valued friend เป็นไปไม่ได้ที่เราจะรักกัน
เขียนโดย Milkcake
วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 14.25 น.
แก้ไขเมื่อ 16 มีนาคม พ.ศ. 2556 21.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
5) หินแห่งความทรงจำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความมาแล้วค่า~ ตอนที่ 5 จากที่บอกไปว่าตอนนี้เป็นของ TK หรือ นาริคและทิวลิปน้อยนั่นเอง และไรเตอร์ก็ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ ไรเตอร์จะ"พยามยาม" แต่งให้จบค่ะ สู้ๆจากที่ตอนที่แล้วค้างๆ งั้นก็มาต่อกันเลย
“ที่นี่ที่ไหนเนี่ยทำไมมันสว่างอย่างนี้” ฉันเอามือมาป้องหน้าไว้แสงมันสว่างมากสว่างจนจะมองไม่เห็น
“นั้นใครค่ะ ใคร ใครค่ะ” ฉันวิ่งตามเงาของใครบางคนไป แสงสว่างค่อยๆเลือนหายไปเผยให้เห็นนํ้าทะเลสีฟ้าครามท้องฟ้าสีสดใส
“พ่อคะพ่อคะนั้นนํ้าทะเล ทิวอยากเล่นนํ้าทะเล ^^” มีเสียงของเด็กหญิงตัวเล็กๆลอยเข้ามา ฉันเลยละสายตาจากวิวทิวทัศน์ไปมองต้นเสียงนั้น
“พ่อ .. ” สิ่งที่ฉันเห็นคือพ่อของฉันและฉันในตอนเด็ก นี่มันอะไรกันทำไมฉันถึง ฉันงงไปหมดแล้วหรือว่านี่คือความฝัน
“หนูอยากเล่นนํ้าทะเล อยากเล่นๆๆๆๆ ” ฉันมองดูการสนทนาของฉันกับพ่อในตอนเด็ก
“เดี๋ยวนะทิว ให้พ่อกับแม่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยก่อนเดี๋ยวพ่อจะพาไป”
“แต่หนูอยากเล่นตอนนี้”
“เฮ้อ . ลูกคนนี้หนิ อย่าพึ่งไปเล่นคนเดียวนะหนูยังว่ายนํ้าไม่แข็งเลย” พ่อยังพูดไม่ทันจบฉันก็เห็นตัวของฉันวิ่งไปแล้ว
“คุณคะแล้วทิวล่ะคะ” มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นหรือว่าจะเป็นแม่
“อ้าวเมื่อกี้ยังคุยกับผมอยู่เลย ผมแค่หันไปยกของแปปเดี๋ยวเองสงสัยคงไปวิ่งซนแถวนี้มั้ง”
“เด็กคนนั้นกำลังจะจมนํ้า ช่วยด้วยๆ ” เสียงของนักท่องเที่ยวฝรั่งดังขึ้น
ตุบ เสียงกระเป๋าตกลงจากมือของพ่อ ท่านรีบวิ่งไปกลางทะเลและว่ายนํ้าไปหาฉัน และเสียงของแม่ที่ตะโกนเรียกตามพ่อเป็นทอดๆ ฉันมองดูเหตุการณ์ทั้งนํ้าตาตอนที่พ่อฉันช่วยฉันขึ้นมาได้ท่านหน้าตาซีดเซียวมากจนต้องมาคนไปช่วยอุ้มฉันและพยุงพ่อขึ้นมาพ่อเขย่าตัวฉันออกมาทั้งนํ้าตาแม่ฉันก็ร้องไห้ออกมา อยู่ดีๆพ่อก็หมดสติไปสถานการณ์ตอนนี้โกลาหลมาก ในใจของฉันมันกระวนกระวายไปหมดนํ้าใสๆก็ยิ่งเอ่อล้นออกมาจากดวงตา
“ทิว ทิว ทิวตื่นสิ” เสียงใครน่ะมันดังก้องอยู่ในหู เสียงนาริคหนิทำไม
“ทิวลิป” มีเสียงอีกเสียงหนึ่งเรียกฉันจากข้างหลังนี่ไม่ใช่เสียงของนาริคแน่นอน ฉันจำเสียงนี้ได้
“พ่อ .. ทำไม” ฉันร้องไห้ออกมาทั้งความงงแล้ววิ่งเข้าไปสวมกอดพ่อ ฉันคิดถึงออมกอดอบอุ่นนี้จัง
“ทิว ลูกยังคิดโทษตัวเองอีกหรอ ที่พ่อจากไปมันไม่ใช่ความผิดลูกเลยนะ” พ่อพูดทั้งโอบกอดฉัน
“พ่อไม่ต้องโกหกหนูหรอก หนูรู้ดี”
“ลูกยังไม่รู้ แต่จำไว้นะลูก ลูกไม่ผิด พ่อรักลูกมากนะ”
“หนูก็รักพ่อค่ะ”
“นาริคเค้าเป็นคนดีมากนะพ่อเชื่อว่าเค้าจะปกป้องและดูแลลูกแทนพ่อได้”
“..........”
“อย่าโกรธแม่เค้านะลูกที่แม่ทำไปเพราะอยากให้ลูกมีคนค่อยดูแล แม่เค้ารักลูกมากนะ พ่ออยากให้ลูกลองเปิดใจ”
“ทิวลิปลูก ลูกตื่นสิ ” นี่มันเสียงแม่นี่นา
“ตอนนี้ทุกคนกำลังเป็นหวงลูกอยู่นะ พ่อคงต้องไปแล้วล่ะ ฝากบอกแม่ด้วยนะว่าพ่อรักแม่ พ่อรักลูกนะ” ร่างของพ่อค่อยๆเลือนหายไปกับแสงจนริบสายตาฉัน
“พ่อคะ พ่อคะ อย่าพึ่งไป ฮือๆๆ พ่อ”
ฉันสะดุ้งขึ้นมาก็พบแม่ที่ยืนร้องไห้อยู่ตรงหน้า และนาริคกำลังกอดฉันอยู่
“ทิวเธอไม่เป็นไรใช่มั๊ย” เสียงนาริคเอ่ยขึ้นสีหน้าและนํ้าเสียงเค้าดูเป็นห่วงฉันมาก
“ทิวลูกแม่เคาะห้องตั้งนานลูกก็ไม่ตอบแล้วอยู่ดีๆลูกก็ร้องไห้ ลูกไม่ตอบแม่เลยจนแม่ต้องโทรตามริคมาดูลูกพอเขามาในห้องปลุกแค่ไหนลูกก็ไม่ตื่น ลูกรู้มั๊ยแม่เป็นห่วงแค่ไหนแม่กลัวว่าหนูจะจากแม่ไป ฮือๆ แม่เหลือลูกอยู่คนเดียวนะ ” แม่ฉันพูดออกมาทั้งนํ้าตา ฉันเลยเข้าสวมกอดแม่
“หนูขอโทษนะคะแม่ หนูขอโทษ ฮือๆ”
“โถลูก .. ลูกไม่เป็นอะไรแล้วใช่มั๊ย” เราคลายอ้อมกอดออกจากกัน แม่ลูกผมฉันอย่างอ่อนโยน
“ค่ะหนูไม่เป็นอะไรแล้ว แม่คะแม่รู้มั๊ยพ่อมาหาหนูด้วยค่ะ”ฉันพูดแล้วยิ้มออกมาบางๆ
“จริงหรอลูก” แม่ฉันก็ยิ้มตอบ
“ค่ะ ^^ พ่อบอกว่าพ่อรักแม่นะคะ”
“จ๊ะ ^^ แม่ก็รักพ่อของลูกเสมอ งั้นแม่ไม่กวนแล้วนะหนูพักผ่อนนะแล้วอย่าทำให้แม่เป็นห่วงอีก กู๊ดไนท์จ๊ะ แม่รักลูกมากนะ” แม่จุ๊หน้าผากฉัน
“ทิวก็รักแม่ค่ะ ^^” ฉันจุ๊บกู๊ดไนท์แม่ก่อนท่านจะเดินออกไปจนลับสายตา
“นายไม่กลับหรอ” ฉันหันไปข้างเตียงก็พบนาริคที่นั่งแข็งถื่อมองฉันอยู่
“ถ้าฉันกลับ เดี๋ยวคนแถวนี้ก็ทำให้เป็นห่วงอีก” เค้ามองมาทางฉัน สายตาเค้าดูอบอุ่นจัง
“ฉันไม่เป็นไรแล้วหรอกหน่า”
หมับ พรึบ อยู่ดีๆเค้าก็ดึงฉันไปกอดเฉยเลย
“นะ .. นาริค”
“เธอทำไมถึงทำให้คนอื่นเค้าเป็นห่วงอย่างนี้ เธอรู้มั๊ยว่าฉันแทบบ้า .... ทิวลิปเธอนี่มัน” นาริคกำชับกอดให้แน่นขึ้น ความห่วงใยของเค้าได้ส่งตรงมายังตัวฉันจากอ้อมกอดอบอุ่นของเค้า ทุกครั้งที่เค้ากอดฉันฉันจะนึกถึงอ้อมกอดของใครคนนึงที่ฉันรอคอยเค้ามาตลอดความอบอุ่นที่ส่งผ่านมามันเหมือนกับเป็นคนคนเดียวกัน ถึงแม้จะไม่ใช่คนคนเดียวกันแต่ .. อ้อมกอดนี้ฉันไม่อยากให้ใครได้ครอบครองเลย...ยกเว้นฉันคนเดียว นี่ฉันจะเห็นแกตัวไปรึป่าว
“เธอนอนได้แล้วล่ะนี่มันก็ตี 2 แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตาบวมไม่รู้ด้วยนะ” เค้าคลายอ้อมกอดแล้วมายิกแก้มฉันเบาๆ
“แล้วนายไม่กลับบ้านหรอ”
“นี่เธออยากให้ฉันกลับบ้านมากเลยหรอ”
“ก็ .. แค่ถามเฉยๆน่ะแล้วมันก็ค่ำมากแล้วด้วย”
“เดี๋ยวก็กลับแล้วล่ะ แต่ยัยตัวแสบที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ยอมนอนซักทีเนี้ยสิ ”
“โอเคๆๆ นอนแล้วๆๆ” ฉันเอาตัวมุดเข้าไปในผ้าห่ม จัดหมอนแล้วนอนลง
“งั้นฉันไปล่ะ”
หมับ
“มีอะไรหรอ” นาริคหันมาถามฉัน เพราะมือของฉันได้คว้ามือเค้าไว้
“เอ่อ .. . คือ ว่า”
“ว่าอะไร อ๋อ รึว่าจะให้ฉันจูบกู๊ดไนท์ล่ะ ^^” เค้ายืนหน้าเจ้าเล่ห์ๆมาพูดระยะใกล้
“จะบ้าหรอ เอาหน้าออกไปเลย >///<” ฉันดันหน้าเค้าออกไป
“แล้วอะไรล่ะ” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก เป็นไรเนี่ย
“เอ่อ .. นายช่วยอยู่เป็นเพื่อนฉันจนกว่าฉันจะหลับได้มั๊ย” ฉันพูดสิ่งที่ไม่คิดว่าจะพูดออกไป ตอนนี้ฉันยังสับสนอะไรๆหลายๆอย่างยังคงเรียบเรียงไม่ได้ แต่อยากขอเพียงให้มีคนมาอยู่ข้างและคนๆนั้นฉันอยากให้เป็นเค้า .. นาริค
“ฮ่าๆๆ แค่นี้เองหรอ”
“อย่ามาขำนะ -*- ”
“โอเคไม่ขำก็ได้นอนได้แล้ว”
“เดี๋ยวสิ” ฉันเอื้อมมือไปหยิบกล่องเล็กลายน่ารักๆที่อยู่โต๊ะข้างเตียง เปิดออกแล้วหยิบวัตถุที่มีขนาดเล็กขึ้นมา มันคือหินที่สวยมากมันเป็นสีใสเลืองแสงเป็นสีขาวในตอนกลางคืน ใสจนมองทะลุได้ รูปร่างของมันเป็นเสี้ยวครึ่งหนึ่งของรูปหัวใจ เหมือนมันเป็นหินคู่อีกครึ่งหนึ่งอยู่กับฉัน แล้วอีกครึ่งหนึ่งอยู่กับเค้า เด็กผู้ชายคนนั้น คนที่เป็นคนมอบอ้อมกอดอบอุ่มให้ฉันแม้เราจะไม่รู้จักกันก็ตาม
“เธอยังเก็บมันไว้อยู่หรอ” เสียงของนาริคถามขึ้น
“หินนี้นะหรอ ทำไมล่ะ ทำไมฉันจะเก็บไว้ไม่ได้”
“เปล่าหรอก”
“มีคนให้ฉันมาน่ะ ฉันไม่รู้จักหรอกเค้าบอกว่ามันเป็นหินนำโชคถ้าใสไว้ใต้หมอนจะทำให้นอนหลับฝันดี มันสวยใช่มั๊ยล่ะ ^^” ฉันพูดแล้วยิ้มมองหิน
“ฉันนอนดีกว่า” ฉันสอดหินไว้ใต้หมอนแล้วเอนตัวลงนอน
Naric Talk~
ผมนั่งมองเธอหลับอยู่นานแล้วล่ะ ผมควรจะกลับแต่ผมไม่อยากกลับ ผมอยากนั่งมองเธออยู่อย่างนี้ ก่อนที่ผมจะมาบ้านทิวลิปผมฝันถึงคุณลุงพ่อของทิวลิปท่านบอกว่าฝากทิวลิปด้วยผมก็รับปากท่าน ท่านยิ้มออกมาสีหน้าของคุณลุงดีมากไม่เหมือนคนป่วยเลยแต่ท่านก็ได้จากโลกนี้ไปแล้ว และเมื่อผมได้รับโทรศัพท์จากคุณน้าว่าทิวลิปว่าเกิดเรื่องกับทิวลิปผมคิดได้เพียงอย่างเดียวคือต้องไปหาเธอ ผมพึ่งจะสัญญากับคุณลุงเอง แต่ตอนนี้เธอไม่เป็นอะไรแล้วผมดีใจมาก
“กู๊ดไนท์นะ” ผมก้มลงไปจูบหน้าฝากเธออย่างอ่อนโยน
หินนั้นเธอยังเก็บไว้ หินแห่งความทรงจำของเราสองคน ..
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ