Just a Dream…หรือแค่ฝันไป
9.4
เขียนโดย koala
วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.59 น.
13 chapter
116 วิจารณ์
33.04K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม พ.ศ. 2556 00.09 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
3) แค่อยากรู้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนายโรคจิต...
อ้อ แน่นอน ผมก็เป็นลูกค้าโรคจิตของคุณไง
ซวย ซวย ซวย ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วแก้วใจเอ๋ย...สถาปนิกสาวปลอบใจตัวเอง
“นี่คุณจะช็อคค้างอีกนานไหม เราจะได้เริ่มงานกันซักที” คนตัวสูงกว่าเรียกคนใจลอยพร้อมกับไขกุญแจเปิดประตู
สาวร่างสูงตื่นจากภวังค์แล้วพยักหน้าเห็นชอบอย่างนอบน้อม พร้อมเดินตามชายหนุ่มเข้าไป
ภายในบริเวณบ้านมีทั้งเรือนไม้ขนาดเล็กห่างจากตัวตึกเล็กน้อยโดยจะมีทางเดินเชื่อมออกมาจากตัวบ้านเอาไว้นั่งชมสวน
มีมุมนั่งจิบกาแฟอยู่อีกฝั่ง แถมต้นไม้ที่ปลูกภายในตัวบ้านก็ดูร่มรื่นไม่รกจนเกินไป
นี่มันบ้านในฝันเลยนะเนี่ย...คนที่เพิ่งมาใหม่รู้สึกหลงรักบ้านหลังนี้ขึ้นมาทันใด
“นี่คุณ ผมจ้างคุณมาทำงานนะ ไม่ได้ให้มาชมสวน”
เจ้าของบ้านเริ่มบ่นหลังจากสาวร่างสูงที่เดินตามเขาเข้ามามัวแต่ชื่นชมความงามในทิวทัศน์รอบตัวบ้านของเขา
“ขอโทษค่ะ พอดีบ้านคุณสวยดีนะ ฉันว่าไม่เห็นต้องแต่งอะไรเพิ่มเลย” คนโดนตามเริ่มพูดแก้เก้อ
“งานของคุณไม่ใช่ข้างนอก แต่เป็นในนี้ต่างหาก” ชายหน้าหวานชี้ไปทางประตูบ้านก่อนเดินเปิดประตูเข้าไป
จะเก๊กไปไหนคะ พ่อคุณ...สาวร่างสูงคิดในใจ
ภายในตัวบ้านดูต่างจากข้างนอกลิบลับ เพราะแทบจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรมากนัก
มีเพียงชุดรับแขกธรรมดา โต๊ะกินข้าว โต๊ะทำงาน ที่ฝุ่นน่าจะเกาะมานานหลายเดือน
ฮัด ชิ่วววว...คนที่เดินตามหลังเกิดอาการจามขึ้นมาทันทีเมื่อเข้าไปในบ้าน
“นี่คุณได้ทำความสะอาดบ้านบ้างไหมเนี่ย ฝุ่นเยอะอย่างกับอะไรดี” พลางเอามือลูบคราบฝุ่นบนโต๊ะให้เจ้าของบ้านดู
ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแหยๆ ก่อนตอบกลับไปว่า “ก็ไม่ได้มานานแล้ว ก็ถึงให้คุณมาช่วยตกแต่งนี่ไง”
“โธ่ข้างนอกนี่ออกจะสวย ไม่คิดว่าข้างในจะสภาพ...เป็นอย่างนี้” สาวร่างสูงเริ่มบ่นเล็กน้อย
“พอดีผมเพิ่งจ้างคนมาจัดสวนไม่นานมานี้เองแหละ” ชายหนุ่มตอบเสียงขรึม
“แล้วที่คุณจะจ้างฉันเนี่ย คุณอยากได้บ้านเป็นแบบไหน” เธอถามผู้ว่าจ้างของเธอ
“คุณจะทำแบบไหนก็ทำไปเถอะ เอาให้มันดูดีก็พอแล้ว” คนถูกถามตอบแบบเลี่ยงๆไป
“อ้าวแล้วฉันจะรู้ไหมว่าแบบไหนที่มันจะดูดีถูกใจคุณ” คนฟังเริ่มงงกับโจทย์ที่ได้รับ
“ช่วยบอกความต้องการของคุณมาหน่อยได้ไหมคะว่าจะเอาเป็นบ้านไว้พักผ่อนหรือว่าเป็นเรือนหออะไรอย่างนี้”
ชายหนุ่มเริ่มสะดุดกับคำว่า เรือนหอ
จริงอยู่ว่าเขาเคยคิดที่อยากจะทำบ้านหลังนี้ให้เป็นเรือนหอ เคยวาดฝันว่าจะได้ใช้ชีวิตกับคนที่รัก
แต่ตอนนี้มันคงสายไปแล้ว...
แววตาของชายหนุ่มหม่นลงจนคนที่มาด้วยเริ่มจับสังเกตได้
“ถ้าคุณไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรนะ ฉันจะแต่งตามที่ฉันอยากทำละกัน” คนถูกจ้างพูดเพื่อให้คนฟังสบายใจขึ้น
“ก็แล้วแต่คุณเลยละกัน ผมเชื่อในฝีมือคุณนะ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างมั่นใจ
ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกันที่เขามั่นใจว่าเธอจะทำบ้านหลังนี้ให้มันออกมาสมบูรณ์ได้ แต่ความรู้สึกข้างในมันบอก
.............................................................
ณ โรงแรมห้าดาวใจกลางกรุงลอนดอน
เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้คนที่อยู่ไกลกันกว่าครึ่งโลกได้พูดคุยเหมือนกับอยู่ใกล้กันเพียง2ฟุต
สาววัยกลางคนกำลังคุยผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์กับชายหนุ่มที่เธอแสนจะรักแสนจะหวงนักหนามายี่สิบกว่าปี
“นี่ตาเขื่อนว่างๆบินมาเยี่ยมแม่บ้างสิลูก” เสียงสาวสูงวัยกล่าวชวนบุตรชายให้มาหาเธอบ้าง
“เขื่อนก็อยากไปนะครับแม่แต่ที่นี่งานยุ่งมากเลย” ลูกชายตัวดีเริ่มบอกปัด
“งานยุ่งหรืออะไรยุ่งกันแน่” มารดาเอ่ยอย่างรู้ทัน จะให้ไม่รู้ได้ไงแค่อยู่ที่นี่เธอก็ได้ยินข่าวลูกชายควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเลย
“อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะเรื่องผู้หญิงคนใหม่ของเราน่ะ ทำอะไรก็คิดดีๆนะลูก ผู้หญิงเขาเสียหายมากกว่าเรานะ” เธอกล่าวเตือนลูกชาย
“ครับแม่ เขื่อนจะไม่ทำอะไรให้เสียชื่อไปถึงคุณแม่ได้หรอกครับ” ลูกชายพยายามพูดให้มารดาสบายใจแต่ดูจะไม่เป็นผล
มารดาได้แต่ถอนใจและส่ายหน้าน้อย ก่อนจะเริ่มบทสนทนาใหม่
“เออ...วันนี้แม่เจอน้องเฟย์ด้วยนะลูก จำได้หรือเปล่า” คนถูกถามพยักหน้า
พลันนึกหน้าสาวน้อยขี้แยร้องไห้ขี้มูกโป่งตอนเด็กได้ดี เขาออกจะรำคาญเธออยู่เสมอเวลาที่เธอมาเล่นที่บ้านเขา
ก็เล่นอะไรไม่ถูกใจคุณเธอก็ร้องโวยวายไปซะหมดมันน่ารำคาญไหมล่ะ
แถมพ่อแม่ของเธอก็ตามใจเสียเหลือเกินเพราะเป็นลูกคนเล็ก สปอยล์กันสุดๆ โตขึ้นมาคงจะวีนแตกไม่แพ้ตอนเด็กแน่
แค่คิดว่าจะเจอยัยนั่นวีนขึ้นมาก็สยองแล้ว...
“นี่รู้ไหมน้องเขามาเรียนต่อที่นี่ใกล้จะจบแล้วล่ะ สวยซะจนแม่จำไม่ได้เลย” มารดาของเขากล่าวชมยัยเด็กขี้แยต่อ
“เดี๋ยวนี้น้องยังของขึ้นใส่คนอื่นอยู่หรือเปล่าฮะแม่” ชายหนุ่มถามติดตลกจนมารดาต้องเอ็ดเล็กน้อย
“ไปว่าน้อง คนเราโตขึ้นอะไรๆมันก็เปลี่ยนกันได้นะลูก” คนถูกเอ็ดพยักหน้ายอมรับก่อนจะเอ่ยขอตัวไปนอน
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เขื่อนมีงานเช้า เดี๋ยวเขื่อนขอไปนอนก่อนนะครับแม่ Good Night ครับ” เขาพูดพลางส่งจูบให้คอมพิวเตอร์
สร้างรอยยิ้มให้คนที่อยู่อีกซีกโลก ก่อนจะเอ่ยว่า “จ๊ะ Sweet Dream นะพ่อลูกชาย”
เทคโนโลยีทำให้คนไกลรู้สึกใกล้กันมากขึ้นและก้าวล้ำนำสมัยขึ้นทุกวันจนอาจทำให้ใครบางคนก้าวตามไม่ทัน...
ณ คอนโดใจกลางเมือง
สาวร่างเล็กกำลังค้นหาวิธีเข้าอินเตอร์เนตเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาโรคใหม่ๆ แต่ดูเธอกำลังงุนงงอย่างหนัก
โอ๊ย...ทำไมเข้าไม่ได้ล่ะเนี่ย นี่ฉันทำอะไรผิด ทำไมมันช่างยากเย็นแสนเข็ญอย่างนี้นะ คนตัวเล็กได้แต่บ่นกับตัวเอง
ครืด...ครืด...เสียงมือถือที่วางอยู่ข้างตัวดังขึ้น ร่างเล็กยิ้มอย่างดีใจเหมือนสวรรค์มาโปรด เธอรีบกดรับสายอย่างรวดเร็ว
“แก้ว ฉันกำลังคิดถึงแกพอดีเลย” เสียงสาวหน้าหวานพูดอย่างอารมณ์ดี
“แหม...เสียงนี่บ่งบอกว่าคิดถึงมากเลยนะ แกมีอะไรว่ามา” คนปลายสายเริ่มประชดเพราะรู้สึกว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
“ก็พอดีฉันเข้าเน็ตไม่ได้ ไม่รู้มันมีปัญหาอะไร” คนตัวเล็กเริ่มพูดปัญหาของตัวเอง
“ฉันว่ามันมีปัญหาที่ตัวแกแหละ” เพื่อนตัวสูงแกล้งกลับ
“ไอ้แก้ว เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย” คนมีปัญหาเริ่มของขึ้นเล็กน้อย
“โอ๋ รักหลอกจึงหยอกเล่นนะคะเพื่อน อ่ะ แกเข้าไม่ได้ตรงไหนว่ามา”
ร่างสูงรับฟังปัญหาของเพื่อนตัวเล็กของเธอพร้อมบอกวิธีแก้ไขจนสำเร็จ
“เย่ เปิดเป็นแล้ว ขอบคุณมากนะแก้วเพื่อนเลิฟ” เสียงคนตัวเล็กกล่าวขอบคุณ
“ว่าแต่แกมีเรื่องอะไรเนี่ยถึงโทร.มาฮะ เห็นวันๆสนใจแต่...งาน งาน งาน
เพื่อนจะนัดทีเลือดตาแทบกระเด็น เพราะคุณแก้วไม่เคยว่างเลย” คนตัวเล็กกล่าวต่อ
“อย่างกับแกว่างนักแหละ วันๆก็อยู่แต่ในโรงพยาบาล แกไม่กลัวบ้างหรือไง พวก...นั้นอ่ะ” สาวร่างสูงสวนกลับบ้าง
“พวกนั้นน่ะพวกไหน” คนฟังเริ่มขนลุกเล็กน้อย
เธอพอจะเดาออกว่าเพื่อนเธอหมายถึงเรื่องอะไร ไม่ใช่ว่าไม่กลัวนะ แต่...กลัวมาก
แม้จะคุ้นเคยมาพอสมควรกับเรื่องคนตายแต่เธอก็ไม่เคยพบเจอเรื่อง...นั้นเลยซักครั้ง และเธอก็ไม่เคยเชื่อเลย
เอ...หรือว่าเคยเจอนะ เรื่องราวของชายหนุ่มนิรนามในห้องนั้นเมื่อหลายวันก่อนลอยเข้ามาในสมอง
มันเหมือนจริงมากจนเธอคิดว่ามันไม่ใช่ความฝัน...
แล้วเธอก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้...
“แก้วแค่นี้ก่อนนะ พอดีฉันมีธุระนิดหน่อย เดี๋ยวฉันโทร.ไปหาแกใหม่ละกัน”
สาวหน้าหวานกล่าวตัดบทอำลาเพื่อนผู้มีพระคุณในโทรศัพท์
“อ้าวเดี๋ยวสิ ยัยฟาง...” เสียงของร่างสูงยังพูดไม่จบ สัญญาณโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป
ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อนฉัน...เฮ้อ คนถูกตัดสายรู้สึกเซ็งนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จึงดับไฟแล้วล้มตัวลงนอน
ด้านอีกฝั่ง สาวร่างเล็กหลังจากที่รู้วิธีการใช้งานอินเตอร์เน็ตแล้ว เธอก็เลยลองค้นหาประวัติของหนุ่มนิรนามดังกล่าว
ก็แค่อยากรู้ว่าเรื่องวันนั้นมันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าแค่นั้น...
เธอจึงพิมพ์ชื่อที่เธอได้ยิน...ภาณุ จิระคุณ
=======================================================
มาต่ออีกตอนตอนนี้นะคะ มา3ตอนแล้วเนอะ เป็นไงบ้างบอกกันได้นะคะ รู้สึกแต่งแล้วเรื่องยังไม่ค่อยเดินเลยแฮะ
อ้อ แน่นอน ผมก็เป็นลูกค้าโรคจิตของคุณไง
ซวย ซวย ซวย ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วแก้วใจเอ๋ย...สถาปนิกสาวปลอบใจตัวเอง
“นี่คุณจะช็อคค้างอีกนานไหม เราจะได้เริ่มงานกันซักที” คนตัวสูงกว่าเรียกคนใจลอยพร้อมกับไขกุญแจเปิดประตู
สาวร่างสูงตื่นจากภวังค์แล้วพยักหน้าเห็นชอบอย่างนอบน้อม พร้อมเดินตามชายหนุ่มเข้าไป
ภายในบริเวณบ้านมีทั้งเรือนไม้ขนาดเล็กห่างจากตัวตึกเล็กน้อยโดยจะมีทางเดินเชื่อมออกมาจากตัวบ้านเอาไว้นั่งชมสวน
มีมุมนั่งจิบกาแฟอยู่อีกฝั่ง แถมต้นไม้ที่ปลูกภายในตัวบ้านก็ดูร่มรื่นไม่รกจนเกินไป
นี่มันบ้านในฝันเลยนะเนี่ย...คนที่เพิ่งมาใหม่รู้สึกหลงรักบ้านหลังนี้ขึ้นมาทันใด
“นี่คุณ ผมจ้างคุณมาทำงานนะ ไม่ได้ให้มาชมสวน”
เจ้าของบ้านเริ่มบ่นหลังจากสาวร่างสูงที่เดินตามเขาเข้ามามัวแต่ชื่นชมความงามในทิวทัศน์รอบตัวบ้านของเขา
“ขอโทษค่ะ พอดีบ้านคุณสวยดีนะ ฉันว่าไม่เห็นต้องแต่งอะไรเพิ่มเลย” คนโดนตามเริ่มพูดแก้เก้อ
“งานของคุณไม่ใช่ข้างนอก แต่เป็นในนี้ต่างหาก” ชายหน้าหวานชี้ไปทางประตูบ้านก่อนเดินเปิดประตูเข้าไป
จะเก๊กไปไหนคะ พ่อคุณ...สาวร่างสูงคิดในใจ
ภายในตัวบ้านดูต่างจากข้างนอกลิบลับ เพราะแทบจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรมากนัก
มีเพียงชุดรับแขกธรรมดา โต๊ะกินข้าว โต๊ะทำงาน ที่ฝุ่นน่าจะเกาะมานานหลายเดือน
ฮัด ชิ่วววว...คนที่เดินตามหลังเกิดอาการจามขึ้นมาทันทีเมื่อเข้าไปในบ้าน
“นี่คุณได้ทำความสะอาดบ้านบ้างไหมเนี่ย ฝุ่นเยอะอย่างกับอะไรดี” พลางเอามือลูบคราบฝุ่นบนโต๊ะให้เจ้าของบ้านดู
ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแหยๆ ก่อนตอบกลับไปว่า “ก็ไม่ได้มานานแล้ว ก็ถึงให้คุณมาช่วยตกแต่งนี่ไง”
“โธ่ข้างนอกนี่ออกจะสวย ไม่คิดว่าข้างในจะสภาพ...เป็นอย่างนี้” สาวร่างสูงเริ่มบ่นเล็กน้อย
“พอดีผมเพิ่งจ้างคนมาจัดสวนไม่นานมานี้เองแหละ” ชายหนุ่มตอบเสียงขรึม
“แล้วที่คุณจะจ้างฉันเนี่ย คุณอยากได้บ้านเป็นแบบไหน” เธอถามผู้ว่าจ้างของเธอ
“คุณจะทำแบบไหนก็ทำไปเถอะ เอาให้มันดูดีก็พอแล้ว” คนถูกถามตอบแบบเลี่ยงๆไป
“อ้าวแล้วฉันจะรู้ไหมว่าแบบไหนที่มันจะดูดีถูกใจคุณ” คนฟังเริ่มงงกับโจทย์ที่ได้รับ
“ช่วยบอกความต้องการของคุณมาหน่อยได้ไหมคะว่าจะเอาเป็นบ้านไว้พักผ่อนหรือว่าเป็นเรือนหออะไรอย่างนี้”
ชายหนุ่มเริ่มสะดุดกับคำว่า เรือนหอ
จริงอยู่ว่าเขาเคยคิดที่อยากจะทำบ้านหลังนี้ให้เป็นเรือนหอ เคยวาดฝันว่าจะได้ใช้ชีวิตกับคนที่รัก
แต่ตอนนี้มันคงสายไปแล้ว...
แววตาของชายหนุ่มหม่นลงจนคนที่มาด้วยเริ่มจับสังเกตได้
“ถ้าคุณไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรนะ ฉันจะแต่งตามที่ฉันอยากทำละกัน” คนถูกจ้างพูดเพื่อให้คนฟังสบายใจขึ้น
“ก็แล้วแต่คุณเลยละกัน ผมเชื่อในฝีมือคุณนะ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างมั่นใจ
ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกันที่เขามั่นใจว่าเธอจะทำบ้านหลังนี้ให้มันออกมาสมบูรณ์ได้ แต่ความรู้สึกข้างในมันบอก
.............................................................
ณ โรงแรมห้าดาวใจกลางกรุงลอนดอน
เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้คนที่อยู่ไกลกันกว่าครึ่งโลกได้พูดคุยเหมือนกับอยู่ใกล้กันเพียง2ฟุต
สาววัยกลางคนกำลังคุยผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์กับชายหนุ่มที่เธอแสนจะรักแสนจะหวงนักหนามายี่สิบกว่าปี
“นี่ตาเขื่อนว่างๆบินมาเยี่ยมแม่บ้างสิลูก” เสียงสาวสูงวัยกล่าวชวนบุตรชายให้มาหาเธอบ้าง
“เขื่อนก็อยากไปนะครับแม่แต่ที่นี่งานยุ่งมากเลย” ลูกชายตัวดีเริ่มบอกปัด
“งานยุ่งหรืออะไรยุ่งกันแน่” มารดาเอ่ยอย่างรู้ทัน จะให้ไม่รู้ได้ไงแค่อยู่ที่นี่เธอก็ได้ยินข่าวลูกชายควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเลย
“อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะเรื่องผู้หญิงคนใหม่ของเราน่ะ ทำอะไรก็คิดดีๆนะลูก ผู้หญิงเขาเสียหายมากกว่าเรานะ” เธอกล่าวเตือนลูกชาย
“ครับแม่ เขื่อนจะไม่ทำอะไรให้เสียชื่อไปถึงคุณแม่ได้หรอกครับ” ลูกชายพยายามพูดให้มารดาสบายใจแต่ดูจะไม่เป็นผล
มารดาได้แต่ถอนใจและส่ายหน้าน้อย ก่อนจะเริ่มบทสนทนาใหม่
“เออ...วันนี้แม่เจอน้องเฟย์ด้วยนะลูก จำได้หรือเปล่า” คนถูกถามพยักหน้า
พลันนึกหน้าสาวน้อยขี้แยร้องไห้ขี้มูกโป่งตอนเด็กได้ดี เขาออกจะรำคาญเธออยู่เสมอเวลาที่เธอมาเล่นที่บ้านเขา
ก็เล่นอะไรไม่ถูกใจคุณเธอก็ร้องโวยวายไปซะหมดมันน่ารำคาญไหมล่ะ
แถมพ่อแม่ของเธอก็ตามใจเสียเหลือเกินเพราะเป็นลูกคนเล็ก สปอยล์กันสุดๆ โตขึ้นมาคงจะวีนแตกไม่แพ้ตอนเด็กแน่
แค่คิดว่าจะเจอยัยนั่นวีนขึ้นมาก็สยองแล้ว...
“นี่รู้ไหมน้องเขามาเรียนต่อที่นี่ใกล้จะจบแล้วล่ะ สวยซะจนแม่จำไม่ได้เลย” มารดาของเขากล่าวชมยัยเด็กขี้แยต่อ
“เดี๋ยวนี้น้องยังของขึ้นใส่คนอื่นอยู่หรือเปล่าฮะแม่” ชายหนุ่มถามติดตลกจนมารดาต้องเอ็ดเล็กน้อย
“ไปว่าน้อง คนเราโตขึ้นอะไรๆมันก็เปลี่ยนกันได้นะลูก” คนถูกเอ็ดพยักหน้ายอมรับก่อนจะเอ่ยขอตัวไปนอน
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เขื่อนมีงานเช้า เดี๋ยวเขื่อนขอไปนอนก่อนนะครับแม่ Good Night ครับ” เขาพูดพลางส่งจูบให้คอมพิวเตอร์
สร้างรอยยิ้มให้คนที่อยู่อีกซีกโลก ก่อนจะเอ่ยว่า “จ๊ะ Sweet Dream นะพ่อลูกชาย”
เทคโนโลยีทำให้คนไกลรู้สึกใกล้กันมากขึ้นและก้าวล้ำนำสมัยขึ้นทุกวันจนอาจทำให้ใครบางคนก้าวตามไม่ทัน...
ณ คอนโดใจกลางเมือง
สาวร่างเล็กกำลังค้นหาวิธีเข้าอินเตอร์เนตเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาโรคใหม่ๆ แต่ดูเธอกำลังงุนงงอย่างหนัก
โอ๊ย...ทำไมเข้าไม่ได้ล่ะเนี่ย นี่ฉันทำอะไรผิด ทำไมมันช่างยากเย็นแสนเข็ญอย่างนี้นะ คนตัวเล็กได้แต่บ่นกับตัวเอง
ครืด...ครืด...เสียงมือถือที่วางอยู่ข้างตัวดังขึ้น ร่างเล็กยิ้มอย่างดีใจเหมือนสวรรค์มาโปรด เธอรีบกดรับสายอย่างรวดเร็ว
“แก้ว ฉันกำลังคิดถึงแกพอดีเลย” เสียงสาวหน้าหวานพูดอย่างอารมณ์ดี
“แหม...เสียงนี่บ่งบอกว่าคิดถึงมากเลยนะ แกมีอะไรว่ามา” คนปลายสายเริ่มประชดเพราะรู้สึกว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
“ก็พอดีฉันเข้าเน็ตไม่ได้ ไม่รู้มันมีปัญหาอะไร” คนตัวเล็กเริ่มพูดปัญหาของตัวเอง
“ฉันว่ามันมีปัญหาที่ตัวแกแหละ” เพื่อนตัวสูงแกล้งกลับ
“ไอ้แก้ว เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย” คนมีปัญหาเริ่มของขึ้นเล็กน้อย
“โอ๋ รักหลอกจึงหยอกเล่นนะคะเพื่อน อ่ะ แกเข้าไม่ได้ตรงไหนว่ามา”
ร่างสูงรับฟังปัญหาของเพื่อนตัวเล็กของเธอพร้อมบอกวิธีแก้ไขจนสำเร็จ
“เย่ เปิดเป็นแล้ว ขอบคุณมากนะแก้วเพื่อนเลิฟ” เสียงคนตัวเล็กกล่าวขอบคุณ
“ว่าแต่แกมีเรื่องอะไรเนี่ยถึงโทร.มาฮะ เห็นวันๆสนใจแต่...งาน งาน งาน
เพื่อนจะนัดทีเลือดตาแทบกระเด็น เพราะคุณแก้วไม่เคยว่างเลย” คนตัวเล็กกล่าวต่อ
“อย่างกับแกว่างนักแหละ วันๆก็อยู่แต่ในโรงพยาบาล แกไม่กลัวบ้างหรือไง พวก...นั้นอ่ะ” สาวร่างสูงสวนกลับบ้าง
“พวกนั้นน่ะพวกไหน” คนฟังเริ่มขนลุกเล็กน้อย
เธอพอจะเดาออกว่าเพื่อนเธอหมายถึงเรื่องอะไร ไม่ใช่ว่าไม่กลัวนะ แต่...กลัวมาก
แม้จะคุ้นเคยมาพอสมควรกับเรื่องคนตายแต่เธอก็ไม่เคยพบเจอเรื่อง...นั้นเลยซักครั้ง และเธอก็ไม่เคยเชื่อเลย
เอ...หรือว่าเคยเจอนะ เรื่องราวของชายหนุ่มนิรนามในห้องนั้นเมื่อหลายวันก่อนลอยเข้ามาในสมอง
มันเหมือนจริงมากจนเธอคิดว่ามันไม่ใช่ความฝัน...
แล้วเธอก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้...
“แก้วแค่นี้ก่อนนะ พอดีฉันมีธุระนิดหน่อย เดี๋ยวฉันโทร.ไปหาแกใหม่ละกัน”
สาวหน้าหวานกล่าวตัดบทอำลาเพื่อนผู้มีพระคุณในโทรศัพท์
“อ้าวเดี๋ยวสิ ยัยฟาง...” เสียงของร่างสูงยังพูดไม่จบ สัญญาณโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป
ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อนฉัน...เฮ้อ คนถูกตัดสายรู้สึกเซ็งนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จึงดับไฟแล้วล้มตัวลงนอน
ด้านอีกฝั่ง สาวร่างเล็กหลังจากที่รู้วิธีการใช้งานอินเตอร์เน็ตแล้ว เธอก็เลยลองค้นหาประวัติของหนุ่มนิรนามดังกล่าว
ก็แค่อยากรู้ว่าเรื่องวันนั้นมันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าแค่นั้น...
เธอจึงพิมพ์ชื่อที่เธอได้ยิน...ภาณุ จิระคุณ
=======================================================
มาต่ออีกตอนตอนนี้นะคะ มา3ตอนแล้วเนอะ เป็นไงบ้างบอกกันได้นะคะ รู้สึกแต่งแล้วเรื่องยังไม่ค่อยเดินเลยแฮะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ