Rumor เหมือนเป็นข่าวลือ

8.6

เขียนโดย StrawberryTKCuTe

วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20.21 น.

  43 ตอน
  2163 วิจารณ์
  116.45K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

32) ความในใจของแก้ว FFK...2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

                                                ความในใจของแก้ว FFK…2

 

 

“โอ๊ย!”

 

 

 

 

 

            ฉันร้องขึ้นเมื่อถูกโทโมะช้อนตัวขึ้นมาอุ้ม เขาเองก็ดูท่าจะตกใจไม่น้อยพอๆกับพวกผู้ชายเคโอติคที่เหลือ...พวกเขาข้ามารุมถามอาการฉันกันยกใหญ่ ก่อนที่โทโมะจะตัดสินใจพาร่างของฉันมานั่งพักที่โซฟา ยอมรับว่าตอนนี้ฉันโกรธพวกเขามาก...คิดดูสิ! ฉุดกระชากลากถูซะฉันเจ็บตัวจนได้ เคโอติคไม่เคยเห็นฉันเป็นเด็กผู้หญิงและทะนุถนอมฉันเลยจริงๆ!

 

 

 

 

“เจ็บขาเหรอ...ไหน ตรงไหน”   โทโมะถามฉัน แต่ฉันก็เลือกที่จะเมินเฉยใส่เขาเพราะยังโกรธผู้ชายพวกนี้ไม่หาย แต่ก็แอบสะใจพวกเขาหน่อยๆนะ ดูสิ...พวกเขาทั้งห้าพากันยืนทำหน้าเศร้าห้อมล้อมฉันไว้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าฉันเป็นเจ้าหญิงเลยทีเดียวล่ะ

 

 

 

 

“เห้ย~ แก้ว...พวกเราขอโทษว่ะ”

 

 

“เดี๋ยวไปเอายามาให้นะ...”

 

 

“ฉันว่าฉันไปซื้อขนมไถ่โทษให้เธอดีกว่า”

 

 

“กินน้ำมั้ย...ฉันไปเอามาให้เธอดีกว่าเนอะ”

 

 

 

 

 

 

            วงเคโอติคเอาใจฉันสุดฤทธิ์เลยล่ะ แหงสิ! พวกเขาทำฉันเจ็บตัวนี่นาก็ต้องง้อฉันแบบนี้แหละถูกต้องที่สุดแล้ว หลังจากนั้นพวกอสูรร้ายทั้งสี่ต่างก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติภารกิจพิชิตใจฉันเหลือเพียงผู้ชายลูกครึ่งญี่ปุ่นหน้าหวานยิ่งกว่าผู้หญิงเพียงคนเดียว ตอนนี้คู่แฝดของฉันกำลังช่วยนวดข้อเท้าให้จนฉันเริ่มดีขึ้นมาก เพราะยังนับว่าโชคดีที่ข้อเท้าของฉันไม่ได้พลิกแพลงอะไรมากจนถึงขนาดเดินไม่ได้ อันที่จริงมันก็แค่ส้นเท่านั้น...

 

 

 

 

 

“ตบหัวแล้วลูบหลังนี่...”  โทโมะเงยใบหน้าเรียบเฉยขึ้นมองฉันก่อนที่เขาจะอมยิ้มมุมปากจางๆและไม่ได้พูดอะไรอีก

 

 

 

 

 

            เขาเอื้อมมือมาพยุงฉันให้ลองยืนขึ้นดูว่าฉันพอจะเดินได้สะดวกมั้ย...อ้อ ฉันลืมบอกไป โทโมะเอารองเท้าผ้าใบสีเหลืองของเขามาใส่ให้ฉันด้วย เขาบอกว่าพื้นรองเท้ามันหนา เวลาฉันเดินลงเท้าจะได้ไม่เจ็บมาก...

 

 

 

ถึงผู้ชายวงนี้จะขี้แกล้งแต่เขาก็เทคแคร์เพื่อนฝูงดีเสมอ...

 

 

 

 

“เอาคืนก็ได้นะ...”  โทโมะพูดพร้อมกับรอยยิ้มและแน่นอนหากว่าเขาต้องการให้ฉันเอาคืน ฉันก็จะจัดให้อย่างไม่ต้องเรียกร้อง

 

 

 

 

“นี่แหนะๆๆๆๆ! ฮ่ะๆๆๆๆ ฮ่าๆๆ” 

 

 

 

 

 

            ฉันเอื้อมมือทั้งสองไปขยี้ผมของเขาจากที่เคยเป็นทรงสุดเป๊ะกลับกลายเป็นว่าตอนนี้มันยุ่งเหยิงไม่มีชิ้นดี แล้วฉันก็ต้องหัวเราะออกมาด้วยความสะใจและสนุกไปในคราวเดียวกัน ส่วนเจ้าตัวน่ะเหรอ...เขาทำเพียงแค่ยืนเฉยๆให้ฉันยีผมเขาเล่นแต่ฉันว่าเขาดูเงียบผิดปกติไปนะ...

 

 

 

 

 

            ฉันค่อยๆลดมือลงก่อนจะเห็นใบหน้าของโทโมะดูเรียบเฉยฉายแววความไม่พอใจเอาไว้เต็มเปี่ยม อา...ฉันลืมบอกไปว่าโทโมะน่ะ เขาฟิคกับเรื่องนี้มากแค่ไหน เสื้อผ้า หน้าตา การแต่งตัวและที่สำคัญ...ทรงผมน่ะเป็นสิ่งที่เขาต้องเซตอย่างเป็นระเบียบเสมอ เขาคงโกรธฉันมากสินะที่ฉันทำกับเขาแบบนี้

 

 

 

 

            ให้ตายเถอะ! ทำไมเขาต้องมองฉันด้วยสายตาว่างเปล่าแบบนั้นกันด้วย โทโมะดูน่ากลัวจนฉันไม่กล้าสบตาเขา เลยได้แต่ก้มหน้าเงียบๆกลัวว่าขืนพูดอะไรออกไปตอนนี้โทโมะคงดุฉันแน่ๆ แต่...แต่เขาลืมไปแล้วเหรอว่าเขาน่ะ เป็นคนอนุญาตให้ฉันเอาคืนเขาได้เองไม่ใช่เหรอ เขาไม่มีสิทธิ์จะมาโกรธอะไรฉันถึงจะถูกต้องสิ...

 

 

 

“ขอโทษ...รู้ว่าไม่ชอบ”  ฉันตัดสินใจเอ่ยออกไปทั้งที่ยังก้มหน้า แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือความเงียบอีกเช่นเคย

 

 

 

 

 

            แต่แล้ว...โทโมะก็เป็นฝ่ายเอื้อมมือมาขยี้หัวฉันอย่างแรง เดาได้เลยว่าตอนนี้ผมของฉันคงอยู่ในสภาพไม่ต่างจากรังนกเลยล่ะ ฝ่ามือของเขาเลื่อนมาประคองแก้มฉันไว้แล้วส่ายไปมาราวกับเขาเห็นฉันเป็นน้องสาวตัวเล็กๆที่น่าหมั่นเขี้ยวคนนึง ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจนฉันใจชื้นขึ้นมาบ้างแล้ว...

 

 

 

ฮ่ะๆๆๆๆ....

 

 

 

 

“น่าหมั่นไส้จัง...น้องชาย” 

 

 

 

 

 

          แล้วกันสิ! ฉันคิดว่าเขาจะมองว่าฉันเป็นน้องสาวเสียอีก อันที่จริงมันก็เป็นแบบนั้นนั่นแหละเพราะเขาน่ะแก่กว่าฉันตั้งสองปี ไม่สิ...ผู้ชายวงนี้แก่กว่าฉันด้วยกันทั้งนั้น จะมีก็แต่เขื่อนนี่แหละที่แก่เดือนกับฉันไม่เท่าไหร่ พวกเขาไม่เคยแสดงตัวเป็นพี่ที่น่ารักกับฉันเลย เพราะงั้นก็เมินซะเถอะที่จะให้ฉันไปเรียกพวกเขาว่า พี่จองเบ พี่ป๊อปปี้ พี่เคนตะ พี่โทโมะ พี่เขื่อน...เชอะ!

 

 

 

“เฮ้~ แก้ว...หายแล้วเหรอ ดีจังๆ”  โทโมะปล่อยมือออกจากแก้มของฉันทันที่เมื่อได้ยินเสียงเขื่อนดังมาพร้อมกับพวกอสูรร้ายทั้งสี่ที่กลับเข้ามาพร้อมหยูกหยา ขนมนมเนยและสารพัดเครื่องดื่มที่พวกเขาหามาประเคนให้ฉัน

 

 

 

 

 

            ผู้ชายหัวทองๆหน้ายาวๆวิ่งเข้ามากอดฉันแล้วอุ้มฉันจนลอยหวืดขึ้นจากพื้นพลางหมุนตัวฉันไปมาจนฉันชักมึนหัวเลยต้องบอกให้เขื่อนหยุดเล่นบ้าๆแบบนี้กับฉันสักที ใจคอเขาจะไม่ปล่อยให้ ‘น้องชาย’ คนนี้หยุดพักบ้างเลยหรือไงเล่า!

 

 

 

 

“อ๊า...เขื่อน..พอๆๆๆ จะตกแล้ว”

 

 

 

 

 

            หลังจากนั้นฉันกับพวกเคโอติคก็กลับมาดีกันเหมือนเดิม...ก็ยอมรับว่าอยู่กับพวกเขาแล้วฉันสนุกไม่เบาเลยล่ะ ด้วยความที่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน หรือบอบบางเหมือนเพื่อนร่วมค่ายคนอื่นๆ อาทิเช่น พิม ฟาง จินนี่ ฯลฯ สาวๆในค่ายไม่ค่อยมีใครกล้าเล่นกับแก๊งค์ผู้ชายป่าเถื่อนแก๊งค์นี้นักหรอกและฉันเองก็คิดว่าพวกเขาคงไม่กล้าเล่นกับคนอื่นเท่าฉันเหมือนกัน ดูเหมือนฉันจะเป็นที่รองมือรองเท้าพวกเขายังไงไม่รู้แฮะ!

 

 

 

 

 

            ฉันใช้เวลาอยู่กับแก๊งค์นี้ไปไม่น้อยกว่าเพื่อนร่วมวงอย่างเฟย์กับฟางเลยและวันนี้ก็เป็นอักหนึ่งวันที่ฉันต้องมาทำงานร่วมกับแก๊งมหาภัยอย่างเคโอติค ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเลือกฉันเป็นพรีเซนเตอร์รองเท้านักเรียนคู่กับพวกเขาทั้งห้า! ฉันไม่หวังเลยว่าชีวิตของฉันจะอยู่อย่างสงบสุขตราบใดที่ฉันยังตกอยู่ในวงล้อมผู้ชายวงนี้น่ะ

 

 

 

 

“เมื่อยอ่ะ...”  ฉันบ่นออกมาเบาๆเมื่อต้องมายืนเต้นร่วมกับเคโอติคร่วมชั่วโมงสองชั่วโมงแบบนี้ ดูท่าผู้กำกับก็ยังจะไม่พอใจกับผลงานเท่าไหร่นัก พวกเราก็เลยต้องยืนเต้นกันไปเต้นกันมา ก้มบ้างเงยบ้างจนปวดขาไปหมด

 

 

 

 

 

            ไม่อยากจะบอกว่าวันนี้ฉันต้องใส่ชุดนักเรียนถ่ายทำด้วยล่ะ ไอ้เรื่องอื่นน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่ว่า....กระโปรงมันสั้นเกินไปสำหรับฉันนะสิ ตอนนั้นฉันออกจะเป็นเด็กห้าวๆ ลุยๆและก็ชอบใส่แต่กางเกงขายาว อีกอย่างมันก็เป็นลุคของฉันเวลาที่อยู่ในวงกับสาวเปรี้ยวอย่างเฟย์และสาวหวานอย่างฟางด้วย เรื่องขาสั้นน่ะเลิกพูดถึงไปเลย

 

 

 

 

ก่อนถ่ายทำเขื่อนก็ยังแอบแซวฉันเหมือนกันน่ะ...เขาบอกว่าวันนี้เขาได้เห็นขาอ่อนฉันด้วยล่ะ บ้าเอ๊ย! ผู้ชายวงนี้บ้าๆๆๆๆจริงๆ O//////O

 

 

 

 

 

 

 

“นวดให้ป่ะ”  เขื่อนหันมาถามฉันพร้อมรอยยิ้มสุดหื่นจนฉันต้องเมินเขาไปอีกทาง ก็รู้อยู่หรอกว่าเขาน่ะแค่แกล้งเล่นเฉยๆ แต่ขึ้นชื่อว่าผู้ชายมันก็ไม่น่าไว้ใจทั้งนั้นนั่นแหละ

 

 

 

 

            พอสักพักนึงพวกเราก็ได้เข้าไปนั่งพัก ฉันงี้แทบจะวิ่งไปล้มตัวนอนลงบนโซฟาเลยล่ะ ตอนนี้ดีใจสุดๆไปเลย...ช่วยไม่ได้ถ้าใครไม่มาเจออย่างฉันไม่มีทางรู้หรอกว่ามันเมื่อยขามากแค่ไหน พวกเคโอติคนี่ก็ดีเนอะ...ได้พักแท้ๆพวกเขาก็ยังไม่วายหาเรื่องมาแกล้งฉันได้อีก

 

 

 

 

คนเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ >/////<

 

 

 

 

 

“เห้ย ไปไหนๆ...แค่นี้ทำมาหมดแรง”  เป็นเขื่อนอีกแล้วที่เข้ามาก่อกวนชีวิตของฉัน เขาฉุดแขนฉันขึ้นมาจากโซฟาก่อนจะอุ้มฉันลอยหวืดแล้วพาวิ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว วิ่งไป...แล้วก็วิ่งกลับอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาหาเรื่องฉันได้อีกนะ

 

 

 

 

            แต่แล้ว...สุดท้ายพระเจ้าก็เข้าข้างฉันโดยการส่งเทพบุตรสุดหล่อมาห้ามทัพและเขื่อนก็ยอมปล่อยฉันลงแต่โดยดี...

 

 

 

 

 

“เขื่อนๆ กระโปรงแก้วสั้นว่ะ...ปล่อยลงเหอะ”  โทโมะกระชากไหล่เขื่อนไว้ก่อนจะบอกไอ้บ้าเขื่อนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ฮะๆ ได้ผลด้วยล่ะหมอนั่นยอมปล่อยฉันลงแต่ก็ยังไม่วายจะหันไปค่อนแคะเพื่อนเขาแล้วหันมาชี้หน้าใส่ฉันอีก

 

 

 

 

“เออๆก็ได้ๆ แหม...เล่นนิดเล่นหน่อยทำเป็นหวง....ส่วนเธอ ไม่รอดแน่น้องชาย”

 

 

 

 

“อะ..ไอ้บ้าเขื่อน O////O”  ฉันไม่รู้ว่าทำไมจะต้องรู้สึกหน้าร้อนผ่าวแบบนั้นด้วย เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นฉันมักจะวางตัวได้ดีเสมอ แต่ทำไม...พออยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ถึงไม่ค่อยกล้าพูดอะไรมากนักน่ะ ต่อให้พูดฉันก็ไม่ค่อยกล้าสวบตาเขาอยู่ดี

 

 

 

 

ฉันรีบดึงประโปรงให้มันลงให้ได้มากที่สุดอย่างทันทีทันใดเลยตอนนี้ได้ยินโทโมะพูดออกมาแบบนั้น...

 

 

 

 

“นี่ ไม่ต้องดึงหรอก...เดี๋ยวกระโปรงขาด โป๊กว่าเดิมไม่รู้ด้วยนะ”

 

 

 

 

 

          เชื่อสิ! ถ้าตอนนั้นโทโมะทำแค่พูดฉันจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่...แต่ทำไมเขาต้องเดินมาดึงกระโปรงฉันขึ้นให้อยู่ในระดับเดิมด้วยล่ะ ไม่เข้าใจเลย...โอ๊ย! ไม่อยากจะบอกเลยว่าตอนนั้นฉันเขินจัง ^/////^ เราสองคนอยู่ใกล้กันมากเลยล่ะ อืม...อา คือมันอธิบายความรู้สึกตอนนั้นไม่ค่อยจะถูกซักเท่าไหร่ รู้สึกว่าอากาศรอบตัวมันร้อนอบอ้าวขึ้นมาดื้อๆซะอย่างนั้น

 

 

 

“ผมยุ่งหมดแล้ว...”  เขาเอื้อมมือมาปัดปอยผมเส้นเล็กๆให้ฉันเบาๆแล้วดึงมือฉันไปถ่ายทำต่อเมื่อได้ยินเสียงทีมงานตะโกนเรียกอีกครั้ง

 

 

 

 

 

            ได้เวลาที่ฉันต้องไปโยกย้ายส่ายเอวกับพวกเคโอติคอีกแล้วล่ะ! หวายย~ อยากร้องไห้จังเลย เวลาเต้นไปเต้นมากระโปรงมันพาลจะเปิดเอาดื้อๆจนฉันต้องดึงลงแล้วดึงลงอีก พวกอสูรร้ายทั้งห้าก็พาจะแซวฉันได้ตลอด เห้อ...ทำงานกับพวกเขานี่เหนื่อยใจได้โล่เลยอ่ะ

 

 

 

 

“มานี่สิ ดึงประโปรงอยู่นั่น...เดี๋ยวเหอะ!”  โทโมะดึงแขนฉันให้มายืนข้างๆเขาในขณะที่ฉันกำลังดึงกระโปรงลงอยู่ เขาทำท่าจะตีฉันจนฉันงี้ต้องถอยหลังเพื่อหนีเขาเลย น่ากลัวชะมัด ฉันจำได้ว่าเมื่อกี๊เขายังเป็นคนอบอุ่นแสนดีช่วยฉันจากเขื่อนอยู่เลยนะ

 

 

 

 

“อย่าตี...”  ฉันทำหน้ามุ่ยนิดๆก่อนจะยอมเดินมายืนข้างๆเขา

 

 

 

 

“ซนเหรอจ้ะ”  ป๊อปปี้ที่ยืนอยู่ริมสุดข้างฉันอีกคนหันมาถามก่อนที่เขาจะกำหมัดแล้วชกมาที่แก้มของฉันเบาๆ และเป็นฉันอีกนี่แหละที่ต้องก้มหน้าหลบเขาพัลวัน สาบานเลย! ผู้ชายวงนี้ขี้แกล้งกันทุกคน ฉันไม่ยกเว้นใครหน้าไหนทั้งนั้นแล้ว!

 

 

 

 

“อย่าแกล้งงงงง~”  ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉันพูดจะไม่ได้เข้าหูพวกเขาเลยสักนิดน่ะนะ

 

 

 

 

 

            กลายเป็นว่ายิ่งฉันบอกไม่ให้พวกเขาแกล้ง ฉันเลยโดนหนักยิ่งกว่าเดิม...ตอนนี้ป๊อปปี้เห็นฉันเป็นลูกหมาไปแล้วล่ะ เอานิ้วมาเขี่ยปลายคางฉันอยู่นั่นแหละจนฉันอดไม่ได้ต้องฟาดไหล่เขาไปแรงๆหนึ่งที ส่วนเขื่อนน่ะเหรอ...เข้ามาถึงตัวฉันได้เมื่อไหร่เป็นต้องกระชากตลอด ฉันน่าสงสารมั้ยล่ะ โดนตบตี กระชากลากถูตลอดเลย หึ่ย! หมั้นไส้จังนายเขื่อนบ้า...ฉันชกท้องหมอนั่นไปหนึ่งทีเพื่อแก้แค้นด้วยล่ะแต่เขื่อนน่ะไม่ยอมเสียเปรียบหรอก...เขาก็ชกฉันกลับไง ถึงมันจะเบาๆสำหรับผู้ชาย แต่อย่าลืมสิว่าฉันน่ะ...ผู้หญิง!

 

 

 

 

แต่ก็สนุกดีนะ ฮ่าๆๆๆๆ~

 

 

 

 

            พวกเราทั้งหกถ่ายทำกันอยู่อีกสักพักก็เป็นอันเสร็จงานเรียบร้อย ความรู้สึกตอนนั้นฉันแทบจะกระโดดออกมาเลยล่ะ ดีใจมากเลยที่จะได้กลับเข้าไปเปลี่ยนกางเกงเสียที ^///////^

 

 

 

 

“เอ้า ไปเปลี่ยนกางเกงได้แล้ว ดึงอยู่ได้...ไปเร็วววว~”  เอ่อ...โทโมะตรงเข้ามาอุ้มฉันออกไปจากสถานที่ถ่ายทำด้วยความรวดเร็วทันที ตอนแรกฉันก็แอบตกใจนิดหน่อยแต่มันก็สนุกดีนะ...ไม่ต้องเดินเองด้วย ฮ่าๆๆๆ

 

 

 

 

“โอ้ยๆ โทโมะครับ...กระโปรงแก้วสั้นว่ะ ปล่อยลงเหอะ”  พอมาถึงห้องพักศิลปิน เขื่อนที่เดินมารออยู่ก่อนหน้านั้นก็เอ่ยปากแซวเขาด้วยประโยคที่โทโมะเคยพูดกับเขื่อนตอนที่หมอนั่นอุ้มฉันน่ะ ทีนี้ผีดิบก็เลยทำหน้าตึงใส่เพื่อนรักแล้วปล่อยฉันลงทันที เอ่อ...ชักไม่สนุกแล้วสินะ (.__.)

 

 

 

 

“น่ารักจังเลย ๆ มีแต่คนรัก อิจฉาจัง ๆ” เขื่อนตรงเข้ามาดึงแก้มฉันทั้งสองข้างแล้วส่ายหน้าฉันไปมา ไม่รู้จะหมั่นเขี้ยวอะไรฉันนักหนา

 

 

 

“บ้า...ไม่มีใครรักฉันสักหน่อย พวกนายอ่ะเอาแต่แกล้ง เชอะ”

 

 

 

“รักหรอกน่าถึงหยอกเล่น...อ่ะ ๆ ให้ต่อยคืนเรียงคนเลย มาๆ” 

 

 

 

“จริงนะ”

 

 

 

 

            เขื่อนยืนรอให้ฉันต่อยเขาคืนหน้าระรื่น เมื่อเขาขอมาฉันก็จัดให้...ฉันชกเขาไปเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้ที่กักเก็บมานาน เรียกได้ว่าอีตาเขื่อนคนนี้นี่แหละแกล้งฉันมากกว่าใครเพื่อนเลย แอบสะใจเล็กๆที่เห็นนายเขื่อนจุกไปไม่น้อย ฮ่าๆ คนต่อมา...จองเบ คนนี้ก็เป็นอีกคนที่ทำฉันขาแพลง ถ้าเขาไม่ผลักฉันเข้าหาโทโมะขาฉันคงไม่เจ็บหรอก เพราะงั้นต้องโดนหนักๆ..

 

 

 

ตุ้บ! ตุ้บๆ !

 

 

 

            เอ่อ...ฉันต่อยจองเบไปแค่หมัดเดียวเท่านั้นนะ อีกสองสามหมัดเป็นของเขื่อนหมดเลย จะว่าไปก็น่าสงสารอยู่เหมือนกัน ดูสิ...เขานั่งจุกตัวงอเลยล่ะ แต่ช่างเถอะ พวกเขาน่ะโดนวะบ้างก็ดี ทีนี้ก็เหลือโทโมะแล้วล่ะสิ...ผีดิบคงไม่เจ็บมาหรอก เขาว่ากันว่าผีดิบหรือซอมบี้น่ะไม่มีหัวใจ ไม่มีความรู้สึก แบบนี้ต้องต่อยแรงๆไปเลย...ว่าแล้วเขาก็ได้รับหมัดอย่างฉันไปหนึ่งตุ้บหนักๆ

 

 

 

“โทโมะต้องโดนเยอะสุด ฮ่าๆๆๆ ๆๆ” อึ๋ย~ ดูท่าฉันจะต่อยแรงกว่าคนอื่นแหะ โทโมะเดินกุมท้องแล้วบ่นเบาๆว่า ‘เจ็บอ่ะ’

 

 

 

 

คิกๆๆๆๆ สมควรแล้วล่ะ >_<

 

 

 

 

“ผู้หญิงหรือเปล่าก็ไม่รู้...แรงเยอะจัง”

 

 

 

 

 

            พอเสร็จงานเราทุกคนก็ต่างขึ้นรถตู้ของทางบริษัทเพื่อหาที่นอนกันยกใหญ่เลยล่ะ ทั้งเหนื่อยกับงานทั้งเพลียกับการโดนแกล้ง อา...ตาของฉันเริ่มปรือจนจะหลับอยู่แล้ว ให้ตายสิ! เสียงเขื่อนทำให้ฉันต้องสะดุ้งอีกจนได้ ฉันอุตส่าห์ขึ้นมานั่งบนรถก่อนได้แล้วแท้ๆ พวกเคโอติคนี่วุ่นวายกันจริง โวยวายแย่งที่นั่งกันอยู่ได้

 

 

 

“จะนอนๆๆๆๆๆ”   ฉันบ่นงึมงำทั้งที่ยังไม่ลืมตา ถึงกระนั้นก็ยังได้ยินเสียงของหนึ่งในห้าตอบกลับมาว่า   “ครับ ๆ ยัยเด็กขี้เซา”   แต่ช่างเถอะ...ไม่ว่าใครจะเป็นคนค่อนขอดฉันก็ค่อยไว้เคลียร์กันทีหลัง ตอนนี้ฉันอยากจะงีบเต็มแก่แล้ว

 

 

 

 

 

            จะเรียกว่าฉันนอนหลับสนิทนักก็คงไม่ได้เพราะตลอดทางฉันยังคงได้ยินเสียงคุยกันจ๊อกแจ๊ก และคงไม่ต้องบอกว่าใครเป็นต้นเสียงนะ เชื่อเลยว่าแก๊งค์นี้เขาไม่รู้จักคำว่า ‘พักผ่อน’ กันจริงๆ กว่าฉันจะจัดท่านอนให้ตัวเองได้ก็แทบแย่ ยังดีที่มีพี่ผู้หญิงหนึ่งในทีมงานนั่งอยู่ข้างๆฉัน ฉันเลยพอได้ยืมไหล่พี่เขาซบบ้าง...ค่อยหายเมื่อหน่อย

 

 

 

 

ยังไงก็อภัยให้ฉันด้วยแล้วกัน คือฉันเมื่อคอจริงๆ

 

 

 


 

 ตอนนี้ได้มาคือนั่งดูคลิปโฆษณาแชปปี้เคโอติคกับแก้วอิอิ

 

คือแบบว่ามันเกิดความฟินขึ้นในหัวใจแล้วก็เลยส่งผลให้

 

ได้ตอนนี้มาแบบ...บอกเลยว่ารักอ่ะ รักมากอ้ะ ><

 

ปล.เดี๋ยวเสร็จแล้วนุกอัพคนเลวฯต่อ ขอไปแต่งแปปป>,<

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา