i'm not&you don't [Yaoi NC18+] END หนังสือถามได้คะ
9.2
เขียนโดย Pierre
วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 02.28 น.
49 chapter
69 วิจารณ์
260.02K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559 22.56 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
21) 17 - Hidden true feelings
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ17 - Hidden true feelings
หลังจากกินกันจนอิ่ม ได้ใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองแล้วก็พอใจกันถ้วนหน้า ส่วนผมดีหน่อยมีพ่อบุญทุ่มเลี้ยงเลยไม่ต้องออกเองสักแดง ก็กลับไปที่มหาลัยเพื่อเรียนในช่วงบ่ายต่อ เสียงเตือนว่ามีคนทักLineทำให้ผมหยิบขึ้นมาดู
Pause : เย็นนี้เดี๋ยวกูไปหาหมอเอง
เออไปเถอะ กูไม่ห้ามเลยสักนิด ดีซะอีก ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับกู
แม้จะสงสัยหน่อยๆว่ามันจะไปยัง ? คงให้เพื่อนพาไปละมั้ง
ตอนนี้ผม กิ๊ง เมฆ ได้มาอยู่ที่หอสมุดเพื่อทำการบ้านที่อาจารย์สั่งไว้ ไม่ได้ขยันอะไรนักหรอก แต่ไม่รู้ว่าจะไปไหน กลับหอก็น่าเบื่อ ไม่มีอะไรทำอยู่ดี ทัชมันก็ไปอยู่กับแฟนมันนั่นแหละครับ ส่วนนายแทนเห็นว่ารายนี้ต้องไปซ้อมการแสดงกับลุงรหัส มันชวนผมแล้วล่ะ แต่เรื่องไรที่ผมต้องไปเจอหน้าไอ้เหี้ยนั่นด้วย
กว่างานจะเสร็จเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบทุ่ม ดีที่ว่าหอสมุดมันปิด2ทุ่ม ผมกับเมฆเลยนั่งรอส่งกิ๊งที่รอแม่มารับ ไม่นานนักเธอก็กลับไป ผมเลยเดินไปส่งเมฆที่ป้ายรถเมล์ต่อ
“แกรนด์เป็นคนปากหมาแต่ใจดีนะ” จู่ๆเมฆก็พูดขึ้นระหว่างทาง
เค้ามีแต่ปากร้ายแต่ใจดีไม่ใช่เร๊อะ?
“อะไรของมึง ไม่ต้องมาชมกู กูรู้ตัวดีว่ากูเป็นคนยังไง”
“จริงๆนะ...แกรนด์อะหล่อน่ารัก เสียดายที่ปากพล่อย..”
“ข้างหน้ามีหลืบที่ซ่อนศพมึงได้นะเมฆ...”
“ง่า...” เมฆทำท่าหงอย “งั้นผมไม่พูดแล้ว”
“ไอ้เวร พูดต่อเลยสัด” ทำให้อยากแล้วจากไปเนี่ยนะ?
“คือก็...ผมไม่ค่อยสนิทกับแกรนด์มาก แต่ก็พอรู้อะไรหลายๆอย่าง”
“เช่น?” ผมเร่งให้มันพูดต่อ
“ช่วยดูแลพี่พอสไง”
“เหอะ! ไม่ใช่ดูแลโว๊ยยยยย กูแค่รู้สึกผิดที่ทำมันเจ็บ...ก็แค่นั้น”
“อ่อ...ครับ” แล้วมันก็เงียบไง ไม่มีบทสนทนาใดๆอีก
เรา2คนเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง...
“แกรนด์ๆ นั่นใช่รถพี่พอสรึเปล่า?”
ผมหันไปตามเสียงของเมฆ ก็เจอกับรถที่เด่นสะดุดตา ขับไปทางไหนใครๆก็รู้ว่านี่คือรถของ ‘พอส’ ปี3 วิศวะ ภาคเครื่อง ไม่ต้องอาศัยป้ายทะเบียนประมูลจำให้เสียเวลา เจ้าของรถยังมีผ้าพันอยู่ที่ข้อมือขวา แต่คนที่อยู่ข้างกายนั้นกลับไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย
ผู้หญิงผมยาวดัดลอนปลายสีดำสนิท หุ่นบาง ตัวเล็ก กำลังยืนคุยกับไอ้พอสอย่างออกรส มีการหัวเราะคิกคัก ก่อนจะเอื้อมมือมาจับผ้าที่พันไว้ แม้ไม่เห็นหน้า แต่ก็สามารถรับรู้ได้เลยว่าเธอคนนี้น่ารัก
“ไม่เข้าไปทักหน่อยเหรอครับแกรนด์”
“ไม่!”
แค่มองผมยังไม่อยากจะมอง ดังนั้นเรื่องคิดจะเข้าไปทักตัดทิ้งได้เลย!
หนุ่มสาว2คนเข้าไปในรถนั่นแล้ว โดยมีฝ่ายหญิงเป็นคนขับ ท่าทางทั้งคู่จะไม่เห็นผมกับเมฆ รถบีเอ็มสีดำจึงแล่นออกไปอีกทาง
อ๋อ ไอ้ที่บอกว่าจะไปหาหมอเองเพราะมีคนพาไปแล้วสินะ เหอะ
แล้ว...ผมหวังอะไรอยู่เนี่ย?
ผมกับเมฆเดินต่อ
ทำไมรู้สึกว่าช่วงขาแต่ละก้าวนั้นลำบาก ในอกมันหน่วงๆ
ช่างมันเถอะ มีคนพาไปก็ดีแล้วนิ... ไม่ต้องมาลำบากกู...
“เป็นอะไรรึเปล่าแกรนด์?” คนข้างๆถามผม
“เปล่า”
“แต่แกรนด์ดูหงุดหงิด”
“อะไรของมึง .. เนี่ย กูอารมณ์ดีที่สุดละ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
หัวเราะได้แย่มาก ขนาดไอ้ซื่อบื้อข้างๆยังรู้
กลบเกลื่อนความรู้สึกที่มันบีบในอก ไม่อยากให้ใครต้องมากังวล โดยเฉพาะไอ้เมฆที่มันดูจะเข้าใจความรู้สึกผมดี ยิ่งกว่าตัวผมเองซะอีก
“ฝืนหัวเราะได้ไม่เนียนเลย” มันพูดเนิบๆตามประสาของมัน “รู้มั้ยแกรนด์สายตาที่มองพี่พอสเมื่อกี้...มันดูเจ็บปวด ผิดหวัง”
“มึงจะไปรู้อะไร!!” ผมหันไปตวาดใส่มัน แต่คนถูกตวาดกลับยิ้มให้ แม่งบ้าเปล่าวะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงวิ่งหางจุกตูดไปแล้ว
“เพราะผมไม่สนิทกับแกรนด์ไง...รู้เพียงแค่ผิวเผิน ทำให้ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกนี้...” เมฆเงียบไป ชะโงกหน้าไปมองดูรถเมล์ที่วิ่งผ่าน เนื่องจากตอนนี้ผมกับมันเดินมาถึงป้ายรถเมล์แล้ว
“แกรนด์เปลี่ยนไปนะ ปากหมาน้อยลง เอาใจใส่คนอื่นมากขึ้น...” เมฆหันมามองผม “ลองเอาไปคิดดูนะว่าทำไมแกรนด์ถึงต้องมองพี่พอสด้วยสายตาผิดหวังและเจ็บปวดแบบนั้น .. แกรนด์หวังอะไรอยู่?”
ผมหวังอะไรงั้นเหรอ?
“ไปก่อนนะ รถเมล์มาแล้ว บ๊ายบาย” แล้วเมฆก็ขึ้นรถเมล์สีครีมแดงไป
ผมเดินไปเรื่อยๆ ตามทางที่คุ้นชิน ในใจก็เหม่อลอย นึกไปถึงคำทิ้งท้ายของเมฆ รู้ตัวอีกทีก็เดินมาถึงหน้าหอแล้ว กดลิฟท์ชั้นที่ตัวเองอยู่ พอถึงก็เดินไปไขกุญแจเข้าห้อง
เหมือนไม่ได้กลับห้องตัวเองเป็นชาติเลยแหะ
อาจเพราะไปอยู่คอนโดหรูของใครบางคนมากกว่า ทั้งๆที่ไม่ได้เต็มใจอยากจะไป แต่สุดท้าย มันก็บังคับผมให้ทำตามที่มันสั่งได้อยู่ดี
ทำไมวะ?
ปกติผมเป็นคนไม่ยอมคนนี่?
‘แกรนด์หวังอะไร’
คำถามง่ายๆ แต่คำตอบนั้นผมไม่อยากจะยอมรับ
เมื่อนึกถึงยามที่มันคุยโทรศัพท์จนดึกดื่นหรือตอนที่มันมีผู้หญิงพาไปหาหมอ...
มันเหมือนมีอะไรบีบอยู่ข้างใน เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้...
หรือมึงจะหึงวะไอ้แกรนด์
หึง?...
หึงมันเนี่ยนะ?
ให้ตายเหอะ นั่นผู้ชายนะโว๊ยยยยยยย!! ผมคิดอะไรอุบาทว์ๆออกมาแบบนี้ได้ยังไง!!
แต่สมองอีกด้านกลับแย้งมาว่า...
แล้วมึงไปทำกับข้าว อาบน้ำ ตามดูแล คอยเป็นห่วงไอ้พี่พอสทำไมละว่ะ?
ก็นั่นนะสิ กูทำไปทำไมวะ?
สมองอีกด้านยังไม่จบ ยุยงถามมาอีกว่า...
แล้วมึงเคลิ้มทำไมตอนไอ้พี่พอสมันจูบมึง? แถมมึงยังจูบตอบจนเกือบเสียตัวอีก
กะ ก็... ก้ออออ เอ่อ..เอิ่ม...อารมณ์มันพาไปวะ
อ้อ อารมณ์พาไป...แล้วถ้ากับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ไอ้เหี้ยพอสมึงจะเคลิ้มมั้ยสัด?!
ยี๋! แค่คิดก็ขยะแขยงแล้ว ห่าราก
เออ! สรุปมึงหลงชอบไอ้เหี้ยพี่พอสของมึงไปแล้วละแกรนด์น้อย!
ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
กูจะพ่นไฟ!!
จริงเหรอเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ตอนนี้ผมเหมือนคนบ้า นั่งทึ้งหัวตัวเองอยู่บนเตียง เถียงไปมาในสมอง ใกล้บ้าแล้วครับท่าน ไปอาบน้ำสงบจิตสงบใจหน่อยดีกว่า
สายน้ำที่ไหลผ่านชำระล้างร่างกายก็ไม่ได้ช่วยให้ผมเลิกคิดถึงไอ้บ้านั่นเลยสักนิด ยิ่งคิดถึงเมื่อเช้า ตอนที่ผมอาบน้ำให้มันก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญ มันจูบผมด้วย แถมยังชำนิชำนาญจนผมอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ทั้งๆที่ผมจูบกับผู้หญิงมาก็มากมาย ไม่มีใครสักคนที่ทำให้ผมรู้สึกดีได้แบบนี้
ใบหน้าหล่อๆของมันลอยอยู่ในหัวสมอง เลือดรวมตัวคั่งที่แกรนด์น้อย แม่นางทั้งห้าเริ่มปฏิบัติการผ่อนคลายอารมณ์
“อะ ฮ้า...พะ..พี่พอส”
เสียงอันน่ารังเกียจเอ่ยเรียกชื่อของใครบางคนที่ผมนึกไม่ถึงว่ามันจะเข้ามารบกวนจิตใจผมได้มากขนาดนี้
ผมต้องการมัน...
วันนี้เป็นวันประกวดดาวเดือนของมหาวิทยาลัย งานเริ่มตั้งแต่9โมงเช้า แต่ไอ้แทนมันต้องไปเตรียมตัวตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ ผมกะว่าจะไปเชียร์มันตอนที่ขึ้นเวที ซึ่งเป็นตอนเย็น มันด่าผมใหญ่ว่าไม่ไปให้กำลังใจ ช่วงเช้าก็ไม่มีอะไรมาก จะเป็นแค่การร่วมสนุก ทำกิจกรรมดาวเดือนแต่ละคณะ ไม่เห็นจำเป็นว่าผมจะต้องไป แฟนคลับไอ้แทนก็เยอะใช่เล่น รูปมันได้ลงแฟนเพจคนหล่อประจำมหาลัยคนกดไลค์เยอะมาก แน่นอนว่าลุงรหัสมันก็ได้ลงเช่นกัน แถมไม่ใช่แค่รูปเดียวด้วย เชื่อเหอะว่าถึงผมกับทัชไม่ไปตอนเช้าแฟนคลับมันก็แทบแย่งเข้าร่วมกิจกรรมละ
ตื่นขึ้นมาก็เกือบเที่ยง แปรงฟันล้างหน้านั่งเล่นเกมจนตกบ่าย ถึงเวลาก็ไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเชียร์ไอ้แทนในรอบตัดสิน โทรนัดไอ้ทัชให้เจอกันที่อาคารจัดงานเลย ไอ้นี่มันมาตั้งแต่เช้าแล้วครับ อย่าลืมว่าเมียมันต้องประกวด
ภายในงานมีให้โหวตโดยการใส่ลูกบอล แน่นอนว่าผมโหวตให้คณะตัวเองทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย มีประวัติ รูปถ่ายของผู้เข้าประกวดครบทุกคณะ แต่ละคนหล่อๆสวยๆจัดว่าคัดมาแล้วทั้งนั้น ผมเดินไปรอบๆงาน ไม่นานนักก็เจอกับพวกเพื่อนๆในเจอร์ จึงเดินเข้าไปหา ไม่นานไอ้ทัชมันก็มาสมทบ แล้วก็เดินไปหาที่นั่งเป็นหลักเป็นแหล่ง มีคนทำป้ายไฟมาด้วยทั้งชื่อไอ้แทนแล้วก็ทิวา
แล้วนั่น...ป้ายไฟชื่อไอ้พอส...ทำมาทำไมวะ? มันปี3แล้วไม่ใช่ไง๊?
แต่แล้วก็กระจ่างเมื่อปิดทุกดวงในห้องดับลง บนเวทีมีสปอร์ตไลท์ส่องตรงไปยังคน2คน...ไอ้พอส กับ หญิงสาวที่ผมเห็นว่าขับรถให้มันไปหาหมอวันนั้น
ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันดี ผมจ้องมองไปที่เวทีแต่ไม่รับรู้ว่าทั้ง2คนพูดอะไรกันบ้าง สมองอื้ออึง เสียงพูดคุยรอบข้างกลายเป็นเสียงหวี่ๆจับใจความไม่ได้
ข้อมือมันคงหายแล้ว จากการที่มันจับไมค์โดยใช้มือขวา..ท่าทางจะได้คนดูแลดี
ผมมองไปรอบๆมีคนชูป้ายไฟชื่อมัน หนักกว่านั้นก็เป็นรูปขนาดใหญ่ ตะโกนเรียกชื่อมันปาวๆ ส่วนผมได้แต่นั่งนิ่ง...
จะให้ผมทำอะไรได้ละ?
สิ่งเดียวที่ทำได้คือทนดูต่อไป...แค่นั้น
“ไอ้แกน เป็นไรวะมึง” ทัชเห็นเพื่อนตัวเองนั่งเงียบมานานจึงถาม
“เปล่า”
“แน่ใจ?”
“กูก็เป็นของกูแบบนี้” ผมเหวี่ยงใส่มันหน่อยๆ ไอ้ทัชเลยนิ่งไป “เดี๋ยวกูก็หายเอง ไม่ต้องห่วงหรอก”
“อืมๆ มีไรก็บอก” สมกับที่คบกันมาหลายปี มันไม่เซ้าซี้งี่เง่าถามให้มากความ
ผมเหลือบไปเห็นพี่วอร์มที่นั่งอยู่กับพี่รอยและพี่โกเม่อยู่ไกลๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
การประกวดยังดำเนินต่อไป โดยเริ่มจากการแสดงโชว์เปิดตัวผู้เข้าประกวดแต่ละคณะ ทุกคนใส่ชุดฟรีสไตล์สวยหล่อ เดินออกมาเมื่อถึงชื่อตนเอง จากนั้นก็มีการเต้นนิดๆหน่อยเรียกน้ำย่อย เรียกเสียงกรี๊ดของผู้ชมได้เป็นอย่างดี
แต่ละคณะก็ไม่ยอมแพ้ ขนพรรคพวกมาเชียร์กันสุดฤทธิ์สุดเดช ข่มกองเชียร์ของคณะอื่น พวกผมมีหรือจะยอม ขึ้นชื่อว่าวิศวะต้องแหกปากเสียงดังโหวกเหวกโวยวายดังลั่น
ให้สมกับคำว่า ‘เถื่อน’
ชาวบ้านรอบๆคณะหันมามองพวกผมอย่างกับคนป่าเข้าเมือง มันก็จริงแหละครับ ขนาดผมยังหนวกหูเลย แต่ดูท่าคนบนเวทีจะชอบใจ ยิ้มใหญ่
ไอ้แทนกับทิวาคงมีกำลังใจเต็มร้อย
มาถึงการแสดงของแต่ละคน ซึ่งแสดงเป็นคู่ แต่ละคณะก็จัดเต็ม ทั้งเรียกเสียงฮาเสียงกรี๊ดได้ตลอด จนมาถึงคณะวิศวะ...
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“ฮิ้ววววววววววววว”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“สุโค่ยยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงที่ดังอยู่แล้วยิ่งโฮฮาดังเข้าไปใหญ่ เพราะไม่ใช่มีแต่คณะผมเท่านั้น คณะอื่นยังต้องร่วมแจม ก็ไอ้แทนกับทิวาน่ะสิ...แม่งงงงงง ผมเข้าใจนะว่าไอ้แทนมันหน้าด้าน แต่ทิวาก็เป็นไปกับเค้าด้วยเนี่ยนะ?
“ทัช เมียมึงเป็นงี้มึงรับได้เหรอวะ? ฮ่าๆๆๆ” นี่เป็นครั้งแรกที่ผมยิ้ม หัวเราะ อาจเพราะไอ้คนต้นเหตุมันลงจากเวทีไปแล้วด้วยล่ะมั้ง
“ฮ่าๆๆๆๆ เนี้ยแหละตัวตนที่แท้จริงของเมียกู กร๊ากๆๆๆ”
กลับขึ้นไปดูบนเวทีกันบ้าง ไอ้แทนจากหล่อคมมาดเข้ม ได้กลายร่างไปเป็น เอ่อ..สาว..?...เอ่อ สาวน้อย สุดแสนจะน่ารักแอ๊บแบ๊วละกัน ผมขอนิยามคำนี้ให้มัน ก็เล่นใส่นมปลอม โชว์พุง กระโปรงสั้น ถุงน้องลายตาข่ายสีชมพูแปร๊ด ใส่วิกเปีย2ข้าง แถมตบท้ายด้วยขนตาที่ยิ่งกว่ากันสาดบ้านผมอีก
ส่วนทิวาแต่งเป็นผู้ชายที่ไม่หลงเหลือเค้าความน่ารักอีกต่อไป ที่จริงอาจจะน่ารักอยู่ถ้าหากไม่ได้แต่งเป็น ‘กุ๊ย’ แบบนี้ ผมละเครียดแทนไอ้ทัชมันจริงๆ ฮ่าๆๆๆ
ทั้งคู่แสดงโชว์ที่ชื่อว่า ‘ล่าสุดขอบฟ้า เดอะมิวสิเคิล’ เรื่องก็ง่ายๆ ทิวาแอบชอบไอ้แทน แต่ด้วยความแตกต่างทางฐานะ เลยทำให้ทางบ้านของไอ้แทนกีดกันจนต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่ทิวาก็แสดงให้เห็นถึงความรักที่แท้จริงด้วยการตามหาไอ้แทนไปเรื่อยๆ ระหว่างที่แสดงก็จะมีเพลงประกอบขึ้นมาเป็นระยะๆตัดเป็นท่อนฮุคสั้นๆ ซึ่งแต่ละเพลงก็คัดสรรมาแล้วทั้งนั้น เช่น คันหู ตับ ร้องไห้หาพ่อเธอหรือ เพลงประกอบละครบ่วงก็ยังมาร่วม บางช่วงก็มี ชิมิ เจ้าหนอนผีเสื้อ หรือแม้แต่เพลงเกาหลียังมีเลยครับ ทั้งคู่ก็จะเต้นบ้าๆบอๆด้วยกัน จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งครับ ทางบ้านของแทนยอมรับ ในที่สุดก็แต่งงานมีลูกด้วยกัน
ไม่ต้องพูดถึงคนดู ฮาขี้แตกขี้แตน กรรมการก็ไม่เหลือภาพพจน์แล้วครับ หัวเราะปากกว้างเสียงดังเพราะการแสดงนี้
เมื่อการแสดงของดาวเดือนทุกคณะเสร็จสิ้น ไอ้คนที่ผมไม่อยากเห็นหน้าก็เดินขั้นมาคู่กับหญิงสาวน่ารักคนเดิม ประกาศว่าจะมีคอนเสิร์ตของวงสตริงชื่อดังที่ทุกคนรู้จักกันดี ผู้ชมลุกจากเก้าอี้ไปเกาะติดริมขอบเวทีเลยครับ
ผมว่าจุดประสงค์หลักนอกจากการมาเชียร์เพื่อนร่วมคณะแล้ว ผมว่าคอนเสิร์ตเนี่ยละก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้คนแน่นฮอลล์ขนาดนี้
“ไอ้ทัช เดี๋ยวกูมา ไปเยี่ยวแป๊บ” ผมบอกมัน แยกตัวออกมานอกอาคาร เดินไม่นานนักก็เจอเพราะผมก็มาทำกิจกรรมที่อาคารนี้บ่อย แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใครบางคนอยู่ในห้องน้ำเช่นกัน
ผมหันหลังกลับทันที
“เดี๋ยว!” คนที่อยู่ในห้องน้ำอยู่ก่อนแล้วเหลือบมาเห็นพอดี จึงรีบมาจับต้นแขนของคนที่กำลังจะเดินหนี
“มีอะไร” ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงนิ่ง นิ่งซะจนผมยังกลัวตัวเองเลย
ไม่ใช่อะไร...คือผมยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้ามันตอนนี้
ไอ้เหี้ยพอสยังหล่อเหมือนเดิม ยิ่งใส่ชุดสูทแบบนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งเพิ่มความน่าหลงใหลเข้าไปใหญ่ ผมถูกเซ็ทมาอย่างดี ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆไม่ให้ดูน่าเกลียด
“จะมาเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่เข้าล่ะ?”
“กูไม่อยากเข้าแล้ว .. ปล่อยได้ยัง?”
มันยังไม่ปล่อยต้นแขนผม
“เป็นอะไร?”
“เปล่า”
ในขณะที่เรา2คนกำลังทำสงครามประสาทอยู่ ต่างฝ่ายต่างจ้องไปมา ก็มีคนเข้ามาขัด
“เอ่อ..พอส ใกล้ขึ้นเวทีแล้วนะ” ไม่ใช่ใคร สาวน้อยน่ารักที่เป็นพิธีกรคู่มันนั่นเอง ยิ่งได้เห็นใกล้ๆยิ่งน่ารัก มองไม่มีเบื่อ เธอเข้ามาใกล้สายตาจับจ้องไปยังต้นแขนผม “มีอะไรกันรึเปล่า?”
“เปล่าครับ” เป็นผมที่ตอบ แกะมือไอ้พอสอย่างสุภาพ “ผมขอตัวก่อนนะครับ” ตัดสินใจแยกตัวออกมาจากตรงนั้น ไม่วายได้ยินเสียงกระซิบขณะที่กำลังจะเดินออกมาว่า
“งานเลิกแล้วรอกูก่อน...เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ผมนั่งลงบนเก้าอี้ม้าหิน ไม่ไกลจากสถานที่จัดงานมากนัก อารมณ์ตอนนี้ไม่อยากเจอใคร อยากอยู่เงียบๆคนเดียว ทบทวนความรู้สึกที่รบกวนจิตใจอยู่ตอนนี้ สิ่งที่ทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง
“มาหลบอยู่นี้น่ะเอง” เสียงโหดที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครดังขึ้น ผมหันหลังกลับไปมอง ไอ้พี่วอร์มมันเดินตรงมาและนั่งลงตรงข้ามผม “เห็นหายออกมานานแล้ว นึกว่าหลง...แล้วทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวละ ไม่กลับเข้าไปในงาน กำลังมันส์เลย”
“ข้างในมันอึดอัด” ข้ออ้าง...
“เห้อออ มึงนี่นะ...นอกจากปากหมาแล้วยังปากแข็งอีก”
“อะไรของพี่วะ ถ้าจะมากวนตีนก็กลับเข้าไปเลย”
“แล้วที่มึงเป็นอยู่อย่างนี้เพราะอะไรละสัด กูกะจะมาปลอบมึงซะหน่อย แม่งงง” พี่วอร์มพูดอย่างเซ็งๆ “ไอ้ทัชบอกว่ามึงเป็นไรก็ไม่รู้ทำท่าเหมือนคนอกหัก...”
“อกหักพ่อง”
“แล้วที่มึงมานั่งเล่นเป็นพระเอกมิวสิควิดิโอนี่เนี่ยว่าไรสัด!”
เถียงไม่ออกเลยกู - -*
“เอาเหอะ..กูมานั่งอกหักเป็นเพื่อน”
“หืม ใครทำพี่กูอกหักวะ?” พี่วอร์มออกจะหล่อเสียงโฉดขนาดนี้ ใครกล้าปฏิเสธวะ?
“เห้อออออ คนนั้นแม่งโง่ มึงไม่รู้หรอก” ไอ้พี่วอร์มเงยหน้ามองท้องฟ้า ที่เปลี่ยนเป็นสีส้ม ตะวันคล้อยดิน เป็นสีที่สวยมากๆ ขนาด6โมงครึ่งแล้วยังไม่มืด ช่วงกลางวันคงยาวนานกว่ากลางคืนน่าดู
“แล้วมึงอกหักจากใคร”
“...”
จะตอบยังไงดีละเนี่ย คือกูไม่ได้อกหัก เพียงแต่....รู้สึกอึดอัดในอกเวลาที่เห็นไอ้พอสมันยุ่งกับผู้หญิงคนไหนก็เท่านั้นเอง
“คือยังไงดีวะ จะเรียกว่าอกหักก็ไม่ถูก เพราะไม่ได้หลงรัก แค่หงุดหงิดหน่อยๆเวลาที่เห็นมันอยู่กับคนอื่น” ผมละชื่อไอ้พอสไว้เป็นบุคคลที่3 ไม่อยากให้พี่รหัสรู้ว่ามีน้องรหัสวิปริตผิดเพศ
“หึง?หวง?”
“มั้ง”
“แล้วมึงได้ลองบอกความรู้สึกนี้กับเค้ารึยัง?”
“โหย ใครจะกล้า” แม่งโหดขนาดนั้น ได้โดนต่อยกลับมาแทนละสิไม่ว่า
ป๊าบบบบบ
“โอ๊ยยย พี่แม่งงง ตบหัวทำไมเนี่ย?”
“ป๊อด! ไอ้สัด”
เจ็บน้ำตาเล็ดเลยกู
“ไอ้เหี้ย กูก็นึกว่าเค้ารู้แล้ว มึงถึงได้มานั่งหงอยอยู่แบบนี้ โธ่เอ๊ยยยยยยย.. คิดไปเองทั้งนั้นไอ้ห่า” ด่าเข้าปายยยยยย ไอ้พี่รหัสเวร ไม่มีให้กำลังใจน้องเลยแม่ง “ในฐานะที่กูเป็นพี่รหัสมึง ขอสั่งให้มึงไปคุยเคลียร์ให้เรียบร้อย...”
“ง่า..”
“ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ก็จะมีพี่รหัสคนนี้คอยอยู่เสมอ ... โอเคนะไอ้น้องรหัสปากหมา” คนตรงข้ามเอื้อมมือมาลูบหัวผม
พี่วอร์มก็ยังคงเป็นพี่รหัสที่ดีเหมือนเดิม จะมีพี่คนไหนใส่ใจน้องรหัสได้ขนาดนี้มั้ยนะ?
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ