Rumor เหมือนเป็นข่าวลือ

8.6

เขียนโดย StrawberryTKCuTe

วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20.21 น.

  43 ตอน
  2163 วิจารณ์
  116.38K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

27) ล้านคำรัก ร้อยคำลวง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

                                                   ล้านคำรัก ร้อยคำลวง

 

 

 

 

           นับตั้งแต่นาทีที่ฉันลืมตาขึ้นมาก็พบเข้ากับเจ้าของนัยน์ตาสีดำคู่เฉี่ยวที่กำลังเฝ้ามองทุกการกระทำของฉันทุกฝีก้าว ยังไม่พอนอกจากจะจับตามองฉันตลอดเวลาแล้วเขายังไม่ยอมปล่อยให้ฉันออกนอกห้องอีกด้วย ให้ตายเถอะ! โทโมะดื้อด้านและเอาแต่ใจมากขึ้นทุกวันแล้วนะ เกลียดจริงเลย..รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับแววตาแพรวพราวนั้นน่ะ

 

 

 

“นี่...โรคจิตหรือไงถึงเที่ยวมากักขังคนอื่นเขาแบบนี้น่ะ!”  ฉันตวาดแว้ดอย่างฉุนๆใส่หน้าคนตัวโตที่ยืนยิ้มหน้าระรื่น

 

 

 

“แก้วก็ให้ชอบกักขัง”  คำพูดของนายตัวร้ายทำให้หน้าฉันร้อนผ่าวขึ้นมาเชียวล่ะ!

 

 

 

“บ้า!”

 

 

 

“อย่าแว้ดไปหน่อยเลยน่าสาวน้อยขออยู่ด้วยวันนึง...”

 

 

 

 

          ถ้อยคำอ่อนหวานพร้อมกับร่างสูงนั่นเดินเข้ามาโอบกอดฉันด้วยอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขายิ่งทำให้ฉันหัวใจเต้นแรง ไม่ว่าจะดิ้นหนียังไงก็ไม่หลุดออกจากพันธนาการที่คนเอาแต่ใจสร้างขึ้นแม้แต่นิดเดียว เขากอดฉันไว้จากทางด้านหลัง...พร้อมก้มกระซิบเบาๆว่า ‘รัก’   หัวใจของฉันกระตุกวูบไหว ร่างกายรู้สึกสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้

 

 

เมื่อรู้สึกว่าลมหายใจอันแสนเร่าร้อนของเขาที่เป่ารดผิวกายมันช่างสร้างความปั่นป่วนให้ฉันได้มากเหลือเกิน!

 

 

 

“ไม่เอาน่า...ปล่อยนะ”  ด้วยความเขินจัดและฉันเป็นคน ‘เขินง่าย ร้อนง่าย’ จึงจำเป็นจะต้องอยู่ห่างเขา เราสองคนก็เป็นเหมือนน้ำมันกับไฟ เขาร้อนแรงทุกเมื่อในขณะที่ฉันคือหัวเชื้อชั้นดีที่พร้อมจะจุดติดกันทุกครั้งที่เข้าใกล้!

 

 

 

“ถ้าแก้วยังไม่ลืมบทลงโทษสำหรับเด็กดื้อด้านแล้วละก็...เชิญเลยครับ เชิญก้าวออกจากห้องนี้ไป”

 

 

“โทโมะบ้า!”   เรื่องที่เขาขุดขึ้นมาพูดสร้างความปั่นป่วนในท้องไส้ฉันได้มากล้น อยากจะตรงเข้าไปตะปบหน้าหวานๆช่างแสนจะเอาแต่ใจนั้นเต็มประดา แต่ด้วยพละกำลังที่น้อยกว่าเกินจะต้านทานเขาไว้ทำให้ฉันจำเป็นต้องหยุดความคิดนั้น

 

 

“เขิน เขินใหญ่เลยคนตัวเล็ก”

 

 

 

“ถ้ายังไม่เลิกแกล้ง...แก้วจะปาดอกไม้กับข้อความหวานเลี่ยนนั่นลงถังขยะ!”  ฉันต่อรองเขาด้วยแววตามุ่งมั่น แต่ทว่า...

 

 

 

“สงสัยแก้วจะจำบทลงโทษนั่นไม่ได้จริงๆสินะ งั้นเดี๋ยวจะทำให้ดู...”

 

 

 

“ว้าย!”   มือหนาเลิกเสื้อยืดของฉันขึ้นจนเกือบเห็นบราเซียและแววตาของเขาก็ดูเจ้าเล่ห์แพรวพราวแฝงไปด้วยความมั่งมั่นที่หมายความว่าเขาพูดจริงและทำจริงแน่หากฉันยังคงดื้อดึงใส่อยู่แบบนี้ 

 

 

 

 

          ฉันร้องออกมาเบาๆก่อนจะฟาดแรงๆที่ต้อนแขนแข็งแรงของเขา แน่นอน..เจ้าตัวปล่อยฉันเป็นอิสระแต่ก็ยังไม่วายจะกดริมฝีปากร้อนๆทาบทับกลีบปากของฉันอย่างฉวยโอกาส!

 

 

 

“ไม่ต้องกังวลแล้วนะเด็กดี...โทโมะเคลียร์กับเบลล์เรียบร้อยแล้ว ต่อไปนี้เขาจะไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับเราอีก”

 

 

 

ฉันนิ่งไปเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น ลึกๆแล้วดีใจแทบบ้าอย่างจะเต้นเร่าไปรอบห้อง แต่อีกใจก็ยังไม่พร้อมจะเชื่ออย่างสนิทนัก เพราะดูท่าแล้วผู้หญิงคนนั้นคงไม่ปล่อยเรื่องของฉันกับเขาไว้ให้จบง่ายๆแบบนี้แน่

 

 

 

“แน่ใจเหรอ?”

 

 

 

“ทำหน้าแบบนี้ไม่เชื่อเหรอ จะโทรไปถามเขามั้ยล่ะ” 

 

 

 

         คนตัวสูงทำหน้ามุ่ยใส่ฉันอย่างงอนๆ เขามักจะเป็นแบบนี้เสมอลองฉันทำท่าไม่ไว้ใจอะไรเข้าหน่อยก็หาเรื่องงอนให้ฉันง้อได้ตลอดเวลา และฉันก็ชักติดนิสัยเหล่านั้นจากเขามาเยอะพอสมควรแล้วน่ะ!

 

 

 

“ไม่เอาน่าอย่ามางอนนะสุดหล่อ” 

 

 

 

          ฉันเอื้อมมือไปบีบจมูกรั้นสูงของเขาไปมาอย่างหมั่นไส้ เจ้าตัวเองก็เริ่มมีรอยยิ้มออกมาบ้างแล้วล่ะ เขารั้งร่างของฉันเข้าไปหา ใบหน้าของเราอยู่ห่างกันไม่ถึงสามเซน ลมหายใจร้อนผ่าวของเขารินรดใบหน้าฉันจนร้อนตามมัน  นัยน์ตาสีดำสนิทอันแสนมีเสน่ห์ดึงดูดฉันไว้ทุกวินาทีที่เราใกล้ชิดกัน

 

 

 

ฉันไม่อาจะละสายตาไปจากเขาได้เลย...

 

 

 

 

          ไม่ต้องรอให้ใครพูดอะไรขึ้นมาเพื่อสลายความเงียบนั้น ริมฝีปากร้อนผ่าวของคนเอาแต่ใจก็ทาบทับริมกลีบปากของฉันจนแนบสนิทไปทุกอณู เขาจูบฉันไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้สึกเบื่อมันสักครั้งกับริมฝีปากอันแสนคุ้นเคยที่เขาต้องจูบมันอยู่ทุกวี่วัน ฉันเองก็เช่นเดียวกัน

 

 

 

 

           ฉันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฉันต้องการให้เขาจูบแบบนี้ไปเรื่อยๆ ลมหายใจของเราหล่อหลอมเป็นอันหนึ่งอันเดียวทุกครั้งยามที่ฉันเริ่มหมดลมหายใจ ต้นเหตุมาจากเขาที่ดึงดูดลมหายใจของฉันไปด้วยจุมพิตร้อนแรงแต่หวานละมุนเกินกว่าจะหยุดยั้งมันได้ง่ายๆ และก็เป็นเขาอีกเช่นเดียวกันที่มอบลมหายใจอุ่นๆแทนกลับมา...

 

 

 

 

          ฉันกอดร่างสูงแกร่งของเขาไว้แน่นอย่างต้องการหาที่พึ่งพายามที่สองขาอ่อนแรงจวนเจียนจะล้มปกองกับพื้นด้วยความหวามไหวที่เขาหยิบยื่นให้  และแล้วอ้อมแขนแข็งแรงของเขาก็ช่วยโอบประคองร่างของฉันให้กลับคืนมาก่อนจะถอนจุมพิตออกอย่างอ้อยอิ่ง

 

 

 

“คะ..คนบ้า!”  ฉันต่อว่าเขาพร้อมทั้งหลบหน้างุดด้วยความอายต่อสายตาเจ้าชู้แบบนั้น

 

 

 

“รู้น่าว่าชอบ...ไม่เห็นต้องโวยวายเลย”   เอาอีกแล้วน่ะ! โทโมะทำให้ฉันรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหน้าได้อีกแล้ว ร่างสูงทำหน้ากวนโอ๊ยพลางใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างกวนประสาท

 

 

 

“นี่...!” 

 

 

 

          ยังไม่ทันที่ฉันจะได้จัดการไอ้คนเจ้าเล่ห์ตรงหน้าเสียงข้อความจากโทรศัพท์กลับดังขึ้นเสียก่อน ฉันชี้หน้าคนตัวยุ่งว่าห้ามมายุ่งโน่นนี่กับเรื่องของฉัน  โทโมะพยักหน้ารับอย่างอารมณ์เสียก่อนจะยอมเดินไปนั่งรอฉันที่โซฟาและฉัน...เดินเลี่ยงมาเปิดข้อความอ่านอีกมุมนึงของห้อง

 

 

 

‘ออกมาเจอกันหน่อยมั้ยสาวน้อย เธอน่าจะรู้ว่าฉันเป็นใคร ถ้าอยากเคลียร์ทุกอย่างก็ไปเจอฉันที่xxx’

 

 

 

 

          ความหมายในข้อความบ่งชัดให้ฉันรู้ว่าคนที่ส่งมันมาหาฉันคือใคร ‘เบลล์’ แน่ๆ เป็นเธอแน่นอน! แล้วไหนโทโมะบอกฉันว่าเขาเคลียร์เรื่องทุกอย่างจบแล้วไง นี่อะไร...อดีตผู้หญิงของเขายังตามก่อกวนฉันอยู่อีก หรืออันที่จริงโทโมะเป็นคนจบทุกอย่างเองโดยที่เบลล์ไม่ได้จบไปกับเขาด้วย เธอถึงได้นัดฉันออกไป ‘เคลียร์’ แบบนี้

 

 

 

 

          และฉันก็เป็นพวกที่ไม่ชอบอะไรที่มัน ‘ค้างคา’ เหมือนกัน อยากจะรู้นักว่าเธอมีเรื่องอะไรที่ต้องเรียกฉันออกไปพบด้วย และลางสังหรณ์บางอย่างบอกฉันว่ามันไม่น่าจะใช่เรื่องที่ดีเลยล่ะ! ฉันนิ่งไปอย่างใช้ความคิดและก็ตอบตกลงทันทีด้วยการส่งข้อความกลับไป

 

 

 

‘ก็ได้ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ’

 

 

 

 

          หลังจากที่ส่งข้อความตอบกลับเธอไปเรียบร้อยฉันก็ลืมไปอีกเรื่องว่าจอมวายร้ายยังคงนั่งหน้าหงิกอยู่บนโซฟานั่น นี่ฉันยังไม่ได้คิดหาวิธีออกจากคอนโดของเขาเลยนะ แย่ล่ะ!

 

 

 

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น จะออกไปเที่ยวไหนหรือไง?!”  เขาถามด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง ดูเหมือนว่าพ่อคนเอาแต่ใจคนนี้จะเดาสีหน้าและท่าทางฉันออกได้ทุกระเบียดนิ้ว

 

 

 

“เปล่านะ...แค่เริ่มไปว่ามีรายงานด่วนที่ต้องทำ แก้วไปก่อนนะพอดีเพื่อนแมสเซจมาตามน่ะ” 

 

 

 

“เพื่อนคนไหนครับ เอามือถือมาดูซิ”  ร่างสูงทำหน้าไม่เชื่อแถมยังจะเข้ามาแย่งโทรศัพท์มือถือของฉันไปดูอีก ไม่ได้นะ! ถ้าให้เขาดูก็เป็นเรื่องนะสิ

 

 

 

“อย่านะ เดี๋ยวนี้ไม่เชื่อใจกันแล้วเหรอ?”

 

 

 

“เดี๋ยวแก้วหนีเที่ยว”

 

 

 

“บ้าน่า แก้วไปแปปเดียวเดี๋ยวกลับนะ...นะ...”  ฉันรีบเข้าไปเกาะแขนแข็งแรงเพื่อออเซาะเขา แต่ดูท่าแล้วจะเป็นเรื่องยากมากเลยล่ะ

 

 

 

“งั้นไปด้วย จะไปช่วยทำไง”

 

 

 

“ไม่ต้องเลย...แก้วจะไปทำที่หอกับเพื่อน ผู้ชายเข้าได้ที่ไหน เอาน่าไปแค่ครึ่งวันโอเคนะคะคนตัวใหญ่~” เขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนจะยอมพยักหน้าตกลงแต่มีเงื่อนไขว่าต้องให้เขาไปส่งและฉันก็บอกให้เขาไปส่งที่หน้าหอเพื่อนของฉันจริง...

 

 

 

เสร็จแล้วฉันจึงนั่งรถมาหาเบลล์ตามจุดที่เรานัดพบกันอีกทีน่ะ...

 

 

 

 

          ฉันมานั่งรอผู้หญิงคนนั้นอยู่ภายในร้านอาหารที่ค่อนข้างแบ่งสัดส่วนเอาไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวเพราะเธอเพิ่งแมสเซจมาบอกฉันว่าเธอจะมาล่าช้าไปประมาณ 15 นาที  ไม่นานนัก...ผู้หญิงสวยเปรี้ยวท่าทางระหงรสนิยมเลิศคนนึงที่ฉันเคยพบเจอเธอบ่อยๆที่บริษัท เพราะเมื่อก่อนนั้น...เธอมาหา ‘แฟน’ ของเธออยู่ประจำ

 

 

 

เธอเหยียดยิ้มให้ฉันมาแต่ไกลและดูท่าแล้วรอยยิ้มนั้นคงจะอาบไว้ด้วยยาพิษดีๆนี่เอง!

 

 

 

“ขอโทษที่ให้รอนะสาวน้อย”

 

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะว่าธุระของคุณมาดีกว่า พอดีแก้วมีเวลาไม่มาก...”  ฉันบอกไปตามความจริงเพราะสัญญากับคนเอแต่ใจเอาไว้ว่าจะมาแค่ครึ่งวันเท่านั้น

 

 

 

“ใจร้อนจริง คงเพราะเขาสินะเธอถึงต้องรีบกลับ โทโมะคงหวงเธอมากละสิ”  เบลล์แค่หัวเราะออกมาอย่างฝืนใจ อาการนั้นฉันดูก็พอจะรู้

 

 

 

“ไม่ใช่หรอกค่ะ พอดีแก้วมีนัดทำรายงานกับเพื่อน มันเป็นงานด่วนไม่ใช่เพราะโทโมะมาหวงอะไรแก้วหรอก”

 

 

 

“เหรอ...”  เธอยิ้มอีกครั้ง  “เขาคงบอกเธอว่าเคลียร์เรื่องของฉันกับเขาเรียบร้อยแล้วงั้นสิ ถ้าเดาไม่ผิดน่ะนะ”

 

 

 

 

          ผู้หญิงคนนี้เก่งชะมัดยาด! เธอเดาสถานการณ์ทุกอย่างออกได้อย่างตรงเผง ฉันคาดว่าเขาน่าจะรู้จักโทโมะดีพอสมควรเลยล่ะถึงได้รู้ว่าเขานิสัยยังไง ก็เขานะ...ถ้าอยากให้คนที่ตัวเองรักเชื่อใจ เขาจะเรียบพูดทันทีไม่รอให้ฉันเป็นฝ่ายถาม

 

 

 

“ก็แล้วเรื่องมันเป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่าคะ ไม่ใช่อะไรหรอก...แก้วไม่อยากฟังความข้างเดียวถึงโทโมะจะบอกแบบนั้นก็จริงแต่แก้วก็ต้องฟังคุณด้วย”

 

 

 

“โทโมะรักเธอแล้วทิ้งฉันไปเพราะเหตุผลนี้สิน่ะ”

 

 

 

“อะไรนะคะ”

 

 

 

“เพราะเธอชอบทำให้เขาหวั่นไหว ไม่ว่าจะท่างทาง คำพูดหรือน้ำเสียง! เหอะ แต่ขอบอกเอาไว้เลยว่าคนอย่างโทโมะไม่ได้เป็นแบบที่เธอเข้าใจหรอก”

 

 

 

“คุณกำลังจะบอกอะไรกับแก้วกันแน่”

 

 

 

 

          ผู้หญิงคนนี้ดูลึกลับซับซ้อนยังไงชอบกล แววตาคมกริบหากแต่แอบแฝงอะไรบางอย่างจนบางทีฉันก็เริ่มรู้สึกกลัวสายสวยตรงหน้านี่เสียแล้ว  เธอกรีดยิ้มอีกครั้ง...และฉันก็ยังไม่เข้าใจกับท่าทางแบบนั้น และก่อนที่อะไรๆจะทำให้ฉันสับสนไปมากว่าที่ควรจะเป็น พี่เคนตะก็เดินเข้ามาทางเราสองคนดี...

 

 

 

 

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน!

 

“สวัสดีครับน้องแก้ว ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง” 

 

 

 

“ค่ะพี่เคนตะ”   ฉันตอบรับคำทักทายที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยยินดีที่ได้เจอกับฉันตามคำที่ปากเขาพูด สีหน้าของพี่เคนตะดูหม่นหมองและไม่ค่อนร่าเริงเหมือนตอนที่ฉันเจอเขาที่บ้านเลย

 

 

 

“มีอะไรก็พูดไปเลยเคน...แก้วเขามีเวลาไม่มากน่ะ”  เป็นเสียงของผู้หญิงคนนั้นที่เอ่ยขึ้นทำให้ฉันถึงกับต้องมองสองคนสลับไปมาด้วยความงุนงง นี่พี่เคนจิมาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ด้วยล่ะเนี่ย!

 

 

 

“ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันคะแก้วงงไปหมดแล้ว”

 

 

 

“เมื่อวานที่โทโมะบอกเธอว่าเขาเคลียร์เรื่องของฉันกับเขาแล้วน่ะ มันไม่ใช่ความจริงหรอกสาวน้อย...”

 

 

 

“...!!!”

 

 

 

 

          ฉันนิ่งไปอย่างช่วยไม่ได้แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อทีเดียวว่าโทโมะจะโกหกฉัน น้ำเสียงและแววตาที่ดูขึงขังจริงจังจนฉันไม่อาจปรามาสว่าเขาโกหกฉันได้เลยแม้แต่น้อย แล้วจู่ๆผู้หญิงคนนี้ก็เข้ามาบอกว่าทุกอย่างยังไม่จบ…บ้าเอ้ย! ทำไมลางสังหรณ์ฉันแม่นขนาดนี้เนี่ย!

 

 

 

“ฉันไม่อยากให้เขาโกหกเธออีกต่อไป เพราะความจริงแล้วเราสองคน ‘รักกันมาก’ เกินกว่าที่เขาจะปล่อยฉันไป และที่เขาคบเธอไว้ก็เพียงแก้เหงา...”

 

 

 

“ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นคนแบบนั้น ขอโทษด้วยที่ฉันต้องพูดว่า...ขอตัวก่อนคะ”  ฉันรู้ว่าฉันเสียมารยาที่พูดออกไปแบบนั้นแต่การที่ผู้หญิงคนนี้จะมานั่งโกหกเพื่อให้ฉันกับเขาแตกหักกันแล้วล่ะก็...ขอบอกว่ายาก ฉันเชื่อใจเขามากขึ้นทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน!

 

 

 

ฉันก็มีสิทธิ์คิดแบบนั้นไม่ใช่เหรอ ในเมื่อเราสองคนเป็นคนรักกัน!

 

 

 

“แต่เรื่องที่เบลล์พูดเป็นความจริง”  ฉันที่กำลังจะลุกขึ้นออกจากโต๊ะกลับต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเสียงที่พูดโต้กลับมานั้นไม่ใช่เสียงของเบลล์แต่กลับเป็นพี่เคนตะแทน

 

 

 

“ว่าไงนะคะ” ฉันถามย้ำอีกครั้งขณะที่มองหน้าสองคนสลับกันไปมา

 

 

 

“โทโมะบอกกบพี่ว่ามันจะหมั้นกับเบลล์และถ้าแก้วไม่เชื่อ ก็ลองฟังนี่...”  พี่เคนตะหยิบมือถือของตนเองออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดเพลย์เล่นอะไรบางอย่างให้ฉันได้ฟัง ถึงจะรู้สึกเป็นกังวลและหัวใจออกจะเต้นระรัวด้วยความสับสน มือฉันดันเอื้อมไปคว้ามือถือนั้นมาจนได้

 

 

 

‘ผมจะหมั้นกับเบลล์ก็ได้ โอเคๆครับพี่ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกน่า ผมกับแก้วไม่ได้มีอะไรกัน’

 

 

 

 

 

          เสียงนั้นราวกับคมดาบร้อนที่เพิ่งถูกตีเสร็จหมาดฟาดผ่าลงที่กลางหัวใจของฉัน ฉันจดจำได้ดีว่าเสียงทุ้มนุ่มหูนั่นเป็นเสียงของโทโมะแน่ๆ!  ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัดไปหมด คนที่เคยบอกว่ารักฉันนักหนาแท้จริงแล้วมันก็แค่ลมปากของผู้ชายคนนึงเท่านั้น! ฉันอุตส่าห์ไว้ใจเขา เชื่อใจเขาแล้วสุดท้าเป็นไง...นี้นะหรือคือผลตอบแทนของความไว้เนื้อเชื่อใจ!

 

 

 

 

          พอกันทีกับคำหลอกลวง ฉันควรจะขอบคุณเบลล์กับพี่เคนจิสินะที่ช่วยเปิดหูตาของฉันจนมันสว่างชัดเจนแบบนี้! น้ำตาที่ฉันพยายามกลั้นหลังจากฟังคลิปเสียงนั่นจบกลับรินไหลลงราวกับทำนบแตก ฉันจำใจต้องปาดมันทิ้งเงียบๆก่อนจะวิ่งออกมากจากที่นั้นโดยไม่สนใจเสียงเรียกของพี่เคนตะ เสียงหัวเราะอย่างสะใจของเบลล์และท่ามกลางสายตาของผู้คนนับร้อยที่อยู่ในร้าน!

 

 

 

 

         ถ้าหลักฐานไม่มัดเขาแน่นฉันก็พอจะทำใจเชื่อว่าเรื่องวันนี้ที่มันเกิดขึ้นเป็นเพราะเขาสองคนจงใจปั่นหัวฉัน แต่มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรมาลบล้างความรู้สึกของฉันได้เลยสักนิด ไม่มีเลย! เขาทำลายความไว้ใจของฉันจนขาดสะบัดและทำให้หัวใจดวงนี้ของฉันที่มีแต่เขาต้องย่อยยับลงคามือผู้ชายลหลอกลวงคนนั้น!

 

 

พอกันทีกับความรู้สึกบ้าบอของฉัน พอกันทีกับความรักบ้าๆที่ไม่มีวันเป็นจริง!

 

 


 

 

 กลับมาอีกครั้งเมื่อปิดเทอมคับผมมมมม :')

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา