Rumor เหมือนเป็นข่าวลือ

8.6

เขียนโดย StrawberryTKCuTe

วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20.21 น.

  43 ตอน
  2163 วิจารณ์
  116.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

31) ความในใจของแก้ว FFK...1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

                                         ความในใจของแก้ว FFK…1

 

 

 

“โทโมะ...อย่าให้มันมากไปกว่านี้ หยุดได้แล้ว”   ฉันผลักร่างสูงออกและพยายามย้ำเตือนถึงสถานะระหว่างเราในตอนนี้ ถึงแม้จะเจ็บปวดในใจแค่ไหนก็ตาม

 

 

 

“แก้วนั่นแหละหยุดได้แล้ว!  เลิกคิดถึงเรื่องของผู้หญิงคนนั้นซะทีต่อให้แก้วพยายามจะผลักไสให้โทโมะไปหมั้น ไปรัก ไปอะไรๆกับเขาก็ตาม...ขอบอกว่าไม่ได้ผล”

 

 

 

“ไม่คิดจะรับผิดชอบการกระทำของตัวเองหน่อยหรือไงคนโลเล...”

 

 

 

“ไม่สักนิด” ผู้ชายนิสัยไม่ดีตอบกลับได้อย่างหน้าตาเฉย ไม่ลังเลสักนิดในคำตอบของตัวเอง เหอะ...เขามันงี่เง่าที่สุดโนสามโลกเลยจริงๆ

 

 

 

“ไม่อยากจะพูดด้วยแล้วนะ ทำแผลเสร็จแล้ว...กลับไปเถอะ แก้วอยากพักผ่อน เหนื่อย!” 

 

 

 

“ก็บอกสิ...ว่าเราจะเป็นเหมือนเดิม”

 

 

 

“...”

 

 

 

“ได้มั้ย...”  น้ำเสียงนุ่มละมุนนั่นเอ่ยขึ้นแกมขอร้องฉัน แววตาของเขาทอดมองฉันอย่างอ่อนโยนจนฉันรู้สึกได้ จะให้พูดยังไงดีละ...โทโมะเป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันรักเลยก็ว่าได้นะ มันบอกไม่ถูกจริงๆว่าทำไมฉันถึงรู้สึกกับเขาแบบนี้ไม่เลิกราเสียที

 

 

 

 

            ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน...พวกเราได้มารวมตัวกันร้องเพลงและเล่นดนตรีในนามของค่ายเพลงวัยรุ่นชื่อดังของประเทศไทยอย่างกามิกาเซ่ ฉันได้พบเจอเพื่อนใหม่นับหลายสิบชีวิต ได้กิน นอน ร้องเพลงและทำกิจกรรมร่วมกันจนกลายเป็นว่าพวกเขาคือส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันไปแล้ว

 

 

 

            ฉันได้ร่วมงานกับเฟย์และฟางสองพี่น้องในนามของวง เฟย์ ฟาง แก้ว และนอกเหนือจากนั้นก็ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆวงอื่นมากขึ้น ส่วนเรื่องระหว่างฉันกับเขาเริ่มต้นขึ้นเมื่อไหร่นะเหรอ...มันคงยากที่จะอธิบายเป็นคำพูด ฉันรู้ดีว่าเขาเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งนักและตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายเข้าไปพูดคุยกับเขาก่อน หลายคนคงมองว่าฉันเป็นผู้หญิงก๋ากั่นที่เข้าไปทำความรู้จักกับผู้ชายก่อนแบบนั้น...

 

 

 

            แต่เปล่าเลย...ตอนนั้นฉันยังเด็กแล้วก็ไม่ได้คิดเรื่องอื่นให้ปวดหัวนอกเสียจากอยากทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ที่ในอนาคตเราอาจต้องร่วมงานกัน แน่ล่ะ! เราอยู่บ้านหลังเดียวกันนี่นา เพราะงั้นฉันจึงต้องผูกมิตรเอาไว้ดีกว่าทำตัวเย่อหยิ่งไม่ใช่เหรอ?

 

 

 

 

“หวัดดี นาย...”  นั่นเป็นประโยคแรกที่ฉันทักเขาไปหลังจากที่ฉันเห็นเขาหลบมานั่งอยู่คนเดียวในส่วนของห้องพักศิลปิน

 

 

 

 

            ใบหน้าอ่อนใสของผู้ชายลูกครึ่งผู้เป็นเจ้าของเรือนผมสีดำเหลือบน้ำตาลซอยรากไทรตามแบบฉบับนักร้องวัยรุ่นสุดเท่เงยขึ้นมองฉันด้วยแววตานิ่งเฉย ถึงแม้จะเป็นผู้ชายแต่ใบหน้าของเขาดูหวานเกินจนฉันคิดว่าผู้หญิงหลายๆคนคงต้องอิจฉาไม่เว้นแม้กระทั่งฉัน ก็ตอนนั้นน่ะฉันค่อนเหมือนผู้หญิงซะที่ไหนกัน...

 

 

 

            เพื่อนๆหลายคนยังมองว่าฉันเป็นทอมเลยด้วย ไม่อยากจะบอก! แต่ช่างเถอะ แก้ตัวไปพวกนั้นก็คงไม่เชื่อหรอก แต่โทโมะ ‘น่ารัก’ จริงๆนะ ฉันรู้มาว่าเขาเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นด้วยล่ะ ถึงจะดูผอมบางไปนิด...ยังไงซะองค์ประกอบโดยรวมทั้งหน้าตาและความสามารถก็กินขาดอยู่แล้ว

 

 

 

“นี่ๆ ฉันว่าถ้านายออกกำลังกายสักนิดนะ...หุ่นนายต้องแมนจนคนอื่นๆอิจฉาแน่ๆ” ฉันคุยจ้อแม้เจ้าตัวจะยังไม่ปริปากพูดอะไรกับฉันสักคำ ใบหน้าของเขายังคงนิ่งเฉยมองฉันเหมือนตัวประหลาดจนฉันก็ชักจะฟิวขาดเหมือนกัน

 

 

 

ดูท่าจะหยิ่งไม่เบาเลยแฮะ!

 

 

 

 

“เธอชื่ออะไร?” ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายถามฉันขึ้น นั่นคงไม่ใช่เพราะว่าเขารำคาญที่ฉันพูดมากหรอกนะ แต่ยังไงก็ดีกว่าการที่เขาเงียบเฉยไปเลยไม่ใช่เหรอ

 

 

 

“ฉันชื่อแก้ว ยินดีที่ได้รู้จักนะ โทโมะ เคโอติค” 

 

 

 

“เช่นกัน แก้ว...F F K”   นั่นเป็นประโยคสุดท้ายของวันที่เราได้คุยกน จากนั้นเราทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป

 

 

 

 

 

            เวลาผ่านไปนานถึงหนึ่งปีแล้วความสัมพันธ์ของฉันกับเพื่อนๆในค่ายเป็นไปอย่างราบรื่นดี เพราะฉันเองก็เข้าได้กับทุกเพศทุกวัยอยู่แล้ว ช่วงนั้นฉันออกจะซนแล้วก็ทโมนเหมือนเด็กผู้ชายซะมากกว่า เวลาอยู่กับแก๊งค์เคโอติคฉันก็จำเป็นจะต้องทำตัวกลมกลืนกับพวกนั้นโดยเฉพาะกับเขื่อนเราสองคนสนิทกันจนเรียกได้ว่าแทบจะตบหัวกันได้เลยทีเดียว

 

 

 

            และอีกคนก็คือ...โทโมะไง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพูด แล้วก็เงียบซะเป็นส่วนใหญ่แต่เอาเข้าจริงแล้วเขาก็ขี้เล่นไม่เบาเลยนะ แต่เขาก็มักจะไม่ค่อยแสดงออกกับใครเท่าฉัน คงจะเป็นเพราะว่าโทโมะมองฉันเป็นเหมือนเพื่อนผู้ชายเสียมากกว่า แถมเรายังถูกเพื่อนๆและแฟนคลับล้อว่าเป็นคู่แฝดกันเสียด้วย คงเป็นเพราะหน้าเราคล้ายๆกันล่ะมั้ง ก็ช่วงนั้นฉันซอยผมสั้นด้วยนี่นา

 

 

 

“ผีดิบ...ยิ้มหน่อยยยย~”  ฉันเอื้อมมือไปหยิกแก้มเขาให้เผยยิ้มออกมาซึ่งนับว่าเป็นเรื่องยากเลยทีเดียว และคงไม่ต้องให้ฉันบอกว่าฉายา ‘ผีดิบ’ ของเขาได้มายังไง ก็ดูนิสัยเจ้าตัวสิ! ทั้งเย็นชา ทั้งเงียบเชียบขนาดนั้น แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจะต้องเอาตัวเองเข้าไปสนิทกับเขาด้วย

 

 

 

 

คงมีบางอย่างที่ฉันกับเขาจูนติดกันล่ะมั้ง...

 

 

 

 

“ผู้หญิงอะไร...ซนจัง”   เขาว่าพลางทำคิ้วขมวดมุ่นแต่ก็ยอมยิ้มออกมานิดๆ สงสัยจะพ้นรำคาญฉันอีกเป็นแน่ แต่เขาก็ดูเป็นผู้ชายที่น่ารักดีนะ ถ้าได้อยู่ใกล้ชิดกับเขาจริงๆจะรู้เลยว่าโทโมะไม่ได้เป็นคนเงียบแล้วก็หยิ่งอย่างที่คิด เขามีอะไรที่ซ่อนอยู่ภายในมากกว่านั้น

 

 

 

“แก้วไม่ใช่ผู้หญิงนี่นา...”  ประโยคถัดมาของเขาทำเอาฉันต้องหุบยิ้มลงทันใด พูดจากวนประสาทแบบนี้แปลว่าเขาต้องการจะหาเรื่องฉันงั้นสินะ ผีดิบอะไรร้ายกาจที่สุดในโลกเลย

 

 

 

 

 

            เราเริ่มสนิทกันขึ้นเรื่อยๆและพักหลังๆหลายคนคงเห็นว่าฉันกับเขาอยู่ด้วยกันบ่อยขึ้นจนเรียกว่าเรากลายเป็นเพื่อนซี้ต่างเพศกันเลยก็ว่าได้ พอสนิทกับเขาจริงๆโทโมะก็ดูจะพูดเก่งกว่าที่ฉันคิดไว้มาก ชวนฉันคุยโน่นนี่จนบางทีฉันยังต้องยอมแพ้เลย คิดมาถึงตรงนี้แล้วฉันเองก็รู้สึกใจหายแปลก...รอยยิ้มที่แสนจริงใจของเพื่อนคนเก่าคนนี้เลือนหายไปพร้อมกาลเวลาแล้ว

 

 

 

มันหายไปพร้อมๆกับวันที่เราตัดสินใจเลิกใช้คำว่า ‘เพื่อน’ กัน...

 

 

 

 

            ฉันมองหน้าเขาแล้วอดที่จะนึกย้อนกลับไปวันนั้นไม่ได้ วันที่เราเคยมีความสุข สนุกกันในแบบที่เพื่อนคนนึงจะมีให้กันได้ เราสนิทกันมากจนเพื่อนร่วมค่ายหลายๆคนต่างก็แซวจนกลายเป็นจิ้นกันไปในที่สุด รวมถึงบรรดาแฟนคลับที่ชื่นชอบผลงานของพวกเราด้วย พวกเขาพยายามเชียร์ให้ฉันกับโทโมะคบกันแบบแฟนเลยล่ะ

 

 

 

            ตอนนั้นฉันรู้สึกขำมากๆเลย ฉันจะเป็นแฟนกับโทโมะได้ยังไงในเมื่อเราเป็นเพื่อนกัน แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยพวกเขายังแสดงให้เห็นว่ายังติดตามผลงานของเราทั้งคู่อยู่ ไม่ว่าฉันกับโทโมะจะอยู่ในสถานะอะไรก็ตาม มันก็ตลกดีนะที่อยู่ๆวันนึงมีคนมาบอกฉันว่า...พี่แก้วกับพี่โทโมะน่ารักมากเลย เป็นแฟนกันเถอะพวกเราเชียร์นะ

 

 

 

            ตอนนั้นฉันเองก็ทำหน้าไม่ถูก พอนึกไปถึงหน้าอีกฝ่ายฉันก็ยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ ตอนนี้เรื่องของฉันกับเขาดูท่าจะบานปลายมากเลยทีเดียว ทั้งที่ฉันกับเขาก็พยายามปฏิเสธว่าเราสองคนเป็นเพียงแค่เพื่อนกันจริงๆ แต่ทำไมพวกเขาถึงไม่เชื่อกันนะ...เอาเถอะ ฉันจะถือว่านั่นคือกำลังใจเล็กๆที่พวกเขามีให้ฉันกับโทโมะก็แล้วกัน

 

 

 

“ไปไหนเหรอ...”  โทโมะทักทายฉันตามปกติทันทีที่เราเจอกันที่บริษัท เป็นฉันเสียอีกที่ก้มหน้าหนีเขาแทนที่จะเป็นฝ่ายทักทายเขาเหมือนอย่างที่เป็นมา ไม่รู้สิ...ฉันรู้สึกแปลกๆหลังจากเริ่มมีข่าวลือของเราสองคนแพร่สะพัดออกไป

 

 

 

“ซื้อของน่ะ เดี๋ยวมา...”  ฉันตอบเขาไปเพียงแค่ประโยคสั้นๆแถมยังหลบสายตาของเขาอีกด้วย และไม่ทันที่โทโมะจะถามอะไรอีก ฉันก็รีบวิ่งออกไปให้พ้นๆหน้าเขาทันที ให้เดานะ...โทโมะก็คงงงไม่น้อยเลยทีเดียวล่ะ

 

 

 

 

            ยิ่งเวลาผ่านไปเราก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น ฉันพยายามจะไม่คิด ‘เรื่องอื่น’ ให้ปวดหัว ตอนนี้เราสองคนมีความสุขดีไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องข่าวคราวที่แพร่ออกไป โทโมะเองก็ยังคงทำตัวปกติกับฉันแถมวันก่อนยังหิ้วลูกสุนัขสีขาวขนฟูมากฝากฉันอีกต่างหาก และฉันก็ให้ชื่อมันว่า...ดอลล่าห์

 

 

 

 

“ดอลล่าห์กับไปอยู่กับแก้วคงจะซนไม่แพ้กัน..” เขาพูดแซวฉันได้แรงเลยทีเดียว กล้าดียังไงมาอาฉันไปเปรียบเทียบกับหมา นับวันอีตาผีดิบคนนี้จะดูปากคอเราะร้ายมากขึ้นทุกทีแล้วนะ ให้มันได้อย่างนี้สิ เหอะ!!

 

 

 

 

“ซนเหมือนป๊านั่นแหละ!”  ฉันพูดประชดเขาไปคำโตส่งผลให้อีกฝ่ายถึงกับเลิ่กคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ

 

 

 

“ป๊า?”  นี่ฉันคงหลุดพูดอะไรน่าอายออกไปแล้วแน่ๆสินะ ถอนคำพูดไม่ทันแล้วเสียด้วยสิ!

 

 

 

“...ก็น่ารักดีนะ”  เขาพูดยิ้มๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องซ้อมทิ้งให้ฉันยู่กับเจ้าลูกหมาขนฟูนั่นตามลำพัง ตอนนั้นฉันรู้สึกอยากจะตบปากตัวเองจริงๆเลยที่พูดออกไปแบบนั้น

 

 

 

 

 

            หลังจากวันนั้นเมื่อไหร่ที่ฉันต้องเข้าบริษัทฉันก็มักจะพาเจ้าดอลล่าห์มาด้วยทุกครั้ง และเขาก็จะคอยเทคแคร์มันราวกับว่าดอลล่าห์เป็นลูกของเขาจริงๆ ฉันลืมบอกไปอย่างว่าโทโมะนะชอบสุนัขมากและเขาก็เลี้ยงพวกมันได้อย่างดีเลยทีเดียวล่ะ เห็นแบบนี้เขาก็แอบเป็นคนอบอุ่นเหมือนกันนะ ฉันเฝ้ามองโทโมะที่กำลังอุ้มเจ้าดอลล่าห์ขึ้นไปนั่งบนตักขณะที่เขานั่งอยู่บนเก้าอี้หมุน ฉันอดไม่ได้ที่จะต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพนั้นเอาไว้

 

 

 

โทโมะ เคโอติคกำลังหยอกล้อกับเจ้าหมาขนฟูดูแล้วน่ารักอย่าบอกใครเลยล่ะ

 

 

 

 

            ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ฉันมีความสุขมากเลยล่ะ ฉันมีเพื่อนตั้งเยอะแยะรายล้อมอยู่ตลอด และพวกที่ชอบแกล้งฉันเป็นระจำจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากพวกวงเคโอติคจอมแสบ! ฉันรู้สึกเหมือนตกอยู่ท่ามกลางอสูรร้ายที่คอยจะเล่นงานทุกครั้งเวลาอยู่กับพวกเขา เขื่อนชอบเล่นอะไรรุนแรงกับฉันเสมอ และโทโมะก็จะคอยห้าม พอห้ามเสร็จเขาก็เป็นฝ่ายเล่นงานฉันแทนแถมยังชอบดุฉันด้วยล่ะเวลาที่ฉันเล่นๆอะๆไรแผลงๆ

 

 

 

            ส่วนป๊อปปี้ก็ชอบแกล้งแหย่แกล้งแซวฉันตลอด จองเบเองก็เช่นกันถึงแม้ว่าเขาจะเป็นพี่ฉันแต่สิ่งที่เขาปฏิบัติกับฉันไม่ได้แสดงออกว่าเขามองฉันเป็นน้องสาวเลย ผู้ชายคนนี้น่ะมองฉันเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆไม่มีทางสู้ต่างหากพอๆกับเคนตะเลย รายนั้นก็ออกจะบ้าพลังแต่ก็ยังถือว่าป๊อปปี้ จองเบและเคนตะจะอ่อนโยนกับฉันมากกว่าผู้ชายสองคนก่อนหน้าที่ฉันกล่าวถึงนะ!

 

 

 

“เป็นผู้หญิงแน่เหรอแก้ว...จริงเหรอ”  ภาษาไทยสำเนียงแปล่งๆของจองเบเอ่ยขึ้นเมื่อเขามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ฉันรีบยกมือขึ้นปิดหน้าอกทันทีที่รู้ว่าผู้ชายบ้าวงเคโอติคกำลังล้อเลียนถึงเรื่องหน้าอกของฉัน! และฉันก็อดที่ฟาดแรงๆลงบนต้นแขนของเขาไม่ได้จริงๆ

 

 

 

“นั่นสิ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่รู้...แรงเยอะชะมัด”  โทโมะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาราวกับว่าต้องการจะซ้ำเติมฉัน ให้ตายเหอะ ผู้ชายวงนี้ร้ายกาจกันทุกคนเลยจริงๆ ดูสิ! พอจองเบกับโทโมะว่าฉันพวกที่เหลือกลับพากันหัวเราะกันใหญ่ น่าเกลียดจริงเลยผู้ชายบ้า!

 

 

 

“พวกเคโอติคโรคจิต!”  ฉันว่าพวกเขาหน้าง้ำด้วยความไม่พอใจแต่ดูท่าพวกผู้ชายโรคจิตวงนี้จะไม่สะทกสะท้าน

 

 

 

 

            พวกเขาทั้งห้าเดินมาล้อมฉันเป็นวงกลมโดยที่ฉันถูกกักขังอยู่ตรงกลาง ตอนนั้นฉันคิดว่าพวกเขาคือปีศาจร้ายที่กำลังจะพาฉันไปเที่ยวสวนสนุก คิดดูสิ...มีผู้ชายหน้าตาดีถึงห้าคนกำลังรายล้อมอยู่รอบตัวฉัน เหมือนกับว่าพวกเขากำลังพาฉันขึ้นไปบนชิงช้าสวรรค์แล้วอยู่ๆเจ้าชายทั้งห้าก็กลับกลายเป็นปีศาจร้ายคล้ายๆกับผีโจ๊กเกอร์เข้าสิง พวกเขากำลังจะโยนร่างของฉันลงมาจากชิงช้าสวรรค์อันสูงลิบ...คิดดูสิ

 

 

 

นี่มันฝันร้ายของฉันชัดๆเลยนะ!

 

 

 

 

 

“จะไปไหนยัยเด็กดื้อ ฮ่าๆๆๆ”  เขื่อนดึงแขนของฉันเข้าหาเขาจนฉันแทบเซล้มพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมฟังแล้วน่ากลัวชะมัด

 

 

 

“เธอต้องถูกพวกเราจองจำไปจนตาย...”  ป๊อปปี้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแล้วดึงฉันไปจากเขื่อนจนแขนฉันระบมช้ำไปหมด นี่พวกเขาเห็นฉันเป็นของเล่นหรือไงเนี่ยถึงได้แย่งกันไปมาอย่างนี้

 

 

 

“อ๊าย...หยุดนะพวกโรคจิต ช่วยด้วยยย~”  ฉันร้องขึ้นเสียงดังก่อนจะถูกมือหนาของใครบางคนเอื้อมมาปิดปากฉันไว้แล้วลากฉันไปทางเขา …เคนตะนั่นเอง ไม่น่าล่ะตอนที่ฉันถูกกระชากไปจึงรู้สึกเจ็บกว่าทุกครั้งเพราะหมอนี่น่ะแรงเยอะแล้วก็บ้าพลังที่สุดในกลุ่มด้วยสิ

 

 

 

 

“อย่าโวยวายไป...มาเป็นน้องสาวของเราดีกว่า” ตอนนั้นสาบานได้เลยว่าเคนตะน่ากลัวมากจริงๆ ฉันเหลือบมองเขาด้วยแววตาหวาดหวั่นเป็นเชิงบอกว่าฉันชักจะไม่สนุกกับการที่พวกเขาหยอกฉันแรงๆแบบนี้แล้วนะ

 

 

 

“กลัวเหรอ...ตัวสั่นเชียว หึ หึ!”  ฉันถูกกระชากเป็นรอบที่สี่แล้วนะ ตอนนี้จองเบล็อกคอฉันไว้พร้อมกระซิบเบาๆข้างหู เขากอดรอบคอฉันสินะถึงได้รู้ว่าฉันตัวสั่นจนเขาสัมผัสได้ แน่สิ! พวกเขามันน่ากลัวจะตายไปนี่นา

 

 

 

“ไม่เล่นแล้ว!” น้ำเสียงของฉันสั่นๆชอบกล ฉันส่ายหน้าดิกพยายามหาทางรอดพ้นจากเงื้อมือผู้ชายหล่อ(แต่โหดร้าย)พวกนี้ แต่ดูท่าพวกเขาจะล้อกรอบฉันไว้จนมิดมองไม่เห็นทางออกเลยจริงๆ

 

 

 

“เอ้า! ไปอยู่กับที่รักของเธอซะ” คราวนี้ฉันไม่ได้ถูกกระชากหากแต่ถูกผู้ชายเกาหลีผลักฉันออกต่างหาก...ที่รักของฉันงั้นเหรอ

 

 

 

“อยากซนเอง...ก็ต้องโดนแบบนี้แหละนะ” 

 

 

 

 

            ร่างของฉันถูกผลักเข้าสู่อ้อมกอดของโทโมะที่อ้าแขนรอรับฉันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และก่อนที่ร่างของฉันจะถึงมือเขา ข้อเท้าของซ้ายของฉันกลับพลิกแต่ยังโชคดีที่โทโมะรับไว้ทัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าฉันเจ็บข้อเท้า เขาถึงได้ทำท่าระรื่นใส่ฉันแบบนั้น

 

 

 

            โทโมะยิ้มน้อยๆ ดวงตาคมๆมองฉันอย่างนึกสนุก หวังว่าเขาคงจะไม่อุ้มฉันแล้วโยนลงมาหรอกนะ บอกเลยว่าฉันรับมือเขาไม่ไหวแน่ๆ ฉันรู้สึกแปลกๆอีกแล้วล่ะตอนที่ตกอยู่ให้อ้อมแขนของเขา...มันแปลกยังไงฉันเองก็อธิบายไม่ถูก รู้แต่ว่ามันไม่เหมือนกับที่ฉันอยู่ใกล้ๆกับผู้ชายคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นป๊อปปี้ เขื่อน เคนตะ หรือแม้กระทั่งจองเบ

 

 

 

แต่มันเกิดขึ้นกับเขาเนี่ยนะ...

 

 

 

“ตายซะเถอะยัยตัวร้าย” เขายิ้มให้ฉันนิดๆเจือความหมั่นไส้หน่อยๆก่อนที่เขาจะอุ้มร่างของฉันลอยหวืดขึ้น

 

 

 

เอ่อ...ฉัน...

 

 

 


 

ย้อนอดีตรำลึกความหลังกันสักหน่อย

 

อดีตเป็นสิ่งสวยงามเสมอถึงแม้ว่าปัจจุบัน

 

จะไม่สวยงามเท่าแต่เก่าก่อน...แต่นุกเชื่อว่า

 

อนาคตจะดีกว่านี้แน่นอนถ้าเรายังอยู่เคียงข้างกัน ^o^

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา