของเธอคงเชื่อถือไม่ได้แล้ว

“...จำไม่ได้ หรือว่า..เขาไม่ได้กลับบ้านมาหลายคืนแล้ว...”

                “...เมื่อคืนผมเคาะประตูเรียกก็ไม่มีใครมาเปิด เมื่อครู่นี้ก็อีก ผมว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้องหรอกครับ” ล้องก์ไม่กล้าบอกว่าเอลให้กุญแจเขาไว้ชุดหนึ่งซึ่งมันผิดกฎระเบียบของหอพัก

“จะให้ฉันเปิดดูให้มั้ยล่ะ ฉันมีกุญแจสำรองอยู่”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ขอบคุณครับ บางทีเอลอาจไปโรงเรียนแล้วก็ได้ครับ ผมลาล่ะครับ”

เขามองที่ประตูห้องพักอีกครั้งก่อนก้าวเท้าเดินลงมาจากระเบียง

....................................................................................................................................

 

“ฮัดเช้ยยยยยยยยย”

“ฮัดเช้ยยยยยยยยยยยย”

“มีคนบ่นถึงฉันอยู่แน่.. หรือว่า...เจ้าเอล” ล้องก์บ่นอุบ

“ฮัดเช้ยยยยยย”

ล้องก์จามจนตัวงอก่อนที่จะรีบวิ่งออกไป

“เดี๋ยวไปไม่ทันเรียน”

..........................................................

 

“ลองก์กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกไอ้บ้า แกได้ยินเสียงฉันไหมวะ”

เอลร้องเรียกล้องก์อย่างลืมตัว แต่นั่นกลับสื่อถึงล้องก์ได้อย่างน่าอัศจรรย์

เขารู้ว่าอยู่ในสถานที่ต่างมิติแบบนั้น ตะโกนไปก็ไร้ประโยชน์

แต่เขาไม่รู้จะทำอะไรได้แต่ร้องตะโกนหาเพื่อนซี้

เสียงของเขาแหบแห้งจนแทบไม่มีเสียงออกมาแล้ว บริเวณที่เขานอนอยู่มีแสงสว่างเล็กน้อยเท่านั้น เขาดูย่ำแย่มาก ใบหน้าซูบซีด พลังจิตแทบจะหมดสิ้นไปแล้ว

ถ้าเขายังหาทางออกจากโลกบ้านี่ไม่ได้ เขาคงต้องตายแน่ เขารู้ดี แต่ตราบใดที่ยังมีสติอยู่ เขาจะไม่ยอมตายง่ายๆหรอก

เขากำลังทบทวนเรื่องต่างๆ  

ในครั้งแรกที่เขาพลัดหลงเข้าสู่โลกต่างมิติ เขาก็หลงอยู่ในนั้นเป็นนานสองนาน แต่ในที่สุดเขาก็หาทางออกได้ แต่นั่นไม่ได้เลวร้ายเหมือนคราวนี้ เขามาอยู่ในที่ซึ่งไม่เหมือนโลกต่างมิติเลยสักนิด ซ้ำการเข้ามาที่นี่มาเฉพาะเพียงจิตเท่านั้น ร่างกายไม่ได้มาด้วย ทำให้ยิ่งทำให้วิตกกังวลเข้าไปใหญ่   

นี่มันนานเท่าใดแล้วนะ...

เขามั่นใจว่าคงหาทางออกไม่ได้เสียแล้ว แม้อยากจะหาต่อ แต่จิตนี้ไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว ที่สุดเขาก็ล้มลงนอนระทดระทวยในโลกอันมืดมน เขาคิดว่าจะนอนอย่างสิ้นหวังไปได้ถึงเมื่อไหร่กัน

ร่างของเราอยู่ที่ไหนกันนะ..ไม่ได้อยู่ที่ห้องรึ..ถ้าอยู่ที่ห้องเจ้าล้องก์ก็ต้องเห็นแล้ว ทำไมมันมองไม่เห็นเราล่ะ ก็เมื่อคืนมันเกือบแตะเราแล้วนี่นา

หรือว่าร่างกายของเราตายไปแล้ว..

ยิ่งคิดเขายิ่งใจหาย พาลคิดไปถึงเรื่องเล่าปรัมปราของผู้เฒ่าผู้แก่ที่ว่า หากจิตไม่กลับเข้าร่างตามระยะเวลาที่กำหนด ร่างนั้นต้องเน่าเปื่อยผุผัง

“เราจะตายไม่ได้ เราไม่ยอมตายเด็ด..ขาด”

                จู่ๆ เขาก็รู้สึกแปลกๆ

ใครมองเราอยู่นะ...

มองมาจากที่ไกลๆ...

เขาคิดว่าสายตานั้นอาจจะอยู่ในโลกต่างมิตินี้

มันคือผู้ใด...

                “..ภูตินรก..”

ผู้ที่เขาและพวกเหนือมนุษย์ไม่อยากพบพานเป็นที่สุด

ให้ตายสิ มันพบเราแล้ว.....

เขาเห็นเงาดำอยู่ไกลๆแล้ว เงาดำของเจ้าปีศาจตนนั้น

ภูตินรกในชุดคลุมสีดำทะมึน ดวงตาสีแดงอันน่ากลัวจ้องมองเอลคล้ายจะกินเลือดกินเนื้ออยู่ห่างไปไม่ไกลนัก แม้เอลจะนอนราบไปกับพื้นแต่สายตาของเขาเห็นดวงตานั่นได้อย่างชัดเจน ขนทั่วกายกลับลุกตั้งชันทั่วร่าง

          “ตายแน่...”

ความกลัวเข้าจู่โจมจับจิตสุดจะบรรยาย

“ไม่จริงนะไม่จริง ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย”

                เขาร้องหาคนช่วย...เขาสัมผัสได้ว่าอาจจะมีใครสักคนที่ช่วยเขาไว้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

..ตอนที่สู้กับฮัค มีใครสักคนที่ขวางกั้นเขากับฮัคเอาไว้ไม่ให้เข้าใกล้กัน คนๆนั้นแม้ไม่เผยตัวออกมา แต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามีตัวตนอยู่

“คุณอยู่ที่ไหน ต้องมาช่วยผมนะ”

ความกลัวแทรกเข้าทุกอณูจิต แต่เขายังไม่สิ้นหวัง ต้องมีชีวิตรอดออกไปให้ได้ แม้นความหวังจะดูเลือนลางเต็มที

“จะท้อแท้ไม่ได้”

เขาพยายามบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง 

“ต้องสู้”

ปีศาจมองเอลและก้าวเท้าเข้าหาเขาอย่างช้าๆ อาวุธร้ายในมือปรากฏขึ้น เคียวปีศาจอันเงาวับสะท้อนเข้าบาดสายตาของเอลจนต้องปิดตาชั่วขณะ

แม้นเขาจะครั่นคร้ามแต่ก็ต้องปลุกใจให้พร้อมสู้

“ฉันไม่ยอมตายหรอกโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” เขาแผดเสียงลั่น

เอ๊ะ...

เขาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับภูตินรก การเคลื่อนไหวของมันผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด...

เกิดอะไรขึ้นกับมัน...

ภูตินรกยื่นเคียวปีศาจออกมาข้างหน้าเหมือนตาบอดกำลังคลำหาทาง ทำให้เอลคิดว่ามันมองไม่เห็นทางหรือไงกัน

 

 

ภูตินรกจะพยายามใช้เคียวปีศาจแตะพื้นนำทางทีละก้าว ก้าวเท้าทีละก้าวออกไปอย่างยากเย็นเหมือนร่างนั้นกำลังต้านแรงปะทะมหาศาลเพื่อจะเดินไปข้างหน้าให้ได้ จึงทำให้เดินได้อย่างทะลักทุเล แต่เอลแปลกใจว่าทำไมผ้าคลุมของมันไม่ได้เคลื่อนไหวสักนิด ถ้าเป็นลมปะทะเสื้อคลุมของมันต้องพลิ้วไหวเหมือนกับที่มันเคยพริ้วแทบทุกครั้งสิ

จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังสายหนึ่งปรากฏหมุนวนรอบๆตัวเขา

“อะไรกัน..”

จิตของเขากลับรู้สึกวูบไหว ใจคอหดหู่ท้อแท้ขึ้นมา ทำไมเป็นแบบนี้...ทำไมท้อแท้แบบนี้..หรือว่าเราจะตายแล้ว.. พระเจ้าช่วย

ไม่เพียงแค่ความคิด สติของเขากำลังจะดับวูบลง เขาอ้าปากแผดเสียงร้องลั่นออกมา

“ฉันไม่ยอมตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยหรอกนะ”

 

เอลย่อมไม่รู้ว่าพลังสายนั้นเป็นของปีศาจซึ่งส่งพลังจิตเข้าสะกดเขาเอาไว้ และฤทธิ์แห่งการสะกดนั้นกำลังค่อยๆทำลายจิตของเขาทีละนิด เขาเจ็บหน้าอกปวดแปลบเหมือนกับคนซึ่งกำลังเสียใจอย่างสุดซึ้ง น้ำตาไหล ดวงตากำลังจะปิด

เราโดนอะไรกันนี่..

แต่เขากลับคิดขึ้นได้

“มัน...มันกำลังใช้จิตพิฆาตเรา.....”

เมื่อรู้เช่นนั้นเขาจึงใช้จิตออกต้านทานเอาไว้..

“ฉันไม่ยอมตายง่ายๆหรอกนะ...ไม่มีวัน”

ทันใดนั้นจิตของเขาก็เหมือนถูกปลุกให้ลุกโชน ตาของเขาเบิกโพลง

วินาทีนั้นมือหนึ่งได้จับเข้าที่แขนของเขาแน่น ก่อนที่เขาจะได้เห็นว่ามือนั้นเป็นของใคร มือก็กระชากแขนของเขาอย่างแรง เขาลุกขึ้นยืนได้แต่ก็ยังยืนได้ไม่ดีเพราะยังคงไร้เรี่ยวแรง ร่างของเขาโซเซโงนเงนไปมาแต่คล้ายกับว่ามีมือลึกลับที่มองไม่เห็นคอยประคองเอาไว้

เขาหันไปมองหาคนผู้นั้น

ใคร...

ชายในชุดดำยาวแบบจีนร่างสูงโปร่ง เขาพยายามมองหน้าแต่กลับมองไม่เห็น สติของเขาไม่ดีขึ้นพร้อมจะดับวูบลงทุกเมื่อ

          “อดทนไว้ ผมจะช่วยคุณกลับเข้าร่าง อดทนไว้”

ชายชุดดำพูดกับเขาและเข้ามาจับร่างของเอลไว้ด้วยสองแขน

เอลยังคงไม่เห็นหน้าอยู่ดี  

“ไว้ใจผม อดทนไว้ผมมาที่นี่ก็เพื่อช่วยคุณ”

ชายนั้นสวมใส่เสื้อแพรแขนยาวสีดำเกือบปิดมือทั้งสองข้างมิด เขาพยายามพูดกับเอลเพื่อให้ดึงสติกลับคืนมา ขณะที่เขาพยุงเอลที่ไม่ได้สติไว้ ภูตินรกกลับเดินได้คล่องแคล่วขึ้น แรงต้านนั้นหายไป แรงต้านมาจากชายชุดดำ เมื่อช่วยเอลอยู่ทำให้เขาส่งแรงต้านนั้นได้น้อยลง ปีศาจรู้แล้วว่าแรงต้านนั้นคือพลังของเขาซึ่งส่งมายับยั้ง

ชายชุดดำยื่นมือเข้ามาช่วยเอลไว้ แต่เมื่อรู้ว่าพลังของเขาคงต้านปีศาจไว้ไม่ได้แล้ว เขาจึงยกแขนของเอลไปประคองพาดบ่าก้าวเท้าเดินหนี  แต่เมื่อหันกลับมาก็พบว่าปีศาจอยู่ด้านหลังไปเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น เขาจึงหันกลับไปเผชิญหน้ากับมัน ภูตินรกเมื่อเห็นเขาหยุด มันก็หยุดเช่นกัน

“เจ้าชั่วช้าไปให้ไกลซะ” เขาร้องตวาดออกไป “ถอยไปซะ เจ้าจะคร่าชีวิตที่ไม่ถึงฆาตไม่ได้ กลับไปซะ”

ภูตินรกดำยื่นเคียวปีศาจวาววับชี้หน้าเขา

“กล้าเป็นปฏิปักษ์กับข้าหรือเตียงดองกัน”

ปีศาจพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ชายชุดดำซึ่งถูกเรียกว่าเตียงดองกันรู้สึกสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย

          “ไม่มีชื่อใดที่ข้าไม่รู้จัก ไม่มีชะตากรรมของผู้ใดที่ข้าไม่เห็น”

                “ถ้าเจ้าเห็น เจ้ายังคิดเอาชีวิตเขาอีกรึ”

                พูดจบชายชุดดำก็หันหลังพาเอลเดินต่อไป ขณะที่ภูตินรกไม่ตามแต่ยังพูดต่อ

“ข้าเป็นผู้กุมชะตากรรมพวกเจ้า พวกเหนือมนุษย์ทุกคนบนโลกคือทาสของข้าขึ้นอยู่กับว่าข้าจะปราณีมันผู้นั้นหรือไม่”

ชายชุดดำซึ่งแบกเอลไว้กลับไม่สนใจฟังคำพูดของมัน

“ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าก็ขอขัดขวางเจ้าจนถึงที่สุด”

เขาส่งเสียงห้าวหาญและพาเอลเดินตรงไปข้างหน้า

          ปีศาจก้าวเท้าออกตามแต่ก็ต้องชะงัก มันรู้สึกได้พลังต้านทานหนึ่งสายที่ส่งออกมา มันรุนแรงขึ้น มันแปลกใจว่านั่นคือพลังต้านทานของใครกันแน่  

                “ไม่ใช่พลังของเจ้านั่น....”

ปีศาจรำพันด้วยความสงสัย มันรู้ว่าพลังต้านทานนั้นไม่ใช่เป็นพลังของเตียงดองกัน มันเป็นพลังเหนือมนุษย์อันกล้าแข็ง

“เจ้าเป็นใครเผยตัวออกมามมมมมมมม”

มันแผดเสียงลั่นขณะที่ก้าวเท้าไม่ออกเสียแล้ว มันถูกพลังนั้นตรึงเอาไว้แล้ว พลังนั้นรุนแรงเสียจนมันหวั่นไหว แต่ปีศาจพยายามเดินฝ่าแรงต้านนั้น และมันก็ทำได้มากขึ้นกว่าตอนแรก

แต่ในพริบตานั้นเตียงดองกันซึ่งพาดไหล่เอลไว้กลับหันหลังกลับมา และซัดพลังออกจากฝ่ามือข้างหนึ่งอย่างเต็มแรง

          “ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

          ปีศาจถูกพลังของเตียงดองกันซัดเข้าใส่จนกระเด็นปลิวไปไกล มันร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดและร่างก็หายวับกลายเป็นหมอกควันดำจางหายไปในที่สุด

 

เตียงดองกันแบกร่างของเอลไว้ เขามองเอลที่สลบไสลไปแล้วอย่างโล่งใจ เขาแปลกใจที่พลังของเขาสามารถเล่นงานปีศาจร้ายนั้นได้ เขาก็รู้สึกว่าพลังเมื่อครู่นี้ไม่ใช่พลังของเขาเพียงผู้เดียว จู่ๆ เขากลับรู้สึกว่าพลังของเขากำลังถูกพลังอีกสายหนึ่งดูดกลืนเอาไป 

“ใครกัน”

เขามองเอลซึ่งแบกอยู่นั้นก็รู้ในทันทีว่าเป็นเอลนั่นเองที่กำลังดึงดูดพลังของเขาไป

ถ้าไม่ได้พลังของฉัน นายจะกลับคืนร่างไม่ได้... 

พลังกำลังดึงดูดพลังเข้าด้วยกันตามกฎเหนือโลก แต่ไม่เป็นไรเมื่อมาช่วยแล้วยังไงก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด..ต้องปิดพลังลงเพื่อไม่ให้โดนดูดมากกว่านี้

 

เตียงดองกันมีความตั้งใจที่จะนำจิตของเอลกลับคืนสู่ร่างให้ได้  เขาคือผู้ที่ส่งพลังจิตมาช่วยเอลตั้งแต่ตอนที่เอลปะทะกับเอ็ท จนกระทั่งตอนที่ฮัคใช้พลังถอดวิญญาณเล่นงานเอล

เขาคือผู้ดึงร่างของเอลไปเก็บไว้ที่โลกต่างมิติ ตอนที่ลองก์กำลังเข้าไปแตะร่างของเอล

เตียงดองกันมีพลังเหนือมนุษย์ที่เรียกว่าพลังวิญญาณ เขากำลังใช้พลังวิญญาณออกแรงผลักจิตของเอลให้ทะลุข้ามมิติไปยังร่างซึ่งเขาเป็นผู้ซ่อนเอาไว้           

“กลับบ้านได้แล้ว”

เตียงดองกันกระแทกพลังวิญญาณเปิดโลกต่างมิติของเอลออก

จิตของเอลจึงกลับคืนสู่ร่างกายที่นอนหมดสติอยู่ที่โลกต่างมิตินั้น พลังวิญญาณของเตียงส่วนหนึ่งคอยปกป้องร่างของเอลไว้ให้ไม่เป็นอะไรในขณะที่ปราศจากจิต

ก่อนหน้านี้เตียงดองกันไม่มั่นใจนักว่าจะทำเช่นนี้ได้ เพราะเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่เขาก็ทำได้สำเร็จ

เอลรอดชีวิตมาได้เพราะชายผู้นี้ ชายที่เขาไม่ทันได้เห็นหน้า กว่าครึ่งค่อนวันเอลที่เอลรู้สึกตัวอยู่บนเตียงนอนในห้องพัก 

เราอยู่ที่ไหนกันนี่...

เขามองไปรอบๆ

“รอดแล้วรอดแล้ว..หรือนี่...” 

เอลร้องขึ้น แม้ว่าร่างกายของเขายังปวดระบมอยู่และยังลุกไม่ขึ้น แต่ก็ยังดีใจว่าได้กลับสู่โลกอันเป็นที่รักแล้ว เขาไม่เคยรู้สึกรักการมีชีวิตเท่าวันนี้เลย

นี่วันอะไรแล้วนะ...

แม้นเขาจะมองไปที่ปฏิทินแต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่าวันนี้คือวันอะไร เขาหัวเราะที่กลายเป็นคนไม่รู้วันคืนไปเสียแล้ว เขาพยายามคืนคลานไปที่ตู้เย็นแล้วใช้มือดันประตูตู้เย็นออกอย่างยากเย็น เขาหยิบขนมปังเก่าๆที่เก็บไว้มากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากนั้นก็เผลอหลับไปอีกหลายชั่วโมง เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่ามีกำลังวังชาขึ้นมาอย่างประหลาด เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ระเบียงหลังบ้านพยายามมองไปที่ไกลๆ เขามองไปยังด้านล่างก็พบคุณนายโซวกำลังโบกไม้โบกมือเรียกเขา

“ไปไหนมาหลายวันหาเอล”

เอลไม่ตอบคำถามแกล้งยกมือป้องหูทำทีไม่ได้ยิน

“ไปไหนมาหลายวันมีแต่คนมาตามตัวเธอนะ”

คุณนายโซวตะโกนแต่เอลทำเป็นไม่ได้ยินปิดประตูเข้าบ้านไป จู่ๆ เขาก็นึกถึงชายชุดดำในโลกวิญญาณคนนั้น เขาไม่รู้ว่าคนๆ นั้นคือเตียงดองกันผู้มีชื่อเสียง

“เขาเป็นใครกันนะ...”

เอลรำพึงรำพัน ขณะที่พยายามเค้นใบหน้าของเตียงดองกันออกจากสมองให้ได้ แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็จดจำใบหน้านั้นไม่ได้     

.....................................................................................................................

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา