i'm not&you don't [Yaoi NC18+] END หนังสือถามได้คะ

9.2

เขียนโดย Pierre

วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 02.28 น.

  49 chapter
  69 วิจารณ์
  260.59K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559 22.56 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

20) 16 - GET OUT OF MY HEAD!

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

16 - GET OUT OF MY HEAD!

 

 

ณ โรงพยาบาลJKL

 

เอ่อ...แล้วผมมาทำอะไรที่นี้เนี้ย? ได้แต่ยืนเอ๋ออยู่กลางโรงบาล

 

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการให้ช่วยอะไรมั้ยค่ะ?” พยาบาลคนเดิมสุดน่ารักที่เคยพาผมขึ้นไปตรวจเดินมาถาม ดีนะที่ผมเคยมาไม่งั้นคำถามได้เปลี่ยนเป็น ‘เป็นโรคเอ๋อต้องการรักษาเหรอค่ะ?’ แน่ๆ

“เอ่อ..คือ” ผมอึกอัก...คือก็ใช่อะนะผมตามไอ้คนเจ็บข้อมือมา..แต่ไม่รู้ว่าจะถามยังไงอะ

“หรือว่ามากับคุณพอสค่ะ?”

“อ้อ.ครับ ใช่ๆๆ”

“งั้นเขิญนั่งรอก่อนนะคะ เพราะตอนนี้คุณพอสรอการเอกซเรย์ข้อมืออยู่คะ” ผายมือไปทางโซฟาแล้วก็ยิ้ม ผมเดินตามอย่างว่าง่าย นั่งลงบนเบาะนุ่ม

 

ว่าแล้วว่ามันต้องมาโรงบาลนี้ เหอๆ เดาไม่ผิดจริงๆ ไอ้คนชอบใช้เงินเปลือง

 

ผมนั่งอ่านนิตยสารฆ่าเวลา ไม่นานนักไอ้คนเจ็บข้อมือก็โผล่หน้ามาให้เห็น มันเดินตรงลิ่วมายังผมด้วยใบหน้าที่สงสัย ยอมรับว่าแอบดีใจนิดหน่อยที่มันไม่เจ็บถึงขั้นต้องใส่เฝือก มีแค่ผ้าพันไว้เฉยๆ

 

“มาทำอะไร”

“มาดูหมา(จิ้งจอก)เจ็บ”

“ไม่ยักรู้ว่าที่นี่มีแผนกรักษาสัตว์”

“ก็รู้ไว้ซะสิ”

 

มันเดินออกจากโรงบาล ผมเดินตาม เห็นว่าเปิดประตูแท็กซี่ ผมไม่รอช้า แทรกตัวตามเข้าไปทันที ไอ้พอสมันดูงงๆ แต่ก็ไม่ถามอะไร

 

“คอนโด123 ครับพี่” มันบอกคนขับ ก่อนจะหันมาถามผม “มึงตามกูขึ้นมาทำไมเนี่ย? ไหนว่ามาดูหมา”

“ข้อมือเป็นไง หักมะ?” ผมไม่ตอบ เลี่ยงไปถามแทน อย่างที่มันเคยกวนประสาท

“แล้วตกลงว่ามึงขึ้นแท็กซี่ตามกูมาทำไม?” เอากะมันสิ..

“ไม่หักก็ดี” ผมถือว่ามันตอบแล้ว

“อ้อ สรุปว่าเป็นห่วงกู เลยตามมาดู” ยิ้มทำซากไรวะ

“ไม่ใช่!”

“ข้อมือไม่เป็นไรมากหรอก แต่คงเขียนหนังสือไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ถนัด อาทิตย์หน้าก็คงต้องให้คนอื่นลงแข่งบาสแทน” จู่ๆมันก็ร่ายยาว

“ใครถาม?”

“เห็นว่าคนแถวนี้อยากรู้จนต้องตามมาดูไง หึหึ”

 

 

สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ใครเป็นห่วงมึ้งงงงงงงงงงง

 

“หลงตัวเองละสัด” ผมด่า แต่มันก็ยังด้านเสือกยิ้มอยู่นั่นแหละ

 

ข้อมือซ้นมันมีความสุขขนาดนี้เลยเหรอไงวะ?

 

ผมนั่งจมอยู่ในความคิดตลอดทาง จนกระทั่งถึงที่หมาย ไอ้พอสมันก็บอกให้ลง แต่ความจริงผมไม่ได้ขึ้นรถแท๊กซี่เพื่อตามมาเฝ้าไข้หรือดูแลอย่างใกล้ชิดอะไรหรอกครับ แค่นั่งติดรถมากับมันเผื่อมันเป็นไรขึ้นมาแล้วก็กะว่าจะนั่งต่อกลับหอเลย

 

“ลงสิวะ”

“กูจะกลับหอ” คนที่ลงก่อนเปิดประตูรถค้างเมื่อเห็นว่าอีกคนยังนั่งอยู่

“ห้ามกลับ มันดึกแล้ว วันนี้ค้างที่นี่ก่อน” น่าแปลกที่มันพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนห่วงใย...ทั้งๆที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด ผมเป็นผู้ชาย ใครจะมาทำอะไร “เห็นมั้ยมึงเป็นคนทำข้อมือกูซ้น ดังนั้นมึงต้องมาช่วยดูแลกูก่อน” มันไม่ว่าเปล่า ยื่นข้อมือที่มีผ้าพันรอบมาให้ดู ผมกำลังจะปฏิเสธ แต่โซเฟอร์พูดตัวอย่างรำคาญว่า

“นี่น้อง ไปเคลียร์กันให้เรียบร้อยก่อน พี่ยังต้องไปรับผู้โดยสารคนอื่นอีก”

“ลงมา” ผมทำตามที่มันสั่งอย่างช่วยไม่ได้ ปิดประตูรถแรงๆ ไอ้คนขับก็ดีดตัวรถออกไปแทบจะทันที “ว่าง่ายๆตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง”

 

แต่คิดว่าผมจะเดินตามมันขึ้นไปที่ห้องเหรอ?...

ยอมมันง่ายๆก็ไม่ใช่ผมสิ

 

ผมเดินหันหลังให้กับคอนโด หวังจะไปเรียกแท็กซี่ข้างหน้าเอา แต่ทว่าไอ้คนที่มันชอบบังคับก็ยังบังคับเหมือนเดิม นี่ขนาดข้อมือมันเดี้ยงนะเนี่ย ยังสามารถใช้มืออีกข้างมาคว้าข้อศอกผมไว้ได้อะ

 

“กูบอกว่าห้ามกลับ อยู่ดูแลกูก่อน .. นี่มึงไม่คิดจะตอบแทนอะไรกูเลยใช่มั้ย?” เสียงในตอนท้ายอ่อนลง

 

จะว่าไป..มันก็ช่วยผมมาหลายครั้ง พอๆกับที่มันกวนตีนแกล้งผมนั่นแหละ

 

“เออๆ แล้วอย่ามาบ่นนะสัด”

 

สุดท้ายมันก็สามารถบังคับผมได้เหมือนเดิม เห้ออออ

 

 

 

 

 

ห้องกว้างเหมือนเดิม หรูหราเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ...

 

ตึกตักตึกตักตึกตัก

 

ใจมันเต้นแรงกว่าเดิม...

 

ทำไมอาการผมมันเหมือนสาวน้อยจะเข้าไปเสียตัวแบบนี้ฟ่ะ? มันต้องไม่ใช่สิ นี่ผมเป็นผู้ชายและกำลังจะเข้าห้องรุ่นพี่ที่หล่อลากหล่อมากๆหล่อไม่บันยะบันยังแค่นั้นเอง

 

แค่มาดูแลมัน...แค่นั้น...ท่องไว้ไอ้แกรนด์ มันทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ข้อมือซ้นแบบนั้น...

 

ผมเดินมานั่งที่โซฟาหน้าทีวีราคาแพง

 

“ไอ้แกน” เจ้าของห้องเรียกผม

“มีไร” ผมตอบมันทั้งๆที่สายตายังไม่ละไปจากจอยักษ์

“กูหิว”

“ก็โทรสั่งดิ” อย่าคิดว่ากูจะลุกมาทำกับข้าวให้มึงกินเด็ดขาด

“เปลือง”

 

สาดดดดดดดดดดดดดดด

กูละอยากตั้นหน้ามันจริงๆ พูดมาได้ว่าเปลือง ไอ้ที่มึงมีรถ2คัน คอนโดหรูหราซื้อบ้านได้3หลังเนี้ย...ไม่เปลืองเลยเน๊อะ

 

ดูเหมือนมันจะรู้แน่ๆว่าบอกผมก็ไม่ได้ไรขึ้นมา มันเลยเลือกที่จะเดินเข้าครัวไป

 

เคร้งงงงงงง!!

เสียงเหมือนถ้วยหล่น...ซุ่มซ่าม

 

แกร๊งงงงงง!!

ตะหลิวปลิวละมั้ง...มือมีเอ็นจับไหมเนี่ย?

 

และอีกหลายๆเสียงตามมาจากห้องครัว ไม่อยากจะนึกสภาพเลยว่าห้องครัวจะเละขนาดไหน ผมยังนั่งนิ่งฟังเสียงของตกหล่นไปเรื่อยๆ คอยดูว่ามันจะทำอาหารเสร็จมั้ยวันนี้ แต่แล้วผมก็ต้องลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงเหมือนแก้วแตก

 

เพล้งงงงงงงงงงงงง!!

 

แม่ง ดันทุรังจังสัดนี่

หวังว่าคงไม่มีอีกแผลให้กูต้องรู้สึกผิดหรอกนะ...

 

ผมเดินเข้าไปในห้องครัว สภาพไม่ได้เละอย่างที่คิด เพียงแต่การที่มันหั่นแตงกวาได้แย่พอๆกับที่เนื้อหมูหนาจนต้มครึ่งวันก็ไม่สุกนั่นทำให้รู้ว่าไอ้พอสมันพยายามที่จะทำจริงๆ เสียแต่ว่าข้อมือไม่เอื้ออำนวยก็เท่านั้น

 

“เข้ามาทำไม ออกไป”

“มึงอะออกไป อยากแดกมากเดี๋ยวกูทำให้ เห็นแล้ว...แม่ง...รมณ์เสียวะ”

 

ผมไม่ผิดใช่ไหมที่ไล่เจ้าของห้อง

แล้วทำไมมันเพียงแต่เขยิบไปตรงตู้เย็นเองละ? เห้อออ ช่างมัน ขอแค่อย่ามายุ่งวุ่นวายก็พอ

 

จากการที่ของสดถูกหยิบยกมาไว้บนโต๊ะนั้น ผมไม่รู้ว่ามันจะตั้งใจทำเมนูอะไรออกมากันแน่ ไม่นึกว่าคนอย่างมันจะมีอาหารสดเก็บแช่ไว้เยอะ ทั้งๆที่ท่าทางมันก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆไปที่ไม่ว่าจะรวยหรือจนก็ต้องพึ่งเจ้า ‘มาม่า’ กันทั้งสิ้น ผมยืนคิดครู่หนึ่งก่อนจะลงมือทำหมูทอดแบบง่ายๆ หมักแล้วทอด ไม่ต้องมีอะไรให้มากความ ต่อจากนั้นก็หุงข้าว รอข้าวสุก แต่ทั้งหมดนี้ผมกระทำโดยมีเจ้าของห้องยืนมอง ชวนอึดอัดและใจเต้นตึกตักไม่แพ้กัน

 

ทำไมมันเหมือนแฟนสาวทำกับข้าวให้หนุ่มที่รักแบบนั้นวะ??

 

บ้าไปแล้วกู..คิดได้ไง...แฟนสาวกับชายหนุ่มที่รัก..ผมหันไปมองหน้ามัน

 

 

กูจะอ้วก

รักกับมันผมยอมไปรักกับกระเทยในภาคดีกว่า

 

 

 

“ออกไปรอข้างนอกดีกว่า อีกนานกว่าข้าวจะสุก” มันบอกผมแล้วเดินนำออกไปลิ่วๆ ได้ยินดังนั้นจึงจัดการทำความสะอาด เก็บของที่เหลือเข้าตู้เย็น

 

ผมเดินกลับมาที่หน้าทีวีอีกครั้ง แต่มันก็น่าเบื่อ รู้สึกว่าทำตัวไม่ถูกยังไงก็ไม่รู้ ไอ้พอสก็เอาแต่มองผมอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่าแม่งจะมองทำไม กูรู้ตัวว่าหล่อ ไม่ต้องอิจฉา

 

“นาทีละ100” ผมพูดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แน่ละ ไอ้พอสงง

“อะไร”

“ค่ามองกูไง นาทีละ100” ผมเฉลย มันหัวเราะเบาๆ

 

 

 

“งั้นถ้ามองทั้งชีวิต คิดเท่าไหร่?”

 

 

ตึกตักตึกตัก

 

ผมคงหูฝาดไปไม่ก็มันเมาแน่ๆ

 

 

“อะไรของมึง ดูดเนื้อมาเหรอไง?”

“เปล๊า ฮ่าๆๆๆ”

“บ้า...” ไอ้พอสขำครับ ผมว่ามันดูดีนะ ผมชอบเวลามันยิ้มหรือขำ ดีกว่าทำหน้าดุปากเสียเป็นไหนๆ “ขำไรวะ” แต่บางทีมันก็หงุดหงิด ขำเหี้ยไรนักหนา กูไม่ได้มีนามสกุลเชิญยิ้มนะสัด

 

“ขำคนหน้าแดง ฮ่าๆ...ว่าแต่..มึงหน้าแดงไรวะ? ร้อนเหรอ”

 

ผมเอามือจับหน้าตัวเองทันที ไอร้อนๆที่แผ่ออกมานี่...ผมแก้มแดงจริงเหรอ?

 

เพราะไอ้ประโยคนั้นแน่ๆ

 

 

ติ๊ง!

 

เสียงหม้อหุงข้าวดัง ไอ้พอสกำลังจะลุกขึ้น

 

“เดี๋ยวกูทำเอง มึงนั่งอยู่เฉยๆเถอะ”

“อะไร กูจะไปนั่งรอมึงตักมาให้ตรงโต๊ะกินข้าวหรอก..ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เร็วๆนะหน่อยนะจ๊ะน้องแกรนด์ พี่หิว กร๊ากกก”

 

แม่งหัวเราะได้น่าถีบที่สุดในโลก!

 

ได้ทีใช้กูใหญ่เลยนะมึง เดี๋ยวเถอะ...

ผมตักข้าวใส่2จาน จานแรกของผม ไม่เยอะมากนักเพราะไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่อีกจานเนี่ยสิ เห็นว่าหิวมากใช่มั้ย งั้นจัดไปเลยหมดหม้อ!

 

หยิบจานหมูทอด ขวดน้ำเปล่า แก้ว และตบท้ายด้วยจานข้าวมาวางไว้ที่โต๊ะ ประเคนให้ถึงหน้าตัก

 

“นี่มึงกะให้กูอิ่มยันเดือนถัดไปเลยปะวะ?” มันเงยหน้ามาถามผมหลังจากได้เห็นข้าวในจานของตัวเอง ซึ่งผิดกับของผมลิบลับ แต่ผมไม่ตอบมัน ยกไหล่เชิงทำนองว่า ‘แล้วแต่มึงจะคิด’ มันไม่ได้บ่นอะไรออกมาอีกหยิบหมูชิ้นที่ใหญ่ที่สุดไปวางไว้ในจานของตัวเอง ลงมือกินแบบเงอะๆงะๆ เพราะมันถนัดขวา แต่มือซ้ายก็ยังสามารถตักข้าวเข้าปากได้โดยที่ไม่หกอยู่ นี่ผมนึกว่ามันจะแกล้งให้ไปป้อนให้อีก มันไม่วิจารณ์เรื่องหมูทอด รอดไป

 

“กินให้หมดนะ ไม่งั้นเสียน้ำใจคนทำแย่” ผมพูดไปงั้นแหละ ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันกินหมดจริงหรอก พุงแตกตายก่อนพอดี

 

เป็นครั้งแรกที่ผมกินข้าวฝีมือตัวเองกับคนอื่น

หมูทอดที่ไม่พิเศษ รสชาติธรรมดาๆ แต่กลับรู้สึกว่าเป็นหมูทอดอัศจรรย์ ที่ทำให้ผมกับคนตรงหน้านี่ร่วมโต๊ะกันได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ข้าวหุงสวยๆคงไม่ได้อยู่ในจานนิ่งๆให้ผมได้กินแน่ อาจจะต้องหกกระเด็นไปทั่วด้วยฝีมือไม่ผมก็มัน

 

กินกันไปเรื่อยๆโดยมีแค่เสียงช้อนกระทบกับจานเท่านั้น ไม่นานนักผมก็กินหมด จานตรงกลางมีหมูเหลืออยู่2-3ชิ้นแต่ข้าวในจานไอ้พอสยังพร่องไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ คนตรงข้ามกวาดหมูใส่จานตนเอง

 

“มึงไปทำไขเจียวไข่ดาวไข่ต้ม อะไรก็ได้มาให้กูหน่อย”

 

ห๊ะ? อะไร ยังจะกินอีกเหรอ

 

“ถ้ามึงอิ่มก็พอเถอะ กูพูดไปงั้น” รู้สึกสงสารมันตงิดๆ...หรือว่ามันจะติดใจกับคำพูดที่ผมบอกว่าถ้ากินไม่หมดคนทำจะเสียใจ?

“ไปทำมาเหอะน่า” มันยังยืนยันคำเดิม ผมก็ไม่ขัดศรัทธาเข้าครัวอีกรอบ ออกมาอีกทีพร้อมไข่ดาวแบบสุกๆ แต่มันกลับช้อนไข่ดาวไปไว้ในจานตัวเองแล้วสั่งมาอีกว่าให้ผมไปหยิบแม๊กกี้กับทำไข่เจียวเพิ่ม

 

มันเอาจริง?

 

“มึงยังไม่อิ่มอีกไง๊?”

“อิ่มสิวะ ข้าวตั้งเยอะ”

“อ่าว งั้นแดกทำไม อิ่มก็พอสิวะ” เรื่องแค่นี้ต้องให้กูบอกรึไง

“ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า...แม่กูสอนไว้”

 

 

แม่งงงง กูอุตส่าห์ดีใจ นึกว่ามึงจะติดใจสเน่ห์ปลายจวักกูซะอีก โธ่

 

 

สุดท้ายก็หมด...เกลี้ยง...ไม่เหลือข้าวแม้แต่เม็ดเดียว

 

แต่ทำไมต้องกูต้องมาลำบากล้างจานอีกเนี่ยยยย เครื่องล้างจานก็มี แต่แม่งสั่งให้ล้างด้วยมือเพราะเปลืองค่าน้ำค่าไฟกับน้ำยาล้าง ไอ้ตัวผมก็ไม่กล้าเปิดเครื่องใช้เองซะด้วย

 

รวยแล้วยังงก หรือว่าตั้งใจจะแกล้งกูเนี่ย?

 

 

ได้แต่เดินปลงเข้าไปอาบน้ำ ครั้งนี้ไม่ต้องบอกแล้วครับ ผมเดินเข้าไปหยิบชุดเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำเลย คำว่าเกรงใจ สำหรับมันผมสะกดไม่เป็นชั่วขณะ ฮ่าๆ

 

ครั้งที่2แล้วที่ผมมาเหยียบห้องนี้ ไม่อยากจะนึกถึงครั้งแรกแต่ก็อดคิดไม่ได้สิน่า...กล้ามงามๆ ผิวน่าลูบ ใบหน้าที่มีเหงื่อ และ มังกรน้อยๆของมัน...

 

เห้ยยยยย!! นี่ผมกำลังคิดอะไรเนี่ยยยยยย

ไม่ๆๆๆๆ ห้ามคิด!!

 

ผมล้างฟองสบู่ออกจากตัว จะได้ไม่ต้องคิดอะไรที่เกี่ยวกับเจ้าของห้องอีก

 

แต่ก็นะ...เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว...เอ่อ จะเอาไรไปสู้มันละเนี่ย? เห้ออออออ สวรรค์ช่างลำเอียง

 

เมื่ออาบน้ำเสร็จ เดินออกมาไอ้พอสก็พูดขึ้นทันที

 

“ช้าสัด ชักว่าวอยู่ไง๊?” ขอให้ได้ด่า...คนแบบนี้ก็มี แต่ผมไม่โต้ตอบกลับไปเพราะ...มันคือความจริงครับ ฮ่าๆๆๆๆ ก็แหม ผู้ชายนะคร้าบบบบ ไม่ได้ตายด้านด้วย แถมช่วงนี้ไม่ค่อยได้นอนกับสาวๆเท่าไหร่ มันก็ต้องมีบ้างแหละน่า

 

“มึงมานี่ ช่วยกูเขียนเลย ส่งพรุ่งนี้” มันไม่ได้อยู่หน้าทีวีครับ แต่อยู่บนโต๊ะเตี้ยๆ มีชีท หนังสือ เอกสาร ปากกาวางเต็มโต๊ะไปหมด ผมเข้าไปใกล้ๆอยากรู้เหมือนกันว่าเรียนอะไร ยังไงซะไม่เจอปีนี้อีก2ปีก็ต้องเจออยู่แล้ว มันหน้าดำคร่ำเครียดกับตัวเลข ผมทำเขียนตามที่มันบอก ลากเส้นนู่นนี่ไปมา เห็นแล้วมึนแทน ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่

 

หลายครั้งที่โดนมันด่า คำนวณผิดบ้าง ทำไม่ตรงตามที่มันบอกบ้าง ขนาดเปิดเท๊กซ์ควบคู่ไปด้วยก็ยังเข้าใจยาก

 

กูแค่ปี1เข้ามาได้แค่เดือนกว่าๆเองนะสาดดดดดดดด จะอะไรนักหนามากมายวะ แล้วมึงจะเอาหน้ามาใกล้กูทำเชี่ยไร บอกกูเฉยๆก็ได้ สัด

 

สมาธิเริ่มหลุดลอย จากที่เขียนผิดอยู่แล้วก็ยิ่งผิดเข้าไปใหญ่ เขยิบเข้ามานั่งใกล้กัน อาจจะรู้สึกไปเองว่าริมฝีปากมันเฉียดแก้มผมหลายครั้งหลายครา จากที่บอกเฉยๆกลับกลายเป็นบอกใกล้ๆชิดใบหู

 

ตึกตักตึกตัก

 

ทำไมคนเราถึงบังคับการเต้นของหัวใจไม่ได้วะแม่ง จะเต้นเร็วไปไหน กลัวตัวเองหัวใจวายวะ

แต่ที่กลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ..กลัวไอ้คนข้างๆมันได้ยินมากกว่า...

 

“เสร็จแล้ว เก็บของให้ด้วย”

 

ฟู่วววววววว

 

“ว่าแต่มึงหน้าแดงอีกละ เป็นไร ไม่สบาย?”

“เปล่าๆ กูร้อน” ผมเขยิบตัวออกห่างจากมัน ทำเป็นวุ่นวายกับการเก็บหนังสือและชีทต่างๆให้เรียบร้อย เคาะแล้วเคาะอีก ทั้งๆที่มันก็เรียงกันเป็นระเบียบ

“งี้แหละ อยู่ใกล้คนฮอท ฮ่าๆๆๆๆ”

 

 

สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

กูเผลอใจเต้นกับไอ้คนหลงตัวเองแบบนี้ได้ไงเนี้ยยยยยย

 

RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR

เสียงโทรศัพท์มันดังขึ้น เจ้าของเบี่ยงตัวไปรับ มันคุยเสียงหวาน ถ้าให้เดาคนโทรมาก็คงต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆ

 

 

ทนหมั่นไส้ไม่ไหวต้องระเห็จตัวเองเข้าไปในห้องนอน คุยไลน์ เฟซ วอทแอพไปเรื่อย

 

อัพเดทชีวิตกันสักหน่อย

ไอ้ทัช รายนี้กกอยู่กับเมียคนใหม่ดีกรีดาวคณะ หวานแหววซะจนคนรอบข้างอิจฉา ทำเอาสาวๆและหนุ่มๆหลายคนน้ำตาตกใจ

นายแทนไท เห็นว่ากำลังซ้อมเต้น จากที่มันอัพรูปลงอินสตาแกรม เพื่อแข่งงานวันประกวดดาวเดือนที่ใกล้จะถึงนี้

ว่าที่สัตวแพทย์ อ่านหนังสืออย่างคร่ำเครียด

ไอ้บิ๊กกับแต๊งกิ้ว 2คนนี้อยู่ด้วยกันที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง แม่งเที่ยวทุกวันไม่เหนื่อยรึไงวะ

พี่รหัสผม อารมณ์เสีย หงุดหงิดจากเด็กซับน้ำ คาดว่าไอ้คนที่เรียนเซคเดียวกับผมเมื่อเช้านั่นแหละครับ

 

และยังมีสาวๆอีกหลายคนที่ผมคุยด้วย ส่วนตัวผมก็ได้แต่บอกไปว่าอยู่หอๆ กำลังติดการ์ตูนเรื่องใหม่ ไอ้การโกหกนี่มันไม่ดีเลยแหะ ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วทำไมผมถึงบอกออกไปไม่ได้ว่าอยู่คอนโดไอ้พอส?

 

ว่าแล้วก็ไปส่องเฟซมันซะหน่อย สาวๆโพสข้อความถามไถ่ถึงอาการบาดเจ็บที่ข้อมือกันใหญ่ ผมเลื่อนอ่านเร็วๆแล้วกดปิดทันที หันมาเล่นเมการันดีกว่า เงินใกล้ครบได้ตัวใหม่แล้ว

 

มันหงุดหงิด บอกไม่ถูก…

หงุดหงิดแทนสาวๆที่หลงเป็นห่วงมัน ทั้งๆที่เจ้าตัวก็ยังคุยอี๋อ๋อกับสาวอีกคนละมั้ง...ต้องใช่แบบนี้แน่ๆ

 

เหลือบไปเห็นไอแพดบนเตียง ผมไม่รอช้า คว้ามาเล่นทันที

 

ไม่มีเกมที่ผมอยากจะเล่น แต่ไม่เป็นไร กูเล่นเกมอื่นก็ได้วะ ตอนนี้ผมเปลี่ยนมาเล่ยคิงโอเปร่าแล้วครับ หมุนๆเด้งๆ ชนกระเด็น เห็นแล้วฮา แอบส่องรูปที่มันถ่ายเก็บไว้ หล่อทุกอิริยาบถจริงๆ ไม่มีรูปหลุดๆเลย เสียดายว่าจะเอาไปแฉสักหน่อย ผมกดๆจิ้มๆถูๆไถๆในไอแพดอยู่นาน เล่นจนไม่รู้จะเล่นอะไร โหลดแอพใหม่มาเล่นก็แล้ว ฟังเพลงก็แล้ว แต่ไม่มีทีท่าว่าไอ้คนที่กำลังคุยโทรศัพท์จะวางแล้วมานอนสักที

 

หันไปมองนาฬิกาดิจิตอลเรือนเดิม

1.42 AM

เริ่มง่วงๆแล้ววะ

 

2.25 AM

ตากูจะปิด

 

2.45 AM

หลับคาไอแพด

 

 

.

.

 

.

 

 

.

 

เหมือนฝัน แต่ทำไมฝันได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงซะขนาดนั้น

เหมือนถูกกอด สัมผัสแบบนี้ อบอุ่น ปลอดภัย

 

เสียงกระซิบหวานหู

‘ฝันดีครับ’

.

.

 

.

 

 

.

 

“ฮ้าวววววววววววว” ผมขยี้ตา หันไปมองนาฬิกา เอ่อ เพิ่งจะ6โมงกว่าๆ ปกติผมไม่ใช่คนแบบนี้นะ สงสัยเพราะเมื่อคืนมันครึ่งหลับครึ่งตื่น เลยนอนได้ไม่เต็มที่มั้ง

 

เหมือนจะฝันด้วยว่าโดนไอ้คนข้างๆนี่กอด....แต่มันก็รู้สึกได้จริง ชักไม่แน่ใจ

ผมหันไปมอง ซึ่งมันนอนหันหลังให้ ไม่มีทีท่าว่ามันจะเอาแขนมาพาดที่ท้องผมแต่อย่างใด

นี่กูคิดเรื่องของมันมากจนเก็บเอาไปฝันเลยเหรอวะ?

 

“อ่า...กี่โมงแล้วเนี่ย?” สงสัยผมขยับตัวไอ้คนที่นอนข้างๆเลยตื่น

“6โมงกว่า” ผมตอบมัน

“อ่ออืม กูมีเรียน10โมง มึงอะ?” หันตะแคงหันหน้าเข้าหาผม

“8โมงครึ่ง...งั้นเดี๋ยวกูไปอาบน้ำละ” ผมจะลุกจากที่นอนแต่ก็ดันโดนไอ้พอสดึงตัวไว้ให้ล้มลงไปนอนเหมือนเดิม

“เดี๋ยวก่อนดิ”

“มีไร” มันไม่ตอบด้วยคำพูด เพราะการกระทำของมันชัดเจน ทั้งขาและแขนพาดอยู่บนตัวผม ราวกับผมเป็นหมอนข้าง

 

คนละฟิลกับในฝันเลยสาดดดดดดดดด

กูหลงคิดไปได้ไงเนี่ยว่ามันจะกอดผมแบบอ่อนโยน เหอๆๆๆ

 

“เชี่ย เอาแขนขามึงออกไป กูอึดอัด” ด่ามันไปพร้อมๆกับพยายามเอาท่อนแขนที่หนีบผมราวกับคีมออก แต่เหมือนมันจะยิ่งกดแนบตัวผมมากขึ้น

“อื้ออออ ขอนอนก่อน เดี๋ยวกูไปส่ง จะรีบไปทำไม” พูดทั้งๆที่หลับตา ไม่สนว่าผมต้องการให้มันไปส่งหรือเปล่า

“แม่ง..” กูต้องยอมมันอีกจนได้ ไม่อยากเห็นหน้าหล่อๆของมัน เลยตะแคงหันหลังหนี แต่กลับกลายเป็นว่ามันยิ่งเขยิบเข้ามาชิดมากกว่าเดิม ความร้อนอุ่นวาบที่แผ่นหลัง

 

ตึกตักตึกตักตึกตัก

 

ใจผมเต้นแรงโดยไม่ต้องอาศัยการออกกำลังกายยามเช้า

 

แล้วแบบนี้จะให้ผมหลับลงได้ยังไง?

 

ผมมองไปยังผ้าม่าน มีแสงลอดผ่านบางๆ อยากออกไปสูดอากาศตรงระเบียงนั่นจัง นี่ถ้าไม่ติดว่ามีแขนหนักๆพาดตัวอยู่ละก็นะ...

 

สุดท้ายก็ได้แต่ปลง ข่มตาให้หลับ แต่...

 

เนื่องจากขามันพาดขาผม แถมตอนนี้ตัวยังแนบสนิทกัน แล้วเวลาเช้าๆของคุณผู้ชายก็มักจะตื่นมาเคารพธงชาติ คือไอ้ตัวผมน่ะยังไม่ตื่นหรอก แต่ไอ้คนที่กำลังเอาเปรียบผมอยู่เนี่ยดิ จะรีบเคารพไปไหนวะ ยังไม่7โมงเลยสัด ที่ผมรู้ได้ก็เพราะมันกำลังพองขยายอยู่แถวๆก้นผมเนี่ยละ .. ชักไม่ปลอดภัย

 

ขยับตัวสักนิดให้มันรู้ว่าผมอึดอัด เผื่อมันจะมีน้ำใจคลายออกบ้าง แต่มันดันเข้าใจไปอีกอย่าง

 

มือหนาสอดเข้ามาใต้เสื้อบาง ลูบไล้ไปถึงยอดอก ใช้นิ้วเขี่ยเล่น

 

“เหี้ยพอส เอามือออกไป!” ผมคว้ามือมันแล้วพลิกตัวมาเผชิญหน้ามันทันที แต่ผมว่าผมคิดผิดล่ะ มันลืมตาจ้องผมเขม็ง ไม่มีเค้าของคนที่เพิ่งตื่นเลยสักนิด

“16”

“อะไรของมึง”

“17”

 

งงแดกสิครับ อยู่ดีๆมานับเลขใส่ กูเรียนมาโว้ยยย ไม่ต้องสอน

 

“มึงพูด หยาบใส่กู 17 คำแล้ว” มันเฉลย

 

 

ไอ้สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กูนึกว่ามึงลืมไปแล้วนะเนี่ยยยย

 

“ทีมึงยังพูดหยาบใส่กูเลย ห่า” ผมอุทธรณ์ เรื่องไรจะยอมละ ซึ่งมันก็สตั๊นนิ่งงันไปสักพัก ผมใช้โอกาสนั้นลุกลงจากเตียง

 

“จะไปไหน”

“อาบน้ำสิวะ”

 

คนกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่อีกคนก็ดันลุกแล้วเดินตามมาด้วย

 

“อะไรของมึง กูจะอาบน้ำ ออกไปสัด” มันไม่ฟังผมแต่กลับปิดประตูห้องน้ำแทน

 

“กูเจ็บข้อมือ อาบเองไม่ได้” มันบอกหน้าตาย

 

“แล้ว...?” ผมค้างไว้แค่นั้น

“อาบให้กูด้วย”

 

ห๊ะ! มึงบ้าเปล่าวะ

 

“ไม่ต้องมาอ้าง ทีเมื่อคืนมึงยังอาบเองเลยสัด”

“มึงเห็นเหรอว่ากูอาบ?” มันยักคิ้วกวนๆ

 

เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยย นี่กูนอนกับคนที่ไม่อาบน้ำทั้งคืนเหรอวะ สาดดดดดดดดดด

 

“ซกมก สกปรก” ด่าเข้าให้

“ก็กูเจ็บข้อมือ กะว่าจะให้มึงอาบให้ แต่ก็ดันหลับไปซะก่อน ไม่อยากปลุก กูเป็นคนดีมั้ยละ?”

 

ดีพ่องงงงงงงงงง

 

“ไม่!! มึงอาบเองเถอะสัด” ผมปฏิเสธหัวชนฝา พยายามผลักร่างเน่าๆให้ออกไป แต่แปลกที่คราวนี้มันไม่บังคับผมหรือฝืนตัว ยอมออกไปนอกห้องน้ำง่ายๆ สำรวจว่าล๊อคกลอนเรียบร้อยก็ทำการชำระล้างตัวเองใช้เวลาไม่นานนัก แต่ดันนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้หยิบชุดเข้ามาเปลี่ยน เลยต้องจำใจใส่ชุดคลุมเพื่อไปเปลี่ยนข้างนอก

 

ผมเปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็เกือบร้องลั่น เพราะไอ้พอสมันยืนกังจ้าอยู่หน้าประตู ทำหน้าหมาหงอย ลูบข้อมือข้างที่เจ็บไปพลาง

 

สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เก่งนักนะไอ้เรื่องทำให้กูรู้สึกผิดเนี่ย

 

“เหี้ยเหอะ...” ผมสบถกับตัวเองเบาๆก่อนจะหันไปบอกมัน “สัด เข้ามาเร็วๆอย่าช้า” พอได้ยินก็ยิ้มกว้าง ไม่รอช้าเข้ามาในห้องน้ำที่พื้นเปียก มีไอน้ำเกาะจางๆ ขึ้นฝ้าเพราะกระแดะอาบน้ำอุ่น

 

ไอ้คนที่ผมต้องอาบน้ำให้มันแปรงฟันด้วยมือข้างซ้าย ไม่รู้ว่าสะอาดเปล่านั่น แปรงเสร็จก็พยายามที่จะถอดเสื้อทางหัว แต่ติดที่ข้อมือขวา เลยถอดไม่ถนัด ผมต้องเข้าไปช่วยจนได้สิน่า คราวนี้ไม่มีพิธีรีตรองอะไรทั้งนั้น กลัวเป็นแบบในห้องเปลี่ยนชุดนั่น ต่อด้วยผ้าพันข้อมือ พอแกะออกมาแล้วก็เหมือนข้อมือปกติ ไม่ได้เป็นอะไรด้วยซ้ำ ไม่มีอาการบวมช้ำแต่อย่างใด

 

หรือมันจะหลอกกูวะ?

ไม่มั้ง...

 

พอมาถึงกางเกง ผมชะงักไปครู่หนึ่ง ไอ้สิ่งที่ต้านแรงโน้มถ่วงโลกก็ยังต้านอยู่แบบนั้น นูนเด่นชัดจนสังเกตได้ ผมพยายามทำเป็นไม่สน ปลดเปลื้องกางเกงนอนของมันออก เหลือไว้แต่บ๊อกเซอร์

 

“นี่มึงรู้มั้ย กูให้เกียรติมึงสุดๆเลยนะ...” มันเกริ่น

 

อะไรอีกวะ

 

“ปกติกูนอนแก้ผ้า ไม่ก็ใส่บ๊อกเซอร์แค่ตัวเดียว นี่กูอุตสาห์ไปขุดชุดนอนมาจากหลุมตู้เลยนะ”

 

น่าสรรเสริญและขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงเลยสัด!!

 

“นี่เล่นใส่ครบเซ็ท อึดอัดชิบหาย”

“ใครขอ?”

“หึหึ กลัวใครบางคนจะอิจฉากูอะดิ”

 

ผมเอาชุดมันไปวางไว้บนชั้น เดินไปเปิดฝักบัว ลากสายฉีดลงบนตัวขาวๆนั่นทันที

 

“เห้ยยยยยย เย็น!!!” มันดีดตัวหนีผม

“ฮ่าๆๆๆๆๆ” ผมตั้งใจปรับเป็นน้ำเย็นเองแหละ กร๊ากกกก สะใจ ผมไล่ฉีดบนตัวมันซึ่งวิ่งหนีไปทั่ว ขอบคุณที่สายฝักบัวยาว เผื่อนน้ำเย็นจะทำให้น้องพอสน้อยมันสงบลงบ้าง หึหึ

“ไอ้แกน พอ หยุด!!!!!” มันตะโกนห้ามลั่นห้องน้ำ ยืนตัวสั่นอยู่ตรงประตูงกๆ

“ฮ่าๆๆ เออๆ กูไม่แกล้งละ มานี่มา” ผมเรียกมันปนหัวเราะ แม่งหมดสภาพสุดหล่อ

“เล่นเหี้ยไรพิเรนท์ๆ” แน่ะ ไม่วายแอบด่า

 

กดสบู่เหลวลงบนฝ่ามือ ไอ้พอสมันลังเลเล็กน้อย ผมเลยต้องกระตุ้นมัน

“จะถูมั้ยสบู่อะ?”

 

เป็นบุญแค่ไหนได้แดกกับข้าวที่กูทำ แถมยังมีบริการอาบน้ำให้อีก ยังจะเล่นตัวนะมึง สาวๆเป็นร้อยใฝ่ฝันแบบนี้แต่ก็ยังไม่มีโอกาสเลย มึงโชคดีแค่ไหนละ

 

มันเข้ามาใกล้ ผมจับตัวเปียกๆของมันแล้วละเลงสบู่ลงบนกล้ามแน่นๆ ไอ้พอสยืนนิ่งแข็งเป็นหิน ผมเลยต้องเดินวนรอบตัวเพื่อที่จะถูหลังบ้าง จับแขนมันยืดออกมา ถูๆพอให้มีฟองทั้ง2ข้าง เหมือนอาบน้ำให้เด็กเลยวุ้ย ขั้นต่อมาก็ทำการล้างน้ำ ซึ่งผมปรับเป็นน้ำอุ่นเรียบร้อยแล้ว แต่จู่ๆมันก็ฉกฝักบัวไปซะงั้น

 

“เห้ยยยยย อย่า กูไม่เล่นนนนนนน!!” แม่งเอาฝักบัวมาฉีดใส่ผมครับ ให้ตายเหอะ ผ้าคลุมเปียกหมดเลย

“ฮ่าๆๆๆๆ น่าเสียดายที่ไม่ใช่น้ำเย็น ฮ่าๆๆๆ”

 

หนอยยยยยยยยยยยยยยยย

 

และแล้วสงครามฉีดน้ำก็เริ่มขึ้น โดยมีนายพอสเป็นผู้บุกและนายแกรนด์วิ่งพล่านเพื่อหลบหลีก แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ พยายามที่จะยึดอาวุธมาไว้ในมือให้ได้

 

แล้วสงครามก็ต้องสิ้นสุดลงเมื่อ...

 

พรืดดดดดดด

 

“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย”

 

ล้มลงไปทั้งคู่ครับ โดยมีผมเป็นฐานรองมันอยู่

“เห้ย เป็นไรมั้ยแกรนด์” ไอ้พอสมันรีบถามผม เอามือจับหัวผมพลิกไปมา

“ไม่ แต่มึงช่วยลุกก่อน กูหนัก” สภาพผมตอนนี้ทั้งเปียกทั้งดูไม่ได้ ยังจะมาล้มอีก ดีที่ว่าไม่เจ็บตรงไหนมาก “เอ้า ลุกดิเห้ย” ผมย้ำมันอีกครั้ง แต่คนที่ทับกลับมองหน้าแปลกๆ

 

ชิบหายละ...มาอีหรอบนี้ทีไร กูละเสียวประตูหลังทุกที

 

ยิ่งตอนนี้...ผ้าคลุมผม...มัน....หลุดลุ่ยหมดแล้ว...ตั้งแต่เอวลงไปไม่มีอะไรปกคลุมปิดบัง...นอกจากร่างของคนที่กำลังทาบทับ ซึ่งนั่น ก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกคลายกังวลสักนิด ซ้ำยังจะเครียดมากกว่าเดิมเพราะไอ้ที่โป่งนูนกลางลำตัวมันเริ่มพองขยายอีกครั้ง บ๊อกเซอร์ที่เปียกราวกับไม่ได้ใส่อะไร ความร้อนกำลังพุ่งขึ้นสูงโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องทำน้ำอุ่น

 

“เอ่อ...มึง...พอส...ลุก” จะเสียงสั่นทำไมวะ ยากที่จะควบคุมเสียงให้นิ่งเป็นปกติได้ ในอกเต้นตุบๆอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ยังฝืนจ้องเข้าไปในดวงตามัน

 

“ลุก...อุ๊บ!”

 

 

กลิ่นมินท์จากยาสีฟันที่ไม่รู้ว่าของมันหรือของผม...เรื่องนั้นช่างมันเถอะ...เอาเป็นว่าผมกำลังเคลิบเคลิ้มละกัน ลิ้นตวัดเกี่ยวพัน ดูดดึงราวกับไม่มีอะไรเอร็ดอร่อยไปมากกว่านี้แล้วมันทำให้ผมระทวย แต่จู่ๆลิ้นนั้นก็กลับไปสู่ปากเจ้าของ ผมสอดแทรกลิ้นเข้าไปในปากอีกฝ่าย อยากลองดูว่าลิ้นมันจะอร่อยเหมือนที่มันดูดลิ้นผมไหม คำตอบคือที่สุดของที่สุด ทั้งนุ่มนวล เรียกร้อง ไม่รู้จักเบื่อ

 

“แกรนด์...” ละจากปากผม มือลูบไล้ใบหน้า ต่ำลงไปยังไหปลาร้า ส่วนอีกข้างก็พยายามที่จะถอดชุดคลุม “ยังไม่ได้ถูสบู่ส่วนล่างให้พี่เลยนะ...” ทำหน้าเจ้าเล่ห์ สมกับเป็นจิ้งจอก

 

 

 

แต่เดี๋ยวนะ...

ไหนว่าข้อมือซ้น...?

 

 

 

 

“ถูเองสิสาดดดดดดดดด!!!!!” ผมด่ามันเต็มหน้า ผลักมันแล้วรีบลุกขึ้นมาจัดแจงเสื้อคลุมออกจากสถานการณ์ล่อแหลมนี้ทันที

 

เกือบไปแล้วมั้ยละกู....

 

ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆตามมามันยิ่งทำให้ผมหน้าดำหน้าแดง

แม่งงงงงงงง คอยดูเถอะ ผมต้องเป็นฝ่ายอยู่ข้างบน!!!

 

 

จากการทำสงครามครั้งนี้ ทำให้ได้รู้ว่าหากพลาดท่าเสียที อาจะเสียประตูหลังได้โดยไม่รู้ตัว

 

.

.

 

.

 

 

.

 

ไหนว่าจะขับรถมาส่ง แต่ไหงกลายเป็นผมขับรถมาส่งมันแทนได้ล่ะเนี่ย? อ้อ ข้อมือมันซ้น ยังไม่สามารถที่จะบังคับพวงมาลัยได้

 

ทำไมมีลางสังหรณ์ว่าตอนเย็นจะต้องขับเจ้าบีเอ็มนี่อีกละเนี่ย?

 

ลงมาจากรถผมก็แยกตัวออกมาทันที ไม่อยากตกเป็นข่าว เดินดุ่มๆไม่สนใจว่าไอ้คนที่ข้อมือซ้นนั้นจะเป็นยังไง

 

มาถึงมหาลัยแล้ว เพื่อนมันก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ไหนจะสาวๆอีก หวังว่าคงไม่โทรเรียกกูไปปรนนิบัติมันหรอกนะ

 

 

“เดินตรงเป็นปกตินี่หว่า”

“หรือว่าแม่งไม่เจ็บวะ?”

“ของพี่พอสอาจจะเล็ก...”

“กูว่าไอ้ห่านี่เล่นตัวมากกว่า”

 

เหี้ย! กูได้ยินนะสัดแทนห่าทัช!!

 

“พ่อมึงสิ” ผมด่ามันแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ หน้าชั้นมีอาจารย์ยืนสอนประกอบการบรรยายจากสไลด์ที่กำลังฉาย พวกมัน2ตัวหัวเราะคิกคัก ด้านหน้าผมเป็นพวกสาวๆที่กำลังถ่ายรูปอย่างเมามันส์ ไม่ได้สนใจเลยว่านี่กำลังเรียนกันอยู่

 

“ถ่ายมากๆก็กินเกลือแร่ด้วยนะ เดี๋ยวขาดน้ำ” น่านนน โดนไอ้แทนแซวเข้าให้ พวกผู้หญิงหันมามองค้อนกันเลยทีเดียว

 

จากนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอีก ทั้งเพื่อนหรือว่าอาจารย์เพราะตอนนี้ผมอยากจะไปเข้าเฝ้าพระอินทร์แล้วครับ ไอ้การที่นอนหลับไม่เต็มอิ่มมันมาส่งผลในชั้นเรียนเสมอ ไม่รู้ว่าทำไม

 

 

“ไอ้แกน ตื่นๆ” ไอ้ทัชสะกิดปลุกผม

“หา เลิกคลาสแล้วเหรอวะ”  ถามแบบงัวเงียๆ

“ยัง”

“อ่าวสัด แล้วปลุกกูทำไม”

“กูจะบอกว่ามีคนมาหา” แม่งยิ้มแปลกๆด้วย

 

หืม?

 

ผมหันไปมองที่ประตูห้อง มีใครบางคนเปิดประตูเข้ามา

 

“ขออนุญาตคร้าบจารย์”

 

ไอ้เหี้ยพอส! มันจะเข้ามาทำไมเนี้ยยยยยยยยยยยยยยยย

 

“กรี๊ดดดด”

“พี่พอสอะแกๆๆๆๆ”

 

“มาทำอะไรนายพัฒนพล” อาจารย์หยุดสอนชั่วคราว หันมาถามคนที่เข้ามาใหม่

“คือผมไม่ค่อยเข้าใจบทนี้อะครับ เลยอยากจะมาเรียนด้วย”

“ขนาดไม่เข้าใจยังได้ A เนี่ยนะ?”

“แบบว่ามันต้องเอามาใช้ในวิชาภาคครับ แล้วเรื่องนี้ผมก็เรียนมาแล้วตั้ง2ปี หลงๆลืมๆ เลยกะว่าจะมาทบทวนให้เข้าใจนะครับ”

 

อื้อหืออออออออออออออออออ

 

“โกหกแหงๆ”

“แหล100%”

ไอ้ทัชกับแทนยังเป็นลูกคู่ที่รู้ใจกันเสมอ

 

“อืมๆ ไปหาที่นั่งให้เรียบร้อยไป”

“ขอบคุณคร้าบบบบบบ” ไอ้พอสมันไหว้อาจารย์แบบลวกๆ แล้วเดินตรงมายังหลังห้อง ซึ่งเป็นบริเวณที่พวกผมนั่งอยู่ โดยไม่บอกขออนุญาตแต่อย่างใด มันก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ข้างผมแล้วครับ

 

“ที่อื่นก็มีเยอะแยะ ทำไมไม่ไปนั่งวะ?” ผมบ่นกับตัวเองแต่มันเสือกได้ยิน

“กูอยากนั่ง ใครจะทำไม”

 

กูนี่แหละจะทำไม!! แม่งงงงงงงงง ไอ้ทัชไอ้แทนจะหัวเราะกิ๊กกั๊กหาไรวะ!

 

“งั้นเดี๋ยวกูไปนั่งที่อื่น” ผมเตรียมตัวจะลุกแต่ไอ้พอสมันจับตัวผมไว้ไม่ให้ลุก

“ไม่ต้อง! นั่งนี่ ตั้งใจเรียน กูไม่ทำไรมึงหรอก” ทำไมต้องเสียงดุด้วยวะ

 

แล้วมันก็เรียนจริงๆอย่างที่มันอ้าง แต่ผมเนี่ยสิ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มันรู้สึกเหมือนสายตาทั้งห้องจับจ้องมาที่ผมยังไงก็ไม่รู้ แต่ตัวต้นเหตุก็ยังนั่งเรียนสบายใจเฉิบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

ใช่เซ่! มึงมันหล่อ โดนมองจนชิน ลำบากกูสิทีนี้

 

“ข้อมือหายแล้ว?” ผมเปรยๆ...ได้ผล มันเงยหน้าขึ้นมา หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน

“ก็ดีขึ้น แต่ยังไม่หาย ถ้ามีคนช่วยจดเลคเชอร์จะดีมาก”

“เรื่อง!” อันที่จริงมันก็ไม่ได้จดหรือเขียนอะไรเลยครับ ตั้งใจฟังอาจารย์ไปพร้อมๆกับดูหนังสือมากกว่า

 

“ยืมเลคเชอร์ของหนูมั้ยค่ะพี่พอส” ส้มโอขนาดมึงนั่งข้างหน้ายังหันหลังมาเสนอตัวให้ไอ้พอสได้นะ สุดยอดแห่งความพยายามวะ

“ไม่เป็นไรครับ พี่ยืมของแกรนด์เค้าแล้ว”

 

ขี้ตู่วะสาดดดดดด กูพูดตอนไหนว่าจะให้มึงยืม?

 

“อ่อค่ะ” ส้มหน้าหงอยไปนิด

“ส้มให้พี่พอสเค้ายืมไปเถอะ ของกูมันลายมือทุเรศ พี่พอสอ่านไม่ออกหรอก” ไอ้ส้มดูมีความหวัง แต่แล้วก็ต้องฝันสลายเมื่อไอ้พอสมันพูดว่า

“อ่านออกครับ และถ้าช่วยติวให้พี่ด้วยจะดีมาก” เป็นอันจบบทสนทนา

 

อะไรของมึ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

กูยังเอาตัวเองไม่รอด แล้วจะไปติวให้มึงเนี่ยนะ? อยากโง่กว่าเดิมรึไง

 

มันไม่ได้กวนอะไรผมอีกจนถึงเวลาเลิก พวกผมเก็บของเตรียมตัวไปหาไรกิน เพราะมีเรียนอีกทีตอนบ่ายโมง แต่นี่มันเพิ่ง10โมงเอง

 

 “พี่ไปก่อนนะ มีเรียนต่อ” มันหันมาบอกพวกผม

 

“ใครถามมิทราบ” ผมพูดเบาๆ

 

“ก็เผื่อใครบางคนแถวนี้อยากรู้ หึหึ” หูดีอีกละ

“อ่าว ไม่ไปหาไรกินกับพวกผมก่อนเหรอครับ” หลานรหัสมันชวน

“ไม่เป็นไร ไว้คราวหน้า เดี๋ยวพี่เลี้ยง”

“โอเคคร้าบลุงรหัสสุดหล่อ”

“เออเย็นนี้ มึงไปหากูที่เดิมนะ ซ้อมการแสดงครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นเวทีจริง” ไอ้พอสบอกแทน เจ้าตัวพยักหน้ารับ “โอเค งั้นพี่ไปละ บ๊ายบายนะครับสาวๆ” โบกมือพร้อมรอยยิ้มพิฆาตใจก่อนจะเดินออกจากห้องไป

 

ผมหน้าเบ้ ไม่สบอารมณ์ เบื่อคนชอบโปรยสเน่ห์

 

 

“ตกลงกินไรดีวะ” ไอ้โยเปิดประเด็น

“สเต๊กมะ?” เมฆเสนอ รายนี้เขาพัฒนาแล้วนะครับ ไม่ค่อยกลัวพวกผมเท่าไหร่แล้ว

“เราว่าไปกินอาหารญี่ปุ่นกันดีกว่า” กิ๊งก็ยังคงความเรียบร้อยและสุภาพไว้ หายากนะครับผู้หญิงแบบนี้ ยิ่งในคณะวิศวกรรมศาสตร์สุดเถื่อนแล้วด้วย

“กูอยากแดกเฟรนฟรายด์วะ เห็นว่าแมคลดครึ่งราคา” สัดแทน เค้าลดถึงสิ้นเดือนหน้า มึงจะรีบไปไหน

“แต่กูอยากกินพิซซ่า...” ห่าทัช กูได้ข่าวว่ามึงพึ่งไปกินกับทิวาเมื่อวันก่อน

 

แต่ละคน...ความคิดไปคนละทางเล๊ยยยยยยยยย

 

“MK ห้ามขัดห้ามหือ ไม่งั้นก็แยกกันแดก จบ!” ส้มครับ สาวแกร่งแห่งภาคเครื่อง ไม่มีใครท้วงใดๆทั้งสิ้น “แต่น่าเสียดายพี่พอสมีเรียนต่ออะ ไม่งั้นได้ไปกินด้วยกันแล้วแท้ๆ...” คนละโหมดกับประโยคเมื่อกี้เลยนะนังส้ม “เออแกรนด์ ทีหลังก็ชวนพี่เขามากินบ่อยๆสิ อิอิ มานั่งหล่อให้พวกกูมองก็ได้ กูไม่ถือ”

 

แต่กูถือ! สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 

 

 

 

พวกผม 10 กว่าชีวิต ตั้งหลักปักฐานกันที่ MK สุ้กี้ เสียงดังเอะอะโวยวาย เหมือนจะมาถล่มร้านเขาอย่างนั้นแหละ เห็นแล้วสงสารพี่พนักงานจริงๆ งานนี้พี่รหัสของแต่ละคนก็มาด้วย แค่เอ่ยปากชวนปุ๊ปก็ตรงดิ่งมาปั๊ป เร็วทันใจ ไอ้ส้มรีบมากระซิบกับผมทันที

 

“ไอ้แกนๆ นี่พี่รหัสมึงเหรอ ใช่พี่วอร์มปะวะ?” ผมพยักหน้า “หล่อสาดดดดดดดดดดดดด ทำไมมึงไม่บอกกูว่ามีพี่รหัสหล่อขนาดนี้..ว่าแต่พี่เค้ามีแฟนยังวะ”

“อยากรู้ก็ถามเองดิ”

“ไอ้ห่า ใครจะกล้า” มึงไง...นั่น...ตรงไปที่พี่วอร์มแล้ว ไหนใครบอกว่าไม่กล้าไงวะ -*- แต่มันเดินกลับมาทำหน้าเศร้า

“เป็นไรวะส้ม” ไอ้แทนถาม

“ก็พี่วอร์มอะดิ หักอกเค้า แงๆ พี่วอร์มบอกว่าไม่มีแฟนแต่มีคนที่ชอบแล้ว ฮึกๆ ฮืออออออ” มันแกล้งทำเป็นร้องไห้ครับ น่าสงสารตายละ

 

“สมควร ฮ่าๆๆๆ” ผมเอง

“มีอกให้หักด้วยเหรอมึงน่ะ 555+” เจ็บเลยอิส้ม ไอ้ทัชพูดพร้อมกับจ้องไปที่หน้าอกแบนๆของเจ้าตัว

“อีหลายใจ อีใช้ร่างกายเปลือง” ท่านแทนแรว๊งงงงงงง

 

“ไอ้พวกเชรี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

 

 

“นี่พี่ไม่มีเรียนไง๊?” ผมหันไปถามคนที่เดินมานั่งข้างๆ .. จะใครซะอีกละครับ ก็ไอ้พี่วอร์มเสียงโฉดนั่นแหละ

“มี...แต่โดด”

 

เยี่ยม! เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆ

 

แต่ละคนสั่งอาหารราวกับไม่เคยแดก สั่งรัวสั่งเร็วยิ่งกว่าปืนกล จนพี่หนักงานต้องขอให้ช่วยสั่งกันทีละคนเพราะจิ้มปาล์มไม่ทัน บนโต๊ะยาวมี 4 หม้อ กำลังร้อนปุดๆ

 

“พวกมึงนี่ไม่ไหวเลยวะ กูไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้” จู่ๆไอ้โยก็พูดขึ้นมาครับ ทำเอาพวกผมเงียบ แม่งจะดราม่าเหรอวะ?

“ทำไมเหรอโย ไอ้พวกนี้มันทำอะไร” พี่โกเม่รีบถาม

 

“ก็พวกมันเอาแต่นั่งหน้าหม้อกันอยู่ได้ .. ฮิ้วววววว” ชงเองแดกเอง อร่อยไหมนั่น แต่ละคนทำหน้าปลงกับมุขแป้กๆของมัน “ไม่ฮาเหรอวะ โธ่...”

 

“ฮากริบเลยสัด” โดนไอ้ส้มว่าเข้าให้ สมน้ำหน้า ฮ่าๆๆๆ

 

อาหารค่อยๆทยอยมาเสิร์ฟ พวกผมก็ละเลงเทใส่หม้อกันอย่างเดียว มือใครยาวสาวได้สาวเอาละครับ ไม่มีคำว่าเพื่อนบนโต๊ะอาหาร

 

“เชี่ยทัช! หนังเป็ดกู” ไอ้แทนด่าคนที่คีบหนังเป็ดเข้าปากไปต่อหน้าต่อหน้า นานๆทีจะเห็นมันด่ากัน ปกติเข้ากันได้ดียิ่งกว่ากล้วยหอมจอมซนซะอีก แต่ไอ้ทัชก็เลวไปหน่อย แม่งเล่นลอกคราบหนังเป็ดไปซะเกลี้ยง เหลือแต่เนื้อไว้ให้ ผมเลยหนีไปพึ่งหมี่หยกดีกว่า กำลังจะคีบ แต่ไม่ต้อง เพราะมีมือดีคีบมาวางไว้บนจานผมแล้ว

 

“พี่วอร์มอย่าไปเอาใจมันมาก เดี๋ยวเหลิงไอ้ห่าเนี้ย” ทำไมวะ จะมีคนเอาใจกูเลยไม่ได้ไง๊?

“มีน้องรหัสเตี้ยขนาดนี้ต้องเลี้ยงดูดีๆ ..เสียดายที่นี่ไม่มีหญ้า เลยได้แค่คีบหมี่หยกให้ก่อน สีเขียวเหมือนกัน แทนกันได้อยู่”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ที่เหลือพากันหัวเราะเลยครับ

 

แม่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ไอ้พี่รหัสเฮ็งซวยยยยยยยยยยย

 

“แต่เจ้าของมันดุนะพี่”

“หืม ใครวะ ไอ้แกนน้อยมีแฟนแล้วเหรอ?” นังส้มถามขณะที่เกี๊ยวเต็มปาก แต่ประโยคถัดมาทำเอาผมอยากจะถีบมันจริงๆ

 

“แล้วมันจะทำเค้าท้องได้เหรอ หนักใจแทนผู้หญิงนะ”

 

 

อีส้มเน่า อีเหรี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 

 

“กร๊ากกกกกกกกกกกก เอาใจไปเลยวะส้ม กูชอบ ไลค์ๆ ฮ่าๆๆๆๆ” ไอ้แทนกับไอ้ทัชหัวเราะสะใจมากครับ แม้แต่กิ๊งกับเมฆก็ยังขำปิดปาก ไอ้พี่วอร์มก็หัวเราะซะ...

 

“คว- แดกเงียบๆกันไม่เป็นรึไง”

“แกนน้อยโกรธวะ โอ๋ๆๆๆๆ ไม่งอนน้า” ไอ้แทนมีการเอามือมาลูบหัวผมด้วย

“เชี่ย กูไม่ใช่เด็กนะ”

“อะนี่ ซาลาเปาปู๊นๆ เอาไปแดกซะนะ จะได้หายงอน ฮ่าๆๆๆ”

 

แม่งงงงงงงงงงงงงงงงงงง

คิดว่าเอาซาลาเปามาง้อแล้วกูจะหายโกรธเหรอวะ?

 

“ขออีกลูก”

 

กร๊ากกกกกกกกกกกกก

บอกแล้วว่าของกินเป็นอันดับ1 แม้แต่คำว่าศักดิ์ศรีก็ใช้ไม่ได้ ฮ่าๆๆๆ

 

พวกผมแดกยิ่งกว่าห่าลง ของในหม้อหมดไวมาก เติมกันแทบไม่ทัน กินไปคุยไปหัวเราะไป ความสุขที่แสดงออกมาด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ มันทำให้ผมต้องยิ้มตามไปด้วย (ไม่ได้โฆษญาให้MKเน้อออออออ)

 

พาลนึกถึงคนที่จะมาด้วยแต่ติดที่ว่ามีเรียน ป่านนี้มันจะกินไรรึยัง ต้องบังคับเพื่อนไม่ก็น้องๆให้ไปซื้อข้าวให้มันแน่ๆ

เห้อออออ แล้วทำไมผมต้องคิดถึงมันด้วยละเนี่ย?

 

ไม่อยากคิดยิ่งคิด...สมาธิไม่มีเลย

ไม่อยากได้ยินเรื่องของมัน...แต่คนก็พูดกันทั่วสารทิศ

ยิ่งไม่อยากเจอ...ก็ยิ่งเจอ เหมือนผีที่คอยตามหลอกหลอนตลอดเวลา

 

อาจจะเป็นแบบที่สุภาษิตเขาว่า...เกลียดอะไรได้อย่างนั้น

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา