Rumor เหมือนเป็นข่าวลือ
เขียนโดย StrawberryTKCuTe
วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20.21 น.
แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
33) ความในใจของแก้ว FFK...End
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ความในใจของแก้ว FFK…End
ฉันรู้สึกวูบเหมือนโดนผลักลงเหวก่อนจะต้องรีบปรือตาขึ้นมองสิ่งรอบตัว ร่างของฉันถูกวางลงบนโซฟาสีเข้มภายในห้องพักศิลปินและนี่ก็คงเป็นสาเหตุให้ฉันรู้สึกแบบนั้น คงเพราะสะดุ้งเมื่อถูกมือของใครบางคนวางร่างฉันลงอย่างรวดเร็ว เอ...ฉันจำได้ว่าฉันยังหลับอยู่บนรถเลยนี่นา
และเสียงจุ้นจ้านจอแจภายในห้องที่ดังเป็นระยะนี่เองทำให้ฉันตื่นขึ้นทั้งที่ยังง่วงแสนง่วง ภายในห้องมีเคโอติคอยู่กันครบ ไม่สิ...ขาดไปคนนึง ‘โทโมะ’ ไง เขาหายไปไหนกันนะ หรือว่าจะกลับไปแล้ว? เขาจะไม่รอกลับพร้อมฉันหรอกเหรอ มะ..ไม่สิ ทำไมฉันจะต้องอยากให้เขาอยู่ด้วยล่ะ
“เขื่อน...” ผู้ชายขี้แกล้งคนนี้เดินมาหาฉันทันทีที่ฉันร้องเรียกเขา เขื่อนเอื้อมมือมายีผมฉันจนมันยุ่งเหยิงอย่างหยอกเหย้าตามประสา น่าแปลกนะ...ถ้าเขื่อนเป็นผู้ชายอีกคนที่เล่นกับฉันเหมือนเมื่อกี๊ ความรู้สึกของฉันกลับต้องเปลี่ยนไป
ฉันรู้สึกว่าเขื่อนคือเพื่อนสนิทคนนึง...ที่ฉันพร้อมจะกอดเขาแล้วก็ยิ้มให้เขาได้อย่างเปิดเผยในความรู้สึกที่ว่าเราเป็นเพื่อนกันจริงๆ
แต่อีกคน...ทั้งที่ฉันเรียกเขาว่าเพื่อนสนิทที่สุด กลับกลายเป็นว่าฉันรู้สึกว่าฉันกับเขาไม่ได้สนิทกันจริงๆสักนิด ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งเหมือนห่างไกลเลือนรางออกไปทุกที
น่าแปลกเนอะ...
“จะถามหาโทโมะล่ะดิ” เขื่อนถามขึ้นอย่างล้อๆในขณะที่ฉันได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่กเพราะกลัวจะเก็บอาการไม่อยู่
“....”
“มันกลับไปแล้ว เห็นบอกมีธุระ...ไม่เอาน่า อย่างอน” นิ้วเรียวยาวยื่นมาจิ้มข้างแก้มฉันเล่นอย่างนึกสนุก แต่...แต่เขาบอกว่าฉันงอนเหรอ งอนเรื่องอะไรล่ะ ฉันจะไปงอนโทโมะได้ยังไงกัน เขื่อนบ้านี่!
“งอนอะไร ไม่ได้งอน!”
“แน่ะ มันบอกว่าให้พวกฉันดูแลเธอด้วย ห้ามแกล้งเธออีกแล้วมันก็อุ้มเธอมานอนตรงเนี่ยแหละ...”
“อุ้มเหรอ...” ฉันเอ่ยถามเขื่อนเสียงเบาๆ ไม่คิดว่าโทโมะจะเป็นคนอุ้มฉันลงมาจากรถหลังจากที่เสร็จงานแล้วฉันหลับเป็นตาย เป็นเขาหรอกเหรอ?
“เขินเหรอ”
“บะ...บ้า ไม่ใช่ซะหน่อย!”
“แล้วทำไม...แก้มแด๊งแดงวะ” ฉันรีบปัดมือเขื่อนออกจากแก้มของฉันทันทีพร้อมกับหันหน้าหนีเขาอย่างรวดเร็ว นอกจากจะโดนแฟนคลับจับคู่เชียร์ฉันกับโทโมะอยู่แล้วนะ เพื่อนๆในวงเขาน่ะสุดยอดเลย...ถ้าเขื่อนลากฉันไปหาโทโมะในตอนนี้ได้คงทำไปแล้วมั้ง
“อย่ากวนประสาท”
“เธอมันลำเอียงว่ะแก้ว โหะ!” เขื่อนผลักหัวฉันเบาๆแล้วตัดพ้อฉันอีก เขาหาว่าฉันลำเอียงเรื่องอะไรกัน ฉันยังไม่ได้ไปทำอะไรให้ใครเลยนะ
“อะไร!”
“รักแต่ผีดิบคนเดียวนั่นแหละ ขนาดตอนอยู่บนรถอ่ะเธอยังนอนหนุนตักมันเลย บอกเลยว่าโคตรลำเอียง...” นอนหนุนตัก? นะ...นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ฉันไปนอนหนุนตักโทโมะตอนไหนกัน ฉันจำได้ว่า...
ฉันยืมไหล่พี่ทีมงานผู้หญิงที่นั่งข้างๆฉันพิงไม่ใช่เหรอ
“ฉัน...ฉันนอนตักเขาเหรอ?”
“เออดิ ไม่สนใจพวกฉันเลยอ่ะสาวน้อย โถ่~” ฉันพูดอะไรไม่ออกเลยวินาทีนั้น อยากจะเอาหัวตัวองโขลกพื้นตายล้างอายจริงๆ นี่ฉันขี้เซาหลับจนไม่รู้เรื่องอะไรบ้างเลยหรือไง ...อายจังเลย
“แล้ว...แล้วนี่เสื้อใครอ่ะ? ของนายเหรอ?” ฉันปลดเสื้อคลุมสีดำที่หุ้มไหล่ของฉันเอาไว้มาดูก่อนจะสอบถามผู้ชายตรงหน้าว่านี่คือใคร เขื่อนทำหน้าบู้ใส่ฉันทันที…ฉันจำได้ว่าก่อนขึ้นรถฉันไม่ได้สวมเสื้อคลุมนี่นา บางทีฉันก็นึกว่าเขื่อนอาจจะเห็นว่าแอร์รถมันหนาวเขาก็เลยเสียสละเสื้อให้ฉัน...
อันที่จริงฉันไม่กล้าคิดว่าเป็นเขื่อนเลย...ทั้งที่ฉันรู้อยู่เต็มอกว่าเสื้อมันเป็นของใคร
แต่ฉันก็ยังอยากได้ยินจากปากเขื่อนอยู่ดี..
“เห้ย! มีใครเห็นกระเป๋าตังค์ฉันบ้างป่ะ?” อยู่ๆคนที่ฉันคิดว่ากลับไปแล้วก็หวนกลับมาที่นี่อีก โทโมะเปิดประตูพรวดเข้ามาถามหากระเป๋าสตางค์ของเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และถ้าเดาไม่ผิดมันคงอยู่ในกระเป๋าเสื้อที่เขาให้สวมทับให้ฉันตนหลับอยู่บนรถแน่
“อันนี้เปล่า?” ฉันยื่นกระเป๋าเงินสีน้ำเงินเข้มออกไปตรงหน้าก่อนที่เจ้าตัวจะหันกลับมารับอย่างรีบร้อน โทโมะกล่าวเพียงคำว่า..
“ขอบคุณนะ” คำสั้นๆ แค่นั้น...ก่อนที่เขาจะเดินกลับออกไปโดยไม่สนใจใยดีอะไรฉันอีก อะไรกันล่ะ...ไม่คิดจะพูดอะไรกับฉันบ้างเลยหรือไง ก็รู้ดีว่าฉันไม่ควรจะมาแง่งอนอะไรเขา โทโมะคงมีธุระจริงๆ ไม่อย่างนั้น...เขาต้องหันมาคุยกับฉันบ้างสิ
“เอ้า! ไอ้โทโมะ อะไรวะ มาแล้วก็ไป...ดูดิ ทิ้งเด็กขี้งอนนั่งแก้มป่องอยู่คนเดียวเลย~” เขื่อนเอื้อมมือมาจิ้มแก้มที่ฉันพองลมเข้าเต็มสูบอย่างรู้สึกหงุดหงิด และหมอนี่ก็ชอบเหย้าแหย่ให้ฉันรู้สึกอารมณ์เสียเข้าไปยกใหญ่
นี่ฉันเป็นบ้าอะไรเนี่ย ทำไมต้องมาหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องด้วย!
“ไม่ต้องมายุ่ง”
“เห้ยๆๆ เลิกงอนได้แล้วน่า โน่น...คนที่อยากให้เขาสนใจมาโน่นแล้ว” ฉันยังคงเชิดหน้ากอดอกหนีนายเขื่อนอย่างไม่หายหงุดหงิด และในตอนนี้ก็ไม่อยากจะรับรู้อะไรแล้วด้วย
“นี่..งอนอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นในขณะที่ฉันยังคงไม่มองหน้าใครเพราะอารมณ์ที่แปรปรวนจนหน้าหมั่นไส้ของตัวเอง แต่เขื่อนก็ยังเลือกที่จะตอแยฉันไม่เลิก หมอนั่นน่ะ...วางมือบนไหล่ฉันอย่างถือวิสาสะ เขาคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงบ้างหรือเปล่านะ
“...”
“...กลับบ้านกัน...”
มีมือคู่นึงยื่นมาตรงหน้าฉัน รอให้ฉันวางมือลงบนฝ่ามือนั้นของเขาแล้วฉุดฉันขึ้นยืนเพื่อที่จะกลับบ้านพร้อมกัน น้ำเสียงนุ่มทุ้มฟังดูแล้วมีเสน่ห์เกินใครเสียงนั้นไม่ใช่ของเขื่อน ถ้าฉันไม่มัวแต่ทำงอนไม่เข้าเรื่อง ฉันก็น่าจะรู้สึกได้แล้วว่า ...โทโมะ...ย้อนกลับมายืนข้างหลังฉันอีกครั้ง
“โทโมะ”
“กลับด้วยกันมั้ยล่ะ...ถ้ากลับ ก็ยื่นมือมา” ฉันมองหน้าเขาอย่างชั่งใจ ถ้าเกิดมาฉันยื่นมือไป แน่นอนว่านอกจากจะได้กลับบ้านแล้วยังจะได้ของแถมนั่นก็คือคำล้อเลียนของพวกเคโอติคกลับไปด้วยนะสิ
ฉันจะยื่นมือไปดีมั้ยนะ?
หรือฉันจะไม่กลับกับเขาดี...ฉันสับสนไปหมดแล้วนะ
“โอเค...ไม่กลับสินะ”
“กลับ”
เมื่อรออยู่นานฉันก็ยังไม่ตัดสินใจได้สักที โทโมะเลยจะยื่นมือกลับแต่เป็นฉันเสียอีก...ที่คว้ามือของเขาเอาไว้ ถึงจะหน้าอายแค่ไหนแต่ฉันก็ทำมันลงไปแล้ว อยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ทีไรฉันรู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้ทุกทีเลย บ้าจริง! โทโมะหันมายิ้มให้ฉันน้อยๆก่อนจะออกแรงฉุดร่างของฉันขึ้นยืน และฉันก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆออกมา...
“เออ พากันกลับไปเลย ไม่รับดูแลให้แล้วนะโว้ย ขี้งอนจริงๆ จะทำอะไรไม่ต้องเกรงใจไอ้เขื่อนคนนี้นะ ไอ้พวกสามสี่ตัวนี่ก็ไม่ต้องสนใจว่ามันอยู่ในห้องด้วย พากันกลับไปเลยยยยเหอะว่ะ!”
“กลับมารับเพื่อนผิดตรงไหนวะ...ไปเหอะแก้ว”
ฉันยอมรับนะว่าฉันมันบ้าบอมาที่ทำอะไรแบบนี้ลงไป แค่อยากให้โทโมะสนใจ อยากให้เขาคุยกับฉันบ้างก็เท่านั้น และฉันก็ดีใจไม่น้อยที่เขาย้อนกลับมา...กลับมารับฉันกลับบ้านไปด้วยกัน
จะผิดหรือเปล่าที่ฉันจะบอกว่าฉันมีความสุขจังเลย
โทโมะจูงมือฉันเดินนำมาที่รถของเขา แต่ก่อนที่จะถึงรถที่จอดอยู่ในระยะไม่กี่เมตรโทโมะกลับปล่อยมือของฉันออกและเดินห่างออกจากฉันอีกนิด สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยสบายใจมากนัก ฉันรู้สึกได้...มันไม่เหมือนก่อนหน้านี้เลยซักนิด หัวใจของฉันก็เริ่มวูบไหวแปลกๆ มันเมหือนกับว่า...มีบางสิ่งบางอย่างรอฉันอยู่ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้
และทันทีที่โทโมะเปิดประตูรถทางด้านหลังให้ฉันขึ้นไปนั่ง ความสับสน งุนงงก็ถาโถมฉันเข้ามาเป็นระลอก ทำไมเขาถึงไม่ให้ฉันนั่งข้างหน้ากับเขาล่ะ จะว่าไม่อยากให้แฟนคลับเห็นก็ไม่น่าจะใช่เพราะตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว...
“...?”
ทันทีที่ฉันก้าวเข้าไปนั่งภายในรถที่เย็นเฉียบจนหนาวยะเยือก ฉันต้องห่อไหล่แล้วกระชับเสื้อคลุมของโทโมะเพื่อคลายความหนาวลงบ้าง ฉัน...ฉันลืมไปหรือเปล่าว่าตอนนี้ฉันไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว สายตาของฉันเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนึงที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับซึ่งก็คือโทโมะ...
ใคร??
“สวัสดีคะ”
ฉันเอยทักทายผู้หญิงคนนั้น...คนที่นั่งอยู่ข้างหน้าของฉันด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ใคร...เธอคือใครเหรอ ถ้าโทโมะมีเพื่อนกลับบ้านด้วยแล้วก็ไม่น่าจะต้องไปรับฉันมาด้วยนี่ ทำไมเขาถึงต้องทำแบบนี้กันด้วย ฉันไม่เข้าใจเลย...ผู้หญิงคนนั้นหันมายิ้มให้ฉันแล้วพยักหน้านิดๆ เธอสวยมากเลยนะ สวยจนฉันที่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังแอบอิจฉาเลย
“เอ่อ..แก้ว...นี่เบลล์...เป็น...เป็นแฟนโทโมะเอง”
‘แฟน’?
นับตั้งแต่วินาทีที่ฉันรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคือใคร เกี่ยวข้องยังไงกับโทโมะ ฉันก็ได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา มีแต่เพียงเสียงคุยกันเบาๆของคนที่เป็นแฟนกันเท่านั้นแหละ นอกนั้น...ฉันก็แทบไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมาเลย ฉันไม่อยากจะเอ่ยอะไรออกมาทั้งนั้น มันรู้สึกแปลกเปลี่ยนไปหมดทุกอย่าง...
หัวใจของฉันเต้นตุ้บรวดเร็วเกินไปแล้ว...ทั้งที่โทโมะกับแฟนของเขาพยายามชวนฉันคุยโน่นนี่อยู่เรื่อย แต่เป็นฉันเสียเองที่ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงที่จะพูดออกมาเป็นคำพูดไปเก็บไว้ที่ไหนหมด ครั้งนึง...ที่ฉันเผลอไปสบสายตากับนัยน์คู่เข้มอันทรงเสน่ห์นั่น มันมีแววเจ็บปวดและเศร้าสร้อยแฝงเร้นอยู่กลายๆ คล้ายๆว่าเขาต้องการจะบอกอะไรกับฉันสักอย่าง...
ซึ่งฉันไม่เข้าใจ...แล้วก็ไม่อยากจะเข้าใจอะไรด้วย
“ขอบคุณนะที่มาส่ง...สวัสดีอีกครั้งนะคะ แก้วไปนะ บ๊ายบาย~”
ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองฝืนทำแบบนั้นลงไปได้ยังไง ทันทีที่รถของโทโมะจอดลงที่หน้าบ้านฉัน ฉันก็รีบพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์อันหน้าอึดอัดนั้นทันที ฉันยิ้มให้เขาทั้งสองคน...ฉันบอกลาเขาทั้งที่หัวใจยังไม่พร้อมจะยินยอมรับกับอะไรทั้งนั้น บางทีฉันก็รู้สึกว่าตัวเอง...อ่อนแอเกินไปแต่ก็ยังพยายามทำเข้มแข็งอยู่ได้
โทโมะไม่ได้พูดอะไรกับฉันอีก...เขายิ้มให้ฉันด้วยรอยยิ้มที่เจือไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
แต่บอกเลยว่า...ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกอะไรกับใครทั้งนั้น
และนี่ก็เป็นวันแรกที่ฉันได้รู้จักกับแฟนของเขา พอหลังจากที่รถของเขาเคลื่อนตัวออกไป...มันก็เหมือนกับหัวใจของฉันหลุดติดมือของเขาไปด้วย บ้าสิ...ฉันบ้าไปแล้วจริงๆ ฉันไม่ควรรู้สึกแบบนี้เลย ฉันควรหวั่นไหวไปกับข่าวลืออะไรนั่นเลย
...ฉันยอมรับออกมาแล้วเหรอ?
“แก้ว แก้ว! เป็นอะไร ยัยแก้ว...”
เสียงของพี่กิ่งตะโกนถามหลังจากที่ฉันพยายามวิ่งขึ้นบันไดบ้านเพื่อที่จะไปให้ถึงห้องนอนให้เร็วที่สุด ฉันไม่ตอบคำถามของพี่สาว...ฉันเลือกที่จะวิ่งหนีความจริงที่เพิ่งได้รู้เมื่อครู่ ใครจะรู้บ้าง...ว่าหลังจากที่ฉันปิดประตูห้องนอนลง
หลังประตูบานนั้น...มีร่างของผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งทรุดร่างพิงบานประตูแล้วปล่อยให้น้ำตาทำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่มีบกพร่อง
ทำไมฉันถึงรู้สึกเจ็บแบบนี้ล่ะ...
โทโมะทำอะไรกับหัวใจของฉันกันแน่...ตอบที
END
บางที...ถ้าเราได้ลองทำตามใจตัวเองบ้าง
เราอาจจะทุกข์น้อยลงกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้นะ
ใครยังมีโอกาส ชอบใครก็บอกเขาไปซะ :)
อย่าให้เวลาที่ผ่านไปอย่างไร้ค่าทำร้ายหัวใจของคุณอีกเลย...
#ถึงนุกจะไม่ค่อยมีสาระแต่ก็รักรีดฯมากนะจิ๊
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ