Rumor เหมือนเป็นข่าวลือ
เขียนโดย StrawberryTKCuTe
วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20.21 น.
แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
32) ความในใจของแก้ว FFK...2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ความในใจของแก้ว FFK…2
“โอ๊ย!”
ฉันร้องขึ้นเมื่อถูกโทโมะช้อนตัวขึ้นมาอุ้ม เขาเองก็ดูท่าจะตกใจไม่น้อยพอๆกับพวกผู้ชายเคโอติคที่เหลือ...พวกเขาข้ามารุมถามอาการฉันกันยกใหญ่ ก่อนที่โทโมะจะตัดสินใจพาร่างของฉันมานั่งพักที่โซฟา ยอมรับว่าตอนนี้ฉันโกรธพวกเขามาก...คิดดูสิ! ฉุดกระชากลากถูซะฉันเจ็บตัวจนได้ เคโอติคไม่เคยเห็นฉันเป็นเด็กผู้หญิงและทะนุถนอมฉันเลยจริงๆ!
“เจ็บขาเหรอ...ไหน ตรงไหน” โทโมะถามฉัน แต่ฉันก็เลือกที่จะเมินเฉยใส่เขาเพราะยังโกรธผู้ชายพวกนี้ไม่หาย แต่ก็แอบสะใจพวกเขาหน่อยๆนะ ดูสิ...พวกเขาทั้งห้าพากันยืนทำหน้าเศร้าห้อมล้อมฉันไว้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าฉันเป็นเจ้าหญิงเลยทีเดียวล่ะ
“เห้ย~ แก้ว...พวกเราขอโทษว่ะ”
“เดี๋ยวไปเอายามาให้นะ...”
“ฉันว่าฉันไปซื้อขนมไถ่โทษให้เธอดีกว่า”
“กินน้ำมั้ย...ฉันไปเอามาให้เธอดีกว่าเนอะ”
วงเคโอติคเอาใจฉันสุดฤทธิ์เลยล่ะ แหงสิ! พวกเขาทำฉันเจ็บตัวนี่นาก็ต้องง้อฉันแบบนี้แหละถูกต้องที่สุดแล้ว หลังจากนั้นพวกอสูรร้ายทั้งสี่ต่างก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติภารกิจพิชิตใจฉันเหลือเพียงผู้ชายลูกครึ่งญี่ปุ่นหน้าหวานยิ่งกว่าผู้หญิงเพียงคนเดียว ตอนนี้คู่แฝดของฉันกำลังช่วยนวดข้อเท้าให้จนฉันเริ่มดีขึ้นมาก เพราะยังนับว่าโชคดีที่ข้อเท้าของฉันไม่ได้พลิกแพลงอะไรมากจนถึงขนาดเดินไม่ได้ อันที่จริงมันก็แค่ส้นเท่านั้น...
“ตบหัวแล้วลูบหลังนี่...” โทโมะเงยใบหน้าเรียบเฉยขึ้นมองฉันก่อนที่เขาจะอมยิ้มมุมปากจางๆและไม่ได้พูดอะไรอีก
เขาเอื้อมมือมาพยุงฉันให้ลองยืนขึ้นดูว่าฉันพอจะเดินได้สะดวกมั้ย...อ้อ ฉันลืมบอกไป โทโมะเอารองเท้าผ้าใบสีเหลืองของเขามาใส่ให้ฉันด้วย เขาบอกว่าพื้นรองเท้ามันหนา เวลาฉันเดินลงเท้าจะได้ไม่เจ็บมาก...
ถึงผู้ชายวงนี้จะขี้แกล้งแต่เขาก็เทคแคร์เพื่อนฝูงดีเสมอ...
“เอาคืนก็ได้นะ...” โทโมะพูดพร้อมกับรอยยิ้มและแน่นอนหากว่าเขาต้องการให้ฉันเอาคืน ฉันก็จะจัดให้อย่างไม่ต้องเรียกร้อง
“นี่แหนะๆๆๆๆ! ฮ่ะๆๆๆๆ ฮ่าๆๆ”
ฉันเอื้อมมือทั้งสองไปขยี้ผมของเขาจากที่เคยเป็นทรงสุดเป๊ะกลับกลายเป็นว่าตอนนี้มันยุ่งเหยิงไม่มีชิ้นดี แล้วฉันก็ต้องหัวเราะออกมาด้วยความสะใจและสนุกไปในคราวเดียวกัน ส่วนเจ้าตัวน่ะเหรอ...เขาทำเพียงแค่ยืนเฉยๆให้ฉันยีผมเขาเล่นแต่ฉันว่าเขาดูเงียบผิดปกติไปนะ...
ฉันค่อยๆลดมือลงก่อนจะเห็นใบหน้าของโทโมะดูเรียบเฉยฉายแววความไม่พอใจเอาไว้เต็มเปี่ยม อา...ฉันลืมบอกไปว่าโทโมะน่ะ เขาฟิคกับเรื่องนี้มากแค่ไหน เสื้อผ้า หน้าตา การแต่งตัวและที่สำคัญ...ทรงผมน่ะเป็นสิ่งที่เขาต้องเซตอย่างเป็นระเบียบเสมอ เขาคงโกรธฉันมากสินะที่ฉันทำกับเขาแบบนี้
ให้ตายเถอะ! ทำไมเขาต้องมองฉันด้วยสายตาว่างเปล่าแบบนั้นกันด้วย โทโมะดูน่ากลัวจนฉันไม่กล้าสบตาเขา เลยได้แต่ก้มหน้าเงียบๆกลัวว่าขืนพูดอะไรออกไปตอนนี้โทโมะคงดุฉันแน่ๆ แต่...แต่เขาลืมไปแล้วเหรอว่าเขาน่ะ เป็นคนอนุญาตให้ฉันเอาคืนเขาได้เองไม่ใช่เหรอ เขาไม่มีสิทธิ์จะมาโกรธอะไรฉันถึงจะถูกต้องสิ...
“ขอโทษ...รู้ว่าไม่ชอบ” ฉันตัดสินใจเอ่ยออกไปทั้งที่ยังก้มหน้า แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือความเงียบอีกเช่นเคย
แต่แล้ว...โทโมะก็เป็นฝ่ายเอื้อมมือมาขยี้หัวฉันอย่างแรง เดาได้เลยว่าตอนนี้ผมของฉันคงอยู่ในสภาพไม่ต่างจากรังนกเลยล่ะ ฝ่ามือของเขาเลื่อนมาประคองแก้มฉันไว้แล้วส่ายไปมาราวกับเขาเห็นฉันเป็นน้องสาวตัวเล็กๆที่น่าหมั่นเขี้ยวคนนึง ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจนฉันใจชื้นขึ้นมาบ้างแล้ว...
ฮ่ะๆๆๆๆ....
“น่าหมั่นไส้จัง...น้องชาย”
แล้วกันสิ! ฉันคิดว่าเขาจะมองว่าฉันเป็นน้องสาวเสียอีก อันที่จริงมันก็เป็นแบบนั้นนั่นแหละเพราะเขาน่ะแก่กว่าฉันตั้งสองปี ไม่สิ...ผู้ชายวงนี้แก่กว่าฉันด้วยกันทั้งนั้น จะมีก็แต่เขื่อนนี่แหละที่แก่เดือนกับฉันไม่เท่าไหร่ พวกเขาไม่เคยแสดงตัวเป็นพี่ที่น่ารักกับฉันเลย เพราะงั้นก็เมินซะเถอะที่จะให้ฉันไปเรียกพวกเขาว่า พี่จองเบ พี่ป๊อปปี้ พี่เคนตะ พี่โทโมะ พี่เขื่อน...เชอะ!
“เฮ้~ แก้ว...หายแล้วเหรอ ดีจังๆ” โทโมะปล่อยมือออกจากแก้มของฉันทันที่เมื่อได้ยินเสียงเขื่อนดังมาพร้อมกับพวกอสูรร้ายทั้งสี่ที่กลับเข้ามาพร้อมหยูกหยา ขนมนมเนยและสารพัดเครื่องดื่มที่พวกเขาหามาประเคนให้ฉัน
ผู้ชายหัวทองๆหน้ายาวๆวิ่งเข้ามากอดฉันแล้วอุ้มฉันจนลอยหวืดขึ้นจากพื้นพลางหมุนตัวฉันไปมาจนฉันชักมึนหัวเลยต้องบอกให้เขื่อนหยุดเล่นบ้าๆแบบนี้กับฉันสักที ใจคอเขาจะไม่ปล่อยให้ ‘น้องชาย’ คนนี้หยุดพักบ้างเลยหรือไงเล่า!
“อ๊า...เขื่อน..พอๆๆๆ จะตกแล้ว”
หลังจากนั้นฉันกับพวกเคโอติคก็กลับมาดีกันเหมือนเดิม...ก็ยอมรับว่าอยู่กับพวกเขาแล้วฉันสนุกไม่เบาเลยล่ะ ด้วยความที่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน หรือบอบบางเหมือนเพื่อนร่วมค่ายคนอื่นๆ อาทิเช่น พิม ฟาง จินนี่ ฯลฯ สาวๆในค่ายไม่ค่อยมีใครกล้าเล่นกับแก๊งค์ผู้ชายป่าเถื่อนแก๊งค์นี้นักหรอกและฉันเองก็คิดว่าพวกเขาคงไม่กล้าเล่นกับคนอื่นเท่าฉันเหมือนกัน ดูเหมือนฉันจะเป็นที่รองมือรองเท้าพวกเขายังไงไม่รู้แฮะ!
ฉันใช้เวลาอยู่กับแก๊งค์นี้ไปไม่น้อยกว่าเพื่อนร่วมวงอย่างเฟย์กับฟางเลยและวันนี้ก็เป็นอักหนึ่งวันที่ฉันต้องมาทำงานร่วมกับแก๊งมหาภัยอย่างเคโอติค ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเลือกฉันเป็นพรีเซนเตอร์รองเท้านักเรียนคู่กับพวกเขาทั้งห้า! ฉันไม่หวังเลยว่าชีวิตของฉันจะอยู่อย่างสงบสุขตราบใดที่ฉันยังตกอยู่ในวงล้อมผู้ชายวงนี้น่ะ
“เมื่อยอ่ะ...” ฉันบ่นออกมาเบาๆเมื่อต้องมายืนเต้นร่วมกับเคโอติคร่วมชั่วโมงสองชั่วโมงแบบนี้ ดูท่าผู้กำกับก็ยังจะไม่พอใจกับผลงานเท่าไหร่นัก พวกเราก็เลยต้องยืนเต้นกันไปเต้นกันมา ก้มบ้างเงยบ้างจนปวดขาไปหมด
ไม่อยากจะบอกว่าวันนี้ฉันต้องใส่ชุดนักเรียนถ่ายทำด้วยล่ะ ไอ้เรื่องอื่นน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่ว่า....กระโปรงมันสั้นเกินไปสำหรับฉันนะสิ ตอนนั้นฉันออกจะเป็นเด็กห้าวๆ ลุยๆและก็ชอบใส่แต่กางเกงขายาว อีกอย่างมันก็เป็นลุคของฉันเวลาที่อยู่ในวงกับสาวเปรี้ยวอย่างเฟย์และสาวหวานอย่างฟางด้วย เรื่องขาสั้นน่ะเลิกพูดถึงไปเลย
ก่อนถ่ายทำเขื่อนก็ยังแอบแซวฉันเหมือนกันน่ะ...เขาบอกว่าวันนี้เขาได้เห็นขาอ่อนฉันด้วยล่ะ บ้าเอ๊ย! ผู้ชายวงนี้บ้าๆๆๆๆจริงๆ O//////O
“นวดให้ป่ะ” เขื่อนหันมาถามฉันพร้อมรอยยิ้มสุดหื่นจนฉันต้องเมินเขาไปอีกทาง ก็รู้อยู่หรอกว่าเขาน่ะแค่แกล้งเล่นเฉยๆ แต่ขึ้นชื่อว่าผู้ชายมันก็ไม่น่าไว้ใจทั้งนั้นนั่นแหละ
พอสักพักนึงพวกเราก็ได้เข้าไปนั่งพัก ฉันงี้แทบจะวิ่งไปล้มตัวนอนลงบนโซฟาเลยล่ะ ตอนนี้ดีใจสุดๆไปเลย...ช่วยไม่ได้ถ้าใครไม่มาเจออย่างฉันไม่มีทางรู้หรอกว่ามันเมื่อยขามากแค่ไหน พวกเคโอติคนี่ก็ดีเนอะ...ได้พักแท้ๆพวกเขาก็ยังไม่วายหาเรื่องมาแกล้งฉันได้อีก
คนเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ >/////<
“เห้ย ไปไหนๆ...แค่นี้ทำมาหมดแรง” เป็นเขื่อนอีกแล้วที่เข้ามาก่อกวนชีวิตของฉัน เขาฉุดแขนฉันขึ้นมาจากโซฟาก่อนจะอุ้มฉันลอยหวืดแล้วพาวิ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว วิ่งไป...แล้วก็วิ่งกลับอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาหาเรื่องฉันได้อีกนะ
แต่แล้ว...สุดท้ายพระเจ้าก็เข้าข้างฉันโดยการส่งเทพบุตรสุดหล่อมาห้ามทัพและเขื่อนก็ยอมปล่อยฉันลงแต่โดยดี...
“เขื่อนๆ กระโปรงแก้วสั้นว่ะ...ปล่อยลงเหอะ” โทโมะกระชากไหล่เขื่อนไว้ก่อนจะบอกไอ้บ้าเขื่อนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ฮะๆ ได้ผลด้วยล่ะหมอนั่นยอมปล่อยฉันลงแต่ก็ยังไม่วายจะหันไปค่อนแคะเพื่อนเขาแล้วหันมาชี้หน้าใส่ฉันอีก
“เออๆก็ได้ๆ แหม...เล่นนิดเล่นหน่อยทำเป็นหวง....ส่วนเธอ ไม่รอดแน่น้องชาย”
“อะ..ไอ้บ้าเขื่อน O////O” ฉันไม่รู้ว่าทำไมจะต้องรู้สึกหน้าร้อนผ่าวแบบนั้นด้วย เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นฉันมักจะวางตัวได้ดีเสมอ แต่ทำไม...พออยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ถึงไม่ค่อยกล้าพูดอะไรมากนักน่ะ ต่อให้พูดฉันก็ไม่ค่อยกล้าสวบตาเขาอยู่ดี
ฉันรีบดึงประโปรงให้มันลงให้ได้มากที่สุดอย่างทันทีทันใดเลยตอนนี้ได้ยินโทโมะพูดออกมาแบบนั้น...
“นี่ ไม่ต้องดึงหรอก...เดี๋ยวกระโปรงขาด โป๊กว่าเดิมไม่รู้ด้วยนะ”
เชื่อสิ! ถ้าตอนนั้นโทโมะทำแค่พูดฉันจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่...แต่ทำไมเขาต้องเดินมาดึงกระโปรงฉันขึ้นให้อยู่ในระดับเดิมด้วยล่ะ ไม่เข้าใจเลย...โอ๊ย! ไม่อยากจะบอกเลยว่าตอนนั้นฉันเขินจัง ^/////^ เราสองคนอยู่ใกล้กันมากเลยล่ะ อืม...อา คือมันอธิบายความรู้สึกตอนนั้นไม่ค่อยจะถูกซักเท่าไหร่ รู้สึกว่าอากาศรอบตัวมันร้อนอบอ้าวขึ้นมาดื้อๆซะอย่างนั้น
“ผมยุ่งหมดแล้ว...” เขาเอื้อมมือมาปัดปอยผมเส้นเล็กๆให้ฉันเบาๆแล้วดึงมือฉันไปถ่ายทำต่อเมื่อได้ยินเสียงทีมงานตะโกนเรียกอีกครั้ง
ได้เวลาที่ฉันต้องไปโยกย้ายส่ายเอวกับพวกเคโอติคอีกแล้วล่ะ! หวายย~ อยากร้องไห้จังเลย เวลาเต้นไปเต้นมากระโปรงมันพาลจะเปิดเอาดื้อๆจนฉันต้องดึงลงแล้วดึงลงอีก พวกอสูรร้ายทั้งห้าก็พาจะแซวฉันได้ตลอด เห้อ...ทำงานกับพวกเขานี่เหนื่อยใจได้โล่เลยอ่ะ
“มานี่สิ ดึงประโปรงอยู่นั่น...เดี๋ยวเหอะ!” โทโมะดึงแขนฉันให้มายืนข้างๆเขาในขณะที่ฉันกำลังดึงกระโปรงลงอยู่ เขาทำท่าจะตีฉันจนฉันงี้ต้องถอยหลังเพื่อหนีเขาเลย น่ากลัวชะมัด ฉันจำได้ว่าเมื่อกี๊เขายังเป็นคนอบอุ่นแสนดีช่วยฉันจากเขื่อนอยู่เลยนะ
“อย่าตี...” ฉันทำหน้ามุ่ยนิดๆก่อนจะยอมเดินมายืนข้างๆเขา
“ซนเหรอจ้ะ” ป๊อปปี้ที่ยืนอยู่ริมสุดข้างฉันอีกคนหันมาถามก่อนที่เขาจะกำหมัดแล้วชกมาที่แก้มของฉันเบาๆ และเป็นฉันอีกนี่แหละที่ต้องก้มหน้าหลบเขาพัลวัน สาบานเลย! ผู้ชายวงนี้ขี้แกล้งกันทุกคน ฉันไม่ยกเว้นใครหน้าไหนทั้งนั้นแล้ว!
“อย่าแกล้งงงงง~” ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉันพูดจะไม่ได้เข้าหูพวกเขาเลยสักนิดน่ะนะ
กลายเป็นว่ายิ่งฉันบอกไม่ให้พวกเขาแกล้ง ฉันเลยโดนหนักยิ่งกว่าเดิม...ตอนนี้ป๊อปปี้เห็นฉันเป็นลูกหมาไปแล้วล่ะ เอานิ้วมาเขี่ยปลายคางฉันอยู่นั่นแหละจนฉันอดไม่ได้ต้องฟาดไหล่เขาไปแรงๆหนึ่งที ส่วนเขื่อนน่ะเหรอ...เข้ามาถึงตัวฉันได้เมื่อไหร่เป็นต้องกระชากตลอด ฉันน่าสงสารมั้ยล่ะ โดนตบตี กระชากลากถูตลอดเลย หึ่ย! หมั้นไส้จังนายเขื่อนบ้า...ฉันชกท้องหมอนั่นไปหนึ่งทีเพื่อแก้แค้นด้วยล่ะแต่เขื่อนน่ะไม่ยอมเสียเปรียบหรอก...เขาก็ชกฉันกลับไง ถึงมันจะเบาๆสำหรับผู้ชาย แต่อย่าลืมสิว่าฉันน่ะ...ผู้หญิง!
แต่ก็สนุกดีนะ ฮ่าๆๆๆๆ~
พวกเราทั้งหกถ่ายทำกันอยู่อีกสักพักก็เป็นอันเสร็จงานเรียบร้อย ความรู้สึกตอนนั้นฉันแทบจะกระโดดออกมาเลยล่ะ ดีใจมากเลยที่จะได้กลับเข้าไปเปลี่ยนกางเกงเสียที ^///////^
“เอ้า ไปเปลี่ยนกางเกงได้แล้ว ดึงอยู่ได้...ไปเร็วววว~” เอ่อ...โทโมะตรงเข้ามาอุ้มฉันออกไปจากสถานที่ถ่ายทำด้วยความรวดเร็วทันที ตอนแรกฉันก็แอบตกใจนิดหน่อยแต่มันก็สนุกดีนะ...ไม่ต้องเดินเองด้วย ฮ่าๆๆๆ
“โอ้ยๆ โทโมะครับ...กระโปรงแก้วสั้นว่ะ ปล่อยลงเหอะ” พอมาถึงห้องพักศิลปิน เขื่อนที่เดินมารออยู่ก่อนหน้านั้นก็เอ่ยปากแซวเขาด้วยประโยคที่โทโมะเคยพูดกับเขื่อนตอนที่หมอนั่นอุ้มฉันน่ะ ทีนี้ผีดิบก็เลยทำหน้าตึงใส่เพื่อนรักแล้วปล่อยฉันลงทันที เอ่อ...ชักไม่สนุกแล้วสินะ (.__.)
“น่ารักจังเลย ๆ มีแต่คนรัก อิจฉาจัง ๆ” เขื่อนตรงเข้ามาดึงแก้มฉันทั้งสองข้างแล้วส่ายหน้าฉันไปมา ไม่รู้จะหมั่นเขี้ยวอะไรฉันนักหนา
“บ้า...ไม่มีใครรักฉันสักหน่อย พวกนายอ่ะเอาแต่แกล้ง เชอะ”
“รักหรอกน่าถึงหยอกเล่น...อ่ะ ๆ ให้ต่อยคืนเรียงคนเลย มาๆ”
“จริงนะ”
เขื่อนยืนรอให้ฉันต่อยเขาคืนหน้าระรื่น เมื่อเขาขอมาฉันก็จัดให้...ฉันชกเขาไปเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้ที่กักเก็บมานาน เรียกได้ว่าอีตาเขื่อนคนนี้นี่แหละแกล้งฉันมากกว่าใครเพื่อนเลย แอบสะใจเล็กๆที่เห็นนายเขื่อนจุกไปไม่น้อย ฮ่าๆ คนต่อมา...จองเบ คนนี้ก็เป็นอีกคนที่ทำฉันขาแพลง ถ้าเขาไม่ผลักฉันเข้าหาโทโมะขาฉันคงไม่เจ็บหรอก เพราะงั้นต้องโดนหนักๆ..
ตุ้บ! ตุ้บๆ !
เอ่อ...ฉันต่อยจองเบไปแค่หมัดเดียวเท่านั้นนะ อีกสองสามหมัดเป็นของเขื่อนหมดเลย จะว่าไปก็น่าสงสารอยู่เหมือนกัน ดูสิ...เขานั่งจุกตัวงอเลยล่ะ แต่ช่างเถอะ พวกเขาน่ะโดนวะบ้างก็ดี ทีนี้ก็เหลือโทโมะแล้วล่ะสิ...ผีดิบคงไม่เจ็บมาหรอก เขาว่ากันว่าผีดิบหรือซอมบี้น่ะไม่มีหัวใจ ไม่มีความรู้สึก แบบนี้ต้องต่อยแรงๆไปเลย...ว่าแล้วเขาก็ได้รับหมัดอย่างฉันไปหนึ่งตุ้บหนักๆ
“โทโมะต้องโดนเยอะสุด ฮ่าๆๆๆ ๆๆ” อึ๋ย~ ดูท่าฉันจะต่อยแรงกว่าคนอื่นแหะ โทโมะเดินกุมท้องแล้วบ่นเบาๆว่า ‘เจ็บอ่ะ’
คิกๆๆๆๆ สมควรแล้วล่ะ >_<
“ผู้หญิงหรือเปล่าก็ไม่รู้...แรงเยอะจัง”
พอเสร็จงานเราทุกคนก็ต่างขึ้นรถตู้ของทางบริษัทเพื่อหาที่นอนกันยกใหญ่เลยล่ะ ทั้งเหนื่อยกับงานทั้งเพลียกับการโดนแกล้ง อา...ตาของฉันเริ่มปรือจนจะหลับอยู่แล้ว ให้ตายสิ! เสียงเขื่อนทำให้ฉันต้องสะดุ้งอีกจนได้ ฉันอุตส่าห์ขึ้นมานั่งบนรถก่อนได้แล้วแท้ๆ พวกเคโอติคนี่วุ่นวายกันจริง โวยวายแย่งที่นั่งกันอยู่ได้
“จะนอนๆๆๆๆๆ” ฉันบ่นงึมงำทั้งที่ยังไม่ลืมตา ถึงกระนั้นก็ยังได้ยินเสียงของหนึ่งในห้าตอบกลับมาว่า “ครับ ๆ ยัยเด็กขี้เซา” แต่ช่างเถอะ...ไม่ว่าใครจะเป็นคนค่อนขอดฉันก็ค่อยไว้เคลียร์กันทีหลัง ตอนนี้ฉันอยากจะงีบเต็มแก่แล้ว
จะเรียกว่าฉันนอนหลับสนิทนักก็คงไม่ได้เพราะตลอดทางฉันยังคงได้ยินเสียงคุยกันจ๊อกแจ๊ก และคงไม่ต้องบอกว่าใครเป็นต้นเสียงนะ เชื่อเลยว่าแก๊งค์นี้เขาไม่รู้จักคำว่า ‘พักผ่อน’ กันจริงๆ กว่าฉันจะจัดท่านอนให้ตัวเองได้ก็แทบแย่ ยังดีที่มีพี่ผู้หญิงหนึ่งในทีมงานนั่งอยู่ข้างๆฉัน ฉันเลยพอได้ยืมไหล่พี่เขาซบบ้าง...ค่อยหายเมื่อหน่อย
ยังไงก็อภัยให้ฉันด้วยแล้วกัน คือฉันเมื่อคอจริงๆ
ตอนนี้ได้มาคือนั่งดูคลิปโฆษณาแชปปี้เคโอติคกับแก้วอิอิ
คือแบบว่ามันเกิดความฟินขึ้นในหัวใจแล้วก็เลยส่งผลให้
ได้ตอนนี้มาแบบ...บอกเลยว่ารักอ่ะ รักมากอ้ะ ><
ปล.เดี๋ยวเสร็จแล้วนุกอัพคนเลวฯต่อ ขอไปแต่งแปปป>,<
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ